kagehana : ดราม่าต่อเนื่อง คำพูดบางคำอาจจะทำให้คนที่คุณรักเจ็บตลอดไป
สมน้ำหน้าอิพี่เดฟ พูดไม่คิด ฮิฮิ
-14-
ในตอนเช้าตรู่ที่ดวงอาทิตย์แตะขอบฟ้า นัยน์ตาสีฟ้าที่ปกติยังคงหลับใหลกลับมองจ้องไปยังกำแพงของฝั่งตรงข้าม... ห้องของคนในห้วงคำนึง
ชยางกูรลุกขึ้นแล้วเดินออกนอกประตูไป... โดยไร้อาการลังเล เขาบิดลูกบิดที่ไม่เคยล็อกอันนั้นแล้วก้าวเข้าไปในห้อง
“ปัน........” นัยน์ตาสีสวยมองไปรอบๆ แต่ก็พบเพียงเจ้าฟูเจ้าฝุ่นที่กำลังขี่กันอยู่บนพื้น
“ลามกแต่เช้าเลยนะพวกแก” ชยางกูรยิ้มขำก่อนจะปิดประตูลง
...เอาเหอะ...
...ค่อยซื้อเค้กมาง้อแล้วกัน....
//////////////////////
“อัฐ... กูไปนอนบ้านมึงนะ” ปัณวิทย์เอ่ยพูดขึ้นมาทันทีที่เห็นหน้าเพื่อนซี้เดินเข้ามาพร้อมกับศิวะ
ศิวะกับอาธิปหันมองหน้ากันก่อนที่เจ้าของชื่อที่ถูกเรียกจะพยักหน้าเบาๆ
“ได้ดิ บ้านกุไปเที่ยวกันพอดี กะว่าจะดูเอวีโต้รุ่งแก้เซ็ง แล้วไหงมึงถึงจะมานอนบ้านกูวะ ทะเลาะกับพ่อมึงเหรอ”
“กูไม่อยากอยู่บ้านแล้ว ขอไปนานๆไม่มีกำหนดกลับได้มะ” คิ้วขมวดเข้าหากัน
“ปัน... มึงมีปัญหากะใครวะ” คราวนี้เป็นศิวะที่แทรกเสียงขึ้นบ้าง หนุ่มนักบาสเดินไปโอบไหล่บางกว่าของเพื่อนไว้
“ให้กูเดาป่ะ.....”
“เดาดิห่า” เด็กหนุ่มสวนกลับ
“พี่เดฟ”
“ผัวมึง” อาธิปแทรกเสียงกลั้วหัวเราะ
“.....” ปัณวิทย์ไม่ตอบ แต่ยืนนิ่งให้อีกฝ่ายรู้คำตอบแทน
“เพราะงั้นกูไปค้างไม่มีกำหนดนะ”
“เรื่องไปค้างกูไม่มีปัญหาว่ะ แต่มึง... ทะเลาะอะไรพี่เดฟวะ เหี้ย ยังกะผัวเมียตีกัน” อาธิปพูดแล้วมองหน้าราวกับจะค้นหาคำตอบ
“ไว้อารมณ์กูดีกูค่อยเล่า... สัญญา เคปะ” ปัณวิทย์ไม่ได้หลบสายตา แต่ก็ไม่พูดอะไรมากไปกว่านั้น
“เออ” อาธิปและศิวะพูดพร้อมกันแล้วตบบ่าปัณวิทย์เบาๆ
...ถ้าไม่ช่วยเพื่อน จะช่วยหมาที่ไหน...
//////////////////
ปัณวิทย์เดินลงบันไดมา เตรียมจะไปขึ้นรถกลับบ้านพร้อมกับอาธิป แต่กลับถูกเสียงโทรศัพท์มือถือของตัวเองหยุดเอาไว้ เมื่อหยิบขึ้นมาดูก็พบว่าเป็นคนที่ไม่พร้อมจะเห็นหน้าหรือพูดคุยด้วย จึงกดตัดสายทิ้งไป
“... ปะ รีบกลับบ้านเหอะ กูง่วง”
“พี่เดฟโทรมาอ่ะดิ ถึงไม่รับเนี่ย” อาธิปแซวแล้วแกล้งโอบไหล่เอนหัวซบ
“พี่โทรมาง้อนะน้องปัน รับโทรศัพท์พี่สิจ๊ะ อุฮิอุคิ จุ๊บุ หุหุ”
เมื่อไม่มีคู่หูคู่กัดเพราะนักบาสหนุ่มไปซ้อมเย็น อาธิปเลยยิ่งแซวได้เต็มที่
“เออ กูไม่รับ” เด็กหนุ่มเก็บโทรศัพท์เข้าใส่กระเป๋ากางเกงอย่างไม่ไยดี
“ห่า ทำตัวเป็นเด็กๆเละนะมึง...”
ไม่ทันได้พูดจบ เสียงโทรศัพท์ของตัวเองก็ดังขึ้น อาธิปหยิบมันขึ้นมารับด้วยใบหน้างงๆ
“ฮาโหลววว อัสซี่คร้าบ--”
-อัฐ พี่เดฟนะ ปันอยู่กับเรารึเปล่า-
...เชี่ยแล้ว
อาธิปเอามือปิดที่โทรศัพท์ตัวเองแล้วหันมากระซิบถามปัณวิทย์
“พี่เดฟว่ะ เค้าถามว่ามึงอยู่กะกูป่าว”
ปัณวิทย์รีบโบกไม้โบกมือแยกเขี้ยวเป็นสัญญาณให้ตอบไปว่าไม่ เขาไม่คิดด้วยซ้ำว่าชยางกูรจะเล่นแบบนี้
...พูดถึงขนาดนั้นไม่ต้องมาคุยกันแล้วดีกว่า...
อาธิปพยักหน้าเบาๆแล้วยกโทรศัพท์ขึ้นมาพูดต่อ
“ปันไม่ให้บอกฮะว่าอยู่กะผม” อาธิปพูดหน้าตาเฉย
คำว่าไอ้เหี้ยถูกพูดออกมาเงียบๆพร้อมกับมือที่ตบลงกลางศีรษะ
...ไอ้บ้าเอ๊ย...
...ปากเหรอวะสัด...
“เชี่ยปัน ตบหัวเดี๋ยวกูโง่เว้ย”
-สรุปว่าปันอยู่กะเรานะ บอกเขาด้วยว่าพี่รออยู่... มารับ-
อาธิปฟังแล้วได้แต่อึกอัก พาลอยากจะส่งโทรศัพท์ให้คุยกันเอง
“พี่มึงบอกว่าเขามารับ รออยู่ว่ะ เอาไปเลย มึงคุยกันเอง” มือขาวๆยื่นโทรศัพท์ให้
“ห่า พูดไม่รู้เรื่องนะมึง กูไม่คุย” มือปัดทั้งเพื่อนทั้งโทรศัพท์ออกแล้วเลี่ยงเดินไปอีกทางแทน ลองถ้าบอกว่ามารับ ออกหน้าโรงเรียนก็ต้องเจอกันเปล่าๆ
“พี่เดฟครับ......มันชิ่งไปแล้ว”
-ไม่เป็นไร เดี๋ยวเราตามปันไปก่อน ให้ใจเย็นลงเดี๋ยวพี่โทรไปใหม่-
อาธิปตัดสายแล้วมองโทรศัพท์งงๆ ไอ้แบบนี้ยังกะแฟนทะเลาะกันเลย...
“เชี่ยน้องปัน กูตามไม่ทันครับ จะรีบทำซากไรวะ”
“ห่า ก็กูไม่อยากเจอหน้าครับพี่อัสซี่ มึงจะถามทำไมมากมาย” ปัณวิทย์พูดเสียงขุ่นแล้วค่อยๆผลักประตูรั้วเหล็กด้านข้างที่ดูเก่าแล้วออก
“ปะ กลับบ้าน ยังไม่กลับกูกลับเองก่อนก็ได้”
“กลับก็กลับวะ” อาธิปพูดอย่างเสียไม่ได้
เอาวะพี่เดฟ....จะช่วยเท่าที่ได้แล้วกัน
“แม่งผัวเมียทะเลาะกันชัดๆ ไอ้พี่น้องบ้าบอ”
//////////////////////////////
ปัณวิทย์ที่อาบน้ำเสร็จเดินขยี้ผ้าเช็ดตัวบนศีรษะที่เปียกชื้นออกมาพร้อมกับเสื้อนอนตัวนิ่ม เขามองอาธิปที่นั่งเล่นโทรศัพท์ของตัวเองแล้วก็แกล้งโยนผ้าใส่
“เล่นไรวะอัฐ”
“เล่นเกม อาบน้ำเสร็จแล้วหอมเชียวนะมึง เดี๋ยวคืนนี้ไอ้ซายน์มันจะมาค้างด้วยว่ะ” อาธิปโยนผ้าเอาคืนด้วยใบหน้ายิ้มแป้น
“สงสัยแม่งกลัวอดดูเอวี”
“เออ ก็ดี เอาป๊อบคอร์นมากินกัน” เขาเดินมานั่งลงบนโซฟาแล้วหยิบรีโมททีวีมากดเปิด
“แดกไปดูไปเดี๋ยวยัดผิดยัดถูกกันพอดี” โทรศัพท์ในมือดังขึ้น ชื่อของศิวะที่ถูกเมมไว้ว่า “ศิวะลึงค์” โชว์ขึ้นบนหน้าจอ
“เหี้ยซายน์ กุกำลังเล่นเกม” อาธิปกดรับด้วยน้ำเสียงงอแงเล็กๆ
“เออ หน้าบ้านใช่มะ เดี๋ยวให้ไอ้ปันไปรับ” กดตัดเสร็จก็หันไปหาคนที่อยู่ใกล้ๆ
“ลงไปรับไอ้ซายน์หน่อยดิ่ปัน”
“ครับพี่” ปัณวิทย์หัวเราะแล้วลุกจากเบาะเดินลงไปเปิดประตูให้
“ไงมึง”
“ซื้อของกินกะเบียร์มาฝาก กูเพิ่งเลิกซ้อม โคตรอยากอาบน้ำเลย” ศิวะแทรกตัวแล้วใช้เท้าปิดประตูพร้อมเดินนำอย่างคุ้นเคย
“ไอ้อัฐขี้เกียจอีกอ่ะดิ่ ใช้มึงมารับเนี่ย”
“อือ เดินเพลินเชียวนะมึง บ้านใครแน่วะ” เด็กหนุ่มรับถุงมาช่วยถือก่อนจะเอ่ยหยอก
“บ้านมัน แต่กูเดินจนชินแล้ว มาจนแม่มันจะรับเป็นลูกแล้ว” เด็กหนุ่มนักบาสที่สูงเกินหน้าเพื่อนหลายนิ้วกล่าวกลั้วหัวเราะ
“แล้วมึงบอกที่บ้านยังวะว่าจะค้างนี่...เดี๋ยวเขาเป็นห่วงนะเว้ย” ...เขา ที่มีแค่คนเดียวแหละที่เป็นห่วงไอ้เพื่อนงี่เง่าของเขาคนนี้
“ใครเขาจะสนกูวะ ไม่มีหรอก” เขายักไหล่อย่างไม่สนใจ เพราะถึงเขาจะโทรบอกให้พลภัทรได้รับรู้ เจ้าบ้านคนนั้นก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรอยู่แล้ว
“ห่า ก็คนที่มึงหนีเขามานอนที่นี่ไง... คนที่รอมึงหน้าโรงเรียนอ่ะ” เห็นเพื่อนทำหน้าหมาเหงาก็นึกอยากโบกหัวสักที... ไม่ได้รู้อะไรเลย
“ตอนกูเลิกซ้อมตอนทุ่มอ่ะ... กูเห็นพี่เขายืนอยู่หน้าโรงเรียนเลยไปทัก กูก็บอกเขาแล้วนะว่ามึงน่าจะกลับกะไอ้อัฐแล้วแต่เขาบอกว่าไงรู้ป่ะ..” ศิวะหยุดไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดต่อ
“... เขาบอกว่า ไม่เป็นไร จะรอมึงก่อน... เผื่อมึงเปลี่ยนใจอยากกลับกับเขา เหี้ยปัน... กูไม่รู้หรอกว่ามึงทะเลาะอะไรกัน แต่กูเชื่อว่าถึงตอนนี้พี่มึงอาจจะยังรออยู่ก็ได้ เพราะกูก็ไม่ได้บอกเขาหรอกว่ามึงจะค้างที่นี่”
ได้ยินแบบนั้นปัณวิทย์ก็รู้สึกได้ถึงหัวใจที่ไหววูบไปพลางนึกว่าอีกฝ่ายในใจว่าบ้าหรือโง่ พอหันมองนาฬิกาก็พบว่าเป็นเวลาสองทุ่มแล้ว
...กลับไปแล้วมั้งป่านนี้...
...แม่งไม่อยู่รอหรอก...
“ใครมันจะบ้ารอ...” แม้ปากจะพูดแบบนั้น แต่พอเดินกลับเข้ามาถึงห้อง เด็กหนุ่มก็เข้าไปหยิบโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมาก่อนจะเปิดหน้าพิมพ์ข้อความทันที
'อย่าทำเป็นเรื่องใหญ่ได้ปะ กูไม่กลับหรอก บ้านที่ไม่มีใครรักกูน่ะ'
พิมพ์เสร็จ เขาก็เลื่อนปลายนิ้วไปกดส่งข้อความก่อนจะปิดเครื่องโทรศัพท์เสีย แล้วเก็บมันลงกระเป๋าตามเดิม
“ป๊อบคอร์นนะพวกมึง”
“จัดไป”
/////////////////////////////////
...สองทุ่มกว่าแล้ว...
บรรยากาศโรงดรียนยามกลางคืนชวนวังเวงไม่น้อย หากแต่ชยางกูรที่ยืนพิงรถรอกลับไม่ได้หวาดกลัวใดๆ นัยน์ตาสีฟ้ายังจ้องตรงไปยังประตูโรงเรียนรอคอยหวังว่าจะให้คนที่กำลังรออยู่ออกมาเสียที
...โง่ชะมัด...
...ทั้งๆที่รู้ดีว่าป่านนี้ปัณวิทย์คงกลับไปแล้ว แต่เขาก็ยังอยากจะรออยู่ตรงนี้...ไม่รู้ว่าทำไม...
-ติ๊ง-
เสียงข้อความที่เข้ามาในเครื่องเรียกความสนใจของคนรอ ชยางกูรยิ้มกว้างเมื่อเห็นว่าเป็นข้อความจากปัณวิทย์...แต่พอได้อ่านข้อความ ใบหน้าหล่อเหลากับฉายแววอ่อนล้า
“บ้านที่ไม่มีใครรัก...งั้นเหรอ...”
ชยางกูรรู้ได้ทันทีว่าที่ปัณวิทย์หนีไปเป็นเพราะใคร...คำพูดสุดท้ายที่เขาทิ้งไว้เพราะอารมณ์นั้นย้อนกลับมาทำให้เจ็บเสียยิ่งกว่าเจ็บ
“ทำไม...จะไม่มี...”
...พี่รักปัน...
...พี่รักปัน...
แต่พูดออกมาไม่ได้...ไม่อยากจะเจ็บอีกแล้ว
ชยางกูรกดเบอร์โทรหาแล้วพบว่าอีกฝ่ายปิดเครื่อง เขาย้ายตัวเองขึ้นมาบนรถก่อนจะเปลี่ยนไปเป็นกดสายหาใครอีกคนนึง...ที่น่าจะพอช่วยได้
...อัฐ..ไม่ก็ซายน์...
To Be Continued....