<< วิมานไม้สน >>
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: << วิมานไม้สน >>  (อ่าน 40547 ครั้ง)

ออฟไลน์ Jessiebier

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 357
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
Re: << วิมานไม้สน >> บทที่ 8 [21/04/61]
«ตอบ #60 เมื่อ25-04-2018 11:58:08 »

จะเป็นยังไงต่อเนี่ย สงสารสนฉัตร  ฮือ+ :mew2:

ออฟไลน์ Belove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1230
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +703/-2
    • ฺBelove
<< วิมานไม้สน >> บทที่ 9 [09/05/61]
«ตอบ #61 เมื่อ09-05-2018 15:42:43 »




                                                            วิมานไม้สน

                                                              บทที่ 9




              ไม่อยากยอมรับว่าคิดถึงร่างกายนั้นจนนอนไม่หลับ

             แต่ปวิธก็ต้องยอมรับความจริง เขากระสับกระส่ายตลอดทั้งคืนเพราะในหัวมีแต่รสสวาทของสนฉัตรอยู่เต็มไปหมดจนกระทั่งตาค้างมาถึงตอนเช้า เขาหงุดหงิดไม่ได้ดั่งใจและพยายามตัดใจจากความต้องการสนฉัตรด้วยความยากลำบาก
แค่ครั้งเดียวแต่ปวิธกลับฝังใจราวกับเขาพบสิ่งที่ต้องการมาเนิ่นนาน และเมื่อได้ลิ้มชิมรสแล้วว่าทั้งหอมหวานปวิธก็อยากจะกลืนกินมันอีกแม้เขาจะรู้ว่าความหวานนั้นเจือด้วยยาพิษ


                  “มันต้องการไปจากที่นี่ ก็แค่ปล่อยมันไป มึงจะไปสนใจมันทำเหี้ยอะไร”


                   เขาด่าตัวเองในกระจก คิ้วเข้มขมวดเข้าหากัน สีหน้าเต็มไปด้วยความสับสนปนเปกับความชิงชังและความต้องการที่ต่อสู้กันอยู่ในจิตใจ ปวิธสะบัดหน้าไปมาก่อนจะสบถหยาบคายเมื่อในที่สุดเขาก็ยอมแพ้


                ก่อนเที่ยงวันปวิธจึงปรากฏตัวขึ้นหน้าคอนโดมิเนียมกลางเก่ากลางใหม่อีกครั้งในชุดของพนักงานร้านพิซซ่าเช่นเคย เขาเลือกเวลานี้เพราะจากที่เคยมาซุ่มมองแล้วจึงรู้ได้ว่าเป็นเวลาเปลี่ยนกะของยามเฝ้าประตูทางเข้า เมื่อเขาสามารถลอบเข้าไปในคอนโดมิเนียมได้อีกไม่นานลุงยามคนเก่าก็จะออกเวรและเปลี่ยนเป็นยามคนใหม่ที่จะไม่รู้และสนใจเลยว่าเขาจะเดินออกจากคอนโดมิเนียมในชุดเสื้อผ้าปกติที่เขาเตรียมใส่กระเป๋ามาตอนไหน

                  เขาจุดรอยยิ้มขึ้นบนใบหน้าส่งให้ลุงยามที่นั่งหาวหวอดอยู่หน้าประตู


                 “สวัสดีครับลุง”


                 “อ้าวไอ้หนุ่มร้านพิซซ่า วันนี้มาอีกแล้ว สงสัยจะอร่อยจนลูกค้าสั่งซ้ำบ่อย ๆ สินะ”


                ลุงยามพูดคุยอารมณ์ดี ปวิธรีบรับสมอ้างทันที


               “ครับลุง วันนี้ผมมีพิซซ่าถาดเล็กมาฝากลุงด้วย เอากลับไปกินที่บ้านนะลุง”


               “เฮ้ย แพงหรือเปล่า ลุงไม่มีปัญญาจ่ายนะเอ็ง”


             “ฟรีครับลุง โปรโมชั่นช่วงนี้ ลุงรับไปเถอะใกล้จะออกเวรแล้วไม่ใช่เหรอ”


              “เอ้า เอ็งมีน้ำใจลุงก็ไม่ปฏิเสธ ขอบใจนะพ่อหนุ่ม ไปสิ จะไปส่งพิซซ่าก็เข้าไป”


               ปวิธก้าวผ่านประตูด่านหน้ามาอย่างปลอดโปร่ง จนกระทั่งมาหยุดหน้าประตูห้องที่เขามาเมื่อวานนี้ ชายหนุ่มยกมือขึ้นเคาะและหยุดรอให้มันเปิดออก


               “ไอ้เปลว”


               คนที่อยู่ด้านในทำหน้าเหมือนเห็นผีและรีบปิดประตูใส่เขา ปวิธไม่ได้ดึงดันเหมือนเมื่อวาน วันนี้เขาทำแค่ส่งเสียงให้ดังพอจะลอดผ่านประตูที่ขวางกั้นตรงหน้าเข้าไปเท่านั้น


               “มึงอยากให้คนอื่นรู้เรื่องระหว่างมึงกับกูงั้นเหรอ กูจะได้ประจานมึงให้เขารู้กันทั้งตึก”


               รอแค่อึดใจปวิธก็สามารถเดินตัวปลิวเข้าไปภายในและกดล็อกประตูให้อีกต่างหาก เขาส่งกล่องใส่พิซซ่าให้สนฉัตรที่ยืนหน้าบูดบึ้งต้อนรับ


               “กูซื้อพิซซ่ามาฝาก”


               “มึงมาทำไมอีก”


               สนฉัตรขึ้นเสียงใส่เขา แปลกที่วันนี้ปวิธกลับอารมณ์ดีพอจะฟังเสียงเกรี้ยวกราดนั้นอย่างเพลิดเพลิน


              “ไหนมึงบอกว่าถ้ากูยอมมึงแล้ว มึงจะปล่อยกูไป ไม่มายุ่งกับกูอีกไงไอ้เหี้ยเปลว”


               “กูพูดตอนไหน มึงสับสนเองต่างหาก”


               ปวิธยักไหล่ เขาก้าวเข้าไปหาในขณะที่สนฉัตรถอยหลังกรูด และในที่สุดเขาก็คว้าแขนเรียวนั้นไว้ได้


                “กูบอกแค่ว่ากูจะไม่บอกคุณลุงเรื่องของมึง ส่วนเรื่องที่กูจะมาเจอมึงซ้ำอีกกูไม่ได้พูดสักคำ”


                “ไอ้เปลว มึงมันเลว”


                 สนฉัตรมองเขาด้วยความโกรธแค้น ปวิธเจ็บแปลบเมื่อมองเห็น ในสายตาของสนฉัตรเขาคงไม่มีค่าอะไรเลย


                “ทำเหมือนว่ามึงเคยมองว่ากูเป็นคนดีอย่างนั้นแหละ”


                ปวิธกระชากให้สนฉัตรลอยตามแรงมาปะทะแผงอกของเขา มือใหญ่ฉวยโอกาสโอบรอบเอวของสนฉัตรไว้ทันที ได้กลิ่นลมหายใจอ่อน ๆ ของสนฉัตรที่เป่ารดอยู่ตรงปลายคางของเขา มันทำให้เลือดในกายหนุ่มร้อนระอุไปหมด


               “กูอยากเอามึงอีก”


            ปวิธพูดออกไปตรง ๆ เขาใช้ปลายนิ้วบีบคางสนฉัตรไม่ให้หนีหน้าไปไหน นัยน์ตาหวานเย้ายวนบอกให้ปวิธรู้ว่าสนฉัตรเองก็หวั่นไหว ปวิธไม่รอช้าเขากดริมฝีปากของเขาลงไปกับกลีบปากนุ่มนั้นทันที


              “อื้อ เบาสิ”


              ครู่แรกสนฉัตรขัดขืนอยู่บ้าง แต่ไม่นานหลังจากนั้นร่างโปร่งก็เบียดกายแนบชิดและยังยกแขนคล้องไปรอบคอของปวิธด้วย จูบนั้นต่างโหยหาและเรียกร้องซึ่งกันอย่างไม่ยอมแพ้ ปวิธใช้กายที่หนากว่าบังคับให้สนฉัตรก้าวไปยังห้องนอนเล็กพร้อมกับเขา เมื่อถึงเตียงปวิธก็รวบเอวของสนฉัตรให้ล้มลงไปพร้อมกัน


              “มึงนี่มันยั่วจริง ๆ”


           ปวิธบ่นพึมพำขณะที่ช่วยกันถอดเสื้อผ้าของอีกฝ่ายออกจนเปล่าเปลือยทั้งคู่ เมื่อเห็นร่างขาวผ่องปวิธก็ตาลุกแต่สนฉัตรยั้งเขาไว้ก่อนและมองเขาด้วยสายตาอ้อนวอน


           “เปลว มึงอย่ากัด อย่าทิ้งรอย เดี๋ยวพี่จิรัชสงสัย”


             ขบกรามกรอดเพราะรู้ว่าตนเองนั้นก็ไม่ได้ต่างจากชายชู้ที่ขโมยปลาย่างมากินเมื่อเจ้าของไม่อยู่เฝ้า ปวิธเหยียดยิ้มพลางใช้ฝ่ามือลูบไล้ผิวกายอ่อนนุ่มนั้นอย่างกระหาย


               “มึงต้องการแค่นี้ใช่ไหมสน ได้สิ กูจะเอามึงอย่างไม่ทิ้งรอยเลย”


               ไฟของปวิธโหมไหม้ไปทั่วร่างกายของสนฉัตร ยอดอกเม็ดเล็กถูกริมฝีปากของเขาขบเม้มบดคลึงเรียกเสียงสยิวซ่านอย่างลืมตัว ลีลาของปวิธมุทะลุดุดันร้อนแรงด้วยอารมณ์พลุ่งพล่านและวัยเลือดร้อน หากแต่มันกลับทำให้สนฉัตรเตลิดไม่รู้ต่อกี่ครั้ง ทุกแรงกระแทกสนฉัตรถึงกับผวาเข้ากอดเกี่ยวเนื้อกายร้อนฉ่า


              “เปลว อื้อ เสียว เปลว เปลว”


               ยิ่งครางปวิธก็ยิ่งออกแรงเข้าใส่ ชายหนุ่มเองก็หน้ามืดไปหมดกับความคับแน่นพอดีกับของเขา ไม่ว่าจะเปลี่ยนท่ากี่ครั้งสนฉัตรก็ยังรับได้อย่างเหนียวแน่นกว่าเขาจะส่งไปถึงฝั่งฝันได้สำเร็จ


                 “เปลว อ๊ะ ไม่ไหวแล้ว”


                “โอ๊ย บีบฉิบหาย”


               ปวิธเร่งเครื่องหลังจากทำให้สนฉัตรปลดปล่อยไปหลายน้ำ เขากลั้นใจครั้งสุดท้ายก่อนกระชากแรงเปียกปอนจนต้องทิ้งกายลงไปกับร่างนุ่มที่ยังนอนหอบกระเส่าเบื้องล่าง เนิ่นนานกว่าความเหน็ดเหนื่อยจะคลายลงทิ้งไว้แต่ความสบายตัวกับกิจกรรมบนเตียง


              “จะไปไหน”


               ปวิธส่งเสียงเข้มเมื่อสนฉัตรผลักแขนของเขาออกจากกาย


              “สมใจมึงแล้วก็ปล่อยกูสิ”


              “มึงจะเล่นตัวทำไมสน เพิ่งเอากันเสร็จเหนื่อยจะตาย มึงจะนอนนิ่ง ๆ ไม่ได้หรือไง”


              ปวิธไม่ยอมให้สนฉัตรหนีไปได้ เขากดให้ศีรษะของสนฉัตรซุกอยู่กับอกของเขา อ้อมกอดของปวิธทำให้สนฉัตรต้องหยุดดิ้นรนและปล่อยให้ปวิธกอดเขาต่อไป


              “ไอ้จิรัชมันรู้เรื่องที่กูเอาเมื่อวานไหม”


             “มึงอยากให้เขารู้เหรอ หือ ไอ้คนชั่ว”


             ถึงแม้จะด่าแต่ก็ไม่ใช่เสียงแข็ง คงเป็นเพราะความอบอุ่นแปลก ๆ ที่ส่งผ่านมาจากวงแขนที่โอบรัดอยู่


           “เมื่อตะกี้ที่กูเอามึง มึงมีความสุขไหมสน”


            สนฉัตรแปลกใจกับเสียงอ่อนโยนนั่น ปวิธไม่เคยใช้น้ำเสียงแบบนี้กับเขา


          “ถามทำเหี้ยอะไร”


          “ถามให้มึงตอบ ไม่ได้ถามทำเหี้ย ตอบกูสิว่ามึงมีความสุขไหม”


            สนฉัตรถามตัวเอง จิตใจของสนฉัตรสับสนไปหมด หากจะว่าไม่มีความสุขก็ไม่ใช่เพราะปวิธปรนเปรอให้เขาจนล้นทะลัก


              “อืม”


              “อะไรนะ”


              “ไอ้เหี้ย”


             ปวิธหัวเราะ นานแล้วที่ไม่ได้หัวเราะอย่างนี้


             “แปลกเนอะ มึงกับกูรู้จักกัน เจอหน้ากันด่ากันมาตลอดสิบปี ใครจะนึกว่าเราเพิ่งจะมาคุยกันดี ๆ ในช่วงเวลาแบบนี้”


             สนฉัตรเองก็แปลกใจไม่แพ้กัน ใครจะนึกว่าวันหนึ่งเขากับเปลวจะมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งต่อกันเช่นนี้


            “ไอ้จิรัชมันให้ในสิ่งที่มึงอยากได้หรือเปล่าสน”


              สนฉัตรนิ่งงัน คำถามของปวิธตอบยากเหลือเกิน


             “อย่างน้อยมันก็เป็นสิ่งที่กูเลือกว่ะเปลว”


              ปวิธถอนหายใจ วูบหนึ่งที่เขาสงสารร่างเปลือยในอ้อมกอดกับชีวิตที่ไร้ทางเลือก เขาเชยคางสนฉัตรออกจากอกให้สบตา ดวงตาเรียวหวานยังคงฉ่ำชื้นเป็นประกายจากกิจกรรมบนเตียง


             “มึงอยากได้อะไรล่ะสน ไอ้สิ่งที่มึงใฝ่ฝันนักหนาน่ะ”


            สนฉัตรนิ่งคิด คนอย่างเขาน่ะเหรอที่จะมีความฝัน


            “กูต้องการแค่พื้นที่ของกู พื้นที่ที่กูจะเป็นเจ้าของอย่างแท้จริงล่ะมั้งเปลว อาจจะบ้านเล็ก ๆ สักหลังที่สร้างจากไม้สนฉัตรเหมือนชื่อกู อยู่กับใครสักคนที่รักกูจริงไม่เห็นกูเป็นสิ่งของหรือสัตว์เลี้ยง”


              “ไม้สนฉัตรมันเป็นไม้เนื้ออ่อน ไม่มีใครเขาเอามาสร้างบ้านกันหรอก มันไม่มั่นคง อย่างดีเขาก็เอาไว้ทำเฟอร์นิเจอร์ประดับบ้าน พอพังเขาก็ทิ้ง”


                ปวิธลืมตัวพูดตามประสาสถาปนิกที่ใกล้เรียนจบแล้ว ไม่ได้คิดอะไรมากกว่านั้น เขาไม่นึกว่าคำพูดโดยไม่ทันคิดจะเสียดแทงเข้าไปในหัวใจอันมีแต่บาดแผลของสนฉัตร


              “ใช่สินะ ค่าของกูก็มีแค่นี้ ของประดับที่เจ้าของมันพร้อมจะทิ้ง”


              ดวงตาแดงจัดเอ่อคลอไปด้วยน้ำตาก่อนจะหยดลงมาทำให้ปวิธตกใจ เขาอยากจะตบปากตัวเองนักที่พูดไม่ทันคิด ความสัมพันธ์ที่เริ่มจะดีกลับต้องมาชะงัก


               “กูขอโทษที่พูด กูไม่ได้ตั้งใจ”


               ปวิธเอ่ยคำขอโทษทั้งที่ตลอดมาเขาไม่เคยรู้สึกผิดกับสนฉัตรเลยสักครั้ง ปลายนิ้วสากไล่เช็ดน้ำตาให้สนฉัตรจนหมดก่อนที่เขาจะค่อย ๆ จูบตามลงไปที่ผิวหน้าชุ่มฉ่ำ


               “อย่ามัวทะเลาะกันเลย เดี๋ยวกูจะทำให้มึงมีความสุขอีกรอบก่อนกูกลับนะสน”


              ไม่รู้ว่าเพราะอะไรแต่ปวิธกลับใจอ่อนเสียแล้ว ในเมื่อสนฉัตรไม่ได้ดื้อดึงปวิธก็ได้แต่จูงมือให้สนฉัตรติดตามเขาไปในห้วงเสน่หา ระหว่างกันนั้นเหมือนไฟกับน้ำมันที่จุดติดง่ายดาย ปวิธใช้เวลาให้คุ้มค่าที่สุดก่อนที่เขาจะกลับออกไปจากคอนโดมิเนียมแห่งนี้เมื่อยามบ่ายคล้อยของวัน





มีต่ออีกนิด...




« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-05-2018 15:50:11 โดย Belove »

ออฟไลน์ Belove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1230
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +703/-2
    • ฺBelove
<< วิมานไม้สน >> บทที่ 9 [09/05/61]
«ตอบ #62 เมื่อ09-05-2018 15:52:52 »



อ่านต่อตรงนี้ ...




             กลับไปถึงบ้านปวิธก็รีบทำงานของเขาที่อาจารย์สั่งมาให้เสร็จ เหลือสอบต้นเดือนหน้าอีกไม่กี่วิชาเขาก็จะเรียนจบปริญญาตรีแล้ว ความตั้งใจอันดับแรกในเรื่องการเรียนต่อใกล้จะเป็นจริง จนกระทั่งได้ยินเสียงรถยนต์ของทรงเดชเขาจึงลุกออกไปจากห้องเล็กของเขา

             สีหน้าของทรงเดชเคร่งเครียดอย่างเช่นทุกวัน ลุงของเขานั่งนวดขมับอยู่ที่ห้องรับแขกโดยมีลูกน้องคนสนิทยืนอยู่หน้าประตูทางเข้าบ้าน ปวิธไม่ได้พูดอะไรนอกเสียจากนั่งลงที่เก้าอี้อีกตัวถัดไป


            “บางทีกูอาจจะต้องหาทางหนีทีไล่ว่ะเปลว”


             ทรงเดชเอ่ยกับหลานด้วยน้ำเสียงไม่ดีนัก


             “นอกจากมันจะยึดทรัพย์ มันยังกำจัดลุงอีกด้วย ถ้าสู้ไม่ไหวจริง ๆ ลุงอาจต้องลี้ภัยทางการเมือง”


             ปวิธใจหาย เขาเป็นห่วงทรงเดชในเรื่องนี้มาก การเมืองทำให้คนมีอำนาจ แต่อำนาจนั้นก็หอมหวานที่จะมีแต่คนแย่งชิงโดยทำทุกวิถีทางให้ได้มา


            “เจอไอ้สนหรือยัง”


             เปลี่ยนเรื่องกะทันหันจนปวิธสะดุ้ง ความที่ไม่เคยโกหกมาก่อนทำให้เขานิ่งคิดหาข้อแก้ตัว โชคดีที่ทรงเดชคิดว่าความเงียบของปวิธคือการปฏิเสธ


              “คิดถึงมันว่ะ ป่านนี้จะไปลำบากอยู่ที่ไหน เฮ้อ ลุงไปพักก่อนละ เหนื่อยว่ะ”


               ทรงเดชลุกขึ้นเดินจากไป ไหล่ของชายวัยชราค้อมลู่เข้าหากันจนปวิธยิ่งรู้สึกผิด


              “ท่านทั้งเครียดทั้งเหนื่อย วันนี้แวะไปที่โรงพยาบาลด้วยเห็นว่าเจ็บหน้าอก”


            ดำ ลูกน้องคนสนิท เดินเข้ามาพูดคุยกับปวิธ


            “ยังไม่ได้บอกท่านเรื่องไอ้สนกับชู้อีกเหรอ”


             ปวิธส่ายหน้า


            “เดี๋ยวสักพักนะพี่ดำ รอดูสถานการณ์ก่อน ไม่อยากเอาเรื่องเครียดไปเพิ่มให้คุณลุงอีก”


           “ไอ้สนแม่งก็โง่” ดำสบถออกมา


             “หนีไปกับไอ้ทนายปากดีนั่น คิดเหรอว่าเขาจะจริงใจกับมัน ก็แค่สนุกชั่วครั้งชั่วคราวแล้วมันก็จะชิ่งไปหาคนที่เกาะแดกได้”


             ปวิธเงยหน้ามองดำด้วยความสงสัย ดำจึงส่งโทรศัพท์มือถือส่งให้ เขารับมาดูจึงเห็นว่าเป็นรูปของจิรัชยืนคู่กับหญิงสาวคนหนึ่งในห้างสรรพสินค้ากลางกรุง


            “นักสืบไปเจอไอ้เหี้ยนี่ควงสาวไปเที่ยว ตอนนี้กำลังสืบว่าผู้หญิงเป็นใคร ถ้าชัวร์แล้วพี่จะรีบบอกเปลว”


             ปวิธนึกถึงใบหน้าของสนฉัตร หากรู้ว่าคนที่ปักใจจนถึงขั้นยอมหนีตามไปคิดนอกใจ สนฉัตรจะเจ็บปวดแค่ไหน


              เขาไม่ชอบความรู้สึกนี้เลย ความรู้สึกที่คล้ายกับว่าปวิธรักและผูกพันกับสนฉัตรโดยที่เขาเพิ่งจะรู้ตัว ทั้งที่ความจริงเขาอาจจะรู้สึกเช่นนี้มานานแล้วแต่เขาไม่กล้ายอมรับความจริงมาโดยตลอด







             วันนี้จิรัชกลับดึกกว่าทุกวันจนสนฉัตรเผลอหลับรอหน้าโทรทัศน์ จนได้ยินเสียงประตูเปิดออกสนฉัตรจึงได้สะดุ้งตื่น เขางัวเงียขึ้นมามองจิรัชพลางเอ่ยอย่างไม่พอใจนัก


              “นึกว่าจะกลับมาตอนสว่าง”


             “อย่าพูดมาก อยากจะนอนก็นอนไป กูไม่ได้ขอให้มึงมารอ”


              จิรัชเสียงแข็งใส่สนฉัตรจึงเถียงกลับบ้าง


            “อ้าว พูดแบบนี้ได้ไง สนเป็นเมียพี่นะ ถ้าไม่รอจะรู้ไหมว่าผัวกลับดึกไปไหนมา”


             “โอ๊ย หุบปากไอ้สน หนวกหู”


            กระเป๋าเอกสารใบหนักลอยมาจากมือของจิรัชเฉียดหน้าสนฉัตรไปนิดเดียว


               “กูจะไปไหนมันก็เรื่องของกูมึงไม่ต้องมาเสือก อีเมียที่ดีแต่เย...อย่างเดียว ทำห่าอะไรก็ไม่ได้ จะเชิดหน้าชูตาผัวสักนิดก็ไม่มี เบื่อโว้ย”


             จิรัชก้าวฉับ ๆ เดินหนีเข้าไปในห้องนอน น้ำตาของสนฉัตรไหลออกมาด้วยความน้อยใจ เขาได้แต่ขดตัวนอนอยู่บนเก้าอี้โซฟาตัวแคบตลอดทั้งคืนที่เหลืออยู่พร้อมกับเสียงสะอื้นแผ่วเบา



                                                        TBC

                   
                        เป็นกำลังใจให้สนฉัตรแล้วอย่าลืมเป็นกำลังใจให้คนแต่งด้วยนะคะ
                                   คนอ่านน้อยจัง ตามที่คาดคิดเลย 555

                                       
                                     :ling2: :ling2: :ling2: :ling2: :ling2:











« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-05-2018 15:56:31 โดย Belove »

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
สงสารสนจัง หนีเสือปะจระเข้
 :mew4:

ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0
เราตามอ่านอยู่น้า
สงสารชีวิตสนฉัตร

ออฟไลน์ manami1155

  • ~I Still Love You~
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1749
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +99/-1
โอ้ยยยยย
ชีวิตสนมัยรันทดแบบนี้
ลองเปลี่ยนไปอยู่กับปวิธไหม
เค้าอาจจะรักสนมากกว่าคนที่อยุ่ด้วยตอนนี้นะ

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

จากนกน้อยในกรงทอง

หนีออกจากกรงด้วยคาดหวังว่าเขา "รัก"

แต่กลับเป็นว่าเขาแค่ "หลงในรูป" ซึ่งไม่นานเขาก็ "เบื่อ"

ชีวิตนี้ช่างน่าสงสารเสียนี่กระไร

ออฟไลน์ Jessiebier

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 357
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1

ออฟไลน์ KittybabymApi

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 42
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-1
รอสนฉัตรเสมอค่ะไร้ท์ เป็นกำลังใจให้สนฉัตรและไร้ท์ด้วย เรื่องนี้เป็นนิยายวายที่รี้ดชอบมากจริงๆนะคะ อยากให้มีคนแต่งวายแนวแบบนี้มานานแล้วอยากอ่านมากๆๆๆ มาอัพบ่อยหน่อยนะคะไร้ท์ถึงจะมีคนอ่านน้อยแต่รับรองว่ามีรี้ดคนนี้ที่ชอบเรื่องนี้มากค่ะ รักไร้ท์ จุ๊บจุ๊บ :hao5:

ออฟไลน์ Belove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1230
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +703/-2
    • ฺBelove



                                                 วิมานไม้สน

                                                   บทที่ 10




              สนฉัตรนั่งดูโทรทัศน์อย่างเบื่อหน่าย เขานึกถึงปลาทองที่ต้องว่ายเวียนวนอยู่ในอ่างเลี้ยงปลาแคบ ๆ มองไปทางไหนก็เห็นแต่ทางตันล้อมรอบ ตอนนี้ชีวิตของนกในกรงเปลี่ยนมาเป็นปลาตัวน้อยที่ไร้การเหลียวแลจากเจ้าของ ต้องคอยว่ายขึ้นไปหายใจเหนือผิวน้ำสกปรกเพื่อต่อชีวิตตนเอง
เสียงโทรศัพท์ตั้งโต๊ะดังขึ้น สนฉัตรสะดุ้งก่อนจะเดินไปรับ


               “สวัสดีครับ”


              “ไอ้สน ออกมารับก็หน้าประตูคอนโดหน่อย”


               หัวใจของสนฉัตรเต้นรัวขึ้นมาวูบหนึ่งเมื่อจำเสียงได้แม่นว่าใครโทรมา


               “ไอ้เปลว”


               “เออ กูเอง”


              “แล้วทำไมมึงไม่เข้ามาเองล่ะ เก่งนักไม่ใช่หรือไง”


               “เพื่อนมันเอาชุดส่งพิซซ่าไปทำงาน ลุงยามกะตอนเช้าก็กลับบ้านไปแล้ว มึงจะถามทำไมให้เสียเวลาเนี่ย ออกมารับกูเข้าไปหน่อย”


               ใจหนึ่งกลัวความลับจะแตก อีกใจหนึ่งสนฉัตรก็คิดถึงรสชาติเผ็ดร้อนของปวิธ ลังเลไม่นานสนฉัตรก็ตัดสินใจเดินลงไปรับปวิธจากหน้าตึกให้เดินตามขึ้นมาบนห้อง เมื่อประตูห้องปิดสนิทปวิธก็ดึงเขาไปจูบทันที สนฉัตรเงยหน้ารับจูบแถมยังเบียดกายเข้าไปชิดใกล้และปล่อยให้มือร้อนของปวิธบีบเค้นบั้นท้ายของเขาอย่างมันมือ

              อันที่จริงสนฉัตรไม่ควรจะเปรียบเทียบ แต่สมองส่วนหนึ่งกระทำไปโดยอัตโนมัติ ผู้ชายคนแรกของสนฉัตรคือทรงเดชที่อายุคราวปู่ เขาไม่เคยได้รับความอิ่มเอมเลยสักนิด พอได้มาพบกับจิรัชนั่นคือความสดใหม่กับเรื่องอย่างว่า สนฉัตรเพิ่งจะรู้รสความสุขสมแม้จะเนิบนาบไปบ้าง หากแต่ปวิธคือรสชาติ ความรุ่มร้อนดุดันช่วยเติมเต็มให้สนฉัตรติดใจ


                “คิดถึงมึงฉิบหายไอ้เด็กชอบยั่ว”


                ปวิธรวบกายของสนฉัตรขึ้นแล้วก้าวมาวางลงบนเบาะโซฟาหน้าโทรทัศน์นั่นเอง เขาสูดดมกลิ่นหอมธรรมชาติตามผิวกายของสนฉัตร เสื้อยืดกางกางเกงราคาถูกที่สนฉัตรสวมใส่ถูกถอดออกจากร่างกายอย่างรวดเร็ว


               “เปลว อื้อ”


                สนฉัตรกัดริมฝีปากเมื่อความรัญจวนใจบังเกิด ปวิธทรุดนั่งอยู่ระหว่างขาทั้งสองของเขาที่ถูกแยกให้ห่าง หน้าคมโน้มกายเข้าหาดอมดมอยู่ตรงกึ่งกลางกายก่อนจะเปิดปากกลืนกลินจุดอ่อนไหวของสนฉัตรเข้าไปเสียเกือบมิด ลิ้นสากของปวิธลากไล้อยู่ภายในทันทีที่เข้าขยับใบหน้าเข้าออก


                “ปละ เปลว อะ ฮึก”


                สนฉัตรบิดกายซ้ายขวา อดไม่ได้ที่จะโยกเอวเข้าไปหาช่องปากร้อนฉ่ำของปวิธ มือหนึ่งยึดพนักโซฟาไว้เป็นหลักยึด อีกมือก็เสยเข้าไปในกลุ่มผมของปวิธแล้วกำไว้แน่น ไม่นานสนฉัตรก็แหงนหน้าส่งเสียงดังลั่นเมื่อปวิธดูดน้ำของเขาไปเสียทุกหยาดหยดก่อนจะยอมคายให้เขาออกสู่โลกภายนอก

               ยังไม่ทันหายเหนื่อยปวิธก็ดึงต้นขาของสนฉัตรลงจนมันพ้นจากเบาะ ปวิธรูดซิปกางเกงชุดนักศึกษาลงแค่พ้นต้นขาตนเอง ท่อนเนื้ออหังการ์รออยู่นานแล้วเมื่อเขาดันให้สนฉัตรยกสะโพกสูง ปวิธดันกายเข้าไปในช่องทางสีกุหลาบของสนฉัตรทันที เขาสูดปากเมื่อพบกับความคับแน่นที่ถวิลหามาตลอดทั้งวันทั้งคืน และเมื่อสอดกายจนหมดลำปวิธก็ไม่รอช้าที่จะโยกเอวเข้าใส่


               “รูมึงนี่แน่นตลอด”


               ปวิธเอ่ยเสียงกระเส่า เขากดทับน้ำหนักลงไปกับร่างนุ่มมือจนสนฉัตรแทบจะจมลงไปกับเบาะนั่ง ร่างกายของสนฉัตรก็ตอบรับดีเหลือเกิน ทุกครั้งที่ได้กระทำก็ราวกับปวิธลืมผิดชอบชั่วดีไปหมดสิ้นแล้ว เหลือแต่ความต้องการที่จะพาสนฉัตรไปสู่การปลดปล่อยสัญชาตญาณความเป็นปุถุชน


               “เปลว เสียว”


              สนฉัตรร้องระงม ความลึกและความเร็วที่ปวิธกระแทกลงมาเกือบทำให้เขาขาดใจ ห้องโถงด้านนอกไม่ได้ติดเครื่องปรับอากาศทำให้เหงื่อไหลปะปนกันเป็นสายน้ำ ปวิธรวบเอวของสนฉัตรไว้ก่อนจะลุกขึ้นเปลี่ยนท่าให้ตัวเขาเองเป็นฝ่ายนั่งลงไปบนโซฟาและสนฉัตรนั่งทับคร่อมอยู่บนเอวของเขา


               “สน กูหมดแรงแล้ว มึงขยับหน่อยสิ นะ”


                เสียงแหบพร่ากระซิบอยู่ข้างหูคล้ายจะออดอ้อน สนฉัตรจึงบดคลึงกดน้ำหนักลงไปที่เอว เขาปล่อยให้ปวิธเปิดปากโลมเลียยอดอกสีสวยของเขาขณะที่ตนเองเป็นฝ่ายควบคุมเกมในยกนี้


                “อึก สน เบาหน่อย เดี๋ยวของกูจะหักเสียก่อน”


                ปวิธเอ่ยเย้าเมื่อสนฉัตรหย่งกายขึ้นลงเป็นจังหวะ โครงหน้าหวานแดงฉ่ำด้วยเลือดลมเมื่อความต้องการไต่ระดับไปถึงขีดสุด ปวิธช่วยเหลือด้วยการใช้มือกอบกุมจุดอ่อนไหวพอดีมือนั้นไว้และโยกรั้งไปมา ไม่นานสนฉัตรก็แหงนหน้ากรีดร้องและซบหน้าลงกับบ่าของปวิธเมื่อสุขสมอีกคำรบ
เมื่อส่งสนฉัตรถึงฝั่งแล้วปวิธจึงใช้ฝ่ามือแหวกเนื้อบั้นท้ายของสนฉัตรออกจากกัน เขากัดฟันรัวเอวเข้าใส่นับครั้งไม่ถ้วน ความอุ่นร้อนของช่องทางทำให้ปวิธหน้ามืดขึ้นมาครามครัน


                “สน จูบกูหน่อย เร็ว”


                ริมฝีปากประกบเข้าหากันพลางแลกลิ้นดูดดื่ม ไม่นานปวิธก็ส่งเสียงคำรามออกมาเมื่อเขาดึงกายออกและปล่อยให้น้ำคาวพุ่งวาบ เขาหอบหายใจคอแห้งเหนียวหนับไม่ต่างจากสนฉัตรที่ทิ้งน้ำหนักซบมาอยู่บนร่างของเขา


              “เสร็จหรือเปล่าวะ”


               ปวิธกระซิบถามข้างหูน้ำเสียงอ่อนนุ่ม ได้รับคำตอบเป็นกำปั้นเล็ก ๆ ที่ทุบลงมาบนแผงอก


               “ถามทำเหี้ยอะไร”


                หลักฐานยังเปียกชื้นอยู่ทนโท่ทั้งตัว สนฉัตรค่อย ๆ ขยับกายทีละนิด


              “แม่ง เอาจนกูตายก่อนดีไหม กูบอกให้เบา ๆ”


               ดวงตาคมของปวิธเป็นประกาย เขาจูบที่ปากอิ่มอย่างมันเขี้ยวอีกครั้ง


               “เอามึงทีไรเบาไม่ไหวจริง ๆ ว่ะสน”


               สนฉัตรหยิกไปที่หนังหน้าท้องของปวิธเสียครั้งหนึ่งโทษฐานที่ทำให้เขาปวดเมื่อยไปทั้งตัว เขาขยับลงจากต้นขาของปวิธมายืนอยู่บนพื้นพลางคว้าผ้าเช็ดตัวที่เขากองไว้ข้างโซฟาตั้งแต่อาบน้ำเสร็จตอนเช้ามาห่อกายไว้


                “ปากหมา กูไปอาบน้ำดีกว่า มีแต่น้ำลายหมาบ้าเต็มตัวไปหมด”


                ปวิธดึงสนฉัตรจนล้มมาอยู่บนตักเขาอีกครั้ง


               “กูก็ฉีดวัคซีนกันหมาบ้าใส่มึงไปตั้งเยอะ ไม่เป็นไรหรอกน่ามึงมีภูมิคุ้มกันแล้วล่ะ”


               “ไอ้เหี้ยเปลวนี่ เดี๋ยวเหอะ”   


                อดหัวเราะออกมาไม่ได้เมื่อเจอคารมกวน ๆ จากหน้าตายของปวิธ สนฉัตรผลักไหล่ให้ปวิธออกห่างก่อนจะลุกขึ้นและเดินไปชำระล้างร่างกายในห้องน้ำ ปวิธผิวปากอย่างอารมณ์ดีแต่ก็ต้องชะงักเมื่อโทรศัพท์มือถือของเขาดังขึ้น ชายหนุ่มขยับกายนั่งและรูดซิปกางเกงกลับคืน


              “ว่าไงพี่ดำ”


               รับโทรศัพท์จากดำ ลูกน้องฝีมือดีของทรงเดช อีกฝ่ายตอบกลับทันทีเช่นกัน


               “ได้เรื่องเพิ่มละเปลว ผู้หญิงที่ไอ้ทนายผัวใหม่ไอ้สนมันคั่วอยู่”


               เรื่องที่ดำแจ้งข่าวมานั้นเรียกความสนใจจากปวิธได้เป็นอย่างดี


               “ใครเหรอพี่”


                 “ลูกสาวเสี่ยณรงค์เจ้าของห้างสรรพสินค้า...ไง ที่เพิ่งกลับจากเมืองนอกน่ะ เสี่ยเขาเป็นสปอนเซอร์หลักของพรรคท่านด้วย มันคงไปเจอตอนงานเลี้ยงพรรคแล้วก็ตีสนิทเขา นี่ถึงขั้นจูบกันแล้วนะเดี๋ยวส่งรูปไปให้ดู”


              ดำส่งรูปมาให้เขาหลายรูปก่อนจะวางสายไป เป็นรูปจิรัชเดินเคียงคู่ไปกับหญิงสาวคนหนึ่งรูปร่างดีแต่งหน้าจัด และรูปหนึ่งจิรัชกำลังจูบกับผู้หญิงคนนี้ ปวิธขบกรามกรอดเมื่อรู้ว่าจิรัชคบซ้อนกับคนอื่นที่มีฐานะทางสังคมสูงกว่าทั้งที่หลอกล่อให้สนฉัตรหนีออกมาอยู่ด้วย


                 “ดูอะไรวะ ทำหน้าเครียดเชียว เอ๊ะ นี่มัน...”


                ปวิธสะดุ้งเมื่อได้ยินสนฉัตรจากด้านหลัง เพราะมัวแต่คิดว้าวุ่นจนลืมสนใจสนฉัตร ไม่รู้เลยว่าอีกฝ่ายออกจากห้องน้ำมาตั้งแต่ตอนไหน


               “ไม่มีอะไรหรอกน่า”


               “เอามือถือมึงมาให้กูเดี๋ยวนี้ไอ้เปลว”


              สนฉัตรรีบยื้อยุดโทรศัพท์กับปวิธจนกระทั่งหลุดมือร่วงลงพื้น สนฉัตรฉวยโอกาสใช้ความคล่องตัวคว้ามันมาอย่างรวดเร็ว และรูปให้โทรศัพท์ทำให้สนฉัตรหน้าซีดปากสั่น


               “มึงมีรูปพี่จิรัชได้ยังไง แล้วอี...ผู้หญิงคนนี้ใคร”


               “เอามือถือคืนมาน่า ไม่มีอะไรหรอก”


               “โกหก มึงอย่ามาโกหกกู บอกความจริงกูมาเดี๋ยวนี้”


                สนฉัตรตวาด ภาพที่จิรัชกำลังจูบผู้หญิงทำให้สนฉัตรทั้งโมโหและน้อยใจ ขอบตาของเขาร้อนผ่าวเมื่อรู้ว่าแท้จริงแล้วจิรัชไม่ได้ซื่อสัตย์ต่อเขา ปวิธถอนหายใจก่อนยอมบอกความจริง


               “พี่ดำไปสืบมา ไอ้จิรัชมันไปคั่วลูกสาวเจ้าของห้างใหญ่ คราวนี้มึงคงจะมั่นใจได้แล้วว่ามันไม่ได้จริงใจกับมึงเลยสักนิด”


                “กูจะไปตบมัน” สนฉัตรตะโกนอย่างเคียดแค้น “ทั้งผัวทั้งกิ๊ก ไอ้ผัวเลว”


                “จะบ้าเหรอ” ปวิธรีบคว้าต้นแขนของสนฉัตรเพื่อห้ามอารมณ์ร้อนของอีกฝ่าย


               “มึงรู้แล้วก็แค่เลิกกับมัน จะไปอยู่กับมันทำไม อย่าลืมนะว่ามึงก็มีกูไม่ได้ต่างอะไรกับมันที่มีคนอื่นเลย”


               สนฉัตรชะงักงัน ใช่สินะ เขาเองก็ลอบมีความสัมพันธ์กับปวิธโดยที่จิรัชไม่รู้ ครั้งแรกอาจจะเพราะความจำเป็นที่ต้องการปิดบังเรื่องของตัวเอง แต่ในครั้งหลัง ๆ เป็นเพราะเขาก็ต้องการปวิธเช่นกัน มิหนำซ้ำยังมีความสัมพันธ์กันให้ห้องของจิรัชด้วยซ้ำ


                “เลิกกับมัน แล้วไปอยู่กับกู”


               ปวิธยื่นข้อเสนอเมื่อมองเห็นความสับสนในดวงตาของสนฉัตร


               “อีกไม่ถึงเดือนกูจะสอบและเรียนจบแล้ว ไปอยู่กับกูนะไม่ต้องไปสนใจไอ้เหี้ยนี่หรอก มันหลอกมึงได้ หลอกผู้หญิงคนนี้ได้ มันก็พร้อมจะหลอกคนทั้งโลกนั่นแหละ”


             สมองของสนฉัตรทำงานอย่างหนัก เขาไม่เคยต้องคิดอะไรมากมายขนาดนี้ เขาสบตากับปวิธด้วยความลังเลแม้ว่าปวิธจะใช้ความแข็งกระด้างแต่สนฉัตรก็รู้ว่าเขาทำได้ หากแต่จิรัชก็เป็นความรักครั้งแรก เป็นหนทางที่เขาเลือกตัดสินใจจะก้าวเดิน


               “เปลว กูไปกับมึงไม่ได้” สนฉัตรพูดเสียงสั่นเครือ


               “ถึงยังไงกูกับพี่จิรัชก็ตกลงใจจะเป็นผัวเมียกันแล้ว เขาอาจจะออกนอกลู่นอกทาง กูเองก็ยังทำผิดเลย ทางที่ดีมึงปล่อยกูไว้แบบนี้เถอะ”


                “ทั้งที่รู้ว่ามันหลอกมึง มึงก็ยังจะทนเหรอไอ้สน”


                ปวิธตะโกนใส่หน้าด้วยโทสะ ดวงตาของเขาแข็งกร้าวจนสนฉัตรตัวสั่น


             “ต่อจากคนนี้ มึงคิดว่ามันจะหยุดเหรอ มึงเลือกความรักความฝันจอมปลอมของมึงงั้นเหรอ โธ่ โง่ฉิบหาย”


              มือแข็งที่ยึดต้นแขนของสนฉัตรปล่อยอย่างรวดเร็ว สนฉัตรทรุดฮวบไปนั่งกองอยู่กับพื้นพลางร้องไห้ออกมา


                “เออ กูมันโง่ มึงอย่าสนใจคนโง่ ๆ อย่างกูเลย”


                 ปวิธมองร่างบางที่นั่งร้องไห้อยู่บนพื้นห้องด้วยความรู้สึกหลากหลาย ทั้งรักทั้งแค้นและสมเพชเวทนาในสิ่งที่สนฉัตรตัดสินใจ


               “มึงทำให้กูผิดหวังครั้งแล้วครั้งเล่า เชิญมึงใช้ชีวิตกับสิ่งที่มึงเลือกเถอะไอ้สน มึงคงจะสบายใจอยู่กับความอกไหม้ไส้ขมของมึงนั่นแหละ”


                ปวิธหันหลังกลับ สนฉัตรสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงประตูปิดตามหลังดังปัง เขาได้แต่ร้องไห้สะอึกสะอื้นเมื่อรู้ว่าต่อไปนี้ชีวิตของเขาจะโดดเดี่ยวอย่างแท้จริง




มีต่ออีกจ้า....






« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-05-2018 00:40:00 โดย Belove »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Belove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1230
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +703/-2
    • ฺBelove
ต่อกันตรงนี้....




            ปวิธกลับถึงบ้านในตอนเย็นด้วยอาการหงุดหงิดไม่หาย การที่สนฉัตรตัดสินใจเลือกว่าจะอยู่กับจิรัชต่อทำให้เขาทั้งเสียใจและโกรธเป็นอย่างมาก เมื่อมาถึงบ้านปวิธเห็นรถยนต์จอดอยู่สองถึงสามคัน ดำรีบปรี่เข้ามาหาเขาทันที


            “ท่านเรียกทีมทนายมาที่บ้านไอ้จิรัชมันก็เลยตามก้นลูกพี่ของมันมาด้วย พี่ละเจ็บใจที่เห็นมันทำหน้าตาเป็นทองไม่รู้ร้อนทั้งที่หิ้วไอ้สนหนีไปจากท่าน แค้นว่ะเปลว”


               ปวิธพยักหน้ารับ เขาเองแค้นแทบกระอักเลือดยิ่งกว่าดำเสียอีก ยิ่งเมื่อก้าวเข้าไปแล้วเห็นหน้าฝ่ายตรงข้ามนั่งหน้าเกลื่อนยิ้มสุขุมต่อหน้าทรงเดชและทนายความรุ่นพี่อีกสองสามคนคนเขาก็ยิ่งแค้นแทนลุงของเขา


              ไม่นานนักดูเหมือนว่าการประชุมเล็ก ๆ จะสิ้นสุดลงเพราะเริ่มมีการเก็บเอกสารบนโต๊ะ จิรัชเป็นคนแรกที่ลุกออกมาจากโต๊ะ เมื่อเดินออกมาถึงห้องโถงด้านหน้าเขามองเห็นหลานเจ้าของบ้านนั่งหน้าตาบอกบุญไม่รับอยู่ จิรัชสร้างรอยยิ้มขึ้นมาบนใบหน้าอย่างอัตโนมัติ


             “อ้าว สวัสดีครับคุณเปลว”


             ปวิธเกลียดความหน้าไหว้หลังหลอกนี้ และเขาเป็นคนสร้างภาพไม่เป็น เกลียดก็คือเกลียด


            “สวัสดีครับคุณจิรัช ไม่นึกว่าจะยังกล้ามาพบคุณลุงอีกนะครับ”


             เขาแค่นยิ้มส่งให้ จิรัชชะงักไปวูบหนึ่งก่อนจะกลับมาด้วยสีหน้าปกติ


              “ท่านเรียกทีมทนายมาด่วนน่ะครับ ผมก็เลยต้องวางงานอื่นมาช่วยพี่สมศักดิ์ พบคุณเปลวแล้วก็นึกถึงน้องสน เจอตัวหรือยังครับ”


               ก็ที่คอนโดของมึงไงล่ะ


             “ไอ้สนมันคงจะหนีไปเพราะคิดว่าสิ่งที่มันเลือกดีกว่าที่เดิม ทั้งที่ความจริงแล้วมันเป็นแค่ขยะเปียกที่สร้างรั้วทองมาปิดบังสายตาเท่านั้นเองครับ”


               น้ำเสียงประชดประชันนั้นทำให้จิรัชหน้าตึง เขารู้สึกว่าปวิธกำลังพูดถึงเขาอยู่ จิรัชฝืนยิ้มกล่าวตอบทั้งที่ใจเริ่มเดือดปุด ๆ


                 “คับที่อยู่ได้ คับใจอยู่ยาก สนอาจจะไม่อยากจมปลักอยู่กับนรกในใจกระมังครับ”


              “ก็เลยหนีไปอยู่นรกขุมอื่น เอาเถอะครับ เลือกทางไหนก็คงไม่พ้นกระทะทองแดงทั้งคนหนีกับคนพาไป”


               จิรัชเกือบจะเสียอาการแล้ว เขาสังหรณ์ใจว่าปวิธอาจจะรู้ว่าสนฉัตรหนีไปกับเขาจากคำพูดคำจาที่ดูแปลกและกระด้าง รวมถึงสายตาที่มองเขาอย่างพร้อมจะมีเรื่องได้ตลอดเวลา


              “คุณเปลวพูดราวกับว่ารู้แล้วว่าน้องสนหนีไปที่ไหน ไปกับใคร ถ้ารู้แล้วทำไมถึงไม่ตามกลับมาล่ะครับ”


             ปวิธเกลียดสำนวนพูดจาแบบทนายเช่นนี้เหลือเกิน ทำเป็นยิ้มทั้งที่ใจคงอยากจะกระชากคอเสื้อของเขาไปชกเสียเต็มประดาแต่จำต้องอดทนไว้ ปวิธแสร้งยิ้มตอบกลับบ้าง


               “ตามมาทำไมครับ คนไม่ซื่อสัตย์อย่างนั้น ขนาดคุณลุงเลี้ยงดูอย่างดียังหนีไปกับคนอื่นที่มีแต่ลมปาก แต่ขนาดหลงคนใหม่ขนาดนั้นก็ยังกล้าสวมเขาซ้อนอีกชั้นหนึ่ง”


                เพราะความโมโหทั้งสนฉัตรและจิรัชทำให้ปวิธลืมตัว จิรัชได้ยินถึงกับขมวดคิ้วหัวร้อนวูบวาบ


                “หมายความว่ายังไงครับ สวมเขาซ้อนอีกชั้น”


                ปวิธหัวเราะในลำคอ


              “มันก็พอกันทั้งผัวทั้งเมียไงครับ ผัวก็คบซ้อน เมียก็เปิดบ้านให้คนอื่นไปเที่ยวหา ถึงได้บอกว่าลงท้ายทางเดินก็จบที่กระทะทองแดงกันทั้งหมดนี่แหละ”


               คราวนี้จิรัชมั่นใจแล้วว่าปวิธต้องรู้เรื่องทั้งหมดแล้วเป็นแน่ เขาเจ็บใจที่เคยมองว่าปวิธเป็นแค่หลานที่ไม่เคยสนใจเรื่องราวของลุงตนเอง แต่ตอนนี้จิรัชคิดผิด


                 “คุณเปลวพูดเหมือนตัวเองเป็นแอดมินเพจใต้เตียงดารา รู้อะไรมาก็พูดให้หมดดีกว่า”


                ปวิธเอียงคอยกคิ้วสูงทำท่ายียวน เขามองจิรัชด้วยความสมเพช


                “ระหว่างที่คุณไปเที่ยวกับลูกสาวเจ้าของห้างสรรพสินค้า พอจะรู้บ้างไหมครับว่าห้องที่คุณอาศัยอยู่ก็ไม่ได้ว่างเปล่า กิจกรรมหรรษาระหว่างนั้นก็ถึงใจทีเดียว”


               “อย่าบอกนะว่า...”


                จิรัชเบิกตากว้างราวกับผีหลอก สาแก่ใจปวิธยิ่งนัก


              “ไม่บอกก็ได้ครับ แต่ผมว่าจะให้สนมันเรียกช่างประปาไปดูก๊อกน้ำที่รั่วในห้องน้ำหน่อย จะได้ไม่มีเสียงหยดติ๋ง ๆ กวนใจ แต่ถ้าคุณจิรัชยังสงสัยหรือไม่มั่นใจก็ถามผมได้นะว่าไอ้สนมันมีไฝฝ้าอยู่ตรงไหนบ้าง ที่ผมจำได้แม่นก็ตรงคXXมัน รู้สึกจะมีขี้แมลงวันอยู่เม็ดหนึ่งตรงฝั่งขวา”


               “มึง ไอ้เหี้ยเปลว”


                จิรัชเงื้อหมัดโผเข้าหา ปวิธที่จ้องอยู่แล้วแค่เอี้ยวตัวหลบนิดเดียวจิรัชก็เสียหลักถลาไปทันที ความรุนแรงตั้งท่าจะเกิดขึ้น แต่ก็พลันหยุดชะงักเมื่อได้ยินเสียงที่ยังแฝงอำนาจดังขัดจังหวะ


                “หยุด นี่มันเรื่องอะไรกัน”




                                            TBC


                            ไม่ได้แต่งเรื่องนี้นานมาก กลับมาแล้วจ้า


                                    :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:










« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-05-2018 00:45:34 โดย Belove »

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

ถ้าลุงรู้ว่าหลานไปเอาเมียเด็กของลุง  ลุงจะว่าอย่างไรหนอ?

ออฟไลน์ manami1155

  • ~I Still Love You~
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1749
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +99/-1
ตายแน่ๆสนเอ๋ย
จิรัสกลับถึงห้องเมื่อไหร่สนไม่รอดแน่
ปวิธก้หึงจนเลือดขึ้นหน้า หลุดปากไปแบบนี้สนก้ตายสิ

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
แต่ละคนก็น้าา อย่างว่าละ บางทีชีวิตก็บีบคั้นเกินไป สงสารแต่สน

ออฟไลน์ KittybabymApi

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 42
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-1
บางทีก็ไปเม้นในอีกเวบ แต่เราจะตามทวงตอน11ในทุกๆเวบ555 ชอบเรื่องนี้ค่ะไร้ท์ จริงๆก็ชอบทุกเรื่องของไร้ท์แหละค่อยๆเก็บตามอ่านให้ครบทุกเรื่อง อิอิ

ออฟไลน์ KittybabymApi

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 42
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-1
มาตามหาความเจ็บปวดเผื่อไร้ท์จะใจดีจัดให้สัก2-3ตอนรวด555  :z6:

ออฟไลน์ Belove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1230
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +703/-2
    • ฺBelove



                                                               วิมานไม้สน

                                                                 บทที่ 11



               หนึ่งคนที่กำลังเลือดร้อนกับอีกหนึ่งคนที่ถูกอีกฝ่ายยั่วโทสะจำเป็นต้องหยุดชะงักเมื่อเจ้าของบ้านเดินออกมาเห็นเหตุการณ์ สมศักดิ์ทนายความรุ่นพี่ที่พาจิรัชมาด้วยรีบก้าวไปยืนถามรุ่นน้องด้วยสีหน้าตกใจ


              “เกิดอะไรขึ้นวะจิรัช”


              เจ้าตัวไม่ตอบ ได้แต่มองปวิธด้วยความเคียดแค้นซึ่งไม่ได้แตกต่างจากปวิธเลย


              “ฉันถามว่าเกิดอะไรขึ้น”


              ทรงเดชถามเสียงกร้าว ปวิธจึงได้ตอบเสียงเข้ม


             “ทนายคนนี้หลอกให้ไอ้สนหนีไปกับมันครับ”


              ราวกับทั้งห้องมีแต่อากาศเมื่อตกอยู่ในความเงียบ สมศักดิ์หน้าซีดเผือดเมื่อรู้ว่ารุ่นน้องที่ชักชวนให้มาช่วยงานทำอะไรลงไป เขารู้ว่าทรงเดชหวงสนฉัตรแค่ไหน สมศักดิ์กลืนนำลายเหนียวหนืดลงคอทันทีที่หันไปมองทรงเดชที่ยืนนิ่งหากแต่สีหน้าบอกถึงความโกรธเคือง


              “มึงทำจริงเหรอจิรัช”


               จิรัชใจสั่นด้วยความหวาดหวั่น ถึงแม้ทรงเดชจะหมดอำนาจทางการเมืองแต่เขาก็ยังพอมีอิทธิพลกว้างขวางอยู่ แต่ประสบการณ์การเอาตัวรอดของจิรัชก็มีไม่น้อย ชายหนุ่มทำใจดีสู้เสือฝืนยิ้มออกมา


              “ผมไม่ได้หลอกสนฉัตร เขาขอร้องให้ผมพาไปจากที่นี่เพราะทนการถูกทารุณกรรมเหมือนเป็นวัตถุทางเพศไม่ได้ ทั้งที่ความจริงสนจะแจ้งความในข้อหาพรากผู้เยาว์ก็ได้เพราะเขาถูกล่วงเกินตั้งแต่อายุเพิ่งครบสิบห้าเท่านั้นเอง ทั้งหมดที่ผมทำไปคือการช่วยเหลือเด็กคนหนึ่ง ท่านควรจะเข้าใจผมนะครับตอนนี้เรื่องการเมืองของท่านก็ยังต้องแก้ไขปัญหา ถ้ามีเรื่องของสนฉัตรเข้ามาแทรกอีกเรื่องคงไม่ดีแน่”


               ทรงเดชขบกรามจนเส้นเลือดที่ขมับเต้นตุบ ๆ คำพูดของทนายความคนนี้คือการขู่ในเรื่องที่เขากระทำความผิดต่อสนฉัตรและใช้มันเป็นข้อได้เปรียบ และมันคือความจริงที่ทรงเดชปฏิเสธไม่ได้ เขามองหน้าจิรัชราวกับชายหนุ่มคืองูพิษ


               “สมศักดิ์ พาคนของคุณกลับไปและอย่าพามาเหยียบย่ำศักดิ์ศรีของฉันอีก”


                ทรงเดชข่มใจกล่าวเสียงเครียดและสมศักดิ์ก็รีบกระทำทันที


               “ครับท่าน ผมขอโทษแทนจิรัชด้วย ไป ไอ้จิรัช กลับเดี๋ยวนี้”


               สมศักดิ์รีบลากแขนจิรัชให้เผ่นออกจากบ้านหลังนี้โดยเร็วที่สุด เขาเองยังไม่อยากเข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องฉาวนี้ด้วย และเมื่อทั้งคู่ลับสายตาไปแล้วทรงเดชก็ก้าวไปนั่งที่โซฟาตัวใหญ่อย่างหมดแรง ปวิธตามไปนั่งที่เก้าอี้อีกตัวด้วยความเห็นใจลุงของเขา


              “ไม่คิดว่าจะเป็นคนที่เข้านอกออกในนี่เอง”


              ทรงเดชยกมือนวดขมับ ตอนนี้เขาทั้งผิดหวังและเสียใจที่รู้ความจริง


              “มึงรู้ข่าวนานแล้วหรือเปลว”


              “สักพักแล้วครับ”


              ปวิธตอบสีหน้าสลดเมื่อเห็นท่าทางของทรงเดช


              “แล้วมึงได้ไปตามไอ้สนให้มันกลับมาหรือเปล่า”


            “คุณลุงปล่อยมันไปเถอะครับ ในเมื่อไอ้สนมันต้องการจะไปจนถึงกับยอมทำทุกอย่างแม้แต่เอาตัวเข้าแลก แสดงว่ามันคงจะไม่อยากอยู่ที่นี่จริงๆ”


               แม้จะเต็มไปด้วยความเครียดแต่ทรงเดชก็ยังเอะใจกับคำพูดของหลานชายคนเดียว


             “มึงหมายความว่ายังไง”


              ปวิธนิ่งไปอึดใจ ความสำนึกผิดทำให้เขาเลื่อนกายลงไปนั่งกับพื้นและกล่าวด้วยเสียงสั่นเครือ


             “ผมไปหามันและบังคับให้สนกลับบ้านแต่มันไม่กลับ ผมลองใจมันด้วยการเสนอให้มันนอนกับผมเพื่อรักษาความลับและมันก็ยอม คุณลุงครับผมผิดไปแล้วที่ทำแบบนี้”


                ปวิธก้มลงกราบแทบเท้าของทรงเดชที่ดูเหมือนจะยิ่งอึ้งเมื่อได้ฟังคำสารภาพจากปากของปวิธ


               “ผมผิดที่นอนกับมันทั้งที่รู้ว่าสนฉัตรเป็นของคุณลุง แต่นั่นก็ทำให้มั่นใจได้ว่าสนฉัตรมันไม่ได้อยากอยู่ที่นี่ คุณลุงครับ ปล่อยสนฉัตรไปตามที่มันอยากจะไปเถอะครับ”


              ปวิธเดาไม่ออกว่าทรงเดชคิดอะไรอยู่เพราะลุงของเขาปิดปากนิ่งสนิท ชายวัยชราทิ้งกายไปกับพนักโซฟาอ่อนนุ่มและหลับตาลงอันเป็นกิริยาที่ปวิธรู้ว่าทรงเดชต้องการอยู่เพียงลำพัง เขาก้มลงกราบเท้าของทรงเดชอีกครั้งก่อนจะลุกขึ้นเดินกลับห้องเล็กของตน ปวิธส่องกระจกสบตากับตัวเอง


             “ไอ้เหี้ยเปลว มึงทำอะไรลงไป”


               ยกกำปั้นชกกระจกจนมันแตกละเอียด เศษกระจกบาดหลังมือจนเป็นแผลเลือดไหลซิบ ๆ แต่ปวิธก็ไม่สนใจ เขาทิ้งกายลงบนเตียงและปล่อยให้น้ำตาของผู้ชายคนหนึ่งไหลลงมาเพราะเสียใจและสำนึกผิดกับการกระทำของตนเอง







               จิรัชกลับมาถึงคอนโดมิเนียมด้วยความหงุดหงิดอย่างถึงที่สุด เขาถูกสมศักดิ์ต่อว่ารุนแรงและบอกเลิกการทำงานร่วมกับทีมทนายความชั้นนำ แต่นั่นก็ยังไม่น่าหงุดหงิดเท่ากับการเสียหน้าที่ถูกหยามศักดิ์ศรีจากปวิธ


               เขาขึ้นลิฟท์และเดินไปที่ห้อง เมื่อเปิดประตูเข้าไปก็เห็นสนฉัตรนั่งหน้าบอกบุญไม่รับรออยู่แล้ว เมื่อสนฉัตรเห็นจิรัชเดินเข้ามาเขาก็รีบลุกขึ้นมาเอ่ยปากต่อว่าเอาเรื่อง


               “พี่จิรัช สนรู้เรื่องที่พี่ไปคั่วอยู่กับอีนั่นแล้วนะ ทำไมพี่ทำแบบนี้ โอ๊ย!”


              สนฉัตรทรุดฮวบไปกองกับพื้นเมื่อถูกจิรัชตบหน้าอย่างแรง และยังไม่ทันตั้งตัวคอเสื้อก็ถูกกระชากจนละลิ่วติดมือจิรัชขึ้นมา


              “ตอแหล ดอกทอง กูเอามึงนี่ไม่เคยพอใช่ไหม ร่านไปหาให้คนอื่นเอาแถมยังมาเอาในห้องกู หือ ไอ้สน”


              “พี่จิรัช!”


              สนฉัตรเบิกตากว้าง เขาตกใจแทบสิ้นสติเมื่อจิรัชรู้เรื่อง


             “กูอุตส่าห์พามึงออกมาจากบ้านไอ้อ้วนแก่ตัณหากลับ แต่มึงเสือกมาสวมเขาให้กู มึงเห็นกูเป็นควายใช่ไหม”


                  ใบหน้าอีกซีกชาดิกเมื่อถูกตบด้วยฝ่ามือหนาอีกครั้ง จิรัชปล่อยให้สนฉัตรนอนกองอยู่กับพื้น ริมฝีปากบวมเห่อเลือดอาบ


               “อย่าทำสน สนผิดไปแล้ว สนขอโทษ”


                สนฉัตรร้องไห้โฮ เขากระถดตัวหนีแต่จิรัชก็ยังตามมาเงื้อเท้าสูงและกระทืบลงมาใส่ร่างกายของเขาด้วยโทสะ


               “มึงให้ไอ้เหี้ยเปลวมาเอามึงถึงเตียงกู หยามหน้ากู สารเลวที่สุด”


               จิรัชสติหลุดไปแล้ว เขาทำร้ายสนฉัตรแม้ว่าสนฉัตรจะร้องขอให้หยุดจนกระทั่งเสียงนั้นแผ่วหาย สนฉัตรหมดแรงอยู่บนพื้นห้องดวงตาลอยคว้าง ตอนนั้นเองที่จิรัชพอจะทุเลาความโกรธได้บ้าง เขามองร่างที่นอนระทดระทวยนั้นอย่างขยะแขยง ความรักความต้องการที่เคยมีให้กันมลายหายไปหมดสิ้น


                จิรัชเดินเข้าไปในห้องนอน ปล่อยให้สนฉัตรนอนซมอยู่กับพื้นอย่างไม่สนใจใยดีอีก จนกระทั่งเช้ามืดของวันรุ่งขึ้นเขาจึงได้เดินออกมาจากห้องนอนและมาเท้าเอวมองสนฉัตรที่ยังนอนซมอยู่ในท่าเดิมด้วยความบอบช้ำ จิรัชดึงร่างของสนฉัตรขึ้นมาและพาลงไปที่รถยนต์ของเขา ชายหนุ่มขับรถไปยังโรงพยาบาลเอกชนขนาดเล็กแห่งหนึ่ง เมื่อส่งสนฉัตรเข้าห้องฉุกเฉินแล้วเขาจึงแจ้งกับเจ้าหน้าที่


               “เขาถูกจิ๊กโก๋รุมทำร้ายครับ อ๊ะ ผมไม่ใช่ญาติครับแค่ผ่านมาพบเหตุการณ์ แต่เขาบอกผมว่าเป็นเด็กของนักการเมืองที่เป็นรัฐมนตรีชื่อทรงเดช ยังไงคุณลองติดต่อไปที่ที่ทำการพรรคของเขาก็แล้วกันครับ”


              เสร็จเรื่องจิรัชก็เดินตัวปลิวมาที่รถ ถ้าถ่มน้ำลายรดความซวยทิ้งได้เขาก็จะทำ จิรัชขับรถยนต์ออกจากโรงพยาบาลอย่างไม่แยแสว่าชีวิตของสนฉัตรที่เขาพาออกมาจากบ้านของทรงเดชจะเป็นอย่างไรอีก สนฉัตรก็เป็นแค่เสี้ยวหนึ่งที่ผ่านมาในชีวิตที่ไม่มีคุณค่าควรแก่การจดจำก็แค่นั้นสำหรับจิรัช





มีต่ออีกนิด...




« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-06-2018 15:57:16 โดย Belove »

ออฟไลน์ Belove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1230
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +703/-2
    • ฺBelove


ต่อกันตรงนี้...





                ทรงเดชจำเป็นต้องไปทำงานแม้จะยังเครียดหนักจนนอนไม่หลับ อาการปวดศีรษะและเจ็บหน้าอกแล่นมาเป็นริ้วขณะนั่งประชุมกับคณะกรรมการบริหารพรรค พรรคการเมืองของเขาอาจถูกตัดสินให้ยุบพรรคหากศาลรัฐธรรมนูญตัดสินว่าผิด จนกระทั่งช่วงบ่ายจัดเลขาหน้าห้องจึงได้เข้ามาแจ้งข่าว


                “ท่านครับ โรงพยาบาลโทรมา บอกว่ามีคนไข้ชื่อสนฉัตรแอดมิทเมื่อตอนเช้ามืดเพราะถูกทำร้ายร่างกาย แต่ตอนนี้ได้สติและอาการดีขึ้นแล้วหมอให้กลับได้ ท่านจะให้ทำยังไงครับ”


                ทรงเดชเงยหน้าขึ้น สีหน้าของเขาไม่ได้บอกว่าตนเองนั้นรู้สึกเช่นไร ชายชรานิ่งคิดอยู่พักหนึ่งจึงได้เอ่ยออกมา


                “บอกให้ดำไปรับมาที่นี่”


                 “ครับท่าน”


                ทรงเดชตัดสินใจวางมือจากงานและนั่งนิ่งทบทวนเรื่องราวทั้งหมดเพราะรู้ดีว่าตอนนี้คงทำงานต่อไม่ไหว รออยู่ชั่วโมงเศษ ๆ ดำก็พาเด็กหนุ่มที่ทรงเดชนำมาเลี้ยงดูมานั่งตัวสั่นอยู่ในห้อง


               “ท่าน”


               สนฉัตรร้องไห้ เขาสมเพชตัวเองที่ในที่สุดก็หนีทรงเดชไม่พ้น ซ้ำยังกลับมาในสภาพบอบช้ำ เขาสบตากับทรงเดช ยังเดาไม่ออกว่าอีกฝ่ายคิดอะไรอยู่


              “สนขอโทษ”


               ทรงเดชมองร่างโปร่งที่เต็มไปด้วยร่องรอยถูกทำร้ายร่างกาย ใบหน้าหวานบัดนี้เขียวช้ำไปหมด ทรงเดชถอนหายใจออกมา


              “ทางที่มึงเลือก มันดีต่อมึงไหมสน”


             สนฉัตรสะอึกสะอื้น เขาเจ็บกับคำพูดของทรงเดช


             “กูรักมึง ที่ผ่านมาทำไปก็เพราะรักมึง ผิดบ้างถูกบ้างก็เพราะรักแต่มึงทำให้กูผิดหวังเสียใจ”


              “ท่านครับ ให้อภัยสนนะ”


               เมื่อรู้ตัวว่าไม่มีที่พึ่งที่ไหนอีกแล้วสนฉัตรก็คลานไปเกาะแทบเท้า แต่ทรงเดชกลับชักเท้ากลับ


              “ที่ผ่านมากูทำผิดกับมึง กูก็จะขอคืนอิสรภาพให้มึงนะสน มึงเคยมาอย่างไรก็จงไปอย่างนั้น กูเคยนำตัวมึงมาจากดินโดยไม่มีอะไรเลย มึงก็จงไปอย่างที่มึงเคยจากมา”


             “ท่านครับ ไม่นะ สนสำนึกผิดแล้ว อย่าทำกับสนแบบนี้ ฮือ”


             น้ำเสียงนิ่งเรียบของทรงเดชบอกให้รู้ว่าเขาตัดสินใจเช่นนั้นจริง สนฉัตรใจหายกับการไม่ใยดีของทรงเดช ชายชราหลับตาลงเพื่อจะไม่ต้องเห็นการคร่ำครวญของสนฉัตรอีกต่อไป


              “ดำ มึงให้ไอ้โตขับรถพาไอ้สนไปส่ง ที่ไหนก็ได้”


             “ครับท่าน”


                 บอดี้การ์ดคนสนิทมองร่างโปร่งของสนฉัตรที่เห็นมาแต่เด็ก ความรู้สึกปนเปทั้งเวทนาและสมน้ำหน้าในสิ่งที่ทำลงไป คำสั่งของทรงเดชคืองานของเขา ดำหิ้วปีกสนฉัตรที่ยังร้องไห้ไม่เลิกออกไปจนพ้นห้อง ทรงเดชนั่งนิ่งฟังเสียงนั้นจนกระทั่งเสียงของสนฉัตรจางหาย ชายชรานิ่วหน้าเมื่ออาการเจ็บหน้าอกทวีมากขึ้นคล้ายใครยกกระสอบหนักมาวางทับจนหายใจไม่ออก เขายกมือวางไปกับหน้าอกข้างซ้ายพร้อมกับสูดลมหายใจอย่างทรมาน






                 ปวิธออกจากบ้านตั้งแต่เช้าเพราะวันนี้มีการสอบและแสดงผลงานของนักศึกษาคณะสถาปัตยกรรมปีสุดท้าย แม้จะยังไม่สบายใจแต่เขาก็จำเป็นต้องวางเรื่องทั้งหมดลงและตั้งใจกับการสอบครั้งนี้ จนกระทั่งถึงช่วงบ่ายการสอบจึงเสร็จสิ้น เขาพอจะยิ้มออกมาได้บ้างเมื่อผลงานเป็นที่น่าพอใจ


                 “ไอ้เปลว ไปแดกเหล้ากันฉลองสอบเสร็จ”


               เพื่อนของเขาชวน เปลวรีบส่ายหน้า


              “ขอบใจว่ะ พวกมึงไปกันเหอะ เดี๋ยวกูไปหาลุงกูหน่อย”


               เพื่อน ๆ ของเขารู้ว่าปวิธเป็นหลานห่าง ๆ ของนักการเมืองชื่อดังที่กำลังมีคดีทางการเมือง เมื่อปวิธปฏิเสธก็เข้าใจได้ และไม่ได้เซ้าซี้ ปวิธกำลังจะกลับบ้านแต่โทรศัพท์จากดำก็ดังขึ้นเสียก่อน


               “ว่าไงพี่ดำ”


                “เปลว ท่านแย่แล้วว่ะ ฟุบลงที่ทำงานจนต้องรีบเรียกรถโรงพยาบาล ตอนนี้พี่อยู่ที่โรงพยาบาลนะ ท่านถูกพาเข้าห้องไอซียูไปแล้ว เขาบอกว่ากล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดว่ะ มึงรีบมาเร็วเข้าเหอะ เขาถามหาญาติตอนนี้มึงเป็นญาติคนเดียวของท่านนะ”


               ปวิธหน้าซีดเมื่อได้ยิน เขารีบถามต่อทันที


              “โรงพยาบาลไหนพี่ดำ”


                รีบวางสายเมื่อรู้ที่หมาย ปวิธรีบไปที่โรงพยาบาลเอกชนชั้นนำที่ดำบอกทันที เมื่อไปถึงเขาจึงแจ้งต่อเจ้าหน้าที่ว่าเป็นญาติของทรงเดช ปวิธได้รับข้อมูลว่าตอนนี้อาการของทรงเดชหนักมากต้องใช้เครื่องช่วยหายใจอยู่ในห้องผู้ป่วยอาการหนัก ปวิธมึนงงไปหมด เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคนจะทำอย่างไรต่อไป


               “ก็ท่านเครียดหลายเรื่อง เรื่องงานด้วยเรื่องไอ้สนด้วย สุดท้ายก็พามันไปปล่อยเหมือนหมาข้างถนน”


                “อะไรนะพี่ดำ”


                ปวิธชะงัก เขาหันขวับไปหาดำทันที


               “เกี่ยวอะไรกับไอ้สนด้วย”


               “ก็เจอตัวไอ้สนแล้วไง ถูกผัวใหม่กระทืบแล้วเอาไปทิ้งที่โรงพยาบาล ท่านให้พี่ไปรับมาที่พรรค พอเห็นไอ้สนท่านก็สั่งให้ไอ้โตเอาไปปล่อยที่ไหนก็ได้แล้วกระซิบให้กูพาคนไปจัดการกับไอ้เหี้ยจิรัช กูไปจัดการกระทืบไอ้เหี้ยนั่นจนน่วม กลับมาเจอท่านเป็นลมอยู่ในห้อง ก็แม่งตกใจรีบเรียกรถโรงพยาบาลนี่แหละ”


                ปวิธตกใจอย่างหนักเมื่อรู้ว่าทรงเดชทำเช่นนั้นกับสนฉัตร เขานึกเป็นห่วงสนฉัตรจนกระวนกระวาย


               “พี่โตเอาไอ้สนไปที่ไหน พี่ดำ โทรถามพี่โตให้หน่อย เร็วเข้า”


                ปวิธตัดสินใจจะไปรับสนฉัตร อาจจะไปฝากไว้กับเพื่อนของเขาก่อน แต่ขณะที่รอให้ดำโทรศัพท์หาโต พยาบาลให้หอผู้ป่วยก็ออกมาแจ้งข่าวกับเขา


               “คุณทรงเดชหัวใจหยุดเต้น เรากำลังปั๊มหัวใจให้ท่านอยู่ค่ะ”


               ปวิธจำเป็นต้องเลิกสนใจสนฉัตรก่อนเมื่อความเป็นความตายของผู้มีพระคุณมารออยู่ตรงหน้า ชายหนุ่มสับสนเมื่อวิกฤติมาเยือนในชีวิตอย่างตั้งตัวไม่ทัน




                                                         TBC

                                                   โอ๊ยยย เครียดดดด

                                                        :serius2: :serius2: :serius2: :serius2: :serius2: :serius2:






« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-06-2018 16:02:58 โดย Belove »

ออฟไลน์ Kei

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
อยากร้องไห้อย่างเดียวเลย :katai1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-06-2018 16:25:59 โดย Kei »

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

จะว่าสนทำตัวเองก็ไม่เชิง 

น่าสงสารนางอ่ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ แมวดำ

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 784
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-2

ออฟไลน์ TachibanaRain

  • มาโกโตะเทนชิ
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-3
เฮ้ออออ ชีวิตที่ถูกกระทำเหมือนสิ่งของนี่จะทนไปได้อีกสักแค่ไหนกัน แต่ละคนก็เอาแต่ใจตัวเองกันทั้งนั้น

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
ถ้าเป็นเรื่องจริง ชีวิตช่างโหดร้ายอะไรเช่นนี้

ออฟไลน์ Belove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1230
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +703/-2
    • ฺBelove
<< วิมานไม้สน >> บทที่ 12 [15/06/61]
«ตอบ #83 เมื่อ15-06-2018 00:22:24 »




                              คำเตือน // บทนี้มีคำหยาบค่อนข้างเยอะ เยาวชนควรอ่านพร้อมกับไตร่ตรองไปด้วย


                                                              วิมานไม้สน

                                                               บทที่ 12




              “พี่โต อย่าทิ้งสนไว้แบบนี้ พี่โต”


               สนฉัตรคร่ำครวญร้องไห้แทบขาดใจเมื่อโตลากแขนของเขาลงมาจากรถยนต์ มือเรียวยึดแขนของโตราวกับเป็นที่พึ่งสุดท้าย โตมีสีหน้าลำบากใจเมื่อมองใบหน้าน่าเวทนาของสนฉัตร


               “กูก็ไม่รู้จะช่วยมึงยังไงสนเอ๊ย มึงก็ไม่น่าทำตัวแบบนี้เลย ถึงกูจะสงสารมึงก็ช่วยมึงไม่ได้คำสั่งท่านถือเป็นเด็ดขาดโว้ย”


              “แต่ตรงนี้มันที่ไหนก็ไม่รู้ สนไม่เคยมา มืดแล้วด้วยเงินติดตัวก็ไม่มีสักบาท พี่โตจะทิ้งสนไม่ได้นะ สนไหว้แล้วพี่”


                “โอ๊ย มึงอย่าให้กูต้องตกงานเพราะช่วยเหลือมึงเลยว่ะสน ถ้าช่วยมึงแล้วกูโดนไล่ออก ลูกเมียที่บ้านกูก็พลอยซวยไปด้วยมึงก็เห็นแก่ปากท้องกูด้วยนะสน”


                “ไม่นะ พี่โต”


                สนฉัตรปล่อยโฮเมื่อโตสลัดแขนที่เกาะอยู่และรีบก้าวหนีไปขึ้นรถ สนฉัตรวิ่งตามไปเกาะที่กระจกและทุบอย่างไม่กลัวมันจะแตก


                “พี่โต อย่าไป พี่โต”


                โตมองสนฉัตรอย่างเห็นใจ เขาเองก็ทำงานให้ทรงเดชมาหลายปีรู้จักสนฉัตรเป็นอย่างดีจะไม่ให้รู้สึกเวทนาเลยก็ไม่ได้ แต่หากเขาขัดคำสั่งเจ้านายอาจเป็นเขาเองที่ถูกลงโทษ โตไม่รู้จะช่วยสนฉัตรอย่างไรนอกจากคว้าข้าวกล่องและขวดน้ำเปล่าที่เขาซื้อเก็บไว้ในรถตั้งแต่บ่ายหย่อนทิ้งไว้นอกกระจกและรีบปิดกระจกหนี โตรีบเหยียบคันเร่งขับรถหนีไปทันที


              “พี่โต พี่โต”


               สนฉัตรทรุดฮวบลงกับพื้นอย่างหมดแรง โตขับรถไกลออกไปเรื่อย ๆ ปะปนกับรถคันอื่นบนท้องถนนจนหายลับไปจากสายตา ทิ้งไว้แต่ความอ้างว้างท่ามกลางสถานที่ที่สนฉัตรไม่รู้จัก อาจจะเป็นชานเมืองหลวงสักจังหวัดที่ไม่ไกลจากกรุงเทพนัก แต่ทว่านกปีกหักอย่างสนฉัตรก็หาได้รู้จักไม่

               เหลียวมองรอบกายที่ความมืดเริ่มปกคลุมถนนแปดเลนรถราวิ่งกันขวักไขว่ สนฉัตรมีเพียงข้าวกล่องและขวดน้ำที่โตทิ้งไว้เพราะความสมเพช เงินแม้แต่เหรียญสลึงยังไม่มีติดตัว สนฉัตรคว้าข้าวกล่องนั้นมาเปิดและตักกินโดยไม่รู้สึกถึงรสชาติ ข้าวเย็น ๆ อาหารชืด ๆ ผสมกับน้ำตาของเขาก็แค่พอประทังให้ท้องหายร้องได้อีกสักพัก สนฉัตรมองไปรอบทิศอย่างเคว้งคว้าง

              นึกถึงเมื่อค่ำคืนที่ผ่านมา สนฉัตรนอนระบมเพราะถูกจิรัชทำร้าย ยังไม่หนำใจพอเมื่อคนที่สนฉัตรคิดว่าเขาคือเทพบุตรที่เปิดกรงมอบอิสระกลับกลายเป็นซาตานลากเขาที่ยังสิ้นไร้เรี่ยวแรงไปยังรถยนต์


             “พี่จิรัชจะพาสนไปไหน ไม่นะ”


              มีเพียงเสียงแผ่วเบาอ่อนระโหยจากเนื้อตัวปวกเปียกแต่ก็ไม่ได้ทำให้จิรัชสงสาร เขาโยนร่างของสนฉัตรเข้าไปในตอนหลังของรถและขับไปในสถานที่ใดสนฉัตรก็ไม่รู้ จนกระทั่งจิรัชจอดรถและหันมาพูดกับเขาด้วยสีหน้าราวกับปีศาจ


              “ไปให้พ้นจากชีวิตกูซะไอ้สน คนร่านอย่างมึงก็ไปหาคนอื่นที่เหมาะกับมึงเถอะ พูดแล้วคันตัวเองฉิบหาย ไปยุ่งกับของสกปรกอย่างมึงได้ยังไงวะ”


               จำได้ว่าสนฉัตรร้องไห้ออกมาด้วยความเจ็บปวดกับวาจาเชือดเฉือน จากนั้นจิรัชก็เปิดประตูและกวักมือเรียกพนักงานเข็นเปลของโรงพยาบาลให้มารับเขาที่รถ นั่นคือภาพสุดท้ายที่เขาได้เห็นจิรัช


                นั่นคืออดีตที่เพิ่งผ่านไปสด ๆ ร้อน ๆ แต่ตอนนี้สนฉัตรต้องคิดถึงปัจจุบันที่มองไม่เห็นอนาคต เมื่อท้องพออิ่มสนฉัตรจึงค่อย ๆ ลุกขึ้นยืนก่อนจะก้าวเดินไปตามไหล่ถนนอย่างไม่มีจุดหมาย รถราที่วิ่งอยู่บนถนนฝั่งที่เขาเดินอยู่ผ่านไปอย่างไม่ใยดีในบางครั้งที่สนฉัตรหันไปโบกรถ เขาเดินจนกระทั่งหมดแรงอีกครั้งร่างโปร่งทรุดลงกับพื้นทันควันจนรถบรรทุกคันหนึ่งที่แล่นมาใกล้ถึงกับเบรกจนรถสะเทือน


               “เฮ้ย มึงมองไม่เห็นรถบรรทุกหรือยังไงวะ ถ้ากูเบรกไม่ทันมึงกลายเป็นผีเฝ้าถนนแน่”


               เสียงตะโกนด่าทอดังมาจากคนขับรถบรรทุกที่โผล่หน้ามาจากที่นั่งคนขับ สนฉัตรเงยหน้ามองพลางพนมมือ


              “ขอโทษจ้ะน้า ผมหมดแรงเดินจริง ๆ”


               สายตาของคนขับรถบรรทุกเขม้นมองอย่างไม่ไว้ใจนัก เรื่องคนเป็นนกต่อล่อว่าบาดเจ็บแล้วเรียกพวกมารุมก็มีข่าวให้ฟังอยู่บ่อยๆ


               “มึงเป็นอะไรไอ้หนุ่ม”


              จะเรียกว่าหนุ่มก็กระดากปาก คนที่นั่งกองอยู่บนพื้นดูผอมแห้งแรงน้อยเกินกว่าจะเรียกว่าผู้ชายแต่ก็เป็นผู้ชายจริง ๆ


              “ผมถูกทำร้าย ไม่มีที่ไปแล้ว น้าช่วยผมได้ไหมครับ”


              น้ำเสียงนั่นก็อีก แผ่วเบาเหมือนใกล้จะขาดใจตาย สภาพอย่างนี้คงไม่ใช่คนร้ายหรอก


             “แล้วมึงจะไปไหน”


              “ไม่รู้ครับ ผมไม่รู้ว่าจะไปไหน”


              สนฉัตรส่ายหน้า คนขับรถบรรทุกได้แต่โคลงหัว


              “เฮ้อ ถามเหี้ยอะไรก็ไม่รู้ เอ้า มึงขึ้นรถมากูจะช่วยเอาบุญ”


               สนฉัตรเบิกตากว้าง อย่างน้อยก็ยังมีแสงสว่างพอให้มองเห็นแม้จะริบหรี่เหลือเกิน เขายันกายขึ้นจากพื้นและกระเสือกกระสนปีนขึ้นไปตอนหน้าของรถบรรทุกที่เจ้าของเปิดประตูด้านข้างคนขับรออยู่แล้วขึ้นไปนั่ง มือเรียวพนมมือแต้


                “ขอบคุณครับน้า”


                “เออ กูชื่อสาย แล้วมึงล่ะ”


                สายเอ่ยถามพร้อมกับเริ่มขับรถไปตามถนนเบื้องหน้าอีกครั้ง เขาเหลือบตามองเด็กหนุ่มที่รับขึ้นมาบนรถเพื่อให้เห็นเด่นชัดกว่าข้างถนนเมื่อครู่นี้


                 “ผมชื่อสน”


                 สนฉัตรตอบอย่างอ่อนแรง เขาโล่งใจไปเปราะหนึ่งที่ไม่ต้องเดินข้างถนนอีกแล้ว


               “แล้วมึงมาเดินท่อมๆ อยู่ข้างถนนทำไมไอ้หนุ่ม”


                ผมทะเลาะกับ เอ่อ แฟนน่ะครับ”


              สายเหลือบสายตามองเด็กหนุ่มด้านข้างเป็นระยะ รูปร่างหน้าตาแม้จะมอมแมมและยังมีร่องรอยถูกทำร้ายแต่ก็ปิดบังความงดงามได้ไม่มิด คำตอบว่าทะเลาะกับแฟนทำให้สายกังขา น้ำหน้าแบบนี้ถ้ามีแฟนเป็นผู้หญิงก็คงจะทำร้ายแฟนไม่ไหวแน่


              “น้าสายจะไปที่ไหนหรือครับ”


                สนฉัตรเอ่ยถามเพื่อสร้างสัมพันธไมตรี อย่างน้อยสายก็ช่วยเขามาจากข้างถนน


               “ขึ้นเหนือ กูขับรถไปส่งของเสร็จแล้วจะตีรถเปล่าไปส่งคืนเสี่ยที่เช่ารถเขามา”


                 สายควานหาขวดน้ำจากฝั่งของเขาแล้วโยนให้สนฉัตร


               “กินน้ำแล้วมึงจะนอนเอาแรงก่อนก็ได้ กว่าจะถึงก็คงรุ่งเช้านั่นแหละ”


                สนฉัตรรับขวดน้ำมาดื่มอย่างกระหาย จากนั้นเขาก็ซุกศีรษะกับกระจกรถและหลับไปด้วยความอ่อนเพลีย






               “สน ไอ้สน ตื่นสิวะ”


               สนฉัตรสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงปลุก เขาสะบัดหน้าไล่ความงัวเงียและนึกได้ว่าตอนนี้เขาอาศัยมากับคนขับรถบรรทุกที่ชื่อสาย


               “กูแวะเติมน้ำมัน มึงจะลงมาขี้เยี่ยวล้างหน้าล้างตาก็ได้นะ อีกไม่นานก็ถึงแล้ว”


               พยักหน้ารับก่อนจะปีนลงจากรถเดินไปเข้าห้องน้ำของปั้มน้ำมัน สนฉัตรล้างหน้าล้างตาจนสดชื่นแล้วจึงได้มองไปรอบ ๆ ป้ายชื่อของร้านบริเวณปั้มบอกให้รู้ว่าเขาอยู่ในจังหวัดหนึ่งทางภาคเหนือ


             “เสร็จแล้วเหรอ รอกูเดี๋ยว”


              สายที่เพิ่งจะเดินออกมาจากร้านสะดวกซื้อในมือมีเครื่องดื่มชูกำลังถืออยู่ ชายวัยกลางคนกระดกจนหมดขวดจึงเดินเข้าไปในห้องน้ำ สนเดินไปรอใต้เสาไฟจนสายเดินออกมา

               เมื่อสายจัดการธุระเสร็จแล้วก็เดินออกมาจากห้องน้ำ เขาเห็นสนฉัตรยืนอยู่ภายใต้แสงไฟสว่างผิดกับข้างถนนและในรถบรรทุกของเขา สายถึงกับกระดกลิ้นพลางมองตาไม่กะพริบ


             “แม่เจ้าโว้ย เจอของดีมาด้วยอยู่ในรถตั้งค่อนคืน กูโง่ฉิบหาย”


             สายกวาดสายตามองเด็กหนุ่มที่อายุไม่น่าจะเกินยี่สิบปี รูปร่างโปร่งบางผิวพรรณนวลผุดผ่องสะท้อนแสงไฟ ใบหน้ารึก็สวยกว่าเมียที่บ้านเป็นไหน ๆ กางเกงขาสั้นเหนือเข่าเผยให้เห็นเนื้ออ่อนรำไรยั่วอารมณ์ดีนัก


               “เสร็จแล้วหรือน้าสาย”


               สายสะดุ้ง เขาเผลอเลียริมฝีปากอย่างกระหาย แต่จะให้ไก่ตื่นก็จะอดขึ้นสวรรค์ก่อนถึงบ้านเป็นแน่


             “เออ เสร็จแล้ว ไป ขึ้นรถ เดี๋ยวก็ถึงบ้านกูละ”


              สายรีบเดินนำไปที่รถบรรทุกที่เขาขับมาและรีบขับรถออกจากปั๊มน้ำมันทันที


               “ถึงบ้านกู มึงก็พักที่บ้านกูก่อนก็ได้ เมียกูใจดี”


               ใจดีกับผีน่ะสิอีเมียช้างน้ำ ปากก็ดุยิ่งกว่าตะไกรตัดผ้า ไหนจะสู้คนที่นั่งมาด้านข้างได้


               “กูสงสารมึงว่ะสน ที่มาลำบากแบบนี้”


               สายเอื้อมมือไปวางที่ต้นขาของสนฉัตรพลางลูบไล้ไปมา อา เนื้อมันนุ่มมือดีแท้ คิดแล้วของมันขึ้นจริง ๆ


              “ขอบใจน้าสายนะครับ ถ้าไม่ได้น้าผมคงตายแน่”


               เหี้ยเอ๊ย ยิ้มทีแม่งน่าเอาฉิบหาย


              “ไม่เป็นไร น้าก็ช่วยสนไม่ได้หวังผลตอบแทน ถือว่าเอ็นดูเด็ก”


               สนฉัตรกะพริบตาเอะใจ คำพูดของสายดูเหมือนจะดี หากแต่มือหยาบนั้นกลับขยับสูงขึ้นมาเรื่อย ๆ สายตาที่เหลือบมองสลับกับมองถนนเบื้องนอกก็ดูหื่นกระหาย สนฉัตรขยับตัวไปชิดประตูโดยอัตโนมัติ


              “เอ่อ น้าสายเอามือออกจากขาของผมก่อนได้ไหม”


             ไก่ตื่นแล้ว หากไม่จัดการตอนนี้ก็คงไม่ได้ขึ้นสวรรค์ก่อนกลับบ้าน บริเวณนี้มีแต่ป่าเขาแถมยังมืดสนิทเหมาะกับสวรรค์โดยแท้ คิดได้แล้วสายก็ตบไฟเลี้ยวเข้าข้างทางและเปิดไฟกะพริบไว้ ก่อนจะคว้าท่อนแขนของสนฉัตรที่มองมาอย่างหวาดระแวง


              “รังเกียจน้าหรือสน นี่น้าช่วยสนไว้นะ สนตอบแทนน้าหน่อยได้ไหม”


             สนฉัตรเบิกตากว้าง เข้าใจทันทีว่าสายต้องการอะไร เขาดิ้นหนีแต่สายก็กระชากคอเสื้อของเขาแล้วผลักลงกับเบาะรถ


               “น้า อย่าทำผม”


               ยกมือไหว้ปะหลกๆ แต่แววตาหื่นกระหายของสายก็ยังไม่จางลง


              “ไม่ทำก็โง่แล้วโว้ย อัดอั้นมาตั้งหลายวันเงินตีกะหรี่ก็ไม่มี ไหน ๆ กูก็ช่วยมึงแล้ว มึงก็ช่วยกูคืนจะเป็นไรไป”


              “น้า!”


                สายมองใบหน้าตระหนกนั้น ทันใดสมองของเขาก็คิดหาทางต่อยอดจากของที่ได้มาฟรี หากจะได้เงินมาเพราะช่วยสนฉัตรขึ้นมาจากถนนข้างทางก็เท่ากับกำไรสองต่อ แต่ถ้าหากเขาทำอะไรสนฉัตรร่างกายนี้ก็ต้องบอบช้ำจนราคาตกแน่ สายใคร่ครวญรวดเร็ว ไปไม่ถึงสวรรค์ขอแค่ตีนป่าหิมพานต์ก็ยังดี


               “ลุกขึ้นมา กูไม่ทำมึงแล้วก็ได้เดี๋ยวเสียราคา แต่ว่าถึงยังไงมึงก็ต้องตอบแทนกูอยู่ดี”


               สายรูดซิปกางเกงลงแล้วจิกผมของสนฉัตรไว้ในขณะที่สนฉัตรส่ายหน้าตาเรียวเบิกกว้าง รู้ทันทีว่าสายต้องการให้ตนทำอะไร


             “ไม่ น้า อย่า ผมไม่ทำ”


              “อ้าปาก อ้าปากสิวะ”


             มือหนึ่งจิกผม อีกมือหนึ่งบีบจมูกของสนฉัตรจนสำลักลมหายใจ สายกดใบหน้าของเด็กหนุ่มลงมาจนเขากระแทกท่อนเนื้อเข้าปากสนฉัตรได้


              “กูช่วยมึงมาจนมีแรงขนาดนี้ หรือมึงจะให้กูโยนลงจากรถ แถวนี้มีแต่ภูเขามึงอยากตายเพราะตกเขาหรือถูกเสือในป่ามันขย้ำ ฮะ ไอ้สน ถ้าไม่อยากตายก็ทำให้กูเดี๋ยวนี้”


                 ท่อนเนื้อสกปรกในปากทำให้สนฉัตรคลื่นไส้ แต่สายก็ไม่เปิดโอกาสให้สนฉัตรได้สู้ สายผลักให้สนฉัตรลงไปนั่งกับพื้นรถและใช้ท่อนขาหนีบศีรษะของสนฉัตรไว้พลางขู่เข็ญจนสนฉัตรขยาด มองไม่เห็นทางอื่นนอกจากจะต้องยินยอมทำเพื่อรักษาชีวิต


              “สัสเอ๊ย ปากเลียดีฉิบหาย ซี้ดด เอาอีก ไอ้สัส เอาอีก”


                สายสูดปากพลางก้มหน้ามองสนฉัตรที่กำลังทำให้เขา นี่ถ้าไม่ติดว่าต้องการกำไรจากสนฉัตรเขาก็คงขึงพืดแล้วจัดการจนฟ้าสางแน่ ๆ


               “เหี้ย จะออกแล้ว มึงเร่งเข้าสิ อมเข้าไป อ้าปากกว้างๆ สิวะ”


                 ถ้อยคำหยาบคายหลุดออกมาระคายหู สายกระแทกเอวเข้าไปในโพรงปากเล็กอย่างไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะขยะแขยงเพียงใด สนฉัตรน้ำตาไหลเมื่อน้ำเมือกรสคาวพุ่งเข้าสู่ลำคอแต่เขาก็ทำอะไรไม่ได้เมื่อสายยังยึดใบหน้าของเขาไว้ จนกระทั่งสายกระแทกอีกสองถึงสามครั้งจึงได้ดึงท่อนเนื้อออกแล้วหัวเราะชอบใจ


             “ฮ่า ฮ่า น้ำกูอร่อยไหมล่ะ อิ่มไหมล่ะมึง โอย เบาตัวเลยโว้ย มึงนี่ปากเก่งแท้ๆ”


                พูดจบสายก็สตาร์ทรถและเริ่มขับรถอีกครั้ง สนฉัตรโผล่หน้าออกมานอกหน้าต่างโก่งคออาเจียนออกมาจนหมดท้อง น้ำตาไหลไม่ยอมหยุดเมื่อคนที่คิดว่ามีน้ำใจช่วยเหลือก็ยังกลายเป็นปีศาจในที่สุด


              “เดี๋ยวกูจะพามึงไปหาสวรรค์ที่แท้จริง ถ้ามึงทำตัวดีๆ สวรรค์เป็นของมึงแน่”


                สายหันมาพูดโดยไม่สนใจว่าสนฉัตรจะนั่งกอดเข่าร้องไห้สะอึกสะอื้น สายตาโลมเลียนั้นยังดูเหมือนจะหยุดไม่อยู่


                 “ไหน ๆ ก็ใกล้จะถึงแล้ว มึงเอาให้กูอีกสักรอบสิวะ”




มีต่ออีกนิด...


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-06-2018 00:29:52 โดย Belove »

ออฟไลน์ Belove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1230
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +703/-2
    • ฺBelove
<< วิมานไม้สน >> บทที่ 12 [15/06/61]
«ตอบ #84 เมื่อ15-06-2018 00:31:05 »



ต่อกันตรงนี้...



              จวบจนท้องฟ้ามีแสงรำไรมองเห็นบ้านเรือนผู้คน อากาศยามเช้าหนาวจับใจรถบรรทุกที่สายขับมาจึงได้จอดลง ชายวัยกลางคนที่บังคับฝืนใจอีกฝ่ายหลายต่อหลายใจกว่าจะถึงจุดหมายมองสนฉัตรอย่างเสียดาย


              “ถ้าไม่คิดถึงเงินนี่กูไม่อยากให้มึงไปเลยไอ้สน ติดใจปากมึงฉิบหาย”


               แน่ละ สายปลดปล่อยเพราะปากเล็กเสียหลายรอบ จนรอบปากของสนฉัตรมีแต่คราบคาวของเขาประดับไว้ สายโยนขวดน้ำอีกขวดส่งให้สนฉัตร


                “ล้างปากเดี๋ยวนี้”


                สนฉัตรยังคงนั่งนิ่งสีหน้าอมทุกข์ สายขัดเคืองเมื่ออีกฝ่ายไม่ทำตามคำสั่งจึงบีบกรามสนฉัตรให้อ้าปากพร้อมกับเทน้ำลงไปจนสนฉัตรสำลัก


                “รออยู่นี่นะมึง”


               สายลงจากรถไปแล้ว สนฉัตรทดลองเปิดประตูทั้งสองฝั่งแต่ก็เปิดไม่ได้เพราะสายล็อกขังเขาไว้ สนฉัตรได้แต่ล้มตัวนอนคุดคู้อยู่ที่เบาะและร้องไห้ออกมาอีกครั้ง






                  สายเดินไปที่โกดังเก็บรถ เขาเดินตรงไปยังคนที่นั่งคุมบัญชีอยู่ที่โต๊ะตัวหนึ่งพลางยิ้มประจบ


                 “สวัสดีครับเสี่ย ผมมาส่งรถ”


                  คนที่สายเรียกว่าเสี่ยเงยหน้าขึ้นมอง


                 “งวดนี้มาตรงเวลานี่หว่า แสดงว่าไม่ได้ไปเถลไถลที่ไหนใช่ไหมไอ้สาย”


                “โธ่ เสี่ย จะไปเถลไถลทุกงวด อีช้างน้ำที่บ้านด่าตายห่า เอ่อ เสี่ย ไอ้ที่ผมติดเสี่ยไว้หลายงวดแล้วน่ะ”


               “ทำไม อย่าบอกนะว่าจะจ่ายทีเดียววันนี้เลย”


                 “เสี่ย เอาอะไรมาพูด จะขอจากเสี่ยอีกสักหน่อยล่ะไม่ว่า แต่งวดนี้มีของมาฝากนะ รับรองว่าเด็ดทั้งเผ็ดทั้งมัน ผมอยากกินเองยังไม่กล้า เก็บเอามาฝากเสี่ยโดยเฉพาะไม่ให้บูดให้เน่า ถ้าเสี่ยเห็นของฝากแล้วถูกใจเสี่ยก็ยกหนี้ให้ผมกับทิปอีกหน่อยก็พอ”


                 อีกฝ่ายหันมามองอย่างรู้ทัน


                “ถ้าไม่เด็ด มึงเตรียมจ่ายกูทบต้นทบดอกนะไอ้สาย”


               “เสี่ย นี่เด็ดจริง ไปดูกับผมสิ รับรองถ้าเห็นเสี่ยจะยอมเสียเงินทิปผมเลยล่ะ”






                สนฉัตรสะดุ้งเมื่อประตูฝั่งที่นั่งถูกเปิดออก เขาถูกลากให้ลงจากรถบรรทุกไปยืนบนพื้นดินเพื่อเผชิญหน้ากับใครอีกคนที่จ้องเขาตาไม่กะพริบ


                 “นี่ไงเสี่ย เป็นไงล่ะเด็ดจริงใช่ไหม เรามันคนกันเองผมรู้สเป็คเสี่ยดี เสี่ยชอบแบบนี้ใช่ไหมล่ะ”


                 ผู้ชายที่สายเรียกว่าเสี่ยรูปร่างท้วมอายุราวสี่สิบปี แต่งกายคล้ายเป็นเศรษฐีบ้านนอกมีทองเส้นโตห้อยอยู่ที่คอ ดวงตาเล็กหยีมองสนฉัตรวาววามจนคนถูกมองผวา


                “ไอ้สน ต่อไปมึงต้องอยู่บนเสี่ยบัญชานะ เอาใจเสี่ยไว้นะมึงแล้วจะสบายเชื่อกู เสี่ย ตกลงว่าชอบไหมครับ ถ้าชอบผมจะได้ขอเงินเสี่ยค่าเหนื่อยที่หิ้วมันมาส่งเสี่ยสักหน่อย”


                   สนฉัตรหลับตาลงอย่างปวดร้าวเมื่อรู้ว่าสายนำเขามาขายให้กับเสี่ยบัญชา




                                                           TBC


                                   ชั้นรู้ว่าสายดาร์กยังทนไหว ทุ่งลาเวนเดอร์นี่มันไม่มีจริงๆ



                                       :z6: :z6: :z6: :z6: :z6: :z6: :z6:








[/size]               

ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0
Re: << วิมานไม้สน >> บทที่ 12 [15/06/61]
«ตอบ #85 เมื่อ15-06-2018 00:34:35 »

สงสารสน เวรกรรมจริงเจอแต่ผู้ชายชั่วๆ :m15:

ออฟไลน์ แมวดำ

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 784
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-2
Re: << วิมานไม้สน >> บทที่ 12 [15/06/61]
«ตอบ #86 เมื่อ15-06-2018 06:31:55 »

หดหู่จัง

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
Re: << วิมานไม้สน >> บทที่ 12 [15/06/61]
«ตอบ #87 เมื่อ15-06-2018 11:29:11 »

สงสารสนจริงๆ ชีวิตนี้จะได้มีความสุขกับเขาหรือเปล่าเนี่ย

ออฟไลน์ Kei

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
Re: << วิมานไม้สน >> บทที่ 12 [15/06/61]
«ตอบ #88 เมื่อ15-06-2018 11:56:19 »

จบแบบแบดเอนแน่เลย :sad4:

ออฟไลน์ TachibanaRain

  • มาโกโตะเทนชิ
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-3
Re: << วิมานไม้สน >> บทที่ 12 [15/06/61]
«ตอบ #89 เมื่อ15-06-2018 18:25:05 »

เวรกรรม สมกับชื่อเรื่องวิมานไม้สนจริงๆนี่ถ้าตอนจบของเรื่องแล้วสนจะป่วยตายไปก็ไม่แปลกใจเลยจริงๆนะ โดนซะขนาดนี้

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด