ตอนที่ 9
“อืม...”
“...”
“อร่อย”
คำพูดสั้นๆ ง่ายๆ ทำให้ผมที่ตอนนี้นั่งอยู่ตรงข้ามเขาและกำลังมองอีกคนตักข้าวไข่เจียวราดซอสกินก็ต้องถอนหายใจออกมาก่อนจะยิ้มให้คนตรงข้าม
“ตื่นเต้นตั้งนาน”
“ตื่นเต้นอะไร”
“ก็...” ผมที่กำลังจะพูดว่า ‘กลัวไม่อร่อย’ ก็ได้แต่หุบปากลง เพราะกลัวว่าเขาจะหัวเราะกับการคิดเล็กคิดน้อยของผมหรือเปล่า ก่อนที่ตัวเองจะส่ายหัว “ไม่มีอะไรหรอก เราคิดไปเรื่อยอ่ะ ปั้นกินเถอะเดี๋ยวหายร้อน”
“อืม”
คนตรงข้ามผมขานรับอย่างว่าง่าย โดยที่ในขณะที่เขากินนั้น ปั้นใจไม่ได้หยิบโทรศัพท์มาเล่น เขาเหมือนสนใจกับแค่อาหารตรงหน้าเท่านั้น ทำให้ผมที่เฝ้ามองอยู่อย่างลุ้นๆ ในทุกคำที่เขาเอาเข้าปากได้แต่มองเพลินๆ ก่อนจะต้องสะดุ้งเมื่อเจอสายตาของอีกฝ่ายมองมา แต่ดูเหมือนว่าผมจะหลบไม่ทันซะแล้ว
“อะ...เอ่อ...”
“มีอะไรหรือเปล่า อยากกินหรือไง”
“เปล่าๆ แค่คิดว่ามองปั้นกินแล้วเพลินดี”
“...”
“อึดอัดมั้ย ไม่งั้นเราไม่มอง...”
“ไม่เป็นไร มองเถอะ”
ปั้นใจก้มหน้ากินข้าวต่อโดยที่เขาไม่ได้เงยหน้ามองมาทางผมแล้ว ไม่รู้ว่ากลัวผมอึดอัดหรือเขาแค่กำลังประหม่าเองกันแน่ และไม่นานข้าวไข่เจียวฝีมือผมก็หมดลง ทำให้ผมได้แต่มองอย่างดีใจเพราะปั้นใจไม่ได้เหลือไว้แม้แต่น้อย ไม่ว่าจะข้าวหรือไข่ก็ตาม
เจอแบบนี้คนทำก็ปลื้มเหมือนกันนะ...
“เดี๋ยวเราเอาจานไปเก็บให้ !”
ผมรีบพูดก่อนจะลุกขึ้นคว้าจานข้าวของปั้นใจแล้วเดินเข้ามาในครัว ซึ่งคนที่ดื่มน้ำอยู่ก็ไม่ทันทักท้วงอะไร จึงได้แต่นั่งรออยู่กับที่เท่านั้น ผมที่เก็บจานเรียบร้อยก็ออกมาก็เห็นว่าปั้นใจนั้นมองมาที่ผมไม่ละสายตาไปไหน จนกระทั่งผมเดินกลับมาถึงที่เขาจึงถามขึ้น
“แม่จะกลับมาตอนไหน”
“อ่า...น่าจะอีกสักพักนะ...”
“อ่อ...” ปั้นใจพยักหน้ารับ ดูเหมือนเขาจะสีหน้าดีขึ้นทันที ทำให้ผมที่สังเกตท่าทางเขาตั้งแต่มาถึงอดถามออกไปไม่ได้
“ตื่นเต้นเหรอ”
“...”
“แม่เราใจดี” ผมรีบพูดขึ้นเมื่อเขามองกลับมาทันที ก่อนที่คนตรงหน้าจะพยักหน้ารับ “แม่เราอยากเจอปั้นด้วย”
“ทำไม”
“ก็ปั้นดี...” ผมตอบออกไปแบบไม่ต้องคิดอะไรมาก ก่อนจะคิดได้ว่าคำพูดของผมนั้นนะทำให้เขาเข้าใจได้หรือเปล่า “ก็แบบ ปั้นเป็นเพื่อนที่ดี”
“อ่า...”
“อือ...”
แล้วอยู่ๆ ทั้งผมและเขาก็เงียบกันไปทั้งอย่างนั้น ซึ่งผมเองก็ไม่รู้จะพูดอะไร ส่วนปั้นใจนั้นแน่นอนว่าเขาตอนนี้ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาเช่นกัน ก่อนที่คนตรงหน้าผมจะยื่นแก้วน้ำที่ตอนนี้ไม่เหลือของเหลวด้านในแล้วมา
“ขอน้ำอีกแก้วได้มั้ย”
“ดะ...ได้ๆ มีน้ำส้มด้วย เอามั้ย”
“ไม่เป็นไร น้ำเปล่าก็พอ”
“อือ ได้” ผมพยักหน้ารับก่อนจะรีบคว้าแก้วแล้วเดินเข้าไปในครัวอีกครั้ง ก่อนจะรินน้ำอุณหภูมิห้องให้เขา ซึ่งปั้นใจบอกว่าเขาไม่ค่อยชอบกินน้ำเย็นเท่าไหร่นัก และเมื่อผมออกมาก็เห็นว่าปั้นใจกำลังมองโทรศัพท์ด้วยใบหน้าคิ้วขมวดอยู่ จนผมอดเป็นห่วงไม่ได้ และเมื่อผมเดินเข้ามาหาเขาก็รีบวางโทรศัพท์ลงแล้วรับแก้วน้ำจากผมไป
“เผลออ่านไปแล้ว”
“หะ...หืม...” ผมได้แต่ทำหน้างง ก่อนจะทำตัวเสียมารยาทโดยการมองไปที่โทรศัพท์ของปั้นใจที่ตอนนี้กำลังเปิดแชทของใครสักคนค้างไว้ ซึ่งดูเหมือนเขาจะอ่านอย่างเดียวแต่ยังไม่ได้ตอบกลับไป “มีธุระเหรอ”
“อืม นิดนึง”
“สำคัญมั้ยอ่ะ ถ้าสำคัญไปก็ได้นะ เดี๋ยวทองหยอดเราห่อไว้ให้”
“ไม่อยากไป”
“นั่นสิเนอะ ก็วันหยุดทั้งที” ผมได้แต่ทำหน้าเข้าใจเขา เพราะวันนี้เป็นวันหยุดจริงๆ และท่าทางแชทนั่นก็เป็นแชทของพวกรุ่นพี่นั่นล่ะ “ลองบอกเขาว่าไม่ว่างสิ”
“คราวก่อนบอกไปแล้ว”
“อ่า...งั้นบอกว่าป่วย”
“...”
“ถ้าบอกว่าป่วยเขาให้ปั้นหยุดแน่ๆ”
“ให้โกหกว่าป่วยเหรอ”
“กะ...โกหกเหรอ...” ผมที่ตอนแรกยิ้มกว้างกับความคิดของตัวเองก็ต้องหุบยิ้มลงทันทีเมื่อนึกขึ้นได้ว่าเมื่อก่อนถึงผมจะบอกทุกคนว่าป่วย แต่ผมก็ป่วยจริงๆ แต่ปั้นใจนั้นเขาไม่ได้ป่วยสักนิด “คือเราไม่ได้ตั้งใจจะให้ปั้นโกหกนะ”
“งั้นไม่โกหกแต่บอกว่าป่วยแล้วกัน”
“...”
“ลองจับตัวกูสิ ร้อนนะ” ปั้นใจที่มองมาทางผมทำให้ตัวเองที่ตอนแรกรู้สึกผิดว่าได้ชักชวนให้คนทำไม่ดีไปแล้วก็โดนคนตรงหน้าเอื้อมมือมาจับมือผมให้ไปแตะที่หน้าผากของเขาเบาๆ “ร้อนมั้ย”
ระ...ร้อนที่ไหนล่ะ เย็นมาก...
แต่...
“ร้อน...”
ก็ได้...
“ถ้าร้อนแสดงว่าป่วย”
“...”
“มีพยายานบอกว่าป่วยแล้วหนึ่งคน ตามนั้นนะ” ปั้นใจยิ้มให้ผมก่อนที่ตัวเองจะรีบชักมือกลับมาด้วยความประหม่า โดยที่ใจตอนนี้ก็เต้นตึกตักกับรอยยิ้มเมื่อสักครู่ไปแล้ว ก่อนที่ผมจะมองปั้นใจที่กำลังพิมพ์แชทกลับไป “เรียบร้อย”
“ขะ...เขาไม่ให้ไปแล้วเหรอ”
“อืม ก็ป่วย ไปไม่ไหวหรอก”
“...”
“เหมือนจะกลับบ้านไม่ไหวแล้วด้วย...”
“เอ๊ะ...”
ผมที่ตอนแรกมองคนตรงหน้าที่พูดออกมาตอนนี้ก็ต้องอ้าปากพะงาบเพราะไม่รู้จะตอบยังไง ยิ่งโดนสายตาของปั้นใจมองมายิ่งทำให้ผมรู้สึกว่าตัวเองกำลังพูดไม่ออก และดูเหมือนคนตรงข้ามเองเขาก็ไม่คิดจะอธิบายคำพูดเมื่อสักครู่แม้แต่น้อยโดยตอนนี้มีเพียงรอยยิ้มเล็กๆ ที่มุมปากของอีกฝ่ายเท่านั้น
มะ...เหมือนโดนเขาแกล้งเข้าแล้วยังไงไม่รู้ !
“พรุ่งนี้กูน่าจะต้องไปมหา’ลัยมึงไม่ไปใช่มั้ย”
“อือ ถ้าไปก็ไม่รู้จะไปทำอะไรอ่ะ” ผมที่ตอนแรกกำลังคิดกับตัวเองอยู่ก็ต้องพยายามสลัดเรื่องก่อนหน้านี้ออกไปแล้วตอบคำถามของปั้นใจ ซึ่งตอนนี้ดูเหมือนอีกคนจะเริ่มหายเกร็งหลังจากมาที่บ้านผมแล้ว “พรุ่งนี้เราน่าจะนอนอยู่บ้าน...”
“นอน”
“ก็อาจจะไม่ได้นอนทั้งวันหรอก แต่ก็อยู่บ้านอ่ะ ทำอะไรเรื่อยเปื่อย”
“...”
“แม่ไม่อยู่ด้วย...”
“พรุ่งนี้อยู่บ้านคนเดียวเหรอ”
“อือ แม่ไปทำงานอ่ะ” ผมตอบออกไปตามความจริงทำให้ปั้นใจที่ตอนแรกดูเหมือนจะไม่ค่อยสนใจเรื่องของผมนักตอนนี้เขากับยืดตัวขึ้นราวกับเจอเรื่องอะไรดีๆ เข้า ก่อนที่คนตรงข้ามผมเขาจะรีบคว้าโทรศัพท์ขึ้นมาทำให้ผมได้แต่ทำหน้างงเพราะไม่เข้าใจการกระทำของคนตรงหน้านัก
“นี่”
“หะ...หืม...”
“ทองหยอดน่ะ...”
“...”
“ถ้ามากินพรุ่งนี้จะได้มั้ย” คำถามพร้อมกับแววตาที่ดูเหมือนเด็กของปั้นใจทำให้ผมไม่กล้าปฏิเสธ จึงได้แต่พยักหน้ารับ
“ก็ได้...แต่พรุ่งนี้ปั้นต้องไปมหา’ลัยไม่ใช่เหรอ”
“อ่า...” คนตรงข้ามผมก้มหน้าลงมองหน้าจอโทรศัพท์อีกครั้ง ก่อนที่เขาจะลุกขึ้นทำให้ผมได้แต่มองงงๆ สุดท้ายก็ยอมลุกตาม ก่อนที่คนตรงหน้าผมจะเดินกลับไปที่ห้องรับแขกแล้วเอากระเป๋าสะพายของตัวเองขึ้นมาหยิบเอาบางอย่างออกมาจากกระเป๋า ทำให้ผมเห็นว่ามันคือขนมคุกกี้ที่มีแพ็คเกจจิ้งน่ารักขนาดไม่ใหญ่มากโดยปั้นใจยื่นมันมาให้ผม “กูเลือกของฝากให้ผู้ใหญ่ไม่ค่อยเก่ง”
“ให้แม่เหรอ”
“อืม”
“แม่ต้องชอบแน่ๆ” ผมรับของตรงหน้ามา ซึ่งมันดูน่ารักและน่ากินจนตัวเองยังเผลอกลืนน้ำลาย ก่อนที่ถุงห่อขนมช็อกบอลลูกเล็กๆ จะถูกส่งมาให้อีกชิ้น “หืม...”
“อันนี้ของเกลือ”
ของที่ถูกยื่นมาให้ทำให้ผมรับมาโดยที่ตอนนี้ในใจก็ดีใจสุดๆ เพราะอย่างน้อยวันนี้ผมก็ได้ของฝากจากเขาตั้งหนึ่งชิ้น
“ขอบใจนะ”
“อืม ยังไงไว้เจอกันพรุ่งนี้นะ และคราวหน้าจะอยู่ไหว้แม่ให้ได้”
“เอ๊ะ...”
“รุ่นพี่เขาอยากให้ไปวันนี้ พรุ่งนี้จะได้ไม่ต้องไป” คำตอบของปั้นใจทำให้ผมพยักหน้าเข้าใจ ก่อนจะยิ้มให้อีกฝ่าย
“อืม เราก็อยากให้แม่เจอปั้นเหมือนกัน”
“ไว้เย็นนี้จะทักมาหา”
“...”
“ทักแชท” ปั้นใจพูดพลางก้มมองโทรศัพท์ในมือของตัวเอง ทำให้ผมพยักหน้าตาม ซึ่งผมเกือบลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าเป็นเพื่อนกับเขาในเฟซบุ๊กแล้ว “ได้ใช่มั้ย”
“ได้ๆ จะรอนะ”
ผมพูดออกไปแม้ตอนนี้จะแสดงออกว่ากลั้นยิ้มไปแล้วก็ตาม ซึ่งปั้นใจเองก็ไม่ต่างกัน เขาดีดูจะดีใจเมื่อได้ยินคำตอบของผม และผมก็ไม่ได้คิดว่าผมคิดไปเอง ปั้นใจแสดงออกแบบนั้นจริงๆ เขาเหมือนเด็กที่เก็บความดีใจไว้ไม่มิด คิดยังไงก็แสดงออกแบบนั้น
แต่เขาก็เด็กกว่าผมจริงๆ ล่ะนะ
“งั้นไปก่อนนะ”
“อือ”
ผมมองคนที่เอากระเป๋าพาดบ่า ก่อนจะเดินตามไปส่งปั้นใจที่หน้าบ้าน ซึ่งขาออกไปเขาก็เลือกที่จะเดินเหมือนตอนเข้ามา ซึ่งตอนแรกผมตั้งใจว่าจะโทรเรียกวินที่หน้าปากซอยให้ แต่เขาบอกไม่เป็นอะไร และเดินแค่นี้ก็ไม่ได้หนักหนานัก สุดท้ายผมก็ทำได้แค่ยืนมองอีกคนที่เริ่มเดินออกจากซอยบ้านผมไปจนสุดสายตา
อืม...
ถึงจะได้เจอแค่แป๊บเดียวแต่ก็ทำให้รู้สึกดีสุดๆ ไปเลย
ติ๊ง...
เสียงแชทเข้าที่ดังขึ้นทำให้ผมที่กำลังนอนมองรูปถ่ายขนมทองหยอดและฝอยทองหลังจากที่ช่วยแม่ทำจนถึงเย็นต้องละสายตาจากภาพแล้วกดเข้าแชทที่เด้งขึ้นมาทันที
Punjai : กลับห้องแล้ว
อ่า...
ผมหันไปมองนาฬิกาก็พบว่าตอนนี้สองทุ่มกว่าแล้ว ทำให้ผมรู้ว่าสิ่งที่เขาไปทำกับพวกรุ่นพี่วันนี้คงจะหนักหนาเอาเรื่อง ผมจึงกดส่งรูปถ่ายขนมไปให้เขา
Gunchai : (รูป)
Gunchai : เราก็ทำขนมเสร็จแล้ว
Punjai : น่ากิน
Gunchai : อร่อยด้วย
Punjai : พรุ่งนี้ฝากท้องอีกครั้งนะ
Gunchai : ได้เลย
ผมที่พิมพ์แชทตอบกลับไปในขณะที่นอนเล่นอยู่บนเตียง ซึ่งวันนี้ผมเลือกที่จะนอนเฉยๆ แทนที่จะดูหนังหรือฟังเพลงฆ่าเวลาแบบทุกครั้งเพื่อรอแชทปั้นใจ และเขาก็ทักมาหาผมจริงๆ ทำให้แชทที่เงียบมานานของผมได้มีปฏิกิริยาอีกครั้ง
“พรุ่งนี้ทำอะไรให้ปั้นใจกินดี...”
ผมที่นอนนึกเมนูสำหรับพรุ่งนี้ก็ได้แต่หลุดยิ้มออกมา ก่อนจะดูที่หน้าจอโทรศัพท์ที่มีแชทใหม่เข้ามาอีกครั้ง
Punjai : จะนอนหรือยัง
Gunchai : ยังไม่ง่วงเลย
Punjai : ไม่ง่วงเหมือนกัน
ผมอ่านแชทที่ถูกตอบมาอย่างรวดเร็ว จนไม่รู้ว่าเขาเป็นเหมือนผมหรือเปล่าที่ไม่ได้กดออกจากแชทเลย ก่อนที่ตัวเองจะลุกขึ้นนั่งแล้วมองโทรศัพท์ด้วยความอารมณ์ดี แต่ยังไม่ทันจะพิมพ์อะไรกลับไป อีกฝ่ายก็พิมพ์มาหาผมซะก่อน
Punjai : ทำอะไรอยู่
Gunchai : นอนเล่นอ่ะ ไม่มีอะไรทำ ปั้นอ่ะ
Punjai : ว่าจะอาบน้ำ ร้อน
Gunchai : อ๋อ งั้นไปอาบน้ำก่อนก็ได้
Punjai : อาบเสร็จแล้วจะคุยด้วยต่อเหรอ
Gunchai : อืม ก็ถ้าปั้นอยากคุย เราคุยเป็นเพื่อนก็ได้
ผมที่ตัดสินใจพิมพ์กลับไปก็ได้แต่มองแชทที่จะตอบกลับมาอย่างลุ้นๆ ซึ่งผมเองก็ยอมรับว่าอยากคุยกับเขาเหมือนกัน เพื่อนผมไม่ได้มีเยอะแยะ และการคุยผ่านแชทกับเพื่อนครั้งแรกก็ดูเหมือนจะเป็นเรื่องน่าตื่นเต้นไม่น้อย
ถ้าขอให้ปั้นใจกับพาฝันสร้างกลุ่มแชทจะเป็นไรมั้ยนะ...
ติ๊ง...
เสียงแชทที่ดังขึ้นทำให้ผมก้มไปมองหน้าจอก็อดยิ้มออกมาไม่ได้
Punjai : ขอเวลา 10 นาที เดี๋ยวมา
ผมที่พิมพ์ตอบกลับไปแค่ ‘อืม’ ก็ได้แต่มองแชทตรงหน้าอย่างกลั้นยิ้มไม่อยู่ ผมรู้ว่าการคุยแชทกับ ‘เพื่อน’ มันไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกมีความสุขขนาดนี้หรอก
แต่เป็นเพราะเจ้าของแชทที่ผมคุยด้วยเป็นปั้นใจต่างหาก
อ่า...เรื่องกลุ่มคงต้องไว้สร้างทีหลังแล้วกัน
ผมวางโทรศัพท์ลงตรงหน้าก่อนจะเอามือขึ้นกุมแก้มของตัวเองไว้ ซึ่งแก้มผมก็ยังคงเยอะเหมือนเดิมและผมก็เริ่มรู้สึกว่ามันเยอะกว่าเดิมแล้วด้วย ก่อนที่ตัวเองจะลุกขึ้นแล้วเดินไปที่หน้ากระจก ซึ่งผมเป็นคนตัวขาว คอสั้น เนื้อที่แขน ขา พุง แก้มมีเยอะจนถ้าตัดขายคงได้หลายกิโล ซึ่งผมไม่เคยคิดเรื่องลดความอ้วนมาก่อน ผมไม่เคยอยากดูดีในสายตาคนอื่น แม้ว่าหลายๆ คนจะบอกว่า ลดหน่อยเถอะ อนาคตจะได้มีโอกาสในเรื่องการงานมากขึ้น ซึ่งผมก็รู้ดีว่าบุคลิกเป็นเรื่องสำคัญ ใช่ว่าคุณจะเก่งแล้วจะได้งานเลย แต่ผมก็ยังก้มหน้าก้มตากินอยู่โดยไม่สนเรื่องอื่น จนกระทั่งผมได้รู้จักกับปั้นใจ ผมเริ่มอยากจะดูดีในสายตาเขา แม้จะเป็นเรื่องเล็กน้อยก็ตาม
ผมควรจะลดความอ้วนดีมั้ย...
ถ้าปั้นใจเดินกับเพื่อนที่อ้วนอย่างผม เขาจะอายคนอื่นหรือเปล่า...ไม่สิ ปั้นใจไม่ใช่คนแบบนั้น เขาไม่มีทางที่จะอายแค่เรื่องคบผมเป็นเพื่อนแน่...
งั้นก็ไม่ต้องลดก็ได้มั้ง...
Rrrrrr ~
เสียงโทรศัพท์ทำให้ผมสะดุ้งก่อนจะเดินกลับไปที่เครื่องมือสื่อสารเล็กๆ บนเตียง ก่อนที่ตัวเองจะต้องเบิกตากว้างเมื่อเห็นว่าคนที่โทรมานั้นเป็นเจ้าของแชทที่เพิ่งบอกผมว่าไปอาบน้ำเมื่อสักครู่ ทำให้ผมที่ตอนแรกตกใจอยู่ก็ได้แต่กัดปากข่มความประหม่าไว้ก่อนจะเอื้อมมือสั่นๆ ไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดรับ
“ปะ...ปั้น...”
{นอนแล้วเหรอ}
“ยังๆ ยังไม่นอน แค่นั่งคิดอะไรเรื่อยเปื่อย...”
{คิดอะไร}
“เรื่องลดความอ้วน”
{อยากลดเหรอ} คำถามของคนในสายทำให้ผมได้แต่คิดหนักก่อนจะขึ้นไปนั่งบนเตียงเหมือนเดิม {ทำไมอยู่ๆ ถึงอยากลดล่ะ}
“ไม่รู้อ่ะ...”
{ไม่อยากกินเค้กแล้วเหรอ}
“อยากสิ !” ผมรีบพูดออกไปและรู้สึกอยากจะร้องไห้ขึ้นมาเมื่อนึกถึงว่าถ้าลดน้ำหนักผมต้องอดกินเค้กแน่ๆ “งั้นไม่ลดแล้ว...”
{อืม ก็ไม่ได้อ้วนขนาดนั้น ไม่ต้องพยายามลดหรอก แค่ออกกำลังกายบ้างก็พอ} ปั้นใจที่พูดขึ้นทำให้ผมพยักหน้าตามแม้เขาจะไม่เห็นก็ตาม {แล้วทำอะไรอยู่}
“ตอนแรกก็คิดเรื่องลดน้ำหนักแหละ แต่ตอนนี้เปลี่ยนเป็นคุยกับปั้นแล้ว”
และผมก็ไม่รู้ว่าเราเปลี่ยนจากการคุยแชทเป็นคุยด้วยเสียงกันได้ยังไง...
{อ่อ...} เขาขานรับก่อนที่ผมจะได้ยินเสียงจากฝั่งนั้นเหมือนกำลังทำอะไรสักอย่าง ซึ่งผมก็ไม่กล้าถามเหมือนกัน เขาจึงเป็นฝ่ายถามขึ้น {พรุ่งนี้เอาขนมอะไรมั้ย}
“ง่ะ...”
{เป็นอะไร}
“ก็เมื่อกี๊เราบอกว่าจะลดความอ้วนอยู่เลย ตอนนี้ปั้นกลับถามเราละว่าจะกินอะไรมั้ย แกล้งเราหรือเปล่าเนี่ย...”
{อ้าวเหรอ โทษที} เสียงหัวเราะเบาๆ ของปลายสายทำให้ผมหลุดยิ้มออกมาเช่นกัน
“คงไม่ผอมง่ายๆ แน่”
ผมพูดขำๆ ทำให้ทางนั้นเองก็หัวเราะออกมาอย่างไม่ปิดบังเช่นกัน ก่อนที่เสียงของปั้นใจจะทำให้ผมที่กำลังหัวเราะอยู่ต้องค้างไปทั้งอย่างนั้น มีเพียงหัวใจเท่านั้นที่เต้นแรงกว่าเดิมหลายเท่าตัว
{อืม...}
“...”
{คงไม่ปล่อยให้ผอมง่ายๆ เหมือนกัน}