ˢᵐᵃˡˡ ˡᵒᵛᵉ​ "รักใหญ่ไล่รักเล็ก" l Chapter 29 : จอง : หน้า 5 (06/01/18) HNY!!
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ˢᵐᵃˡˡ ˡᵒᵛᵉ​ "รักใหญ่ไล่รักเล็ก" l Chapter 29 : จอง : หน้า 5 (06/01/18) HNY!!  (อ่าน 24502 ครั้ง)

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ keywordz

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-0
    • แฟนเพจ
Chapter 12 : แน่ใจ
 

 
 
 
“ตึ๊ด… ตึ๊ด...”
 
….เห้อ เสียงโทรศัพท์ดังเตือนต้อนรับวันใหม่อีกแล้ว โคตรไม่อยากตื่นเลย ผมปิดเสียงโทรศัพท์ทั้งๆที่หลับตาอยู่ เป็นวันที่โคตรขี้เกียดไปเรียนที่สุดของเทอมเลย
 
 
“ตื่นได้แล้วครับ… จิม”
 
เชี้ยยยยย นี่มันอยู่ในหัวผมอีกแล้วใช่ไหมเนี่ย ตั้งแต่รู้จักมันมามีวันไหนไหมนะ ที่ไม่มีมันอยู่ในหัว
 
 
“ตื่นนะครับจิม…”
 
นี่เสียงในฝันจะอ่อนนุ่มไปแล้ว (รู้สึกดีที่ได้ยินเฉยเลย รู้สึกเหมือนตัวเองแอบยิ้มในใจ)
 
 
“ยิ้มอะไรเตี้ย ตื่นได้แล้ว”
 
เสียงมันชัดไปไหมวะ? ผมเริ่มปลุกตัวเองให้ตื่นจากภวัง…
 
 
“เห้ย!!”
 
สะดุ้งตกเตียงดิครับจะทำไมซะอีก ก็เล่นตื่นมามีหน้าไอ้อาร์มเต็มหน้าขนาดนั้น
 
 
“เอ้าๆ เป็นไรเปล่า”
 
อยู่ๆโผล่มาให้เห็นแต่เช้า ก็ตกใจดิ ก็นี้มันห้องนอนผม
 
 
“มึง มาได้ไง… อย่าบอกนะกูไม่ได้ล็อกห้อง”
 
ผมเริ่มลุกขึ้นจากสภาพล้มลงข้างเตียง
 
 
“เออดิ ของหายหมดแล้ว ทำไมไม่ยอมล็อกประตูดีๆ เป็นไรเปล่าเนี่ย โจรมันทำไรไหม”
 
 
“ห่ะ!”
 
ผมเริ่มสำรวจตัวเอง เอาจริงหรอวะเนี่ย คอนโดมีขโมยมาเปิดห้องคนในตึกด้วย!
 
 
“จะห่ะอะไรถามว่าเป็นไรรึเปล่า”
 
ผมไม่ได้ฟังมันเท่าไหร่มองไปรอบห้อง (โอเค ทุกอย่างดูไม่หาย แสดงว่าโจรขโมยแต่ของนอกห้อง) คิดได้งั้นก็รีบออกไปสำรวจ
 
 
“กูโอเค เชี้ยเอ๊ย”
 
ผมรนรานตอบมันพร้อมออกมากวาดสายตาไปรอบห้อง
 
 
...ทุกอย่างเหมือนเดิม
 
 
ไอ้อาร์มเล่นผมแล้ว…
 
 
“สัด!”
 
“ฮ่าๆ ล้อเล่นนะครับเตี้ย”
 
 
“เตี้ยเชี้ยไร ห่า กูตกใจหมด”
 
 
“ไม่มีไรหรอก เมื่อคืนอาร์มอยู่นอนห้องจิม โทษทีๆ รบกวนเลย”
 
อ้าวหรอ ก็ยังดีกว่ามีโจรเข้าห้องแหละนะ แต่ก่อนเลยนะ แม่ง แกล้งผมแต่เช้า คิดหรอว่าคนปากหมาอย่างผมจะเงียบ
 
 
“สาดดดด ไอ้อาร์มมมม”
 
ผมกระโดดจะล็อกคอมันให้ลงมาในระดับที่ผมจะรังแกได้...แต่ผลคือ
 
 
แม่งเปลี่ยนท่ามาเป็นอุ้มผมในสภาพที่...โคตรอายความพ่ายแพ้ตัวเอง อารมณ์เหมือนผัวอุ้มเมียอย่างนั้นล่ะ
 
 
“เห้ยยยยยย ปล่อยกู ปล่อยยยย”
 
ผมดิ้นสุดแรงเท่าที่ลูกผู้ชายคนนึงจะมีได้ แต่อะไรมันจะเป็นใจให้ไอ้อาร์มเสียหลักล้มได้พอดิบพอดีกับเบาะโซฟา แถมประคองผมไว้ในอ้อมแขนมันอย่างดี กลัวว่าผมจะตกเบาะชนกับขอบโต๊ะ
 
 
สายตาสองคู่ประชิดกันเกือบจะประจบอยู่แล้ว ถ้าไม่ติดว่าผมรู้สึกถึงปลายจมูกผมที่โดนริมฝีปากผมคงไม่ตัวแข็งทื่อนิ่งให้มันคร่อมอยู่อย่างนี้นานจน ผมรู้สึกถึงเสียงของหัวใจตัวเองที่เต้นดังมาก
 
 
“เป็นไรมากไหมครับจิม”
 
“...ออกไป เชี้ยกูเหม็น ยังไม่ได้อาบน้ำ”
 
แล้วมันใช่เรื่องจะมาพูดไหมมมม (ทำไมมึงไม่โวยวายวะไอ้สาดจิม) อาร์มเริ่มถอยลุกออกมาจากตัวผมด้วยสีหน้าที่โคตรจะแดง ถ้าผมไม่ได้รู้สึกและคิดไปเอง ผมว่ามันก็คงใจเต้นแรงเหมือนกันกับผม
 
 
“แล้วทำไมมึงไม่กลับบ้าน”
 
(เปลี่ยนเรื่องได้ควายมาก) หวังเพียงจะลบภาพเมื่อกี้ออกจากหัว ไม่รู้จะได้ผลไหม
 
 
“อะ..อ้ออ พอดีเมื่อคืนเตี้ยเปิดหนังทิ้งไว้ตอนกินโจ๊ก อาร์มเลยนั่งดูต่อให้จบ เห็นว่าดึกแล้วเลยนอนที่นี้เลย ขอโทษทีนะที่ไม่ได้บอกล่วงหน้า จิมหลับไปก่อนแล้วอะครับ”
 
เหรออออออออออออออออออออออออออออ ไม่ใช่เพราะอยากจะมีอะไรดีๆแบบเมื่อกี้หรอกรึ
 
 
“อืม.. โทษทีแล้วนี้นอนไหน อย่าบอกนะว่านอนโซฟา คราวหลังไปนอนในห้องกับกูก็ได้”
 
ผมแค่อยากให้มันนอนสบายๆจริงๆนะครับ ไม่ได้คิดอะไร ตัวยาวๆของมันจะมานอนโซฟาแคบๆ มันออกจะดูนอนลำบากไปหน่อย
 
 
“เห้ย ไม่เป็นไร อาร์มไม่อยากรบกวน”
 
 
“คร๊อกกกก”
 
เสียงท้องผมร้องแต่เช้า แต่เบาขนาดนี้อาร์มมันไม่ได้ยินเท่าไหร่ ดีแล้วครับมันจะได้ไม่ต้องมาล้อผม
 
 
“ชิบหาย 8โมง43”
 
ด้วยที่เสียงท้องร้องเตือนสติให้ผมดูนาฬิกาว่าพอจะมีเวลาเหลือให้กินข้าวไหม คำตอบคือ เหลืออีกแค่ 47 นาที ผมจะเข้าเรียนทันไหมเนี่ย
 
 
“เชี้ยอาร์ม ไม่ปลุกกูให้เร็วกว่านี้ๆๆๆๆๆ”
 
ผมรีบโดดไปห้องนอนไปเตรียมชุดกับของที่ต้องเอาไปเรียน โดยไม่สนว่าอาร์มมันจะว่าไง
 
 
“แล้ว... มึงไม่มีเรียนไงวะ”
 
ผมตะโกนออกจากห้องด้วยความที่ชะงักคิดได้ว่ามันไม่เรียนรึไงมาขลุกอยู่กับผมแต่เช้า
 
 
“เรียนบ่ายครับ แล้วอาการป่วยเป็นไงบ้างดีขึ้นไหมครับ”
 
 
“อ้อ ดีขึ้นละ กูแข็งแรงดี ไม่ต้องห่วง”
 
ผมตอบมันระหว่างวิ่งเข้าห้องน้ำ ระหว่างอาบผมแทบจะไม่ลีลาทำความสะอาดร่างกายเท่าไหร่เลยกะว่าเรียนเสร็จค่อยมาอาบต่อ ก็คนมารีบนี่ครับ
 
 
ช่วงเวลานึงที่อาบน้ำแล้วจะมาแปลงฟันหน้ากระจก ผมมองดูตัวเองใกล้ๆ…
 
“เชี้ย...อาร์มมันเห็นกูใกล้ขนาดนี้เลยหรอวะ”
 
ผมพูดกับตัวเองอีกแล้ว โชคดีที่เปิดเพลงในห้องน้ำไว้ (ทำไงได้เป็นคนติดเพลงติดหนังมาก)
 
 
ไอ้อาร์ม… มันใกล้ผมขนาดนั้น มันจะรู้สึกถึงเสียงเต้นของหัวใจผมไหมนะ ผมโคตรจะหักห้ามความรู้สึกตัวเองที่มีต่อมันมากเลยนะ ไม่ว่าจะกี่ครั้งต่อกี่ครั้งก็พยายามเลี่ยงที่จะไม่ให้อะไรๆมันเลยเถิดไปไกล
 
แต่ไม่ว่าจะพยายามเท่าไหร่
 
 
แม่งก็ไม่หลุดไปจากหัวผมเลย…
 
 
 
นี่ถ้าไม่ติดว่ามันมีปอย ผมไม่อยากนึกสภาพตัวเองเลยด้วยซ้ำ
 
 
“นี้...กูรู้สึกแบบนี้กับผู้ชายหรอวะ”
 
ผมมองตัวเองหน้ากระจกก่อนจะแปลงฟันขึ้นมา…
 
 
ขม! ชิบ ดันบีบโฟมล้างหน้ามาแปลง ผมนี่บ้วนปากแถมไม่ทัน
 
 
 
 
พอผมออกมาจากห้องน้ำ…
 
 
ไอ้อาร์มไม่อยู่แล้ว ทิ้งไว้แต่โน๊ตกับถ้วยมาม่าและเม็ดยาที่แกะแล้วอยู่ในแก้ว
 
 
“โทษทีนะครับจิม ใจจริงอาร์มอยากไปส่งจิมนะ แต่ผมต้องไปทำธุระให้พ่อหน่อย อาบน้ำเสร็จ รีบกินมาม่ากินยาแล้วไปเรียนนะครับ เตี้ย”
 
 
...ไอ้ห่าผมยิ้มออกมาไม่รู้ตัวเลยนะเนี่ย…
 
 
แม่งจะเทคแคร์ดีไปไหน ยิ่งกว่าเพื่อนอีกมั้ง (ผมเริ่มมั่นใจว่ามันคงไม่ได้เข้าหาผมแค่เพราะอยากเป็นเพื่อนแล้วแหละ) แต่แปลกตรงที่ผมไม่ต่อต้านมันนี้ดิ
 
ปกติแค่ไอ้กี้แกล้งเล่นผัวๆ ผมก็ขนลุกขยะแขยงมันชิบหายจะตายอยู่ละ แต่กับอาร์ม ผมกลับรู้สึกตรงกันข้ามเลย ยิ่งผมต่อต้านความรู้สึกตัวเองเท่าไหร่ เหตุการณ์ต่างๆยิ่งตอกย้ำผมว่า…
 
 
….ผมก็รู้สึกไม่เหมือนว่ามันเป็นแค่เพื่อน
 
 
 
 
 
 
 
“และนี้ ก็เป็นตัวอย่างของเพื่อนที่มาสายแล้วไม่ได้ฟังเล็คเชอร์ของผมนะครับ”
 
อาจารย์เล่นผมแต่เช้า ช่วยไม่ได้ผมคงต้องยอมอาจารย์วันนึงเพราะผมดันสายเพราะมัวแต่กินมาม่ากินยา กว่าจะแต่งตัวจัดของมาห้องเรียนก็ปาไป 9 โมง 45 แล้ว สายแค่ 15 นาทีเอง ทำไมเล็คเชอร์กันไวจัง
 
 
“ขอโทษครับอาจารย์ ผมจะไม่สายอีกแล้วครับ นะครับนะอาจารย์”
 
ผมพยายามอ้อนอาจารย์ไม่ให้เช็คผมมาสาย นี้ต้องใช้ความเตี้ยให้เป็นประโยชน์
 
 
“อย่าคิดว่า จะใช้ความอ้อนจะทำให้ผมเช็คคุณมาตรงเวลาได้นะ ต้องรับผิดชอบมากกว่านี้เข้าใจไหมรชานนท์”
 
อาจารย์ ผมขอโทษจริงๆน้า ผมจะเป็นเด็กดี
 
 
“โหยอาจารย์ ผมไม่สบายนะครับเนี่ยยย อาจารย์ดูยาผมสิ ผมตื่นมาก็รีบมาเรียนเลยนะครับ”
 
 
“เอาๆ ครั้งนี้ถือว่าตักเตือนแล้วกัน แต่ครั้งหน้าผมไม่ให้แล้วนะ แล้วกินข้าวกินยายัง ถ้าไม่ไหวไปพักห้องพยาบาลก่อน ค่อยมาทำงาน”
 
 
“ไหวสิครับจารย์ ผมอยากเรียนกับอาจารย์จะตายยังไงผมก็ไม่มีทางขาดวิชาอาจารย์อยู่แล้ว”
 
นี่ผมอ้อนได้ผลใช่ไหมเนี่ย นอกจากอาจารย์จะส่ายหน้าเอ็นดูผมแล้วยังเปลี่ยนเช็คชื่อให้ผมมาตรงเวลาได้ด้วย (นี่ผมโกงเพื่อนๆไหมนะ)
 
 
“โตได้แล้วเรา ไปๆ ไปถามเพื่อนว่าเล็คเชอร์อะไรบ้าง แล้ววันนี้วาดรูปขึ้นโครงกับลงแสงเงาด้วยนะ ส่งท้ายคาบ”
 
 
“รับทราบครับผม! ขอบคุณครับอาจารย์”
 
แล้วผมก็ไปนั่งเก้าอี้ข้างๆกี้ คลาสวันนี้เป็นวิชาดรออิ่ง ที่เล็คเชอร์ไปก็คงเป็นวิธีการขึ้นโครงกับลายเส้นการลงแสงเงา ผมเลยไม่อยากเสียเวลาเท่าไหร่เดี๋ยวจะวาดรูปส่งท้ายคลาสเรียนไม่ทัน (แต่ทันอยู่แล้วเรื่องวาดรูปผมโคตรชอบและถนัด)
 
 
 
“ไง มึง หายป่วยแล้วหรอ กูนึกว่ามึงจะหยุดแล้ว”
 
 
“เออ ไอ้กี้บอกว่ามึงป่วย พวกกูก็กะจะไปเยี่ยมที่ห้องละ”
 
 
“ดีขึ้นแล้ว แต๊งกิ้วมึง วันนี้ขึ้นรูปกี่วัตถุวะ”
 
ผมถามโจทย์จากไอ้ดิวไอ้กี้ที่นั่งใกล้ๆกัน
 
 
“ก็ 3 นะ รีบทำเข้า เดี๋ยวไม่ทัน”
 
ดิวตอบผม
 
 
“เออกี้ แล้วประกวดดาวเดือนมึงอะไปถึงไหนแล้ว”
 
ผมหาเรื่องคุยกับกี้ เพราะนึกขึ้นได้ว่ามันก็ได้รับเลือกในการประกวดดาวเดือนคณะ แหม หน้าตาและหุ่นอย่างมันไม่ได้ก็แปลก
 
 
“ห่า เซ็งชิบหายเข้ารอบ 10 คน ต้องแสดงความสามารถห่าเหวอะไรด้วย จัดอย่างกับประกวดดาวเดือนมหาลัย”
 
 
“ดีแล้วไม่ใช่หรอมึง ได้เข้ารอบ 10 คน”
 
ผมงงกับการที่มันมานั่งเซ็งได้อยู่ในท็อปเท็นแห่งความหล่อของคณะ
 
 
“ดีเชี้ยไร เพื่อนมึงไหนจะซ้อมบอล ไหนจะเรียนยังต้องมาซ้อมแสดงความสามารถพิเศษอีก แม่งบ่นให้กูฟังแต่เช้า”
 
ไอ้ดิวโวยแทนเพื่อน
 
 
“เออ ปัญญาเรียนกับซ้อมบอลกูก็จะเรียนแย่อยู่ละ นี่มีดาวเดือนอีก”
 
 
“เอานา มองโลกในแง่ดี มึงได้หญิงเพียบ! ชี้ได้อยากได้คนไหนเต็มเลยนะเว้ย”
 
ผมพยายามหาข้อดีมาปลอบใจมัน ซึ่งดูจะได้ผล
 
 
“เออว่ะ ถ้ากูได้เดือนคณะนะ ไม่ดิ กูจะเอาเดือนมหาลัย เดี๋ยวกูจะสอยดาวให้ผมทั้งมหาลัยเลยคอยดู”
 
เชี้ย… ความคิดมันนี้ ไม่ไหวจะคุยด้วยได้
 
 
“เออ แล้วแต่มึง กูอวยพรให้มึงโชคดีนะ ถุ้ย!”
 
ผมอวยพรให้มันอย่างเต็มใจ (ประชด)
 
 
“ว่าแต่… เป็นไงบ้างเรื่องผัวมึง มันเลิกรู้สึกผิดยัง”
 
 
“กูจะไปรู้รึ”
 
 
“เอ้า กูก็นึกว่ามึงคุยกันตลอดเวลา เห็นช่วงนี้สนิทกัน”
 
 
“ใครวะ”
 
ดิวมึงงงง อย่าไปถามมัน แม่งต้องตอบเกินจริงแน่
 
 
“ก็เชี้ยจิมแม่งโดนข่มขืนในห้องสมุด ไอ้เชี้ยเติ้ลอะ น้องรหัสพี่แตมอะ ที่ไปงานวันเกิดพี่บาสไงมึง”
 
 
“อ้อ เชี้ยที่หล่อๆอะนะ แม่งเล่นจิมแล้วหรอวะ”
 
ไอ้ดิว มันเชื่อกี้จริงๆใช่ไหม ผมไม่อยากจะเชื่อว่ามันจะโง่
 
 
“สัดดดดดดดด! พวกมึงหุบปาก วาดรูปไป ข่มขืนพ่อง บังเอิญเจอเว้ย บังเอิญเจอ”
 
 
“เออกูก็ว่าอยู่ ห้าวเป้งอย่างแม่งใครจะเอา แต่จะว่าไปถ้ามึงมาสายแบ๋วนี้ก็ไม่แน่นะ ไอ้สัดปากหมานี้หมดเลยห่างไกลจากบุคลิกและใบหน้ามึงมาก”
 
ไอ้ดิวมันก็ชงเข้าไป เออออ ผมชักจะหงุดหงิดละ
 
 
“แบ๋วพ่อง ปากหมาแล้วไง เรื่องของกู ถ้าพวกมึงไม่หุบปากนะ กูจะฉีกงานพวกมึง”
 
 
“เห็นไหม ยังไม่ทันขาดคำดุเป็นหมาเลย ห่า”
 
 
“ไม่หยุดใช่ไหม...ได้”
 
ผมทำท่าจะเดินไปฉีกกระดาษที่มันวาดเสร็จไป 1 ชิ้น (นักเลงชิบเลยผมเนี่ย)
 
 
“เห้ยๆๆ กูล้อเล่น อย่าๆ”
 
 
“เออแค่นั้นแหละ อย่าหาว่าเตี้ยโหดไม่เตือนไอ้น้อง”
 
 
“จ้าาา พ่อคนเก่ง”
 
เยาะเย้ยเข้าไป ไอ้พวกเวร อย่าให้สูงมั้งนะ จะใช้อำนาจความสูงของตัวเองถล่มไอ้สองตัวนี้ให้ราบเลย
 
 
วันไหนที่มีเรียนดรออิ่ง ผมจะโคตรชิวเพราะทำงานเสร็จก่อนเวลาก็สามารถกลับได้เลย แถมผมก็ทำงานไวซะด้วย แต่อย่าคิดว่าผมจะได้กลับไวเลยครับ พอผมทำเสร็จสักพักก็ต้องช่วยดูงานไอ้กี้กับปรับแสงเงาให้มันหน่อย (จริงๆ ไอ้จุดนี้ผมอยากจะช่วยเพื่อนนะครับ แค่ฟังมันบ่นเรื่องดาวเดือนก็สงสารละ เด็กทุนกีฬา แค่คิดก็เหนื่อยกระดูกแตกแล้ว)
 
 
 
“ไอ้กี้ ไอ้ดิว กูกลับก่อนนะ ว่าจะนอนกลับไปนอนพักหน่อยยาแม่งทำให้ง่วงสัด”
 
 
“เห้ย เดี๋ยวดิกูไปด้วยอยากไปซื้อชาเย็นหน้าซอยคอนโดมึง”
 
ไอ้กี้ มันชอบมากร้านหน้าซอย อร่อยดีจริงๆผมก็ชอบ แต่วันนี้ผมกินไม่ได้ อยากให้อาการป่วยหายสนิทก่อนค่อยกินของเย็นๆ
 
 
“เค”
 
 
ผมกับกี้ก็เริ่มเดินออกจากห้องเรียน ส่วนไอ้ดิวไม่ต้องสงสัยหรอกครับ มันรอพี่ตั้วเรียนเสร็จถึงจะกลับ
 
 
“มึง ดาวเดือนงานมีวันไหน”
 
 
“เสาร์นี้ ทำไมมึงจะมาหรอ”
 
“ไม่อะ กูจะได้ไม่ไป”
 
 
“สัด มาเชียร์กูด้วยกูไม่ค่อยสนิทกับใคร”
 
 
“งานมันใหญ่ขนาดนั้นเลยหรอวะ”
 
ผมสงสัยมากกับแค่ดาวเดือนคณะทำไมต้องทำยิ่งใหญ่
 
 
“ใหญ่อะไรแค่จัดตรงใต้ตึกคณะเราเนี่ยเอง”
 
 
“อ่อหรอ เออๆ ดีเหมือนกันกูไม่ชอบคนเยอะแยะวุ่นวาย”
 
 
“แต่ก็คนเยอะอยู่นะ มีป็อปปูล่าโหวตด้วย อย่าลืมซื้อดอกไม้มาโหวตกู”
 
แม่งมีความหาเสียง
 
 
“สัด เอาตังมากูไม่มีตัง”
 
เอาดิ เงินมาคะแนนไป ฮ่าๆ
 
 
“เพื่อนอะเพื่อน มันดูกันตรงนี้แหละ”
 
เอาซะ ผมเถียงสู้ไม่ได้เลย
 
 
“เออ กูซื้ออยู่และ จะไม่ซื้อก็ตรงมึงบังคับเนี่ยล่ะ”
 
 
“ดีมาก ไอ้แคระ”
 
 
“แคระ...พ่อง…”
 
ผมพยายามโฟกัส..ไปยังที่จอดรถที่ผมต้องเดินผ่านทุกวันก่อนออกจากมหาลัย
 
 
“เป็นไรมึง…”
 
 
“กี้… นั้นอะ”
 
ผมชี้ไปทางลานจอดรถของมหาลัย ให้มันช่วยสังเกตร่างสูงๆร่างนึงกำลังเดินหัวเราะกับผู้หญิงคนนึงเข้าไปที่จอดรถ
 
 
“ไหน… อะ นั้นไอ้เติ้ลนี่ เดินกับใครวะ”
 
ปอย… ยิ่งเดินเข้าไปใกล้ขึ้นเรื่อยๆ มันยิ่งชัดมากขึ้น
 
 
“ปอย…”
 
 
“ใครวะปอย”
 
 
“แฟนมัน”
 
 
“!!”
 
หน้าตกใจของกี้มันชัดเกินจนผมเห็นได้ชัด หลังจากนั้นไม่นานใบหน้าเปลี่ยนเป็นโทนตรึงๆ เหมือนจะโมโห… คงไม่อะ มันจะโมโหเรื่องอะไร ไม่มีเหตุผล ไม่ใช่แค่มัน ผมเองยังหงุดหงิดเลย ไม่รู้ทำไม ผมหงุดหงิดมากกับภาพที่เห็น ทั้งขุ่นเคืองใจ ทั้งไม่เข้าใจ
 
“อ่าวเห้ย มึงจะไปไหน ไอ้กี้”
 
แค่เสี้ยววิที่ผมอยู่กับความคิดตัวเอง ไอ้กี้ก็กำลังเดินเข้าไปหาสองคนนั้นแล้ว
 
แต่ก่อนที่กี้มันเดินจะไปถึงระยะสายตาของทั้งสองคน
 
กอดกัน…
 
(นี่กลับไปคบกันแล้วรึ?)
 
 
(นี่ผมไม่ต้องเหนื่อยออกแรงพูดช่วยปอย มันก็กลับไปคบกันแล้วรึ?)
 
 
 
 
แล้วเสียงหัวใจที่ผมได้ยินเมื่อเช้า…
 
กับข้อความบนโน๊ตที่ดูห่วงใย
 
 
 
มันคืออะไรวะ!!
 
 
 
 
 
 
………………………………………
 
 
 
“อย่าเพิ่งแน่ใจกับสิ่งที่ไม่ชัดเจน มันจะเป็นหนามทิ่มแทงความรู้สึกที่วาดขึ้นมาโดยไม่ตั้งใจ”
 
 
 
 
 
Talk : เดี๋ยวดีเดี๋ยวหน่วง อาร์มนี้ยังไง จิมเริ่มอ่อนใจแล้วนะ แย่ๆ /// ตอนหน้าต้องมีเตะต่อยกันบ้างล่ะ

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ปอย วางแผนไรเปล่า  o18

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
 :L2: :pig4:

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
อาร์มเอาไงแน่ หรือนั้นกอดแบบเพื่อนจริงๆ ที่ปอยบอกว่ามีคนมาสนนี่กำลังคบกันแล้วใช่มั้ย

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
กี้กับปอย?

ออฟไลน์ keywordz

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-0
    • แฟนเพจ
Chapter 13 : สับสน
 

 
 
 
 
 
“กี้! ทำไรของมึงวะ”
 
ผมห้ามไอ้กี้ที่ผลักร่างของอาร์มเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
 
 
“สัด เติ้ล… มึงยังไงแน่”
 
ตอนนี้ในหัวผมโคตรหลายอารมณ์ ทั้งงง ทั้งสับสน ทำไมจู่ๆไอ้กี้มันปี๊ดจัด แล้วยังหงุดหงิดใจไม่หายที่เพิ่งเห็นภาพอาร์มกับปอยกอดกัน มันทำให้ผมชักไม่แน่ใจแล้วว่า จริงๆแล้วอาร์มมันจะเอายังไงกับผมกันแน่ พอมองไปที่ปอยก็รู้สึกผิดที่ลึกๆแล้วตัวผมก็คิดไม่ซื่อกับอาร์มมันทั้งๆที่ปอยเป็นคนขอให้ช่วยให้ปอยกับอาร์มคืนดีกัน
 
 
“เดี๋ยวดิวะ กี้ นี้มันอะไรกัน”
 
 
“นี้พวกนายจะทำอะไรเติ้ล...อย่านะ”
 
ปอย..เธอเองก็งงไม่ต่างจากผมเลย (ผมไม่เกี่ยวนะปอย ผมเองก็ไม่รู้เรื่อง)
 
 
“จิม มึงกลับไปก่อนเดี๋ยวกูขอเคลียร์กับไอ้เหี้ยนี้ก่อน”
 
 
“มันเรื่องอะไรวะมึง”
 
 
“เออ กูบอกให้กลับไป สัดเติ้ล มึงมานี้”
 
 
“เห้ย เดี๋ยวดิกี้ ฟังกูก่อน จิมครับ รอก่อนนะ…”
 
รอ?
 
 
(รออะไรวะ กูไม่เข้าใจมึงสองคน)
 
 
ตอนนี้มีแต่ผมกับปอยที่ยืนงงอยู่กับที่ ไม่ไปไหน มองภาพไอ้ห่ากี้ลากคออาร์มไปมุมของตึกคณะ business
 
 
“ฮัลโหล พี่บาสคะ พี่บาสอยู่ไหน”
 
ปอยหยิบโทรศัพท์มาพูดกับคนชื่อบาส แล้วเดินออกจากจุดที่ผมยืนอย่างเร่งรีบ
 
 
“ปอยมีเรื่องให้ช่วยหน่อย”
 
แค่นั้นที่ผมได้ยิน (นี่มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นวะเนี่ย)
 
 
ที่ผ่านมามีแต่เรื่องที่ผมไม่เข้าใจเกิดขึ้นทั้งนั้น วุ่นวายใจชิบ
 
 
สิ่งเดียวที่คิดได้ตอนนี้คือ โคตรอยากจะกลับบ้าน(หมายถึงบ้านต่างจังหวัดนะครับ ผมอยู่สระบุรี) การมาเรียนที่นี้ทำให้ผมเจอสิ่งใหม่ มันใหม่มากจนบางทีผมไม่รู้ว่าตัวเองจะรับมือกับมันยังไงดี อยากกลับไปอยู่บ้านพักสมอง กอดพ่อกอดแม่ เล่นกับหมาที่บ้าน แล้วนอนพักให้เต็มอิ่ม
 
แต่สิ่งที่ผมทำได้ก็แค่เดินไปขึ้นรถกลับคอนโดตัวเอง ท้ายที่สุดแล้วผมก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องของกี้กับอาร์มมัน เพราะงั้นก็ปล่อยให้มันเคลียร์กันเอง ถ้ามันอยากจะเล่าให้ผมรู้ เดี๋ยวผมก็คงจะได้รู้
 
 
ประเด็นที่ผมหงุดหงิดใจมันไม่ได้อยู่ตรงที่ไอ้กี้มีเรื่องอะไรกับอาร์ม แต่สิ่งที่ทำให้ผมหงุดหงิดใจคือ ความไม่แน่นอนของพฤติกรรมอาร์มที่มีต่อผมกับปอย ถ้ามันรักปอย มันก็ไม่ควรจะมาทำให้ผมรู้สึกอะไรแบบนั้นกับมัน
 
 
 
จะพูดยังไงดีล่ะ...
 
 
มันเหมือนตัวเองเป็นเกม x box ที่ใครนึกจะเปิดเครื่องเล่นเกมต่อก็ทำได้ แต่ไม่ก็เล่นให้จบเกม ปล่อยให้มันค้างคา ตัวละครในเกมก็งงดิ สรุปแล้วจะต้องทำยังไง จะต้องเดินไปทางไหน จะต้องจบเกมยังไง ขึ้นอยู่กับคนเล่นรึไงวะ
 
แม่งเอ๊ยยยยยยยยย
 
 
มันไม่ใช่เกมนะเว้ยยยยยยยยยยยยย นี้มันชีวิตกู
 
 
 
 
 
ผมถอนหายใจทิ้งร่างลงบนเตียงในห้องสี่เหลี่ยมที่ผมคิดว่า มันเป็นที่เดียวที่ให้ผมได้พักร่างที่จู่ๆ ก็รู้สึกอ่อนล้า ชีวิตโคตรปั่นป่วน เมื่อเช้าเหมือนหัวใจตัวเองกำลังยิ้มๆอยู่เลย ตกเย็นเหมือนข้างในมันฝนตกระรัว
 
 
“เชี้ย กูคิดอะไรของกูอยู่วะเนี่ย”
 
 
ผมบ่นกับตัวเองในห้องที่แม่งเหมือนจะรู้สึกดีขึ้นที่ได้ระบายออกมาแม้จะไม่มีใครได้ยิน
 
 
“เชี้ยอาร์ม มึงแม่ง!”
 
เข้าใจอารมณ์ของคนที่ถูกหยอกล้อ ถูกทำให้วุ่นวายใจ แล้วต่อมาก็ถูกทำให้รู้สึกว่าได้รับการเทคแคร์ ดูแล ความห่วงใย ได้รับรู้เหมือนตัวเองจะค้นเจออะไรบางอย่าง รู้สึกถึงความอบอุ่นบางๆ ทั้งที่สมองแม่งโคตรจะต่อต้านเพราะรู้ว่าเป็นสิ่งผิด แต่ใจก็ถีบตรงไปทางให้ยอมรับมัน แต่กลับมาเจอภาพที่เป็นคำตอบว่า ที่ผ่านมามันไม่มีความหมายอะไรให้คิดแบบนั้นได้ มันเหมือนโดนพังกำแพงที่เรียกว่า
 
 
“ความหวัง”
 
 
เหมือนเราได้พบโอกาสจะได้เจอสิ่งที่คิดว่า ชีวิตคงไม่เจอ แม้จะเป็นกับคนที่ไม่ได้คาดไว้ แต่มันก็เหมือนหวังไปแล้วว่าคงใช่แหละ แต่แล้ววู้บเดียวที่คิดว่า ลองตามความรู้สึกตัวเองมากกว่าความถูกต้องดู จะได้ไม่ต้องมาอมทุกข์แบบนี้ กลับกลายเป็นผมต้องทุกข์ใจกว่าเก่า
 
 
“โว๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย”
 
 
ผมตะโกนระบายอารมณ์ระบายความคิดที่แม่งเต็มหัวผมไปหมด
 
 
“ไอ้เชี้ยจิมมึงจะคิดอะไรเยอะขนาดนี้ มึงมาเรียนนะเว้ยยยยยยยย”
 
เสียงเตือนสติตัวเองของผมที่ผมคิดว่าข้างห้องอาจจะได้ยินก็ได้ แต่นั้นก็ไม่ได้ช่วยให้ผมหยุดคิด สิ่งนึงที่โผล่มาในหัวผมแล้วทำให้จิตใจของผมแผ่วลงนั้นคือ ความถูกต้อง
 
 
 
ปอย… ปอยขอให้ผมช่วย ถ้าเขาสองคนคืนดีกันแล้วจริง มันก็ดีแล้วนี่ ผมก็จะได้สบายใจในส่วนที่ต้องช่วยปอยให้เขากลับมาหากันได้
 
อาร์ม… แม่งเป็นผู้ชายเหมือนกันกับผม มันจะเป็นไปได้ไงวะ ที่ผ่านมามันอาจจะเป็นแค่คนที่เทคแคร์คนเก่ง ห่วงใยเพื่อน มีแต่ใจผมนั้นแหละที่วอกแวก คิดไปเอง
 
 
“ควายเอ๊ยยยยย จิมมึงมันโง่”
 
การที่พูดตอกย้ำให้ตัวเองได้ยินมันก็ช่วยทำให้ความรู้สึกทุกอย่างที่ดูจะดังก้องอยู่ เบาลงได้หน่อย
 
 
เพราะผม… ตัดสินใจที่จะลืมความรู้สึกทั้งหมดแล้วเริ่มใหม่ ทำหน้าที่ที่ต้องมาเรียนของตัวเองก็พอแล้ว ไอ้เรื่องที่เคยคิดว่า ความรักผมคงจะหาได้ในรั้วมหาลัย คงเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว ใครมันจะมาชอบไอ้คนเตี้ย ปากหมาอย่างผมวะ
 
 
 
 
 
 
 
 
 
“ก๊อกๆๆๆ”
 
เออ เอาเข้าไปใครมันมาเคาะห้องอีกล่ะ ไม่เปิดรับใครเว้ย
 
 
“ก๊อกๆๆ”
 
ไปไหนก็ไปเว้ยยยย ไม่อยากคุยกับใคร
 
 
“จิม อยู่เปล่า?”
 
เชี้ย!! เสียงอาร์ม ไอ้คนที่ไม่อยากให้มากวนใจที่สุดดันโผล่มาตอนที่กำลังตัดสินใจอะไรได้แล้วเชียว
 
 
“จิม อยู่ไหมครับ นี่อาร์มเองนะ”
 
เอาไงดีวะ เปิดไปก็มีแต่เรื่องให้มาคิดอีก แม่งผมนี่โคตรทุเรศตัวเอง เมื่อกี้แน่วแน่อยู่เลยว่าจะลืมๆทุกอย่างไปแล้วใช้ชีวิตใหม่ แค่มีเสียงไอ้อาร์มเข้าหูมาก็ทำให้สับสนไปหมดแล้วว่าจะทำไงต่อดี
 
 
“ก๊อกๆๆ”
 
แค่ผมเลือกที่จะไม่เปิดแล้วเงียบ มันก็ไม่เห็นจะยากเลย ผมมัวคิดอะไรให้มากมาย (ก็นะท้ายที่สุดผมเองที่ยังคงไม่อยากปล่อยทุกอย่างไปง่ายๆล่ะมั้ง)
 
“...”
 
ทุกอย่างเริ่มเงียบ… ผมก็ไม่วายที่จะสงสัยว่ามันไปรึยัง เดินไปดูผ่านรูตาแมวที่ประตู
 
ไอ้อาร์มไปแล้ว… ไม่รู้สิ ไม่รู้ว่าที่มันไม่อยู่เคาะต่อ มันดีสำหรับผมไหม
 
 
บางที...
 
ถ้ามันเคาะอีกที ผมอาจจะใจอ่อนเปิดประตูรับมัน
 
 
 
บางที…
 
ถ้ามันยังยืนรออยู่หน้าประตู ผมอาจจะสับสนลังเลเปิดประตูให้มันอีกครั้ง
 
 
แต่ประตูบานนี้ที่เคยเกือบจะเปิดให้มัน ดูเหมือนจะมีมันคนเดียวที่ทำให้สั่นคลอน…
 
เพราะตั้งแต่สัมผัสริมฝีปากมันในวันเกิดพี่บาสนั้น ประตูที่ปิดอยู่ตลอดก็เปิดรับมันเข้ามาอย่างง่ายดาย
 
 
 
แต่สุดท้ายกลับเป็นมันที่ปิดประตูผมเอง…
 
 
 
 
 
 
 
 

 
 
 
 
“Kyko : มึงอยู่ไหน”
 
 
“Jimmy : เสือกไร”

 
กี้ทักไลน์ผมมาระหว่างผมเล่นมือถือดูนี้นั้นไปเรื่อย
 
 
“Kyko : สัด ถึงห้องแล้วใช่ป่าว”
 
 
“Jimmy : เออ มีไร”
 
 
“Kyko : ไม่มีไร เห็นมึงป่วยกูก็ห่วงไง”
 
 
“Jimmy : ขอบใจ มีไรอีกไหม กูจะนอน”
 
 
“Kyko : มึงไม่ถามกูหน่อยรึ เมื่อเย็นเกิดไรขึ้นเรื่องกูกับไอ้เติ้ล”

 
เห็นไหม ถ้ามันอยากบอกถึงเวลามันก็พูดเอง ผมไม่ต้องทำอะไรหรอก
 
 
“Jimmy : แล้วแต่มึงดิ ไม่ใช่เรื่องของกู”
 
 
“Kyko : เรื่องของมึงเต็มๆเลยเพื่อน ช่างเถอะมึงนอนพักซะ”
 
 
“Kyko : เดี๋ยวถึงเวลามึงก็รู้เอง”

 
...เชี้ย มาทำให้อยากรู้แล้วปล่อยให้ค้างคา
 
 
“Jimmy : ห่าไรของมึง แล้วแต่ละกัน มีไรไม่บอกกู”
 
 
“Kyko : เชี้ย งอนเป็นเด็ก กูไม่ได้บอกว่าจะไม่บอก แต่กูหมายถึงมันยังไม่ถึงเวลา”
 

“Kyko : เข้าใจไหมห่า อย่าคิดมาก ลำพังกูมีเรื่องต้องทำเยอะอยู่แล้ว”
 
 
“Kyko : สบายใจซะ ไอ้แคระ”
 
 
“Jimmy : แคระพ่อง กูไปนอนและ”
 
 
“Kyko : เออ อย่างงี้ดิเพื่อนกู ไม่ว่ามึงจะคิดตัดสินใจห่าไรกูก็ข้างมึง อย่าคิดเยอะ”
 
 
“Jimmy : เออ ขอบใจ ฝันดึมึง”
 
 
“Kyko : ฝันดี ฝันถึงผัวมึงด้วย”

 
ไอ้ห่ากี้ปากหมาแม้กระทั่งในไลน์
 
 
“Jimmy : ผัวเชี้ยไร มันไม่ใช่ผัวกู เชี้ย”
 
 
“Kyko : มันไหน? กูยังไม่ได้พูดถึงใครเลย”
 
 
“Jimmy : มึงจะล้อกูกับเติ้ลใช่ไหมล่ะ ไอ้สัดกูรู้ ไม่ต้องตอแหล”
 
 
“Kyko : เนี่ยมึงก็ร้อนตัว ทำไม พอกูพูดถึงผัว มึงนึกถึงไอ้เติ้ลเลยไง? ห่ะ คิดถึงหรอ”
 
 
“Jimmy : คิดถึงห่าอะไร ก็มึงชอบล้อกูกับมันอะ พอได้แล้ว เชี้ยเติ้ลมันมีแฟนแล้ว”
 
 
“Kyko : อ่อหรอ อืม… ตามใจ”
 
 
“Jimmy : ตามใจห่าไร ความจริง มึงก็เห็นอยู่เมื่อเย็นมันกอดกัน”
 
 
“Kyko : 5555 โอเคๆ แล้วแต่มึงจะคิด ไปนอนได้แล้วไป”
 
 
“Jimmy : เออ ไปละ บาย”
 
 
“Kyko : บาย”

 
 
 
 
ลำพังแค่เรื่องไอ้อาร์มกับปวดหัวอยู่ละ กี้มันยังจะหาเรื่องให้ผมคิดอีก พูดจากำกวม ไม่บอกออกมาให้หมดเลย นอนแทบไม่หลับ (แต่อย่างผมอะรึ จะไม่หลับ หลับทีก็ตายยาวเลยแหละ โชคดีที่วันพุธไม่มีเรียน มีเวลาให้นั่งทำการบ้านส่งอาจารย์วันพฤหัสสบาย)
 
 
และถ้าผมหลับไปก่อน คงไม่ได้เห็นอะไรดีๆ ผ่านประตูตาแมวห้องผมที่มีไอ้อาร์มกำลังทำท่าแขวนถุงอะไรสักอย่าง (ให้เดาคงเป็นของกิน) แถมทำท่าเขียนโน๊ตติดเอาไว้ ที่ผมมาเห็นเป็นเพราะแค่อยากจะออกไปซื้อของกินเดินสูดอากาศ ดวงดีชะมัด…
 
 
“ไม่รู้ว่าหายดีรึยัง เลยซื้อโจ๊กมาให้ ถ้าทานข้าวแล้วก็เอาไปแช่ไว้กินพรุ่งนี้เช้าก็ได้นะ หายไวๆนะครับ เตี้ย”
 
 
มึงเอาอีกแล้วนะ… ทำไมผมใจง่ายอย่างนี้ แค่นี้ก็ยิ้มออกมาเฉย แค่นี้แม่งดึงภาพทั้งหมดที่ผมจะลบไปจากหัวกลับลอยมาเต็มไปหมด ทั้งตอนที่มันพยายามช่วยให้ผมฟื้นจากการจมน้ำ ทั้งตอนที่มันอยู่ในห้องนอนพี่บาสกับผม ทั้งภาพถ้วยมาม่ากับยาที่แกะให้แล้ว ทั้งรอยริมฝีปากบนจมูกผม เชี้ยยยยยยยยย
 
สิ่งที่อยู่ในใจผมก็ออกมาเป็นคำพูดดังอีกครั้ง
 
 
“เออ กูยอมมึงเลยไอ้สัดอาร์ม”
 
 
 
 
 
 
…………………………………..
 
 
 

“ความสับสนเกิดจากการต่อต้านไม่ยอมรับเสียงของหัวใจตัวเอง
หากลองรับฟังเสียงของหัวใจ เราก็จะรู้ว่าความสับสันก็ไร้ตัวตน”

 
 
 
 
 
 
Talk : ใกล้แล้ว เข้าใกล้ความฝันของคนเขียนสักที///ตอนนี้มีแต่จิมคนเดียวเลยยยย

ออฟไลน์ ปลายฟ้าใส

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 10
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
 :hao7: :hao7: :hao7:

ฟิน มีความรุ้สึกว่าอีกนิดนึงจะใกล้สมหวังกันแล้ว

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
 :hao7: :hao7: :hao7:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ♥ รัก 158 ซม. l Chapter 13 : สับสน : หน้า 3 (08/05/17)
« ตอบ #69 เมื่อ: 09-06-2017 08:02:27 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ keywordz

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-0
    • แฟนเพจ
ตอนต่อไปกำลังเขียนนะครับ ช้าหน่อยเพราะเพิ่งกลับมาเองง ขอบคุณทุกคอมเม้นเลยนะ เป็นกำใจให้คนเขียนได้เขียนต่อมากก ขอบคุณคร้าบบ

ออฟไลน์ keywordz

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-0
    • แฟนเพจ
Chapter 14 : ปล่อย
 
 
 
 
 
“มาทำไร”
 
ผมเปิดประตูตอนรับไอ้สูงป่วนหัวใจผมที่เคาะเรียกผมแต่เช้า หลังจากที่เมื่อคืนวันพุธผมไม่ยอมเปิดประตูให้มัน
 
แต่ผมก็ตัดสินใจว่ามันคงไม่เสียหายถ้าผมจะเผิดประตูอีกครั้ง (คงไม่บอกก็คงรู้นะครับว่าประตูที่ผมหมายถึงคืออะไร)
 
 
“มา...รับจิมไปเรียน”
 
มองเชี้ยไรนักนา มองไม่ว่า หน้าแดงทำไมวะ
 
 
“หื้ม? มาแปลก มหาลัยอยู่แค่นี้เองมารับทำไม”
 
ทำไมจะต้องมารับให้เสียเวลามันเองด้วยล่ะ
 
 
“ก็อยากมาอะ เร็วๆ เดี๋ยวสายนะ”
 
 
“เออ เข้ามาก่อนกูใส่เสื้อผ้าแปบ”
 
ผมเดินเข้าห้องเพื่อไปใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อย ก็มันดันเคาะประตูตอนผมอาบน้ำเสร็จพอดี สภาพก็นั้นแหละครับ ผ้าขนหนูตัวเดียว
 
 
“แล้ววันนี้เลิกกี่โมงหรอครับจิม”
 
 
“ถามไมวะ?”
 
 
“จะพาไปกินข้าว”
 
 
“นึกไงของมึง”
 
 
“เออน่ะ เลิกกี่โมง”
 
 
“เย็นอะ วันนี้อยู่ดูไอ้กี้ซ้อมการแสดงดาวเดือนคณะ”
 
 
“อ้าว คณะจิมก็ต้องมีประกวดแบบจริงจังเหมือนกันหรอ”
 
 
“เออ เห็นมันบอกว่าเพื่อฝึกฝนไปเตรียมพร้อมประกวดดาวเดือนมหาลัย”
 
 
“อ้อ เหมือนอาร์มเลย”
 
 
“เออ แล้วคณะมึงอะ มีแสดงโชว์อะไรแบบนี้ด้วยป่ะ”
 
 
“มี ทำไมครับ จะมาเชียร์ผมหรอ?”
 
 
“ไม่อะ ถามดูเฉยๆ ไปทำไมวุ่นวาย”
 
 
“โห กำลังใจที่ต้องการที่สุดดันไม่ไปสงสัยแพ้แน่ๆ”
 
พูดจาอะไรของมันวะ มาแนวไหนกัน
 
 
“เดี๋ยวๆ กูไปเป็นกำลังใจมึงตอนไหน”
 
 
“ตอนนี้เลย ต้องไป ถ้าไม่ไปนะ…”
 
 
“ถ้าไม่ไปจะทำไม”
 
 
“โยนลงน้ำ”
 
 
“สัด… ไม่ขำ”
 
 
“โห ขอโทษครับบบบ นะๆๆ ผมอยากให้จิมไปเชียร์นะ”
 
เสียงอ้อนเชี้ยไรของมันนนนนนนนนนนน คิดว่าน่ารักมากเหรออออออออ
 
เออ… ไม่น่ารักแต่น่าฟัง
 
 
“แล้วปอยมึงล่ะ ไม่อยากให้เขาไปเชียร์ไง”
 
อยู่ๆผมมาถามอะไรเพื่อตอกใจตัวเองให้จุกเล่น
 
 
“เขาก็ประกวดของเขาดิ เกี่ยวไร?”
 
 
“อ้าว ปอยก็ประกวดดาวคณะนิเทศหรอ”
 
 
“อื้ม วันเดียวกันน่ะ เลยมาดูอาร์มไม่ได้”
 
ใจจริงมันก็คงอยากให้มาเชียร์ล่ะดิ (แอบจุกเล็กๆกลางอกที่ได้ยินแบบนี้)
 
 
“แย่เลยดิ แฟนไม่มาเชียร์ ฮ่าๆ”
 
ทำทีหยอกล้อเขา แต่เราก็จุกเอง (ทำตัวเองนะไอ้จิม)
 
 
“แฟนอะไร ก็บอกไปแล้วไงว่าเป็นเพื่อนกันแล้ว”
 
 
“อ่อหรออออออ อืมๆ เชื่อๆ”
 
ผมก็เออออไปงั้น มันเองก็คงคิดว่าผมไม่เชื่อมันเหมือนกัน
 
 
“เชื่อหน่อยดิ อาร์มไม่ได้อะไรกับปอยนานแล้ว สนิทกันตั้งแต่ม.ปลาย คุยกันง่าย”
 
 
“อืมๆ ไม่ใช่เรื่องของกู”
 
 
“เรื่องของจิมเลยแหละ”
 
เสียงพูดที่เบาแทบจะไม่ได้ยิน เหมือนมันพรึมพรำอยู่กับตัวเอง แต่ผมเสือกได้ยินไง
 
 
“มึงว่าไงนะ”
 
 
“อ่อ เปล่าๆ สัญญาแล้วนะ วันจันทร์มาดูผมด้วย คณะผมมีงานวันจันทร์”
 
 
“ดูก่อนและกัน ถ้าว่างก็ไป ถ้าไม่ว่างก็นั้นแหละ”
 
 
“ก็มาเหมือนกันใช่ไหม?”
 
 
“ตีนดิ ไปได้แล้วเดี๋ยวกูสาย มัวชวนคุยอยู่ได้”
 
ผมรีบเร่งมันเพื่อที่จะได้เคลื่อนตัวไปเรียนกันสักที
 
 
ระหว่างนั่งรถมันเข้ามหาลัย จู่ๆมันก็เอามือมาแตะหน้าผากผม
 
 
“ทำไรของมึง”
 
ผมหันหนีเอี้ยวตัวหลบให้ห่างจากมือมัน
 
 
“หายป่วยยัง”
 
 
“หายแล้ว นอนพักตั้งวันนึง”
 
 
“ดีแล้วครับ อาร์มจะได้สบายใจ”
 
 
“ทำไม มึงเป็นห่วงกูด้วย?”
 
 
“ห่วงดิครับ”
 
เสียงหนักแน่นมากกก
 
บรรยากาศในรถเงียบไปสักพักจนถึงตึกคณะผม
 
 
“แล้วเลิกเรียนกี่โมงครับจิม”
 
 
“4ครึ่ง”
 
 
“โอเคแล้วเจอกันครับ”
 
 
“แต่กูต้องอยู่กับไอ้กี้ก่อนนะ”
 
 
“ครับเดี๋ยวอาร์มเรียนเสร็จมาอยู่เป็นเพื่อน”
 
 
“เออๆ แล้วแต่มึงละกัน”
 
 
“บายครับจิม ตั้งใจเรียนนะ”
 
 
“ไม่บอกกูก็ตั้งใจเรียนอยู่แล้ว บาย”
 
 
 
 
 
 
 
ผมยิ้มห่าอะไรของผม ทั้งวัน กับอีแค่มันมาส่ง มันจะกลับด้วย มันเป็นแค่เพื่อนกับปอย ทำไมใจผมต้องยิ้มขนาดนี้ บางทีอาจจะไม่จริงก็ได้ อาจจะผิดหวังแบบครั้งก่อนก็เป็นไปได้
 
 
“ยิ้มเหี้ยไรของมึงวะ”
 
นั้นไงไอ้กี้ทักจนได้ ตัวเปิดมาและเดี๋ยวก็มีตัวตามอย่างไอ้ดิวมาเป็นทัพเสริมในการแซวผมแน่ๆ
 
 
“เออนั้นดิ อารมณ์ดีมาจากไหน”
 
 
“เปล่า ไม่มีอะไร๊”
 
 
“ไอ้สาด เสียงสูง ทำไมผัวมึงมาส่งไง”
 
เชี้ยกี้ มันรู้ดีเกินไปและ
 
 
“ไม่เว้ย ไม่เสือกสักเรื่องได้ไหมพวกมึงเนี่ย”
 
 
“จ้า ไอ้คนมีความลับ”
 
 
“มึงโกหกกูไม่ได้หรอก...เรื่องไอ้เติ้ลใช่ไหมที่ทำให้มึงอารมณ์ดี”
 
มันมากระซิบๆข้างๆหูผมเบาๆ นี่ที่บ้านมันเป็นหมอผีกันรึไง ถึงได้รู้ห่าอะไรไปหมด
 
 
“เชี้ยไรของมึง”
 
“ควาย พอกูแค่พูดเรื่องไอ้เติ้ลมึงก็หน้าแดงและ จับไต๋ง่ายชิบหาย”
 
 
“สัดกี้ บอกว่าไม่ใช่ก็คือไม่ใช่”
 
 
“เออ เรื่องของมึง”
 
 
“ป่ะ พวกมึงกินข้าวกันค่อยกลับมานั่งสเก็ตต่อ”
 
วันนี้เป็นคลาสเรียนเกี่ยวกับออกแบบ อาจารย์ให้เราสเก็ตงานกันก่อนจะลงมือจริงส่งสัปดาห์หน้า
 
 
“พวกมึงไปก่อนเลยกูจะสเก็ตเสร็จและเดี๋ยวตามไป”
 
พอผมอารมณ์ดีความคิดและกระบวนการทำงานก็ไวขึ้นมาทันตาเห็น
 
 
“จิม อารมณ์ดีจริงๆนะ”
 
เสียงอาจารย์กันย์ เป็นอาจารย์ที่สนิทกับนักศึกษาง่ายมากจำเก่งด้วย จำชื่อเล่นของนักศึกษาในห้องได้หมดทุกคนเลย
 
 
“พอดี ไฟกำลังมาครับอาจารย์ ผมเลยดีดนิดหน่อย”
 
อาจารย์ส่ายหน้าขำผม ที่ดูบ๊องๆ กวนๆประสาคนตัวเตี้ยพอจะทำได้
 
 
“ระวังอย่าให้ไฟดับล่ะ มึงอารมณ์ดีแบบนี้กูชอบ”
 
 
“ฮั่นแน่ อาจารย์ว่าผมน่ารักใช่ไหมล๊า ไม่ดับง่ายๆหรอกครับอาจารย์ คราวนี้ผมจะไม่ให้ไฟดับง่ายๆ”
 
 
“อะไรของมึงวะ ไปๆ ไปกินข้าวไป เพื่อนมึงก็แดกไม่รอมึงเลย”
 
 
“ผมให้มันไปก่อนเองอะครับอาจารย์ งั้นผมไปนะครับ อาจารย์จะกินไรเปล่าเดี๋ยวผมซื้อมาฝากกกกก”
 
 
“ไม่ต้อง เดี๋ยวกูก็ไปซื้อเองละ”
 
ผมโคตรชอบอาจารย์กันย์เลยกันเองมากๆ วัยรุ่นๆอีกด้วย ดูทันเด็กมาก
 
 
“งั้นผมไปนะครับบบบ”
 
 
“เออ ไปไหนก็ไป”
 
 
“โห อาจารย์อย่าไล่ผมสิครับ ผมน้อยใจนะ”
 
 
“ไอ้เด็กเวร รีบไปแดกข้าวรีบกลับมาทำงานต่อ เร็วๆ”
 
 
“ครับบบบบบบบบ”
 
 
นี่ผมจะอารมณ์ดีไปไหนเนี่ยยยย
 
 
 
“อ้าว พี่บาส พี่ตั้ว หวัดดีครับ”
 
พอผมเปิดประตูออกมาก็เห็นพี่บาสกับพี่ตั้วเดินผ่านห้องไปเลยทักซะหน่อย
 
 
“เอ้อ ไงน้องรัก เรียนไร”
 
พี่บาสทักผมก่อนเลยอันดับแรก แต่ไอ้พี่ตั้วอะดิมองหาอะไรขนาดหลังผมไม่รู้
 
 
“ดิวไม่อยู่กับมึงหรอ”
 
 
“อ้อ มันไปกินข้าวแล้วพี่ผมกำลังตามไป”
 
 
“อ่อ เห้ยบาสกูไปหาดิวก่อนนะ เดี๋ยวกูตามขึ้นไปเรียน”
 
โห พี่ตั้วนี้คิดถึงดิวอะดิ ผมนี่อิจฉาจริงๆ
 
 
“พี่มีเรียนไรหรอครับพี่”
 
 
“คอม 4 มึงอะ”
 
 
“คอม 1 พี่ โคตรเหนื่อย แต่ได้อาจารย์กันย์สบายหน่อยครับ”
 
 
“เออดีแล้ว ตั้งใจเรียนเข้า เห้ยมึง กูยังไม่ได้ขอบใจมึงเลย”
 
 
“เรื่องอะไรพี่”
 
 
“เรื่องนี้ไง”
 
แล้วพี่บาสก็ชี้ไปที่นาฬิกาที่ผมซื้อให้พี่แกเป็นของขวัญ โคตรปลื้มอะ เวลาเห็นของขวัญตัวเองถูกใช้ประโยชน์อย่างจริงจัง
 
 
“ชอบไหมพี่”
 
 
“ชอบเหี้ยไร รักเลย กูโคตรรักกก มึงแม่งรู้ได้ไงวะว่ากูชอบนาฬิกา น่ารักสัด”
 
ผมนี้ยิ่งดีใจใหญ่ พี่แกอวยโอดของขวัญที่ผมซื้อให้อย่างถูกใจพี่แกมากๆ
 
 
“โหอะไรอะ ชมนาฬิกาน่ารักก็เป็น”
 
 
“ใครชมนาฬิกา กูชมมึง มึงอะน่ารัก”
 
...เชี้ยพี่บาส พูดจาอะไรชมกันตรงๆผมก็เขินนะเว้ย
 
 
“น่ารักบ้าอะไรพี่ งั้นๆแหละผมอะ”
 
 
“ส้นตีนดิครับ น่ารักก็คือน่ารัก ถ้าไม่ติดว่ากูมีคนคุยแล้วนะ มึงเสร็จกู”
 
 
“ไอ้พี่บาสสสสสสส เสียพี่เสียน้องหมดพูดจา”
 
 
“เออๆ กูล้อเล่น”
 
ว่าแต่...ผมชักอย่างเสือกเรื่องเด็กพี่บาสแล้วสิ
 
 
“ว่าแต่พี่ที่พี่บอกมีคนคุยนี้ใครหรอพี่ ผมอยากรู้อะ”
 
 
“กูไม่บอก หึงกูอะดิ สายไปแล้วไอ้น้อง ใจพี่ไม่ใช่ของเอ็งแล้วเว้ย”
 
ไอ้พี่บาสแม่งกวนตีนมากกกก นี้ถ้าไม่เห็นแก่พี่นะ ผมจะกัดแขนให้เนื้อหลุดเลย (เดี๋ยวจิม มึงไม่ใช่หมา)
 
 
“แค่อยากรู้ๆ บอกหน่อยไม่ได้ไง น้องนุ่งอะ หรือว่าจะเป็นพี่แตม!”
 
ผมเดาเพื่อให้พี่แกเผยออกมาแบบเนียนๆ
 
 
“เด็กนิเทศ จบนะ แตมห่าอะไร อีแตมกูไม่เอาหรอก ห้าวจะตาย”
 
คณะเดียวกับปอยเลยแหะ พี่บาสทำไมสอยคนต่างคณะล่ะเนี่ย
 
 
“เอ้าพี่ อย่างนี้จะมีเวลาให้กันหรอ เรียนคนละคณะ”
 
ระหว่างคุยผมกับพี่บาสก็เดินมาถึงทางแยกขึ้นไปชั้นที่พี่เขาจะไปเรียน
 
 
“ดีซะอีก มีเวลาส่วนตัวบ้าง อีกอย่างแค่ดูๆกันอยู่ ยังไม่ได้ตกลงเป็นแฟนกัน”
 
 
“อ้อครับ สู้ๆนะพี่ ว่าแต่หล่อไหมพี่คนคุยของพี่อะ”
 
 
“หล่อพ่อมึงดิ เขาเป็นผู้หญิง”
 
อ้าว แล้วเมื่อกี้ยังพูดจาลวนลามผมอยู่เลย ผมก็คิดว่าพี่บาสเป็นชายรักชายแบบพี่ตั้วกับดิวซะอีก
 
 
“อ่าว แล้วพี่พูดจาแบบนั้นกับผมเพื่อ?”
 
 
“กูอะได้หมดถ้ารู้สึกดี ทำไมมึงอยากได้กูหรอ กูบอกแล้วไง ใจของข้าไม่ใช่ของเอ็งแล้วไอ้น้อง”
 
 
“เออๆ แล้วแต่พี่เหอะ ไปเรียนได้แล้วพี่ สายมาอย่ามาโทษผมล่ะ”
 
 
“เออ สัดกูลืมเลย”
 
“เค กูไปและ รักนะไอ้น้องเล็ก ขอบใจสำหรับของขวัญ”
 
มือไอ้พี่บาสก็มาขยี้หัวผม ให้ทรงมันพังเล่นซะงั้น
 
 
 
ผมโบกมือลาพี่แกก่อนพี่แกจะวิ่งขึ้นไป ผมนี่ขนลุกชิบหาย ไอ้พี่บาสเล่นพูดจาเชิงจีบผมแบบนี้
 
 
และเนี่ยล่ะ ยิ่งทำให้ชัดเจนไปใหญ่ ว่าไอ้ความรู้สึกแบบนี้ ต่างจากไอ้อาร์มมาก คนอื่นพูดคนอื่นทำ ผมรู้สึกต่อต้านมาก มันรู้สึกเลยว่าใจมันไม่รับอะ
 
 
แต่กับไอ้อาร์ม ใจเต้น ตัวสั่น… ไม่ปฏิเสธไม่รู้สึกขยะแขยง ไม่รู้สึกต่อต้านอะไร กลับรู้สึกดีด้วยซ้ำ แล้วเหมือนผมยังจะอยากได้ความรู้สึกนั้นอีกเพิ่มขึ้น ทั้งๆที่แม่งจะคิดเหมือนผมรึเปล่าก็ไม่รู้ ผมยิ่งไม่ค่อยอยากหลอกตัวเองให้ตัวเองหวังแล้วมันจะแย่เอาตอนไม่ใช่อย่างที่หวังไว้
 
“มึง วันนี้เลิกซ้อมกี่โมง กูอยากกลับห้องไว”
 
ผมถามมันระว่างกินข้าว
 
 
“6 โมงมั้ง โหไรวะ ยังไม่ทันรอกูเลยทำบ่นละ”
 
เออ ผมยังไม่ทันบ่นอะไรเลยยยยย
 
 
“เออ กูรอ สาด กูจะไม่บ่นได้ไงอยู่ๆมึงมาให้กูรอมึงเลิกซ้อมแสดง”
 
 
“ก็มึงอะ ช่วงนี้เบี้ยวกูไม่ค่อยไปไหนกับกู กูเลยต้องให้มึงมารับโทษ”
 
 
“เออๆ”
 
แบบนี้ก็มีนะ ผมแค่อยากจะอยู่คนเดียวบ้าง ไปไหนติดกันตลอดตั้งแต่รับน้องมันก็เบื่อเหมือนกันนะครับ
 
แล้วจะมาทำโทษผมที่ผมไม่ค่อยไปเที่ยวไปนั้นนี้กับมันก็ไม่ถูก
 
 
เอ… หรือถูก เพราะผมก็ทำให้มันเหงา ไอ้ดิวที่มันไม่ค่อยอยู่กับพวกผมก็คงอยู่กับพี่ตั้วอะมั้ง งั้นถือว่าผมผิดละกัน ผมถึงได้ยอมรอมันซ้อมแสดงความสามารถประกวดดาวเดือน แม่งก็เก่งเกิน โชว์เดาะบอลลีลา ไม่รู้จะทำแบบไหนชักอยากเห็นละ
 
 
 
 
 
 
พอเรียนเสร็จ ผมก็ต้องมานั่งรอมันซ้อมแสดงในห้องจัดแสดง ซึ่งเอาจริงๆก็ใหญ่อยู่เหมือนกันนะครับห้องที่จะจัดการประกวดสำหรับคณะผมเนี่ย ตอนแรกคิดว่าจะไม่ค่อยใหญ่โตเท่าไหร่
 
 
“ไงมึง มาทำไรเนี่ย”
 
พี่บาสทักทายผมจากด้านหลัง
 
 
“อ้าวพี่ มาได้ไง ผมมารอไอ้กี้ซ้อมเสร็จอะพี่”
 
 
“กูต้องอยู่นี้อยู่แล้ว คณะเขาของแรงชมรมดนตรีมาช่วยจัดการเรื่องเสียง”
 
 
“อ้อครับ”
 
 
“อีกตั้งสองวัน ทำไมพี่ต้องรีบมาอะ”
 
 
“กูมาดูหน้างานเฉยๆ พรุ่งนี้ซ้อมใหญ่ก็เอามาไว้เลยอะแหละ”
 
 
“ทำไมดูใหญ่โตจังงานประกวดดาวเดือน”
 
 
“แน่ล่ะ คณะเรามันต้องมีงานกิจกรรมเด็ดๆหน่อยดิ โชว์ความสามารถในการออกแบบการจัดงานไง”
 
พอผมมองรอบๆก็พอจะเข้าใจอยู่ ธีมของการประกวดปีนี้เป็นธีมแฟรี่ ดอกไม้ ฉาก แล้วสวนอีเดนเล็กๆ เต็มพร้อมสำหรับการประกวดมาก
 
 
“เฮดชมรมดนตรีครับ ขอคุยด้วยหน่อย”
 
สตาฟจัดงานเรียกพี่บาสไปคุย
 
 
“เดี๋ยวไปมึง”
 
 
“มึงกูไปละ เจอกัน”
 
พี่บาสตบไหล่ผมเบาๆ ก่อนจะรับไหว้ผมแล้วเดินไปคุยงาน
 
 
“สู้ๆพี่”
 
 
 
 
พวกดาวเดือนเริ่มเดินออกมาโชว์ตัวแล้ว… ดาวเดือนนี่น่าอิจฉาดีนะ แค่เอาหน้าตามาวัดกันว่าใครหล่อสวยดูดีสุด ถ้าผมสูงอีกซัก10 20 เซ็นคงมีโอกาสได้ยืนอยู่ตรงนั้นบ้าง
 
 
แต่จะว่าไปผมก็ไม่ได้อยากเป็นหรอก ถ้าสมมุติต้องเป็นผมที่ต้องเป็นหน้าเป็นตาให้คณะ แล้วมีหลายต่อหลายสายตาจับจ้องพฤติกรรมเรา ดูไม่ค่อยจะสนุกเท่าไหร่เลย
 
 
 
ทีนี้เริ่มแนะนำตัวแต่ละคนและเริ่มซ้อมการแสดงกันแล้ว คิวไอ้กี้คงท้ายๆ เพราะมันเดินๆมานั่งดูการแสดงคนอื่นกับผม
 
 
“ไงมึง กูหล่อไหม?”
 
ไอ้พวกหน้าตาดีเขาหลงตัวเองเหมือนมันทุกคนไหมเนี่ย
 
 
“เออ”
 
 
“เออไรไอ้สัด”
 
มันมาล็อกคอผมแทบหายใจไม่ออก
 
 
“โอ๊ยยยย กูหายใจไม่ออกกกก เชี้ยกี้ปล่อยกู”
 
 
“ตอบมาดิ”
 
 
“เออ หล่อไอ้เชี้ยปล่อยกู”
 
แล้วมันก็ปล่อยผมทั้งหัวเราะทำหน้าพอใจกับคำตอบ (แม่งบังคับก็มีด้วย)
 
 
“วันจริง โหวตกูด้วย”
 
 
“อยู่แล้วเว้ย ไม่เชียร์เพื่อนกูจะเชียร์ใคร”
 
 
“น่ารักมาก อย่างนี้สิเพื่อนกู”
 
ไม่ต้องชมผมก็รู้ตัว ฮ่าๆๆๆ (ล้อเล่นๆครับบบบ)
 
 
“ไงกี้ ซ้อมเสร็จแล้วหรอ”
 
เสียงเข้มๆ มาจากข้างหลังทำให้ผมกับกี้ต้องหันไปมอง… ไอ้อาร์ม
 
 
(มาได้ไงวะ ไม่ได้บอกเลยว่าอยู่ตรงไหน หาเจอได้ไง)
 
 
 
 
(นี่มันต้องคุยกับไอ้กี้ตลอดแน่ๆ ผมจำได้ว่าอาร์มมันมีไลน์ไอ้กี้)
 
 
(มันสนิทกันกว่าที่ผมคิดนะเนี่ย)
 
 
“ไงมึง กูยังไม่ได้ซ้อมเลย มาได้ไงวะ”
 
(เอ้า ไม่ได้คุยกันรึ ทำไมไอ้กี้ถึงถามแบบนั้น)
 
 
“อ่อ พอดีมาหา…”
 
แล้วมันก็มองมาที่ผม
 
 
“แล้วมาถูกได้ไงวะ”
 
ผมยิงตรงความสงสัยของผม ที่เอาจริงๆผมไม่จำเป็นต้องรู้ก็ได้นะครับ แต่มันสงสัยก็อยากจะคลายความสงสัยของตัวเองออกไป
 
 
“เอ่อ…ก็...”
 
ผั๊วะ! อยู่ๆไอ้กี้ก็ตบหัวผมเบาๆ
 
 
“มึงนี้ก็โง่ เสียงเพลงดังขนาดนี้ หาไม่ยากหรอก ใช่ไหมไอ้เติ้ล”
 
 
“นั้นแหละๆ”
 
อาร์มมันทำหน้าโล่งใจอะไรขนาดนั้น
 
 
“มึงมาก็ดีและ เดี๋ยวกูไปเตรียมตัวก่อน เอาไอ้จิมไปที กูน่าจะเลิกดึก”
 
 
“อ้าว แล้วมึงให้กูรอทำไม”
 
ผมนี่โคตรงง เดี๋ยวให้รอเดี๋ยวไล่กลับ ยังไงของไอ้กี้วะเนี่ย
 
 
“ตามนั้นแหละ กูไปละ ไอ้เติ้ลฝากด้วย อย่ารุนแรงกับเพื่อนกูล่ะ”
 
เชี้ยยยย ไอ้อาร์มดันยกมือโอเคให้อีก อะไรของพวกมันวะ
 
 
แน่ๆ มันต้องนัดกันแน่ๆ วางแผนอะไรกัน
 
 
“ป่ะ กินข้าว ผมยังไม่ได้กินตั้งแต่เช้าเลย”
 
 
“เอ้า แล้วไม่หาไรแดกก่อนล่ะ”
 
 
“เพื่อนมันส่งงานไม่ทันเลยต้องอยู่ช่วยตอนพักเที่ยง”
 
 
“อ้อ”
 
 
“รีบไปเถอะ แสบท้อง”
 
ผมนึกได้ว่าผมมีแซนวิชแฮมชีสที่ซื้อจากเซเว่นไว้มานั่งกินรอระหว่างไอ้กี้ซ้อม...
 
 
“เดี๋ยวดิ อะ กินก่อน”
 
ผมยื่นให้มันกินก่อน เดี๋ยวแม่งจะปวดท้องตายเอา
 
 
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวก็ไปกินกันแล้วนี่ ป่ะ”
 
 
“กินก่อน มึงอะ เดี๋ยวปวดท้อง แค่นี้ไม่พออิ่มอยู่แล้ว กินอันนี้รองท้องแล้วเดี๋ยวไปหาไรกินต่อ”
 
ผมพยายามบังคับให้มันกิน ซึ่งอันที่จริงขับรถไปสักพักก็หาอะไรเข้าท้องได้แล้ว แต่ไม่รู้ทำไมผมถึงอยากให้มันนัก
 
 
“งั้นขอบคุณนะครับจิม”
 
แล้วผมก็ยื่นให้มันกินระหว่างเดินไปที่จอดรถของมัน
 
 
“แล้วบอกไม่เป็นไรๆ กินซะอย่างกับคนหิวมา 2 ปี”
 
 
“โห ก็คนมันหิวอะ”
 
 
“ที่หลังก็ซื้ออะไรกินรองท้องไว้บ้างดิ”
 
 
“ห่วงผมด้วยหรอ”
 
แม่งเวลาผมจะมานั่งรถมันทีไร ชอบมาเปิดประตูให้ผมอย่างกับผู้หญิงอยู่เรื่อย
 
 
“กูไม่ได้ห่วงเว้ยยย ไป ขึ้นรถได้ละ”
 
 
“ครับๆ”
 
 
 
 
 
 
 
 
 
“จิมครับ อยากกินอะไรเดี๋ยวผมพาไป”
 
ระหว่างขับรถออกจากมหาลัย มันถามเพื่อจะตามใจผม จริงแล้วควรตามใจตัวเองดิ
 
 
“ตามใจมึงเลย เลือกที่ชอบเลยจะได้กินอิ่มๆ”
 
 
“ถ้างั้นจิมต้องทำให้ผมกินแล้วแหละ”
 
โอ๊ยยยย เสียเวลาไหม นี่ชมอ้อมๆว่า ชอบกับข้าวที่ผมทำให้มันรึ แต่ผมก็ทำแต่ผัดกะเพราเนื้อให้มันอย่างเดียวเองนะ
 
 
“เสียเวลา หากินง่ายๆดิ”
 
 
“อืม… งั้นบาร์บีคิวแล้วกันดีไหมครับ”
 
ของโปรดดดดดดดดดดดดด
 
 
“ไป!”
 
ช่วยไม่ได้นี่ครับ พอเป็นของโปรดก็น่ามืดตามัวตลอดเลย
 
 
“โห ตอบมาอะคิดหน่อยก็ได้”
 
 
“คิดแล้ว ไปกินบาร์บีคิวกัน”
 
 
“ครับๆ”
 
เชี้ยยยยยยยยยย รู้สึกดี!!
 
มือใหญ่ๆของมันขยี้หัวผมเล่น ทำไมมันรู้สึกเคลิ้มอะไรเช่นนี้ ตอนไอ้พี่บาสทำไม่เห็นจะรู้สึกแบบนี้ แต่นี้แม่งโคตรรู้สึกอุ่นใจมาก (ไม่ได้การแล้ว ไอ้จิมมึงอย่าใจอ่อนเชียวนะเว้ย ถ้าผิดหวังขึ้นมามึงจะเสียใจนะเว้ย)
 
 
“ทำบ้าอะไร มีสมาธิกับการขับรถหน่อยสิวะ”
 
 
“ก็มีอยู่”
 
 
“แล้วจะมาจับหัวกูทำไม”
 
 
“ก็มันน่ารักน่าเอ็นดูนี่”
 
 
“หยี้ ไม่ต้องมาชมกู ขับรถไปปปปป”
 
แม่งหันมาคุยเล่นกับผมทำน่าตายิ้มแย้มซะจนผม ทำตัวไม่ถูก ใช่ ทำตัวไม่ถูกเลย จะเขินก็กลัวแม่งจะรู้ จะหันหนีก็กลัวมันจะคิดว่าผมคิดอะไรกับมัน จะนิ่งเงียบเดี๋ยวก็เป็นการเปิดทางให้มันอีก
 
 
“เวลาเขินจิมนี่น่ารักมากเลยรู้ป่ะครับ”
 
 
“ไม่เว้ย ทำปากหวานไม่ได้ช่วยเชี้ยไรเลย หยุดพูดแล้วขับรถไป”
 
 
“โวยวายก็น่ารัก…”
 
 
“ไอ้เชี้ยอาร์มมมมมมม!”
 
 
“โอเคๆ ไม่แกล้งละ”
 
แม่งทำผมโวยวายเป็นเด็กเลย ผมหันหน้าหนีมองออกไปนอกกระจกรถ แม่งสนุกนักใช่ไหม มาแกล้งผมเล่นแบบนี้
 
 
 
ระหว่างกินบาร์บีคิวก็ขยันคีบเนื้อคีบนู้นนี้ให้ผมตลอด แล้วเนี่ยผมจะไม่หวั่นไหวได้ไง อดทนกับมันชิบหาย ใจก็กลัวโคตรๆ ถ้าเกิดไปชอบมันจะทำไง แย่แน่ๆ ผมเนี่ย จะไม่แย่ได้ไง คนในร้านส่วนใหญ่ก็มองแต่มัน พนักงานสาวก็มองมันบ่อยครั้ง ถ้าสมมุติผมต้องไปแข่งกับผู้หญิงอื่น ผมก็คงแพ้อย่างเห็นได้ชัด ไอ้ห่านี้ก็หล่อไม่เกรงใจคนในร้านเลย

 
 
 
 
 
“ให้ขึ้นไปส่งบนห้องไหมครับ”
 
 
“ไม่ต้อง กูขึ้นไปเองได้ กูไม่ใช่ผู้หญิง”
 
มันมาส่งผมถึงที่แล้วยังจะขึ้นไปส่งที่ห้องอีก
 
 
ไม่ใช่แค่นั้นครับ… มันไม่จบแค่นั้น มันปลดสายเข็มขัดนิรภัยตัวเองออกแล้วมาปลดของผม ไอ้แค่นั้นมันก็ไม่ได้ใกล้ตัวผมเท่าไหร่หรอก ถ้าแม่งไม่ขยับเข้ามาใกล้ๆ จนเล่นเอาผมเกร็งหดไปติดเบาะ
 
 
แล้วเปิดประตูฝั่งผมให้…
 
 
“ฝันดีนะครับจิม”
 
 
 
 
ทำไมช่วงนี้มึงอ่อยกูแรงขนาดนี้วะ เห้ยยยยยยยยยยยยยย
 
 
 
 
 
…………………………………
 
 
“มันง่ายมากถ้าเราจะปล่อยใจให้ไหลไปตามสายน้ำของความรู้สึก”
 

 
Talk : จิมโดนแล้ววววววววววว คุณกี้เป็นพ่อสืบที่ไม่แสดงตัวเลย //// คนเขียนใกล้ตายแล้ว ตากฝนตาลม จนไข้ขึ้น แต่ก็ยังเขียนเรื่อยๆ นอนนิ่งๆมันเบื่อมาก //// ดูแลสุขภาพกันด้วยนะครับช่วงนี้ฝนตกบ่อยมาก
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-06-2017 17:31:45 โดย keywordz »

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ TaemyG

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 172
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
โอ๊ย มีความขี้อ่อยอ่ะ

 :katai3:

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
 :L2: :pig4:

ขอบคุณ
ขอให้หายป่วยไวๆ

ออฟไลน์ ปลายฟ้าใส

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 10
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
 :z3:

นี้ถ้าทั้งคู่รู้ว่าต่างชอบกันคงไม่ต้องเสียเวลาอ่อย

ออฟไลน์ keywordz

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-0
    • แฟนเพจ
Re: ♥ รัก 158 ซม. l Chapter 15 : ยอม : หน้า 3 (12/05/17)
«ตอบ #76 เมื่อ12-06-2017 00:35:10 »

Chapter 15 : ยอม




หลังจากเมื่อคืนอาร์มเล่นปั่นหัวใจผมซะนอนแทบไม่หลับเลย เผลอหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้เรื่อง

ผมโคตรจะคิดวกวนกับตัวเองตั้งแต่เจอมันครั้งแรก ก็ฝันถึงมันมาเกือบตลอดเลย ที่ไม่ได้เล่าให้ฟัง


เพราะมันก็เป็นฝันที่เหมือนๆกันเกือบทุกครั้งจะเป็นภาพแตกต่างออกไปแต่พอตในฝันคือ ผมกับมันอยู่ด้วยกัน


จะมีก็แต่ไอ้วันที่ผมเห็นมันกอดกับปอยนั้นแหละครับ ที่ผมไม่ได้ฝันถึงมันเลย


และเมื่อคืนมันเป็นเหมือนลางบอกเหตุว่า ฝันทั้งหมดที่ผ่านมามันอาจจะเป็นความจริงใจอนาคตก็ได้นะ ลึกๆทุกครั้งที่ฝันแล้วต่อต้านตัวเอง ยิ่งฝันบ่อยขึ้น


ใจผมเริ่มเปลี่ยนจากไม่อยากให้เป็นจริง


เหมือนจะเข้าข้างความฝันตัวเองซะงั้นแหละ ไอ้เรามันคนยังไงกันแน่นะ สรุปแล้วตัวผมชอบผู้ชายเหรอ


ผมจะรับตัวเองในแบบนั้นได้เหรอ?

นี่คือผมทบทวนตัวเองจนกังวลว่า ถ้าเกิดขึ้นจริง เหมือนฝันเป็นนิมิตละ ก็แหม ใครเคยรู้สึกเหมือนเคยเห็นเหตุการณ์ที่ตัวเองเคยฝันหรือความรู้สึกเดจาวูอะเทือกนั้นบ้างล่ะ ผมจะแก้ไขปัญหาต่างๆยังไง เพื่อนแม่งจะยอมรับผมไหม? พี่ๆล่ะ จะโอเคไหม แล้วครอบครัวผมล่ะ


สังคมสมัยนี้เปิดรับคนประเภทนี้ก็จริง แต่ก็นะยังไม่พ้นที่จะถูกดูแคลนเกือบตลอด

ยิ่งพ่อแม่ผม เขาจะเข้าใจคนสมัยนี้ไหมนะ ยิ่งผมเป็นลูกชายคนเดียว พี่สาวหนึ่งคน เขาก็คงหวังให้ผมสืบทอดสกุลเขาแหละ ญาติๆจะมองผมติดไหม


อาจเป็นเพราะเหตุผลนี้ ที่ผ่านมาผมถึงปฏิเสธความรู้สึกของตัวเอง แต่ก็แพ้ใจให้กับพฤติกรรมของอาร์มแต่ล่ะอย่าง…


นี่ผมเพ้ออะไรอยู่วะเนี่ย ไม่เป็นอันเรียนเลย ไอ้กี้ไอ้ดิวก็ดูมีความสุขเล่นกันไม่สนใจอาจารย์ในห้องดีเนอะ ต่างกับผมเลยมานั่งคิดเครียดๆอะไรก็ไม่รู้ แม่งคนที่ไม่เคยมีแฟนแบบผมจะเป็นเหมือนผมไหมวะ มันมีอะไรในหัวเยอะแยะเต็มไปหมด


ไม่รู้ตัวเองต้องรับมือยังไงกับความรู้สึกใหม่ๆ ที่ไม่เคยได้จากไหนมาก่อน แม้จะคล้ายคลึงกับความรักของพ่อแม่พี่ หรือแม้แต่เพื่อน แต่มันคนละอารมณ์กันเลย มันบอกไม่ถูกเลย

เข้าใจความรู้สึกของคนที่ต้องลองกินของใหม่ที่ตัวเองไม่เคยกินมาก่อนกันไหมครับ อารมณ์ประมาณนั้น แยกไม่ออกว่าอร่อยไหม

แค่รู้สึกดีก็ถือว่าอร่อยแล้ว


แล้วถ้าอร่อย มันก็อยากจะกินอีกสิครับ…


แปลกเนาะ ผมรู้จักมันมาสักพัก ผมยังไม่มีที่ทางที่จะติดต่อมันได้เลย

เฟสบุ๊คหรอ ไม่มีอะ

ไลน์ ยิ่งแล้วใหญ่

เบอร์โทร นี้คงหนักสุด



กับอีแค่ขอๆ ไปเลยก็จบแล้ว ทำไมมันยากจัง

จะขอจากไอ้กี้ ก็กลัวแม่งจะรู้เรื่องอีก ยิ่งไม่รู้ว่ามันวางแผนกับไอ้อาร์มทำอะไรผมอีกด้วย


พอจะหยิบไลน์ไอ้กี้มาดูหน่อย แม่งก็ชอบมีความลับเยอะ ไม่ยอมให้เปิดดูเลย กะจะเนียนๆซะหน่อย


“เว้ยยยยยย”

ชิบหายล่ะ ทั้งห้องมองมาที่ผมคนเดียวเลย


“มึงเป็นไรวะ”

ไอ้กี้ที่กำลังตกใจเสียงโวยของผมมันหันมาถาม


“อะ อ่อ เปล่า กูปวดหัวคิดงานไม่ออกนิดหน่อย”


“มึงเนี่ยนะคิดไม่ออก ถ้าท็อปของห้องคิดงานไม่ออก คนอื่นก็คงชาติหน้าอะ กว่าจะคิดออก”

แม่งก็ยอผมเกิน คนอื่นจะหมั่นไส้ผมเอา แต่ก็จริงส่วนนึงนะ ผมเนี่ยได้คะแนนเอ ทุกงาน อาจารย์ชอบงานออกแบบผมมาก


“กูก็ไม่ได้เก่งขนาดนั้นไหม”


“จ้าา ถ่อมตัวจ้าา”

ประชดได้กวนตีนมากไอ้ดิว


“เออ กูถ่อมตัว ว่าแต่มึงเหอะดิว ก็พอกันกับกูแหละ คิดงานออกบ้างไหม”

ดิวมันจะเก่งพอๆกับผมเลยแหละเรื่องงานดีไซน์ แนวงานผมจะออกแนวแปลกๆ

ส่วนไอ้ดิวมันสายมินิมอล ซึ่งผมกับมันจะแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเรื่องงานกันบ่อยๆ

ส่วนไอ้กี้ แม้มันจะคิดไม่เก่ง แต่มันเป็นสายขยันเลยได้ในส่วนนี้ชูให้กลุ่มผมสามคนในห้องเป็นกลุ่มที่โดนอาจารย์เรียกหาบ่อยจนบางทีพวกผมก็กลัวคนอื่นในห้องจะมองหมั่นไส้เอา


“ยังเลยว่ะ ไว้ค่อยกลับห้องไปให้พี่ตั้วช่วยคิดอีกแรง”

โว๊ะ มีแฟนมันดีอย่างงี้นี้เอง


“เออๆ ได้ยังไงบอกกูด้วย เผื่อกูได้อะไรเจ๋งๆจากมึงบ้าง”


“กูต้องขอจากมึงมากกว่าไหมไอ้แคระ”


“พวกมึงนี้คุยกันเกรงใจคนไม่เก่งอย่างกูบ้างสิวะ”


“โอ๊ะ ดิว มีคนน้อยใจว่ะ”

ผมส่งสัญญาณไอ้ดิวให้รับส่งบทกับผมเพื่อแกล้งไอ้กี้


“โอ๋ๆๆ มาๆ มาเป็นผัวน้องสิจ๊ะ เดี๋ยวจะทำงานให้ทุกอย่างเลย”

เชี้ยดิว พูดจาได้น่ากลัวมาก ไอ้กี้ถึงกับทำหน้าสยองขวัญเหมือนเจอผีกลางวันแสกๆ


“พ่อง กูไม่เอาขี้เว้ย แหวะ หยี้”

ผมรู้มันอาจจะขำๆ นะ แต่ผมแอบจิตตกยังไงไม่รู้ เหมือนมันจะรับไม่ได้เกี่ยวกับเรืองแบบนั้น ผมเองที่ไม่ได้คิดถึงจุดนั้น คิดเหมือนกันว่าตัวเองจะรับได้ไหม แล้วถ้าเกิดมันรู้ว่าผมคิดอะไรกับอาร์ม มันจะคิดยังไงกับผมนะ แต่เอ๊ะ ไอ้ดิวกับพี่ตั้วก็แฟนกัน ไม่เห็นกี้จะว่าไงเลย…


“เออ จิมมึงวันนี้มึงจะอยู่ดูไอ้กี้ซ้อมใหญ่เปล่า”


“ไม่อะ กูอยากกลับไปคิดงาน”


“เนี่ย แค่วันเดียวที่มึงไปกับไอ้เติ้ลมึงก็ทิ้งเพื่อนอีกและ”

วอแวอีกและเชี้ยกี้เอาใจยากชิบหาย


“ก็มึงให้กูไปกับมันเองนี่หว่า มาว่าไรกู”


“เอ้า เติ้ลมาหาที่ห้องประกวดด้วยหรอ”


“เออ มันมาได้ไงไม่รู้กูเลยให้แม่งพาจิมกับห้อง ไม่รู้ว่าได้กันกี่รอบและ”

เนี่ย ไอ้เชี้ยกี้ก็พูดอำซะ ผมจะไปมีอะไรกับอาร์มได้ไงวะ ปัญญาอ่อน


“เห่ยยยย จิมกับเติ้ลนี้ยังไง แฟนกันหรอ”

ไอ้เชี้ยดิววว มึงอย่าชักใบเรือยอร์ชได้ไหม (เรือยอร์ชมีใบเรือด้วย?)


“สัดดิว กูเพื่อนกัน มึงก็เชื่อหมาๆอย่างไอ้กี้”


“แต่กูว่าอีกไม่นาน พนันกัน”

จู่ๆไอ้กี้ก็พูดห่าไรของแม่ง


“กูลง มึงกับไอ้เติ้ลจะได้เป็นแฟนกัน 500”

เชี้ยดิวไวสัด จัดคนแรกเลย เอาเงินมาพนันห่าอะไรแบบนี้ด้วย


“สัด ไร้สาระ จะเป็นได้ไงวะ กูไม่ได้ชอบผู้ชาย”

…. ผมพูดแบบนั้นทำไมวะ ปากหนอปาก


“งั้น กู 1,000 ไอ้จิมเป็นแฟนไอ้เติ้ลภายในสัปดาห์หน้า”

เชี้ยกี้ พนันอะไรเยอะแยะขนาดนั้น มีเงินมาจากไหน เป็นเด็กทุนกีฬาแท้ๆ


“อะไรของพวกมึงวะ กูไม่เล่นเว้ย”


“ป๊อด ไม่มึงก็กำลังโกหกพวกกูอยู่”

….เชี้ยกี้เล่นพูดงี้ผมก็พูดไม่ออกดิ


“กูโกหกอะไรมึง”


“มึงมีใจให้ไอ้เติ้ลมัน!”

เชี้ยกี่….


“ไม่เว้ยยย”


“ถ้างั้นก็ลงขันมา ถ้าไม่จริงยังไงมึงก็มีแต่ได้กับได้”


“เออๆ น่ารำคาญ 1,500 ถ้าเกิดกูไม่ได้เป็นแฟนมัน”

มันคงเป็นไปไม่ได้หรอก ยังไงผมก็คงไม่มีโอกาสนั้น ถึงไอ้อาร์มดูเหมือนจะทีเล่นทีจีบกับผมก็เถอะ แต่คนหล่ออย่างมัน เลือกใครก็ได้ที่ดีกว่าผมอยู่แล้ว


“ดี จัดไปตามนี้ มาดูกัน”

(การพนันเป็นสิ่งไม่ดีนะครับ ไม่ควรเอาเป็นเยี่ยงอย่าง)

ไอ้พวกเชี้ยนี้มันก็ไม่ได้ทำแบบนี้บ่อยหรอกครับ นี้ครั้งแรก ผมรู้ว่ามันไม่พนันจริงๆหรอก แค่อยากจะจับผิดผมล่ะสิไม่ว่า








พอกลับถึงห้องผมก็ล้มตัวนอนทันที ไม่คิดอะไรทั้งนั้น


วันนี้ไอ้อาร์มไม่เห็นจะโผล่หัวมาเลย (แล้วบอกไม่คิดอะไร ห่าจิม)


ไปไหนของมันนะ ผมอยู่ดูไอ้กี้ซ้อมใหญ่พักนึงก็ไม่เห็นมันจะมา คงยุ่งอยู่เปล่า หรือไม่ก็ไปจีบสาวที่ไหนอยู่แน่ๆ คืนนี้จะนอนให้ยาวนานที่สุดเพราะพรุ่งนี้วันเสาร์ไม่มีเรียน แต่ตอนเย็นต้องไปงานประกวดดาวเดือนคณะตัวเองเพื่อไปเชียร์ไอ้กี้






“เตี้ย คิดถึงจังครับ”

ภาพตะวันตกลงปลายขอบฟ้าของทะเลชายหาดแห่งนึงฉายแสงลงบนผิวกายที่เปียกน้ำของผมและอาร์ม ท่ามกลางท้องฟ้าสีชมพูส้ม…


อุ่นชะมัด กอดนี้โคตรอุ่นเลย อาร์มที่โอบร่างผมจากด้านหลังโคตรจะอุ่น…



“กริ้งงงงงงงงงง”

เสียงนาฬิกาทุบฝันจนแตกทำให้ผมตื่นจากฝันที่ช่วงนี้ผมมองว่าเป็นฝันดีแล้วกัน ถึงเมื่อก่อนจะคิดว่าเป็นฝันร้ายก็เถอะ


“โอ๊ยยยย นี้เพิ่ง 7 โมง จะปลุกกูทำไมมมมม”

คนพูดกับนาฬิกาก็คงจะมีแต่ผมเนี่ยล่ะ


จะนอนต่อก็นอนไม่หลับ เพราะแสงในห้องมันสว่างพอสมควร


“เชี้ยจิม ตื่นเว้ย”

เสียงเชี้ยกี้ ปลุกแต่เช้า มาเคาะประตูซะไม่เกรงใจเลย


“ก๊อกๆๆ”

ตื่นแล้วววว จะเคาะไรนักหนา


“เออๆๆ กูมาแล้ว”

พอผมเปิดประตูให้มัน มันก็เข้ามาทันที


“ห่าโทรไปก็ไม่รับ ไลน์ก็ไม่ตอบ ตื่นยากตื่นเย็นนักมึง”


“อะไรของมึงวะ ปลุกกูทำไมวันนี้วันเสาร์นะเว้ย”


“วันนี้กูมีประกวด พี่บาสให้กูมาตามมึงไปช่วยงาน”


“เอ้า ทำไมกูต้องช่วยด้วยอะ กูไม่ได้อยู่ชมรมพี่เขานะ”


“ไอ้สัสเป็นน้องรหัสก็หัดไปช่วยพี่เขาบ้างสิวะ”


“ไอ้ช่วยอะช่วยอยู่แล้ว แต่ขอนอนอีกหน่อยไม่ได้ไง นี้มันเพิ่ง 7 โมงเอง”


“7 โมงบ้านป้ามึงดิ แหกตาดูนาฬิกา”

แล้วมันก็ชี้ไปทางนาฬิกาที่ติดอยู่บนผนังห้องผม


ชิบหายยยย ไหงผมมองในโทรศัพท์ 7 โมงนี่ นี้ผมเผลอหลับต่อยาวขนาดนี้เลยหรอเนี่ย นี่มันบ่ายโมงครึ่งแล้ว โทรศัพท์มีคนโทรมาตั้งหลายมิสคอล ทั้งดิวทั้งไอ้กี้ทั้งพี่บาส


“เชี้ยยย เออ กูอาบน้ำแปบ”


“เร็วๆ เลย กูเป็นเดือน ยังต้องมาตามมึงถึงห้องอีก ห่านี้ ถ้ากูไม่ปลุกมึงสงสัยนอนยาวไม่มางานกูเลยใช่ไหม”

บ่นยาวจริง


“เออๆ กูขอโทษ ไปเชียร์อยู่แล้วนา เลิกบ่นสักที”

ผมตะโกนออกมาจากห้องน้ำให้มันเลิกบ่น

จะว่าไปผมนี่หลับลึกจริงแหะ ถ้าไฟไหม้ผมคนตายไปคนแรกแล้ว ฮ่าๆ



“มึงไปงานก่อนก็ได้นะเว้ย ต้องไปเตรียมพร้อมไม่ใช่หรอ ไม่ต้องรอกูหรอก รีบไปเดี๋ยวไม่ทัน กูจะรีบตามไป”

ระหว่างอาบน้ำผมนึกขึ้นได้ว่าคนเป็นดาวเดือนต้องไปเตรียมพร้อมไหนจะแต่งหน้าทำผมไหนจะคอสตูม


“....”


ไอ้กี้ไม่ตอบกลับมา ทำไรอยู่วะ



พอผมอาบน้ำเสร็จซึ่งครั้งนี้อาบเร็วมาก แทบจะเรียกได้ว่าวิ่งผ่านน้ำเลยก็ว่าได้

พอออกมาจากห้อง ก็เจอร่างใหญ่หนึ่งคนใส่ชุดนักศึกษา ตอนแรกก็คิดว่าไอ้กี้ เพราะมันก็ใส่ชุดนักศึกษาเหมือนกัน


“สัด กูบอกให้ไปก่อนไง จะรอกูไปพร้อมมึงทำเชี้ยไร ทำอย่างกับเป็นผัวกูตามจิกกูอยู่เรื่อย”


ผมก้มหน้าก้มตาบ่นใส่มันโดยไม่สนอะไรเลย

….อาร์ม…


“เอ้า มึงมาได้ไง แล้วเชี้ยกี้อะ”


“ออกไปสักพักแล้ว เมื่อกี้เดินส่วนกัน สงสัยเข้ามอไปอย่างที่จิมบอกแหละครับ”


“แล้วมาทำไมอะ วันนี้กูไม่ว่างนะ ต้องไปช่วยงานที่คณะ”


“รู้แล้วครับ แค่จะมารับจิมเข้ามอไปด้วย วันนี้คณะอาร์มมีเรียนชดเชยของวันจันทร์ที่ต้องหยุดสำหรับงานประกวด”


“อาร์มเลยมาหาจิมก่อน”


“ไม่เห็นต้องมาหาเลยนี่ กูว่าเสียเวลานะ มหาลัยกูก็ใกล้แค่นี้ นั่งวินแปบเดียวเอง”


“ทำไม คิดถึงไม่ได้ไง?”

เฮือกกกกกกกกก คำหยอดหนึ่งดอก ชะงักไปสิบล้านปีแสง (เว่อร์)


“คิดถึงห่าไร โว๊ะ กูไปแต่งตัวละ”

เดินเขินเข้าห้องดิ บทจะยิงตรงก็เอาซะตั้งตัวไม่ได้

ด้วยนิสัยที่ชอบทาครีมก่อนใส่เสื้อผ้าและความเคยชินอยู่ในห้องตัวเอง… ก็เหลือกางเกงในตัวเดียวที่ปิดกั้นส่วนลับไว้

“จิมกินข้าวยังครับ เดี๋ยวไปกินข้าว…..กัน...ก่อน….ไหม?”

แม่งก็ไม่คิดว่าจะเปิดประตูเข้ามา เชี้ยยยยกูโป๊นะเว้ย มองตาค้างอะไรเบอร์นั้น



“เห้ย ออกไปยังแต่งตัวไม่เสร็จเลย เข้ามาทำไมไม่เคาะ”

แล้วมันก็ปิดประตูออกไป


“เอ่อออ โทษทีครับ อาร์มคิดว่าจิมเสร็จแล้ว เห็นนานแล้วอะ”

ก็คนต้องทาครีมไหมเล่าาาาา ไหนจะผิวไหนจะหน้า โว้ยยยยยย


“เออๆ กูเสร็จละ”

เขินชิบ ทำไมเขินอย่างนี้วะ ตอนรับน้องอาบน้ำกับกี้กับดิวยังไม่เห็นเขินหรืออายขนาดนี้เลย ผมรีบใส่รองเท้าเปิดประตูไม่มองหน้ามันออกมาจากห้องเลย


“ไป เดี๋ยวไปกินข้าวก่อนไม่ใช่หรอ รีบๆ พี่บาสรอ ล็อกประตูด้วย”

ใครจะไปกล้ามองหน้าคนเพิ่งมาเห็นผมโป๊วะ


“ครับ….ครับ”

เสียงแผ่วๆ ตามหลังมา


“จิม…. จิมครับ”


ผมเงียบไม่คุยกับมันสักพัก ไม่ใช่เพราะโกรธที่มันเข้าห้องนอนมาไม่เคาะประตู แต่มันเขินจนไม่กล้าพูดอะไรต่อ ไอ้แค่ส่วนบนก็ว่าเขินหน่อยอยู่หรอก แต่ไอ้ส่วนล่างเนี่ย มันไม่อยากจะให้ใครมาเห็นบ่อยๆสักหน่อย



“....”


“โห ขอโทษครับ ขอโทษน้าาาา ก็คิดว่าแต่งตัวเสร็จแล้ว ใครจะไปนึกล่ะว่าเข้าไปจะ….”


“หยุดพูดเลย”


“ฮ่าๆ เขินหน้าแดงเลย”


“ไม่ได้เขินเว้ย ขับรถไป”


“น่ารักว่ะ”

ไม่ต้องมาชมมันไม่ช่วยให้หายเขินหรอกนะเว้ย


“ไม่ต้องมาชมกู กูไม่หายหรอกนะ”


“โห หายงอนเถอะ นะนะนะ”

อย่ามาอ้อน… ผมใจไม่ดี… น้ำเสียงโคตรน่าฟัง นุ่มมาก


“ใครงอนกูไม่ได้งอน”


“เนี่ยเรียกงอน อาร์มง้อแล้วนะ หายงอนนะครับเตี้ย”

เชี้ยยย ใจยิ่งเต้นรัวเข้าไปใหญ่… พอแล้วๆ ก่อนที่ใจผมจะแตกกว่านี้


“ใครเตี้ย ไม่สนเว้ย”


“งั้นเดี๋ยวพาไปเลี้ยงบาร์บีคิว หายงอนนะครับตัวเล็ก”

ท่าไม้ตายมาแล้ว ลูบหัวพิชิตใจ โอ๊ยยยยยยย


อ่อนระทวยไปหมดเลยยยย


“ยอมก็ได้วะ”







……………..………………




“ยอม...คือการลดทิฐิของการปฏิเสธใจตัวเอง”




Talk : อาร์มมาแปบเดียวก็ทำจิมปวกเปียกและ จิมกากชะมัด//// อากาศดีขึ้นแล้วน้า





ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
Re: ♥ รัก 158 ซม. l Chapter 15 : ยอม : หน้า 3 (12/05/17)
«ตอบ #77 เมื่อ12-06-2017 02:12:11 »

 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
Re: ♥ รัก 158 ซม. l Chapter 15 : ยอม : หน้า 3 (12/05/17)
«ตอบ #78 เมื่อ12-06-2017 07:58:14 »

ใจจิม ไปหาอาร์มเต็มๆแล้ว  :hao3:

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
Re: ♥ รัก 158 ซม. l Chapter 15 : ยอม : หน้า 3 (12/05/17)
«ตอบ #79 เมื่อ12-06-2017 12:05:54 »

 :L2: :pig4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ♥ รัก 158 ซม. l Chapter 15 : ยอม : หน้า 3 (12/05/17)
« ตอบ #79 เมื่อ: 12-06-2017 12:05:54 »





ออฟไลน์ keywordz

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-0
    • แฟนเพจ
Chapter 16 : จีบ
 
 
 
 
เกิดมาชีวิตผมเนี่ยไม่เคยจีบผู้ชายเลยครับ ครั้งแรกเลย
 
นี่ก็ทำให้ชัดเจนที่สุดแล้วว่าพยายามจะเข้าหาไอ้เตี้ยมัน.. ไม่รู้จะดูออกไหม?
 
 
 
ดูออกดิ!! ปฏิเสธขนาดนี้
 
แค่ผมลูบหัวมันก็หันหัวหลบผมแล้ว ไม่รู้จะเกร็งเพื่ออะไรยังไงหัวเล็กๆของมันก็หลบมือใหญ่ๆของผมไม่พ้นหรอก (ถ้าอยากรู้ว่ามือผมใหญ่ขนาดไหน หัวไอเตี้ยเล็กขนาดไหน ลองนึกภาพนักบาสรับลูกบาสโดยไม่หลุดมือได้ ประมาณนั้นแหละครับ)
 
 
“เอามือออกไป ผมกูเสียทรงหมด”
 
เห็นไหม วอแวซะขนาดนั้น ดูแล้วการเข้าหาของผมคงเป็นอะไรที่ไอ้เตี้ยมันต่อต้าน แต่ใครมันจะไปยอมล่ะครับ ก็เจ้าตัวเล่นพูดตอนเมาว่า ถ้าปัญหาทุกอย่างมันโอเคแล้ว ผมจะจีบมันก็อีกเรื่อง นั้นแหละครับ ปัญหาทุกอย่างมันจบลงแล้ว
 
 
ผมกับปอยเราเลิกกันแล้ว ตอนนี้เรากลับไปเป็นเพื่อนกันเหมือนสมัยมัธยมแล้วครับ จะเหมือนเดิมจริงๆไหมผมก็ไม่รู้ แต่ปอยก็เปิดโอกาสให้ตัวเองได้คุยกับคนอื่นไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
 
 
บางทีที่เราเลิกกันอาจเป็นเพราะผมเฉยชากับปอยมากขึ้นตั้งแต่เจอไอ้เตี้ย เป็นเหตุผลที่ผมหลุดปากบอกเธอไปว่า ผมชอบคนอื่นไปแล้ว
 
 
และคนๆนั้นก็คือไอ้คนที่พยายามดิ้นออกจากมือผม ช่วยไม่ได้ผมไอ้เตี้ยทั้งหอมทั้งนุ่ม คนอะไรวะ ตัวหอมอย่างกับผู้หญิง
 
แต่เตี้ยไม่รู้อะไรเลยรึไงว่าเวลาตัวเองไม่เซ็ตผมน่ารักกว่าตอนเซ็ตผมเยอะเลย
 
 
“เวลาจิมไม่เซ็ตผมน่ารักกว่าเยอะ อาร์มชอบ”
 
แม้ทีท่าของผมจะทำเหมือนสนใจกับเส้นทางที่ผมต้องขับไป แต่หางตาผมก็แอบมองไอ้เตี้ยอยู่ตลอดนะครับ หน้าบูดหน้าเบี้ยวของมันโคตรน่าเอ็นดู
 
 
“พูดเชี้ยไร ไร้สาระ ผู้หญิงทุกคนที่ได้ยินมึงพูดอย่างนี้เค้ายอมมึงหมดเลยป่ะ”
 
 
“ก็ไม่นะ”
 
 
“เหอะ ผู้หญิงเขาก็คงไม่โง่อะแหละเนอะ”
 
 
“หมายถึงไม่มีหรอกผู้หญิงที่ผมต้องพูดจีบแบบนี้อะ”
 
ตรงไปเปล่าวะเนี่ย ไอ้เตี้ยมันจะโวยวายไหม โวยวายแน่ๆ
 
 
“จีบ?”
 
สั้นๆ นิ่มๆ ไม่วอแว โวยวาย เป็นการถามที่เหมือนจะเย็นชาแต่ก็ไม่
 
 
“ครับ ส่วนใหญ่อาร์มไม่ต้องจีบก็มีเข้ามาหาอยู่บ่อย”
 
ตอบตามจริงอย่างนี้ คงไม่ทำให้ไอ้เตี้ยห่างออกไปหรอกมั้ง (มั้ง?)
 
 
“เออ เจ้าชู้ดีเนาะ…”
 
(ขอให้น้ำเสียงนี้เป็นการประชดประชันทีเหอะ) เพราะผมไม่เจ้าชู้นะเว้ยไอ้เตี้ยครับ
 
 
“ว่าอาร์มเจ้าชู้ อาร์มไม่เคยตกลงกับผู้หญิงที่เข้ามาแบบนั้นหรอกนะจิม”
 
 
“...”
 
 
“อาร์มรักเดียวใจเดียวนะ สาบาน!”
 
แจกแจงข้อดีทั้งหมดเลยดีมะ หล่อ รวย นิสัยดี วาจาไพเราะ โรแมนติก แถม รักเดียวใจเดียว (หลงตัวเองด้วย)
 
 
“เรื่องของมึงครับ”
 
อย่างน้อยการที่ผมส่งความชัดเจนไปขนาดนี้ ไอ้เตี้ยยังดูไม่ถอยห่างจากความเป็นเพื่อนของผมเท่าไหร่ แสดงว่าผมก็ยังคงทำอะไรได้อยู่
 
 
หลังจากที่เรามากินบาร์บีคิวเสร็จเรียบร้อยก่อนเข้ามหาลัยมันก็มาจอดรถที่หน้าตึกคณะ
 
 
“ถึงแล้วครับ เดี๋ยวอาร์มเรียนเสร็จมาหานะ อยู่ที่งานใช่ไหม”
 
เอาจริงมันไม่ได้เป็นการถามหรอกครับเพราะรู้อยู่แล้วแหละว่าเตี้ยจะทำอะไร จะอยู่ไหน ก็กี้ เล่นเป็นสายพ่อสืบอย่างลับๆ ให้ผมเกือบตลอด ต้องขอบคุณกี้เลยครับที่เปิดทาง (เอ...เรียกว่าทอดสะพานถวายให้เลยดีกว่า)
 
 
“มาทำไม อ่อ มาเชียร์ไอ้กี้หรอ”
 
นี่ไม่รู้จริงๆรึว่าผมมาหาใคร
“มาหาจิมดิ ถามได้”
 
 
“แล้วจะมาหากูทำไม? กลับไปก่อนก็ได้งานเลิกดึก”
 
ก็อยากอยู่ด้วยนี่หว่า
 
 
“ก็อยากมาหา อยากเจอไม่ได้หรอครับ”
 
ผมจะดูน่ารำคาญสำหรับเตี้ยมันไหม? บ้าเอ๊ย เข้าหามากไปเปล่าวะเนี่ย
 
 
“โว๊ะ เออๆ แล้วแต่มึงละกัน”
 
ไม่ปฏิเสธด้วยแหะ… (ไม่ได้ๆ อย่าหลอกตัวเองดิ เขาอาจจะปัดรำคาญก็ได้ไอ้อาร์ม อย่าคิดไปเอง)
 
 
“ครับตัวเล็ก”
 
ชิบ! ดันหลุดสรรพนามที่อยากเรียกมากที่สุดไปแล้ว
 
 
“ตัวเล็กเชี้ยไรรรรรรรรร”
 
หน้าแดงด้วย น่ารักว่ะ...
 
 
“อ้าว ไม่ชอบหรอ แล้วทำไมต้องหน้าแดงด้วยอะครับ”
 
 
“เว้ยยย กูไปละ แล้วแต่มึงเหอะ”
 
นี่คือการแก้เขินของไอ้เตี้ยมันใช่ไหม หรือเป็นการปัดรำคาญอีกแล้ว
 
แต่นั้นแหละครับผมคาดว่าน่าจะอย่างหลังแหละ เพราะเตี้ยมันเปิดประตูออกไปไม่ลาซักคำเลย โกรธผมแน่ๆ หน้าตาดูหงุดหงิดขนาดนั้น ขนาดดิวเพื่อนจิมเดินมาหาทำท่าจะกอดคอยังปัดหนีเลย คงหงุดหงิดผมจริงๆอะครับ
 
 
เห้ออออออออออออ
 
นี่ผมรุกหนักไปใช่ไหมเนี่ยยยยยยยยยยยย
 
 
แต่นี้ไม่ใช่เวลาจะมาคิด จะสายแล้วววววววว วันนี้เป็นวันเรียนชดเชยที่วันจันทร์คณะผมจะมีงานประกวดดาวเดือน ถ้าผมสายอาจารย์พลอยต้องเล่นผมแน่ๆ
 
คิดได้งั้นก็รีบเลี้ยวรถกลับไปที่จอดรถแล้ววิ่งเข้าห้อง
 
 
สุดท้าย… อาจารย์พลอยยกคลาสซะงั้น เนื่องด้วยคนมาน้อย แล้วอาจารย์เองก็มีธุระเข้าพอดีทำให้ผมกับเพื่อนๆกลุ่มผมมาเรียนเก้อเลยครับ ให้ชีสมาทำงานวิจัยต่อ แล้วก็เลิกคลาส แต่ก็ดีแล้วครับ ผมจะได้มีเวลาไปหาไอ้เตี้ยไวขึ้น
 
 
ลองช่วยงานที่คณะมันดีกว่า เตี้ยจะได้เห็นผมเป็นคนดีมั้ง (เอาความดีเข้าสู้สินะ)
 
ถือเป็นการไถ่บาปที่ตัวเองรุกหนักไปเมื่อตอนอยู่ในรถและกัน
 
“พวกมึง งั้นกูไปก่อนนะ ว่าจะไปช่วยงานพี่แตมที่คณะศิลปกรรมอะ”
 
 
“กูไปด้วย เบื่อๆ ไม่มีไรทำ”
 
ไอ้นัทเพื่อนผมที่เป็นตัวเต็งพอๆกันในการประกวดดาวเดือนคณะผม เตี้ยกว่าผมหน่อยนึงแต่ได้ความหล่อคมเข้มและผิวน้ำผึ้งเนียนๆ มาเป็นทุน
 
 
“งั้นปอครับ เปิ้ลว่าเราควรที่จะไปเหล่สาวต่างคณะกันบ้างก็ดีนะขอรับ”
 
 
“ปอก็ว่างั้นนะขอรับ เด็กๆศิลปกรรมจะเป็นยังไงกันนะครับ อดใจไม่ไหวแล้วนะขอรับเปิ้ล”
 
 
นี้คือเสียงไอ้แฝดนรกที่ชอบตบมุขปัญญาอ่อนใส่กันจนบางทีก็น่ารำคาญ แต่นั้นแหละครับเป็นสีสันให้ผมกับไอ้นัทไม่เครียดเวลาเรียนหนักๆได้ดีเหมือนกันครับ
 
 
“โอเค แต่ถ้าพวกมึงไป สัญญาว่ามึงจะไม่ป่วนงานรุ่นพี่นะไอ้สัด”
 
 
“ขอรับนายท่าน”
 
การประสานเสียงของแฝดนรกจะออกมาบ่อยๆ จนผมแอบสงสัยว่ามันนัดจังหวะพูดพร้อมกันและเหมือนกันได้ไง (อย่างว่าแฝดกันคงรู้ใจกัน)
 
 
 
 
ไม่ทันไรผมก็เดินมาถึงคณะศิลปกรรมที่ๆไอ้เตี้ยเด็กติสเรียนอยู่ที่ตึกนี้ แถมเจ้าตัวยังเผยร่างให้เห็นต่อหน้ากำลังขึ้นรถกะบะใครซักคนที่มีกลองชุดและข้าวของเต็มหลังรถไปหมด
 
 
“เอ้า จิมทำไรครับ”
 
ผมตะโกนทักทายจิม...แต่ไอ้เจ้าของร่างเล็กหันมาทำหน้างงที่เจอผม
 
 
“ใครวะเติ้ล น่ารักว่ะ มึงรู้จักหรอ”
 
นัทกระซิบข้างหูผม
 
 
(เชี้ย… ลืมเลยไอ้นัทมันสปีชีส์ชอบเพศเดียวกัน) งานเข้าผมและ!
 
 
“เชี้ย… นั้นผู้ชายหรือวะขอรับ ทำไมน่าตาหวานและไซต์มินิได้ขนาดนั้น”
 
 
“ขอรับ”
 
แฝดนรกกระซิบกันคิดว่าผมไม่ได้ยินรึไง?
 
(ไอ้ปอ-เปิ้ล มึงอย่าแม้แต่จะคิด ชอบผู้หญิงเหมือนเดิมอะดีแล้ว ไอ้แฝดนรก)
 
 
 
“ว่าแต่มึงเหอะมาไง ไหนว่ามีเรียน”
 
เตี้ยเพิ่งจะมีบทมาแทรกระหว่างผมกับเพื่อนๆที่กำลังเดินเข้าไปหาเขาที่รถกะบะ
 
 
“พอดีไปมาแล้วอาจารย์จะต้องรีบไปทำธุระอะ เลยให้แค่ชีสมาอ่าน”
 
แล้วผมก็ชูชีสให้ดูเป็นหลักฐาน
 
 
“เชี้ยเติ้ล ไม่คิดจะแนะนำให้เพื่อนรู้จักเลยไงวะ”
 
(ไอ้นัท มึงของกู อย่านะมึง)
 
 
“นั้นสิครับ เปิ้ลก็ว่างั้นนะครับ ว่าไงครับปอ”
 
 
“ปอก็ว่างั้นนะครับเปิ้ล ทำไมเพื่อนเติ้ล รู้จักเพื่อนน่ารักต่างคณะไม่เห็นพามารู้จักกันเลย”
 
โอ๊ยยยยยยยยยยยยยย ผมคิดผิดไหมเนี่ยเอาเพื่อนผมมาเนี่ยยยยยย
 
 
“พวกมึงเลิกแซวได้แล้ว นี้จิม กูบอกแล้วไงอย่าหาเรื่องเยอะ กูพาพวกมึงมาดูงานไม่ได้พามากวนตีนคน”
 
ไอ้เตี้ยก็ดันยืนทำท่าเงอะงะ งงงวยน่ารักอยู่ได้ สักพักจิมก็ยกกลองขึ้นมา
 
 
ความเร็วแสงของไอ้นัทพุ่งเข้าไปช่วยจิม (เชี้ย นัท มึงไวไปแล้ว)
 
 
รู้งี้น่าจะเอาเรื่องจิมมาคุยกับพวกมันก่อน ว่าผมชอบของผม ไม่งั้นพวกแม่งจะได้ไม่ต้องมาทำแบบนี้
 
 
“นาย เราชื่อนัทนะ มา เราช่วย ยกเข้างานใช่ป่ะ”
 
ใครมันจะไปยอมวะ ผมรีบพุ่งเข้าไปหยิบกลองที่จิมยกขอจับมือแสดงความเป็นเจ้าของหน่อยเหอะ… (ควรไหมวะ
 
 
“จิมต้องยกหมดนี้คนเดียวเลยหรอ”
 
กลบเกลือนไม่ให้จิมหนีผม
 
 
“เออ ไม่ต้องช่วยก็ได้ กูทำเอง”
 
อย่าสิจิม ไม่รู้รึไง ปล่อยไว้แบบนี้ไอ้นัทต้องสอยแน่ๆ...
 
 
“ได้ไงครับ เดี๋ยวช่วย ตัวเล็กจะไหวหรอ”
 
สรรพนามนี้ คงแสดงความเป็นเจ้าของได้นะ
 
 
“ไหวดิ”
 
…. ทำไมไม่โวยวายวะ ผมเรียกตัวเล็กนะเห้ย
 
 
“ปอเปิ้ล ยืนทำเชี้ยไรมาช่วยจิมดิวะ”
 
นัทมันเรียกกำลังเสริมมาให้ข่วยอีกแรง เอาจริงๆก็ดีนะครับ จิมจะได้ไม่ต้องยกเยอะ แต่มันไม่ดีตรงที่ปากพวกมันเนี่ยล่ะ
 
 
“เห้ยไม่เป็นไร ผมทำเองได้ ขอบใจๆ”
 
โหคุยกับคนอื่นล่ะ พูดเพราะ น้อยใจนะไอ้เตี้ย
 
 
“โห คุยกับคนอื่นพูดเพราะเชียวนะ”
 
 
“หรือมึงอยากเหมือนคนอื่น?”
 
เตี้ย...แม่งกระซิบข้างหูผม เล่นผมนิ่งเงียบ… ก็ดีใจดิครับ ไม่เหมือนคนอื่นก็คงหมายความว่าพิเศษกว่าคนอื่นดิ 
 
 
“จิมนี้ตัวเล็กน่ารักดีเนอะ สเป็กกูเลยว่ะเติ้ล”
 
 
เชี้ยยย นัท คิดว่าจิมไม่ได้ยินรึไงวะ เดินยกกลองอยู่ข้างๆกันเนี่ย
 
เจ้าตัวเองก็เดินเงียบๆ เหมือนไม่ได้ยินอะไร ผมเลยขยับไปใกล้ไอ้นัทเพื่อจะกระซิบบอกมัน
 
 
“คนนี้กูขอ ห้ามยุ่ง”
 
 
“ได้ไงวะ มึงก็รู้กูโสดมานานและ นี้แหละโอกาสของกู”
 
เชี้ยเอ๊ยยยยยย โคตรอยากจะพูดตรงนี้เลย ว่าจิมอะของผม แต่แม่งพูดไม่ได้ไง ก็มันไม่ใช่อะ นี่ผมกะจะมาทำคะแนนกับจิมนะ ไม่ได้มาทำให้ตัวเองมีคู่แข่ง
 
 
“ขอเหอะมึง”
 
 
“ทำไมวะ แฟนมึงก็ไม่ใช่ หวงทำห่าไร”
 
 
“...”
 
จุกชิบ! ใครมันจะไปยอมวะ ผมจีบจิมก่อนนะเว้ย
 
 
“ปอขอรับ ท่านนัทกำลังโปรยทางสว่างให้จิมขอรับ”
 
แฝดปากมะละมีบทอีกและ
 
 
“เปิ้ลว่านะครับปอ จิมจะต้องหลงไหลทางที่นัทชี้นำแน่ๆเลยนะขอรับ”
 
 
“พวกมึงอะ! ขนของตามมาเร็วๆ”
 
เชี้ยยยย หงุดหงิดชิบหาย
 
“จิมครับให้เอากลองไว้ไหนครับ”
 
ผมรีบเดินเร็วไปข้างๆจิมที่เดิมนำพวกเราอยู่ ต้องหาทางให้จิมห่างจากนัทละ
 
 
“พี่บาสครับ ให้เอากลองไว้ไหนพี่”
 
 
“โห… มึงขนพวกมาช่วยเยอะจังวะ กูกะจะแกล้งมึงซักหน่อย”
 
ผมนี่ส่ายหน้าให้กับพี่บาสเลย สายแกล้งชัดๆ กะให้จิมยกคนเดียวทั้งคันรึไง
 
 
“พี่บาสอ่าาา นี่น้องนะ ไหนบอกรักผมนักรักผมหนาไง ยังจะแกล้งกันอีก”
 
รัก? เดี๋ยวดิ พี่บาสเราคุยกันแล้วนะพี่… เรื่องที่ผมชอบจิมอะ
 
 
ใช่ครับ ผมคุยกับพี่บาสเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เรื่องของเรื่องคือ คนที่ปอยคุยด้วยอยู่ ก็คือพี่บาสครับ และพี่บาสก็เคยชอบไอ้เตี้ย…(หรือยังชอบอยู่วะ) แต่นั้นเป็นเหตุผลที่ทำให้สบายใจเรื่องปอยได้ เพราะพี่บาสเองก็สัญญากับผมว่าจะเปิดทางให้ผมกับจิม ถ้าหากจิมเลือกผมอะนะ
 
 
“กู แค่อยากแกล้ง ไม่เกี่ยวรักไม่รักเว้ย ไงไอ้เติ้ล เป็นไงมาไง”
 
 
“เพิ่งเลิกเรียนมาพี่ เลยว่าจะมาช่วยงานพี่ซักหน่อย พี่แตมอยู่ไหนอะครับ”
 
แล้วพี่บาสก็ชี้ไปบนเวที พี่รหัสผมกำลังวุ่นอยู่กับการจูนเสียงให้เครื่องดนตรี
 
 
“ไอ้พี่บาส ผมหนักนะเนี่ยบอกซักทีดิพี่วางไหน”
 
ไอ้เตี้ยเริ่มบ่นหนักละ ผมเพิ่งสังเกตงานประกวดของคณะศิลปกรรม อลังการมาก เวทีมีต้นไม้ ดอกไม้ ด้านข้างๆก็มีสวนสวยๆประดับอยู่ สวยดีแหะ
 
 
“เอ้า เออๆ เอาขึ้นเวทีเลย”
 
แล้วจิมก็เดินไปทางขึ้นเวที เพื่อนๆผมก็ตามกันไป
 
 
“พี่บาส… อย่าลืมที่คุยกันดิพี่”
 
ผมย้ำพี่บาสอีกทีสำหรับเรื่องที่ผมเคยคุยกัน
 
 
“อะไรของมึง กูจะรักมันแบบน้องมั้งไม่ได้เลยไง มึงก็เกินไป กูมีปอยแล้วนะมึงอย่าลืม”
 
 
“ครับพี่ โทษทีพี่ ไอ้เตี้ยแม่งก็จีบยากแล้ว ผมไม่อยากมีคู่แข่งเพิ่มอีก”
 
 
“มึงนี้นะ งั้นมึงก็รีบไปทำคะแนนดิไป”
 
 
“ครับพี่”
 
 
แล้วผมก็รีบขึ้นบนเวทีเอากลองไปวาง ไอ้นัทแม่งทำตัวแมนรีบวางของตัวเองมาช่วยยกของจิมจากมืออีก แม่งถึงเนื้อถึงตัวจริงไอ้เชี้ยนัท (ไม่ได้ๆ ผมจะมาโมโหเพื่อนเรื่องนี้ไม่ได้)
 
 
“พี่แตมครับ… ให้ผมช่วยจูนแอมป์ จูนกีต้าไหมพี่”
 
ผมเดินมาหาพี่แตมพยายามไม่ใส่ใจ… สิ่งที่คิดได้ในใจคือ ผมควรทำให้ทุกอย่างมันปกติถ้าผมโมโหเพื่อนจนน่ามืดมีเรื่องกันขึ้นมา จิมเองก็คงมองผมไม่ติดเหมือนกัน เพราะงั้น ถ้าผมทำดีๆ ยังไงผมก็สนิทกว่าไอ้นัท โอกาสผมมากกว่าอยู่แล้ว แต่นัทแม่งรุกเข้าใส่แบบนั้น ดีไม่ดีจิมอาจจะไม่ชอบหน้าเอาก็ได้ ฮ่าๆๆ ยังไงผมก็ได้เปรียบ นิ่งสงบสยบความเคลื่อนไหว
 
 
“ห่ะ มึงเล่นกีต้าเป็นด้วยหรอ”
 
อยู่ๆ ไอ้เตี้ยก็เดินมาได้ยินผมคุยกับพี่แตมที่อยู่คนละฝั่งเวทีซะงั้น
 
 
“แน่นอน วันจันทร์ก็ดูเอาและกันว่าเก่งแค่ไหน”
 
 
“งั้นเติ้ล มึงช่วยพี่แนนจูนกีต้าไป เดี๋ยวพี่จัดแอมป์ตรงนี้แล้วไปจูนจุดอื่น”
 
ตอนนี้ไอ้เตี้ยมานั่งดูผมจูนกีต้าแทนจะสนใจไอ้นัทที่นั่งอยู่กับพวกปอเปิ้ล
 
 
ฮ่าๆ ได้ทีผมแหละ ที่ผมสนิทกับจิมกับพี่แตมพี่แนนมากกว่าพวกมัน
 
 
“เพิ่งเคยเห็นมึงในมุมนี้เนาะ ท่าถือกีต้าเท่ดี”
 
ไอ้เตี้ยชมผมว่ะ… บันทึกไปอีกบรรทัดและกัน นานๆจะชมที
 
 
“หล่ออะดิ”
 
 
“หลงตัวเองว่ะ”
 
เอ้า ลุกหนีไปไหนอะ โห ไรวะ ไม่น่าเลยผม
 
 
“พี่บาสสส ให้จิมช่วยอะไรอีกไหมครับบบบ”
 
เชี้ยยยยยย เสียงอ้อนนั้นมันไว้สำหรับผมเท่านั้นดิ เดี๋ยวก็มีคนหลงมันจนได้
 
 
“มึงอะนะ อืมมมมมมม ไปหยิบปลั๊กไฟเพิ่มในห้องชมรมไป”
 
 
“อยู่ตรงไหนอะพี่”
 
 
“ใต้ตึกนี้ไง มึงไปนั่งฟังพวกกูเล่นกี่รอบและทำจำไม่ได้”
 
 
“หมายถึงปลั๊กอะพี่ปลั๊ก”
 
 
“วางตรงพื้นกลางห้องนั้นแหละ กูจะให้ไอ้ดิวกับตั้วแวะไปเอา แต่แม่งโทรมาบอกจะแดกข้าวก่อน งั้นมึงไปเอามาเลยละกัน อะกุญแจห้อง”
 
แล้วจิมก็รับกุญแจไป… เชี้ยนัทลุกเดินเข้าไปหาจิม ไม่ได้การและ
 
 
ชิบ!! ผมยังจูนกีต้าไม่เสร็จเลย ถ้าผมละจะไปเป็นเพื่อนจิมจะชัดไปเปล่าวะ
 
 
“เตี้ย! ไปด้วย พี่แตมเดี๋ยวผมมาช่วยนะพี่ แปบบบบ”
 
 
“เออๆ”
 
เยี่ยมพี่แตมให้ผ่าน
 
 
“ไม่เป็นไร มึงช่วยพี่แตมจูนกีต้าเถอะ นัทไปช่วยให้และ”
 
ผมมองหน้าไอ้นัทที่ยักคิ้วกวนตีนให้ผม…ก่อนจะเดินพากันออกไป แม่ง...โดนแย่งไปกับตา เจ็บชิบ
 
 
“เห้ยๆ ใจเย็น กำมือซะกูกลัวจะมีเรื่องในงานเลยสัด”
 
พี่บาสพูด
 
 
“ผมไม่ทำงั้นหรือพี่ นั้นก็เพื่อนผมนะ แต่แม่งงงงงงง”
 
 
“เป็นเอามากนะมึง มึงคิดว่าไอ้จิมมันใจง่ายขนาดใครจีบมันก็เอาหรอวะ”
 
 
“ว่าไงนะพี่”
 
นี่พี่บาสไม่ได้เชียร์ผมเลยสินะ
 
 
“เออ ก็นั้นแหละ จะจีบมันมึงก็ต้องใจเย็น คิดหรอว่าเพื่อนมึงจะจีบเชี้ยจิมได้”
 
แล้วผมอะมีหวังจะจีบติดไหม
 
 
“แล้วผมอะพี่”
 
 
“แล้วมึงเริ่มยังล่ะ”
 
 
“ก็เริ่มแล้วพี่ แต่แววไม่มีเลย”
 
 
“แต่มันก็ยังไม่เห็นจะโกรธหรือไม่อยากให้มึงเข้าใกล้เลยนี่ ถูกไหม?”
 
“...”
 
 
“แสดงว่ามันก็ไม่ได้ปฏิเสธถ้ามึงจะจีบมัน”
 
 
“แล้วเพื่อนผมอะ”
 
 
“ช่างแม่งดิ มึงดูถูกน้องกูคิดว่าน้องกูใจง่ายหรอไอ้สัด”
 
 
“ก็ได้ครับ”
 
 
“เออ ไปทำงานได้แล้ว”
 
 
“ครับๆ”
 
 
เห้อออออออออ ขอร้องเถอะครับ ขอให้เป็นอย่างที่พี่บาสบอก
 
 
 
 
ผมกลับไปช่วยงานพี่แตมซักพัก… ไอ้เตี้ยก็เริ่มขนของมากับนัท และมีดิวกับพี่ตั้วขนของมากันเต็มไปหมด (ก็ยังรู้สึกดีกว่าอยู่กันสองต่อสองล่ะวะ)
 
 
“จิมเหนื่อยไหมครับ”
 
ผมถามเตี้ยเพื่อแย่งชิงความสนใจออกจากไอ้นัท
 
 
“ไม่อะ แล้วมึงอะเป็นไงบ้าง เสร็จยัง”
 
 
“ใกล้ละครับ”
 
 
“พี่บาสงานเริ่มกี่โมงอะพี่ ผมหิว”
 
ได้การละ เตี้ยมันต้องส่งสัญญาณให้ผมพาไปกินข้าวแน่ๆเลย (คิดไปเอง) เห้ย ว่าแต่จิมเพิ่งจะกินบาร์บีคิวกับผมเมื่อตอนบ่ายสองกว่าๆเอง นี้มันบ่ายสี่เองนะ หิวแล้วหรอเนี่ย
 
 
พี่บาสยกนาฬิกาข้อมือมาดู
 
 
“งานเริ่ม 6 โมงนู้น นี่เพิ่ง 4 โมงเย็นเอง มึงไปกินดิ”
 
 
“แล้วพี่ให้ผมช่วยอะไรอีกไหมครับ”
 
ถ้าเสียงจะใสแบบนั้นก็ไม่ต้องถามหรอกครับ เดินออกไปเลยง่ายกว่า ยังไงพี่บาสก็ให้
 
 
“ไม่มีแล้ว ไฟก็จัดเสร็จแล้ว เดี๋ยวพวกดาวเดือนมันมาบล็อกกิ้งอีกทีด้วย มึงพาไอ้เติ้ลไปกินด้วยไป บ่นหิวเหมือนกัน เดี๋ยวกูให้ไอ้ตั้วกับดิวมันช่วยต่อเอง”
 
เหยด พี่บาสเปิดทางว่ะ ขอบคุณมากครับพี่ รักพี่ขึ้นมาเลย
 
 
“มึงก็หิวรึ? เพิ่งกินมานี่”
 
โห เตี้ยนะเตี้ย ดักกันแบบนี้
 
 
“แต่ผมก็หิวนะ”
 
ไอ้นัท…
 
 
“เออ เติ้ลให้เพื่อนมึงกินข้าวในกองนี้ก็ได้ อุตส่ามาช่วย”
 
 
“ฟรีหรอครับพี่”
 
ไอ้ปอกับเปิ้ลเริ่มมีบท นั่งอยู่ใกล้ๆตั้งนานไม่พูดไม่จา เอาแต่มองสาวๆในงาน
 
 
“เออ เอาไปดิ มันมีเยอะ กินกันไม่หมดหรอก”
 
 
“ปอขอรับ เปิ้ลว่าเราลุยกันเถอะขอรับ”
 
 
“แน่นอนขอรับ ท่านนัทมาแดกกับพวกกูเลยครับ”
 
เยี่ยม! แฝดนรกเวลานี้เป็นแฝดสวรรค์ทันที
 
 
“งั้นจิม ไปกันเถอะครับ”
 
 
“เอ้า แล้วจิมไม่กินที่นี้ด้วยกันหรอครับ”
 
เชี้ยนัท เสือกทุกอย่างสิวะ
 
“พี่จะให้มันไปซื้อน้ำมาให้พวกพี่ๆสตาฟด้วย ไอ้เติ้ลมึงไปช่วยจิมถือซะ รีบไปไอ้สัด เอาบิลมาด้วย”
 
เชี้ย พี่บาสโคตรรักพี่เลยครับ
 
 
“อ่อครับ..”
 
ไงล่ะ มึงนัท
 
 
“ผมไม่มีตังนะพี่ มึงมีตังป่ะ”
 
จิมถามผม
 
 
“ไม่ต้องห่วง ป่ะไปกันเดี๋ยวพี่ๆเขารอ”
 
แล้วผมก็จับแขนไอ้เตี้ยเดินออกมา ผมนี่โคตรฉวยโอกาสแตะตัวไอ้เตี้ยเลย (คิดงั้นใช่ไหมละครับ) มันก็ต้องมีบ้างที่จะแสดงตัวว่าคนนี้ผมจอง
 
 
 
 
 
“เพื่อนมึงก็แปลกเนาะ ทำตัวเหมือนจะจีบกู”
 
ระหว่างเดินไปโรงอาหารไอ้เตี้ยก็พูดขึ้นมา คงหมายถึงนัทอะสินะเตี้ย
 
 
“คงงั้นอะ ก็จิมออกจะน่ารัก สเป็กมันล่ะมั้ง”
 
ผมพูดประชดทำไมวะ
 
 
“น่ารักตรงไหนวะ”
 
 
“ตรงที่เป็นจิมนั้นแหละ”
 
….หันหน้าไปอีกทางทำไมจิม ผมอยากเห็นนะว่าทำหน้ายังไงตอนผมพูดแบบนี้
 
 
 
“แล้วถ้าเพื่อนผมชอบจิมอะ?”
 
 
“แล้วไง? กูห้ามมันได้หรอ?”
 
ตอบได้ดีครับ จุกไปถึงหัวใจเลยทีเดียว
 
 
“แล้วถ้ามันจีบอะ”
 
 
“ปัญญาอ่อน”
 
 
“ถามจริง ถ้าเพื่อนผมจะจีบจิม จิมจะว่าไง”
 
 
 
 
 
“ถามไรนักหนา”
 
 
 
 
 
 
“ดูไม่ออกรึไง กูชอบใครไม่ชอบใคร”

 
 
ร่างเล็กๆตะโกนก่อนจะเดินจ้ำอ้าวอย่างรวดเร็ว….ห่างระยะที่ผมยืนนิ่งไปเรื่อยๆ
 
แต่ก็ไม่พ้นสายตาที่ผมจะสังเกตเห็นว่าหูจิมแดงมาก
 
 
 
ชอบผมหรอ? ใช่ไหมวะ ใช่เถอะ ใช่สิวะ
 
อยากรู้ก็ถามเลย ถามดิวะ ถามเลย...
 
 
 
 
 
“แล้วถ้าอาร์มจะจีบจิมอะได้ไหม?”
 
 
 
 
 
………………………………………
 
 
 
“การแสดงความรู้สึกชัดเจน เป็นส่วนช่วยให้ความจริงใจปรากฎ”
 
 
 
 
Talk : ดึกหน่อยย ขอโทษก๊าบบบบบบบ////

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ TaemyG

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 172
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

ออฟไลน์ keywordz

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-0
    • แฟนเพจ
Chapter 17 : เปิด
 
 
 
 
 
 
“แล้วถ้าอาร์มจะจีบจิมอะได้ไหม?”
 
ถ้าจะตะโกนดังขนาดนี้ ไปฝ่ายประชาสัมพันธ์ให้เขาประกาศเลยไหม จะได้ยินทั้งมหาลัยแล้วเนี่ย (ผมจะตอบว่าไงดีวะ)
 
 
“ไม่รู้เว้ย เรื่องของมึงดิวะ”
 
โอ๊ยยยยยยย ก็มันไม่รู้จะตอบยังไงนี่หว่า ตอบโอเคได้เลย ก็ดูจะตรงไปเปล่าครับ ผมไม่ถนัดเรื่องแบบนี้จริงๆ ผมเดินเร็วมาเกือบสุดทางที่จะเข้าโรงอาหารมันก็ยังไม่เดินตามผมมา (มัวยืนดูโทรศัพทำห่าอะไรอยู่ตรงนั้น)
 
 
“ตึ๊ดดดดดดด ตึ๊ดดดดดด”
 
เสียงสั่นจากโทรศัพท์ผม
 
 
“T.A. :ข้อความเสียง”
 
ใครวะ T.A. รูปโปรไฟล์ดำด้วย ด้วยความที่สงสัยก็เปิดฟังไฟล์เสียงที่ถูกส่งมา
 
 
     “กูว่ามึงกับกูเป็นแค่เพื่อนกันเหอะ”


 
     “กูไม่อยากผิดสัญญากับปอย”
 
 
     “ไว้ถึงตอนนั้นถ้ามึงยังรู้สึกชอบกู”
 
 
     “มึงค่อยมาจีบกูละกัน ไม่แน่เผื่อกูจะเปลี่ยนใจก็ได้”

 
 
สาดดดดดดดดดดดดดด นี่มันเสียงผมมมมม
 
 
“T.A. : จีบได้แล้วใช่ไหมครับ ตัวเล็ก”
 
แม่งมีคนเดียวที่เรียกผมด้วยสรรพนามว่า “ตัวเล็ก”
 
 
“Jimmy : จีบเชี้ยไรรรรรรรรร เอาไลน์กูมาจากไหน ไอ้กี้หรอ?”
 
เชี้ยกี้ กูรู้ต้องเป็นมึงแน่ๆ
 
 
“T.A. : ไม่รู้แหละ แต่อาร์มเคลียร์ปัญหาทุกอย่างแล้ว ยังไงอาร์มก็จะจีบจิม”
 
 
“Jimmy : ไม่รู้เว้ยยยยยย มาซื้อน้ำให้พี่ๆได้แล้ว ไม่งั้นกูกลับห้องนะไอ้สัดดดด”
 
 
“T.A. : ตอบก่อนดิครับ ว่าจีบได้ไหม”

 
ถามไรนักหนาวะ ได้อยู่แล้วดิเว้ย ไม่เข้าใจกันรึไง คนมันไม่กล้าพูดอะ
 
 
“Jimmy : เรื่องของมึงดิวะ รีบมาได้แล้ว”
 
 
“T.A. : ได้ส่งรูปภาพถึงคุณ”

 
นี้มันโพสอิทที่ผมเขียนขอโทษมันตอนผมเมา
 
 
“Jimmy : เอามาได้ไง กูทิ้งไปแล้วนะ
 
 
“T.A. : ทำให้กินด้วยนะ โทษฐานเมาแล้วพูดมาก”

 
ตอบให้ตรงคำถามหน่อยได้ไหมมมม
 
 
“Jimmy : เรื่องเยอะเว้ย กูกลับห้องละ บาย”
 
 
“T.A. : เดี๋ยวดิ กำลังไปแล้วครับ”

 
 
เอาเข้าจริงๆ ผมจะเดินกลับห้องเลยจริงๆนะครับ (ใครมันไม่ไปกล้าเจอหน้าวะ)
 
 
นี่มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย ผมเดินคิดเหตุการณ์ที่ผ่านมาว่ามันจริงไหมวะ นี่มันสรุปมันจะจีบผมจริงๆจังๆใช่ไหม ทำไมผมใจเต้นแรงอะไรขนาดนี้ ทำอะไรไม่ถูกเลย (นี่กูจะมีผู้ชายมาจีบกูจริงๆหรอวะ) จะขำก็ขำไม่ออก แม่งตัวผมดันรู้สึกอยากให้เป็นอย่างนี้ซะงั้น
 
 
 
มันไม่ได้ตามผมมารึไงวะ พิมพ์แต่ไลน์มา
 
 
“T.A. : จิมครับ จิม”
 
 
“T.A. : รอด้วยดิ”
 
 
“T.A. : ไปไหนแล้ว”
 
 
“T.A. : กลับห้องแล้วเหรอครับ”
 
 
“T.A. : จิมครับ ตอบหน่อย”
 
 
“T.A. : คิดถึงแล้วนะครับ ตอบหน่อย”

 
คิดถึงบ้าคิดถึงบออะไร ผมเองก็ไม่ได้คิดถึงมันหรอก ไม่เลย แค่คิดว่ามันหายไปไหนทำไมไม่ตามมา (เชี้ยยย เหมือนผู้หญิงเลยผม)
 
 
“Jimmy : คิดถึงเชี้ยไรรรรรรรรร มึงอะอยู่ไหน”
 
 
 
“อยู่ข้างหลังไงครับตัวเล็ก”
 
แหมเล่นมาประชิดตัวใกล้ขนาดหันไปหน้าชนหน้าอกอย่างนี้ เป็นใครไม่มีอาการก็แปลกละครับ คนห่าอะไรกล้ามแน่นชิบหาย
 
 
“มะ...มาทำไม กูจะกลับห้อง”
 
ผมหันหลังเดินออกมาอีกเรื่อยๆ และมันก็เดินตามมาเรื่อยๆ
 
 
“เดี๋ยวก่อนตัวเล็ก ลืมซื้อน้ำให้พวกพี่บาสแล้วรึไงเตี้ย คนในงานรออยู่นะ”
 
เออว่ะ… ลืมสนิทเลย ก็มันเป็นเพราะใครล่ะ
 
 
“เรียกตัวเล็กทำห่าไรกูมีชื่อนะ เรียกชื่อกูดิ”
 
 
“...ทำไมอะ ไม่น่ารักหรอ อาร์มชอบจะตาย”
 
(ก็กูเขินแปลกๆ มันจั้กกะจี้หูเว้ย)
 
 
“ไม่รู้เว้ย”
 
ด้วยความที่ทำตัวไม่ถูกเลยซักอย่างเดินแย่งถุงเสบียงที่อาร์มซื้อให้รุ่นพี่แล้วจะเดินกลับทางไปคณะ
 
 
“ทำไมเตี้ยมันเขินน่ารักจังวะ”
 
บ่นอยู่คนเดียวหรือมันจะบอกให้ผมฟังวะ
 
 
“อะไรของมึง ยืนทำอะไร รีบเดินมาดิพี่ๆเขารอ”
 
 
“ครับๆ มุมแบบนี้จิมก็น่ารักไปอีกแบบเนาะ”
 
 
“อย่ามาชมกูมาก กูไม่หลงคารมมึงหรอกนะ”
 
 
“ถ้าไม่หลงแล้วยอมให้จีบทำไมครับ?”
 
พูดจายียวนกวนประสาทไม่ว่าแต่ไอ้การเดินมาข้างๆแล้วก้มหน้ามองผมเนี่ย คิดว่าน่ารักมากไหม
 
 
“หยุดพูดได้ละ ก่อนกูจะเปลี่ยนใจ”
 
ชิบหาย!!
 
 
ท่าไม้ตายมาอีกแล้ว
 
 
ลูบหัวพิชิตใจ
 
 
“คร้าบๆ ตัวเล็ก ไม่แซวแล้วครับ”
 
เห้ออออออออออออออออ ทำไมผมต้องมารู้สึกชอบไอ้การลูบหัวขนาดนี้ด้วยยยย แม่งโคตรรู้สึกดีเลย พ่อจ้าแม่จ้าทำไมไม่มีพี่ชายให้ลูก เผื่อลูกจะมีภูมิคุ้มกันไวรัสลูบหัวแบบนี้
 
 
ระหว่างเดินมาผมโคตรจะปวกเปียกนิ่งเงียบเป็นเป่าสากเลย ปฏิกิริยาต่อการลูบหัวของผมมันจะชัดขนาดนี้ อาร์มมันต้องรู้จุดอ่อนผมแน่ๆ
 
 
 
“ไงพวกมึงกว่าจะมากันได้ ไปทำห่าอะไรกัน”
 
เสียงพี่บาสแซวผมดึงดูดความสนใจไปที่พี่บาส (เปล่าเลย) ผมมองการกระทำอาร์มกับนัทที่กำลังเขม่นกัน
 
ยังไงหรอครับ ก็นัทมันกำลังจะเดินมาช่วยผมถือน้ำ… อาร์มมันเล่นดึงจากมือผมไปก่อนที่มือนัทจะเอื้อมมาถึงซะอีก มีมองหน้ากันด้วย
 
รู้สึกเหมือนพระเอกพระรองแย่งนางเอกกันยังไงแปลกๆ (เห้ย เดี๋ยวทำมึงต้องเป็นนางเอก?)
 
 
“ขอโทษครับพี่บาส จิมผิดเอง มีไรให้ช่วยไหมพี่”
 
 
“หมดแล้วแหละ รองานเริ่ม มึงดูเพื่อนมึงนู้น เดินหล่ออยู่บนเวทีน่ะ”
 
...โอ้โห ชุดนักศึกษาเต็มยศจริงแท้หล่อเฟี้ยวฟ้าว รอบตัวผมทำไมมันมีแต่คนหน้าตาดีวะ (หันมาดูตัวเอง ทำไมพ่อแม่ให้มาแค่นี้เนี่ยยยยยยย)
 
 
“เก็กสัด หมั่นไส้ว่ะพี่”
 
ผมหันไปมองอาร์มที่กำลังคุยอยู่กับนัทกับแฝดปอเปิ้ลอยู่ แก๊งมันก็มีแต่คนหน้าดีไม่แพ้กัน
 
 
“เออดิ ใช่ย่อยที่ไหนเพื่อนมึง บอกไม่อยากเป็นๆ แต่ดูจริงจังชิบหาย”
 
ก็จริงของพี่บาสเขา เห็นบ่นไม่อยากเป็นหรอกเดือนคณะเดือนมหาลัย แต่เอาเข้าจริงก็อยากได้คะแนนจากสาวๆเพิ่มนั้นแหละ
 
 
“นั้นดิพี่”
 
 
“มึงไปกินข้าวหรือทำอะไรก่อนก็ได้ อีกชั่วโมงงานก็เริ่ม”
 
 
“โอเคครับพี่ ขอบคุณครับ”
 
 
“ขอบคุณทำไมกูสิต้องเป็นคนพูดคำนั้น เห้ยเติ้ลน้อง พวกพี่ๆขอบใจมากนะน้อง เพื่อนๆน้องด้วย มึงด้วยไอ้จิม ไปๆไปได้แล้วตรงนี้เขาจะกั้นให้สตาฟเคลียร์พื้นที่แล้ว”
 
 
“ครับพี่ ผมลาและนะ พี่แตมพี่แนนพี่ตั้วผมไปแล้วนะครับ ดิวเดี๋ยวกูมานะมึง”
 
ผมยกมือไหว้ลาพี่ๆ ซึ่งพวกอาร์มกับเพื่อนมันก็เช่นกัน เราเดินออกมานอกสถานที่งาน
 
 
“เติ้ล มึงไปไหนต่อ?”
 
นัทเอ่ยถามอาร์ม
 
 
“เดี๋ยวกูไปอยู่ห้องคอนโดจิมพอดี จิมจะอาบน้ำเลยจะไปส่งแล้วกลับมางานเลย พวกมึงอะ”
 
หลังจากฟังคำนั้นนัทก็ดูเหมือนจะนอยๆนิดหน่อย
 
 
“กูคงไม่ได้อยู่ดูอะต้องไปทำธุระที่บ้าน”
 
 
“ว่าแต่เติ้ลขอรับทำไมถึงสนิทกับจิมขนาดไปอยู่รอที่ห้องจิมเลยล่ะขอรับ”
 
เอาตามตรงแฝดหน้าเหมือนพูดมาผมก็ไม่รู้ใครปอใครเปิ้ลเหมือนกันครับ
 
 
“นั้นสิขอรับปอ เปิ้ลว่าเติ้ลจะสนิทกับจิมมากเลยนะขอรับเนี่ย”
 
เชี้ยนั้นก็ไม่พูดอะไร เอาแต่ยิ้มหัวเราะในลำคอ
 
 
“เออกูไปแล้วนะมึง แล้วเจอกัน”
 
 
“โอเคพวกผมก็ขอตัวไปด้วยดีกว่า ไว้ค่อยไปงานไอ้เติ้ลมันทีเดียวนะขอรับ”
 
“ขอรับพ่องไปไหนก็ไปพวกมึงอะ”
 
ไอ้นัทดูจะนอยเอามากๆที่จะอาร์มมันปิดช่องทางให้ไอ้นัทจีบผม
 
พอพวกเพื่อนของอาร์มเดินออกไปจากผมกับอาร์มซักพักผมเอียงตัวไปกระซิบมัน
 
 
“ทำไมไม่ปฏิเสธเพื่อนมึง เดี๋ยวเขาก็คิดว่ากูเป็นอะไรกับมึงกันพอดี”
 
 
“ก็ถูกแล้วไม่ใช่รึครับ”
 
 
“ตีน กูแค่ให้มึงจีบกู”
 
 
“ไม่รู้แหละ อาร์มไม่อยากมีคู่แข่ง”
 
บ้าบอนะ
 
 
“แข่งบ้าแข่งบออะไร กูไม่ได้ใจง่ายใครจีบกูก็ติดนะ”
 
 
“แล้วอาร์มอะ”
 
อะไรของมัน ทำหน้าหล่อยักคิ้วเล่นหูเล่นตา คิดว่าจะติดง่ายๆหรอ ไม่มีทาง
 
(เหรออออออออออออออออออออออออ)
 
 
“ไม่รู้เว้ย กูไปและ”
 
 
“ไปไหนเดี๋ยวอาร์มไปส่งนะ”
 
 
“ก็รีบๆดิ มัวยืนหล่อทำบ้าอะไร รีบมา”
 
 
“ง่อววว เตี้ยชมผมว่าหล่อด้วย อย่างนี้จะตามไปทุกที่เลยครับ”
 
ไม่น่าหลุดชมมันเลย ได้ใจใหญ่ละ
 
 
“เวอร์ๆ มัวเล่นอยู่ได้”
 
 
มันเริ่มเดินขนานเอาแขนมาเท้าไหล่ผม ก่อนที่จะเดินยิ้มพอใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นวันนี้ มุมข้างเวลายิ้มมันก็หล่อดี… ถ้าไม่ติดว่ามันเอาแต่เท้าแขนที่ไหล่ผมระหว่างเดินไปที่จอดรถมัน (หวังว่าภาพมันคงไม่ได้สื่อว่าผมกับมันเป็นอะไรกันมากกว่าเพื่อนหรอกนะ)
 
 
 
พอถึงห้องไม่ต้องพูดถึงเลยครับ เมื่ออยู่กันสองต่อสองต่างฝ่ายต่างทำตัวทำอะไรไม่ถูก ไม่พูดไม่จา ซึ่งผมก็ทำการจัดการตัวเองจากการอาบน้ำเสร็จเรียบร้อย… พอออกมา ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อครับไอ้อาร์มนั่งหน้าแดงมองผมตาไม่กระพริบ… เล่นเอาผมเขินที่ตัวเองนุ่งผ้าตัวเดียวออกมาแบบนี้จากห้องน้ำ
 
 
“มองอยู่ได้ เก็บเอาไปดูต่อที่บ้านรึไง”
 
 
“เห็นหลายครั้งแล้ว แต่ก็ไม่ชินซักที”
 
 
“บ่นอะไรของมึง”
 
 
“อะ ไปอาบน้ำดิจะได้สดชื่น”
 
 
“ห่ะ! ให้อาร์มอาบน้ำห้องจิมหรอ?”
 
 
“เออ ทำไมอะ ก็เหนื่อยๆมาจากช่วยพวกพี่บาส อาบน้ำหน่อยเดี๋ยวไปงานก็ร้อนอีก”
 
 
“ไม่เป็นไรครับ เกรงใจ”
 
ผมโยนผ้าเช็ดตัวที่อยู่ในตู้เสื้อผ้าในห้องนอนออกมาให้มัน
 
 
“อะ เกรงใจทำบ้าอะไร ไม่ต้องห่วงกูจะแอบมึงดูหรอก”
 
 
“โอ๊ยอันนั้นไม่ต้องแอบ ขอก็ให้ดู”
 
อื้อหื้อ กล้าพูดดดดดด
 
 
“ตีนนนนนนน มึงรีบไปอาบกูไปแต่งตัวละ”
 
 
“ครับๆ ขอบคุณครับตัวเล็ก”
 
 
จากนั้นผมก็เข้าห้องนอนไปแต่งตัวส่วนอาร์มก็เริ่มจัดการตัวเอง(อาบน้ำ)
และพอผมแต่งตัวเสร็จเปิดประตูออกนอกห้องนอนไปเจอกับร่างสูงกล้ามชัดขาวจั้วยืนเช็ดผมในสภาพใส่แต่กางเกงยีน ...เลือดผมสูบฉีดแรงมากขึ้นจนรู้สึกได้ถึงหัวใจที่เต้นแรงมากๆ ไอ้บ้าอาร์มแม่ง… หุ่นดีเกินไปแล้ว แล้วไอ้ใบหน้ากับผมที่เปียกหมาดๆนั้นมันเข้ากันจนคิดว่าเวลามันเดินช้าลงไปเยอะ
 
 
“เตี้ย…”
 
“จิมครับ”
 
 
“ตัวเล็ก เป็นไร”
 
ผมหลุดจากภวังเพราะมันเดินมาใกล้จนสัมผัสได้ถึงลมหายใจที่ตีกับผิวหน้าของผม นี่ผมไม่รู้ว่ามันหอมสบู่ยาสระผมที่ผมใช้หรือหอมเพราะกลิ่นตัวของมันเองแน่ แต่แม่งโคตรอยากจะเข้าไปดมใกล้ๆให้แน่ใจมาก
 
(จะบ้ารึ ไอ้จิมมึงคุมสติหน่อยเว้ยยยย)
 
 
“ห่ะ! เปล่าๆ”
 
 
“โห หน้าแดงขนาดนั้นยังบอกเปล่า เขินอะดิ ผมเซ็กซี่ใช่ไหมละ?”
 
 
“บ้าเปล่า ใครเขิน มึงเนี่ยนะเซ็กซี่”
 
 
“แน่ใจ?”
 
แม่งยิ่งเดินก้มเอาหน้ามาใกล้เข้าไปอีกจนผมเริ่มถอยตัวเองกลับเข้าห้องนอน… รู้สึกได้อีกทีก็ล้มไปกองกับเตียงเรียบร้อยแล้ว
 
 
“ฮ่าๆ ตัวเล็กน่ารักดีจังเลยนะ เขินแบบนี้บ่อยๆ อาร์มชอบ”
 
ได้ มึงชอบนักใช่ไหมแกล้งแม่ง พอมันหันหลังจะกลับออกไปแต่งตัวผมกระโดดขึ้นหลังกว้างๆของมันกัดหูมันเต็มเม็ด
 
“โอ๊ยๆ เจ็บๆๆๆๆๆๆ จิมอาร์มเจ็บครับ อย่ากัด”
 
มันดิ้นไปมาก็จริง แต่แหมแขนเนี่ยอุ้มไม่ให้ผมลงจากหลังมันได้เลยครับ
 
 
“ก็มึงกวนตีน มึงต้องโดนแบบนี้แหละ”
 
 
“ได้เตี้ย อยากโดนใช่ไหม”
 
แม่ง...แรงเยอะมากยกเอี้ยวตัวผมไปไว้ด้านหน้า สุดท้ายเป็นไงล่ะ ผมเนี่ยล่ะที่เสือกแพ้มัน แม่งเล่นอุ้มผมราวกับผมเป็นผู้หญิงของมันแถมก้มมาจ้องตาไม่กระพริบก่อนจะขยับหน้ามาเรื่อยๆจนจะลมหายใจรดต้นคอผมเป็นที่เรียบร้อย… ขนลุกไปทั้งตัวร่างกายซาบซ่าเหมือนมีสารอะดรีนาลีนหลั่งทั่วตัว
 
 
“นี้ถ้าเป็นแฟนนะ อาร์มจูบจิมไปแล้ว”
 
เชี้ยยยย เข่าอ่อนเลยทีเดียว… ขู่กันแบบนี้มีตายกันไปข้างนึง ก็จะไม่ให้รู้สึกแบบนั้นได้ไงครับ ผมยังจำรสชาติปากมันตอนมันทำการ CPR ผมตอนผมจมน้ำได้แม่น ตอนนั้นก็ว่าตกใจอยู่นะ… แต่แหมก็อยากจะรือฟื้นเหมือนกันนะว่าตอนนั้นรู้สึกยังไง
 
 
“ไอ้สาด ปล่อยกู ทำเป็นพูดดีมึงเองก็ไม่กล้า”
 
ชิบหายและ คิดดังตลอด… ท้าทายมันทำไมวะเนี่ยยย
 
 
“ไม่ใช่ไม่กล้า…”
 
 
“แต่อาร์มให้เกียติจิมนะครับ”
 
ไม่บอกก็รู้ว่าหมายถึงอะไร…
 
ถ้าไม่ได้เป็นแฟนมันก็คงไม่อยากล่วงเกินผม
 
 
 
 
แต่มันจะรู้ตัวไหม…
 
 
 
 
 
 
ว่ามันล่วงเกินหัวใจผมไปลึกขนาดไหนแล้ว
 
 
 
 
 
 
…………………………………………………………
 
 
 
“เมื่อจิตใจได้ถูกเปิดต้อนรับคนๆนึงเข้ามาในชีวิต นั้นหมายถึงเรายินดีพร้อมรับทุกผลรับที่จะกระแทกเข้ามาเช่นกัน”
 
 
 
 

Talk : ผิดไปแล้วกับการอัพช้า แต่ช่วงนี้ป่วยบ้าง ธุระการเรียนบ้าง ทำให้อัพช้ามาก ขอโทษจริงๆครับผม


ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
 :o8: :o8: :-[

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

ออฟไลน์ keywordz

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-0
    • แฟนเพจ
 Chapter 18 : เดือนคณะ





“...ต่อไปเป็นการเปิดตัวผู้เข้ารอบการคัดเลือกดาวและเดือนประจำคณะศิลปกรรมศาสตร์ทั้ง 10 คนค่ะ…”


เสียงผู้คนมากมาย เสียงเพลงดังโหมโรงบอกว่างานเริ่มแล้ว


“อาร์มเร็วๆดิวะ งานเริ่มแล้ว เห็นป่ะ มัวแต่ทำอะไรก็ไม่รู้”

ระหว่างวิ่งไปที่งาน ผมรีบดึงแขนไอ้อาร์มเพื่อที่จะรีบไปให้ทัน


“เห้ย ไม่ใช่ความผิดอาร์มนะ จิมต่างหาก”


“เร็วๆเหอะ จะไม่ทันแล้ว เขาประกาศแล้ว”



 …… เมื่อมาถึงก็พบว่าผู้คนมากมายรวนมีทั้งนักศึกษาของคณะอื่นก็มา มีทั้งคนนอก(คงจะเป็นศิษย์เก่า)ก็มา ผมรู้สึกสงสัยนะ ดาว เดือน เขามีไว้ทำไมกัน ก็ไม่เห็นจะมีอะไรพิเศษ ก็แค่สวยหล่อเท่านั้นเอง


“คนเยอะว่ะ มองอะไรไม่เห็นเลย”

ผิดที่ผมตัวเล็กใช่ไหม แอบอิจฉาอาร์มมันที่ยืนส่องเห็นทุกอย่าง


“เห้ย กี้ออกมาแล้วจิม”

ห่ะ!! ไหนวะ ไม่เห็น


“ไหนอ่ะ ไม่เห็นอะไรเลย แม่งเอ่ย...”

แล้วไอ้อาร์มก็ก้มมองผม แล้วก็ขำในความเตี้ยของผม


“ขำไร กูรู้ว่ากูเตี้ย”


   
“โทษนะเตี้ย”

ขอโทษทำไมว่ะ

   
“เห้ย!”

ตัวผมลอยเลย ตอนนี้ผมไปอยู่บนคออาร์มเรียบร้อยแล้ว โอ้โห….ที่นั่งพิเศษเลยนะเนี่ยยย แจ่มมาก เห็นหมดทุกคนเลย ตอนนี้รู้สึกภูมิใจมากครับ เพราะผมรู้สึกสูงกว่าทุกคนชั่วขณะ ฮ่าๆๆ


“เป็นไงครับเตี้ย เห็นไหม”

เห็นยันเชียงใหม่เลยครับ(อันนั้นก็เวอร์ไป)


“เห็นหมดเลยว่ะ เห้ยแต่หนักเปล่า เอาลงเหอะ ไม่เป็นไรก็ได้”


“โห หนักอะไร เตี้ยของผมเบาจะตาย”

เออ เบาก็เบา ไหนๆก็พูดงี้ละ ส่งเสียงเชียร์มันหน่อยแล้วกัน เพราะตอนนี้คนอื่นก็เชียร์เบอร์ของตัวเองทั้งนั้น แต่เขามีทั้งป้าย ทั้งไฟ ขี้โกงว่ะ

“หูย อาร์มคนอื่นเขามีป้ายฟงป้ายไฟมาเชียร์เพื่อนด้วยอ่ะ พวกเราแม่งไม่มีอะไรเลย”

อยู่สูงแบบนี้เห็นทุกอย่างก็จริง แต่ชักเสียวๆยังไงไม่รู้ (เสียวตกลงมาหัวฟาดตาย)


“ไม่เป็นไรหรอก กี้มันไม่ใช่พวกคิดมากเรื่องนี้หรอกจิม แค่มาเชียร์มันก็ดีใจแล้วมั้ง?”

นั้นดิเนอะ มันคงไม่ละเอียดอ่อนขนาดนั้น ส่งเสียงเชียร์ก็พอแล้วแหละ แต่อย่างน้อยต้องโหวตรางวัลป็อปปูล่าให้มันซักหน่อยละ

“ไอ้กี้ๆๆๆ”

ผมโบกมือให้มัน ที่กำลังเดินโชว์ความเท่ของตัวเองบนสเตท แล้วเชื่อไหมครับ ว่ามันต้องเห็นผมอยู่แล้วเพราะตอนนี้ผมสูงกว่าใคร ฮ่าๆ มันก็หลุดโบกมือให้ผมกลับ และก็เดินกลับเข้าข้างหลัง แหม บรรดากิ๊กๆมันคงละลายตายคาเวทีกันเป็นลำธารหมดแล้ว


“ไอ้กี้มันก็หล่อดีเนอะ”


“แต่ไงกูว่าก็สู้มึงไม่ได้หรอก”


“แน่นอนอยู่แล้วครับผม”

“หลงตัวเองว่ะ”

พอผมพูดแค่นั้น มันก็ส่ายตัวไปมาจะแกล้งให้ผมตกให้ได้


“เห้ย! อย่าๆ! ไม่เอา! เดี๋ยวตก! จะตกแล้วๆ!”

โอ๊ยยย เสียวตกมา ตายคาที่ก่อนพอดี

   
“ว่า อาร์มดีนัก ยอมไหม?”

ก็อยากทำให้หึงทำไมเล่า


“ยอมเชี้ยไรปล่อยกูลงพอแล้ววววว”


“พูดจาไม่เพราะ ไม่ปล่อยเว้ย พูดเพราะๆก่อนดิ”


   
“ยอมแล้วคร้าบบ หยุดนะครับอาร์ม จิมกลัวตก”

แล้วมันก็หยุดแกล้งผม


“ดีมาก เด็กดีต้องไม่ดื้อ”

ใครเด็กว่ะ (อยากจะสวนไปแบบนี้นะ แต่แม่งถือไพ่เหนือกว่าเซ็ง)



ต่อไปก็เป็นการโชว์ตัวของแต่ละเบอร์ แล้วก็โชว์ความสามารถของแต่ละคน ผู้หญิงบางคนก็โชว์ลำไทย บางคนก็โชว์เต้นเซ็กซี่ (อืม...เอาซะไอ้ข้างล่างอยู่ไม่สุขเลย) บางคนก็ร้องเพลง ผู้ชายก็จะมีร้องเพลงกับเล่นดนตรี เต้นคอฟเวอร์ ส่วนไอ้กี้ ก็โชว์สเต็ปเดาะบอลลีลา เปิดเพลงมันส์ๆแล้วเดาะบอลแบบท่าแปลกๆไปทั้งเพลง โดยที่บอลไม่หลุดออกจากการควบคุมเลย สมแล้วแหละ ที่อยู่ชมรมฟุตบอลทำเอาเรียกเสียงกริ๊ดได้เยอะพอๆกับโชว์อื่นๆเลย สงสัยมันมีลุ้นไปเหนื่อยประกวดดาวเดือนมหาลัยต่อแน่ๆ เพราะผมเห็นพวกพี่ๆบอก เป็นงานใหญ่ การแสดงเยอะ แถมต้องโชว์ความสามารถที่หลากหลาย ตอบคำถามโลกสวยอีก

ผมว่าผมโชคดีแล้วแหละ ที่ไม่มีใครเอาผมไปลงประกวด บางทีผมอาจจะตอบกวนตีนๆจนได้รับรองเท้ามาฝากไว้บนหน้าก็ว่าได้


เมื่อถือช่วงโหวตรางวัลป็อปปูล่าแน่นอนว่าผมซื้อดอกกุหลาบให้มัน 19 ดอกตามอายุมัน เผื่อมันจะดวงดีได้รางวัลป็อปกับเขาบ้าง

“วันจันทร์จิมจะโหวตให้อาร์มแบบนี้ไหมนะ”

ถามโง่ๆ


“ไม่ซื้อเว้ยเปลืองตัง”


“โห ใจร้ายอะ อาร์มไม่พิเศษเลยไง”

ทำน้อยใจไม่ได้เข้ากับตัวเลย


“เออซื้ออยู่แล้วดิวะ ก็พูดไปงั้นแหละ”

ผมว่าที่หน้าเปื้อนยิ้มของมันไม่ได้เป็นเพราะผมจะโหวตให้มันหรอก แต่ที่มันยิ้มคงเป็นเพราะผมหมายถึงมันน่ะ พิเศษกว่าคนอื่น


พอถึงประกาศผู้ได้รับตำแหน่งดาว เดือน…ก็ไม่ต้องสืบเลยครับ


“ผู้ที่ได้รับรางวัลชนะการประกวด Freshy boy and Freshy Girl ประจำคณะศิลป์กรรมศาสตร์ได้แก่หมายเลข….ขอเริ่มจากฝั่งชายก่อนนะครับ”


เสียงดนตรีอึกทึก


“ได้แก่….หมายเลขอะไรดีครับ…”

เออ..ผู้ประกาศกวนตีนลีลาเยอะไปและ ผมนี่ลุ้นจนเยี่ยวเหนียวแล้ว


“ได้แก่หมายเลข..B8 น้องกี้ สาขาออกแบบผลิตภัณฑ์ครับผม… ยินดีด้วยครับ”


“เห้ย ไอ้เชี้ยกี้ แม่งได้ว่ะ”

เหยดดด เพื่อนผมดังแล้ว คนกริ๊ดเสียงเชียตึมเลย


“ดีใจด้วยนะครับบบ มีเพื่อนเป็นเดือนคณะแล้ว”

แล้วผมก็ดิ้นๆ จนจะตกบนบ่ามันอยู่แล้ว ก็ไม่ใช่แค่ได้ตำแหน่งเดือนคณะอย่างเดียวซะหน่อย ป็อปปูล่าโหวตมันก็ได้


“โอ๊ยๆๆ ตัวเล็ก เบาๆหน่อยเดี๋ยวตกน่ะ”

ไรว่ะคนกำลังดีใจกับเพื่อน วู้วฮู้ววว


“โกๆๆ อาร์ม ไปหากี้กัน”

นี้ผมยังอยู่บนไหล่มันอยู่เลยนะครับทั้งๆที่งานจบแล้ว


“ไม่ได้หรอก เดี๋ยวเขามีถ่ายรูป คงอีกนานอะ เราไปกินไรก่อนไหมหิวแล้ว”

แหมดูไม่ค่อยดีใจเลย สงสัย อยากให้กี้แพ้ จะได้เกทับกันตอนอาร์มประกวด หึหึ

“เป็นไรหรอ หน้าตาดูเซ็งๆ”

ตอนนี้ผมขี่คอมันออกมานอกงานแล้ว


“เปล่า ก็เซ็งนิดหน่อย งี้ก็กดดันแน่เลย ถ้าอาร์มไม่ได้เป็นเดือนนะ ไอ้กี้ต้องล้ออาร์มยันลูกบวช”

กะแล้ว ต้องเรื่องที่ผมคิด เห้ย แต่ยันลูกบวชนี้มันหมายถึง จะมีลูกกับผมหรอ (เห้ยๆ คิดไกลไปแล้วไอ้จิม)


“โห มึงได้อยู่แล้ว และถึงมึงจะไม่ได้ตำแหน่งเดือนคณะนะ แต่มึงก็...”

(ครองใจกูไปแล้วเว้ย) อยากจะพูดอย่างงี้แต่ยั้งปากทัน


“ก็อะไรหรอครับจิม”


“เออน่ะ ยังไงมึงก็ได้เชื่อกูดิ”


“แล้วถ้าอาร์มได้ จิมมีไรจะให้อาร์มไหมครับ”

จะขออะไรอีกล่ะ ไอ้นี้เยอะจริง


“ให้ไร อะ เดี๋ยวทำผัดกระเพาเนื้อให้กิน”


“ไม่เอาอะ อันนั้นจิมต้องทำให้อาร์มอยู่แล้วจิมสัญญาแล้วนี่”


“เออว่ะ ลืม แล้วจะเอาอะไรอะ”


“งั้นไว้ได้ก่อนอาร์มจะบอก”

เอ้า กระตุ้นต่อมอยากรู้ผมทำไมเนี่ยยยยยย


“ว่าแต่กินไรกันดีครับ”


“กินไรนิดๆหน่อยๆพอแล้วมั้ง เดี๋ยวก็ไปฉลองบ้านพี่บาสอีกไม่ใช่หรอ”


“แล้วกินไรละครับ งั้นไปหน้าม.ไหม เผื่อมีไรกิน”


“ตามนั้น ลุยยยย”

ความร่าเริงของผมมันเยอะจนน่าหมั่นไส้ไหมนะ นี่ผมดีใจยิ่งกว่าตัวเองได้รางวัลอีกนะเนี่ย ไอ้กี้ก็คงอารมณ์เดียวกับผมอะ


แล้วเราก็ตกลงกันจะไปกินก๋วยเตี๋ยวฝั่งตรงข้าม ม.เรา ผมว่าอาร์มมันไม่คุณหนูคุณชายดีนะครับ กินอะไรก็ได้ง่ายๆ ขอให้ได้กิน


“ลุงขอเส้นหมี่ ลูกชิ้นหมู สามถ้วย”

เออเดี๋ยวนะๆ นี้คือรองท้องใช่ไหม เล่นสามถ้วยเลย


“สามถ้วยเลยหรอวะ”


“ก็จิมถ้วยอาร์มสองถ้วย”

หืม..ก็เยอะเหอะ กินสองถ้วยงี้จะไปกินห้องพี่บาสไหวหรอ


“กินเยอะ จะไปกินห้องพี่บาสไหวหรอว่ะอาร์ม”


“ไหวดิ...อีกอย่างนะ เพิ่งคิดได้ว่าไปกินกับพวกพี่เขาอะเกรงใจ เราไม่ได้มีส่วนร่วมกับเขาเท่าไหร่ ไปพอเป็นพิธียินดีกับตำแหน่งไอ้กี้พอแล้ว แล้วก็กลับกัน”


โห คนดีไหมครับเกรงใจด้วย แต่ก็จริงของมันนะครับ เราสองคนไม่ได้ช่วยงานพี่บาสเท่าไหร่เลย แถมมาเชียไอ้กี้ก็ไม่ได้ลงทุนลงแรงอะไร


“แหมพ่อคนดี… พวกพี่เขาคงให้กลับง่ายๆหรอกรู้นิสัยพี่บาสอยู่”


“ก็เดี๋ยวหาจังหวะกลับกันอาร์มไม่อยากให้จิมโดนม่อมเหล้า ถ้าพี่เขาให้ดื่มก็ปฏิเสธบ้างนะรู้ไหม ตัวเองก็ไม่ชอบเหล้าอยู่แล้วจะไปดื่มทำไม”

ทำเป็นห่วงผมดีจังนะ แต่ถ้าพี่เขาบังคับจะปฏิเสธยังไงละเนี่ย ยิ่งปฏิเสธใครไม่เก่งด้วย


“คร้าบๆ จะพยายาม…”


“เวลาจิมพูดเพราะน่ารักจะตาย พูดเพราะๆบ่อยๆดิ”


“ไม่เว้ย”

เรื่องๆ ผมมันเป็นประเภทอยากสนิทหรืออยากรู้จักใคร ก็อยากให้เขาเห็นในด้านหยาบคายของผมไว้จะได้รู้ว่า ถ้ารับได้ก็โอเคถ้ารับไม่ได้ก็ว่ากันไป



กว่าเราจะกินกันเสร็จ...พอกลับมาเข้างาน คนก็น้อยลงแล้ว เพราะนี้ก็ดึกมากแล้ว คงกลับบ้านกันไปหรือไม่ก็ไปสังสรรค์กันต่อ เราสองคนก็เดินไปหลังงาน เห็นพวกพี่บาสอยู่ตรงมอติเตอร์ควบคุมเสียง


“พี่บาส พี่แตม พี่แนน พี่ตั้วหวัดดีครับ เป็นไงบ้างครับพี่”

ผมยกมือไหว้ทักทายพวกพี่ๆ


“ไงมึง เพื่อนมึงได้เป็นเดือนรู้แล้วใช่ป่ะ”

เสียงพี่บาส


“เห็นละพี่ แม่งเดาะบอลเทพเนอะ ว่าแต่พี่ แล้วมันอยู่ไหนอ่ะ”


“ไปถ่ายรูปกับแฟนคลับมันนู้น”

พอพี่บาสชี้ไปก็ถึงบางอ้อ เพราะไอ้ที่คนมุงเยอะๆที่ผมกับอาร์มผ่านมาเมื่อกี้ คือ มุงไอ้กี้กับผู้หญิงอีกคนที่ได้เป็นดาวคณะ


“แล้วนี้พวกพี่ทำไรกันต่ออ่ะครับ ให้ผมช่วยอะไรไหม”

ผมเสนอตัวจะช่วยพวกพี่ๆเขา


“เดี๋ยวสักพักพวกพี่ก็เก็บของเข้าชมรมกันแล้วค่ะ แล้วนี้จิมกับเติ้ลจะไปต่อห้องไอ้บาสไหม”

เสียงพี่แตมตอบ


“ไปดิ กูชวนมันแล้วแตม ไงก็ให้น้องมันไปอุตส่าช่วยเราตอนกลางวัน”


“โห พี่ นิดเดียวเอง ไม่เป็นไรหรอกครับ”


“ช่วยก็คือช่วย ไงพวกมึงต้องไป มาๆ ช่วยกูยกกลอง กับ พวกเครื่องเสียงไปห้องชมรมหน่อย”

และแล้วผมก็พุ่งทะยานสู่สิ่งของที่เล็กที่สุดที่ผมจะอุ้มไหว… กลองตัวเล็กสุดที่ผมยกเมื่อกลางวัน ฮ่าๆๆ

   
“เดี๋ยวเติ้ลไปช่วยพี่บาสถอดแอมป์ กับลำโพงนะตัวเล็ก ไปกับพี่แตมก่อนเลย”

มันกระซิบข้างหูผม พักนี้รู้สึกตั้งแต่ผมให้มันจีบผมได้ เรียกผมตัวเล็กบ่อยขึ้นมาก (คงเป็นสรรพนามที่อยากเรียกมากสินะ) แต่มันทำให้ผมรู้สึกหวั่นไหวทุกครั้งที่ได้ยินไปสิ


“โอเค”

ผมกับพี่แตมพี่แนนก็ยกของเบาๆเล็กๆน้อยๆ กันมาที่ห้องชมรมดนตรี…


“เห้ย แนนฉันลืม ขาไมค์วะ ไปเป็นเพื่อนหน่อยดิ”

เสียงพี่แตมพูดกับพี่แนน


“เคๆ น้องจิมอยู่เฝ้าห้องก่อนนะเดี๋ยวพวกพี่มา”


“คร้าบๆ”

แล้วสักพักพวกพี่เขาก็ไปกัน… ไปกันนานเลยทีเดียว จนผมรู้สึกวังเวง ทำไมพวกพี่เขาไม่กลับมาแล้วแถม พวกอาร์มกับพี่บาส พี่ตั้ว ไอ้ดิวก็ไม่มาสักที… ถึงในห้องมันจะสว่างก็เถอะ แต่อยู่คนเดียวแบบนี้ชักน่ากลัว


จู่ๆไฟก็ดับ!!


เห้ย มาดับไรตอนนี้ ไม่อยู่แล้วเว้ยยยยย พอผมจะวิ่งไปที่ประตูทางออกที่พอจะมีแสงให้ผมเห็นทาง

“แหว๊กกกกกกกกกกก!!”

ไอ้พี่บาสโผล่มาให้ตกใจปฏิกิรยาโต้ตอบผมก็ไม่เบาเตะขาพี่แกไปหนึ่งทีเต็มๆ


“เฮ้ย!! เชี้ย เจ็บๆ”

“ฮ่าาาาาาาาาาาาาาา” ทุกคนขำกันหมด รวมทั้งไอ้อาร์ม นี้มึงก็ร่วมมือกับเขาแกล้งกูใช่ไหม


“โหพี่บาสๆ ขอโทษๆ เล่นไรเนี่ยผมกลัวนะพี่”


“ก็เห็นนั่งตัวสั่นในห้องตั้งนานเลยขอแกล้งสักหน่อย ไม่รู้ว่าแม่งจะเตะกลับมาได้แรงขนาดนี้ ตัวก็เล็กแรงเยอะชิบหาย ปะ เอาของไปเก็บในห้อง”


พอเก็บของกันเสร็จเราก็ขึ้นรถกะบะของพี่ตั้วไปห้องพี่บาสกัน ตอนนี้ผมไม่คุยกับอาร์ม เพราะงอนมันที่ร่วมมือกับพวกพี่ๆแกล้งผม


“เห้ย ไรว๊า ยังไม่หายงอนอีก”


“ไม่ต้องเลย มึงอะ แกล้งกู ไม่คุยละ”


“โหย ทำงอน ก็บอกแล้วไง ว่าห้ามพวกพี่เขาไม่ได้นิหว่า ใครจะไปทำลงละครับ หายโกรธนะๆๆๆ”




“งอนบ้าไร เออ แล้วไอ้กี้อะ ไม่มาด้วยหรอ”

ผมถามมัน เพราะไม่เห็นกี้ตั้งแต่ตอนเดินมาเก็บของแล้ว


“มาดิ นอนอยู่ในรถแล้วไม่เห็นหรอ”

ผมไม่เห็นมันเพราะผมมานั่งกันข้างหลังกะบะ กับพวกพี่บาส พี่แตม พี่แนน


“อ้าวหรอ เหนื่อยอะดิ”

   
“มั้ง ก็ดีและ ไม่อยากฟังมันโม้ใส่”

นั้นสิครับผมว่าเดี๋ยวพอถึงห้องแม่งต้องโม้แน่ๆ เตรียมหาที่อุดหูไว้ได้เลย


เมื่อถึงห้องพี่บาส ทุกคนก็เริ่มจัดแจงตำแหน่งเฮฮา ปาร์ตี้กันใหญ่เลยจนกระทั่งมีคนมาเคาะประตู


“ก๊อกๆ”...

   
“เดี๋ยวผมเปิดให้พี่”

ผมอาสาไปเปิดประตู… จึงได้รู้ว่าเป็น ปอย…


“อ้าว ปอย มาด้วยหรอครับ”

ผมเริ่มเป็นฝ่ายทักทายก่อน (ลึกๆแอบรู้สึกแย่ๆ ที่ผิดสัญญาเรื่องจะช่วยให้คืนดีกับอาร์มไว้อยู่หน่อยๆ)


“ใช่ ปอยก็ไปงานนะยินดีด้วยน้า เพื่อนได้เป็นเดือน แต่ปอยกลับก่อนเลยไม่ได้ช่วยงานเลย พอดี ปอยกลับไปเอาไวน์มาให้พวกพี่ตั้วเขาน่ะ” ตอนเดินเข้ามาผมก็แอบมองอาร์มหวั่นๆสายตามันจะเปลี่ยนไป แต่อาร์มมันก็มองผมเหมือนกังวลอะไรซักอย่าง


“อ่อครับ..”


“พี่ตั้ว ปอยเอาไวท์มาให้แล้วค่ะ กินกันเลยไหม”


“เอาเลยจ้า ให้จิมมันกินด้วยนะ มันแดกเหล้าไม่เป็น”

เห้ยพี่ตั้ว รักว่ะ ผิดคาด นึกว่าจะบังคับกินเหล้า



“เติ้ล กินไวท์เปล่า ปอยจิมของสองน้าครับ อยากลองกินดูเดี๋ยวเอาไปให้มันด้วย”




“ได้ค่ะ แต่จิมต้องค่อยๆกินนะ มันแรงพอๆกับเหล้าหนะแหละ”

เวลาคุยกับคนอื่นผมจะเรียกอาร์มว่าเติ้ลเพื่อไม่ให้คนอื่นสับสนและรู้อะไร


จากนั้นปอยก็เทไวน์ ให้ผมสองแก้วแล้วผมก็ไปหาอาร์มเพื่อจะให้มันกินไวน์ ตอนแรกผมว่าจะให้ไอ้กี้ แต่มันคงไม่กินหรอก เพราะตอนนี้โม้เรื่องประกวดอยู่ ผมไม่อยากจะไปใกล้มันตอนนี้ รำคาญคนขี้โม้อย่างแม่ง

   
“อ่ะ อาร์ม ปอยเทมาให้ กินไหม”

ผมกระซิบข้างหูมัน


“ขอบคุณครับจิม”


“เป็นไร.. อึดอัดไหมปอยมา กลับรึเปล่า”

มันควรู้ว่าผมรู้สึกผิดกับปอยอยู่


“ก็แค่รู้สึกผิดนิดหน่อยเดี๋ยวก็หาย… กูไม่เป็นไรหรอก ไม่ต้องห่วง”

เอาจริงๆนะ ผมก็ยังมีรู้สึกผิดต่อปอยอยู่บ้าง ที่ทำอะไรเขาไปตั้งเยอะ รู้สึกสู้หน้าได้ไม่เต็มที่เท่าไหร่

“ขอโทษน้า อาร์มเพิ่งรู้จากพี่บาสเหมือนกันว่าปอยจะมา แต่ปอยก็ดูไม่คิดอะไรมาก เห็นไหม หัวเราะกับกี้กับดิวใหญ่ พี่บาสเองก็เทคแคร์ปอยดีจะตาย ไม่ต้องห่วงหรอก”

เทคแคร์ปอย? ทำไมพี่บาสต้องเทคแคร์ปอย หรือว่าเด็กนิเทศที่พี่บาสจีบคือ ปอย!



“อย่างบอกนะ… ว่าปอยกับพี่บาส”

แล้วผมก็ทำท่านิ้วชี้ชนนิ้วชี้สื่อความหมายว่า สองคนนี้คุยกันอยู่

และมันก็พยักหน้า ซึ่งนั้นทำให้ผมโล่งใจแปลกๆ แต่ก็ไม่ได้ดีใจหรืออะไรเลยซักนิด


พี่ตั้วเริ่มดีด กีต้าโปร่ง ร้องเพลงกันกับทุกคนดูมีความสุข จน พอยให้ผมยิ้มไปด้วย คงเหนื่อยกัน เลยขอปลดปล่อยกันสุดเหวี่ยง โชคดีนะที่พี่บาสทำห้องคอนโดเขาให้เก็บเสียงไว้สำหรับเล่นดนตรี ไม่งั้นคงรบกวนคนอื่นแย่ เพราะนี้ก็ดึกมากแล้วคนนอนกันหมดแล้ว…


“เดี๋ยวมานะ ขอออกไปสูบอากาศหน่อย” ผมบอกงั้นกับอาร์มไป แล้วลุกไปเปิดประตูด้านหน้าที่มีสระว่ายน้ำอยู่ ผมนั่งริมสระมองดูดาวในกรุงเทพ แทบจะไม่เห็นมีเลย ผมชอบนะ นั่งริมน้ำตอนกลางคืนแล้วก็นั่งจิบไวน์ไปด้วย (ดูให้อารมณ์เหมือนตัวเองอยู่ในหนังโรแมนติกซักเรื่อง) คิดนู้นคิดนี้เรื่องอาร์ม..

โชคดีแค่ไหนที่ได้มารู้จักกับคนพวกนี้ ได้รู้จักเพื่อนที่ไม่คิดว่าแม่งจะมาเป็บพ่อสื่อให้ผมกับอาร์ม


ดูเหมือนชีวิต 158 ซม. ของผมจะไม่ยุ่งยากวุ่นวายเท่าไหร่ แต่นั้นแหละครับ ชีวิตก็ต้องมีขึ้นมีลง อยู่ที่ผมจะพร้อมรับปัญหาที่กระโดดเข้ามาในชีวิตผมแค่ไหน



“เห้ย!!”

เสียงผมตกใจ...เพราะอยู่ๆก็มีมือมาอุ้มผมออกจากริมฝั่งสระ

“บอกแล้วไงครับ ว่าอย่ามาสระน้ำคนเดียว…”

เสียงแข็งป่นนุ่มนวล ขี้กังวลเป็นห่วงผมจะจมน้ำเหมือนครั้งก่อน


“อย่าเวอร์ดิ! กูแค่มาแช่ขาเอง ไม่ได้ลงไปเล่นน้ำซะหน่อย”


“เออนั้นแหละ คนมันเป็นห่วงนี่ครับ”

ห่วงหรอออออออ รู้สึกดีว่ะ


“เออๆ ขอโทษก็ได้วะ ก็แค่มานั่งคิดอะไรนิดหน่อยบวกกับจิบไวน์ไปด้วย มันได้อารมณ์ดีไม่เชื่อมาลองดูดิ”

แล้วผมก็ดึงมันมานั่งกับผมที่ริมสระ


“คิดเรื่องปอยหรอครับ” ยังไม่ทันบอกเลยว่าคิดเรื่องอะไร คิดเองเออเองไปหมด ไอ้นี้มันน่านัก


“เปล่าไม่ได้คิดเรื่องนั้น… กำลังขอบคุณทุกคนที่ทำให้มีวันนี้”


“วันที่มีอาร์มใช่ป่ะ”

ไม่ใช่แค่เอนตัวมาพูดอย่างเดียว ยังทำหน้าตายั่วอารมณ์ผมอีก คิดว่ามีเสน่ห์มากรึไง มีแต่ความวอนตีนอะดิ


(เหรออออออออออ)


“เออ…. นั้นแหละ พอแล้ววว ไปข้างในกัน”

ผมชวนมันเข้าไปข้างในแก้เขิน


“เห้ยยย ไปทำไรกันมาวะ อย่าบอกนะ ไป...กันใต้สระน้ำอะ”

พี่ตั้วแซวได้อุบาทมากครับพี่

“ทุเรศไอ้พี่ตั้ว นั่งเล่นเฉยๆ ว่าแต่ปอยไวน์อร่อยมากครับ ขอบคุณน้า”


“เติมอีกก็ได้นะจิม ยังเหลือ”


“ไม่ดีกว่าครับ จิมว่า จิมมึนๆละ”

จากนั้นผมก็ไปนั่งกินกับแกล้มกับพวกพี่ๆและมีอาร์มนั่งข้างๆตักข้าวมาให้ผมกินกับข้าว เพราะกลัวไปกินแกล้มพวกพี่เขาอย่างเดียวมันจะหมด


พอผมรู้สึกว่าความอิ่มทำให้อาการง่วงมันเข้าแทรกป่นๆกับฤทธิ์ไวน์ที่ปอยให้กินอยู่เป็นระยะๆ ก็ต้องขอตัวพี่บาสกับทุกคนกลับห้อง และแน่นอนไอ้กี้มันเมาหลับบนโซฟาก่อนเพื่อนเลย วันนี้พี่บาสโดนมันปล้ำอีกแน่ๆ ฮ่าๆ


“พี่บาส ระวังโดนไอ้กี้ปล้ำนะครับ”

ผมแซวไปนี้ไม่รู้พี่แกจะสยองไหม

“มึงไม่ต้องห่วง เดี๋ยวกูล็อกห้องนอนไม่ให้แม่งเข้ามา”


“แล้วปอยกลับยังไงหรอ”

ผมถามปอย เผื่อว่าถ้ากลับคนเดียวผมกับอาร์มจะได้ไปส่ง ผู้หญิงคนเดียวนั่งแท็กซี่มันอันตราย


“เดี๋ยวปอยว่าปอยจะไม่กลับบ้านเดี๋ยวโดนพ่อดุ”


“อ้าวแล้วจะนอนนี้หรอ”


“บ้า ผู้หญิงน้า ไม่หรอกค่ะ เดี๋ยวปอยไปนอนห้องพี่แตมกับพี่แนนสามคน”

อ่อแล้วไป ดีๆ ผู้หญิงด้วยกัน จะได้หมดห่วง ส่วนไอ้ดิวกับพี่ตั้วก็คงไปสวีทวิดวิวกันไหนต่อไหน ตามภาษาคนรักกัน”

“งั้นจิมกลับก่อนนะครับทุกคน ขอบคุณนะคร้าบ วันนี้สนุกมากเลย เดี๋ยววันจันทร์ จิมลาอาจารย์ตอนบ่ายไปช่วยน้า”

เพราะผมคงต้องอยู่จนถึงไอ้อาร์มขึ้นเวที เห็นว่ามันจะให้ผมฟังมันโซโลกีต้า ผมละอยากฟังมันร้องเพลงด้วยจัง แต่มันว่ามันร้องไม่เพราะเลยไม่อยากเสี่ยงเดี๋ยวตกรอบ

“บะบายคร้าบพี่ๆ”


จากนั้นเราสองคนก็ขึ้นแท็กซี่ที่เรียกมา


“น้องสองคนแฟนกันหรอครับ”

โหลุง ถามมาได้ ผมยังเป็นแค่เพื่อนกันอยู่เลยลุง ดูยังไงของลุงครับบบ

“ครับลุง แฟนผมน่ารักไหม”

อ้าวไอ้นี้ มันไม่ใช่แค่พูดจะครับ มันยังเอาแขนมากอดคอผมดึงไปข้างๆมัน แถมลูบหัวยิ้มพอใจใหญ่

“บ้า ไม่ใช่ครับลุง นี่เพื่อนผม มึงนี่ก็เนาะ”

ผมดิ้นหลุดออกจากกอดมัน แต่มันก็ไม่หยุดยิ้มเลยซักนิด


“ดีแล้ว ลุงไม่ชอบพวกประเภทนี้เท่าไหร่”

ประเภทนี้ ประเภทไหนลุงพูดดีๆ


“ลุงเคยเจอไอ้พวกนี้เขาทำอะไรกันหลังรถ ไม่เกรงใจลุงเลย ลุงล่ะหน่ายจริงๆ คนสมัยนี้”

มันก็ไม่ทุกคนไหมลุง


“อ้าวลุง แล้วลุงไม่ห้ามเขาอะครับ”

ผมถาม ส่วนเจ้าอาร์มก็ตบเข่าผมเบาๆ เหมือนอยากให้ผมคิดก่อนพูด


“โอ๊ย ห้ามไปก็เท่านั้นไอ้พวกนี้ มันไม่สนใจอะไรหรอก ทำไรอายคนที่ไหนผิดเพศแล้วยังจะทำเรื่องไม่ควรอีก เกิดมาก็รกโลกพอแล้ว”

โอ้โห ผมนี้ขึ้นเลย คำว่ารกโลกเนี่ย

ผมกำหมัดแน่นจนอาร์มสังเกตุได้ มันเลยเอามือมากุมหมัดผมไว้ ผมถึงเริ่มคลายความร้อนในตัวออกได้


“คนพวกนี้น่ากลัวนะลุงว่า พวกน้องระวังบ้างนะครับ”


“ลุงครับ ช่วยจอดข้างทางตรงนี้หน่อยครับ”


เห้ยนี่ยังไม่ถึงเลยนะ อีกหน่อยนึงก็จะเข้าซอยและให้จอดทำไม


“73 บาทครับ”


“โอเคครับ นี่ครับลุงไม่ต้องทอน ถือว่าผมขอซื้อความโลกแคบของลุงนะครับ ถึงผมจะไม่ได้เป็นแฟนกัน แต่ผมก็ไม่คิดว่าลุงควรมองว่าทุกคนที่เป็นแบบนั้นเขาจะเป็นแบบที่ลุงมองทุกคนนะครับ คนดีๆก็มีเยอะนะลุง”

แล้วมันก็ดันผมให้ลงจากรถทั้งๆที่ผมอึ้งอยู่ มันตอกหน้าลุงได้เจ็บแสบมาก ผมล่ะโคตรสะใจ

“ร้ายไม่เบาเลยนะมึงเนี่ย”


“ก็นะ ดีกว่าให้เตี้ยไปด่าเขา จะมีเรื่องเปล่าๆ”

ใครบอกว่าผมจะทำ ไม่คิดดดดดด คนปากหมาอย่างผมก็ใช่ว่าจะด่าใครมั่วซั่วที่ไหน แต่ลุงมันก็น่าด่าจริงๆนะ คันปาก


“อะไร รู้ได้ไงว่าจะด่า กูไม่ทำหรอก แต่ก็อดโมโหไม่ได้ น่าจะโดนสักหมัด แก่ป่านนี้แล้ว ไม่เก็บปากไว้กินข้าวก็ เก็บอายุไว้แก่ตายเถอะ ปากงี้ไม่นานหรอก”


“นั้นไง แล้วบอกจะไม่ด่า”

อ้าววว ก็มันอดไม่ได้นี่ ฮ่าาา


“เอ่ออออ มึงว่าจะมีคนแบบลุงอยู่บนโลกนี้เยอะไหม”

มันใช่สิครับ นี้แหละสาเหตุที่ผมเอาแต่กังวลปฏิเสธใจตัวเองมาตั้งนานเรื่องไอ้อาร์ม ก็เพราะถ้าเกิดคนไม่ยอมรับเรื่องนี้ ผมก็คงลำบากใจมากที่จะสานต่อความรู้สึกที่มีต่ออาร์ม


“เยอะแยะ ทำไมกังวลเรื่องเราหรอ”

ใช้คำว่า “เรา” ได้เต็มปากกกกกกกก


“ไม่ใช่ แต่เออ นั้นแหละ จะรอดหรอ”


“รอดไม่รอด ไม่เกี่ยวกับคนอื่น เกี่ยวกับใจของคนสองคนมากกว่าอาร์มว่า”

อื้อหื้อ พระเอก


“ถ้าเข้มแข็งพอ อะไรก็ผ่านไปได้ อาร์มเชื่อแบบนี้”

ก็คงจะจริงของมัน


“หรอ คงงั้นมั้ง”


“อีกอย่างถ้ามีใครมาพูดกับแฟนผมต่อหน้าผมแบบนี้ ผมก็ปกป้องอยู่ดีนั้นแหละ ไม่ต้องห่วง”

น่าตาเอาเรื่องมาก เล่นหน้าเล่นตาหล่อมากมั้งงงง

(เออ หล่อ)


“ห่วงบ้าไร รีบเดินไปเลยไป กว่าจะถึงห้อง”


ใครมันจะอยากให้ไอ้สูงนี้มาปกป้อง ไม่มีเว้ยยยยยยย ไม่มี










“นอนในห้องนอนกับกูเนี่ยแหละ กูห่วงมึงจะนอนไม่สบาย”


คืนนี้คืนแรกที่ผมได้ใกล้ชิดมันนานที่สุด


บางทีอาจจะใกล้เกิน….




จนได้ยินเสียงร้องในหัวใจของผมก็ได้...





…………………………………………………………




“ความรัก...ก็เหมือนดาวเดือนดวงดารา….แม้มีเมฆหมอกบังตา
หรือระยะทางจะห่างไกล… เราก็รู้อยู่แก่ใจว่า ดวงดารา บนนั้นยังคงอยู่ที่เดิม”






Talk : มีความคิดว่า ถ้ากี้ได้เป็นเดือนมหาลัย อาร์มคงร้องไห้งอแงเหมือนกัน ////ว่าแต่อาร์มจะขออะไรจิมน้ออออ ถ้าได้เป็นเดือนคณะ

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ monoo

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1957
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +101/-4

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด