Chapter 15 : ยอม
หลังจากเมื่อคืนอาร์มเล่นปั่นหัวใจผมซะนอนแทบไม่หลับเลย เผลอหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้เรื่อง
ผมโคตรจะคิดวกวนกับตัวเองตั้งแต่เจอมันครั้งแรก ก็ฝันถึงมันมาเกือบตลอดเลย ที่ไม่ได้เล่าให้ฟัง
เพราะมันก็เป็นฝันที่เหมือนๆกันเกือบทุกครั้งจะเป็นภาพแตกต่างออกไปแต่พอตในฝันคือ ผมกับมันอยู่ด้วยกัน
จะมีก็แต่ไอ้วันที่ผมเห็นมันกอดกับปอยนั้นแหละครับ ที่ผมไม่ได้ฝันถึงมันเลย
และเมื่อคืนมันเป็นเหมือนลางบอกเหตุว่า ฝันทั้งหมดที่ผ่านมามันอาจจะเป็นความจริงใจอนาคตก็ได้นะ ลึกๆทุกครั้งที่ฝันแล้วต่อต้านตัวเอง ยิ่งฝันบ่อยขึ้น
ใจผมเริ่มเปลี่ยนจากไม่อยากให้เป็นจริง
เหมือนจะเข้าข้างความฝันตัวเองซะงั้นแหละ ไอ้เรามันคนยังไงกันแน่นะ สรุปแล้วตัวผมชอบผู้ชายเหรอ
ผมจะรับตัวเองในแบบนั้นได้เหรอ?
นี่คือผมทบทวนตัวเองจนกังวลว่า ถ้าเกิดขึ้นจริง เหมือนฝันเป็นนิมิตละ ก็แหม ใครเคยรู้สึกเหมือนเคยเห็นเหตุการณ์ที่ตัวเองเคยฝันหรือความรู้สึกเดจาวูอะเทือกนั้นบ้างล่ะ ผมจะแก้ไขปัญหาต่างๆยังไง เพื่อนแม่งจะยอมรับผมไหม? พี่ๆล่ะ จะโอเคไหม แล้วครอบครัวผมล่ะ
สังคมสมัยนี้เปิดรับคนประเภทนี้ก็จริง แต่ก็นะยังไม่พ้นที่จะถูกดูแคลนเกือบตลอด
ยิ่งพ่อแม่ผม เขาจะเข้าใจคนสมัยนี้ไหมนะ ยิ่งผมเป็นลูกชายคนเดียว พี่สาวหนึ่งคน เขาก็คงหวังให้ผมสืบทอดสกุลเขาแหละ ญาติๆจะมองผมติดไหม
อาจเป็นเพราะเหตุผลนี้ ที่ผ่านมาผมถึงปฏิเสธความรู้สึกของตัวเอง แต่ก็แพ้ใจให้กับพฤติกรรมของอาร์มแต่ล่ะอย่าง…
นี่ผมเพ้ออะไรอยู่วะเนี่ย ไม่เป็นอันเรียนเลย ไอ้กี้ไอ้ดิวก็ดูมีความสุขเล่นกันไม่สนใจอาจารย์ในห้องดีเนอะ ต่างกับผมเลยมานั่งคิดเครียดๆอะไรก็ไม่รู้ แม่งคนที่ไม่เคยมีแฟนแบบผมจะเป็นเหมือนผมไหมวะ มันมีอะไรในหัวเยอะแยะเต็มไปหมด
ไม่รู้ตัวเองต้องรับมือยังไงกับความรู้สึกใหม่ๆ ที่ไม่เคยได้จากไหนมาก่อน แม้จะคล้ายคลึงกับความรักของพ่อแม่พี่ หรือแม้แต่เพื่อน แต่มันคนละอารมณ์กันเลย มันบอกไม่ถูกเลย
เข้าใจความรู้สึกของคนที่ต้องลองกินของใหม่ที่ตัวเองไม่เคยกินมาก่อนกันไหมครับ อารมณ์ประมาณนั้น แยกไม่ออกว่าอร่อยไหม
แค่รู้สึกดีก็ถือว่าอร่อยแล้ว
แล้วถ้าอร่อย มันก็อยากจะกินอีกสิครับ…
แปลกเนาะ ผมรู้จักมันมาสักพัก ผมยังไม่มีที่ทางที่จะติดต่อมันได้เลย
เฟสบุ๊คหรอ ไม่มีอะ
ไลน์ ยิ่งแล้วใหญ่
เบอร์โทร นี้คงหนักสุด
กับอีแค่ขอๆ ไปเลยก็จบแล้ว ทำไมมันยากจัง
จะขอจากไอ้กี้ ก็กลัวแม่งจะรู้เรื่องอีก ยิ่งไม่รู้ว่ามันวางแผนกับไอ้อาร์มทำอะไรผมอีกด้วย
พอจะหยิบไลน์ไอ้กี้มาดูหน่อย แม่งก็ชอบมีความลับเยอะ ไม่ยอมให้เปิดดูเลย กะจะเนียนๆซะหน่อย
“เว้ยยยยยย”
ชิบหายล่ะ ทั้งห้องมองมาที่ผมคนเดียวเลย
“มึงเป็นไรวะ”
ไอ้กี้ที่กำลังตกใจเสียงโวยของผมมันหันมาถาม
“อะ อ่อ เปล่า กูปวดหัวคิดงานไม่ออกนิดหน่อย”
“มึงเนี่ยนะคิดไม่ออก ถ้าท็อปของห้องคิดงานไม่ออก คนอื่นก็คงชาติหน้าอะ กว่าจะคิดออก”
แม่งก็ยอผมเกิน คนอื่นจะหมั่นไส้ผมเอา แต่ก็จริงส่วนนึงนะ ผมเนี่ยได้คะแนนเอ ทุกงาน อาจารย์ชอบงานออกแบบผมมาก
“กูก็ไม่ได้เก่งขนาดนั้นไหม”
“จ้าา ถ่อมตัวจ้าา”
ประชดได้กวนตีนมากไอ้ดิว
“เออ กูถ่อมตัว ว่าแต่มึงเหอะดิว ก็พอกันกับกูแหละ คิดงานออกบ้างไหม”
ดิวมันจะเก่งพอๆกับผมเลยแหละเรื่องงานดีไซน์ แนวงานผมจะออกแนวแปลกๆ
ส่วนไอ้ดิวมันสายมินิมอล ซึ่งผมกับมันจะแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเรื่องงานกันบ่อยๆ
ส่วนไอ้กี้ แม้มันจะคิดไม่เก่ง แต่มันเป็นสายขยันเลยได้ในส่วนนี้ชูให้กลุ่มผมสามคนในห้องเป็นกลุ่มที่โดนอาจารย์เรียกหาบ่อยจนบางทีพวกผมก็กลัวคนอื่นในห้องจะมองหมั่นไส้เอา
“ยังเลยว่ะ ไว้ค่อยกลับห้องไปให้พี่ตั้วช่วยคิดอีกแรง”
โว๊ะ มีแฟนมันดีอย่างงี้นี้เอง
“เออๆ ได้ยังไงบอกกูด้วย เผื่อกูได้อะไรเจ๋งๆจากมึงบ้าง”
“กูต้องขอจากมึงมากกว่าไหมไอ้แคระ”
“พวกมึงนี้คุยกันเกรงใจคนไม่เก่งอย่างกูบ้างสิวะ”
“โอ๊ะ ดิว มีคนน้อยใจว่ะ”
ผมส่งสัญญาณไอ้ดิวให้รับส่งบทกับผมเพื่อแกล้งไอ้กี้
“โอ๋ๆๆ มาๆ มาเป็นผัวน้องสิจ๊ะ เดี๋ยวจะทำงานให้ทุกอย่างเลย”
เชี้ยดิว พูดจาได้น่ากลัวมาก ไอ้กี้ถึงกับทำหน้าสยองขวัญเหมือนเจอผีกลางวันแสกๆ
“พ่อง กูไม่เอาขี้เว้ย แหวะ หยี้”
ผมรู้มันอาจจะขำๆ นะ แต่ผมแอบจิตตกยังไงไม่รู้ เหมือนมันจะรับไม่ได้เกี่ยวกับเรืองแบบนั้น ผมเองที่ไม่ได้คิดถึงจุดนั้น คิดเหมือนกันว่าตัวเองจะรับได้ไหม แล้วถ้าเกิดมันรู้ว่าผมคิดอะไรกับอาร์ม มันจะคิดยังไงกับผมนะ แต่เอ๊ะ ไอ้ดิวกับพี่ตั้วก็แฟนกัน ไม่เห็นกี้จะว่าไงเลย…
“เออ จิมมึงวันนี้มึงจะอยู่ดูไอ้กี้ซ้อมใหญ่เปล่า”
“ไม่อะ กูอยากกลับไปคิดงาน”
“เนี่ย แค่วันเดียวที่มึงไปกับไอ้เติ้ลมึงก็ทิ้งเพื่อนอีกและ”
วอแวอีกและเชี้ยกี้เอาใจยากชิบหาย
“ก็มึงให้กูไปกับมันเองนี่หว่า มาว่าไรกู”
“เอ้า เติ้ลมาหาที่ห้องประกวดด้วยหรอ”
“เออ มันมาได้ไงไม่รู้กูเลยให้แม่งพาจิมกับห้อง ไม่รู้ว่าได้กันกี่รอบและ”
เนี่ย ไอ้เชี้ยกี้ก็พูดอำซะ ผมจะไปมีอะไรกับอาร์มได้ไงวะ ปัญญาอ่อน
“เห่ยยยย จิมกับเติ้ลนี้ยังไง แฟนกันหรอ”
ไอ้เชี้ยดิววว มึงอย่าชักใบเรือยอร์ชได้ไหม (เรือยอร์ชมีใบเรือด้วย?)
“สัดดิว กูเพื่อนกัน มึงก็เชื่อหมาๆอย่างไอ้กี้”
“แต่กูว่าอีกไม่นาน พนันกัน”
จู่ๆไอ้กี้ก็พูดห่าไรของแม่ง
“กูลง มึงกับไอ้เติ้ลจะได้เป็นแฟนกัน 500”
เชี้ยดิวไวสัด จัดคนแรกเลย เอาเงินมาพนันห่าอะไรแบบนี้ด้วย
“สัด ไร้สาระ จะเป็นได้ไงวะ กูไม่ได้ชอบผู้ชาย”
…. ผมพูดแบบนั้นทำไมวะ ปากหนอปาก
“งั้น กู 1,000 ไอ้จิมเป็นแฟนไอ้เติ้ลภายในสัปดาห์หน้า”
เชี้ยกี้ พนันอะไรเยอะแยะขนาดนั้น มีเงินมาจากไหน เป็นเด็กทุนกีฬาแท้ๆ
“อะไรของพวกมึงวะ กูไม่เล่นเว้ย”
“ป๊อด ไม่มึงก็กำลังโกหกพวกกูอยู่”
….เชี้ยกี้เล่นพูดงี้ผมก็พูดไม่ออกดิ
“กูโกหกอะไรมึง”
“มึงมีใจให้ไอ้เติ้ลมัน!”
เชี้ยกี่….
“ไม่เว้ยยย”
“ถ้างั้นก็ลงขันมา ถ้าไม่จริงยังไงมึงก็มีแต่ได้กับได้”
“เออๆ น่ารำคาญ 1,500 ถ้าเกิดกูไม่ได้เป็นแฟนมัน”
มันคงเป็นไปไม่ได้หรอก ยังไงผมก็คงไม่มีโอกาสนั้น ถึงไอ้อาร์มดูเหมือนจะทีเล่นทีจีบกับผมก็เถอะ แต่คนหล่ออย่างมัน เลือกใครก็ได้ที่ดีกว่าผมอยู่แล้ว
“ดี จัดไปตามนี้ มาดูกัน”
(การพนันเป็นสิ่งไม่ดีนะครับ ไม่ควรเอาเป็นเยี่ยงอย่าง)
ไอ้พวกเชี้ยนี้มันก็ไม่ได้ทำแบบนี้บ่อยหรอกครับ นี้ครั้งแรก ผมรู้ว่ามันไม่พนันจริงๆหรอก แค่อยากจะจับผิดผมล่ะสิไม่ว่า
พอกลับถึงห้องผมก็ล้มตัวนอนทันที ไม่คิดอะไรทั้งนั้น
วันนี้ไอ้อาร์มไม่เห็นจะโผล่หัวมาเลย (แล้วบอกไม่คิดอะไร ห่าจิม)
ไปไหนของมันนะ ผมอยู่ดูไอ้กี้ซ้อมใหญ่พักนึงก็ไม่เห็นมันจะมา คงยุ่งอยู่เปล่า หรือไม่ก็ไปจีบสาวที่ไหนอยู่แน่ๆ คืนนี้จะนอนให้ยาวนานที่สุดเพราะพรุ่งนี้วันเสาร์ไม่มีเรียน แต่ตอนเย็นต้องไปงานประกวดดาวเดือนคณะตัวเองเพื่อไปเชียร์ไอ้กี้
“เตี้ย คิดถึงจังครับ”
ภาพตะวันตกลงปลายขอบฟ้าของทะเลชายหาดแห่งนึงฉายแสงลงบนผิวกายที่เปียกน้ำของผมและอาร์ม ท่ามกลางท้องฟ้าสีชมพูส้ม…
อุ่นชะมัด กอดนี้โคตรอุ่นเลย อาร์มที่โอบร่างผมจากด้านหลังโคตรจะอุ่น…
“กริ้งงงงงงงงงง”
เสียงนาฬิกาทุบฝันจนแตกทำให้ผมตื่นจากฝันที่ช่วงนี้ผมมองว่าเป็นฝันดีแล้วกัน ถึงเมื่อก่อนจะคิดว่าเป็นฝันร้ายก็เถอะ
“โอ๊ยยยย นี้เพิ่ง 7 โมง จะปลุกกูทำไมมมมม”
คนพูดกับนาฬิกาก็คงจะมีแต่ผมเนี่ยล่ะ
จะนอนต่อก็นอนไม่หลับ เพราะแสงในห้องมันสว่างพอสมควร
“เชี้ยจิม ตื่นเว้ย”
เสียงเชี้ยกี้ ปลุกแต่เช้า มาเคาะประตูซะไม่เกรงใจเลย
“ก๊อกๆๆ”
ตื่นแล้วววว จะเคาะไรนักหนา
“เออๆๆ กูมาแล้ว”
พอผมเปิดประตูให้มัน มันก็เข้ามาทันที
“ห่าโทรไปก็ไม่รับ ไลน์ก็ไม่ตอบ ตื่นยากตื่นเย็นนักมึง”
“อะไรของมึงวะ ปลุกกูทำไมวันนี้วันเสาร์นะเว้ย”
“วันนี้กูมีประกวด พี่บาสให้กูมาตามมึงไปช่วยงาน”
“เอ้า ทำไมกูต้องช่วยด้วยอะ กูไม่ได้อยู่ชมรมพี่เขานะ”
“ไอ้สัสเป็นน้องรหัสก็หัดไปช่วยพี่เขาบ้างสิวะ”
“ไอ้ช่วยอะช่วยอยู่แล้ว แต่ขอนอนอีกหน่อยไม่ได้ไง นี้มันเพิ่ง 7 โมงเอง”
“7 โมงบ้านป้ามึงดิ แหกตาดูนาฬิกา”
แล้วมันก็ชี้ไปทางนาฬิกาที่ติดอยู่บนผนังห้องผม
ชิบหายยยย ไหงผมมองในโทรศัพท์ 7 โมงนี่ นี้ผมเผลอหลับต่อยาวขนาดนี้เลยหรอเนี่ย นี่มันบ่ายโมงครึ่งแล้ว โทรศัพท์มีคนโทรมาตั้งหลายมิสคอล ทั้งดิวทั้งไอ้กี้ทั้งพี่บาส
“เชี้ยยย เออ กูอาบน้ำแปบ”
“เร็วๆ เลย กูเป็นเดือน ยังต้องมาตามมึงถึงห้องอีก ห่านี้ ถ้ากูไม่ปลุกมึงสงสัยนอนยาวไม่มางานกูเลยใช่ไหม”
บ่นยาวจริง
“เออๆ กูขอโทษ ไปเชียร์อยู่แล้วนา เลิกบ่นสักที”
ผมตะโกนออกมาจากห้องน้ำให้มันเลิกบ่น
จะว่าไปผมนี่หลับลึกจริงแหะ ถ้าไฟไหม้ผมคนตายไปคนแรกแล้ว ฮ่าๆ
“มึงไปงานก่อนก็ได้นะเว้ย ต้องไปเตรียมพร้อมไม่ใช่หรอ ไม่ต้องรอกูหรอก รีบไปเดี๋ยวไม่ทัน กูจะรีบตามไป”
ระหว่างอาบน้ำผมนึกขึ้นได้ว่าคนเป็นดาวเดือนต้องไปเตรียมพร้อมไหนจะแต่งหน้าทำผมไหนจะคอสตูม
“....”
ไอ้กี้ไม่ตอบกลับมา ทำไรอยู่วะ
พอผมอาบน้ำเสร็จซึ่งครั้งนี้อาบเร็วมาก แทบจะเรียกได้ว่าวิ่งผ่านน้ำเลยก็ว่าได้
พอออกมาจากห้อง ก็เจอร่างใหญ่หนึ่งคนใส่ชุดนักศึกษา ตอนแรกก็คิดว่าไอ้กี้ เพราะมันก็ใส่ชุดนักศึกษาเหมือนกัน
“สัด กูบอกให้ไปก่อนไง จะรอกูไปพร้อมมึงทำเชี้ยไร ทำอย่างกับเป็นผัวกูตามจิกกูอยู่เรื่อย”
ผมก้มหน้าก้มตาบ่นใส่มันโดยไม่สนอะไรเลย
….อาร์ม…
“เอ้า มึงมาได้ไง แล้วเชี้ยกี้อะ”
“ออกไปสักพักแล้ว เมื่อกี้เดินส่วนกัน สงสัยเข้ามอไปอย่างที่จิมบอกแหละครับ”
“แล้วมาทำไมอะ วันนี้กูไม่ว่างนะ ต้องไปช่วยงานที่คณะ”
“รู้แล้วครับ แค่จะมารับจิมเข้ามอไปด้วย วันนี้คณะอาร์มมีเรียนชดเชยของวันจันทร์ที่ต้องหยุดสำหรับงานประกวด”
“อาร์มเลยมาหาจิมก่อน”
“ไม่เห็นต้องมาหาเลยนี่ กูว่าเสียเวลานะ มหาลัยกูก็ใกล้แค่นี้ นั่งวินแปบเดียวเอง”
“ทำไม คิดถึงไม่ได้ไง?”
เฮือกกกกกกกกก คำหยอดหนึ่งดอก ชะงักไปสิบล้านปีแสง (เว่อร์)
“คิดถึงห่าไร โว๊ะ กูไปแต่งตัวละ”
เดินเขินเข้าห้องดิ บทจะยิงตรงก็เอาซะตั้งตัวไม่ได้
ด้วยนิสัยที่ชอบทาครีมก่อนใส่เสื้อผ้าและความเคยชินอยู่ในห้องตัวเอง… ก็เหลือกางเกงในตัวเดียวที่ปิดกั้นส่วนลับไว้
“จิมกินข้าวยังครับ เดี๋ยวไปกินข้าว…..กัน...ก่อน….ไหม?”
แม่งก็ไม่คิดว่าจะเปิดประตูเข้ามา เชี้ยยยยกูโป๊นะเว้ย มองตาค้างอะไรเบอร์นั้น
“เห้ย ออกไปยังแต่งตัวไม่เสร็จเลย เข้ามาทำไมไม่เคาะ”
แล้วมันก็ปิดประตูออกไป
“เอ่อออ โทษทีครับ อาร์มคิดว่าจิมเสร็จแล้ว เห็นนานแล้วอะ”
ก็คนต้องทาครีมไหมเล่าาาาา ไหนจะผิวไหนจะหน้า โว้ยยยยยย
“เออๆ กูเสร็จละ”
เขินชิบ ทำไมเขินอย่างนี้วะ ตอนรับน้องอาบน้ำกับกี้กับดิวยังไม่เห็นเขินหรืออายขนาดนี้เลย ผมรีบใส่รองเท้าเปิดประตูไม่มองหน้ามันออกมาจากห้องเลย
“ไป เดี๋ยวไปกินข้าวก่อนไม่ใช่หรอ รีบๆ พี่บาสรอ ล็อกประตูด้วย”
ใครจะไปกล้ามองหน้าคนเพิ่งมาเห็นผมโป๊วะ
“ครับ….ครับ”
เสียงแผ่วๆ ตามหลังมา
“จิม…. จิมครับ”
ผมเงียบไม่คุยกับมันสักพัก ไม่ใช่เพราะโกรธที่มันเข้าห้องนอนมาไม่เคาะประตู แต่มันเขินจนไม่กล้าพูดอะไรต่อ ไอ้แค่ส่วนบนก็ว่าเขินหน่อยอยู่หรอก แต่ไอ้ส่วนล่างเนี่ย มันไม่อยากจะให้ใครมาเห็นบ่อยๆสักหน่อย
“....”
“โห ขอโทษครับ ขอโทษน้าาาา ก็คิดว่าแต่งตัวเสร็จแล้ว ใครจะไปนึกล่ะว่าเข้าไปจะ….”
“หยุดพูดเลย”
“ฮ่าๆ เขินหน้าแดงเลย”
“ไม่ได้เขินเว้ย ขับรถไป”
“น่ารักว่ะ”
ไม่ต้องมาชมมันไม่ช่วยให้หายเขินหรอกนะเว้ย
“ไม่ต้องมาชมกู กูไม่หายหรอกนะ”
“โห หายงอนเถอะ นะนะนะ”
อย่ามาอ้อน… ผมใจไม่ดี… น้ำเสียงโคตรน่าฟัง นุ่มมาก
“ใครงอนกูไม่ได้งอน”
“เนี่ยเรียกงอน อาร์มง้อแล้วนะ หายงอนนะครับเตี้ย”
เชี้ยยย ใจยิ่งเต้นรัวเข้าไปใหญ่… พอแล้วๆ ก่อนที่ใจผมจะแตกกว่านี้
“ใครเตี้ย ไม่สนเว้ย”
“งั้นเดี๋ยวพาไปเลี้ยงบาร์บีคิว หายงอนนะครับตัวเล็ก”
ท่าไม้ตายมาแล้ว ลูบหัวพิชิตใจ โอ๊ยยยยยยย
อ่อนระทวยไปหมดเลยยยย
“ยอมก็ได้วะ”
……………..………………
“ยอม...คือการลดทิฐิของการปฏิเสธใจตัวเอง”
Talk : อาร์มมาแปบเดียวก็ทำจิมปวกเปียกและ จิมกากชะมัด//// อากาศดีขึ้นแล้วน้า