ตอนนี้เป็นตอนที่ 10 แล้วนะคะยังมี ตอน 2 อีกทีค่ะ ใกล้จะจบแล้วนะคะ ทั้งที่แพลนไว้
ไม่เกิน 9 ตอน ขอให้อ่านให้สนุกนะคะ อย่าลืมเม้นด้วยนะคะ
เพราะเป็นแรงบันดาลใจในเขียนที่สุดยอดมากเลยค่ะ อิอิ
บทที่ 10 บอกลา (ตอนที่ 1)
ผมตื่นขึ้นมาในเช้าอีกวัน ด้วยร่างกายที่สะบักสะบอม คงไม่ต้องบอกนะว่าเพราะอะไร หึหึ
กลับไปอ่านตอนที่แล้วเองนะครับ (กร๊ากกกกกกกก แอบใจร้าย )
จริง ๆ แล้วเป็นเพราะผมโดนไอ้หล่อมันฟัด ทั้งกัด ดูด ข่วน ขบ บลา บลา บลา
โทษฐานพูดจาไม่เคลียร์ทำให้มันจิตตก ฮ่า ๆ ว่าแต่ว่าไอ้ข้อหานี้มันมีด้วยเหรอวะ
มันอยู่ในมาตราไหนของข้อกฎหมายหล่ะเนี่ย หึหึ
ผมหันไปมองไอ้ตัวการที่ตอนนี้นอนยิ้มหวาน
ไม่เข้าใจมันเลยจริง ๆ ว่าทำไมมันถึงชอบทำหน้ามีความสุข ทั้งที่มันก็หลับอยู่
มุมปากที่ยิ้มนิด ๆ ทำให้ผมพลอยอดคิดถึงใบหน้าเจ้าเล่ห์ที่ชอบมองมาที่ผม
พร้อมส่งสายตาแพรวพราวไม่น่าไว้ใจอยู่ตลอดเวลา
“หึหึ ไอ้บ้ากาม.....หลับสบายจริงนะมึง” ผมก้มลงไปหอมแก้มมันเบา ๆ
กลัวว่ามันจะตื่นวันนี้อยากให้นอนพักเต็มที่อีกสักวัน
หลังจากที่ผมทำมันปั่นปวนมานานแล้ว ฮ่า ๆ อีก 2 อาทิตย์มหาลัยก้อจะเปิดแล้ว
ผมลุกขึ้นไปอาบน้ำก่อนจะเดินลงไปซื้อของกินด้านล่าง
อ้อ ...เอ่อ เนื่องจากผมโดนไอ้หล่อฟัดมาหลายต่อหลายครั้งจนทำให้
ร่างกายผมเริ่มปรับสภาพได้ดี มิมีเจ็บตรูดดดอีกต่อไป (กร๊ากกกกกกกกเขินอ่ะ)
จริง ๆ ก้อมีนิดหน่อยอ่ะครับแต่ไม่มากเหมือน ๆ ครั้งแรก ๆ
วันนี้ผมสั่งอาหารสิ้นคิดสำหรับเราสองคน กระเพราไก่+ไข่ดาว , น้ำเต้าหู้+ปลาท่องโก๋,
นมร้อน, แกงเขียวหวานไก่,ต้มยำกุ้ง และผลไม้ (ถ้าไม่พอใจมาซื้อเองดิมา)
ซื้อเสร็จก็เดินกลับห้องครับ แต่มาถึงไอ้หล่อ มันก้อไม่อยู่ที่เตียงแล้ว (เหตุการณ์นี้มันคุ้น ๆ มั้ยครับ)
ผมเดินไปที่ห้องน้ำ อ้อ.............. มันกำลังอาบน้ำอยู่
ปิดประตูหน่อยมั้ย เชี่ยยยยยเป้ ผมเลยหันหลังเตรียมเดินไปเทกับข้าว
ก็มีมือดียื่นมาโอบเอวผมเข้าไปกอด
“ที่รักครับหนีเป้ไมอ่ะ ใจหายหมด” ไอ้หล่อมันว่าตอนนี้มันซุกจมุกซน ๆ
ไว้ที่ซอกคอผมเรียบร้อย พร้อมกับซุกไซ้ไปทั่ว อ่ะนะ
มาถึงก้ออ้อล้อเลยทีเดียว แล้วมึงอ่ะตกใจจริงป่ะเนี่ย
แหม.... อาบน้ำซะ สบายใจเฉิบขนาดนี้ หึหึ
“อืมม ... อย่าดิมึงอ่ะ เมื่อคืนก้อทั้งคืนแล้วอ่ะ กูเหนื่อย รีบ ๆ แต่งตัวเลยกุหิวข้าวแล้วอ่ะ”
ผมว่าพลางผลักหัวไอ้หล่อให้พ้นทาง
“อือ เดี๋ยวดิ .. ขอชื่นใจหน่อยนะ” ว่าแล้วไอ้มือปลาหมึกก้อจับผมหันเข้าไปหา
กดปากหวาน ๆ ของมันชิมรสปากบางของผม ลิ้นร้อน ๆ ซุกซนดูดกลืน
“อืมมมมมม อ่า เป้ ... อืมม หยุด หยุดก่อน ... จะลามกไปถึงไหนวะ”
ผมผลักไอ้ปลาหมึกให้ละปากหวานๆ ออกจากปากผมได้
ผมก็ได้ยืนหอบหายใจ เหนื่อย ๆอยู่ในอ้อมกอดไอ้บ้าเป้
“ก้อคนมันรักอ่ะ ... หึหึ เมื่อคืนบอกตั้งกี่ครั้งไม่รู้จักจำนะเตี้ยยยยยย”
แม่งจะเน้นเสียงตรงเตี้ยทำไมวะ ไอ้บ้า
มันกระชับกอดผมแน่น ๆ หอมฟอดดดด ที่แก้มก่อนจะละมือออกจากตัวผม
“เพี้ยะ .... พอได้แล้ว รีบแต่งตัวไปกินข้าวกัน” ผมตีมันที่หน้าผากไปที
โทษฐานอ้อล้อแบบไม่เลือกเวลา ฮ่า ๆ ไม่ต้องถามว่าอยู่ในกฎหมายข้อไหน
เพราะมันอยู่ในกฎของผมเอง เจ๋งมั้ยครับ
ผมเดินไปเทอาหารเสร็จ พร้อมที่จะกินเสร็จไอ้หล่อก้อแต่งตัวเสริมหล่อเสร็จเรียบร้อย
เรานั่งกินอาหารกันไป สบตากันไป ทำเอาผมเขินเหมือนกัน
ก้อดูมันทำสายตาเล้าโลมผมอยู่ตลอดเวลา
“อืมมมม... ซี๊ดดดดดดด อร่อยสุด ๆ อ่ะ” ไอ้เป้ตักต้มยำเข้าปากไปคำเดียว
มันก้อเริ่มทำเสียงครางไปพลางกัดริมฝีปากตัวเองไปพลาง
ทำสายตากรุ้มกริ่มมาทางผม อ่าน่ะ ดูมันเวลากินเข้ายังไม่เว้น
เหมือนพยายามจะแด๊กกรุอยู่ตลอดเวลาเลยนะมึง หึหึ ไอ้โรคจิต
ผมมองมันอยู่ครู่หนึ่งก่อนมันจะตักแกงเขียวหวานไก่มาป้อนให้ผม
ผมมองหน้ามันงง ๆ แม่งจะมามุขไหนว่ะ แต่ยังไม่ยอมกินแกงที่มันยื่นมาที่หน้า
“กินหน่อยดิ กูอุตส่าป้อนอ่ะ ไม่กินเสียน้ำใจนะโว้ย” มันว่า
มึงจะต้องใช้ความอุตสาหะตรงไหนมิทราบได้ข่าวว่า อาหารทั้งหมดกุเป็นคนลงไปซื้อมา
แถมคนที่จ่ายก็กุ แล้วจะไปเสียน้ำใจมึงตรงหนายยยยยย ผมยังมองหน้ามันนิ่งไม่ยอมกินเข้า
“นะ ... นะครับ....น๊า” ผมอ้าปากให้ไอ้เป้ประเคนช้อนข้าวใส่ปากตัดความลำคาญจากไอ้หล่อดูท่า
ถ้าผมไม่ยอมกินมียาว ผมเคี้อวอาหารจนหมดคำ
โดยมีไอ้เป้จ้องผมยิ้มหวานตลอดเวลา มองกุไมวะ....
“เป็นไงเตี้ย.........ของของกุเด็ดป่ะ จัดจ้านพอมั้ย” มันว่า
ทั้งยิ้มทั้งหัวเราะจนหน้าบาน ผมอายจนหน้าแดง
ห่า..ใครให้ถามผู้ชายแบบนี้ว่ะ กูเป็นฝ่ายรับนะเว่ย เวรรรรรรรรร
“ห่า................... มึงว่างมาใช่ไหม ไม่ต้องแดกเลยมึง ควายยยย” ผมด่า
รีบแย่งจานมาจากไอ้เป้ แม่งไม่ยอมปล่อยครับ
ทำท่าหัวเราะใส่ผมเบา ๆ ส่วนมือก็ยื้อจานกับผมไม่ยอมปล่อย
“ยอมแล้วครับ ๆ เป้ไม่เล่นแล้วกิน ๆ กินกัน” การหม้อของมันก็จบลงไป
เพื่อให้ตัวเองยังมีข้าวกิน ฮ่า ๆ เป็นคำขู่ที่เอาจริงครับ
แม่งอ้อล้อจริง ๆ พวกเรากินกันไปจนอิ่ม
“เป้ กูว่ากูควรเคลียร์กับปางให้รู้เรื่องอ่ะ มึงว่าไง” ผมเปิดประเด็น
ยังไงเสียก็คงต้องเคลียร์เรื่องปางให้จบไม่อยากให้มันค้างคา
ในเมื่อผมตัดสินใจจะเลือกเป้แล้ว
ไอ้เป้มันหันมามองหน้าผมทันที ก่อนจะละสายตาหันกลับไป
ใช้ความคิดสักครู่ก่อนจะเปิดปากอีกครั้ง
“อือ กูก็ว่าดีอ่ะ ยิ่งเร็วยิ่งดี มันจะได้จบ ๆ สักที แล้วมึงจะเอาไง” มันหันมาถามผม
“ยังไม่ได้ตัดสินใจเลย กูว่าพรุ่งนี้จะนัดปางมาที่นี่
มันคงไม่ดีเท่าไหร่ถ้าจะปฏิเสธปางข้างนอก
อย่างน้อยถ้าปางเสียใจน้อยใจ หรืออยากร้องไห้ ปางจะได้ไม่ต้องอายใคร”
ผมบอกมันตรง ๆ กับความรู้สึกที่ผมมี ผมไม่ได้หวั่นไหวหรือจะนอกใจ
แค่อย่างน้อยก็อยากรักษาน้ำใจของปางผู้หญิงที่ผมเคยรักมากที่สุด
แม้มันจะไม่เหมือนเดิมแล้ว ไอ้เป้มองผมอย่างชั่งใจนิดนึง
“อืม ถ้ามึงว่าดีกูก็ว่าดี” มันว่า สนับสนุนความคิดเห็นผม
“มึงอยากจะอยู่ด้วยมั้ย” ผมถาม ถ้ามันต้องการจะอยู่ผมก้อไม่ขัด
เพราะอยากให้มันสบายใจเช่นกัน ถึงผมจะแคร์ปาง
แต่กับไอ้เป้ผมก็รักมัน อยากให้มันไว้ใจและเชื่อใจผมเช่นกัน
“ไม่อ่ะ กูว่ามึงเคลียร์กันสองคนอ่ะดีแล้ว ยังไงกูก็เป็นคนนอก อีกอย่างกูไว้ใจมึง” มันหันมายิ้มให้ผม
ผมยิ้มตอบมันอาย ๆ ทั้งเขินทั้งดีใจที่มันไว้ใจผมขนาดนี้ (กร๊ากกกกกกก อายอ่ะ)
“อย่าแอบนอกใจกูนะเว้ย ถ้ากูรู้ล่ะมึ๊งงงงงงง.... หึหึ” มันว่า
พลางแลบลิ้นเลียรอบริมฝีปากอย่างคนกระหาย (ว่าแต่กระหายอะไรหว่า ==’)
จากนั้นก็กัดริมฝีปาก มองมาที่ผมสายตาแพรวพราว
“ไอ้โรคจิต” ผมส่ายหัวกับไอ้อาการ ทะลึ่งตึงตังของมัน
ทำท่าจะลวนลามตลอด ฮ่า ๆ
เย็นวันนั้นผมเดินไปที่ระเบียงต่อสายเบอร์ที่คุ้นเคย
ไม่จำเป็นต้องเลือกหารายชื่อให้เสียเวลา เพราะผมจำเบอร์ปางได้ขึ้นใจ
“สวัสดีค่ะ พี่ปิงปอง ปางดีใจที่สุดเลยที่พี่โทรมาหาปาง ” ปางรับสายเสียงหวาน
(โอ๊ยผมจะหวั่นไหวมั้ยเนี่ยแค่ฟังเสียงปางใจก็ระทวยซะแล้ว
ฮ่า ๆ ล้อเล่นครับ หึหึ ถ้าผมเลือกแล้วไม่มีหวั่นไหว)
ข้อดีของผมคือเป็นคนซื่อสัตย์ครับถ้าผมเลือกแล้วเชื่อใจได้เลย ว่าจะไม่เปลี่ยนใจ
“ปาง..เอ่อ....พี่อยากจะคุยด้วย” ผมบอกน้ำเสียงเรียบ ๆ
ไอ้เป้ที่มาจากไหนไม่รู้เข้ามาโอบกอดผมจากด้านหลัง
วางหัวไว้บนบ่าผม ผมหันไปมองนิด ๆ ยกคิ้วสูงเป็นคำถาม มาไมวะ ไม่ได้คิดจะหลบแต่อย่างใด
(แต่เอ๋ไหนที่มันบอกว่าไว้ใจผมเนี่ย อันนี้ถือว่าเป็นการแสดงการไว้ใจได้รึเปล่า หึหึ)
เหมือนมันจะรู้ความนัยใจ มันทำปากพะเยิบพะยาบตอบผมว่า
“กันไว้ดีกว่าแก้ เผื่อมึงคิดไม่ออก” มันยิ้มที่มุมปาก พร้อมกับยักคิ้วกวนตีนผมอีกสองที
“ห่า” ผมทำปากตอบกลับแม่งทันที ไม่สนใจมันต่อไป และหันไปคุยกับปางต่อ
“ค่ะ ค่ะพี่ปิงปอง ที่ไหน เมื่อไหร่คะ” ปางรีบรับปาก น้ำเสียงสั่น ๆ ราวกับดีใจมากมาย
“พรุ่งนี้ ปางว่างมั้ย” ผมเอ่ย รู้สึกเจ็บนิด ๆ ที่ใจ
“ค่ะ ๆ ว่างค่ะ ตอนเย็น ๆ ปางไปหาพี่นะคะ ที่คอนโดใช่มั้ย ขอบคุณนะคะที่ให้โอกาสปาง”
ทั้งที่ปางกล่าวคำขอบคุณ แต่ผมที่กำลังจะปฏิเสธนั้นแทบจะไม่มีแรงตอบกลับน้ำเสียงดีใจได้เลย
ผมกำลังทำร้ายใครรึเปล่านะ แล้วที่ผมตัดสินใจแบบนี้มันผิดหรือเปล่า
“ครับ” ผมกรอกเสียงตอบปางไป ถอนหายใจยาว ๆ อีกครั้ง
และเงียบเสียงไป สายตาเหม่อมองไปเรื่อย ๆ มันดูล่องลอยไร้จุดหมาย
ไอ้เป้กระชับกอดแน่นขึ้น
“ไม่เป็นไรนะครับ มันไม่ใช่ความผิดของใคร ความรักมันเป็นเรื่องของจิตใจ
เราไม่สามารถควบคุมมันได้หรอกปิงปอง ถ้าจะผิดก็ผิดที่กูเอง
ทุก ๆ อย่างเพราะกูเอง มึงอย่าโทษตัวเองเลยนะ” ไอ้เป้ กดจมูกคม ๆ ลงที่แก้มของผม
ผมถอนหายใจอีกครั้งแต่ก็รู้สึกผ่อนคลายอย่างบอกไม่ถูก (ขอบใจมึงนะเป้ที่อยู่ข้าง ๆ กู)
“ใช่ ผิดที่มึงแหล่ะ ห่า” ผมด่าไอ้หล่อ หึหึ มันทำหน้าเสียไม่คิดว่าผมจะด่ามัน
ตอนนี้หางตาไอ้หล่อ เชิดขึ้นส่งสายตางอน ๆ มาที่ผม
“เออ กูผิดคนเดียวก้อได้ หึ” มันพูดประชด
ขณะที่ยังกอดผมแน่นไม่ยอมปล่อย แต่สายตาเฉไปทางอื่น
ไม่ยอมมองตอบตาผม ทีดูก็รู้ได้ทันทีว่าล้อเล่น ... ไอ้ขี้งอนเอ้ย
“ผิด ... ที่มาทำให้กูรักไง ฮ่า ๆ” ผมว่า ตอนนี้ก้อแอบเขิน หน้าแดง
พร้อม ๆ กับหัวเราะมันเสียงขม เพราะท่าทางมันเหมือนหมาดีใจที่เจ้าของให้รางวัล
จนกระดิกหางไปมา ยิ้มปากกว้างงงงงง เชียวเชี่ยนี่
“คร๊าบบบบบบ ที่รัก เป้ก็รักนะครับ รักปิงปองคนเดียว” มันว่า
พลางฉกจูบมาที่แก้มผมเบา หึหึ
___________________________________________