แต่ทันทีที่สิ้นเสียงไอ้เดย์ สองสาวหรือสามสาวไม่อาจบอกเนื่องจากเสียงหวีดกรี๊ดรับกันมานั้นดังจนแยกประสาทไปนับไม่ถูก แค่เห็นแว็บๆว่ามะลิที่ยืนอยู่แถวไอ้โอ้ปิดปอดกรี๊ดขึ้นมาลั่นป่าตาขวาผมก็ขยิบจนไม่มีเวลาไปมองไปอย่างอื่น ได้เห็นแค่แว็บเดียวว่าสมาชิกที่กระจุกกันไชโยโห่ร้องแตกฮือไปคนละทิศละทาง ไอ้มิคก็กระชากมือผมให้ออกวิ่งชนิดแทบจะปลิวตามแรงดึง
ยังไม่ทันเห็นว่าเที่ยวนี้ตัวอะไรก็ต้องยื่นมือไปดึงนกเล็กที่ดันยืนนิ่งหลับหูหลับตากรี๊ดสุดหลอดเสียงให้หันหลังวิ่งหัวซุกหันซุนตามกันมา กลายเป็นขบวนเราสามคนที่ไม่รู้ว่าโกยตามแรงใครและหนีอะไร จนไอ้มิคที่วิ่งนำหน้าเบรคดังเอี๊ยดแล้วหันมาคว้าคอผมโยนขึ้นต้นไม้ให้ได้งัดวิชามือตะขาบตีนตุ๊กแกช่วยตัวเองตะกายไปให้ถึงกิ่งก้านสาขา
ยังไม่ทันได้กางขาคร่อมให้มั่นเหมาะนกเล็กก็ลอยละลิ่วมาจากแรงเหวี่ยงชนิดว่าเจ้าตัวคงไม่มีแม้แต่เวลาเตรียมใจ สองตาเลยเหลือกแทบถลนพร้อมเสียงโซปราโน่แหลมสูงยิ่งกว่าครั้งไหนๆ ผมที่ตาเหลือกเพราะเห็นคนเหาะอยู่ตรงหน้าต้องสละสติยืดตัวไปคว้านกเล็กจากกลางอากาศมาเกี่ยวไว้ข้างตัวด้วยอดินารีนล้วนๆ ส่วนเจ้าของพละกำลังที่จับคนอื่นโยนเป็นว่าเล่นปีนพรวดๆตามขึ้นมาสมทบไวปานวอก
ผมนั่งยองๆหนีบนกเล็กชิดติดสีข้างอยู่บนต้นไม้ใหญ่ รัวหอบหายใจจนน่ากลัวหัวใจจะกระฉอกออกจากปากพลางกวาดตามองเพื่อนร่วมขบวนที่แปลงร่างเป็นลิงค่างบ่างชะนี กระโดดตัวลอยเหมือนมีกำลังภายในขึ้นมานั่งนับลมหายใจบนกิ่งไม้ต้นละสองสามคน คนสุดท้ายที่เล่นเอาเพื่อนลุ้นกันจนตัวโก่ง จนต้องส่งเสียงเรียกยิ่งกว่าเชียร์มวยคือไอ้จั๋วที่ดันเอาแต่ห้อทางตรงหนีหมูป่าเขวี้ยงโง้วที่ตะกุยดินวิ่งกวดอยู่ห่างไปไม่กี่เมตร
ไอ้มิคที่นั่งอยู่กิ่งถัดลดไปจากผมไม่รู้ไปคว้าก้อนหินมาจากไหน พี่เกร็งกล้ามแล้วเหวี่ยงหินเหมือนเคยเล่นแชร์บอลอาชีพ หินก้อนเท่ากำมือลอยละลิ่วเข้าสีข้างหมูป่าดังปั่ก หมูเจอหินเข้าไปเลยหายใจฟืดฟาดสมาธิแกว่ง ไอ้อ่อนที่ปกติวิ่งแย่งบอลไม่เคยทันใครงานนี้นั่งอยู่บนต้นประดู่กิ่งบนสุดขว้างกล้วยที่ท่าจะล้วงมาจากเป้ใส่หมูป่าเป็นการล่ออีกเป้า ไอ้จั๋วถึงได้มีเวลาและสติมาเงยหน้าเงยตามองว่าเพื่อนพ้องเอาตัวรอดกันยังไง แล้วกระโจนใส่ต้นไม้ที่ไอ้โอ้ไอ้เดย์จับจอง
ไอ้โอ้เลื้อยลงมาช่วยดึงไอ้จั๋วขึ้นไปได้แบบเฉียดฉิว ก่อนเพื่อนจะตกเป็นกระสอบมีชีวิตให้หมูป่าขวิดไส้ทะลัก แต่หมูป่าอ้วนพีตัวเท่าควายแถวเขี้ยวยังโง้งซะยังกับมีงวงเหมือนเกิดอาการคลั่ง ทุ่มจมูกบี้ๆกระแทกลำต้นที่ไอ้จั๋วพึ่งตะกายขึ้นไปนั่งได้อย่างหมิ่นเหม่ เสียงโครมดังขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่าจนเลือดสีแดงดำกระฉูดติดลำต้น แต่หมูป่าแอบคลั่งยังเอาแต่ทุ่มตัวเข้าใส่จนต้นไม้ขนาดกลางเริ่มโอนเอน
“สาด!! หมูห่าอะไรวะอึดขนาดนี้ นี่มันจะกินคนให้ได้เลยใช่ม๊ายยย!!” ไอ้จั๋วที่ตัวไหวไปตามลำต้นสติแตกตะโกนด่าหมูตอบรับสถานการณ์
“ตอนวิ่งหนีมึงไปทำอะไรให้มันวะ มันถึงอาฆาตขนาดนี้! ดูดิ จมูก แม่ง แหกยับเยินแล้วทำไมเหมือนมันไม่เจ็บเลยอ่าาา” ไอ้โยมที่หัวสั่นหัวคลอนอยู่บนต้นเดียวกันตะโกนถามด้วยสีหน้าสยดสอง
“โอ้ย ต้นไม้ล้มเมื่อไหร่ ไส้แตกแน่กู!! ไอ้มิค ไอ้กิม ช่วยข่อยด้วยเน้นน” ไอ้จั๋วที่เหลือบมาเห็นผมกับไอ้มิคบนต้นมะขามแหกปากหาความช่วยเหลือ
“มึงก็ข้ามไปต้นอื่นกันซิวะ” ผมที่ใจตุ้มๆต่อมๆมองเพื่อนสลับกับหมูตะโกนเสนอทางเลือก “ปีนขึ้นไปให้ถึงยอดแล้วกระโดดไปต้นข้างๆ!”
ทางเลือกผมทำให้สามชีวิตบนต้นไม้นู้นกับสองชีวิตบนต้นไม้นี้แหงนหน้ามองยอดต้นไม้พร้อมกันเหมือนนัดเวลา
“สาดดด กิม พวกกูเพื่อนมึงนะโว้ยไม่ใช่ก๊วยเจ๊งก๋วยจั๊บในการ์ตูนที่มึงอ่าน จะได้เตะขาถีบลมถีบแล้งขึ้นไปถึ… เหี้ยยยยยยย!!!”
เสียงไอ้โอ้ไอ้จั๋วดังข้ามต้นไม้เข้ามาในใจผมในจัวหวะเดียวกับที่สีหน้าหวาดผวาของเพื่อนวูบจากกรอบสายตาไปพร้อมต้นไม้ที่หักโค่น นาทีที่ลำต้นหนาหนักเอียงกระเท่เร่แล้วล้มวูบผมถลาลงจากต้นไม้ไปพร้อมไอ้มิคด้วยสัญชาติญาณมากกว่าจะรู้ตัว
ถลาลงจากความสูงเกือบสี่เมตรได้ผมก็ตะกุยดินเต็มสองตีนพุ่งไปทางไอ้โยมที่อยู่ใกล้หมูป่าที่สุด แต่วิ่งได้ไม่ยังถึงสามก้าวเต็มก็รู้สึกถึงแรงกระชากจากข้างหลังจนแทบล้มก้นจ้ำเบ้า
“กลับขึ้นไป!”
ไอ้มิคตวาดเสียงเข้มแล้วเหวี่ยงผมใส่ต้นไม้ที่จากมากก่อนออกวิ่งไม่เหลียวหลัง
ผมที่โดนเหวี่ยงกลับมาที่เดิมได้ยินได้เห็นสีหน้าอีกฝ่ายทุกโสตประสาทแต่จนใจจะทำตามได้ พอตั้งตัวติดผมก็ห้อตามแผ่นหลังอีกฝ่ายก่อนฉีกไปอีกทาง ไอ้มิคที่ท่าจะวิ่งเข้าใส่หมูเพื่อดึงความสนใจสบถถึงพริกถึงขิงทั้งไทยทั้งเทศทันทีที่เหลือบมาเห็นว่าผมวิ่งพรวดพราดเข้าไปร่วมวง
แม้จะได้ยินเสียงเรียกเสียงสั่งให้กลับขึ้นต้นไม้จากอีกคนที่เหมือนจะกลับลำพุ่งเข้าใส่ผมแทนหมู แต่สมองกับสองขาของผมตอนนี้ไม่สั่งการอื่นนอกจากคว้าไอ้โยมที่โดนต้นไม้ทับให้ลุกแล้วถูลู่ถูกังลากเพื่อนออกมา สองตาผมเหล่แยกข้างจ้องไอ้โยมจ้องหมูป่าในขณะที่สองหูเริ่มได้ยินเสียง ฮี้ย! ฮี้ย! เฮ่ย! เฮ้ย! ดังมาจากรอบด้าน
กว่าจะเหล่ตาไปหาที่มาของเสียงได้ก็ตอนที่ดันก้นไอ้โยมให้ปีนขึ้นต้นไม้ ถึงได้เห็นว่าพวกไอ้อ่อนไอ้เดย์พร้อมใจกันสละขอนไม้ลงมายืนส่งเสียงไล่ควายปั่นหัวหมูให้ไม่รู้จะพุ่งไปทางไหน ส่วนไอ้มิคของผมหิ้วปีกไอ้จั๋วไอ้โอ้กึ่งวิ่งกึ่งลากไปหาต้นไม้ใหม่
นาทีแห่งความระทึกขวัญเหมือนจะผ่านไปได้ด้วยดี แค่แยกกันเผ่นขึ้นต้นไม้ไปนั่งล้อหมูได้คงหมดเรื่อง แต่ระหว่างที่เกือบจะได้สบายใจ หมูป่าเลือดสาดกลับตัดสินใจดับเครื่องไม่สนเสียงไล่ควายกวนประสาทที่ดังมาจากหลายทิศทาง
หมูป่าเขี้ยวโง้งกดหัวลงต่ำแล้วตะกุยขาหลังจนฝุ่นฟุ้ง ผมที่รอดปลอดภัยอยู่บนต้นไม้ถึงกับร้องไม่ออกตอนเห็นภาพหมูวิ่งห้อเข้าใส่เป้าหมาย ทุกอย่างเกิดขึ้นในเสี้ยววินาทีจนเหมือนเวลาหยุดนิ่งแล้วค่อยกลายเป็นภาพสโลโมชั่น ภาพผมแหกปากเรียกชื่อคนที่ยังดันก้นไอ้จั๋วให้หนี พร้อมกับตัวผมที่ไถลลื่นตกจากต้นไม้แล้วตะกุยทั้งมือทั้งขาเข้าใส่สัตว์สี่เท้าอย่างไม่คิดชีวิต ภาพใบหน้าไอ้มิคที่เอี้ยวมามองเหตุการณ์ หน้าเครียดขึงเปลี่ยนเป็นซีดขาวในจังหวะที่ผมคว้าหางหมูไว้เต็มกำมือ
ไอ้มิคที่อยู่ห่างจากการโจมตีของหมูป่าไม่ถึงสองเมตรเบิกตากว้าง สายตาแห่งความพรั่นพรึงจ้องตรงมาที่ผมแทนที่จะเป็นสัตว์สี่เท้าร่างใหญ่ แล้วคนที่ผมอุตส่าห์วิ่งมาช่วยก็ทุบความช่วยเหลือแตกกระจายด้วยการกระโจนเข้าใส่ไอ้ตัวที่ผมพยายามดึงหางชักเย่อ เสียงห้าวตวาดกร้าวให้ผมปล่อยมือด้วยหน้าซีดขาวไม่มีสีเลือด
ผมยื่นอีกมือไปกระชากหางที่จับอยู่ด้วยแรงที่กะให้มันขาดติดมือ ไอ้หมูบ้าเลือดตัวนี้จะได้เปลี่ยนเป้าหมายจากการฟัดคนที่ยังเอาแต่ตะโกนตะคอกผมให้หันหลังหนี แต่ดูท่าหางจะไม่ใช่จุดอ่อนเพราะมันยังคงสะบัดหัวหาทางขวิดไอ้มิคจนผมต้องยกเท้าเตะอัดสีข้างหมูอย่างที่เรียกได้ว่างานนี้สู้แค่ตาย และในจังหวะที่ผมตัดสินใจจะกระโจนขึ้นขี่หลังดำเป็นมันให้รู้แล้วรู้รอด เสียงปืนสองนัดก็ดังผ่าอากาศเข้ามาในระยะที่เล่นเอาสะเทือนเข้ามาถึงหัวใจ
เสียงปืนยังไม่ทันจะหายไปจากหู ของเหลวอุ่นร้อนก็สาดกระเด็นเข้ามาเต็มตัว หมู่ป่าบ้าเลือดที่ผมกำลังจะกระโดดคร่อมหยุดชะงักแล้วกระตุกไปทั้งตัวก่อนล้มตึงลงกับพื้น ผมที่ยังกำหางหมูอยู่ในมือถูกแรงทิ้งตัวของสัตว์สี่เท้าดึงให้ล้มกระแทกเข่าตามไปติดๆ แล้วก็ได้ทะลึ่งพรวดขึ้นยืนด้วยแรงกระชากแบบไม่ปราณีปราศรัยจากคนที่กระโจนมาถึงตัว
ไอ้มิคตะปบมือมาทั่วตัวผมถึงขั้นกระชากเสื้อยืดเปื้อนเลือดจนฉีกขาด ตาสีอ่อนจางที่กวาดไล่สำรวจอาการกันเครียดเขม็งจนไม่มีใครกล้าแม้แต่จะเอ่ยปากถาม ไอ้อ่อนไอ้จั๋วที่ไม่รู้ว่าโผล่มาอยู่แถวนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ได้แต่ยืนมองอยู่ไกลๆ แล้วค่อยๆล่าถอยไปรวมกลุ่มกับลุงเกลี้ยงและชาวบ้านที่โผล่มาช่วย ปล่อยให้ไอ้มิคสบถเสียงกร้าวคำแล้วคำเล่าใส่หน้าผมแบบหมดทางสู้
“ทำอะไร! รู้ตัวรึเปล่าว่าทำบ้าอะไรลงไป!!”
เสียงขุ่นเข้มตวาดถามผมเป็นรอบที่สามด้วยแรงอารมณ์ที่ไม่มีที่ท่าจะลดละ ไอ้มิคอารมณ์ขึ้นถึงกับปัดมือผมที่ยื่นไปคว้าไหล่
“บอกให้หนีทำไมไม่เชื่อ! ถ้าไม่มีปืน ถ้าช้ากว่านี้อีกนิดเดียว… ระยำเอ้ย!!”
“…………”
“…………”
“… กูขอโทษ” ผมปล่อยให้อีกฝ่ายระบายออกมาเต็มที่ก่อนตัดสินใจยื่นมือไปอีกครั้ง
ไหล่แข็งแรงเกร็งขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเมื่อมือผมยื่นไปหา แต่ไอ้มิคที่ยังสบถภาษาต่างดาวติดพันก็ไม่ได้เบี่ยงหลบหรือยกมือขึ้นปัดสัมผัสเหมือนครั้งแรก และก่อนจะได้มองหน้าอีกฝ่ายให้ชัดๆ มือหนาเปื้อนเลือดก็คว้าเข้ามาเต็มตัว กระชากให้เข้าไปหา
เสียงขุ่นเข้มยังเน้นย้ำว่ากล่าวจนผมเกือบจะถอดใจพร้อมความอดทน ปล่อยหมาในปากออกไปต่อว่าอีกฝ่ายว่าถ้าให้เปลี่ยนกันมันก็ต้องทำไม่ผิดกับผม เรื่องจะให้หันหลังหนีหรือนั่งลุ้นอยู่บนต้นไม้ ให้อยู่รอดปลอดภัยคอยมองคนสำคัญตกอยู่ในอันตราย ให้ตายก็ทำไม่ได้ แต่แล้วเสียงหัวใจอีกดวงที่เต้นกระหน่ำกระแทกกระทั้นอยู่ชิดติดอก ความรัวเร็วของก้อนเนื้ออีกก้อนบอกให้รู้ว่าเสียงขุ่นเข้มกับทุกคำต่อว่าไม่ได้มาจากความโกรธเหมือนสีหน้าที่แสดงออกหากแต่เป็นความกลัว
ความกลัวที่ทำให้หน้าเครียดเขม็งเปลี่ยนเป็นซีดขาวในจังหวะที่หันมาเจอว่าผมโผล่ไปยืนอยู่ร่วมวงคนกับหมู หน้าซีดไม่มีสีเลือดกับเสียงแข็งกร้าวตะโกนย้ำหนักให้ผมเปิดตูดหนีในขณะที่ตัวเองยอมกระโจนเข้าใส่อันตรายเพื่อหาโอกาสให้ผมรอด ในโลกนี้นอกจากพ่อแม่ที่เคารพรักแล้ว คนที่เห็นความสำคัญของผมถึงขั้นยอมเอาตัวเข้าแลกให้หมูขวิดหวุดหวิดไส้แตกก็คงมีแค่อีกคนที่ยืนอยู่ตรงหน้านี้เท่านั้น
“กูขอโทษที่ทำอะไรโง่ๆ…” ผมว่าไปได้แค่นั้นพลางตบหลังไหล่ไอ้มิคเป็นการย้ำก่อนเหลือบไปเห็นลุงเกลี้ยงย่ำรองเท้าแตะเข้ามาหา
“เป็นยังไงกันบ้างคู้ณ ได้เลือดได้แผลตรงไหนกันหรือเปล่า” ลุงเกลี้ยงสะพายปืนยาวสองลำกล้องอยู่บนบ่า เดินเข้ามาสำรวจอาการผมกับไอ้มิคแบบชิดติดตา
“ไม่เป็นไรครับลุง ขอบคุณมากที่ตามจนเจอพวกเรา” ผมรวบคำตอบมาตอบเองแล้วตบหลังไอ้มิคที่ยังเกาะหนึบอยู่ติดตัวให้หันไปดูสถานการณ์
“โอ้ย ยังไงก็ต้องหาจนเจอนั่นแหละ ว่าแต่ไม่เป็นไรจริงๆเร้อ”
ลุงเกลี้ยงถามพลางไล่สายตาสำรวจเสื้อเปื้อนเลือดที่ตอนนี้ฉีกขาดจนห้อยร่องแร่งอยู่บนตัวผม แล้วเหล่ไปมองไอ้มิคที่ก็ดูยับเยินไม่แพ้กัน
“ไม่เป็นไรลุง” ไอ้มิคที่ขยับไปยืนทำอารมณ์ได้ไม่ถึงนาทีตอบพลางจ้องหน้าลุงเกลี้ยงเขม็ง สีหน้าและสายตาผิดกับคำพูดชนิดเล่นเอาคนฟังสะดุ้ง
“พ้มต้องขอโทษด้วยนา ที่พาพวกคุณมาเจออะไรอย่างนี้” ลุงเกลี้ยงกระตุกปากออกตัวหลังหลุดสะดุ้ง
“ไม่เป็นอะไรกันก็ดีแล้ว พวกเพื่อนๆคุ้ณก็โชคดีไม่มีเลือดตกยางออก อ่า ยังไงเรากลับหมู่บ้านกันก่อนดีกว่านะ เดี๋ยวจะมืดค่ำซะก่อน”
ลุงเกลี้ยงพูดรวดเดียวจบแล้วสาวเท้าไปแบบไม่รอฟังเสียงใคร คาดว่าเพราะโดนสายตาพิฆาตไอ้มิคฟาดฟันจนขวัญบิน
ไอ้มิคละสายตาจากหลังลุงเกลี้ยงที่เดินเข้าไปเรียกกำลังใจเอากับกลุ่มนักศึกษาที่ป้องปากโห่ร้องกันเหมือนลุงเป็นฮีโร่ สายตาคมๆยังติดจะขุ่นหันมาทางผมก่อนถอนใจเฮือกใหญ่ให้เห็นๆ สีหน้าท่าทางบอกได้ว่ายังโกรธกรุ่นไม่ยอมคลาย ซ้ำยังใช้ความเงียบเข้าข่มโดยไม่ยอมปริปากสบถสองภาษาหรือถามพลางด่าเหมือนไม่กี่นาทีก่อน ไอ้มิคจ้องมานิ่งๆจนผมต้องเป็นฝ่ายยื่นมือไปกวนความเงียบ คว้ามืออีกฝ่ายมาบีบเรียกคะแนนความเห็นใจก่อนเอนเข้าไปกระซิบแผ่วๆ
“กูขอโทษจริงๆ อย่าโกรธเลยน่า นะ… เอาไว้ครั้งหน้าถ้ายังมีโอกาส รับรองไอ้กิมจะวิ่งไม่เหลียวหลัง ตอนนี้กลับกันเหอะ จะได้ออกจากป่านี้ซักที ไปครับ”
หยอดท้ายไปด้วยคำสุภาพ ท้ายเสียงกระแดะจนปากแทบเบี้ยว แล้วฉุดมือดึงคนที่ยังเอาแต่จ้องกันนิ่งให้เดินตามมาเข้าฝูงเพื่อนที่ตอนนี้มุงกันอยู่หน้าศพหมูไร้วิญญาณ ไอ้มิคยอมให้ผมจูงมือเดินมารวมกลุ่มโดยไม่ได้ว่ากล่าวตักเตือนหรือแสดงอิทธิฤทธิ์ว้ากให้ไทยมุงกระเจิง
แล้วขบวนทัวร์ป่าสามัคคีที่มีผู้นำทัวร์เพิ่มจำนวนจากหนึ่งลุงเกลี้ยงเป็นชาวบ้านหลายสิบครัวเรือนก็ได้ฤกษ์หามหมูป่าตัวเท่าควายที่จะกลายเป็นอาหารเหลามื้อดึกขึ้นบ่า แล้วตบเท้าออกจากป่าดอนดอกประดู่กันมาด้วยเสียงหัวเราะเฮฮา แต่ละคนยิ้มแย้มผ่อนคลายจนดูเหมือนสามวันสองคืนแห่งความระทึกขวัญกลายเป็นเพียงความฝันแค่หนึ่งตื่น
แต่สำหรับผมที่ย่ำเท้านำอีกคนที่ก้าวขึ้นมาเคียงไหล่ สามวันสองคืนที่มีพลัดหลงและพบเจอ ช่วงเวลาที่เดินย่ำวนไปเวียนมาอยู่ในป่าแห่งนี้เป็นเวลาที่ผมได้ค้นพบแล้วว่าอะไรคือสิ่งสำคัญที่สุดของใจ
โปรดติดตามตอนต่อไป
=========================================================================
ระทึกกกกกกกกกกกกกกกกก..อ่ะ
แต่ บีแอบแย่งซีนกิมนะเนี่ย...ไอ้เราก็นึกว่าอะไร แมลงปอซะงั้น
ตอนหน้าจบแล้วน๊า เมนต์กันเยอะๆนะจ๊ะ
ปล. ตอนหน้ากรุณาเตรียมทิชชูกันให้พร้อมนะค่ะ
อิอิ
รออะไรกันอยู่ ...สิ่งนั้นกำลังจะมาค่ะ