รักจัง Byคุณ Meae แจ้งข่าวค่ะ [15/02/2012]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: รักจัง Byคุณ Meae แจ้งข่าวค่ะ [15/02/2012]  (อ่าน 561386 ครั้ง)

ออฟไลน์ sakiko

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +137/-25
พระเอก ขี่ ม้าขาว มาช่วยกิม ด่วน 55

ออฟไลน์ i1_to*pp

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1476
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +683/-5

กิมหลงป่าซะแล้ว มิคอยู่ไหนมาช่วยด่วน

ออฟไลน์ nevergoodbye

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1240
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-2
อำป่ะคะเนี่ย - -
ช่วยด้วยค่าทุกคนน~ พี่กิมหลงป่าา
พระเอกช่วยด้วย ><!~

Jesale

  • บุคคลทั่วไป
มิคอยู่ไหน มาหากิมด่วน ปลอบใจด้วยนา

koraorni

  • บุคคลทั่วไป
รางวัลตอบแทนแบบนี้ไม่ไหวเหมือนกันนะลุงผู้ใหญ่
หัวใจจะวายเอาได้ เจอหมดทุกอย่างที่บอกเลย
แย่แล้วน้องกิมหลงกะพี่มิคซะแล้ว รีบตามหาด่วน

ออฟไลน์ arjinn

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1369
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +180/-1

วู้ววววววว ไอ้มิคมึงอยู่ไหน…  :z13:

 

ออฟไลน์ milky way

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 495
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-1
หลงป่า คงจะดีกว่านี้ถ้ามิคคนดีติดมากับกลุ่มนี้ด้วย
แล้วจะทำยังไรดีล่ะทีนี้

ออฟไลน์ a_tapha

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4981
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +397/-1
 :pig4:

van

  • บุคคลทั่วไป
สนุกสุด o13 ฮาสนั่นป่ากันเลยทีเดียวเชียวค่ะ  ไรท์เตอร์
มิคเอ๊ย....มาตามหากิมด่วนเล๊ยยยยยยยยย
+1 คนโพสและขอบคุณไรท์เตอร์มากค่ะ   :L2:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-09-2010 18:29:28 โดย van »

ออฟไลน์ golove2

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +277/-6
มิคอยู่หนายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย


มาช่วยสุดที่รักเร็ว ๆ นะ    :sad4:    :sad4:   :sad4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที13-Adventure.....(7/09/10)
« ตอบ #279 เมื่อ: 08-09-2010 19:43:03 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ BeeRY

  • ❤。◕‿◕。ยิ้มเข้าไว้นะ。◕‿◕。❤
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 9404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +897/-8
ค่ายนี้มันอะไรกันคะน้องกิม เดี๋ยวผีหลอก เดี๋ยวหลงป่า แล้วจะมีไรอีกหว่า :m20:

ออฟไลน์ nevergoodbye

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1240
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-2
วันนี้มาต่อมั้ยคะ
มาปูเสื่อรอ  :z2:

ออฟไลน์ DraCo_SLa13

  • I swear that, will love Super Junior forever..........
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2123
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +314/-3


รักจัง.........ตอนที่14


“พักแถวนี้กันก่อนดีกว่า กูว่ายิ่งเดินแม่งยิ่งหลงทิศ”

ไอ้จั๋วทิ้งก้นนั่งข้างโคนต้นไม้ขนาดสามคนโอบ สองสาวมะลิกับนกเล็กปลดเป้ทิ้งไม่ไยดีแล้วนั่งแปะลงกับพื้นแบบหมดสภาพ

“กี่โมงแล้ววะ” ผมถามไอ้เดย์พลางล้วงเป้หาน้ำ รู้สึกเหมือนมีผงแป้งอยู่ในคอ

“ห้าโมงจะครึ่ง นี่เราเดินกันมาเกือบสามชั่วโมงแล้วว่ะ” ไอ้เดย์ตอบสีหน้าเป็นกังวล

“เอายังไงดีวะ อีกไม่นานพระอาทิตย์ก็จะตกแล้ว”

“กูว่าเดินหาอีกหน่อย ถ้ายังไม่เจอทางออกคงต้องหาที่พักก่อนจะมืดจนมองไม่เห็น” ผมเสนอพลางยื่นขวดน้ำให้ไอ้จั๋ว

“เราต้องนอนป่ากันจริงๆหรือนี่” นกเล็กถามเสียงแหบแห้ง สีหน้าแสนจะกล้ำกลืนฝืนทน “ไอ้ลิ แกเอามือถือมาเช็คคลื่นอีกทีดิ”

“แกไม่เห็นหรือไงว่าฉันเช็คมาตลอดทาง คอยดูนะ ออกไปได้ฉันจะเปลี่ยนเบอร์เปลี่ยนค่าย จะไม่ใช้มันแล้วค่ายนี้ เข้าลิฟท์คลื่นตัด เข้าป่าคลื่นหาย!” มะลิบ่นกระปอดกระแปดตอบรับสถานการณ์

แล้วขบวนทัวร์ป่าที่เหลือมาห้าจากสิบเก้าของพวกผมก็ออกเดินอีกครั้งอย่างไม่รู้จะทำอะไรให้ดีไปกว่านั้น เดินย่ำป่าเขียวขจีแบบมองไม่เห็นความเขียวของป่า สิ่งที่เห็นอยู่ตำตาแล้วไปโผล่ในสมองตอนนี้คือต้นไม้หนาทึบที่มองไปทางไหนก็เหมือนๆกันไปหมดกับทางเดินที่มองแล้วคุ้นและไม่คุ้นควบไปในเวลาเดียวกัน นานๆครั้งจะได้ยินเสียงอุทานจากคนนั้นคนนี้ว่าตรงนี้กูจำได้ ใช่แน่ๆ แล้วรีบจ้ำกันพรวดๆเพื่อที่จะกลายเป็นว่าหลงทิศกันไปถึงไหนๆ

ผมเพ่งตามองสภาพรอบตัวพลางเค้นสมองคิดว่าเคยเดินมาทางไหน เคยเห็นอะไรผ่านทางมาบ้าง แต่สิ่งที่ผุดขึ้นในหัวกลับมีแค่แผ่นหลังงอๆของลุงเกลี้ยงผู้นำขบวนกับหน้าหล่อเหลาของใครอีกคน

ป่านนี้ไอ้มิคจะออกจากป่าไปแล้ว หรือยังเดินย่ำหาทางออกอยู่ส่วนไหนผมไม่มีทางรู้ รู้แต่ว่าคนที่โผล่ขึ้นมาในความคิดทุกสองนาทีจะต้องรอดปลอดภัย ไอ้มิคแรงดีไม่มีตกหนำซ้ำช่วงขายังยาวเป็นอันดับหนึ่ง ยังไงก็ต้องวิ่งหนีเสือได้เร็วกว่าพวกผมหลายเท่า เพราะงั้นมันต้องรอดปลอดภัยแน่ๆ

ผมยกน้ำขึ้นจิบอึกเล็กๆพอแค่ให้ดับกระหาย แล้วก็พึ่งนึกได้ว่าสะพายเป้ติดอยู่กับตัว อย่างนี้ก็หมายความว่าถ้าไอ้มิคไม่ได้เกาะติดไปกับลุงเกลี้ยงออกจากป่าไปได้ มันก็ต้องไม่มีน้ำไม่มีของกินระหว่างเดินหลงอยู่ในนี้ เพราะของทุกอย่างอยู่กับผม ผมที่ทำตัวงี่เง่าแย่งเป้มาจากอีกฝ่ายแบบไม่เห็นแก่น้ำใจที่ได้รับ นึกมาได้ถึงตรงนี้แล้วอยากตีอกชกหัวตัวเองให้หน้าหัน ทำไมหนอ ทำไมผมถึงได้ทำตัวไม่น่ารักน่าหยิก ทำตัวน่าเกลียดน่าชังไม่สมกับหัวใจดีๆของอีกฝ่ายแม้แต่น้อย

ผมเหลือบมองท้องฟ้าที่เริ่มจะหม่นอย่างหมายมั่นปั้นมือ ถ้าครั้งนี้รอดไปได้ ต่อไปไอ้กิมจะไม่มีปากมีเสียง จะยอมทำตัวพิกลพิการตอบรับความเป็นสุภาพบุรุษเต็มพิกัดของไอ้มิคอย่างยินยอมพร้อมใจ จะไม่มาคิดเล็กคิดน้อยคิดถึงความเท่าเทียมในความแมน จนคนที่อุตส่าห์เพิ่มขีดความอดทนจากไม่เคยทนใครต้องมารู้สึกไม่ดีเหมือนในวันนี้ สัญญาไว้เลยกับเจ้าป่าเจ้าเขา เพราะงั้นได้โปรดช่วยให้ผมรอดปลอดภัยออกไปเห็นหน้าใครบางคนด้วยเถอะ เพี้ยง!


“กูว่าเราคงต้องหาที่พักกันแล้ววะ” เสียงไอ้เดย์ที่ดังขึ้นข้างตัวเล่นเอาสะดุ้ง ผมกวาดตามองไปรอบๆที่เริ่มมืดอย่างไม่ทันสังเกต

“เกือบทุ่มแล้ว ถึงเดินต่อไปก็คงวนมันอยู่เหมือนเดิม เดี๋ยวจะมืดซะเปล่าๆ” ไอ้เดย์ว่า

หลังจากลงความเห็นได้ห้าเสียงถ้วน ทุกคนเริ่มมองหาที่ๆพอจะยึดไว้เป็นที่พักชั่วค่ำคืน ไอ้จั๋วที่ยืนสำรวจสถานที่แนะนำให้พักแถวต้นไม้ใหญ่กิ่งก้านเยอะ มันว่าเผื่อจะทดลองปีนขึ้นไปนอนบนต้นไม้กันเสือกันหมูป่า แต่หลังจากยืนมองวี่แววการป่ายปีนของเพื่อนแล้วต้องส่ายหน้า ถึงแม้ในทางทฤษฏีว่าด้วยการนอนบนที่สูงหนีสัตว์จะฟังดูปลอดภัยดี แต่ในทางปฏิบัติแล้วเกรงว่าจะคอหักตายก่อนได้ขึ้นไปถึงความสูงที่เหมาะสม

สุดท้ายทำเลที่ถูกเลือกคือที่ราบแอ่งย่อมๆใต้ลม ที่รู้ว่าใต้ลมเพราะพอฟ้ามืดลมก็พัดมาหวีดหวิวจนใจสั่น ไอ้จั๋วที่พึ่งตัดใจจากการชักชวนเพื่อนให้ปีนขึ้นต้นไม้รีบงัดความรู้จากการดูสารคดีนู้นนี้เกี่ยวกับเรื่องเหนือลมส่งกลิ่นใต้ลมแฝงตัวมาเป็นตัวกำหนดทิศการตั้งแคมป์ พอได้ที่ทางที่คาดว่าปลอดภัยพอตัวก็จัดแจงแยกย้ายกันไปหาเศษไม้เศษหญ้าเอามาก่อกองไฟ

“กูเคยดู ไม่อยากหรอก” ไอ้จั๋วว่าระหว่างฉีกหนังสือเพลงที่ติดมากับเป้มะลิอย่างปราฏิหารย์แล้วยัดเข้าไปใต้กองเศษไม้ที่สุมๆกันไว้กองใหญ่ จากนั้นจ่อไฟแช็กให้ไฟติดกระดาษแล้วก้มหน้าเป่าลมอย่างแข็งขัน

ห่างจากกองไม้ที่ยังไม่ยอมติดไฟ มะลิกับนกเล็กเริ่มเทกระเป๋าสำรวจข้าวของ ไอ้เดย์นั่งอยู่ข้างไอ้จั๋วเริ่มก้มหน้าห่อปากช่วยเพื่อนเป่าลมอย่างตั้งใจ ส่วนผมยังพยายามหันซ้ายขวาหน้าหลังมองหาเงามนุษย์ที่มองหามาทั้งวัน แต่จนใจที่ตอนนี้รอบด้านเปลี่ยนจากสีเขียวเป็นสีมืด มืดเกือบสนิทชนิดสามารถทำให้เกิดภาพหลอน

“เฮ้ย มึงจะมาเป่าสู้กูทำไมวะไอ้เดย์ นี่ มันต้องมาเป่าทางนี้จะได้เป็นแรงเสริมแรง”

ไอ้จั๋วที่หน้าเริ่มแดงจากการขาดอากาศยังไม่ละความพยายาม ออกแรงเป่าพลางยัดกระดาษเพิ่มจนไฟเริ่มลามติดกิ่งไม้

ผมเทเป้ออกดูของที่พอจะเอามาใช้ประโยชน์ ข้าวเหนียวห่อครึ่ง หมูเค็มครึ่งห่อ ขนมปังไส้เผือกไส้ครีมจากเซเว่นเมื่อหกวันที่แล้ว ส้มสามลูก น้ำขวดครึ่ง ไฟฉายเล็กหนึ่งกระบอก กระดาษทิชชู่ยังไม่ได้ใช้หนึ่งพับ เอ็มพีสาม เศษตังค์นับได้ห้าสิบกว่าบาท ถุงขยะและเด็นทีนไซลินทอลรสสตอร์เบอร์รี่หนึ่งแผง

เสียงโห่ร้องจากไอ้จั๋วไอ้เดย์เรียกให้ผมกับสองสาวต้องตบมือเป่าปากตามไปอย่างยินดี ไฟกองเล็กๆที่เริ่มลามขยายขนาดเหมือนเป็นแสงแห่งความหวัง พาให้ทุกคนค่อยยิ้มออกหลังจากหน้านิ่วคิ้วขมวดกันมาครึ่งค่อนวัน แม้ว่าคืนนี้ต้องนอนกลางดินกินกลางป่าด้วยหัวใจไหวหวั่นแต่อย่างน้อยก็ยังกองไฟไว้ให้พออุ่นใจ

พวกเราขยับก้นเข้าหากองไฟพร้อมกันอย่างไม่ได้นัดหมาย หนึ่งเพราะอากาศที่เริ่มเย็นตัว สองเพราะจินตนาการที่เริ่มเตลิดไปกับความมืดรอบด้าน มาถึงตอนนี้แต่ละคนเริ่มเข้าภาวะตกอยู่ในภวังค์ความคิด ตาจ้องกองไฟปากเคี้ยวอาหารที่แบ่งกันกินโดยไม่มีใครเปิดปากพูดอะไร

จัดการเสบียงกันอย่างกระเหม็ดกระเหม่ ผ่านไปอีกพักใหญ่ก็ยังไม่มีใครเปิดปากหาว คาดว่าประสาทแต่ละคนคงจะตื่นตัวไปยันเช้า ผมเองแน่นอนว่าความคิดล่องลอยผ่านป่าเขาไปตกอยู่ที่ใครอีกคน คนที่เคยเดินอยู่ข้างๆ นั่งอยู่ติดกันไม่เคยห่าง คิดไปเรื่อย มารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่ไอ้จั๋วกระแซะสีข้างเข้ามานั่งเบียด

“เมื่อเช้าตอนฟังลุงผู้ใหญ่ว่าปาฐกถาก่อนเข้าป่า กูก็ว่ามันทะแม่งๆ” ไอ้จั๋วเปิดปากเป็นคนแรกหลังจากที่นั่งอมขี้ฟันกันมานาน

“ถ้ารู้ว่าประสบการณ์แปลกใหม่ของแกหมายถึงอย่างงี้ หัวเด็ดตีนขาดกูจะลากแกเข้ามาด้วยให้ได้”

“ใช่ๆ หนูก็ว่าอยู่ว่าลุงแกพูดได้น่าคิดเหลือเกิน นี่ป่านนี้ไม่รู้จะรู้รึยังว่าพวกเราติดอยู่ในนี้” นกเล็กรับลูกพลางตบยุงตามตัว

“ก็ได้แต่หวังว่าลุงเกลี้ยงจะออกไปตามคนเข้ามาช่วย” ไอ้เดย์ว่าพลางย้ายก้นมาติดไอ้จั๋ว

“โอ้ยพี่ พูดถึงลุงเกลี้ยงลิยังห่วงอยู่ว่าแกจะมีแรงวิ่งหนีเสือรึเปล่า ตอนเดินยังเห็นเอียงซ้ายเอียงขวามาตลอดทาง”

“โอ้ยน้อง ยังไม่ทันเห็นเสือพี่ก็ไม่เห็นเงาลุงแกแล้ว” ไอ้จั๋วว่าสีหน้ามีอารมณ์ “อย่าว่าแต่วิ่งไหวไม่ไหว นี่ลุงเล่นของล่องหนได้รึเปล่าพี่ยังไม่แน่ใจ ไม่งั้นมีหรือพี่จะไม่วิ่งตามผู้นำ”

“เออ กูก็เอาแต่วิ่งตามมึงเพราะท่าทางแม่งมั่นใจในเส้นทางเหลือเกิน” ไอ้เดย์บอก

“ใช่ๆ หนูเห็นพี่จั๋วหันหลังวิ่งก่อนใครเพื่อนก็นึกว่ามีลุงเกลี้ยงนำ เลยวิ่งตามพี่มานี่แหละ” นกเล็กว่าก่อนไอ้จั๋วจะได้ขยับปาก

“โอ้ยน้องนกเล็กกับไอ้สาดเดย์ คนเราเจอเสือยืนจ้องห่างไปไม่กี่เมตร มึงยังจะมีกระจิตกระใจไปคิดเรื่องทิศทางอีกเรอะ ดีแค่ไหนแล้วที่กูไม่ฉี่แตกมันอยู่ตรงนั้น” ไอ้จั๋วออกปากปกป้องตัวเองอย่างไม่ห่วงความต่างทางเพศ

“เอาน่า คิดซะว่าดีแล้วที่ลุงเกลี้ยงแกว่อง แกออกจากป่าไปได้คนพวกเราก็มีลุ้น พรุ่งนี้คงมีคนจากหมู่บ้านมาช่วย” ผมว่าแบบให้กำลังใจไปถ้วนทั่ว

“ไม่รู้ป่านนี้คนอื่นๆจะเป็นยังไง ยังดีนะเนี่ยที่มีเป้มึงกับของนกเล็ก ไม่งั้นต้องไปเก็บเห็ดเก็บหญ้…!”

ไอ้จั๋วหยุดคำพูดไว้กลางอากาศในจังหวะที่พวกผมสะดุ้งพร้อมกันอย่างพร้อมเพรียง สะดุ้งแล้วแข็งค้างไม่กล้าขยับ เรียกว่าถึงขั้นหยุดหายใจกันไปคนละวิกับเสียงหอนที่โหยหวนยิ่งกว่าสี่คืนที่ผ่านมาแบบขนละขั้น เรียกว่าไอ้ที่ทำให้มุดเข้าเต็นท์ไปนอนเบียดกันอยู่ทุกคืนกลายเป็นเสียงไก่กาไปเลยเมื่อเทียบกับการหอนที่ได้ยินกันอยู่ ณ นาทีนี้

อาการขนหัวลุกเป็นยังไงพวกผมห้าคนบอกได้คำเดียวว่าเป็นอย่างนี้ เป็นอาการระทึกจนได้ยินเสียงหัวใจตัวเองเต้นอยู่ในหูเหมือนฉากพีคในหนังสยองขวัญ และถึงจะนั่งติดกันเป็นแผงอยู่อย่างนี้แต่กลับไม่รู้สึกว่ามีเพื่อนพ้องช่วยแชร์ความเสี่ยงแม้แต่น้อย ความคิดที่กระเด้งกระดอนตามจังหวะหัวใจเต้นบอกได้ว่าถ้ามีอะไรโผล่มาก็ตัวใครตัวมันตามกำลังศรัทธา

เสียงหอนช่างยาวนานทรมานความรู้สึก แต่หลังจากเกร็งทุกโสตประสาทอยู่นานจนแน่ใจว่ายังไม่มีอะไรโผล่มาให้วงแตก สองสาวที่นั่งอยู่ห่างออกไปก็ตัดสินใจกระโดดมาเข้ากลุ่ม นกเล็กเหมือนลืมว่าตัวเป็นหญิงเผ่นผลุงทีเดียวแทบจะเกยขึ้นมาอยู่บนตักผม ส่วนไอ้จั๋วไอ้เดย์นี่แน่นอนว่าตอนนี้ติดกันเป็นแฝดสาม

“เว็ทอะมินิท! รอหน่อยๆ อยากรับมากจริงๆ! ขอเวลาหน่อย นิดหนึ่งๆ กำลังนึกคำอยู่ยยยยย!”

อยู่ๆไอ้จั๋วที่เบียดติดอยู่กับผมชนิดก้นเกยกันก็แหกปากออกมาแบบหมดลมหายใจจนแต่ละคนสะดุ้งเฮือก เกือบหัวใจวาย

“เว็ทอะมินิท! รอก่อนๆ อย่าพึ่งรีบวางหู! ฉันจะรีบบอกว่า ไอเลิฟยู เลิฟยู ที่เธอโทรมาาา!!”

“ไอ้ห่าจั๋ว!” ผมสะดุ้งถึงขั้นตีปีกเข้าสีข้างเพื่อน “เป็นอะไรของมึงเนี่ย อยู่ดีๆแหกปากร้องเพลงทำไมหา!?”

“กูร้องเพื่อชาตินะโว้ย! แหกปากออกไป ทำเสียงดังๆเข้าไว้ อะไรๆจะได้ไม่กล้าเข้ามา” ไอ้จั๋วเสือกทำเสียงกระซิบกระซาบระหว่างตอบคำถาม

“จะเอาแต่ใจ! จะเอาแต่ใจ! จะเอาให้เธอไป ใจกะตึก ใจกะตึก ใจกะตัก ใจกะตัก! ยะ ยะ ยะ ยะ อยากเจอ!!” สิ้นคำอธิบาย นกเล็กที่เกยอยู่บนตักผมก็แหกปากผสมโรงทันที

“พี่สาว ครับ! สวัสดี ครับ พี่ครับ! จำน้องชาย คนนี้ ได้ ก่อ จำได้ บ่ได้ ก็บอกมา ล้า ลาาาา!”

“เพียงเธอมาใกล้กัน! ใจมันสั่น สั่น สั่น และค่อนข้างเหงา เกิดอาการวิง วิง! เธอจะรักกันจริงรึเปล่า เวา เวา เวา เวา”

“เจอ กันเมื่อสอง สาม ปี ก่อน! ผม ยังละอ่อน และ ซน แก่น! ฮัก เป๋นพี่สาว บ่ได้เมาเอาเป๋นแฟน! พี่ก็ฮัก ผม เป็น น้องจายยย!”

เจอสองพลังเสียงเน้นความดังไม่เน้นทำนองของนกเล็กกับไอ้จั๋วเข้าไปเล่นเอาบอกไม่ถูกว่าเส้นประสาทจะหย่อนลงหรือขาดผึง แต่ดูจากสีหน้าอินจัดของคนร้องแล้วคิดว่าการแหกปากปลดปล่อยพลังเสียงน่าจะช่วยระบายความกลัวได้หลายส่วน ไอ้เดย์ที่เจอท่อนฮุคไอ้จั๋วซัดเข้าไปครั้งแล้วครั้งเล่าถึงกับงัดคาราบาวขึ้นสู้ ส่วนมะลิกระโดดเข้าเป็นดูโอ่โฟร์มดทันใด

ผมที่ยังมึนจากปฏิกิริยาเพื่อนกว่าจะตั้งสติตัดสินใจคว้ากีต้าร์อากาศมาเกาเป็นเสกโลโซร่วมคอนเสิรติ์ ก็พลันได้ยินเสียงอะไรบางอย่างที่แม้ว่าค่อนข้างแผ่วแต่ดันแว่วมาเข้าหู

“เฮ้ย เงียบก่อน!”

ผมโพล่งออกไปแล้วตระครุบปากไอ้จั๋วไอ้เดย์ไว้มั่น เกิดความเงียบขึ้นทันใด

“อะไรพี่!?” นกเล็กชะงักแล้วรีบกระซิบถาม

“ฟังสิ” ผมกระซิบตอบ “ได้ยินรึเปล่า?”

“… ได้ยินอะไรวะ?”

ไอ้เดย์ที่หน้าซีดเป็นกระดาษดับเบิ้ลเอกระซิบข้ามมาหลังจากเงียบกันไปเกือบนาที

“… นี่ไง เสียงนี่ไง!” ผมย้ำให้อีกสี่คนฟังตาม แต่กลับได้สายตาหวาดระแวงตอบกลับมา

“เสียงอะไรของมึงไอ้กิม กูไม่เห็นได้ยินอะไรเลย” ไอ้จั๋วตอบมาเบายิ่งกว่าเบาโดยมีไอ้เดย์พยักหน้ายืนยัน

“พี่กิมอย่ามาเล่นอย่างนี้นะ! แค่นี้ลิก็ฉี่จะราดอยู่แล้ว” มะลิมองผมเหมือนเห็นผี

ผมที่โดนเพื่อนๆมองมาด้วยสายตาหวาดกลัวเลยเกิดอาการกลัวตัวเองขึ้นมาเฉียบพลัน ทำไมมีแต่กูที่ได้ยิน หรือหูจะแว่ว แต่ถ้าแว่วทำไมมันยังได้ยินอยู่เล่า

“ไอ้กิม… มึง โอเคเปล่าวะ” ไอ้จั๋วกระซิบถามมาด้วยสีหน้าที่พร้อมตีจากทุกเมื่อ

“กูปกติดีโว้ย! นี่ไง! ลองฟังดีๆสิวะ”

“…………”

“…………”

“จริงด้วย!” นกเล็กที่นั่งอยู่ชิดติดผมอุทานออกมาหน้าตาตื่น “มีเสียงจริงๆด้วย! แต่ แต่ เสียงอย่างนี้…”

“เสียงมันทำไม เสียงสัตว์รึเปล่าวะ” ไอ้เดย์สบตาผมเขม็ง ผมส่ายหน้า

“ไม่ ไม่ใช่” นกเล็กตอบเบายิ่งกว่าเบา

“เสียง เหมือน… เสียงคนร้อง”

คำตอบเบายิ่งกว่าเบาของนกเล็กเล่นเอาทุกคนแข็งค้างแม้แต่ตายังไม่กล้ากระพริบ ไอ้จั๋วที่ก้นเบียดติดอยู่กับผมเริ่มขยับขาจะตั้งเป็นท่าเตรียมโกย แล้วทุกคนก็ต้องเงี่ยหูฟังกันแบบกลั้นหายใจ

“……….”

“…… ว…”

“นะโม ตะสะ! อะระหะโต! ภะคะวะโต…” ไอ้จั๋วยกมือไหว้แบบมั่วซั่วทันทีที่เสียงลอยมาตามลม

“…… วูว ไ…”

“… ไ… จั๋… กม…”

“…… ไอ้… กิ…ม วู้ววว…”

ผมทะลึ่งขึ้นยืนก่อนสมองจะสั่งการทันทีที่ได้ยินเสียงกระท่อนกระแท่นลอยมาเหมือนชื่อตัวเองแล้วหันซ้ายขวาหน้าหลังหาที่มาของเสียง

“ทางนี้! วู้วววว!!”

ผมป้องปากตะโกนใส่ความมืดรอบตัวทันทีที่แน่ใจว่าฟังไม่ผิด

“ทางนี้! พวกเราอยู่ตรงนี้!! ไอ้จั๋วเอากิ่งไม้ใส่เพิ่มแล้วเป่าไฟเร็วเข้า!” ผมเตะขาสะกิดไอ้จั๋วที่ยังนั่งตะลึงตาค้าง

“วู้วว! ตรงนี้ๆ พวกเราอยู่ตรงนี้!!” สองสาวที่ตั้งสติได้รีบป้องปากผสานเสียงตะโกนไปรอบตัว

ไอ้เดย์ที่เริ่มได้ยินเสียงเรียกที่แว่วมายัดกิ่งไม้ใส่กองไฟแล้วฉีกปกหนังสือเพลงมาพัดเป็นการใหญ่ ไอ้จั๋วที่หน้ายังซีดหันไปหากองไฟแล้วลงมือสุมเชื้ออย่างแข็งขัน ส่วนผมรับหน้าที่แหกปากตอบเสียงเรียกพลางมองกราดไปในความมืด

เสียงที่ลอยมาตามลมเหมือนจะโหวกเหวกโวยวายใกล้เข้ามามากขึ้น มะลินกเล็กไอ้เดย์ไอ้จั๋วถึงขั้นแหกปากไปพร้อมกระโดดเหยง บ่งบอกว่าตื่นเต้นได้ที่ ส่วนผมตะโกนใส่ความมืดจนเสียงแหบเสียงแห้งเลยทิ้งก้นมาพัดกองไฟให้ควันขโมง เร่งมือพัดยิกๆจนจะเป็นตระคริว กะว่าถึงอีกฝ่ายตามทิศทางจากเสียงไม่เจอยังไงก็น่าจะเห็นควันไฟ

แล้วอยู่ๆเงาคนก็โผล่พรวดมาจากความมืด โผล่มาแบบพรวดเดียวถึงตัวไอ้จั๋วแล้วแทบจะพากันกลิ้งหลุนๆเข้ามาทับกองไฟ ชนเอาผมที่ยังนั่งยองๆกลิ้งโคโร่ตามไปเป็นคนที่สาม เสียงเอะอะโวยวายดังขึ้นรอบด้านพร้อมเสียงโห่ร้องอย่างยินดีกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว

“ไอ้จั๋ว! ไอ้กิม! พวกมึงปลอดภัยใช่ไหม สาด สาด สาด! ทำกูเป็นห่วงแทบแย่”

เสียงไอ้อ่อนแว่วอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล แต่ผมที่ยังแอ่นอกติดพื้นไม่สามารถมองเห็นหน้าว่าใครบ้างที่โผล่มาใหม่ เพราะโดนไอ้จั๋วตะแคงข้างอยู่กลางหลัง

“พวกกูต่างหากที่อยากจะด่า พวกมึงหลงไปอยู่แถวไหนกัน พวกกูเดินหาจนขาจะขวิดเสือกไม่มีใครให้เห็นหัว” ไอ้จั๋วที่ยังตะแคงข้างอยู่บนหลังผมออกปากเหมือนด่าแต่น้ำเสียงฟังออกว่าดีใจเหมือนถูกหวยชุด

“แล้วนี่ใครอยู่กับมึงบ้าง” เสียงไอ้จั๋วสะท้อนอยู่บนหลัง

“มีกู ไอ้โยม ไอ้บี ไอ้โอ้ ส้มโอ…” แต่ละชื่อที่หลุดจากปากไอ้อ่อนเล่นเอาผมแทบหมดแรงลุก ปล่อยไอ้จั๋วนั่งทับให้ใจหวิวๆกดแนบอยู่ติดพื้น

แต่แล้วจู่ๆน้ำหนักบนหลังก็หายเหมือนคนนั่งลุกพรวดออกไป ผมที่ยังแอ่นอกติดพื้นค่อยยันแขนล้าๆขึ้นจากดินก่อนจะได้ลุกพรวดขึ้นยืนเพราะความช่วยเหลือของมือที่ยื่นมือมาหิ้วปีก จังหวะที่หันไปเห็นหน้าเจ้าของมือเป็นจังหวะที่ไอ้อ่อนเลือกจะต่อประโยค

“… แล้วก็ไอ้มิค พวกกูหลุดมาหกคนตอนโดนเสือตัวเมียวิ่งไล่…”

ประโยคบอกเล่าของไอ้อ่อนหายวับไปกับอากาศ สิ่งที่สมองและสองตาผมมองเห็นคือหน้าขาวๆเหมือนไข่ปลอกเปลือกกับตาสีจางหนึ่งคู่ที่แสนจะคิดถึง ไอ้มิคยืนห่างออกไปเพียงแค่เอื้อมมือคว้า และโดยไม่ต้องรอให้อีกฝ่ายขยับ ผมก็โถมเข้าใส่คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าแบบทุ่มทั้งชีวิตจิตใจจนร่างสูงใหญ่ที่อ้าแขนออกรับเซถอยไปเกือบก้าว

ท่ามกล่างเสียงเอะอะโวยวายตะโกนถามนู่นนี่ของอีกหลายชีวิตที่เหลือ สิ่งที่ผ่านเข้ามาในสมองในความรู้สึกผมมีเพียงลมหายใจอุ่นร้อนกับเสียงทุ้มเข้มที่กระซิบเรียกชื่อกันอยู่ชิดติดหู เสียงเข้มกระซิบแผ่วแต่เต็มไปด้วยความรู้สึกไม่ผิดกับแรงกอดกระชับจนแทบหายใจไม่ออกกับเสียงหัวใจอีกดวงที่สะท้อนอยู่ในอก

ปลายจมูกเย็นเฉียบกับริมฝีปากอุ่นร้อนที่ซุกเข้ามาข้างแก้มทำให้ผมคว้าคออีกฝ่ายเบียดเข้ามาให้ใกล้ยิ่งกว่าใกล้ เห็นอยู่ว่าสายตาสามสาวเริ่มมองมาอย่างติดใจสงสัย แต่นาทีนี้ผมลืมหมดละครับว่าใครเป็นใคร จะรู้จะสงสัยอะไร ขอเพียงได้กระชับอ้อมแขนกอดไอ้มิคตัวเป็นๆไว้แน่นๆ ขอแค่ให้มีคนที่คิดถึงแต่ผมยิ่งกว่าใครคนนี้อยู่ด้วยกันก็พอแล้ว

_____________________ 

ออฟไลน์ DraCo_SLa13

  • I swear that, will love Super Junior forever..........
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2123
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +314/-3
“ตอนพวกมึงหันหลังวิ่งกูยังนึกว่าเข้าซุ่มดักดูเก้งดูหมู ที่ไหนได้อยู่ดีๆเสือตัวเท่าควาย แม่ง โผล่มาจากไหนไม่รู้” ไอ้โยมเอาเรื่องเก่ามาเล่าใหม่ให้พวกผมห้าชีวิตได้ร่วมรับรู้

ตอนนี้ทุกคนค่อยกลับสู่ความมีสติหลังจากประสาทหดตัวคลายตัวกันมาตั้งครึ่งค่อนคืน ไอ้อ่อนไอ้จั๋วจับกลุ่มนั่งเป็นหย่อมๆรอบกองไฟ แล้วเริ่มแจกจ่ายอาหารแบ่งไปให้คนที่ไม่ยังไม่มีเสบียงตกถึงท้อง กลุ่มไอ้มิคมีเป้ติดหลังไอ้อ่อนแค่ใบเดียวให้แบ่งกันหกชีวิตเพราะงั้นแต่ละคนถึงได้กินข้าวเหนียวเปล่าๆจากเป้ผมกันเหมือนเจออาหารเหลา

“ทีนี้พอกูหันไปเห็นไอ้โอ้ พวกมึงรู้เปล่ามันทำอะไรอยู่” ไอ้โยมยังไม่ยอมให้ใครเข้าแทรก “มันยืนจ้องตากับเสือ! พวกมึงคิดดู นี่ถ้ากูไม่ลากมันออกวิ่งรับรอง แม่ง ได้ทำบุญให้สัตว์สงวนไปแล้ว”

“อ้าว มึงนี่ ก็กูบอกแล้วว่าทำตามตำรา เขาว่าเจอเสืออย่าหันหลังวิ่ง ให้ยืนจ้องตามันนิ่งๆ เดี๋ยวมันก็ไปเอง” ไอ้โอ้ออกปากแก้ตัวพลางโยนกิ่งไม้เข้ากองไฟ

“เจริญจริง ตำราเล่มไหนกลับไปเมื่อไหร่เอาให้กูดูด้วย กูจะได้ตามไปขอดูหน้าคนเขียนมันหน่อย”

ผมส่งน้ำให้ไอ้มิคที่นั่งซ้อนอยู่ติดหลังก่อนทิ้งตัวพิงอกอุ่นๆที่กลายเป็นความคุ้นชินเหมือนการสูดอากาศหายใจ เจ้าของอกจิบน้ำไปเล็กน้อยก่อนเอื้อมมือมาลูบเล่นอยู่แถวสีข้างโดยมีผมขยับตัวให้อย่างสมยอม แม้จะเห็นสายตาหนึ่งคู่ที่ขมวดมองมาจากส้มโอ หญิงสาวคนเดียวในกลุ่มหลงป่าหกชีวิตที่ดูจากสายตาที่จ้องมาทางนี้แล้วคาดว่าเวลาครึ่งค่อนวันแห่งความกลัว ส้มโอคงเจอเสน่ห์คนข้างหลังผมไปเต็มเปา ตอนนี้สายตาที่มองมาทางผมที่ยกแขนเปิดซี่โครงให้คนเจ้าเสน่ห์ลูบเล่นเลยมีแววไม่ชอบใจชัดเจน

“ก็ได้แต่หวังว่าลุงเกลี้ยงกับพวกที่เหลือคงออกจากป่าไปได้ พรุ่งนี้เช้าคงมีคนมาช่วยเราล่ะ” ไอ้อ่อนที่นั่งเบียดหาความอุ่นอยู่กับไอ้จั๋วไอ้บีบอกอย่างมีความหวัง

“ไม่ต้องห่วงเลยไอ้อ่อน กูจะบอกให้รู้ว่าลุงแกมีสุดยอดวิชา โกยเร็วยิ่งกว่าหนุ่มๆเป็นไหนๆ” ไอ้จั๋วว่า

“เออ ตอนแรกกูว่ากูเห็นหลังแกอยู่ไวๆ แต่วิ่งไปวิ่งมาลุงแกเหมือนเล่นของ แค่กูหันไประวังหลังแว็บเดียว ลุงไปแล้ว หายวับไปเลย” ไอ้บีที่นั่งเงียบมานานเปิดปาก

“งานนี้ออกไปได้ต้องไปยกมือไหว้ลุงผู้ใหญ่ขอเลขซักสองสามตัว” นกเล็กเข้าร่วมอีกเสียง “น้ำคำแกแม่นเหมือนตาเห็น ประสบการณ์แบบนี้ไม่เคยเจอจริงๆด้วย”

“จะสี่ทุ่มแล้ว เอาไง จัดเวรกันนอนดีไหม ต้องคอยดูไว้ไม่ให้ไฟดับ” เงียบกันไปได้พัก ไอ้เดย์ก็ยกนาฬิกาส่องกับกองไฟ

“เออดี ใครง่วงนอนไปก่อนเลย เดี๋ยวกูกับไอ้โยมเฝ้ากะแรกให้เอง” ไอ้โอ้ยกมือออกเสียงเป็นคนแรก

“งั้นซักตีหนึ่งปลุกกูกับไอ้มิคแล้วกัน แล้วตีสี่ค่อยเป็นไอ้จั๋ว” ผมออกความเห็นหลังจากที่เอาแต่นั่งซึมซับความอุ่นมานาน

ไอ้จั๋วพยักหน้าหงึกหงักก่อนหันไปนัดแนะไอ้อ่อนคู่บัดดี้แล้วทิ้งตัวลงนอนก่อนใครเพื่อน ถ้าดูจากอัตราการวิ่งแล้วคาดว่าไอ้จั๋วจะหลับเป็นตายก่อนใครอื่น จากนั้นแต่ละคนก็เริ่มเปิดปากหาวแล้วนั่งบ้างนอนบ้างกลุ่มละสองสามคน เสียงพูดคุยจุกจิกค่อยๆเงียบหายไปกับการหลับไหล โดยมีเสียงไอ้โอ้ไอ้โยม ยามกะแรกคุยกันเบาๆแว่วมา

ผมเองที่ประสาทตื่นตัวมาตั้งแต่บ่ายเปิดปากหาวแล้วขยับออกจากหว่างขาไอ้มิค ถึงจะอุ่นสบายถึงขั้นเปิดตาหลับได้แต่ถ้านั่งกันอยู่ท่านี้คงมีแต่ผมที่ได้ไปเฝ้าพระอินทร์ เพราะอีกคนที่ต้องแอ่นอกให้ผมพิงไม่น่าจะสบายเนื้อสบายตัวเท่าไหร่นัก ทันทีที่ผมขยับคนข้างหลังก็ขยับเช่นกัน

ไอ้มิคเลื่อนตัวเหยียดขาแล้วตบหน้าตักตัวเองปุๆเป็นทำนองให้ล้มลงไปทิ้งหัวนอนตามอัธยาศัย ซ้ำยังปลดเสื้อเชิ๊ตตัวนอกออกมาทำท่าจะคลุมให้กันลม เจ้าตัวที่เหลือแต่เสื้อกล้ามสีอ่อนส่งยิ้มจางติดริมฝีปากมาเป็นการเชิญชวน เห็นทุกการกระทำกับยิ้มใจดีของอีกคนแล้วอยากลุกขึ้นเซิ้งแก้บนมันกลางป่า ชาตินี้ชาติไหนขอให้ได้อย่างนี้ทุกชาติไป แต่ความเป็นจริงที่ทำได้มีแค่ลุกไปนั่งซ้อนหลังพ่อเจ้าประคุณรุนช่อง

“กูขอโทษ”

ผมบอกพลางดึงคนที่เอี้ยวตัวมาหาให้พิงซบอก กระชับแขนกอดอีกฝ่ายที่ออกแนวมึนงง แล้วเอนหน้าทิ้งน้ำหนักให้สมดุล

“เมื่อบ่ายกูโคตรงี่เง่าเลยว่ะ กับแค่เป้ใบเดียว… กูหงุดหงิดไปหน่อย” ผมสารภาพกับคนที่ยอมทิ้งน้ำหนักเข้ามาในอ้อมแขน

“กูรู้ว่าชอบทำตัวงี่เง่าเอาแต่ใจ… มึงอย่าพึ่งเบื่อได้ไหม กูจะพยายามปรับปรุง…”

“ไม่ต้อง” ไอ้มิคที่ทอดตัวพิงอกผมเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่คบกันมาหันมามองด้วยสายตาจริงจัง

“กิมไม่มีอะไรต้องปรับปรุง ขอแค่ให้เอาแต่ใจอย่างนี้กับกูคนเดียว อย่าไปทำกับใครก็พอ”

“…………”

“ได้รึเปล่า ห้ามไปทำแบบนี้กับใคร” สายตาที่มองมามีแววร้องขอเป็นจริงเป็นจังจนต้องรีบพยักหน้ารับ

“แล้วหงุดหงิดเรื่องอะไรครับ” คนถามเอี้ยวตัวแล้วเอื้อมมือลอดแขนผมคว้ามารอบเอว หน้าหล่อจัดที่เห็นลางๆจากแสงกองไฟซบอยู่ชิดติดไหล่

“… เรื่องไม่เป็นเรื่อง” ผมตอบ

“เรื่องไม่เป็นเรื่อง งั้นคงบอกกันได้” ไอ้มิคไม่ยอมแพ้

“บอกน่ะได้แต่พอดีว่าลืมไปแล้ว” ผมว่าพลางก้มไปหาปากแดงๆใต้แสงไฟ “พอดีมัวแต่คิดถึงมึงน่ะ เรื่องอื่นลืมไปหมดเลย”

คนที่โดนผมคิดถึงถึงกับหาคำมาต่อไม่เจอ ต้องยอมให้ผมทำการอุกอาจแนบปากลงไปแผ่วๆ ตาสีอ่อนที่มองมาเบิกกว้างแต่พราวระยับยิ่งกว่าดาวบนฟ้ากลางป่า ไอ้มิคจูบตอบมาแผ่วเบาไม่ดุเด็ดเผ็ดร้อนกระชากวิญญาณกันเหมือนอย่างเคย ปากอุ่นๆขยับตอบรับปากผมให้ได้รสหวานๆที่ซึมเข้ามาถึงใจ

ไม่รู้ว่ายามกะแรกไอ้โอ้ไอ้โยมจะเห็นไหมว่าเพื่อนสองคนตรงนี้กำลังมีความรัก หรืออีกนัยหนึ่งคือความรักคับอกถึงขั้นไม่สนใจสถานการณ์และผู้คนรอบข้าง แต่ถึงใครจะเห็นผมก็คงทำอย่างที่ทำอยู่ ผมก็คงเป็นฝ่ายเริ่ม ก้มหน้าไปจูบปากจ๊วบแล้วกระซิบคำว่าฝันดี กระชับแขนดึงคนที่เอนหลังพิงกันให้นอนหลับพักผ่อนอยู่ในอ้อมกอด เป็นไปได้อยากร้องเพลงกล่อมแถมให้สองเพลงรวด เผื่อว่าไอ้มิคจะหลับฝันดี พกผมเข้าไปร่วมในความฝัน

______________________

เช้าวันที่สองของการหลงป่า แม้จะหลับๆตื่นๆกันมาตลอดคืนแต่ด้วยสมาชิกที่เพิ่มขึ้นให้อุ่นใจทุกคนเลยมีแรงมุ่งหน้าเดินไม่ต้องเอาแต่พะวงหลังเหมือนเมื่อวานที่ผ่านมา พวกผมทยอยตื่นไล่ๆกันมาตั้งแต่หกโมง ไม่ต้องล้างหน้าแปรงฟัน แค่ส่งเด็นทีนไซลินทอลรสสตอร์เบอร์รี่ไปให้ถ้วนทั่วเป็นการเริ่มวันใหม่ ยืดเส้นยืดสายแล้วก็ได้เวลาออกเดิน

การเดินสำรวจป่าหาทางออกวันนี้ให้บรรยากาศผิดจากเมื่อวานจนแทบบรรยายไม่ถูก ไอ้มิคที่เดินอยู่ข้างผมสะพายเป้ขึ้นไหล่แล้วยื่นมือมาให้ตั้งแต่ยังไม่เคลื่อนขบวน ผมที่ยืนชูสองแขนบิดขี้เกียจออกจากตัวยังไม่ครบท่าได้แต่กระพริบตามองมือที่ยื่นมาแบบมึนงง เจ้าของมือที่ไม่เคยสนใจอะไรรอบตัวคว้าหมับมาที่มือผมแล้วดึงให้ออกเดินเหมือนเป็นเรื่องธรรมดาของการจับจูง

ตลอดทางที่เดินกันมาคนข้างๆผมแม้ไม่ได้ชวนคุยอะไรมากมายเนื่องจากนโยบายประหยัดน้ำสองขวดต่อสิบเอ็ดชีวิต แต่สายตาที่หันมามองกันเป็นระยะ มือขาวๆที่ยื่นมาช่วยเช็ดเหงื่อให้พ้นหน้าเป็นพักๆก็ทำให้รู้สึกว่าถึงต้องเดินย่ำเท้าสำรวจป่าต่อไปอีกวันผมก็คงไม่เหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า เพราะความเอื้ออาทรของคนที่เดินจูงมือ

ว่าไปก็ออกจะน้ำเน่าจนสาวอาจเกลียด เพราะขนาดสามสาวมะลิส้มโอนกเล็กยังเดินเรียงหนึ่งไม่มีใครจับจูงใคร จะมีก็แต่สายตาหนึ่งในสามสาวที่ทิ้งมาตกที่คนข้างๆผมเป็นพักๆ ส่วนพวกเพื่อนสนิทมิตรสหายผมที่เดินอยู่หน้าบ้างหลังบ้างคิดว่าพวกมันคงได้แต่ส่ายหน้าด้วยความเคยชิน

“วู้ววว มีใครอยู่แถวนี้บ้างไหมมมม” ไอ้โอ้ตะโกนใส่ป่าใส่เขารอบข้างพาเอาทุกคนสะดุ้ง

“ลุงเกลี้ยงงง พวกผมอยู่นี่ ลุงอยู่ไหน ออกมาเดี๋ยวนี้นะะะ”

“ไอ้โอ้ อยู่ดีๆเป็นอะไรของมึงวะ!?” ไอ้เดย์ที่เดินอยู่ใกล้สุดตบหลังไอ้โอ้ดังป๊าบ

“โดนแดดส่องหัวจนเบลอหรือไงมึง” ไอ้อ่อนรีบเดินเข้าไปดูสีหน้าเพื่อน “นั่งพักกันหน่อยดีกว่า ไอ้โอ้ไม่ไหวแล้ว”

“อะไรของพวกมึงเนี่ย กูตะโกนหาคนช่วยจะได้เพิ่มโอกาสรอด มาหาว่ากูบ้าแดด” ไอ้โอ้ว๊าก “ถ้าไม่ใช่เพราะกูดันทุรังแหกปากมันอยู่ครึ่งค่อนคืน พวกเราจะได้เจอกันอย่างนี้ไหม”

เพราะประโยคนี้ประโยคเดียวทำให้พวกผมสิบเอ็ดชีวิตเหมือนโดนกระทุ้งด้วยความหวัง ป้องปากตะโกนไปรอบตัวเรียกหาลุงเกลี้ยงกันให้ระงม วันนี้วันที่สองไม่แน่ว่าลุงเกลี้ยงอาจออกไปพาคนในหมู่บ้านมาช่วยกันหาพวกเราอยู่

แต่หลังจากตะโกนกันจนเสียงแหบเสียงแห้ง ก็ยังไม่มีเสียงอะไรลอยตอบมาตามลมจนต้องหยุดขบวนนั่งพักกันใต้ร่มไม้เท่าที่จะหาได้ แล้วเทเป้สามใบออกมาหาเสบียงที่แน่ใจว่าไม่มี สายตาแต่ละคนมองของที่กองอยู่บนพื้นแล้วก็ได้แต่กลืนน้ำลายลงท้องประทังความหิว

“บ่ายกว่าเข้าไปแล้ว ยังไงคงต้องหาของกินกันก่อน” ไอ้มิคที่นั่งอยู่ข้างผมเสนอความเห็น “เมื่อวานกูเห็นดงกล้วย ถ้าเดินย้อนกลับไปคงได้อะไรรองท้อง”

“เออๆ กูก็เห็นเห็ดกินได้ตั้งเยอะ แต่ตอนนั้นไม่มีเวลาสนใจ” ไอ้จั๋วส่งเสียงตอบรับอย่างกระตือรือร้น “แต่เดินย้อนกลับไปเนี่ย มึงจำทางได้เหรอวะ”

“กูว่าดีไม่ดีจะหลงทิศไปถึงไหนๆ แม่ง ที่ทางอย่างกับเขาวงกต มองไปทางไหนก็เหมือนๆกันไปหมด” ไอ้โยมว่า

“กูพอจำทางได้คร่าวๆ แล้วถึงจะหาดงกล้วยไม่เจอมันก็น่าจะมีอะไรให้ได้เก็บกินตามทาง ดีกว่าเดินไปแบบไม่มีจุดหมาย” ไอ้มิคยืนยันความคิดพร้อมลุกขึ้นยืน

ผมคว้ามือที่ยื่นมาแล้วลุกขึ้นปัดดินออกจากก้น ก่อนชักแถวเปลี่ยนตำแหน่งไปเป็นผู้นำขบวนตามมือที่จับจูง สมาชิกที่เหลือไม่รู้ว่าเชื่อน้ำคำไอ้มิคไปกี่มากน้อยแต่ก็ไม่มีใครปริปากว่าอะไร พากันเดินตามมาเป็นพรวนพลางสอดส่ายสายตาหาของกินได้ไปตลอดทาง นาทีนี้ทางออกไม่สำคัญเท่าปากท้อง

เดินกันมาชั่วโมงกว่าๆจนเกือบถอดใจแล้วก็เห็นปาฏิหาริย์ ดงกล้วยหนาทึบฉายแสงส่องมาจนตาพร่า แต่ละคนแตกฮือออกจากขบวนวิ่งเข้าหาหวีกล้วยประหนึ่งเจอของสำคัญของชีวิต แล้วลงมือบิดกล้วยมาปอกใส่ปากเหมือนชีวิตนี้ไม่เคยได้กินอะไรอร่อยเหาะเท่ากล้วยในมือ

ผมที่ยัดกล้วยเข้าปากที่เดียวครึ่งลูกมองไปเจอนกเล็กที่ยังไม่ได้เด็ดกล้วยสักใบ แต่กลับยืนนิ่งยกมือไหว้ต้นกล้วยแล้วท่องอะไรงึมงำพึมพำจนเพื่อนร่วมขบวนที่ต่างก็มีกล้วยอยู่ในมือในปากเริ่มชะงักกันมองตาม

“ทำอะไรนกเล็ก?” ไอ้เดย์ถามทันทีที่นกเล็กจรดมือขึ้นหัว

“ขอก่อนไงพี่ ขอเจ้าป่าเจ้าเขา ขอนางตานี ขอกินกล้วยหน่อย” นกเล็กเฉลยมาแบบยิ้มแป้นแล้วเอื้อมบิดกล้วยมาปอกใส่ปากด้วยท่าทีสบายใจ เล่นเอาอีกสิบชีวิตที่กินก่อนขอไปถึงไหนๆสำลักกล้วยนางตานีกันค่อกแค็ก

ไอ้จั๋วรีบพนมมือไหว้กราดไปทั่วดงกล้วยแล้วเอ่ยขอแบบออกเสียง ขอกินกล้วย ขอให้มีคนมาเจอ ขอให้ออกจากป่าไปได้รอดปลอดภัย แล้วสาธุให้พวกผมได้ยกมือไหว้ตามๆกันไป ใครจะว่างมงายนาทีนี้ไม่มีใครสน หลังจากอยู่ป่านอนป่ามาหนึ่งคืนพวกผมขอมืออ่อนตีนอ่อนไว้ก่อนเป็นใช้ได้

หลังจากจัดการกล้วยกันไปเกือบครึ่งดงแถมเด็ดเก็บใส่เป้กันอีกหลายหวีตุนไว้เป็นเสบียง แต่ละคนก็ทิ้งก้นนั่งพึ่งผุงเรอออกมาเป็นกลิ่นกล้วย สีหน้าท่าทางดูดีมีเลือดฝาดกันขึ้นคนละนิดละหน่อย จากนั้นคนข้างๆผมก็ตกเป็นเป้าโจมตี ไอ้มิคที่แสดงอภินิหารย์นำทางกลับมาถึงดงกล้วยได้ ถูกเพื่อนๆบีบคั้นให้เค้นความคิดนึกทางเก่าที่ลุงเกลี้ยงนำมา

แต่จนแล้วจนรอดไอ้มิคก็ได้แต่ส่ายหัว ผมที่นั่งอยู่ข้างกันไม่นึกแปลกใจเลยที่คนความจำดีจนน่ากลัวอย่างไอ้มิคจะจำทางเมื่อวานไม่ได้ ผมค่อนข้างแน่ใจว่าสาเหตุที่ทำให้อีกฝ่ายไม่ได้มองทางมาเก็บไว้ในเม็มโมรี่เป็นเพราะเหตุการณ์การแย่งเป้มาถือของผมนั่นเอง

สุดท้ายหลังจากนั่งกันจนไม่รู้จะถ่วงเวลาไปทำไม พวกเราสิบเอ็ดคนก็ชักขบวนเดินป่าสามัคคีกันต่ออย่างไม่รู้จะทำอะไรอื่น ผมยังเดินจูงมือกับไอ้มิคที่ถอดเสื้อเชิ๊ตยัดใส่เป้เพราะความร้อน เหลือแต่เสื้อกล้ามสีอ่อนติดตัวโชว์ผิวขาวจัดสะท้อนแสงอยู่กับไอแดด รอยสักรอบต้นแขนที่ไม่ค่อยได้เห็น เด่นชัดจนตกเป็นหัวข้อสนทนาแก้เบื่อของไอ้โอ้ไอ้โยม

“กูเคยไปดูแถวมาบุญครอง ค่าสักแพงกระเป๋าฉีกยังไม่เท่าไหร่ แต่ไอ้เลือดที่ซึมตามฝีเข็มนี่สิเล่นเอาต้องขอเวลาทำใจ” ไอ้บีเข้าร่วมการคุยแก้เบื่อ

“เออ กูก็เคยไปดูลายไว้ เท่ห์บรม แต่เห็นตอนสักกับตอนบวมแล้วยังแหยงไม่หาย” ไอ้โยมบอก

“เขาถึงบอกว่าอยากเท่ห์ต้องอดทน” ไอ้อ่อนว่า “แต่กูว่ามึงไม่ได้สักมาก็ดีแล้วว่ะ ของไอ้มิคเนี่ยเห็นแล้วมันดูออกว่าของนอกมีราคา เรียกง่ายๆว่าเท่ห์สาด แต่แห้งๆฟีบๆอย่างมึงนี่ถ้ามีรอยสักคนเขาจะคิดว่าได้มาจากแถวบางขวาง”

“เออ ยิ่งใต้ตาค้ำเป็นวงด้วยนะโว้ย ร้อยเอาร้อย แม่ง พึ่งออกจากคุกแหง๋มๆ” ไอ้จั๋วกระหน่ำซ้ำเติม

“เออ ใช่ซี่ กูมันไม่หล่อไม่ล่ำ แต่พวกมึงคอยดู กูนี่ล่ะจะแต่งเมียเป็นคนแรกของกลุ่ม” ไอ้บีข่ม

“โหย ให้มันจริง ระวังอย่าโดนไอ้กิมไอ้มิคจัดงานแซงไปก่อนล่ะมึง” ไอ้จั๋วว่ามาให้สะดุ้ง

“อ้าว แล้วเกี่ยวอะไรกับกูเนี่ย” ผมตะโกนถามพลางแตะขาสะกิดตูดคนพูด

“ถ้าเป็นคู่นี้กูคงสู้ไม่ได้” ไอ้บีรีบเปลี่ยนตัวเองจากเป้าหมายมาเป็นฝั่งโจมตี “กูยอมจัดงานช้ากว่าซักเดือนถือว่าเห็นแก่เพื่อนที่อดทนไม่ชิงสุกก่อนห่ามมาได้อย่างไม่น่าเชื่อ”

“มึงก็พูดไปไอ้บี รุ่นนี้มันไม่ต้องมีแล้วงานตงงานแต่ง เดี๋ยวเรียนจบย้ายเข้าหอเป็นอันเสร็จพิธี” ไอ้โยมรีบรับลูก

“สาดโยม กูมีพ่อมีแม่นะโว้ย จะไม่ให้ได้เรียกสินสอดเลยรึไง เลี้ยงกันมาตั้งแต่ตีนเท่าฝาหอยแครง” ผมพลิกลิ้นกลับลำร่วมไปให้กลายเป็นเรื่องเฮฮา ส่วนคนที่จูงมือกันเดินอยู่เอาแต่ยิ้มบางไม่ว่ากระไร

“ตกลง พี่กิมพี่มิค…” มะลิค้างคำพูดไว้กลางอากาศแล้วยกมือเอานิ้วชี้สองข้างเลื่อนมาติดกัน “…จริงๆเหรอ”

เห็นหน้าคนถามกับอีกสองสาวที่ตาแทบเหลือกขึ้นไปถึงหน้าผากแล้วต้องรีบตวัดลิ้นหาเสียงมาเปลี่ยนเรื่อง แต่คนที่เดินเงียบไม่เปิดปากมานานอยู่ข้างกันกลับชิงพูดขึ้นก่อน

“ใช่ คนนี้น่ะพี่จอง เพราะงั้นมะลิหมดสิทธิ์”

ไอ้มิคว่าออกไปง่ายๆด้วยรอยยิ้มติดริมฝีปาก แต่เล่นเอาสามสาวชะงักค้าง แม้แต่ผมก็แทบออกอาการชักกะตุกไปด้วยอย่างพร้อมเพรียง

“ว้าย ลิไม่ได้หมายความอย่างนั้นนะ” มะลิงึมงำปฏิเสธ หน้าขาวๆแดงก่ำขึ้นมาถึงหู

“โหย อิจฉาๆ เมื่อไหร่จะมีใครมาพูดแบบนี้กับเราบ้าง” นกเล็กที่แม้จะยังตาค้างแต่ก็ดึงสติมาแก้สถานการณ์ได้ก่อนใครเพื่อน

“อู้ยยย กูล่ะไม่อยากจะเชื่อ นี่ถ้าทนรอจนเรียนจบไม่ไหว จะแจกการ์ดเมื่อไหร่บอกเลยนะเว้ย จะช่วยไปยืนแจกของชำร่วย” ไอ้โยมกระตุกปาก ฟังจากน้ำเสียงแล้วแสนจะหมั่นไส้

แล้วเรื่องคุยแก้เบื่อก็ลามไปเรื่องอื่นด้วยความช่วยเหลือกันเองของหลายฝ่าย ผมฟังเรื่องคุยผ่านหูโดยที่หน้ายังแดงสลับซีดอยู่ไม่รู้คลาย ต้องตีปีกเข้าสีข้างคนหน้าไม่อายไปสองทีซ้อนถึงค่อยรู้สึกปลอดโปร่งขึ้นมานิด ส่วนเจ้าของสีข้างเอาแต่ระบายยิ้มแล้วหัวเราะขำก่อนยื่นอีกมือมาคว้าหัวผมเข้าไปเช็ดเหงื่อกับเสื้อกล้ามที่ตัวเองใส่อยู่แบบไม่คิดจะอายสายตาใคร แจ่ม ไหมล่ะครับพระเอกของไอ้กิม



โปรดติดตามตอนต่อไป
=========================================================================

Still Adventure กันต่อไป

ใครชอบตอนพวกจั๋วร้องเพลงบ้าง  คนโพส อ่านกี่รอบก็ฮาทุกรอบอ่ะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-09-2010 22:21:54 โดย DraCo_SLa13 »

lasom

  • บุคคลทั่วไป
ทำไมมิคมันน่ารักอย่างนี้หว่ะ อ่านมาเรื่องไหนๆไม่มีใครเกินเรื่องนี้เลย o13
ขอคนเหอะ อยากมีคนพูดแบบนี้บ้าง "คนนี้น่ะพี่จอง"
กด+1ด้วยความรัก

ออฟไลน์ k00_eng^^

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 647
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-2
อ๊ายยย>//<
น่ารักทั้งคู่เรยอ่า
เขิล :-[

anajulia

  • บุคคลทั่วไป
แจ๊มมมมมมมมมมมม แจ่มค่ะกิมคนดี

อร๊ายยยยยยยยยยยยยยยย พระเอก ต่อให้แอดเวนเจอร์แค่ไหนก็สลัดออร่าพระเอกออกจากตัวมิได้เลย ชะเอิงงงงงงเงยยยยยยย

ปล.เพลงที่คณะแอดเวนเจอร์เลือกร้อง กร้ากกกกกกกกกกกกกกกกกส์

Jesale

  • บุคคลทั่วไป
กรี๊ดดดด มิค น่ารักเกินเลย
ทั้งรักทั้งหลง ทั้งจริงใจ รอคอย เด็ดเดี่ยวมั่นคง ไม่เปลี่ยนแปลงในตัวกิมขนาดนี้  o13
อย่าปล่อยให้หลุดมือไปได้นะกิม  :กอด1:

ออฟไลน์ yeyong

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5857
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +917/-26
มิคยังเท่สุดๆๆ
ชอบมิคมากๆๆ
มานั่งรอคนโพสทุกวันเลย :กอด1:

ออฟไลน์ didi

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1000
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +98/-8
ทั้งน่าสงสารที่หลงป่า :z1: :z1:ทั้งฮา :jul3: :jul3:
สนุกมากค่ะ :กอด1: :กอด1: :กอด1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: รักจัง....(by คุณ meae)...ตอนที14-Still?.....(8/09/10)
« ตอบ #289 เมื่อ: 08-09-2010 22:24:24 »





Killua

  • บุคคลทั่วไป
น่ารักได้อีกมิค เค้าว่ากันว่าคู่กันแล้วก็ไม่แคล้วกัน จริงๆด้วย ขนาดหลงป่ายังมาเจอกันจนได้อ่ะ

cmos

  • บุคคลทั่วไป
พระเอกของกิมน่ารักอ่ะ ชอบบบบบบบ

ออฟไลน์ akera

  • I love him anymore. but he love him.
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 178
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1
น่ารักมาก อ่านแล้วเขินแทนจร้า

ออฟไลน์ arjinn

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1369
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +180/-1

มิค พระเอกของไอ้กิมจริงๆ
จะ Horror - Adventure แค่ไหน ก้อมีแต่กึงกะมู กูกะมึง สองคน
น่ารักมากจริงๆ 
:o8:


ออฟไลน์ iiดาวพระสุขლii

  • คิดการใหญ่ ใจต้องเหี้ย(ม),,
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1690
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +746/-3
ทั้งเขิน ทั้งอบอุ่น.... :-[
สามัคคีคือพลังๆ  สู้ๆในการหลงป่า..   :fire:

ออฟไลน์ Whatever it is

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3959
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +380/-8
โห หวานไม่แคร์สื่อจริงๆำี่พี่มิคเรา  :laugh:

ขนาดหลงป่ายังฮาเลยนะคณะนี้ หุๆ

รอตอนต่อปายจ้า  :กอด1:

ออฟไลน์ silverspoon

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +275/-12
มิค รักจริงหวังแต่งมากๆ  :กอด1:

ออฟไลน์ nevergoodbye

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1240
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-2
ว๊าวๆ มาจริงๆด้วย >_<!
แอดเวนกันหนุกมากๆค่ะ เคยคิดเล่นๆว่าอยากลองหลงป่าดูบ้าง
อืม .. ถ้าเจอเสือก็ไม่ไหวเหมือนกันนะคะ
โพสเตอร์สู้ๆนะคะ พรุ่งนี้ก็มาอัพอีกน๊า
จะรอค่ะ~

ออฟไลน์ ♠DekDoy♠

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4512
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +421/-8
ท้องแข็งตอนร้องเพลงอ่ะ ขนาดเครียดๆนะนั่น แต่ละคนร้องได้ไม่เข้ากั๊นไม่เข้ากัน ฮ่าๆๆ



หวานเวอร์นะมิคกะกิมน้อย >///<

ออฟไลน์ heefever

  • 영원히 그대만 사랑해
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1158
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +86/-0
แต่งเมื่อไหร่อย่าลืมแจกการ์ดเค้านะ  :man1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด