ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ
สรุปข้อสำคัญดังนี้
1.ห้ามละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
2.ห้าม มิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์ และสถาบันต่าง ๆ รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ
4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด
โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอม
5.ขอ ให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่ นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว
ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน
ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ
6.อย่า พูดคุย ทักทาย นักเขียน คนอ่่านโดยรีพลายดังกล่าวไม่เกี่ยวพันกับนิยายให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรคอมเม้นต์สักคอมเม้นต์เีดียวก็เพียงพอแล้ว ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และทำลิงค์โยงมายังนิยาย และให้นักเขียนทุกคนทำลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยเกี่ยวกับแฟนคลับนิยาย ในรีพลายแรกด้วย เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน
เวปไซต์แห่งนี้เป็น เวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง
ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม
กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0 คำเตือน : 1.นิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องที่แต่งขึ้น อาจใช้สถานที่จริงประกอบเพื่อความสมจริงในเนื้อหา แต่ตัวละครและเรื่องราวทั้งหมดเป็นเรื่องสมมุติทั้งสิ้นนะคะ
2.ในนิยายอาจมีภาษาและพฤติกรรมของตัวละครบางส่วนที่ไม่เหมาะสมกับความเป็นสุภาพชน ควรใช้วิจารญาณในการรับชมค่ะ
1
เดือนกุมภาพันธ์...
บรรยากาศภายในห้างสรรพสินค้าใจกลางกรุงเต็มไปด้วยความตื่นเต้นคึกคักและลุ้นระทึกจากการแข่งขันจูบมาราทอนที่ทางห้างได้จัดฯขึ้นในเทศกาลวาเลนไทน์ โดยมีเงินรางวัลหลักแสนสำหรับผู้ชนะ จึงทำให้มีคู่รักมากมายร่วมลงแข่งขันในรายการนี้
เวลาที่ผ่านไปช่วยคัดให้เหลือผู้แข่งขันน้อยลง แต่มีคู่หนึ่งที่ยังไม่มีทีท่าว่าจะถอดใจ ร่างสูงใหญ่บึกบึนของชายหนุ่มอินเดียอย่างนิธิน ยังคงยืนมอบจูบอ่อนโยนให้กับคนรักหนุ่มไทยผิวขาวที่ร่างเล็กกว่าอย่างอธิปพงศ์โดยไม่ย้อท้อ ถึงแม้ทั้งคู่จะอายุสามสิบกว่า ๆ กันแล้ว แต่ก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะเหนื่อยอ่อนแต่อย่างใด
"ตอนนี้นะคะผ่านไป 26ชั่วโมงแล้ว ไม่น่าเชื่อเลยค่ะว่าจะมีคนที่จูบทนอย่างนี้ โอ้มายก๊อดด!!"
พิธีกรสาวตบอกผึ่งพร้อมตาโตกับคู่รักชายหนุ่มตรงหน้าที่ตอนนี้เหลืออยู่เพียงคู่เดียวในการแข่งขัน
"แม่เจ้า!! คุณพี่คะ จะจูบกันถึงปีหน้าเลยมั๊ยคะเนี่ย!!"
แต่สองหนุ่มก็ไม่สะท้านกับคำแซวถึงแม้จะยิ้มมุมปากอย่างขบขัน นิธินที่ฟังภาษาไทยออกก็โอบร่างได้สัดส่วนของอธิปพงศ์มาพักไว้ที่ข้อแขนคล้ายการเต้นลีลาศ ทำให้เรียกเสียงฮือฮาจากคนรอบข้างไม่น้อย
"แอร๊ยยยยยย ใจเย็นๆๆ นะคะ คลามดาวน์ พลีส ค่ะคุณนิธิน จัสคิสค่ะ โอเค๊"
พิธีกรสาวใจหายใจคว่ำและเก็บอาการไม่อยู่เมื่อเห็นภาพดังกล่าว แค่เห็นผู้ชายหน้าตาดีสองคนจูบกันเธอก็ทำใจลำบากพอแล้ว แต่นี่พวกเขาจังไม่หยุดแสดงความรักกันอีก
คนทั้งสองส่งสัญญาณผ่านแววตาและความรู้สึกว่าควรจะหยุดได้แล้ว จึงแลกจูบสุดท้าย โดยที่
อธิปพงศ์กับนิธินค่อยๆดูดดุนริมฝีปากของกันและกันอย่างอ่อนหวาน ก่อนจะออกละจากกันอย่างเหนื่อยอ่อน
"และผู้ชนะของเราก็ทำสติถิไปได้ 48 ชั่วโมง 30 นาทีและ 45 วินาทีค่ะ! รับเงินรางวัลสองแสนบาทไปเลยค่า"
บรรดาทีมงานผู้จัดกรูเข้ามาหาคนทั้งสองพร้อมแผ่นป้ายเงินรางวัล และกองทัพนักข่าวก็เข้ามาสัมภาสน์คู่รักอย่างใคร่รู้ เพราะทั้งสองคนได้ตกเป็นจุดสนใจของการแข่งขันครั้งนี้ จากการเสนอข่าวคู่รักผู้ชายที่เข้าแข่งขันจูบมาราทอนและสุดท้ายก็สามารถเป็นผู้ชนะคว้าเงินแสนไปครองในที่สุด
“ดีใจครับ ที่ได้รางวัล” อธิปพงศ์เป็นคนตอบ โดยที่ข้าง ๆ มีนิธินโอบไหล่อยู่
“มีเทคนิคยังไงคะถึงได้จูบกันนานอย่างนี้”
“ก็นึกถึงตอนที่เราไม่ได้อยู่ด้วยกันหน่ะครับ” เขาหันไปมองหน้าแฟนหนุ่มร่างใหญ่ที่ส่งยิ้มอ่อนโยนมาให้ “นึกถึงตอนที่เราห่างกัน ว่าเราคิดถึงกันมากแค่ไหน แล้วก็นึกถึงว่าสมมุติว่าพรุ่งนี้เราจะต้องจากกันหน่ะครับ…..”
อธิปพงศ์มองใบหน้าด้านข้างที่คร้ามเข้มด้วยแนวเคราอ่อนๆ หนุ่มไทยอย่างเขาไม่รู้ตัวว่าตกหลุมรักผู้ชายอินเดียคนนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ เขายิ้มอ่อนโยนให้กับเจ้าของแขนล่ำที่โอบไหล่ พลันในความรู้สึกก็ฟุ้งขึ้นมาว่า...
"นิธิน คุณยังจำวันแรกที่เราเจอกันได้มั๊ย..."
วันแรกของอธิปพงศ์กับนิธินเกิดขึ้นในบ่ายวันหนึ่งของต้นเดือนกันยายนที่วันนั้นกรุงเทพฯถูกปกคลุมไปด้วยม่านสายฝนจนแทบไม่เห็นแสงทองของพระอาทิตย์ แต่บรรยากาศในแฮร์ซาลอนกลางห้างดังที่อธิปพงศ์ทำงานอยู่ก็ไม่ได้เงียบเหงาเหมือนฟ้าในวันนั้นแต่อย่างใด ภายในร้านยังคงอบอวลด้วยกลิ่นน้ำยาและไอร้อนจากไดร์เป่าผมเพราะด้วยลูกค้าชายหญิงที่แวะเวียนมาใช้บริการไม่ขาดสายตั้งแต่เปิดร้าน ช่างตัดผมอย่างอธิปพงศ์เองก็แทบไม่ได้หยุดพักจากกรรไกรและบัตตาเลี่ยนเลย
"อ่ะ เสร็จแล้ว..." ช่างผมหนุ่มบอกกับลูกค้าหนุ่มขาประจำของเขา พร้อมกับยื่นกระจกบานเล็กและหมุนเก้าอี้ให้เห็นทรงผมใหม่รอบด้าน "เป็นไง ชอบมั๊ย"
"อืม ก็ดีครับพี่หมู" นักศึกษาหนุ่มที่เป็นลูกค้าประจำตอบกลับช่างผมที่เผยลักยิ้มน้อยๆข้างแก้มอย่างดีใจ
"ทำไมอ่ะ ไม่ถูกใจอะไรบอกพี่ได้นะ"ช่างผมถาม เพราสังเกตุเห็นเด็กหนุ่มยังคงมองหาอะไรบางอย่างจากทรงผม
"พี่หมู...พี่สอนผมเชตผมหน่อยดิ"
"หือ.." เขามองหน้าเด็กหนุ่ม ไม่เข้าใจ
"ก็ผมเชตยังไงก็ไม่เหมือนพี่เซตให้ไง"
"ได้สิ เรื่องแค่นี้เอง"
ช่างผมรับคำลูกค้าและบอกเคล็ดลับอย่างที่เด็กหนุ่มต้องการ เมื่อเจ้าตัวพอใจแล้วจึงขอตัว
"ขอบคุณมากพี่หมู ไปก่อนนะครับ"
เด็กหนุ่มยกมือไหว้ช่างประจำด้วยมีสัมมาคาราวะ อธิปพงศ์รับไหว้และเก็บเครื่องมือให้เรียบร้อย ช่างผมหนุ่มที่ยังไม่ได้พักแม้แต่กินข้าวบิดตัวแก้เมื่อยเบาๆพลางมองไปรอบๆที่ลูกค้าเริ่มน้อยลง เขาถอนใจเล็กน้อยกะว่าจะขอตัวไปกินข้าวสักครู่ แต่จู่ๆ ก่อนจะออกจากหน้าร้านเพื่อนร่วมงานรุ่นน้องที่เพิ่งสระผมลูกค้าเสร็จก็เรียกเขาไว้
"พี่หมูๆๆ"
"ว่าไง มีไรเปล่า"
"พี่จะไปกินข้าวเหรอ รับลูกค้าอีกคนได้มั๊ยอ่า"
"หืม คนอื่นไม่ว่างเหรอ ทำไมตัดเองล่ะ"
"บ้าเหรอพี่หมู ถ้าพี่กุ้งรู้เฉ่งหนูตายสิ ตอนนี้หนูติดสปาเฟริ์มลูกค้าอยู่” เธอหมายถึงเจ้าของร้านที่ไม่ต้องการให้ช่างรับงานซ้อน เพราะเธอเองก็กำลังดัดผมให้ลูกค้า
"อีกอย่างลูกค้าไม่ใช่คนไทยอ่ะ มีพี่นี่หล่ะพอจะคุยกับเค้าได้"
"หืม ฝรั่งเหรอ"
เด็กสาวส่ายหน้าดิก "เหอะ อินเดีย"
"นะ น้า พี่หมู"
"เออๆๆๆๆ" อธิปพงศ์รับคำ
"ฮิๆๆ ขอบคุณค๊าบบบ" เด็กสาวคิกคักล้อเลียน
"ไหนล่ะลูกค้า"
"รอที่เก้าอี้พี่แล้ว"
"อืม ๆ"
ช่างผมหนุ่มรับคำและเดินไปยังมุมประจำของเขา ที่มีชายหนุ่มร่างใหญ่นั่งรออยู่อย่างที่เด็กสาวบอก แต่เมื่อเห็นหน้าตาของลูกค้าผ่านกระจกเงาแล้วอธิปพงศ์ก็มีความคิดบางอย่างขึ้นมา
"คนอินเดียเหรอวะ"
อธิปพงศ์ประหลาดใจเล็กน้อย ก็เพราะชายหนุ่มที่คาดว่าน่าจะวัยเดียวกันกับเขาตรงหน้าต่างกับที่คิดไว้มาก เพราะไม่ได้มีผิวดำแบบคนอินเดียทั่วไปอย่างที่เคยเห็น แต่กลับมีผิวสองสีที่เข้มกว่าคนไทยทั่วไปใบหน้าคมคร้ามด้วยแนวเคราที่กรอบคางรับกับดวงตาและจมูกโด่งได้รูป ไหนจะรูปร่างสูงใหญ่ที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามอีกเล่า ดูดิบห่ามมีเสน่ห์แห่งความเป็นชายโดยแท้ ขนาดว่าเขาเป็นผู้ชายที่จัดว่าหน้าตาดียังอดชื่นชมไม่ได้ ช่างผมหนุ่มคิดอย่างนั้น แต่ชายหนุ่มได้สติเมื่อลูกค้าส่งยิ้มมุมปากทักทายให้
"Hello" ลูกค้าส่งภาษาอังกฤษสำเนียงอินเดียทักทายคนเป็นช่างผม
"Hello"
"I want to do the hair cut in the same style like this"
"o.k."
อธิปพงศ์รับคำพร้อมกับคลุมผ้าและค่อยสางผมสั้นหยักศกของลูกค้าอย่างเบามือเมื่อเขามองรูปทรงศรีษะคิดคำนวณระยะของทรงที่จะตัดเรียบร้อยแล้วจึงลงกรรไกรเพื่อจัดการกับผมของผู้ชายตรงหน้า
ส่วนคนเป็นลูกค้ายิ้มให้กับเงาของตัวเองในกระจกเขามองช่างตัดผมที่กำลังขะมักขเม้นจัดแต่งทรงผม ใบหน้าคร้ามเข้มมีแต่รอยยิ้มอบอุ่นเมื่อเห็นมือเรียวค่อยสางผมของเขา ผิวขาวเนียนอมชมพูในเชิ้ตดำเข้ารูปของช่างหนุ่มคนนี้ดูดีขึ้นไฟในร้านเสียจริง คิ้วดำได้รูปกับดวงตากลมโตดำขลับที่ฉายแววจริงจังกับงาน ส่วนจมูกโด่งสวยนั้นก็รับกับริมฝีปากบางได้รูปสีชมพู ทั้งหมดนั้นอยู่บนใบหน้ารูปไข่ที่จัดแต่งทรงผมอย่างดี
ทำให้ลูกค้าหนุ่มไม่อาจละสายตาไปจากช่างผมได้
อธิปพงศ์รู้ตัวว่าถูกมองจึงหันหยุดชะงักและมองลูกค้า ชายหนุ่มรู้ตัวว่ามองนานไปจึงยิ้มให้และมองเงาตัวเองในกระจกแก้เก้อ
เด็กสาวคนเดิมเข้ามาถาม"พี่หมู เดี๋ยวไปกินข้าวกันมั๊ย"
"ไปสิ" เขานึกขึ้นได้ "เออ หญิงอย่าลืมบอกคนอื่นล่ะว่าพี่ไปกินข้าว"เขาหมายถึงถ้าลูกค้าประจำมาก็ฝากช่างคนอื่นบอกตามนั้น
"ค่า"
"อืม"
เขาหันมาตัดผมต่อจนเสร็จจึงไดร์และจัดทรงเพื่อความสมบูรณ์แบบ
"all right,finished"
เขาทำตามขั้นตอนเดิมคือหมุนเก้าอี้ให้ลูกค้าเห็นทรงผมรอบๆ ชายชาวอินเดียยิ้มพึงในใจทรงผมที่ได้ จึงลุกขึ้นเพื่อจะไปจ่ายเงินที่เคาท์เตอร์ด้านหน้า
แต่เมื่อลูกค้ายืนขึ้นก็ทำให้อธิปพงศ์ยิ่งประหลาดใจ ร่างนั้นสูงกว่าเขาที่จัดว่าเป็นชายไทยร่างสูงอยู่มาก ยิ่งมัดกล้ามบึกนั้นก็ทำให้เสริมเสน่ห์ความเป็นผู้ชายเข้าไปอีก
เมื่อลูกค้าชำระเงินเรียบร้อยแล้ว เขาก็ต้องให้นามบัตรร้านพร้อมชื่อและเบอร์โทรสำหรับนัดหมายให้ลูกค้าเผื่อว่าอีกฝ่ายอยากที่จะตัดผมกับเขาอีก
"If you want to do the hair cut again, this is my name and telephone number. You can call me when you want to do your hair cut, anytime"
อธิปพงศ์ยิ้มให้ลูกค้าอย่างเป็นมิตร เช่นเดียวกับฝ่ายตรงข้ามที่พลิกดูชื่อบนนามบัตร
"mooh"
"มูหหห์" เขาพยายามออกเสียงตามคำสะกดในภาษาอังกฤษ
"หมู...มายเนมอีส หมู" อธิปพงศ์บอกพร้อมรอยยิ้ม
"หมู?" เขาออกเสียงตาม
"เยส ๆ"
ลูกค้าต่างชาติเห็นอย่างนั้นเลยยื่นมือให้จับตามมารยาทการทักทาย
"My name is Nitin, nice to meet you"
อธิปพงศ์ก็ยื่นมือขวาออกไปเพื่อสัมผัสมือเช่นกัน
"Nice to meet you,too"
มือใหญ่นั้นบีบสัมผัสมือเรียวเบาๆก่อนจะปล่อยออกมา นิธินเลยบอกก่อนจะไปว่า
"I will have been living in bangkok about 3 months and I certainly come here again for my next hair cut"
"Thank you"
"Bye ,see you next time"
"Good bye"
อธิปพงศ์ยิ้มให้ลูกค้าอีกครั้งก่อนที่จะออกจากร้าน พลันลูกค้าเดินพ้นร้าน เพื่อนร่วมงานคนหนึ่งก็ปราดเข้ามาทันที
"แอร๊ยยยยย พี่หมู ลูกค้าพี่หมูหล่อมากกกก "
"อะไรของแกป๊อกกี้ องค์อะไรลงอีกหะ " พี่กุ้งชายวัยต้น40ที่ยังดูอ่อนกว่าวัยผู้เป็นเจ้าของร้านเข้ามาปรามลูกน้องตัวแรงที่ละจากการทำผมมาเพื่อเรื่องนี้
"แหม คุณแม่ขา ไม่เห็นเหรอค่ะ ออกจะหล่อล่ำ น่ากินขนาดนั้น โอ๊ยแค่คิดก็ฟูแล้วค่ะ ว่าแต่เค้าชื่ออะไรอ่ะ พี่หมูรู้ป่ะ"
"เค้าชื่อคุณนิธิน"
"เหรอค่ะ อร๊ายๆๆๆๆๆ"
"นังป๊อก"
"ขา คุณแม่กุ้ง" เจ้าตัวลอยหน้าลอยตาตอบ
"ตอนนี้แกว่างนักใช่มั๊ย"
"วะ..ว่า" เจ้าตัวจะตอบว่าว่างแต่ก็นึกออกทันทีว่ายังมีลูกค้าอยู่ "ว้ายๆๆๆๆ ตายแล้ว"
พี่กุ้งส่ายหน้ากับลูกน้องตัวป่วนเล็กน้อย ก่อนจะหันมาบอกกับอธิปพงศ์และหญิงที่จะออกไปนอกร้าน
"ไปกินข้าวได้แล้ว วันนี้เพิ่งได้พักกันใช่มั๊ยเนี่ยะ หมู"
"ครับ พี่กุ้งจะเอาไรป่ะครับ"
"ไม่ล่ะจ้ะ เอ้อ พี่เอาชามะนาวสักแก้วก็ดีนะ"
"ได้ค่ะ เดี๋ยวหนูซื้อมาฝากนะ "
พี่กุ้งพยักหน้ารับ ก่อนจะตัดผมให้ลูกค้าตัวเองต่อ
“พี่หมู ๆ”
‘หืออ”
“ลูกค้าพี่หมูคนมะกี๊หล่อเน๊อะ”
“อ่าว นี่แกก็เป็นกับเค้าอีกคนเหรอหะ”
“ป่าว แหม ก็เค้าหล่อจริงๆนี่นา แต่ไม่ใช่แนวอ่ะ ตัวใหญ่เกิน”
“นี่ขนาดไม่ใช่แนวนะเนี่ยะ” เขาหัวเราะเบาๆกับเพื่อนร่วมงานรุ่นน้อง
“เออ พี่หมู แล้วนี่เป็นไงอ่ะ พี่ดีกับแฟนหรือยัง”
เธอหมายถึง ปิ่นปัก แฟนสาวนักศึกษาของอธิปพงศ์ที่พักหลังมีปัญหากันบ่อยๆ
“อืม เคลียร์กันแล้ว”
“ก็ดีแล้วหล่ะ หนูล่ะเบื่อดูพวกพี่งอนกันจริงๆ”
ไม่มีคำตอบจากอธิปพงศ์ เขารู้ดีว่าที่ทะเลาะกันก็เพราะตัวเขาด้วยส่วนนึงแต่เขาก็พยายามรักษาความสัมพันธ์ครั้งนี้ให้ดีที่สุด
นิธินที่ตอนนี้กลับมาถึงที่พักของตัวเองย่านนานา เขานั่งลงบนเตียงและทอดตัวลงนอน หลังจากออกไปดินสำรวจในย่านการค้าใจกลางเมือง เขาลุกมองตัวเองในกระจกและอดยิ้มไม่ได้เมื่อนึกถึงช่างตัดผมคนนั้น
โปรแกรมเมอร์หนุ่มชาวอินเดียที่เพิ่งถูกส่งตัวมาทำงานที่กรุงเทพฯนึกย้อน ถึงคำพูดของเพื่อนร่วมหลานหลายคนที่เคยมาทำงานที่เมืองไทย โดยพวกเขาบอกว่า ใครที่ไปเมืองไทยจะมีอาถรรพ์ เพราะถ้าได้มาอยู่เมืองไทยแล้วจะไม่อยากกลับไปอินเดีย ยิ่งถ้ามีแฟนคนไทยแล้วก็จะอยากอยู่เมืองไทยไปตลอดชีวิต
เขายิ้มให้ตัวเองกับคำพูดนั้น เพราะมาได้แต่สามวันเขาก็หลงเสน่ห์คนไทยเข้าให้แล้ว เขานึกถึงหน้าใสๆและมือเรียวที่มีโอกาศเขากุมไว้สั้นๆ ชายหนุ่มผู้ยอมรับในรสนิยมทางเพศของตัวเองมานาน ยิ้มให้กับความรู้สึกดีๆที่เพิ่งพบเจอ นิธินหยิบหนังสือสอนภาษาไทยสำหรับชาวต่างชาติที่เพิ่งซื้อมาออกจากถุง ถ้าอยากจะผูกมิตรกับคนไทย ก็ต้องพูดภาษาไทยให้ได้เสียก่อน
และเมื่อครู่เขาได้ไปเดินสำรวจรอบห้างที่อธิปพงศ์ทำงานอยู่ ก็เจอฟิสเนตไม่ใกล้ไม่ไกลจากที่ชายหนุ่มทำงาน คนรักการออกกำลังกายอย่างเขาจึงไม่พลาดที่จะสมัครเป็นสมาชิกถึงแม้ค่าสมาชิกจะแพงมากและแถวที่เขาพักจะมีฟิสเนตอยู่ไม่น้อยก็ตาม แต่เป้าหมายจริงๆของนิธินใช่ว่าจะมาออกกำลังกายเฉยๆเสียเมื่อไหร่ ถึงแม้จะไกลจากที่ทำงานและออกจะแพงไปซะหน่อยแต่เขาก็ยินดีที่จะจ่าย ขอแค่มีโอกาศได้เจอหน้าอธิปพงศ์ทุกวันก็พอ
โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ....