กิมตี๋หัดขับ : คริๆ เป็นไงคะ แอลน่ารักล่ะสิ
ปล ไทนอสแต๊ป อยู่อะเลยเล็กไปหน่อย แอร๊ยยยย
บทที่ 13ไทนอสลืมตาตื่นมาด้วยความอ่อนเพลีย สายตาเขายังพร่ามัวกับแสงสว่างจ้าที่ส่องมา เขามองเห็นเพียงร่างเลือนๆของคนๆหนึ่งที่ฟุบลงนอนข้างๆเขา ผมยาวดำขลับนั้นสยายลงปรกดวงหน้างาม
‘ชีวาส’ไทนอสต้องใช้เวลาอีกสักพักสายตาเขาจึงปรับตัวได้ รอบห้องสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ประดับด้วยลูกไฟสีฟ้าขนาดใหญ่ที่ไหววูบไปมาตามแรงลม แสดงว่าพวกเขายังอยู่ที่นครทริซึม
ไทนอสลองออกแรงขยับตัว แต่เหมือนเรี่ยวแรงของเขานั้นถูกดูดออกไป ที่ทำได้เพียงแค่กระดิกนิ้วเพียงเท่านั้น
“ช….ชี….วาส” ไทนอสพยายามเปล่งเสียงออกจากลำคอที่แห้งผาก เขารู้สึกแย่ กระหายน้ำ และต้องการรู้ว่าเกิดอะไนขึ้น หลังจากที่เขาล้มลงไป แล้วคนที่เหลือเล่า……เกรย์……แอล
ผู้ถูกเรียกยกตัวขึ้นด้วยความดีใจ ชีวาสปัดผมออกจากใบหน้าเผยให้เห็นดวงตาที่ปูดโปนจากการร้องไห้ แม้กระทั่งขณะนี้ก็ยังมีน้ำใสๆเอ่อล้นนองอยู่ในตา
“ไทนอส….เจ้าฟื้นแล้ว….ไทนอส” ชีวาสร้องอย่างดีใจ มือของเขาลูบไปมาบนใบหน้านั้นอย่างห่วงใย จะไม่ให้ห่วงได้อย่างไรในเมื่อสุดที่รักของเขาหลับไปถึงสองวันเต็ม อีกทั้งอากการที่ยังไม่สู้ดีนัก
“เกิด….อะ…..ร…ไร…..” ไทนอสพยายามออกเสียงต่อแต่ชีวาสเอานิ้วชี้มาแตะปากเสียก่อน
“เจ้าไม่สบายเท่านั้น อย่าพึ่งถามอะไรเลย เดี๋ยวหมอก็มาแล้ว” ชีวาสโน้มตัวลงโอบกอดไทนอสเอาไว้ เขากระชับร่างนั้นไว้แน่นรวงกับไม่อยากให้จากไป……
ไทนอสเองก็คงรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นจากอ้อมกอดนี้ ความรู้สึกดีๆที่ไหลผ่านมา มันบอกอะไรได้มากเหลือเกิน รวมถึงหยดน้ำใสๆ ที่ร่วงหล่นบนใบหน้าของเขาด้วยเช่นกัน
ถึงแม้ไทนอสเองจะเข้าใจถึงความรู้สึกของชีวาสและอดใจที่จะสงสารไม่ได้ แต่อีกส่วนหนึ่งของความรู้สึกเขากลับคิดถึงอีกคนหนึ่ง ที่เขาไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นกับแอล
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
ณ สวนหลังบ้าน แอลนั่งเหม่ออยู่ที่เก้าอี้ ข้างๆนั้นคือเกรย์ที่นั่งจิบเครื่องดื่มอยู่อย่างเงียบๆ ถัดออกไปตรงต้นไม่ใหญ่จ้าวนครกราซนั่งอยู่บนกิ่งไม้ใหญ่
“เฮ้อ….” แอลถอนหายใจออกมาเป็นรอบที่สิบ ทำเอาเกรย์ที่มองยิ้มน้อยๆให้ แอลเองกำลังเป็นห่วงคนตัวใหญ่ที่ชอบแกล้ง สองวันที่ผ่านมานี้เขารู้สึกแปลกๆ…..มันเงียบจนรู้สึกผิดปกติ……
‘ไทนอส….ท่านเป็นอย่างไรบ้างนะ’ แอลเองได้แต่เก็บคำถามนี้ไว้ในใจ ถึงแม้อยากจะเข้าไปหา แต่พอเห็นภาพที่ชีวาสเองเฝ้าดูอย่างเป็นห่วง เขาก็ไม่กล้าที่จะเข้าไปเสีย
‘นี่ข้าคิดอะไรอยู่…..ท่านไทนอสมีท่านชีวาสอยู่แล้ว’ แอลรู้ดีว่าไทนอสนั้นกะล่อนมากแค่ไหน ถึงแม้กระนั้นไม่ว่าอย่างไรเขาก็มักจะกลับไปหาชีวาสเสมอ…….และสำหรับแอลเองก็คงจะเหมือนกัน…..คงเป็นเพียงของเล่นชิ้นใหม่ของไทนอสก็เท่านั้น
‘แต่ข้าอยากให้ท่านแกล้งข้าอีก…..ข้าอยากอยู่ใกล้ท่าน’ แอลเองยังไม่เชื่อตัวเองเลยว่าจะมีความคิดนี้อยู่ในหัวของตน
“เฮ้อ….” เสียงถอนหายใจครั้งนี้นับเป็นครั้งที่สิบเอ็ดพอดี และนั่นก็ทำให้ความอดทนของใครอีกคนขาดสะบั้นลง
“ถ้าเจ้าอยากไปหามันนักก็ไปเสียสิ” เอสเปอร์บอกไป เขาไม่ชอบใจนักเมื่อเห็นคนที่ไม่ยอมทำอะไรตามใจ
‘จะเป็นอะไรนักหนา แค่ไปเยี่ยมแค่นั้น’ เอสเปอร์รู้สึกหงุดหงิดในการกระทำของแอล หากเพียงแค่เป็นห่วง ก็ไปหาเสีย เท่านั้นเรื่องก็จบลง ไม่เห็นจะต้องมานั่งถอนหายใจอยู่แบบนี้ ทำไมหนอเจ้าพวกนี้ไม่ชอบที่จะทำตามหัวใจกัน อยากทำอะไรก็จงทำเสีย……
“อ๊ะ….ข้าไม่ได้อยากไปเสียหน่อย” แอลรีบตอบกลับ
“หึหึ เจ้าโกหกไม่เก่งนะแอล เอาเถอะ…..เดี๋ยวข้าไปเป็นเพื่อนเจ้าเอง” เกรย์ที่นั่งยิ้มอยู่ข้างๆยันตัวขึ้น
“ท่านเกรย์ ช้าๆสิ มานี่ข้าช่วยเอง” แอลรีบเข้าไปพยุงเกรย์ซึ่งดูสภาพยังไม่สมบูรณ์นัก เขาดูอิดโรย
“ข้าไม่เป็นไรแล้ว” เกรย์บอกปัด แต่ก็ขัดเจ้าโหรตัวน้อยไม่ได้
“ไม่ได้ๆ ท่านเกรย์ไม่สบายอยู่นะ” แอลขมวดคิ้วให้ดูน่ากลัว แต่นั่นก็คงได้แค่ขู่เด็กสามขวบก็เท่านั้น
“ร่างกายข้า…ข้ารู้ดีแอล”
“บอกว่าไม่ได้”แล้วเกรย์ก็ยอมจำนนปล่อยให้เจ้าตัวเล็กพยุงเขาไปตามทาง ทิ้งให้เอสเปอร์อยู่ที่สวนแห่งนี้เพียงลำพัง เขาเอนตัวลงนอนบนกิ่งไม้เพื่อหลับตาลงพักผ่อน แต่จมูกของเขาสัมผัสถึงสิ่งแปลกปลอมเสียก่อน
“ฟอกซ์” เอสเปอร์เรียกเจ้าหมาป่าออกมา สายลมไหววูบผ่านใบไม้ปรากฏเป็นเจ้าฟอกซ์ หมาป่าขาวตัวใหญ่ มันก้มหัวเคารพเจ้านายของมัน
“ตรวจดูรอบๆด้วย ข้าได้กลิ่นหนูอยู่แถวนี้”
…………………………………………………………………………………………..………………………………………………………………………………………
“ไม่ต้องห่วง อีกไม่กี่วันเจ้าก็เป็นปกติ” เสียงแข็งๆกล่าวต่อไทนอส ที่นอนหมดแรงอยู่ที่เตียง หลังจากถูกกรอกน้ำยาสีม่วงสดเข้าปากไปหนึ่งแก้วใหญ่ ขณะที่ชีวาสเองนอนสลบอยู่ด้วยฝีมือของคนๆนี้อยู่ที่โซฟา
“ข..ขอบคุณ…เจ้ามาก” ไทนอสมองสำรวจชายผู้ที่ชีวาสเรียกว่าหมอ ชายหนุ่มร่างสูงที่ดูๆแล้วไม่ว่าอย่างไรอายุคงจะพอๆกัน ใบหน้าที่ดูหงุดหงิด ร่วมกับน้ำเสียงที่แข็งกร้าวขัดกับบุคลิกของหมอเสียกระไร ไหนจะเครื่องแต่งกายนั่นอีก ผ้าโพกหัวสีดำที่คัดกับผมสีทองเข้ม เสื้อโค้ทตัวใหญ่ที่คลุมร่างกายอันใหญ่โตของเขาไว้ ทุกสัดส่วนล้วนเต็มไปด้วยมัดกล้ามแสดงถึงความแข็งแรง ไทนอสเองเสียอีกที่นึกอาย สำหรับคนที่ต้องต่อสู้อย่างเขากลับมีร่างกายที่อ่อนกว่าหมอผู้ที่แทยจะไม่ต้องออกแรงอะไรเลย
“ไปขอบใจคนที่จ้างข้ามาเถอะ” หมอหนุ่มตอบห้วนๆ เขากำลังยุ่งกับการผสมยานอนหลับขึ้นมาใหม่ (อันที่หมดไปได้ใช้กับชีวาสไปเสียแล้ว)
ประตูที่เปิดออกทำทั้งสองหนุ่มที่อยู่ในห้องหันไปมองผู้เข้ามาพร้อมกัน
ไทนอสเผลอยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัวทันทีที่เห็นแอลประครองเกรย์เข้ามา ถึงแม้เขาจะรู้เรื่องต่างๆจากที่ชีวาสเล่าให้เขาฟังแล้วก็ตาม แต่ก็อดที่จะอยากเห็นด้วยตาของตนเองไม่ได้ ว่า……แอลยังสบายดีอยู่
แอลประครองเกรย์นั่งลงบนเก้าอี้อย่างนุ่มนวล แต่สายตาของเขานั้นจับจ้องไปที่ไทนอสแต่เพียงผู้เดียว
“ข้าบอกให้เจ้าพักอยู่ที่ห้อง” เสียงไม่พอใจของหมอหนุ่มดังขึ้นมา
“ข้าไม่เป็นไรฮีล” เกรย์ตอบออกไป
“เกรย์ ….. เจ้า….พักเถอะ…ขะ…ข้าไม่เป็นไร” ไทนอสออกปากเสริมด้วยความเป็นห่วง
น่าเสียดาย……สิ่งที่เกรย์ได้ยิน…..เขากลับคิดเป็นอื่นไปเสีย
“ฮีลข้าเปลี่ยนใจแล้ว เจ้าไปส่งข้าที่ห้องได้ไหม” เกรย์เบี่ยงสายตาไปจากไทนอสเอ่ย
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวข้าไปส่งท่านเอง” แอลรีบร้อนบอกหมอหนุ่มที่หยุดผสมยาแล้วเดินเข้ามาหา
“เจ้าน่ะอยู่กับไทนอสนี่ล่ะ เจ้าอยากมาหาไม่ใช่” เกรย์พูกนิ่งๆ ก่อนจะยันตัวขึ้นยืนแล้วเดินออกไป โดยมีหมอหนุ่ม ฮีล เดินตามออกไป
“เดินไหวไหม” เสียงแข็งๆถามคนตัวซีดที่เดินเซไปมาข้างหน้า
“อืม” เกรย์ตอบสั้นๆอย่างไม่ใส่ใจนัก
ในใจของเกรย์ตอนนี้มันมีเพียงถ้อยคำของไทนอสที่พูดว่า
“เจ้าออกไปเถอะ” ดังก้องอยู่ในหัวรอบแล้วรอบเล่า
‘ข้าเองก็แค่……เป็นห่วงก็เท่านั้น’…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
“ท่านสบายดีนะ” แอลเองไม่รู้จะเริ่มอย่างไรดี เขามัวแต่ก้มหน้าก้มตาถามไปอย่างอายๆ
“เข้ามา…..กะ..ใกล้..ข้า…สิ” ไทนอสแอบยิ้มเมื่อเห็นเจ้าตัวเล็กที่ก้มหน้า ยืนบิดไปมา แต่ก็แอบดูเขาเป็นระยะ
แอลเองค่อยๆก้าวมาจนยืนอยู่ข้างเตียงผู้ป่วย
“เจ้า….ไม่เป็นไร..นะ”ไทนอสคว้าเข้ากับมือเรียวเล็กของแอลเอามากุมไว้ เขารู้สึกได้ว่าแอลเองไม่ได้ขัดขืน นั่นมันทำให้ชื่นใจนัก
“…..” เจ้าโหรน้อยพยักหน้าหงึกๆ เขายังก้มหน้ามองพื้นต่อไป
‘โอ้ย….ทำไมพูดกับเขาไม่ออกเลย’แอลรู้สึกหงุดหงิดทุกครั้งที่ใกล้ไทนอส เพราะมันทำให้เขาไม่เป็นตัวของตัวเอง ไม่สามารถพูดได้อย่างปกติ อย่าว่าถึงพูดเลย แค่จะมองหน้าไทนอสเอง แอลยังไม่กล้าที่จะมอง………แต่กระนั้นแอลเองก็ไม่อยากที่จะห่างไทนอสไป……
“หิว…น้ำ”
“อ๊ะ….ครับ” แอลรีบดึงมือออกรี่ตรงไปหยิบแก้วน้ำที่หัวเตียง แล้วบรรจงพยุงคนตัวใหญ่ขึ้นมา
ไทนอสกลืนกินน้ำด้วยความกระหาย หางตาเขาชำเลืองมองใบหน้าอีกคน ที่ดูตั้งใจในการป้อนน้ำเป็นอย่างมาก ก็ทำตัวน่ารักแบบนี้ไง ถึงน่าแกล้งนักเชียว
เมื่อดื่มน้ำจนพอแล้วแอลเองค่อยๆช่วยพยุงไทนอสลงนอน และแน่ล่ะ แอลไม่กล้าสบตาไทนอสเช่นเคย ทำเอาชายหนุ่มไม่พอใจเริ่มคิดแผน…….และแล้ว
“โอ้ย” ไทนอสร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด แสร้งทำสีหน้าเจ็บปวด มือทั้งสองกุมศีรษะตนเองไว้
“ท่านไทนอส เป็นอะไรไป” แอลตกใจรี่เข้ามาหา
แต่กว่าจะรู้ตัวว่าตกหลุมพรางเข้าเสียแล้ว มือทั้งสองของไทนอสก็รวบเอาคนตัวเล็กไว้ได้เสียแล้ว
“ท่าน….นี่ท่านแกล้งข้า”
“น่า…..แอล”
และนั่นก็เป็นเหตุที่ทั้งสองได้สบตากัน แม้แต่แอลก็ไม่สามารถละสายตาจากไทนอสไปได้ ความรู้สึกแปลกๆนี่มันคืออะไร แอลเองไม่เข้าใจ เพียงแต่เขารู้สึกดี
รู้สึกดีจนไม่อยากที่จะพลาดมัน
แอลมองใบหน้านั้นนานเท่าไรไม่รู้ จนไทนอสกระชับวงแขนเขาแรงขึ้นจนโน้มให้ตัวแอลต่ำลงมา จนใบหน้าทั้งสองห่างกันไม่ถึงคืบ
ถึงจุดนี้แอลเองไม่รับรู้อะไรอีกแล้ว ใบหน้าที่ร้อนผ่าวกับเสียงของหัวใจที่บอกให้เขาก้มลงไปอีก เขารู้ว่าขั้นตอนต่อไปต้องทำอย่างไร
เสียงกรนเบาๆของชีวาสแผ่วแว่ว
แอลชะงักหันไปมองอีกคนที่หลับด้วยแรงยานอนหลับ
“แอ….ล”
“ข้าต้องไปแล้วท่านไทนอส” แอลแกะมือของไทนอสออกอย่างเร็ว แล้วเดินออกจากห้องไปด้วยความรู้สึกที่ไม่ดีเอาเสียเลย
‘นี่ข้ากำลังทำอะไรอยู่’