สัมผัสพิเศษ♡
วันแรกของการเปิดภาคเรียนได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว คริสตัลมามหาวิทยาลัยด้วยรถหรูของเทพทัตตามเดิมแต่ที่เพิ่มเติมคือบรรดาสายตาของผู้สงสัยทั้งหลายแหล่ จริงๆแล้วเค้าก็ลืมไปว่าเรื่องราวต่างๆมากมายที่เกิดขึ้นนั้นมันเป็นช่วงปิดเทอมซึ่งบรรดานักศึกษาในมหาวิทยาลัยไม่รู้ไม่เห็นจึงไม่แปลกที่จะมองเค้าด้วยสายตาฉงนทันทีที่เค้าก้าวลงจากรถพร้อมๆกับผู้เป็นเจ้าของ
“วันนี้เลิกบ่ายสามใช่ไหม?”
ถามพร้อมยกมือขึ้นยีหัวคนน้องเบาๆแต่ก็โดนคนน้องปัดทิ้งในเวลาต่อมา
“คนเยอะแยะ อายบ้างเหอะทัต”
“อายทำไม แค่แสดงความเอ็นดู”
คริสจิ๊ปากใส่คนพี่ไปทีจนทั้งคู่เดินมาถึงโต๊ะประจำที่คริสชอบนั่งกับเพื่อนๆ ทว่าจนบัดนี้เค้าก็ยังไม่เห็นแม้แต่เงาของผู้ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเพื่อนเลยสักคน
“เอาไง ให้อยู่เป็นเพื่อนไหม?”
คริสตัลส่ายหน้าปฏิเสธ ตัวเองมีเรียนเก้าโมงส่วนทัตมีเรียนแปดโมง ใช่เรื่องไหมที่จะให้เสียการเรียนมานั่งเฝ้ากันอยู่แบบนี้
“เดี๋ยวโทรตามพวกมันเอา ยูไปเรียนเหอะ”
“มั่นใจนะ?”
“โว๊ะ นี่มันมหาลัยนะทัต ใช่ว่าจะมีใครมาฉุดเอาซะหน่อย”
“ก็ไม่แน่ ไม่รู้ตัวเลยรึไงว่าตัวเองน่าฉุดยิ่งกว่าเมื่อก่อนอีก”
ถ้าพูดให้ถูกก็คือออร่าความเป็นเมียได้ถูกกระตุ้นจนมันเอ่อล้นแทบจะกลายเป็นฟีโรโมนให้เหล่าตัวผู้ทั้งหลายได้จับจ้องกันตาเป็นมัน ทัตเองก็รู้ในข้อนี้จึงได้แต่เทียวจ้องคนที่จ้องน้องตอบแบบข่มขู่ทางสายตา ถ้าใครกล้าคือรนหาที่ตายชัดๆ
“พูดบ้าอะไรวะ ไอก็ผู้ชายไหม มีมือมีตีนเหมือนกันไหม”
“หึ ตัวแค่นี้จะไปสู้อะไรใครได้”
ว่าแล้วก็ล็อคคอคนน้องเข้ามาแนบอก คริสพอตั้งตัวได้เลยพยายามดันทั้งผลักทั้งเตะแต่ก็ไม่เป็นผล
“เห็นไหมละ แรงอย่างกันมด”
“นั้นเพราะยูตัวใหญ่เกินไปต่างหากทัต คนอื่นเค้าไม่ได้เป็นยักษ์เหมือนยูทุกคนนะ”
“โอเคๆ งั้นโทรหาใครสักคนก่อน พอใกล้เวลาเดี๋ยวพี่ค่อยเข้าก็ได้”
คริสพยักหน้ารับแล้วควานหาโทรศัพท์ทันทีที่ทัตปล่อยแขนออกจากตัว ทั้งสองคนนั่งอยู่ที่ม้านั่งในฝั่งเดียวกันทั้งที่มีที่ว่างอีกตั้งสามที่ ก็แล้วไง คนหวงเมียจะประกาศศักดาใครจะทำไม
“ฮัลโหล มึงอยู่ไหนวะ?”
/พึ่งออกเว้ย เหลือเวลาอีกเป็นชั่วโมงมึงจะรีบไปไหนไม่ทราบ?/
“สัส กูมากับทัต ทัตมีเรียนเช้าไง”
/อ้อ ที่แท้ก็มากับผัว/
“เชี่ยมิกส์!”
/หรือจะเถียงกู ปิดทงปิดเทอมอุสานัดเที่ยวกันเสือกติดต่อไม่ได้แล้วเปิดเทอมมาเพื่อนกูมีผัวเป็นตัวเป็นตนเลย/
“มึงรีบมาให้กูเตะปากดิ๊”
/ฮ่าๆๆๆ ไม่เอาสิตัวเอง ไม่เขินน๊า/
คริสตัลได้แค่ขนเคี้ยวเขี้ยวฟันอยู่อย่างนั้นในขณะที่คนปลายสายหัวเราะรวน
/ไอ้นายก็อีกคน เงียบไปเลยสัส มึงรู้ไหมว่ามันหายไปไหน?/
“ไม่รู้”
/เอ๊า ปกติมันตัวติดกับมึงจะตาย เป็นไปได้เหรอที่พวกมึงจะไม่รู้ตารางชีวิตกัน/
“กูไม่ใช่เจ้าของชีวิตมันจะได้รู้ไปซะทุกเรื่อง”
/เอาจริงนะคริส นี่มึงไม่รู้อะไรจริงๆเหรอ?/
คริสตัลถึงกับหมุนหัวคิ้ว
“รู้อะไรวะ?”
/เออ ช่างแม่งเหอะ แค่นี้นะไฟเขียวแล้วกูจะขับรถ/
“เออๆ”
ว่าจบก็ตัดสายฉับไปซะไวว่อง คริสยังคงตีคิ้วมุ้ยจนคนพี่นึกสงสัย
“มีอะไร?”
“ไอ้มิกซ์มันพูดให้งงอะ นี่ยังไม่รู้เรื่องกันดีก็ชิ้งตัดสายหนีไปซะงั้น”
“หึ งั้นเพื่อนมาถึงก็ค่อยคุยกันใหม่สิ สรุปเพื่อนอยู่ไหนแล้ว?”
“พึ่งออกมา คอนโดไอ้มิกซ์อยู่ไม่ไกลหรอก เดี๋ยวก็มาถึง”
“โอเค”
ตอบรับแล้วก็ล้วงเอาโทรศัพท์ตัวเองมาเล่นหน้าตาเฉย คริสมองตามตาปริบๆอุสาบอกว่าเดี๋ยวก็ถึงกะให้มันคลายใจแล้วขึ้นตึกไปเรียนแต่มันกลับนั่งต่อซะงั้น เอาเถอะ หัวสมองระดับมันการเข้าเรียนก็คงเหมือนไปนั่งฟังนิทานนั่นแหละนะ
คริสยกมือเท้าคางเมียนมองไปรอบด้านสายตาเนืองๆ เป็นปกติที่พอเปิดเทอมแล้วทุกคนจะทำสีหน้าแบบนี้ มีใครบ้างที่ไม่รู้สึกขี้เกียจหรือเบื่อหน่ายกับการต้องตื่นแต่เข้ามาเข้าเรียนหลังจากที่หยุดเป็นเวลานานๆ
“คริส”
มีเสียงแรกจากอีกด้านพอคริสหันไปมองก็ยิ้มแป้นตอบเพื่อน นายเข้ามานั่งฝั่งตรงข้ามด้วยสีหน้าโทรมจนคริสอดสงสัยไม่ได้
“ไปทำไรมาวะ โคตรโทรมเลย”
“แค่นอนไม่พอนะ แล้วนี่กินไรมายัง?”
“อืม เรียบร้อยแล้ว มึงยังไม่กินเหรอ?”
“เออ ไปโรงอาหารเป็นเพื่อนหน่อยดิ”
“ได้ๆ แต่รอไอ้มิกซ์แป๊บ มันกำลังมา”
นายพยักหน้ารับก่อนจะเสมองไปยังใครอีกคนที่ยังคงนั่งเล่นโทรศัพท์อยู่นิ่งเหมือนพยายามไม่มีตัวตนให้ใครเห็น
“ทัต”
เป็นคริสที่หันไปสะกิดเรียก
“หืม?”
“ไอ้นายมาแล้ว ยูขึ้นตึกไปได้ละ เดี๋ยวพวกไอจะไปโรงอาหารต่ออีก”
“โอเค ดูแลตัวเองละ”
“ก็บอกไปแล้วไง”
“รู้ครับ แต่พี่ก็ห่วงอยู่ดี”
“คราวหน้าเอาโซ่มาล่ามไว้เลยไหม”
“ทำได้เหรอ?”
“กวนตีนละทัต ไอประชด”
“หึหึ”
ทัตหัวเราะเสียงต่ำก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูง แต่พอมองสบตากับหลายๆคนที่คอยจับจ้องมาทางพวกเค้าทัตเลยนิ่งคิดอะไรนิดหน่อย
“เป็นอะไรนะทัต?”
คนพี่ไม่ตอบแต่หันไปสบตาคนน้องนิ่งๆสักพักก็เอื้อมมือไปรั้งท้ายทอยแล้วก้มลงจุ๊บปากบางไปทีท่ามกลางสายตาและเสียงกรี๊ดกร๊าดจากผู้คนรอบด้าน คริสถึงกับเบิกตากว้าง ถึงแม้จะไม่ใช่ดีพคิสแต่มันก็ประเจิดประเจ้ออยู่ดีนั้นแหละ
“ไปละ”
“จะไปไหนก็ไปเลย!”
อดที่จะเกรี้ยวกร๊าดไม่ได้จริงๆเหมือนอย่างที่อดใจเต้นจนหน้าเห่อแดงไม่ได้เช่นกัน ให้ตายสิ นี่มันในมหาวิทยาลัยเลยนะเว้ย
“พวกมึงนี่หวานกันดีเนอะ”
เสียงแข็งๆในแนวประชดดังมาจากอีกคนให้คริสได้สติ
“ก็…ไม่นะ”
“จะปฏิเสธอะไรช่วยดูสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ด้วยครับคุณชายคริสตัล ต่อหน้าต่อตาสักขีพยานเป็นร้อย ไม่เกินเที่ยงมึงได้กลายเป็นหัวข้อข่าวในเพจนั้นอีกแน่”
“จะว่าไปก็ลืมไปเลยแฮะ เรื่องไอ้เพจอะไรนั้น”
นายยกยิ้มขำเพื่อนพอดีกับที่หันไปเจอมิกซ์กำลังถอยรถเข้าซองไม่ใกล้ไม่ไกลเลยพยักพเยิดหน้าให้คริสตัลหันไปมอง
“คิดไงเอารถจอดริมฟุตบาทวะ?”
คริสท้วงทันทีที่เพื่อนอีกคนเดินมาถึงโต๊ะ
“ขี้เกียจวนหาที่จอดไง หิววะ ไปกินข้าวกันเหอะ แล้วไอ้แวนกะไอ้คมละ?”
“มึงเอาทีละคำถามดิมิกซ์”
เป็นนายที่ท้วงเพื่อน คริสตัลหัวเราะเสียงต่ำก่อนจะเป็นคนตอบ
“พวกกูว่าจะไปโรงอาหารอยู่พอดี ส่วนไอ้แวนกับไอ้คมยังไม่ได้โทรหา มึงโทรเลยมิกซ์”
คนถูกโยนภาระเหยียดปากก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดไม่กี่ทีก็เอาแนบหู คริสกับนายลุกขึ้นยืนแล้วพากันเดินนำไปยังโรงอาหารของคณะที่อยู่เยื้องจากตึกเรียนไปนิดหน่อย ทันทีที่คริสโผล่หน้าเข้าไปด้านในแทบทุกสายตาก็หันควับมามองเค้าเป็นตาเดียวก่อนจะหันหลบตาไปแต่ก็ยังมีมองมาอยู่ประปราย
“เอาแล้วไงไอ้คริส มึงไปทำเรื่องอะไรไว้อีกวะ?”
มิกซ์วางสายแล้วเอ่ยท้วง คริสตัลไหวไหล่บอกไม่รู้เหมือนกันแต่ก็ไม่อยากสนใจนัก พวกเค้ามองหาโต๊ะว่างสำหรับห้าที่ไม่นานก็เจอเพราะคนยังน้อย
“พวกมันบอกว่ากำลังมา ให้สั่งเผื่อด้วย”
มิกซ์บอกขณะที่ปรายตามองไล่ตามร้านอาหารต่างๆ
“กูกินมาแล้ว พวกมึงไปซื้อเหอะ เดี๋ยวกูเฝ้าโต๊ะเอง”
ทั้งสองพยักหน้ารับแล้วจึงเดินหายไปสั่งซื้อของที่ตนอยากกิน คริสอยู่ว่างๆเลยหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่น จริงๆพวกโซเชียลต่างๆตนปิดแต้งเตือนไปตั้งแต่ก่อนปิดเทอมแล้วเพราะนึกรำคาญในช่วงสอบ แตาพอมาเปิดดูวันนี้เท่านั้นแหละ โทรศัพท์เกือบค้าง อะไรมันจะเยอะปานนั้น
“เฮลโหลมายเฟรน!”
“อยู่เฝ้าโต๊ะคนเดียวเหรอมึง”
คริสเงยหน้ามองผู้มาใหม่ทั้งสองก่อนจะพยักหน้ารับ
“ทำไมทำหน้างั้นวะ?”
แวนถาม
“ป่าว”
แต่สายตาเพื่อนต่างก็มองตรงไปยังโทรศัพท์ในมือคนตอบโดยตัวเลขในวงสีแดงๆเหนือไอคอนโซเชียลยอดนิยมกำลังพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว
“เชดดดดด นี่มึงฮอตไปป่ะเพื่อน”
“จริงวะ หรือมึงไปสร้างเรื่องอะไรไว้อีก”
คริสๆได้แต่ส่ายหน้าในขณะที่เพื่อนทั้งสองนั่งลงฝั่งตรงข้ามแล้วจ้องมองเค้าเขม่ง
“เอามาดูดิ๊”
ว่าแล้วก็แย่งเอาโทรศัพท์ในมือคริสมากดเปิดดูในทันควัน ระหว่างที่สองคนนี้สุ่มหัวดูสิ่งที่เกิดขึ้นในโทรศัพท์อีกสองที่หายไปซื้อของกินก็กลับมาพร้อมจานอาหารสี่จาน
“อ้าวไอ้สัส นั้นที่นั่งกู”
“อย่าพึ่งกวนครับ มึงนั่งข้างไอ้คริสไปดิ”
มิกซ์จิ๊ปากวางจานข้าวลงตรงหน้าเพื่อนแรงๆแล้วเดินอ้อมไปนั่งอีกฝั่ง นายเองก็วางอีกจานให้เพื่อนแล้วนั่งลงข้างคริสเช่นกัน
“พวกมึงทำเชี่ยไรอยู่วะ?”
“เสือก”
แวนเป็นคนตอบและมิกซ์วางช้อนแทบจะทันที
“ด่ากู?”
“ป่าว กูบอก กูกำลังเสือกเรื่องไอ้คริสอยู่ แล้วนี่มึงไม่กินไรเหรอวะไอ้คริส?”
มองเห็นตรงหน้าคริสตัลไม่มีจานข้าวเหมือนคนอื่นเลยอดท้วงไม่ได้ คริสส่ายหัวอีกรอบแล้วฟุบหน้าลงกับโต๊ะ
“เชี่ย สกปรกไหมนั้น มึงเอาเป้กูไปหนุนเลยไป”
คมพูดแล้วหยิบเอาเป้ลายพลางของตัวเองไปให้เพื่อนหนุน คริสรับมาวางก่อนจะฟุบลงอีกครั้ง ง่วงเหี้ยๆเมื่อคืนกว่าจะได้นอนแถมยังต้องตื่นแต่เช้าเป็นเพื่อนไอ้ยักษ์อีก
“ทำไมมีอะไรยาวๆด้วยวะ?”
คริสสะกิดเพราะไปหนุนโดนอะไรบางอย่างเข้า คมขมวดคิ้วไม่รู้เหมือนกันคริสเลยเปิดเป้ล้วงเข้าไปหยิบออกมาปรากฎว่าเป็นกล้วยหอมของเซเว่นและนมข้นแบบหลอดบีบ
“มึงพกพวกนี้เป็นด้วย?”
มิกซ์แซวขำๆ
“เคยเห็นกูพกหรือเปล่าละ ไอนี่น่าจะเป็นของน้องกูมั้ง เมื่อวานมันยืมไป”
“อ้อออออ~”
“งั้นกูขอนะ”
“เอาดิ มึงชอบกินกล้วยนี่เนอะ”
คริสแยกเขี้ยวใส่เพื่อนไปทีแต่ก็ไม่อยากต่อความยาวสาวความยืด เค้าแกะห่อถุงพลาสติกแล้วปอกกล้วยหอมลูกใหญ่ยาวสมราคา แต่พอจะงับมิกซ์ก็ร้องขัดขึ้นซะก่อน
“อย่าพึ่งกัดนะเว้ย!”
“อะไรของมึง ข้าวก็มีอย่ามาแย่งกูนะเว้ย”
“ไม่แย่งๆ แค่คิดว่ามันอาจจะไม่หวานอร่อย ไหนๆก็มีนมข้นติดมาด้วยมึงไม่ใส่สักหน่อยละวะ”
คนิสถึงกับขมวดคิ้วมุ้ย
“กล้วยกะนมข้นเนี้ยนะ?”
“เออ ลองดูมึง อร่อยแน่กูรับประกัน”
แล้วก็ยกยิ้มเจ้าเล่ห์ไปให้แวนกับคมที่ยังคงถือโทรศัพท์อยู่ในมือ คมไหวไหล่แล้วหันไปสนใจโทรศัพท์ต่อแต่ครั้งนี้เค้าตั้งศอกกับโต๊ะเพื่อดูให้ชิดกับสายตามากขึ้นส่วนแวนก็เข้ามาเปิดหลอดนมข้นจ้อรอไว้เลย คริสถึงจะงงๆแต่ก็ยอมทำตามที่เพื่อนแนะ แวนบีบนมข้นสีข้าวขุ่นใส่ตรงส่วนปลายจนมันค่อยๆไหลเยิ้มลงจนเกือบเลอะมือคนถือ
“สัส เลอะเลยไหมละ”
บ่นให้เพื่อนที่บีบมากจนเกินไปแล้วรีบเอาไปเลียในส่วนที่ไหลเยิ้มก่อนมันจะเลอะมากไปกว่านี้ ความหวานแผ่ซ่านไปทั่วทั้งปากทำให้คริสชักจะชอบใจ ไม่กินมันละกล้วยให้ไอ้พวกนี้บีบนมจนหมดไปเลยดีไหมน๊า คริสละเมียดไล่เลียนมด้วยความชอบใจ จากขอบๆก็ลากลิ้นชมพูอมแดงขึ้นไปจนถึงสุดปลายก่อนจะวกกลับมาใหม่ เมื่อด้านข้างหมดจึงอมเอาทั้งหมดเลียจนหยดสุดท้าย พอจะบีบเอาอีกก็เหลือบไปเห็นใบหน้าของเพื่อนแต่ละคนที่ออกจะแดงๆแถมนิ่งค้างไอ้มิกซ์นี่อ้าปากเหวอไปเลยด้วยซ้ำ
“พวกมึงเป็นไรเนี้ย?”
พอคริสถามก็เหมือนเวลาได้กลับมาเดินอีกครั้ง แต่ละคนกระแอมไอแล้วหลบหน้าหลบตาไม่มีใครให้คำตอบเค้าสักคน คริสเลยเอื้อมมือมาแย่งเอาหลอดนมข้นอีกแต่แวนแย่งหนีไปซะงั้น
“เห้ย ไรว๊า เอามาเลยไอ้แวน”
“มึงไม่ต้องกินแล้วเชี่ยคริส แค่นี้กูก็หายใจไม่ทั่วท้องแล้วแม่ง”
“ห่ะ?”
“เออ กูขอโทษที่เสนอให้มึงกินแบบนี้ แม่งเอ๊ย หัวใจจะวาย”
“หือ??”
“แล้วไอ้ที่ไลฟ์สดไปแล้วนี่ทำไงอะ?”
“เห้ย!?!”
“โพสไปแล้วด้วย”
“เชี่ยคม!!!”
คริสยังคงทำหน้างุนงงในขณะที่เพื่อนๆต่างตื่นตระหนกจนแทบไม่มีคนตักข้าวใส่ปากอีกต่อไป
“พวกมึงเป็นเชี่ยอะไรกันเนี้ย??”
“คริสตัล”
เสียงเข้มเอ่ยเรียกดังพอประมาณจนคนทั้งโต๊ะสะดุ้งโหย่ง คริสหันไปมองยังที่มาของเสียงซึ่งก็ไม่ใช่ใคร
“ทัต นี่ยังไม่เข้าเรียนอีกเหรอ?”
จากที่ดูเวลามันน่าจะเรียนไปได้ครึ่งชั่วโมงแล้วด้วยซ้ำ เทพทัตไม่ตอบคำถามคนน้องแต่ปรายตามองไปยังโทรศัพท์ที่ยังคงอยู่ในมือของคม
“เข้าแล้วแต่ออกมาใหม่”
“แล้วจะออกมาทำไม?”
“แล้วเราทำอะไรไว้ละ?”
คริสชักฉุน อารมณ์เสียอะไรมาไม่รู้ด้วยหรอกนะแต่จะมาลงที่เค้าแบบนี้ไม่ได้นะเฮ้ย
ในขณะที่คริสตัลกำลังขนเขี้ยวเคี้ยวฟันอยู่นั้นทัตก็ตรงเข้ามาแย่งกล้วยในมือคนน้องแล้วโยนทิ้งถังขณะเล็กที่อยู่ใกล้ๆก่อนจะแย่งเอามือถือคนน้องมาจากเพื่อนแล้วกดไม่กี่จึ๊กก่อนจะเอาเก็บลงในกระเป๋าของตัวเอง
“เห้ย! นั้นของไอนะ!!”
“แลกกันใช้ แล้วตอนเที่ยงจะมากินข้าวด้วย เลือกเรียนไม่ต้องไปไหนอยู่รอใต้ตึกเดี๋ยวจะพากลับเอง”
“แต่ยูเลิกหลังไอเป็นชั่วโมงเลยนะ”
“ช่างมันสิ เอาตามนี้ห้ามขัด กินเสร็จก็พากันขึ้นห้องเรียนไปเลย หวังว่าคงเข้าใจกันนะ”
นอกจากจะสั่งคริสแล้วยังเผื่อแผ่ไปถึงบรรดาเพื่อนๆที่เป็นต้นเหตุความคิดอุตริแบบนี้ ทัตรู้ว่ามันไม่สมควรแต่ตนอารมณ์เสียเกินกว่าที่จะหยุดยั้งมันได้ ตั้งแต่เพื่อนตนสะกิดให้ดูคนน้องไลฟ์สดทั้งที่ไม่คิดว่าจะเล่นแถมยังเป็นแนวติดเรตชวนให้คิดลึกแบบนั้นด้วยอีก ทัตถึงกับลุกพรวดก้าวไวๆออกจากห้องและก็เป็นอย่างที่เค้าคิด เวลาเดินผ่านแต่ละคนนี่มีแต่คนกำลังดูและพูดถึงไลฟ์ตัวนั้นกันให้แซ๊ด นี่มันหายนะชัดๆ จากนี้คงมีคนเข้ามาวอแวกับคนรักของเค้าอีกเพียบแน่ๆถ้าไม่ประกาศความเป็นเจ้าของอย่างจริงจังไว้ก่อน
“เป็นบ้าอะไรวะทัต!?!”
ทันทีที่กลับมาถึงห้องในคอนโดของทัตคริสตัลก็เริ่มโวยวายในทันที ทัตถอนหายใจแรงๆแล้วดึงแขนคนน้องให้ไปนั่งลงที่โซฟาก่อนจะหยิบโทรศัพท์แล้วเปิดวีดีโอที่ตนบันทึกไว้ให้ตัวการดู ถึงแม้วีดีโอที่ไลฟ์ลงโซเชียลจะไม่มีอยู่แล้วแต่ในเครื่องของเค้ายังคงมีเพราะตนได้บันทึกไว้นั่นเอง คริสเห็นแล้วก็ตาเบิกกว้าง ตอนนั้นมันไม่คิดอะไร แต่ไอ้ที่ดูอยู่ยี่มันชวนให้คิดลึกเหี้ยๆ
“เหี้ย!”
“ใช่ โคตรเหี้ย”
ว่าแล้วทัตก็ล้มตัวลงนั่งข้างๆคริส มือหนาเลื่อนไปดึงคนน้องให้เข้ามาใกล้ก่อนจะประกบปากจูบหนักๆให้สมกับที่ต้องข่มอารมณ์หึงหวงมาทั้งวัน
“อือออ พอแล้ว”
“ลงโทษไง”
“มาลงโทษอะไรละ ไอไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย”
“ยังจะกล้าพูดเนอะคนเรา”
“ไอ้คมมันถ่าย ไอแค่กิน”
“กินได้แต่ไม่จำเป็นต้องกินแบบนั้นไหม คนอื่นเห็นเค้าคิดไปต่างๆนานาแล้วใครกันละที่จะเดือดร้อนถ้าไม่ใช่เรานะ”
“ก็…”
“หึ”
ทัตหัวเราะเสียงต่ำก่อนจะจ้องหน้าคนรักที่เอาแต่เม้มปากอยู่ข้างๆ
“อย่ากัดปาก”
“…..”
“มานี่สิ”
คริสเงยหน้าขึ้นมองคนเรียกที่ตบตักตัวเองแป๊ะ เค้านิ่งคิดอยู่ครู่เดียวก่อนจะลุกขึ้นไปนั่งหันหน้าเข้าหาคนพี่ตามที่เคยทำ ก็เคยทำอยู่หรอกเวลาอยากอ้อน แต่ก็ไม่บ่อยนะ มันเขินอะ
“พูดตรงๆเลยว่าพี่หวง ไม่อยากให้ใครได้เห็นสีหน้าแบบนั้น แล้วก็หึง ไม่อยากให้ใครใช้เราเป็นภาพในจินตนาการ”
“เวอร์”
“ความจริงครับ”
ทัตกระชับอ้อมแขนที่โอบรอบตัวน้องให้คนบนตักเข้ามาแนบชิดกับอก คริสเกยคางกับไหล่กว้างโอบกอดคนพี่ตอบในเชิงอ้อนอยู่กลายๆ
“ไม่ได้ตั้งใจอะ”
“รู้ แต่มันก็อดไม่ได้ไง จะล่ามโซ่ไว้ในห้องก็ไม่ได้ เข้าใจว่าเราก็มีชีวิตเป็นของตัวเอง พี่แค่อยากให้เราระวังตัวมากกว่านี้”
“อืม”
“อืมคือ?”
“ก็ เข้าใจแล้วไง”
ทัตยิ้มกว้างแล้วฉกหอมแก้มคนน้องไปฟอดใหญ่ๆ
“คนเก่ง”
คนถูกชมหน้าแดงระเรื่อขึ้นเรื่อยๆจนต้องหลบโดยการซบลงที่บ่าคนตรงหน้า ทัตเอนตัวพิงพนักพิงและแน่นอนว่าคริสต้องโถมตัวลงไปนอนทันเค้าไปด้วย อ้อมกอดนี้มันยังคงอบอุ่น ไม่ใช่แค่กายแต่มันอุ่นไปถึงด้านในของจิตใจเลยทีเดียว
“คริสตัล”
“หืม?”
“รักนะครับ”
“อืม”
“ขี้โกงจัง พี่บอกแล้วทำไมไม่บอกพี่บ้างละ”
“ไอไม่ได้บอกให้พูดนี่”
“ร้ายนักนะ”
ว่าแล้วก็ฟัดแก้มไซ้ลงไปถึงซอกคอสูดดมเอากลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์ของคนน้องด้วยความชอบใจ
“ฮ่าๆๆๆ ทัต หยุด มันจักกะจี้”
มือก็ยุกยิกอยู่ไม่สุข จากที่โอบกอดอยู่ดีๆตอนนี้กลับล้วงเข้าไปใต้ร่มผ้าซะงั้น
“ทัต!”
“หืม?”
“หยุดเลย ตะวันยังไม่ตกดินด้วยซ้ำจะรีบหื่นไปไหนไม่ทราบ”
“จะทำสัญลักษณ์แสดงความเป็นเจ้าของไว้ไง”
“เยอะละ”
“หึหึ หิวยัง?”
“ยัง”
“งั้นไปอาบน้ำเปลี่ยนชุด จะได้สบายตัว”
“วันนี้ไม่ออกไปไหนเหรอ?”
ปกติคนพี่มักจะพาเข้าบริษัทในช่วงเลิกเรียน
“พี่นะไป แต่อยากให้คริสพักผ่อนอยู่ห้อง”
“ทำไมละ ปกติก็ให้ไปด้วยนี่”
“ใครเค้าจะชอบเห็นแฟนตัวเองนั่งเบื่อนั่งเซ็งกันละ อย่าปฏิเสธนะว่าไม่เบื่อนะหืม”
ถึงแม้น้องจะไม่เคยอิดออดที่จะไปกับเค้าแต่ทุกครั้งที่แอบมองและลอบสังเกตุอยู่เป็นระยะ คริสตัลมักจะแสดงสีหน้าเบื่อหน่อยออกมาแทบจะตลอดเลยก็ว่าได้ ถ้าเค้าแกล้งเรียกออกไปสีหน้านั้นก็จะเปลี่ยนมาเป็นเรียบนิ่งหรือยิ้มอ่อนๆ
คริสได้แต่เม้มปากแน่นเถียงไม่ออกสักคำ มันก็น่าเบื่อจริงๆแหละ แต่มันก็ยังดีที่ได้อยู่ด้วยกันหรือจะเรียกให้ถูกคือสบายใจที่อยู่ในสายตาอะไรประมาณนั้น ทัตยิ้มจางให้คนน้องที่เหมือนจะงอลนิดหน่อยแต่ก็ไม่ดื้อเหมือนเมื่อก่อน เค้าก้มลงไปจูบหนักๆทิ้งทวนก่อนจะไล่คนน้องให้ไปอาบน้ำส่วนตัวเองก็ผละออกมาเข้าครัวเตรียมอาหารเย็นและผลไม้ไว้เป็นของว่างแก้เหงาปาก เมื่อคริสอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จทัตก็เตรียมเสร็จเรียบร้อยเช่นกัน มื้อนี้เค้าทำออมเล็ตกับข้าวผัดอเมริกัน คริสชอบกินหวานเพราะงั้นมื้อนี้คนน้องชอบชัวร์100%
“พี่ไปแล้วนะ มื้อเย็นอยู่นี่กำลังร้อนๆในตู้เย็นมีผลไม้พี่หั่นไว้ให้แล้วกินใหม่หมดแล้วก็นมไม่ก็น้ำผลไม้อีกแก้วก่อนนอนด้วย”
สั่งซะยาวเหยียด ถ้าเป็นเมื่อก่อนคงหงุดหงิดแต่ปัจจุบันนี้รู้ดีแก่ใจแล้วว่าที่สั่นนะก็เพราะห่วง ทุกสิ่งที่พูดล้วนเป็นสิ่งดีๆสำหรับเค้าทั้งสิ้น
“จะกลับดึกมากเลยเหรอ?”
“น่าจะเกินเที่ยงคืนนะ”
“ทำไมถึงดึกนักละ ปกติสี่ทุ่มกว่าๆก็กลับแล้วนี่?”
“ค่ำพรุ่งนี้ต้องไปงานเลี้ยงวันเกิดของพ่อพี่ไง ลืมแล้วเหรอ?”
“เออ จริงด้วย นี่ยังไม่ได้ซื้อของขวัญให้ท่านเลยอะ”
“ไม่เป็นไร พี่ซื้อไว้แล้ว”
“นั้นมันของยูไง”
“ของเราครับ”
“...เออ…”
เขินเลยไง
“หึหึ ยังไม่ชินอีกเหรอ?”
“ก็นะ”
“ค่อยๆปรับตัวไป พี่ไม่รีบ ถึงยังไงเราก็อยู่ด้วยกันไปจนตายนั้นแหละ”
คริสพยักหน้ารับพอส่งๆก่อนจะก้มหน้าก้มตาหลบรอยยิ้มของผู้เป็นพี่ ทัตเองก็รู้ว่าทำให้น้องเขินเลยเข้าไปหอมแก้มน้องอีกทีก่อนจะออกจากห้องไปในที่สุด คริสตัลไม่เคยมีปัญหากับการทานข้าวคนเดียวแต่ตั้งแต่มีเทพทัตเข้ามาในชีวิตสิ่งนี้ก็เริ่มแปรเปลี่ยนไปอย่างไม่ทันตั้งตัว เค้าค่อยๆตักข้าวผัดเข้าปากเคี้ยวช้าๆพลางเสมองไปรอบๆห้องเหมือนไม่มีจุดโพกัสที่แน่นอน ในใจรู้สึกโหว่งแปลกๆเหมือน...
/มึงเหงาละสิ/
เสียงจากปลายสายทำให้คริสจิ๊ปากใส่อย่างอดไม่ได้ ไอ้นี่ก็รู้ทันไปซะหมดทุกเรื่องที่ไม่ใช่ของตัวเองจริงๆ
/เพื่อนกูกลายเป็นคนติดผออัวไปตั้งแต่เมื่อไหร่วะ หึหึ/
“หุบปากไปเลยเชี่ยมิกซ์”
/ทำมาเป็นด่ากู ถ้าไม่มีกูว่างคุยด้วยมึงจะรู้สึก ว่าแต่...ปกติมึงต้องโทรหาไอ้นายก่อนนี่หว่า/
“กูโทรหามันไม่ติด”
/อย่างมันนะเหรอจะปล่อยให้โทรศัพท์ติดต่อไม่ได้/
“กูก็ว่างั้น”
/สรุปที่โทรหากูคือเหงา?/
“ก็...ส่วนหนึ่ง”
/เหรอครับท่าน/
“เออดิ มีอีกส่วนก็จะปรึกษาด้วย...”
/เรื่อง?/
คริสตัลนิ่งไปอึดใจหนึ่งก่อนจะค่อยๆเล่าถึงความขุ่นหมองในใจไปเรื่อยๆจนจบผู้ที่อยู่ปลายสายก็ระเบิดหัวเราะออกมาเสียยกใหญ่เล่นเอาคริสตัลถึงกันล้มตัวลงนอนราบกับโซฟาแล้วเอาหมอนขึ้นมากดหน้าแก้อาการเขินอายไปพลางๆ
/เป็นหนักกว่าที่กูคิดอีกเว้ยเพื่อนกู ฮ่าๆๆๆ/
“อย่าหัวเราะสิวะ”
/แหมๆ ทำตัวอย่างกับสาวน้อยผู้พึ่งคนพบความรักที่แท้ทรู เอางี้ ถ้ามึงจะนอยด์แดรกขนาดนั้นมึงก็ไปทำงานกับที่รักมึงซะเลยสิ จะได้ไม่เบื่อแถมยังได้ใกล้ชิดกันอีก/
“มึงก็รู้ว่ากูไม่ชอบงานบริหาร”
/แต่เสือกเรียนเศรษฐศาสตร์ แม่งยอกย้อนสัส/
“กูพอใจ”
/งั้นมึงก็ต้องเปลี่ยนมาเป็นศรีภรรยาที่ดีทำกับข้าวกับปลาอยู่รอสามีกลับบ้านอะไรแบบนั้น/
“กูทำเป็นที่ไหน”
/อันนู้นก็ไม่ชอบ อันนี้ก็ไม่เป็น งั้นมึงก็จงนอยด์ต่อไปนั้นแหละสัส!/
“เพื่อนเลว”
/มึงต้องหัดเปลี่ยนแปลงตัวเองสักหน่อยเว้ย ไม่ใช่ให้พี่เค้าเปลี่ยนอยู่ฝ่ายเดียว มันต้องค่อยๆจูบ เอ๊ย จูนเข้าหากันจะได้ไม่เกิดปัญหาในภายหลัง อันเดอร์แสต๊น?/
คริสตัลอดทึ่งไม่ได้ที่เห็นมุมมีสาระของเพื่อนที่ค่อนข้างจะไร้สาระที่สุดในกลุ่มแก๊งส์
“มึงนี่พูดดีกับเค้าก็เป็นนี่หว่า”
/เอ๊าไอ้ห่า กูอุสาแนะนะ มึงรู้ไหมว่ากูนี่กูรูเรื่องความรักเลยนะมึง/
“กูรูเรื่องความรักหรือความเสือกกับคู่รักของคนอื่นกันแน่ครับคุณมิกซ์”
/แหมะ ไม่น่าถามนะครับคุณคริสตัล หึหึ/
“เออ กูว่ากูจะซื้อของขวัญอะไรสักอย่างให้มันวะ มึงคิดว่าไง?”
/เนื่องในโอกาสอะไรวะ?/
“โอกาสอยากจะให้”
/ถุ้ย!/
“ฮ่าๆๆ ก็อยากจะให้จริงๆ เหมือนแทนคำขอบคุณนะ”
/อื้อหือ พอบอกให้เปลี่ยนปุ๊บมึงก็จัดปั๊บเลยนะครัชคุณชาย/
“แน่นอน อย่างกูมันคนไวไฟ”
/เออ! เอาที่มึงคิดว่าดีเลย/
คริสตัลคุยกับเพื่อนยาวไปจนสี่ทุ่มโดยประมาณจึงวางสายแล้วเข้าห้องนอน เค้ายังไม่ง่วงเท่าไหร่เพราะปกติก็นอนช่วงเที่ยงคืนเป็นประจำร่างกายเลยเหมือนถูกตั้งเวลาโดยอัตโนมัติ คริสตัลเลือกที่จะหยิบไอแพดของคนพี่ที่ทิ้งไว้ให้เล่นมาล็อคอินเข้าโซเชี่ยลของตัวเอง พอเห็นจำนวนตัวเลขการแจ้งเตือนแล้วก็ต้องถอนหายใจรัวๆ แค่เห็นก็เหนื่อยที่จะเปิดดูแล้ว คริสเลือกกดให้มันโชว์แล้วก็ปิดไปเพื่อให้ตัวเลขมันหายไปก่อนจะเลื่อนดูเรื่องราวของคนอื่นไปเรื่อยๆ เจอสเตตัสของเพื่อนอยู่ประปรายแต่ที่สะกิดคือข่าวที่มีรูปพี่ชายของเค้ายืนยิ้มอยู่ข้างผู้หญิงชาวต่างชาติคนหนึ่ง คนนี้คริสจำได้ว่าชื่อมิเกลล่า เบรน บุตรสาวคนโตของตระกูลเบรน ตระกูลมั่งคั่งมหาอำนาจผู้เป็นเจ้าของธนาคารระดับบิ๊กของอเมริกา ที่เค้ารู้จักเพราะพ่อของเค้าค่อนข้างจะสนิทกับตระกูลนี้แต่คริสไม่เคยไปเจอตัวจริงมีเพียงรูปตามหน้าข่าวสังคมเท่านั้นที่ทำให้รู้จักหน้าคร่าตากัน จะว่าไปช่วงนี้พี่ครอสก็เงียบหายไปเลยด้วย ทั้งที่ก่อนหน้าก็วอแวกับเค้าออกจะบ่อย เรียกได้ว่ามาตามขัดขวางเค้ากับทัตในทุกทางเท่าที่คุณท่านจะพอใจนั้นแหละ คริสเปิดโปรแกรมแชตขึ้นมาแล้วกดทักพี่ชายไปแต่ทีครอสไม่แม้แต่จะอ่าน คริสเลยเลิกสนแล้วเปลี่ยนเป็นเปิดดูหนังจนพล็อตหลับไปในที่สุด
ต่อด้านล่างจ้ะ