ทั้งสี่หนุ่มเดินไม่ช้าไม่เร็วไปตามทางที่กรุยด้วยหินกลมมนเม็ดใหญ่... ตรงปากทางเข้ารีสอร์ทมีคนงานผู้ชายสองสามคนช่วยกันวางโต๊ะสีขาวหนึ่งตัว ข้างๆก็มีป้าแม่บ้านกับผู้ช่วยสาววัยรุ่นอีกสองคนยืนถือตะกร้าหวายเหมือนที่ซึโยชิกำลังถือ และอีกคนก็ถือช่อดอกกล้วยไม้เพื่อเตรียมถวายพระ...
ระหว่างทางเตโชรู้สึกเหมือนถูกเพื่อนร่วมงานดึงเสื้อยิกๆจึงก้มลงไปหาเพราะอีกฝ่ายตัวเล็กกว่าเขาเยอะ...
"...นายว่าท่าทางบอสดูแปลกๆไปหรือเปล่า... ปกติเห็นมีแต่ท่าทีคุกคามใส่คุณน้ำฟ้าตลอด... แล้วนี่อะไร...ประคองจนแทบจะอุ้มไปทั้งแม่ทั้งลูกแล้วน่ะ..."
"...อื้ม..." คนตัวสูงคำรามรับในลำคอ...เพราะรู้ดีอยู่ว่าตามมารยาทคนไทย การนินทาเจ้านายในระยะประชิดมันไม่ค่อยดี... แถมไอหมอนี่ยังมานินทาเป็นภาษาไทยอีก...เอ้อ...ถึงต่อให้นินทาเป็นภาษาอังกฤษ ทั้งบอสและคุณน้ำฟ้าก็ฟังรู้เรื่องอยู่ดี... แล้วถ้ามันมาชวนเขานินทาเป็นภาษาญี่ปุ่น...คาดว่าเขาคงได้อ้วกแตกกับภาษาต่างด้าว(ในนิยามของตัวเอง)ที่เจ้าเพื่อนร่วมงานคงพ่นออกมาราวสาดกระสุนใส่... ดังนั้นมันพูดเป็นไทยแหละดีแล้ว...อย่างน้อยสำเนียงแปร่งๆฟังเหมือนภาษาเด็กดอยของมันแบบนี้คงทำให้บอสของเขาฟังบิดเบือนไปได้บ้าง...
"...ทีเมื่อก่อนเจอหน้าคุณฟ้าทีก็แผ่รัศมีสีดำทึมๆใส่... นี่บอสเขาคิดอะไรของเขาอยู่เนี่ย...เอ๊ะ...รึเป็นแผนใหม่...แต่ทำไมไม่บอกพวกเราก่อนว่ะ..."
"อื้ม..." คนตัวสูงยังไม่อือไม่ฟือมากนอกจากรับคำเสียงต่ำต่อไป...
"...อืม...แต่แผนแบบนี้ก็ดีนะ...ทำให้ตายใจแล้วก็จะได้พาคุณหนูไปโดยที่ไม่ต้องมีใครเสียใจมากมาย...ไม่ต้องใช้วิธีรุนแรงด้วย..."
"...อื้ม !..." นี่มันเดินไม่ได้ดูทางเลยแล้วมันก้าวข้ามขอนไม้นั่นมาได้ยังไงว่ะ ! เตโชแอบขมวดคิ้วมองคนที่เดินข้างๆ ซึ่งกำลังป้องปากทำท่ากระซิบกระซาบกับเขาใหญ่...แล้วพอเขาเมื่อยที่จะต้องโน้มตัวลงไปหาจะเดินดีๆก็โดนดึงหูให้ลงไปฟังอีก... อื้อหืม...ชักจะลามปามมากไปแล้ว... ว่าแต่ถ้าด่าด้วยศัพท์คำว่า ลามปาม มันจะเข้าใจมั้ยว่ะ...
"...นี่...ว่าแต่บอสจะเล่นเข้าถึงบทบาทเกินไปหรือเปล่า...ขนาดกับคู่ควงคนก่อนๆบอสเรายังไม่ยอมทำถึงขนาดนี้เลย... ยิ่งตอนที่ฉันเห็นบอสแกถือตะกร้าออกมาจากห้อง...โอ้โห...โคตร ภาษาไทยใช้คำนี้ใช่มั้ย... โคตรจะไม่เข้ากันเลยให้ตายสิ ! ปกติมีแต่รอให้พวกเราเข้าไปหยิบออกมาให้เถอะ... แล้วนี่..."
"คนญี่ปุ่นนี่เขาปากมากเหมือนนายกันหมดทุกคนเลยรึเปล่า..." พอทนไม่ไหวก็เลยถามแกมแขวะเข้าให้ แต่หนุ่มแดนอาทิตย์อุทัยกลับขมวดคิ้วแล้วถามกลับ
"เอ๊ะ...ก็ไม่นะ... คนญี่ปุ่นก็มีปากเดียวเหมือนฉันนี่แหละ...นายถามทำไมเหรอ..." ยังมีหน้ามาทำตาแบ๊วใส่อีก...น่ารักตายล่ะนายน่ะ...
"...ปากมาก...หมายถึงพูดมาก...จดบันทึกใส่สมุดศัพท์ต่างชาติของนายเอาไว้ซะด้วยนะ คราวหลังเวลาใครเขาด่าจะได้ไม่หน้าแตก..."
"นินทาฉันกันพอรึยัง..." เสียงเย็นยะเยือกหนาวถึงกระดูกถามอยู่ตรงหน้า... พอหันมองก็พบรังสิมันต์ยืนคิ้วขมวดกอดอกจ้องตรงมาตาเขม็ง... รังสีอันตรายแผ่ออกมาเตือนว่าถ้าไม่หยุดแล้วทำงานล่ะก็เสร็จแน่...
สองหนุ่มเลยวงแตกแยกย้ายกันไปช่วยจัดของ ซึโยชิแยกไปช่วยน้ำฟ้าอุ้มหนูลินแล้วก็จัดของเตรียมตักบาตรบนโต๊ะ... ส่วนรังสิมันต์กับเตโชแยกมาช่วยยืน...นิ่งๆ... รอเวลาพระมาอย่างเดียว... เพราะมองๆดูแล้วเขาก็ไม่รู้จะเข้าไปช่วยหยิบจับตรงไหน เมื่อน้ำฟ้าดูจะทะมัดทะแมงและคล่องไปเสียทุกอย่าง...
คุณป้าแม่บ้านที่ใจดีให้น้ำฟ้ายืมทั้งตะกร้าหวาย และช่วยเตรียมของสดพร้อมดอกไม้ไว้ให้แนะบอกว่าพระจะมาตอนกี่โมง และจะมากี่รูป จากนั้นก็ยกมืออยากจะขออุ้มเจ้าตัวน้อยขวัญใจชาวคุณๆบ้านใหญ่ดูซักที... แต่เจ้าหนูน้อยกลับงอแงไม่ให้อุ้มเพราะเพิ่งตื่น...แถมโถมตัวเข้าหารังสิมันต์ที่มายืนข้างๆเมื่อไหร่ก็ไม่รู้... เด็กหนุ่มจึงยอมส่งลูกให้คนตัวโตช่วยอุ้มแล้วเอาผ้าอ้อมบนบ่ามาเช็ดน้ำลายย้อยของหนูลินออก... จู่ๆก็ได้ยินเสียงหัวเราะคิกๆคักๆของแม่สาวๆวัยรุ่นผู้ช่วยดังขึ้น... พอน้ำฟ้าเงยหน้าขึ้นมองก็เห็นตัวเองกับคนตัวสูงกลางเป็นเป้าสายตาของทุกๆคนรอบๆตัวไปแล้ว... แล้วพอมองไปทางคุณแม่บ้านก็พบรอยยิ้มพิมพ์ใจส่งมาให้พร้อมคำแซวแบบจริงจัง...
"แหม ! เสียดายจริงๆเลยที่คุณน้ำฟ้าเกิดเป็นผู้ชายเนี่ย... ถ้าเป็นผู้หญิงนะครอบครัวเพอร์เฟคเลยนะคะ... มีคุณพ่อก็หล่อ คุณแม่ก็สวย...คุณลูกก็น่ารักด้วย...ฮิๆ..." พูดแล้วก็ชี้นิ้วเรียงจากรังสิมันต์ มาที่เขา แล้วก็หนูไวโอลิน... เด็กหนุ่มเผลอสมองเบลอไปชั่วขณะ เหลือบมองด้านข้างก็เห็นลูกน้องชายหนุ่มสองคนยืนยิ้มไม่ต่างจากคุณป้าเลย... โธ่เอ๊ย...ยิ่งคนที่ยืนใกล้ๆนี่ยังมีหน้ามายืนยิ้มรับอีก... ปฏิเสธบ้างอะไรบ้างก็ได้นะครับ !!
"เอ่อ...! ป้าครับ...!! พระ... พระมาแล้วครับ...!" โชคดีที่พระสงฆ์สามรูปเดินมาให้เห็นพอดี... น้ำฟ้าจึงรีบเสมองไปทางโต๊ะแล้วเลี่ยงเดินไปทำท่าจัดของ... โดนแซวเป็นผู้หญิง..เป็นคุณแม่มาก็มาก... แต่ทำไมพอโดนแซวแบบนี้ตอนนี้ถึงได้หน้าร้อนเห่อแบบนี้นะ... โอ๊ย...ทั้งๆที่อากาศตอนเช้าบนยอดเขามันน่าจะหนาว...แต่ทำไมรอบๆตัวถึงเหมือนมีคนเอาไฟมาสุมให้ยืนไม่ติดที่แบบนี้ล่ะ...
ตอนแรกตกลงกันไว้ว่าเขาจะตักข้าว แล้วให้ชายหนุ่มใส่กับ แต่ไปๆมาๆพอตอนตักจริง มือรังสิมันต์ถึงได้มาซ้อนมือจับทัพพีตักข้าวกับเขาด้วยได้ยังไงก็ไม่รู้ แต่ด้วยความที่ไม่อยากให้การตักบาตรต้องสะดุด น้ำฟ้าจึงปล่อยเลยตามเลย...อยากทำอะไรก็ทำไม่พูดมาก... หยิบกับข้าวใส่บาตรเสร็จก็วางช่อดอกกล้วยไม้เหนือฝาบาตร... เมื่อเสร็จเรียบร้อยก็นั่งยองๆรับพร...
เมื่อพระเดินจากไปแล้วน้ำฟ้าก็หยิบแก้วน้ำสอาดที่เตรียมไว้ มองหาโคนต้นไม้ที่สะอาดๆเพื่อเตรียมกรวดน้ำ พอหาที่เหมาะเจาะได้ก็ช้อนมือขออุ้มหนูลินที่นอนตาเคลิ้มหลับอยู่บนไหล่รังสิมันต์มาอุ้มเอง... หนูน้อยพอถูกเปลี่ยนมือก็ขยี้ตาเพราะถูกรบกวนการนอน... แต่น้ำฟ้าก็จงใจปลุกเพราะต้องการให้หนูน้อยได้กรวดน้ำด้วยกัน... เด็กหนุ่มอุ้มลูกพาเดินไปใต้โคนต้นไม้ไม่พูดไม่จา... รังสิมันต์ก้าวตามโดยไม่รอคำเชิญ...สองหนุ่มก็เดินตามไปด้วยเมื่อปกติเจ้านายไปไหนก็ไปกันตลอดอยู่แล้ว...
น้ำฟ้าท่องบทกรวดน้ำอย่างคล่องแคล่ว ส่วนรังสิมันต์ก็ได้แต่จับข้อมือเด็กหนุ่มร่วมบุญไปด้วย ส่วนสองหนุ่มชุดสีดำเอามือแตะหลังเจ้านายหนุ่มเอาไว้เฉยๆ น้ำฟ้าเหลือบมองแล้วก็เป็นภาพที่ตลกดี... พอกรวดเสร็จก็อธิษฐานโดยการหลับตา... โดยเด็กหนุ่มก็จับมือเล็กๆของหนูลินให้ประนมขึ้นด้วย แต่น้ำฟ้าคงหลับตานานเกินไปเพราะพอลืมตาขึ้นมาปุ๊บก็พบเสียงทุ้มถามขึ้นมาจากเหนือหัว...
"อธิษฐานอะไรนานจัง..." ชายหนุ่มถาม... ส่วนลูกน้องชายหนุ่มก็เผลอหันหน้ามองกันโดยไม่ตั้งใจ... ก็เคยที่ไหนที่เจ้านายจะให้ความสนใจอะไรกับความคิดคนอื่น...
น้ำฟ้ายกมือหนูน้อยธุจ้าบนหัวทุยๆ แล้วก็อุ้มหนูน้อยขึ้นบ่าดีก่อนหันหน้ามาตอบ...
"...อธิษฐาน...ขออุทิศส่วนบุญส่วนกุศลที่ผมเคยทำมา... ให้กับพ่อและแม่ตัวจริงของเจ้าหนูนี่...ขอให้เขาทั้งสองคนได้อยู่ด้วยกันและคอยปกป้องคุ้มครองลูกของพวกเขาให้อยู่รอดปลอดภัยและมีความสุขในทุกๆวันไง...ผมอธิษฐานแบบนี้ประจำแหละ..." เด็กหนุ่มตอบ... แล้วย้อนถามกลับ... "แล้วคุณล่ะ..."
"...ฉัน...ก็...คล้ายๆเธอนั่นแหละ..." ชายหนุ่มตอบ... แต่ลูกน้องสองคนรู้ว่าเรื่อง 'หยุมหยิม' แบบนี้เจ้านายเขาเคยทำเสียที่ไหน...
"เธอ...ไม่ได้โกรธน้องชายของฉันงั้นเหรอ..." ในใจนึกทึ่งกับคำตอบที่ได้รับก่อนหน้า... จะว่าไปแล้วในขณะที่บ้านของเขากำลังจงเกลียดจงชังพี่สาวของเด็กคนนี้ เพราะยึดถือตามคำของแม่เขาว่าเพราะพี่สาวของเด็กคนนี้...น้องชายของเขาถึงได้ตาย... แต่ในขณะเดียวกันเด็กคนนี้กลับเอาแต่อธิษฐานขอให้น้องชายของเขามีความสุขอยู่ตลอดเวลา... บางที...การมองอะไรเพียงด้านเดียวของเขา...มันก็ดูไม่ค่อยจะยุติธรรมเท่าไหร่สำหรับเด็กคนนี้...
เด็กหนุ่มทำเป็นพยักหน้ารับกับคำตอบที่ได้ยิน... แล้วเดินนำพาของที่เป็นของห้องตัวเองกลับ เมื่อคุณป้าแม่บ้านบอกว่าโต๊ะและของที่เหลือเดี๋ยวคนงานผู้ชายจะเป็นคนมาช่วยเก็บกลับไปให้... และเช้าวันนั้นเด็กหนุ่มก็ได้เชื้อเชิญลูกน้องทั้งสองของรังสิมันต์ให้ทานอาหารเช้าด้วยกัน... แม้เตโชจะมองเห็นว่าเจ้านายหนุ่มดูไม่ค่อยจะสบอารมณ์เท่าไหร่ที่เขาตอบรับคำชวนของน้ำฟ้า และลากเพื่อนหนุ่มญี่ปุ่นของตัวเองให้ร่วมวงด้วย... ก็แหม วันนี้โดนสั่งให้ตื่นแต่เช้า...และกลิ่นหอมๆของอาหารเช้ามื้อนี้มันก็ยวนใจจนปฏิเสธไม่ลง... และต้องยอมรับว่าตัวเองก็ยังติดใจในรสมือของเด็กหนุ่มจากเมื่อคราวที่แล้วอยู่ไม่น้อย... จะปฏิเสธให้เสียโง่ทำไมล่ะ...
-:+:-:+:-:+:-:+:-:+:-:+:-:+:-
to be continue...
โดนเพื่อนคุณน้องทวง...เลยรีบลงก่อน...
อันที่จริงอยากลงยาวๆกว่านี้อ่ะแต่ตอนนี้เขาจำกัดตัวอักษรในหนึ่งเม้นท์ซะแล้วอ่ะเนอะ...
ตอนนี้ม.ข้าพเจ้าใกล้เปิดแล้ววว เสาร์อาทิตย์ก็ไม่ค่อยว่าง... = = อยากนั่งเขียนนานๆก็ทำไม่ได้...ยุงมันกัด เฮ้ออออ
ปล.ช่วงนี้ใครบ้านน้ำท่วมก็ถือเสียว่าตัวเองได้ประสบการณ์ใหม่ก็แล้วกันนะจ๊ะ ไปแล้วววว....ถ้าไม่ติดอะไรช่วงค่ำๆจะแวะมาอัพเพิ่มจ้าาาา