ตอนที่ 8“คุณพิมพ์ช่วยประสานงานต่อกับเลขาคุณภัสสรด้วยนะครับ”
“ได้ค่ะคุณฟิน”
“คุณพิมพ์กลับได้เลยนะครับงานเรียบร้อยแล้ว และต้องขอบคุณมากที่คุณต้องมาทำงานวันเสาร์แบบนี้”
“ไม่เป็นไรค่ะ งั้นพิมพ์ขอตัวเลยนะคะ สวัสดีค่ะคุณภัสสร”
หลังจากคุณพิมพ์เลขาคนเก่งของผมที่สละเวลามาทำงานให้ในวันหยุดเดินออกไปจากร้านอาหารที่ผมนัดกับลูกค้าเพื่อมาตกลงเรื่องสัญญาการสั่งซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าล๊อตใหญ่แล้ว ผมจึงหันกลับมาให้ความสนใจกับลูกค้าสาวตรงหน้าแทน
“ทางเราต้องขอบคุณ คุณภัสสรด้วยนะครับที่ยังไม่ลืมบริษัทเรา”
“แหม ฟินก็ทำเป็นคนอื่นคนไกลไปได้ ภัสไม่ลืมฟินหรอกค่ะ ฮิๆ”
สาวสวยที่นั่งตรงหน้าของผมตอนนี้เธอสวยด้วยรูปลักษณ์ด้วยผมที่หยิกยาวปล่อยเคลียร์ไหล่แผ่เต็มหลัง ตาคมโต จมูกโด่ง ปากที่เคลือบลิปสติกสีแดงสดส่งยิ้มยั่วยวนมาให้ ‘ภัส หรือ ภัสสร’ เธอเป็นลูกค้ารายใหญ่ที่ติดต่อกันมาตั้งแต่รุ่นพ่อแม่แล้วและที่สำคัญเราเคยมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งเกินกว่าคู่ค้า แต่ต่างคนก็ไม่ได้จริงจังแค่เหงาก็มาเจอกันด้วยความที่ผมเป็นชายโสดผมนั้นไม่มีอะไรจะเสียอยู่แล้ว ยิ่งกับสาวสวยเซ็กซี่แบบคนตรงหน้านี้ผมเต็มใจซะยิ่งกว่าเต็มใจอีกและผมรู้แต่แรกแล้วว่าเธอนั้นเป็นสาวหัวสมัยใหม่ยังไม่คิดจะมีพันธะผูกมัดกับใครผมจึงเลือกที่จะสานความสัมพันธ์กับเธอ จากสายตาที่เธอส่งมาให้นั้นมันอ่านได้ไม่ยากนักว่าต้องการอะไร ซึ่งครั้งนี้หรือจะครั้งไหนต่อจากนี้ผมคงตอบสนองให้เธออีกไม่ได้ จึงได้แต่ยิ้มตอบสาวมั่นกลับไป รอยยิ้มกว้างเริ่มหุบลงคิ้วขมวดนิดๆปากยื่นหน่อยเปลี่ยนจากสาวสวยเซ็กซี่เป็นสาวขี้งอนไปแล้ว
“นี่อย่าบอกนะว่าฟินคิดจะจริงจังกับใครสักคนแล้วน่ะ” ผมได้แต่หัวเราะไม่ตอบคำและตักอาหารตรงหน้าใส่จานที่ยังว่างอยู่ให้
“เฮ้อออ จริงด้วยซินะ มิน่าไอ้สายตาแพรวพราวที่แทบจะจับภัสกินทั้งตัวแบบแต่ก่อนน่ะไม่เห็นเลย ภัสส่งสายตายั่วขนาดนั้นแล้วแท้ๆ” นอกจากเป็นสาวสวยเซ็กซี่แล้วยังเป็นคนที่พูดตรงและมันก็เป็นคุณสมบัติอีกอย่างที่ผมเคยชอบ
“งั้นเราต้องหยุดความสัมพันธ์แบบเก่าๆแล้วซิใช่มั้ยคะ เริ่มเสียดายผู้ชายรูปหล่อและเพอเฟ็กท์แบบฟินแล้วซิน้า”
“ฮึๆ คุณภัสอย่าเสียดายผมเลยครับ ผมรู้ว่ามีคนที่รอคุณและคิดจริงจังกับคุณอยู่นะ ใช่มั้ยครับ”
ภัสหน้าบึ้งเมื่อผมพูดออกไปเพราะความจริงแล้วเธอมีชายหนุ่มที่คิดจริงจังและเฝ้าตามจีบอยู่คนหนึ่ง แต่ดูเหมือนเธอยังไม่รู้ใจตัวเอง และเรื่องความสัมพันธ์ของผมกับเธอนั้นอย่างที่บอกว่าแค่ถูกใจเราก็พบกันและจบกันที่เตียงแต่ผมไม่ได้พบเธอในรูปการณ์แบบนี้สักพักแล้วก็ตั้งแต่มีชายหนุ่มคนนั้นมาตามตื้อเธอ แต่เธอคงยังไม่รู้ตัวถึงความเปลี่ยนแปลงนี้ของตัวเองคงต้องใช้เวลาเป็นตัวช่วยและผมก็หวังว่ามันจะไม่สายไป
หลังจากนั้นเราก็ไม่ได้คุยกันเรื่องนี้อีกแต่คุยในเรื่องธุรกิจและเรื่องทั่วไปจนเราจัดการเรื่องอาหารเรียบร้อย และเธอได้รับโทรศัพท์ที่ทำให้หน้ามุ่ยแต่แววตาไม่เข้ากับใบหน้าเลยก็มันเปล่งประกายของความสุข ทำไมผมรู้จักกับแววตาแบบนี้น่ะเหรอก็เพราะผมเห็นมันบ่อยในช่วงนี้จากตัวผมเมื่อยามส่องกระจกน่ะซิ สายตาของคน ‘มีความรัก’ เธอจะรู้ตัวมั้ยนะ เธอว่างสายและถอนหายใจให้ได้ยินและขอตัวกลับเราจึงต่างแยกย้ายกัน
ผมที่จัดการธุรกิจในวันหยุดแบบนี้เสร็จใจก็คิดถึง ‘มิค’ คนที่ทำให้ชีวิตช่วงนี้ของผมสุขจนล้นแม้ตัวเราจะห่างแต่อย่างน้อยก็คุยกันทุกวันให้หายคิดถึงไปบ้าง หยิบโทรศัพท์ที่หน้าจอเป็นรูปคู่พิเศษที่มิคจูบแก้มผมและผมก็แลกมันมาด้วยการสังเวยแก้มตัวเองให้มือบางนาบเต็มแรง เห็นแล้วอยากจะได้จูบแบบนี้อีกแม้ต้องเจ็บตัวก็ตาม กดเบอร์โทรด่วนสำหรับคนน่ารักผมอยากได้ยินเสียงหวานๆจัง ไม่รู้วันหยุดแบบนี้จะทำอะไรอยู่นะ ผมรอสายให้คนน่ารักกดรับไม่นานนัก
“สวัสดีครับมิค ตอนนี้ทำอะไรอยู่ครับ”
“ตอนนี้ขับรถอยู่” เสียงหวานตอบกลับให้ผมชื่นใจ แต่มิคจะขับไปไหนกันปกติวันหยุดนี่แทบไม่ออกจากบ้านเลย หรือจะหนีผมไปเที่ยวกับใครรึเปล่านะ
“ไปไหนครับ.....ไปหาไอ้วิน ไปทำไมครับ....หา! มีผู้หญิงที่ไหนไม่รู้รับโทรศัพท์มัน แล้วๆ มิคไปกับกัสรึเปล่า...ผู้หญิงที่ไหนครับมิค....ขับไปกันสองคนได้เหรอครับ....ไปได้แน่เหรอ ฟินเป็นห่วงมิคนะครับเนี่ย....เอางี้เดี๋ยวฟินตามไป มิคค่อยๆขับไปนะครับ.....แค่นี้นะครับ / เฮ้อออ”
ผมคงต้องรีบตามมิคไปหาไอ้วินที่ไซด์งานต่างจังหวัดไม่รู้ว่าจะเกิดเรื่องอะไรใหญ่โตเหมือนเมื่อครั้งสมัยเรียนรึเปล่า ห่วงทั้งเพื่อนสนิทห่วงทั้งแฟนตัวเอง ผมรีบขับรถออกจากร้านอาหารระหว่างทางก็โทรถามคุณแม่ของวินถึงสถานที่ที่มันพัก และทางคุณแม่ก็คงรู้เรื่องแล้วจึงฝากฝังผมให้ดูแลกัสว่าที่ลูกสะใภ้ท่านด้วยและย้ำว่าถ้าเหตุการณ์ดูท่าจะใหญ่โตให้รีบโทรรายงานด่วนท่านจะลงมาจัดการด้วยตัวเอง ดูท่าท่านจะรักกัสเหมือนลูกแท้ๆเหมือนจะรักมากกว่าไอ้วินเพื่อนผมซะอีก
หลังวางสายผมก็ต่อสายไปบอกข่าวไอ้ธี มันก็ดูท่าตกใจมากคงกลัวไม่ต่างจากผมที่ไม่อยากให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย ธีและมนที่อยู่ด้วยกันตอนนี้พอรู้ทั้งสองคนก็จะขอตามมาด้วยแต่ผมขับรถออกมานอกกรุงเทพฯมาแล้ว จึงให้มันรอฟังข่าวและให้โทรไปส่งข่าวไอ้ปรัชด้วย ผมวางสายและตั้งใจขับรถแบบกระวนกระวายใจไปตลอดทาง อยากโทรถามมิคว่าถึงไหนกันแล้วแต่โทรไม่ได้เพราะรู้ว่าเจ้าตัวนั้นก็ต้องตั้งใจขับรถเหมือนกันเดี๋ยวจะเกิดอุบัติเหตุได้ ผมได้แต่ภาวนาขอให้ไม่เกิดเรื่องร้ายๆกับคู่ของเพื่อนรักอีกเลย
.....................................................................
ผมมายืนอยู่หน้าห้อง 507 เป็นห้องในคอนโดที่วินมาอยู่เมื่อมาออกไซค์งานที่จังหวัดนี้ ตอนนี้เป็นเวลาเกือบเย็นแล้วเพราะใช้เวลาขับรถหลายชั่วโมงกว่าจะมาถึงไม่รู้ว่าเหตุการณ์เป็นยังไงบ้าง ผมเคาะประตูและรอคนด้านในมาเปิดให้ ใบหน้าที่เห็นเป็นใบหน้าหวานของกัสส่วนคนน่ารักของผมก็ยืนซ้อนอยู่ข้างหลัง
“อ้าว ฟินน่ะเอง เข้ามาก่อนครับ” กัสเอ่ยทักออกมาและเบี่ยงตัวหลบให้ผมเข้ามาในห้อง
“วินเป็นยังไงมั่งครับกัส แล้วเรื่องผู้หญิงที่รับสายล่ะอยู่ไหน” ผมร้อนใจอยากเห็นหน้าผู้หญิงคนนั้นที่เป็นต้นเหตุให้เราทั้งหมดต้องมาที่นี่ แต่ดูท่าจะไม่ได้อยู่ในห้องนี้แล้ว
“นายวินหลับไม่รู้เรื่องอยู่ในห้องนอนนู่น ส่วนเรื่องผู้หญิงน่ะเค้าเคลียร์กันไปแล้วนายน่ะมาช้ามากกกกก” มิคหันมาทำเสียงประชดใส่ผมและหันหน้าหนีไปอีกทาง
ถ้าผมดูไม่ผิดเหมือนผมจะโดนงอนนะเนี่ยเอาล่ะซิไอ้ฟินงานเข้าแล้วมั้ยล่ะ ผมเดินปรี่เข้าไปหาร่างบางและชะโงกหน้าไปใกล้
“โธ่ มิคครับฟินรีบที่สุดแล้วนะไม่รอใครเลย เนี่ยตอนแรกธีกับมนจะมาด้วยนะแต่ฟินให้มันรอข่าวอยู่ที่กรุงเทพฯแทน เพราะเป็นห่วงมิค เอ้ย ห่วงวินและกัสน่ะครับ” อยากจะแตะตัวคนขี้งอนแต่ทำไม่ได้ทั้งๆที่อยากทำใจจะขาด
หลังได้ฟังมิคทำหน้าไม่ถูกจะยิ้มก็ไม่ใช่จะบึ้งก็ไม่เชิงผมเห็นแล้วอยากจับฟัดแก้มจัง ต้องหักห้ามใจอย่างหนักและหันกลับไปหากัสที่ยืนมองอยู่ และผมสังเกตเห็นรอยแดงที่แก้มข้างซ้ายของกัส
“กัสหน้าเป็นอะไรครับ ทำไมหน้าแดงช้ำแบบนี้” ถ้าดูไม่ผิดเหมือนกัสโดนตบมาเลย มิคเดินมามองใกล้ๆและทำตาโตเอื้อมมือลูบที่แก้มกัสเบาๆ
“กัส แย่เลยหน้าเป็นรอยแดงบวมนิดๆด้วย มิคลืมไปเลยว่าโดนยัยจีนั่นตบเอาน่ะ”
“ห๊า กัสโดนตบเหรอ แล้วจีเป็นใครครับใช่ผู้หญิงที่รับโทรศัพท์รึเปล่า” กัสโดนตบจริงๆด้วย เนี่ยถ้าไอ้วินมันรู้ว่ากัสโดนทำร้ายมันจะโมโหขนาดไหนกัน เพราะถ้ามิคโดนทำร้ายแบบนี้ผมก็ไม่เอาคนที่ทำร้ายแฟนผมไว้หรอก
“กัสไม่เป็นไรไม่เจ็บแล้วล่ะมิค ฟิน”
“ห้องนี้ท่าจะไม่มียาทานะ เดี๋ยวมิคไปหาซื้อยาให้รู้สึกว่าข้างล่างจะมีร้านขายยาอยู่” มิคที่อาสาไปซื้อยาให้รีบลุกจะเดินออกไปทันที
“ฟินไปด้วยครับ” รั้งศอกคนตัวเล็กไว้ก่อนที่จะเดินออกไป
นี่ไม่คิดจะชวนผมเลยเหรอเนี่ย ตอนนี้ก็เริ่มเย็นแล้วสถานที่ก็ไม่คุ้นเคยแถมยังน่ารักแบบนี้อีกเกิดใครมาทำร้ายมิคเข้า ใจผมไม่สลายเหรอ ผมคิดมากไปรึเปล่าเนี่ย
ผมรีบพาร่างบางที่หน้าเริ่มมุ่ยออกมานอกห้องทันทีหลังปิดประตูห้องแล้วมองซ้ายมองขวาไม่มีใครก็ก้มหน้าไปหาเป้าหมายที่เล็งไว้ และสูดกลิ่นหอมจากแก้มนุ่มเต็มปอดได้อย่างใจแล้วผมก็รีบเดินออกตัวจากมา ก่อนที่มิคจะหายตกใจไม่งั้นผมได้รู้ฤทธิ์ฝ่ามือพิฆาตอีกแน่ และก้าวไม่กี่ก้าวผมก็ต้องออกวิ่งหนีเจ้าของเสียงดังข้างหลัง
“นายฟิน อย่าหนีนะมานี่เลย บอกให้หยุดไง” แต่เรื่องอะไรผมจะหยุดล่ะครับขอหนีไปตั้งหลักก่อนก็ยังดี ผมต้องโดนงอนแน่แต่เดี๋ยวค่อยง้อทีหลังล่ะกัน
.................................................................
“อ่ะ”
“โธ่ มิคครับยังไม่หายงอนฟินอีกเหรอ”
ผมถือเสื้อผ้าที่มิคส่งมาให้เดินตามหลังคนที่ยังงอนไม่เลิกไปทางห้องนอน หลังจากผมหนีไปตั้งหลักเมื่อขโมยหอมแก้มนุ่มไปฟอดใหญ่แล้ว มิคยังไม่ยอมคุยกับผมดีๆเลยอย่างเมื่อกี้ก็แค่ยื่นเสื้อผ้าของไอ้วินที่กัสไปค้นมาให้เพราะผมรีบมาจนไม่ทันเตรียมเสื้อผ้ามาเปลี่ยนและยังไม่คุยกับผมสักคำเลย ผมตามมาทันที่หน้าประตูห้องนอนแต่โดนประตูปิดใส่หน้าดูท่างานนี้ผมต้องง้อคนน่ารักยกใหญ่ซะแล้ว
ห้องที่ผมกับมิคอยู่ตอนนี้เป็นห้องภายในคอนโดเดียวกับห้องที่วินอยู่เพราะทางบริษัทวินเช่าไว้หลายห้องเพื่อให้พนักงานของบริษัทที่มาทำงานนั้นมีที่พัก ผมกับมิคจึงได้อยู่ชั่วคราวในคืนนี้ ส่วนไอ้วินที่เป็นต้นเหตุของเรื่องที่ทำให้ทุกคนต้องมาที่นี่ก็เพราะมันไม่สบายไม่รู้สึกตัวกัสโทรมาหาแต่มีผู้หญิงที่ไหนไม่รู้รับสาย และอ้างตัวว่าสนิทชิดเชื้อกับมันมากทำให้แฟนมันต้องมาดูให้เห็นกับตาถึงที่นี่ และตอนนี้ก็รู้แล้วว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใครส่วนวินก็รู้สึกตัวแล้วแต่ยังไม่มีแรงลุกมาจากเตียงได้ และในไม่ช้ามันคงลุกขึ้นมาเคลียร์ปัญญาเรื่องผู้หญิงคนนั้นได้แล้วล่ะเพราะมีพยาบาลชั้นดีอย่างกัสมาคอยดูแลใกล้ชิดขนาดนั้น
ส่วนผมในคืนนี้แม้จะได้นอนภายในห้องเดียวกันกับมิคแต่ใช่ว่าจะได้ใกล้ชิดกับเจ้าตัวเพราะผมต้องนอนที่โซฟาหน้าห้องนอนที่มิคเพิ่งปิดประตูใส่หน้าไป วันนี้ผมคงต้องยอมแพ้แล้วค่อยเริ่มปฏิบัติการง้อพรุ่งนี้แทน ตัดใจเข้าห้องน้ำด้านนอกและกลับมานอนเปล่าเปลี่ยวที่โซฟาตัวยาวแทน ผมจ้องมองประตูห้องนอนที่มิคนอนอยู่อยากมองทะลุประตูเข้าไปเห็นด้านในได้จัง ว่าคนตัวเล็กของผมเค้าจะเข้านอนรึยังน้า และเหมือนกระแสจิตของผมจะส่งไปถึงคนที่ผมคิดถึงได้ เพราะประตูบานนั้นค่อยๆแง้มออกและมีแสงลอดผ่านช่องประตูออกมา ส่วนห้องรับแขกที่ผมอาศัยนอนนั้นปิดไฟมืดไปแล้ว
ผมจับจ้องร่างบางที่ตะแคงตัวลอดประตูที่เปิดไว้เพียงนิดเดียวเห็นว่ามิคยืนนิ่งสักพักคงปรับสายตาให้ชินกับความมืด และดูเหมือนว่าร่างบางที่กำลังเดินมานั้นหอบผ้าห่มผืนโตมาด้วย และคงไม่รู้ว่าผมยังไม่หลับ ในอกผมตอนนี้นั้นรู้สึกเหมือนมีผีเสื้อบินเต็มไปหมดเพราะนี่เท่ากับว่ามิคก็เป็นห่วงผมกลัวผมจะหนาวแม้ก่อนหน้าเจ้าตัวยังแสดงให้ผมรู้ว่างอนอยู่เลย ผ้าห่มผืนหนาค่อยๆถูกคลุมมาทั้งร่างผมที่นอนอยู่ และไร้การเคลื่อนไหวจากร่างบางผมที่แกล้งหลับตาไม่กล้าลืมตาเพราะกลัวมิครู้ว่าผมยังไม่หลับ ใจเต้นรัวอยากรู้ว่ามิคจะทำอะไรต่อ และผมต้องเกร็งตัวอย่างตกใจเพราะสัมผัสแผ่วเบาที่แก้มตัวเอง มือหอมยังลูบไล้แผ่วเบาผมล่ะอยากเห็นสีหน้าเจ้าของมือนักว่าจะทำหน้าแบบไหนกัน แค่คิดผมก็ลืมตาอย่างที่ใจต้องการและเห็นว่ามิคสะดุ้งชักมือกลับทำท่าจะลุกจากพื้นทันที แต่มือผมไวกว่าคว้าเอวบางมานั่งซ้อนบนตักและกอดแน่นเมื่อเจ้าของร่างที่ผมกอดเริ่มดิ้น
“นายฟินปล่อยเราเลยนะ นี่แกล้งหลับใช่มั้ย / เพี๊ยะๆ” มิคโวยวายพยายามดิ้นจากอ้อมกอดผมที่รัดแน่นและฟาดมือมาที่แขนผมเพื่อให้ตัวเองเป็นอิสระ
“ไม่ปล่อยหรอก มิคเป็นห่วงฟินแบบนี้ รู้มั้ยฟินดีใจเป็นบ้าเลย ฮึๆๆ” มิคหยุดดิ้นแล้วนิ่งไปเมื่อผมหัวเราะ
ผมอยากเห็นใบหน้าหวานเต็มตาจังว่าจะมีสีหน้าแบบไหนแต่มีอุปสรรคเพราะความมืดที่ปกคลุม แต่ดูท่าไม่ดีเพราะมิคยังเงียบอยู่คงต้องง้อร่างบางในอ้อมกอดเต็มที่แล้วล่ะ ผมจึงโอบกอดแน่นและโยกตัวร่างบางไปมาช้าๆ
“โอ๋ๆ เลิกงอนฟินนะครับ ทั้งเรื่องเมื่อเย็นกับเรื่องที่ฟินแกล้งหลับเมื่อกี้นี้น่ะ นะครับนะ ฟินคิดถึงมิคนะไม่ได้เห็นหน้าเป็นเดือนแล้ว” ผมพูดแผ่วข้างใบหูหอมมิคย่นคอหนีและหันหน้าไปอีกข้างนี่มิคยังงอนผมอยู่ใช่มั้ยนะ
ผมจับร่างบางวางลงบนโซฟาและจับคางให้หันมาทางผม แสงที่รอดผ่านประตูมาจากห้องนอนนั้นส่องใบหน้าใสที่ไร้แว่นมาปิดบังตากลมโต ผิวหน้าขึ้นสีแดงจางๆและยกยิ้มมุมปากน้อยๆ หน้าตาแบบนี้มันไม่ใช่คนงอนกันนี่หน่าหรือผมโดนแกล้งจางร่างบางตรงหน้ากันแน่เนี่ย
“โฮ มิคไม่ได้โกรธฟินใช่มั้ย นี่แกล้งกันนี่หน่า” แอบดีใจที่มิคหายโกรธแม้ว่าตัวเองจะโดนแกล้งก็ตาม
“ฮ่าๆ ทีแรกน่ะโกรธล่ะเรื่องอะไรมาทำประเจิดประเจ่อหน้าห้องกัน แต่หายโกรธตั้งแต่ไอติมกล่องใหญ่เมื่อหัวค่ำแล้ว แถมยังได้แกล้งคนเล่นอีก ฮิๆ เราสนุกมากกกก” มิคหัวเราะก้องอย่างถูกใจที่แกล้งผมสำเร็จ
“งั้นก็ทำได้สิท่าอยู่ที่มิดชิดแบบนี้” ยกยิ้มเจ้าเล่ห์ไปให้ร่างบางและยื่นหน้าตัวเองไปใกล้หวังจะได้เห็นใบหน้าเขินอายจากเจ้าตัว แต่ผิดคาดที่คนหน้าหวานผมยุ่งกลับทำสีหน้าที่ผมเห็นล่ะอยากฟัดแก้มที่ยกยิ้มจนปรินั้น ให้จมมิดเลยแถมมายักคิ้วให้เอียงแก้มให้กันอีก
“ได้สิถ้านายกล้า อ่ะ” เป้าหมายอยู่ตรงหน้าและประโยคท้าทายแบบนี้อีกมีรึคนอย่างผมจะไม่กล้าน่ะ
ก้มหน้าหาที่หมายแต่ยังไม่ถึงแก้มขาวที่เล็งไว้ก็เคลื่อนหนีและเสียงหัวเราะใสก็ดังก้องเพราะแกล้งผมสำเร็จอีกครั้ง นี่มันยั่วกันชัดๆและมีหรือผมจะยอม ไล่จับร่างบางที่เริ่มดิ้นหนีเหมือนรู้ชะตากรรมและมหกรรมจับเด็กขี้แกล้งจึงเริ่มขึ้นบนโซฟาตัวใหญ่ จึงมีทั้งเสียงโวยวายจากคนตัวเล็กและเสียงหัวเราะของเราสองคนดังก้องห้อง จนร่างบางของคนช่างแกล้งโดนผมกดล็อคใต้ร่างบนโซฟา เสียงหอบหายใจดังเล็ดลอดจากปากแดงตาเปล่งประกายอย่างคนมีความสุข ภาพตรงหน้ามันมีแรงดึงดูดให้ผมเข้าหาเราสบตากันและไม่มีการขัดขืนจากร่างข้างใต้ ทำให้ความควบคุมตัวผมหมดไป ผมก้มหาปากแดงสัมผัสแผ่วเบาไปตามรูปปากจูบดูดซับไปทั่วจนถึงมุมปากไล้ซุนจมูกไปที่ผิวแก้มหอม ฝั่งจมูกลงแก้มทั้งสองข้างและจบที่หน้า
ผากมนเนิ่นนาน อย่างต้องการประทับตราว่าคนตรงหน้านั้นเป็นของผมและให้ประทับลงในใจมิคว่ามีผมเป็นเจ้าของแล้ว
“มิคเป็นของฟินแล้วนะครับ ห้ามไปใกล้ชิดกับใครแบบนี้นะ”
“นายก็เป็นของเราเหมือนกัน ถ้ารู้ว่าไปทำแบบนี้กับใครนายตายแน่ เข้าใจมั้ย ฮึ” ปากยิ้มเสียงเข้มแต่แววตาจริงจังในคำพูด
ผมเห็นแบบนี้ก็ให้หนาวไปทั้งตัวเผลอกลืนน้ำลายลงคอดัง ‘เอื๊อก’ และพยักหน้าช้าๆส่งไปให้ แต่แรกที่ต้องการแสดงตัวว่าเป็นเจ้าของร่างบาง แต่พอได้ยินประโยคแสดงความเป็นเจ้าของของมิคบ้างทำไมผมต้องเกรงใจจนเผลอกลัวมิคนิดๆอย่างนี้นะ และดูท่ามิคจะพอใจในคำตอบของผมจึงเปิดยิ้มกว้างตาปิดมาให้ทำให้ผมลืมความรู้สึกเมื่อครู่นี้ไปได้ ก้มหน้าหวังจะจูบปากนุ่มนั้นอีกรอบแต่โดนมือบางดันหน้าปิดปากห้ามซะก่อน
“วันนี้พอได้แล้ว นายได้กำไรจากเราไปเยอะแล้วนะ” หน้ายิ้มแต่เสียงดุมันทำให้ผมชะงักและยอมคนตัวเล็กจนได้ เมื่อไม่ได้อย่างที่หวังในตอนแรกจึงขอทำใจโดยการซบหน้ากับอกบาง และเพิ่งนึกถึงสิ่งที่อยากขอจากมิคได้
“ไหนๆเราก็เป็นแฟนกันแล้ว มิคเรียกชื่อฟินแทนเรียกว่านายนะและฟินอยากให้มิคแทนตัวเองด้วยชื่อน่ะ นะครับ” มิคเงียบไปสักพักจนผมต้องเงยหน้าขึ้นมาสบตาคนหน้าหวาน
“ครับ...........ฟิน” เสียงหวานรับคำก่อนหยุดไปนานและเอ่ยชื่อผมแผ่วเบาออกจากปากแดงได้ในที่สุดและคลี่ยิ้มบางๆมาให้
ผมล่ะเป็นปลื้มและอยากได้ยินชื่อตัวเองจากปากมิคใกล้ๆหูจังมันจะให้ความรู้สึกดีกว่านี้อีกมั้ยนะ แค่นี้ก็ทำเอาผมดีใจมากแล้วที่มิคยอมตามใจผมถึงขนาดนี้
................................................................
โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ ^3^
ก็มีให้หวานกันเบาๆกับมิคฟิน จะว่าไปหมอมิคเค้าก็ยั่วได้น่าฟัดซะจริง
ตอนนี้อาศัยเหตุการณ์ของคู่วินกัสมาให้นายฟินที่คิดถึงมิคได้เจอคนที่คิดถึงซะที
ภูมิใจชื่อตอนอ่ะค่ะ(O////O 55) ตาม(ใจ)รัก >> ฟิน=ตามรัก มิค=ตามใจ ฮุๆๆ
ส่วนตอนหน้าติดตามได้ว่าเมื่อมีคนเริ่มสนใจมิคฟินจะเป็นยังไง
ปล.+1ให้แล้วจ้า และติดตามฟินมิคได้ในวันเสาร์ค่ะ
ปล.2 เฮอะๆ ใครที่อยากรู้ว่าทำไมมิคถึงยอมง่ายขนาดนี้ให้รอนะคะอีก2ตอนหมอมิคมาแน่ค่ะ
สุขสันต์วันลอยกระทงค่ะ ทุกการติดตามค่ะ