ตอนที่ 18 : แฟนตฤนสบตากับผมนิ่ง เมื่อตื่นขึ้นมาแล้วเจอผมนอนตะแคงข้าง มือสอดไว้ใต้ศีรษะ จ้องตฤนตาแป๋ว
“อรุณสวัสดิ์ ผมแปรงฟันแล้ว” ผมรีบบอกเป็นอันดับแรก กลัวอีกฝ่ายรังเกียจที่เข้ามานอนใกล้ โธ่อันนี้โทษผมไม่ได้นะ ต้องโทษเตียงนอนที่มีขนาดเล็กกว่ามาตราฐานไม่ถึงห้าฟุตจริง
“หลับสบายไหม” ผมส่งยิ้มกว้าง แต่ตฤนยังมองผมนิ่งไม่พูดไม่จาสักคำ
“หิวไหม” ทุกอย่างยังเงียบสนิทเหมือนเดิม ผมขยับตัวออกห่าง สีหน้าเริ่มจ๋อย ชักไม่แน่ใจว่าเมื่อคืนง่วงจนฝันไปเองหรือเปล่าว่าตฤนพูดเหมือนชอบผม
ตฤนถอนใจออกมาเบาๆ ก่อนเบือนหน้าไปทางอื่นทำเอาใจผมหายวาบ “ฉันยังไม่ได้แปรงฟัน” ใบหน้าด้านข้างที่เห็นขึ้นสีแดเรื่อ เหมือนเจ้าตัวกำลังเขินที่ต้องสารภาพ โธ่เอ๊ย~ที่แท้ก็เสียความมั่นใจ คุณหมีหน้าบึ้งของผมน่ารักที่สุด
“งั้นตฤนอาบน้ำก่อน ผมวางแปรงสีฟันไว้ให้แล้ว”
“ไม่ใช่ของกล้าใช่ไหม” ตฤนหรี่ตามองผม “เสื้อผ้าฉันใส่ได้แต่ให้ใช้แปรงสีฟันร่วมกันคงไม่ไหว”
“ฮ่าๆ ไม่ใช่สิ ของใหม่แกะกล่องเลย” ผมจะไม่บอกหรอกว่ากล้าซื้อแบบหนึ่งแถมหนึ่งมา
“อืม” ตฤนพยักหน้า สะบัดผ้าห่มลุกขึ้นจากเตียง ดึงผ้าเช็ดตัวที่พาดไว้กับพนักเก้าอี้ เดินหายเข้าไปในห้องน้ำ ผมจัดการเก็บที่นอน หยิบเสื้อผ้าของตฤนมาสะบัดให้ คงต้องใส่ชุดเก่าไปก่อนเพราะผมไม่มีเสื้อผ้าให้เปลี่ยน
“วันนี้มีเรียน..” ผมเงยหน้าขึ้นถามเมื่อได้ยินเสียงตฤนเดินออกมาจากห้องน้ำ ก่อนริมฝีปากจะเผยอค้างไม่ได้พูดต่อจนจบ ร่างสูงของตฤนมีเพียงผ้าเช็ดตัวพันหมิ่นเหม่อยู่ที่สะโพก ผมกลืนน้ำลายลงคอช้าๆ สายตาไล่ลงโดยอัตโนมัติ วีเชฟที่เห็นทำไมถึงขึ้นชัดเจนขนาดนี้
“ดูจนพอใจหรือยังฉันจะได้ใส่เสื้อผ้า”
ผมเงยหน้าขึ้นสบตาตฤน จ้องอยู่ครู่หนึ่งก่อนยิ้มกว้างออกมา “ตฤนหุ่นน่ามอง ผมลืมไปเลยว่าเมื่อกี้จะพูดอะไร”
“นายนี่มันจริงๆ ให้ตาย” ตฤนส่ายหัวพูดเสียงอ่อนใจ แต่ดวงตากับริมฝีปากปรากฏรอยยิ้มขำ
“ก็มันจริง” ผมหัวเราะตัวเอง ในที่สุดผมก็เจอข้อดีอย่างหนึ่งของการชอบผู้ชายเหมือนกันแล้ว นั่นคือเราสามารถพูดสิ่งที่เราคิดออกมาได้ ถ้าเป็นผู้หญิงผมอาจถูกตบคว่ำไปแล้ว หรือไม่ก็โดนหาว่าเป็นโรคจิต
“เมื่อกี้นายจะถามอะไรฉัน”
“อ๋อ จะถามว่าวันนี้ตฤนมีเรียนหรือเปล่า”
“มี แต่ฉันจะกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่คอนโดก่อน”
“อืม” ผมพยักหน้า สายตาจับจ้องต้นขาที่โผล่พ้นรอยแยกของผ้าเช็ดตัว เมื่อตฤนใส่กางเกงยีนส์ตัวเมื่อวาน
“นายมีเรียนไหม”
“อืม”
“เช้าหรือบ่าย”
“อืม”
“เป็นกระต่ายเอ๋อ สมองถั่วใช่ไหม”
“อืม”
“โอ๊ย!” ผมร้องเพราะตกใจมากกว่าเจ็บ เมื่อตฤนดีดเข้าที่กลางหน้าผาก “คิดอะไรอยู่”
คิดว่าผู้ชายที่หุ่นดีมากๆ ก็ทำให้ผู้ชายด้วยกันใจเต้นได้เหมือนกัน ผมไม่ได้ตอบออกไปหรอกครับ คำตอบนี้เอาไว้ตอบตัวเอง ไม่น่าเชื่อว่าผมจะใจสั่นเพราะภาพที่เห็น “เปล่า” และนี่คือคำตอบที่ผมตอบออกไป
“ต้องไปแล้ว ไม่อย่างนั้นจะกลับมาเรียนไม่ทัน” ตฤนวางมือลงบนไหล่ผม รอยยิ้มยกขึ้นที่มุมปาก “ขอบใจที่ให้ค้าง”
“ไม่เป็นไร” ผมยิ้มกว้างทั้งปากและตาอยากให้ตฤนรู้ว่าผมเต็มใจ ตฤนทำหน้าเหมือนอยากจะพูดอะไรสักอย่าง สายตาเหลือบมองนาฬิกาที่ข้อมือตัวเองก่อนถอนใจออกมา
“คงไม่ทันแล้วจริงๆ ไว้เจอกัน”
“เดี๋ยวผมเดินลงไปส่ง”
“ไม่เป็นไรนายแต่งตัวเถอะ” ตฤนบอกเมื่อเห็นผมยังอยู่ในชุดเสื้อยืดกางเกงขาสั้น “วันนี้ทำงานที่ร้านใช่ไหม”
“ใช่”
“อืม” ตฤนพูดแค่นั้นก่อนเดินออกจากห้องไป ผมยืนนิ่งๆ อยู่กลางห้อง อดเสียดายนิดๆ ไม่ได้ สุดท้ายก็ยังไม่มีโอกาสได้พูดคำว่าชอบออกไป
• • • • • • • •
“ตฤน” ผมเรียกด้วยน้ำเสียงแปลกใจเมื่อเห็นตฤนเดินเข้าร้านมา ตฤนสบตาผมแต่กลับเดินตรงไปหาพี่ซินที่เคาน์เตอร์แทน
“พี่ซินครับ ถ้าผมจะขอยืมตัวลูกน้องพี่ซินไป แล้วให้เจ้าปอนอยู่ทำงานแทนได้ไหมครับ”
พี่ซินหันมามองหน้าผม ผมรีบส่ายหน้าให้รู้ว่าผมไม่รู้เรื่องนี้
“ใช้งานผมได้ทุกอย่างเลยพี่ซิน” ปอนพูดอย่างอารมณ์ดี กล้าที่ยืนหลบมุมอยู่เดินออกมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น
“มีอะไรกันวะ”
“ตฤนมาชวนว่านไปไหนสักที่นี่แหละ” พี่ซินเป็นคนตอบกล้า “ไปเถอะพี่อนุญาต ปอนไม่ต้องอยู่ก็ได้”
“ผมอยู่ได้ครับวันนี้ว่าง”
“ไม่เป็นไร” พี่ซินรีบปฏิเสธ “กล้าก็อยู่ไม่ต้องห่วง”
“เออกูอยู่ จะไปไหนก็ไปเถอะ กูมาจนขายแทนไอ้ว่านได้แล้ว”
“ให้ผมช่วยอีกคนดีแล้ว ว่านจะได้ไม่ลำบากใจ อีกอย่างผมชอบให้คนอิจฉาตาร้อน”
“ใครวะ” กล้าเลิกคิ้ว หันไปมองหน้าคนนั้นทีคนนี้ที
“หึๆ” ปอนเบนสายตาไปทางพี่ซิน “คนที่ไปทำงานรับเงินแสนแต่ดันอยากมาทำงานฟรีมากกว่า”
พี่ซินหน้าขึ้นสีแดงเรื่อ พวกผมเม้มปากไม่มีใครกล้าแซวต่อ ผมกับกล้าคิดเหมือนกันคือกลัวพี่ซินจะยิ่งหนี
“ได้ใช่ไหมครับ” ตฤนถามพี่ซินซ้ำด้วยสายตาให้เกียรติ
“ได้สิจ้ะ ไปกันเถอะ”
“แต่ผม..” ผมอึกอักรู้สึกว่ามันไม่ค่อยถูกต้องเท่าไหร่
“ไปเถอะว่าน พี่ยังติดใจยอดขายเมื่อวาน ขอคนหล่อๆ มาขายให้อีกสักวัน” พี่ซินพูดติดตลก
“โห~ด่าผมไม่หล่อยังเจ็บน้อยกว่าเลยครับ” ผมแกล้งร้องโอดครวญ แต่รู้ใจพี่ซินดีว่าที่พูดอย่างนั้นเพราะไม่อยากให้ผมคิดมาก
“ขอบคุณครับ” ตฤนค้อมศีรษะให้พี่ซินก่อนหันมาสบตากับผม “ไปกันเถอะ”
“ไปเถอะ” พี่ซินพูดซ้ำอีกครั้ง
“ครับ ขอบคุณครับ” ผมยกมือขึ้นไหว้พี่ซิน เดินเข้าไปด้านหลังเคาน์เตอร์หยิบกระเป๋าในตู้ขึ้นสะพาย เดินตามหลังตฤนออกจากร้านไป
“ไปไหนเหรอ” ผมถามเมื่อขึ้นนั่งบนรถเรียบร้อย
“ทำงาน”
“ทำงาน~”
“หึๆ”
“ก็นึกว่า...” ผมเม้มปาก ตัดสินใจเงียบเสียไม่พูดอะไรต่อ เกือบถามอีกข้อว่าทำไมไม่ให้ปอนไป ดีที่คิดได้เองว่าจะให้นายแบบไปเป็นเบ๊นายแบบได้อย่างไร
• • • • • • • •
“ว่าน”
ผมยิ้มกว้างเมื่อเห็นว่าใครเดินเข้ามาทัก ดีใจที่เกนยังจำชื่อผมได้
“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ”
“ครับ เกนสบายดีไหม”
“สบายมาก แล้วว่านเป็นไงบ้าง”
“สบายดีครับ แว่นมาหรือเปล่าครับ” ผมถามเมื่อไม่เห็นผู้จัดการตัวเล็กของเกน
“มา ลืมของไว้ที่รถกำลังออกไปเอา”
“อ๋อ” ผมพยักหน้า สะดุ้งน้อยๆ เมื่อไหล่ถูกแขนหนักๆ ของตฤนวางพาด
“ไปแตรียมตัวก่อนสิวะมึงมาคนสุดท้ายเลย คนอื่นเสร็จกันหมดแล้ว หวงนักเดี๋ยวกูเฝ้าให้” ผมมองหน้าเกน จะบอกว่าไม่เข้าใจคำพูดของอีกฝ่ายก็ไม่ใช่ แต่จะบอกว่าไม่มีข้อสงสัยเลยก็ไม่เชิง ผมคิดว่าผมเข้าใจแต่ไม่แน่ใจมากกว่า
“เหมือนฝากปลาย่างไว้กับแมวเหรอ”
“มึงเปรียบเทียบให้มันทันสมัยหน่อยก็ได้ไอ้ตฤน”
“หึๆ แบบนี้เหมาะกับว่านดี”
อ้าว! ผมอยู่ของผมดีๆ มาว่าผมโบราณซะงั้น ว่าแต่ถ้าผมเป็นปลาย่าง ตฤนก็กำลังหวงผมอยู่ใช่ไหม ผมยิ้มหน้าบานเป็นจานเชิง ขอคิดเข้าข้างตัวเองไปพลางๆ ก่อนก็แล้วกัน
“กูเป็นแมวที่มีปลอกคอเรียบร้อยแล้ว เผื่อมึงจะสบายใจขึ้น”
“ฮ่าๆ ยินดีด้วย กูว่าจะยุให้แว่นปฏิเสธมึงอยู่ เสียดายไม่มีเวลาคุยกัน”
“อ้าวไอ้ตฤน”
“หึๆ ถ้าอย่างนั้นกูฝากดูว่านให้ด้วย เดี๋ยวกูมา”
“เดี๋ยว” ผมดึงแขนเสื้อตฤนไว้ “แล้วผมต้องทำอะไรบ้าง”
“ไม่ต้อง”
อ้าว! แล้วพาผมมาด้วยทำไม”
ตฤนยกยิ้มมุมปาก ดวงตาฉายแววแปลกๆ แต่ไม่ยอมตอบคำถามผม พอดีกับที่ทีมงานเดินมาตาม ร่างสูงจึงเดินแยกไปปล่อยผมไว้กับเกน
“เดี๋ยวผมต้องเริ่มถ่ายแล้ว ว่านอยู่กับแว่นนะมาพอดี” ผมหันไปมองตามสายตาของเกน ส่งยิ้มให้เมื่อเห็นว่าใครกึ่งเดินกึ่งวิ่งเข้ามา
“ช้าๆ เดี๋ยวล้ม”
ผมเห็นแว่นมองค้อนเกน สายตาที่ทั้งคู่มองกันและกันเปลี่ยนไปจากวันนั้นโดยสิ้นเชิง มันน่ารักจนผมอดยิ้มตามไม่ได้
“สวัสดีครับ” แว่นหันมาส่งยิ้มให้ผม
“สวัสดีครับ” ผมได้เพื่อนนั่งคุยแล้ว
• • • • • • • •
“ผู้จัดการคนใหม่เหรอคะตฤน พี่มลออกแล้วเหรอ” นางแบบร่างสูงเดินเข้ามาทัก คงสังเกตเห็นผมป้วนเปี้ยนอยู่ใกล้ตฤน ช่างเป็นผู้หญิงที่สวยทุกอิริยาบถจริงๆ เมื่อสักครู่ผมนั่งมองการทำงานยังอดอิจฉาไม่ได้ ยืนข้างตฤนแล้วดูเหมาะสมกันมาก
“ผู้จัดการผมยังเป็นพี่มลเหมือนเดิม”
“อ้าวเหรอคะ ขอโทษที่เข้าใจผิด” หญิงสาวส่งยิ้มเป็นมิตรมาให้ “งั้นคนนี้ก็เพื่อนตฤนสินะคะ”
ผมคลี่ยิ้มกว้าง เตรียมรับการแนะนำชื่อเต็มที่
“เปล่า นี่แฟนผม”
ผมยืนยิ้มค้างอยู่แบบนั้น ก่อนจะหันขวับไปมองหน้าตฤนตาโต อีกฝ่ายมองผมอยู่ก่อนแล้วรอยยิ้มมุมปากและดวงตาดูเจ้าเล่ห์และร้ายกาจ
“อะไรกันเนี่ย พากันมีคู่หนีเคธี่ไปหมด” หญิงสาวมีสีหน้าแปลกใจแต่ไม่แสดงกิริยาให้อึดอัด “ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ เคธี่นะคะ”
“ผมว่านครับ” ผมเงอะงะเพราะยังตกใจไม่หาย แต่ก็ยื่นมือไปจับกับมือที่ส่งมา
“ปิดเงียบเลยนะตฤน ไม่เห็นกระซิบบอกเพื่อนฝูง”
“ก็ไม่เห็นมีใครถามผม” ตฤนส่งยิ้มกวนๆ ให้เพื่อน
“แหม เข้าใจตอบ หว้าๆ ทางนี้” นางแบบสาวยกมือขึ้นโบกเรียกเพื่อนนางแบบด้วยกัน
“เดี๋ยวจะตกข่าว นี่แฟนตฤน”
“อะไรนะ! โอ๊ะโทษทีค่ะ ไม่คิดว่าตฤนจะมีแฟน” ผมยิ้มรับ แม้จะเดาได้ไม่ยากว่าอีกฝ่ายตกใจที่ผมเป็นผู้ชายก็ตาม ไม่เป็นไรหรอกครับผมเข้าใจเพราะผมก็ตกใจแทบตายเหมือนกัน ผมลอบมองใบหน้าด้านข้างของตฤน อยากถามเหลือเกินว่านี่มันเรื่องอะไรกัน
“ผมเป็นแฟนตฤนตั้งแต่เมื่อไหร่” ผมถามทันทีที่ขึ้นรถ หันไปมองร่างสูงเต็มตัว ยกมือขึ้นกอดอก พยายามทำหน้าเอาเรื่องนิดๆ จะได้ดูน่าเกรงขาม
“ตอนนี้เลยเหรอ”
“ตอนนี้เลย ไม่งั้นห้ามไปไหน” ผมทำสีหน้าจริงจัง
“หึๆ ก็ได้ตามใจนาย แต่ขอเลื่อนรถไปจอดด้านหลังสตูฯ ก่อนจะได้คุยกันสะดวก”
“อนุมัติ”
“หึๆ” ตฤนหัวเราะอยู่ในลำคอ ดูอารมณ์ดีเหลือเกิน
“ถามมา” ตฤนหันมามองผมเมื่อจอดรถเรียบร้อย
“ผมเป็นแฟนตฤนตั้งแต่เมื่อไหร่”
“ตั้งแต่เมื่อคืน”
“เมื่อคืน?” ผมตาโต ไม่ต้องนึกก็จำได้ว่าอีกฝ่ายหลับปุ๋ย จะมาเป็นแฟนกันตอนไหน
“ก็ตอนที่นายบอกชอบฉัน” ตฤนชะโงกหน้าเข้ามาใกล้ ผมมองรอยยิ้มร้ายๆ ของตฤนตาตั้ง
“เดี๋ยว~ ตกลงไม่ได้หลับเหรอ ได้ยินหมดเลยเหรอ”
“หึๆ”
“ทำแบบนี้มันไม่ถูก” ผมเริ่มหมั่นไส้ ทีตัวเองพูดอ้อมๆ ไอ้เราจะถามให้แน่ใจว่าจริงหรือเปล่าทำมาเป็นหลับใส่
“ไม่ดีหรือไงที่ฉันไม่ปฏิเสธคำบอกรักของนาย”
“ใครขอ แล้วผมก็พูดแค่คำว่าชอบด้วย” ผมทำหน้ามุ่ย นิสัยไม่ดีแล้วยังขี้โมเมอีก
“อยากอกหักเหรอ” สายตาที่มองมายั่วเย้า ดูเจ้าตัวอารมณ์ดีเหลือเกิน ไม่เหลือหน้าเก๊กๆ ของคุณหมีหน้าบึ้งให้เห็น ทำไมเป็นคนร้ายกาจแบบนี้!
“ก็น่าสนุกดี”
“กระต่ายเอ๋อ!” คนหน้าระรื่นหุบยิ้มทันที ดวงตาที่มองมาเอาเรื่อง ผมยิ้มขำที่ยั่วให้ตฤนออกอาการได้ ทีตัวเองไม่เห็นพูดคำว่าชอบสักคำ อ้อมไปอ้อมมาอยู่ได้ รู้ว่าผมเอ๋อแทนที่จะพูดตรงๆ
“ทำไมเมื่อคืนผมเรียกถึงไม่ตอบ” ผมถามเรื่องที่ข้องใจก่อน
“...”
“ตฤน”
“..”
“ตฤนครับ”
“ฉันอยากรู้ก่อนว่านายคิดยังไง”
“แค่นี้ก็ต้องกลัวเสียหน้าด้วย บอกผมก่อนก็ไม่ได้”
“นายมันสมองปลาทอง”
“เฮ้อ พูดแบบนี้ผมจะไม่เชื่อแล้วนะว่าตฤนก็ชอบผม”
“นายมันเอ๋อได้โล่จริงๆ ฉันเคยพูดใช่ไหมว่ากับบางคนถึงอยากพูดออกไปตรงๆ แต่พอคิดว่าถ้าบุ่มบ่ามแล้วมีโอกาสจะเสียคนๆ นั้นไปฉันก็ไม่กล้า บางคนก็มีความหมายกับเรามากเกินไป”
ผมค่อยๆ ซึมซับในสิ่งที่ตฤนพูด เข้าใจมันอย่างช้าๆ ตฤนกลัวว่าผมจะชอบตฤนแบบแฟนคลับเท่านั้นใช่ไหม กลัวว่าถ้าบอกชอบผมแล้วผมไม่ได้ชอบตฤนแบบนั้นขึ้นมาตฤนอาจต้องเสียผมไปใช่ไหม
“ตฤนชอบผมไหม” ผมถามตฤนด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนที่สุด “ผมเป็นผู้ชายนะ”
ตฤนสบตากับผม ดวงตาคู่นั้นค่อยๆ อ่อนแสงลง “มากที่สุด”
ริมฝีปากของผมค่อยๆ คลี่ยิ้มออกกว้าง ดวงตาสุกใสเต็มไปด้วยความสุข เริ่มเข้าใจในสิ่งที่ผู้ชายคนนี้เป็น “เด็กน้อยของผมน่ารักที่สุดเลย”
“กระต่ายเอ๋อ!”
“ไม่เป็นไรนะ ผมจะดูแลตฤนเอ..อื้อ!”
ดูเหมือนตฤนจะมีวิธีปิดปากไม่ให้ผมล้อเลียนได้ด้วยริมฝีปากของตฤนเอง จูบแรกของผมให้รสชาติเหมือนน้ำชาที่ตฤนเพิ่งดื่มเข้าไป มันขมนิดๆ แต่หอมหวานเหลือเกิน
✪✣✤✥✦TBC✤✥✦✧✪
Darin ♥ FANPAGE Twitter :
primdarin