- ดื่มครั้งที่ 24 -
หลังจากที่ผมเลิกเล่นมวยปล้ำกับพี่จีบเพราะเกิดมี..เอ่อ นั่นล่ะขึ้นมา ร่างกายแทบจะไร้เรี่ยวแรงจนต้องลงมานอนแผ่ข้างๆ ใบหน้ายังคงร้อนวูบวาบอย่างน่ากลัว ตอนนี้ผมกำลังเค้นสมองอันน้อยนิดคิดว่าควรทำอย่างไรดี จะให้ชวนพี่จีบทำเรื่องอย่างว่ามันก็เร็วไปป่ะวะ เพิ่งคบกันยังไม่ครบอาทิตย์ด้วยซ้ำ ยิ่งคิดยิ่งปวดหัว ถ้าอย่างนั้นทางออกที่ดีที่สุดคือ....
"พี่จีบ ไปเตะบอลกัน!"
ผมพูดออกไปเสียงดังพอตัว คนด้านข้างหันมองขวับแทบจะทันทีที่ฟังจบ สีหน้าของเขาดูจะงงกับสิ่งที่ผมพูดไปมาก เป็นผมก็งงนะ มาชวนเตะบอลตอนใกล้เที่ยงคืนเนี่ย โฮ ก็แม่งฟุ้งซ่าน ไม่รู้จะระงับอารมณ์ตัวเองยังไง จะให้ขออนุญาตไปโลกสวยด้วยมือเราก็กลัวจะโดนล้อ
"เตะบอลอะไรของมึงตอนใกล้เที่ยงคืนวะ"
พี่จีบขมวดคิ้วแน่นมองกัน มือหนายกขึ้นจิ้มระหว่างคิ้วของผมจึกๆเหมือนบอกว่าผมบ้าไปหรือเปล่า
"ก็...มันอยากเล่นอ่ะ"
ผมปัดมือเขาออกแบบไม่จริงจังนักก่อนจะเสตามองไปทางอื่น เห็นหน้าพี่จีบแล้วอารมณ์ยิ่งพลุ่งพล่านกว่าเดิมอีก แย่แน่ๆ นอนหายใจรดกันไปมาไม่นานคงได้เสียกันว่ะ ผมดีดตัวลุกขึ้นนั่งทันทีที่คิดได้ พี่จีบดูจะงงๆแต่ก็ยอมลุกจากเตียงด้วยเช่นกัน
"คิส... ไม่ใช่ว่ามึงมีอารมณ์กับกูใช่ไหม"
ผมสำลักอากาศแทบจะในทันทีแล้วไอโขลกจนพี่จีบต้องขยับมาลูบหลังกัน ผมแทบจะมุดดินหนีให้รู้แล้วรู้รอด ทำไมเขาถึงเก่งนักวะ หรือแอบมานั่งอยู่ในสมองของผม
"โหย ใครจะไปหื่นเหมือนพี่วะ"
ผมตอบไปด้วยน้ำเสียงที่พยายามคุมไม่ให้สั่น มือไม้เริ่มชื้นเหงื่อเพราะกลัวว่าพี่จีบจะจับได้ ขาเริ่มสั่นเบาๆเพราะกำลังตื่นเต้น โอย ทรมานฉิบหาย จะวิ่งออกจากห้องไปเลยมันก็ผิดสังเกตเกินไป จะนั่งอยู่ด้วยกันแบบนี้ก็โคตรแย่ ฮึก น้องคิสอยากขอตัวช่วยอ่ะครับ มีไหม
"คิส ถ้ากูจับได้ว่ามึงโกหก กูจัดหนักมึงแน่"
เสียงเข้มดังขึ้นพร้อมกับสายตาเป็นประกายวิบวับมองมา ผมเม้มปากเข้าหากันแน่น ชั่งใจอยู่มาจะพูดหรือไม่พูดดีเพราะรู้สึกอายและกระดากปากเกินจะบอกความจริง คือไม่เคยเกิดอารมณ์กับคนอื่นเลยเริ่มต้นไม่ถูก ปกติเกิดจากการดูหนังเอวีอะไรแบบนี้
"ผมมีคำถาม..."
หลังจากที่คิดวนไปวนมาราวๆสิบวินาที ผมก็ตัดสินใจขอความคิดเห็นจากพี่จีบ ทั้งๆที่คาดว่าคำตอบที่ได้รับคงไม่เป็นไปตามที่หวังแต่ก็อยากถามว่ะ ดีกว่าอึดอัดแบบนี้
"ถามอะไร"
เขาหันมองผมนิ่งไม่ละสายตาไปไหน บางครั้งผมก็อยากบอกว่าไม่ต้องทำท่าตั้งใจฟังขนาดนั้นก็ได้ ผมพูดไม่ออกเว้ย ยิ่งเรื่องที่กำลังจะถามมันไม่ปลอดภัยกับตัวเองสักเท่าไหร่ด้วย
"จะเลือกไปเตะบอลหรือใช้มือ"
ผมถามเสียงอ้อมแอ้มไม่มีเท้าความให้ยาวยืด พี่จีบถึงกับอ้าปากหวองงกับคำถามของผม
"หา ถามอะไรของมึง"
พี่จีบเกาหัวแกรกๆ ทีเรื่องอื่นฉลาดทำไมเรื่องนี้ถึงไม่เข้าใจง่ายๆบ้างวะเนี่ย ผมเม้มปากแน่นอีกครั้งแล้วสูดหายใจเข้าลึกๆเพื่อกลั้นใจถามคำถามพี่เขาอีกรอบ
"ตอนมีอารมณ์อ่ะจะเลือกทำอะไร!"
ผมพูดจบเสียงพี่จีบระเบิดหัวเราะก็ดังขึ้น ดวงตาคมจับจ้องมาอย่างจริงจังก่อนเสียงทุกอย่างจะเงียบลง ระยะห่างระหว่างเรากำลังน้อยลง น้อยลง จนปลายจมูกของเราชนกัน ผมไม่มีทางหนีเพราะมือใหญ่กับรั้งท้ายทอยกันเอาไว้
"ไม่มีตัวเลือกไหนของมึงที่กูอยากทำ"
เสียงกระเส่าของพี่จีบยิ่งทำให้สติที่พยายามควบคุมไว้เตลิดไปไกลกว่าเดิม อะไรๆที่ไม่เคยสงบอยู่ก่อนหน้านี้กลับแข็งขันขึ้นจนต้องเอามือปิดไว้ ไม่ฉิบหายวันนี้ก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้ว
"ละ แล้วอยากทำอะไรล่ะ"
ถามออกไปด้วยเสียงตะกุกตะกักและเบาหวิวราวกระซิบ จมูกโด่งสวยได้รูปกำลังคลอเคลียอยู่ที่แก้มใส ผมอยากผลักคนเจ้าเล่ห์ออกแต่ร่างกายกลับโอนอ่อนตามเขาไปแล้ว นี่สินะที่เขาว่า 'ร่างกายทรยศสมอง'
"อือ พะ พี่จีบ หยุดก่อนสิวะ"
ผมละมือออกจากตรงนั้นมาดันอกแกร่งไว้ ไอ้คนขี้แกล้งยิ้มกริ่มแล้วกดจูบลงมาบนริมฝีปากอย่างรวดเร็วจนผมเบิกตาค้าง ความนุ่มหยุนบดเบียดลงมาอย่างเชื่องช้า ริมฝีปากหยักค่อยๆขบเม้มดูดดึงริมฝีปากของผม มือไม้ที่เคยผลักไสอีกคนกลับอ่อนยวบไม่มีแรง
"อื้อ!"
ลิ้นร้อนไล้วนรอบริมฝีปากก่อนที่มันจะผ่านรอยแยกเข้ามาเกี่ยวตวัดหยอกล้อกับปลายลิ้นของผม ความเสียววูบไหวตรงท้องน้อยบอกให้รู้ว่าตอนนี้อารมณ์กำลังฉุดไม่อยู่ แต่...ผมยังไม่พร้อมเสียตัวเลยดึงสติกลับมาแล้วผลักอกพี่จีบออก ก่อนจะหอบหายใจแรง
"แฮ่ก จะปล้ำผมหรือไง"
ผมหลบสายตาหวานเยิ้มนั่น ถ้าจ้องมองกันตรงๆคงละลายตรงนี้แน่ๆ แขนแกร่งคร่อมตัวผมไว้ไม่ให้หนีไปไหนได้ จมูกโด่งยังคอยหาที่ซุกไซร้ไม่หยุดหย่อนจนผมต้องคว้าหมอนมากอดคั่นกลางระหว่างเราเอาไว้ พี่จีบกระตุกยิ้มมุมปากเล็กน้อย เสียงหัวเราะดังเล็ดลอดออกมาราวกับเจอเรื่องสนุก...
"ถ้ามึงสมยอมก็ไม่เรียกว่าปล้ำนะ"
ตอบได้หน้าตาเฉย... แถมน้ำเสียงยังทะเล้นจนผมรู้สึกหน้าร้อนวูบวาบ คำถามที่ถามไปไม่ต้องรอคำตอบให้เสียเวลาเพราะมันชัดเจนมานานแล้ว ผมไม่น่าโง่ถามเลยเถอะ ฮือ
"ในสมองไม่คิดเรื่องอื่นเลยหรือไง"
"ตอนมีอารมณ์จะให้คิดอะไรวะนอกจากเรื่องเซ็กซ์"
ผมเบิกตากว้างเมื่อได้ยินประโยคเมื่อครู่ ที่พี่จีบพูดออกมาเขาหมายถึงตัวเองหรือหมายถึงผมที่มีอารมณ์ รู้สึกเหมือนกำลังโดนหลอกอยู่เลยวะ
"พี่มีอารมณ์เหรอ"
ผมถามเสียงแผ่วเพราะไม่แน่ใจว่าพี่จีบพูดถึงใครกันแน่ แต่พอคิดทบทวนไปทบทวนมามันน่าจะไม่ได้หมายถึงผม
"อืม... ใช่ ที่กูไม่บอกเพราะกลัวว่ามึงจะตกใจ"
"อะ เอ่อ ตกใจนิดหน่อย"
"ให้ช่วยไหม สัญญาว่าจะไม่ทำอะไรเกินเลยกว่าภายนอก"
ผมหันขวับไปมองแทบจะทันที จะช่วยยังไง ให้พี่สัมผัสน้องชายผมแบบนั้นน่ะเหรอ อายตาย... ทำเองเสร็จเองก็ได้มั้ง
"ทะ ทำเองดีกว่า"
ผมตอบไม่เต็มเสียงนักแล้วกอดหมอนแน่นขึ้นไปอีก ความคิดกำลังตีกันอย่างหนัก ถ้าจะบอกว่าอยากลองก็คงไม่ผิดนักแต่ก็กลัวว่าจะโดนกล่าวหาเป็นคนใจง่าย
"มึงมีอารมณ์เพราะใครคิส"
ผมชะงักก่อนจะช้อนตามองคนตรงหน้า พี่จีบใช้สายตาจริงจังมองมา จะให้ตอบกันโต้งๆจริงๆเหรอวะ
"ถามอะไรวะเนี่ย ไม่คิดว่าคนตอบจะอายบ้างหรือไง"
เสียงอู้อี้ดังขึ้นเพราะเอาหน้าซุกหมอนเหลือแค่ดวงตาที่โผล่พ้นออกมา พี่จีบถอนหายใจเบาๆก่อนจะใช้มือเกลี่ยเส้นผมที่ปรกลงมาตรงหน้าของผมออกให้ เผลอกลั้นหายใจเพราะความอ่อนโยนที่ได้รับอีกแล้ว
"มันเรื่องธรรมชาติ มึงมีอารมณ์เพราะกูใช่ไหม ให้กูช่วยก็จบเรื่อง"
"ตะ แต่ว่า..."
"เชื่อใจกูไหมคิส"
"คือ..."
คำถามนี้มีคำตอบของมันอยู่แล้ว แต่ไม่มั่นใจในตัวเองว่าจะเผลอเรียกร้องอะไรมากกว่านั้นหรือเปล่า ถ้าหากอารมณ์มันควบคุมไม่อยู่ ผมเม้มปากแน่นและไม่ได้ตอบอะไรเขาออกไปนานพอตัว พี่จีบเลยผละตัวออกแล้วหลับตาลงช้าๆก่อนจะลืมขึ้นมาใหม่คล้ายกำลังพยายามทำจิตใจให้สงบ
"ไม่เชื่อก็ไม่เป็นไร เดี๋ยวกูไปนอนโซฟาข้างล่างแล้วกัน"
พี่จีบว่าด้วยน้ำเสียงราบเรียบก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วหอบเอาหมอนและผ้าห่มเดินไปที่ประตู ผมไม่อยากให้เป็นแบบนี้ ไม่อยากให้เข้าใจผิดว่าไม่เชื่อใจกันก็เลยรีบเดินไปสวมกอดเขาจากทางด้านหลัง พี่จีบชะงักไปเล็กน้อยแล้วหันมามองกัน
"พี่จีบ...ชะ ช่วยผมหน่อย"
ผมพูดเสียงอ้อมแอ้มก่อนจะก้มหน้าลงจนคางเกือบชิดอก ไม่อยากมอง ไม่อยากสบตากับเขาในตอนนี้เพราะรู้ว่าตัวเองกำลังจะละลาย แข็งขาแทบจะไร้เรี่ยวแรงเมื่อพี่จีบปล่อยหมอนและผ้าห่มให้ตกลงที่พื้นและใช้สองมือรวบเข้าที่เอวสอบของผม
"ขอบคุณที่เชื่อใจ"
เสียงกระซิบข้างใบหูทำให้ผมขนลุกซู่ ลิ้นเปียกชื้นกำลังไล่เลียไปตามใบหูจนผมเผลอร้องครางออกมา น่าอายที่สุด อายจนต้องซุกหน้าเข้ากลับอกแกร่ง
"อะ อือ"
มือใหญ่กำลังสอดแทรกเข้าไปใต้เสื้อยืดตัวบาง มันไล่วนบีบเค้นส่วนเอวจนเผลอบดเบียดลำตัวเข้าหา ความเสียวซ่านกำลังแล่นริ้วไปตามทุกส่วนของร่างกายเมื่อพี่จีบใช้ปากขบเม้มซอกคอกัน
"ไปที่เตียงนะ"
เขาพูดก่อนจะดันผมให้เดินถอยหลังไปที่เตียง เมื่อร่างของผมนอนลงพี่จีบก็ขึ้นมาตร่อมกันอย่างไม่รอช้า ผมหลับตาปี๋เพราะไม่กล้าสบตามองเขาในเวลานี้ มันเป็นเรื่องน่าอายมากๆ
"หลับตาทำไม ไม่อยากเห็นหน้ากูเหรอ"
เสียงพูดหยอกเย้าทำให้ผมเม้มปากแน่น รู้หรอกว่าไม่ได้ต้องการคำตอบเพราะเสื้อยืดของผมถูกถอดออกไปแล้วก่อนที่มือหนาจะถูกส่งมาลูบไล้และเค้นคลึงหน้าอกอย่างเมามัน ลิ้นร้อนตวัดไล่เลียลงมาบนยอดอกจนผมลืมตาขึ้นด้วยความตกใจ ความวาบหวามกำลังเกิดขึ้นอย่างห้ามไม่ได้เมื่อปากหยักทั้งเม้มทั้งดูดยอดอกอย่างเพลิดเพลิน
"อะ อ่า อื้อ"
เสียงครางน่าอายยังดังเป็นระยะจนต้องยกมือขึ้นปิดปาก พี่จีบกระตุกยิ้มเล็กน้อยแต่ไม่ได้ว่าอะไร เขายังคงทำหน้าที่ปรนเปรอจนผมหัวสมองขาวโพลน รู้ตัวอีกครั้งก็ตอนที่ร่างกายเปลือยเปล่าหมดแล้ว สัมผัสอ่อนโยนที่กอบกุมน้องชายของผมทำใจหัวใจเต้นระรัว ยามที่มันเคลื่อนไหวยิ่งทำให้ขนอ่อนในกายลุกชัน ยอมรับได้เต็มปากว่าดีกว่ามือตัวเองเป็นไหนๆ
"พะ พี่จีบ เสียว"
"อืม... คิสมึงอย่าพูดแบบนั้น มันเหมือนกำลังยั่ว"
พี่จีบกัดฟันพูดอย่างข่มอารมณ์ ผมเม้มปากแน่นเพราะกลัวจะทำให้อีกฝ่ายทรมานกว่าเดิม มือใหญ่ยังคงทำหน้าที่ของมันได้ดี เป็นผมเองที่เผลอแอ่นหายรับสัมผัสได้อย่างหน้าอาย หมอนถูกดึงมาใช้ปิดปากอีกครั้งเพื่อกลั้นเสียงครางของตัวเอง แต่ดูเหมือนมันจะไร้ความหมายเมื่อใกล้ถึงฝั่งฝัน
"อะ อ๊า ระ เร็วหน่อย"
ผมร้องขอเมื่อรู้สึกถึงความอึดอัดที่กำลังจะพวยพลุ่งออกมา ดวงตากลมปรือช่ำเยิ้มมองใบหน้าหล่อเหลาอย่างหลงใหล คนที่อยู่ด้วยกันตอนนี้ มอบความสุขให้กันตอนนี้คือคนที่ผมรักเขาหมดหัวใจ เผลอไผลไปกับความอ่อนโยนจนถอนตัวไม่ขึ้น ถ้าวันหนึ่งผมเสพติดเขาอย่าได้สงสัยกันเลยนะ
"คิส...มึงกำลังแกล้งกูนะ"
พี่จีบเม้มปากแน่นก่อนที่มือจะหยุดทำหน้าที่ลง ผมขมวดคิ้วมองเพราะไม่เข้าใจว่าไปแกล้งแฟนตัวเองตอนไหน
"หือ กะ แกล้งอะไรครับ"
"ร้องขอกันแบบนั้นมันยั่วชัดๆ"
"อือ... ให้ผม ช่วยพี่ไหม"
"แน่ใจเหรอ"
"อื้อ"
ผมตอบก่อนจะควานมือสะเปะสะปะไปปลดกางเกงอีกฝ่ายออกอย่างเก้ๆกังๆ จะไม่มีการเอาเปรียบกันเกิดขึ้น ทำมาทำกลับแฟร์ๆ... แต่ถ้าเสียบมาไม่เสียบกลับนะเว้ย
"อืม"
เสียงครางต่ำทำให้ผมมือสั่นเล็กน้อย สายตาประจักต่อน้องชายของพี่จีบที่มีใหญ่กว่าของผมมาก.. มือเรียวกอบกุมมันอย่างแผ่วเบาแล้วค่อยๆขยับช้าๆ ใบหน้าหล่อจ้องมองมาที่ผมด้วยดวงตาหวานเยิ้ม เราประสานสายตามองกันยามที่ส่วนล่างถูกรวบเข้าหากันด้วยมือของผม เรื่องความอายขอเก็บเข้าลิ้นชักก่อนแล้วกันตอนนี้
มือเรียวขยับรูดรั้งน้องชายของเราที่แนบชิดกันอย่างรวดเร็ว เสียงครางต่ำสลับกับเสียงครางหวานดังระงมจนเสียงเครื่องปรับอากาศยังแพ้ เหงื่อกาฬผุดขึ้นตามไรผมทั้งๆที่อุณหภูมิต่ำมากแท้ๆ ความวาบหวามเสียวซ่านกำลังแผ่กระจายไปทั่วทุกส่วนของร่างกาย เมื่อแตะถึงสวรรค์เสียงหอบหายใจก็ดังขึ้นประสานกันแทน
"ไม่คิดว่ามึงจะกล้าทำอะไรแบบนี้"
พี่จีบพูดขึ้นก่อนจะกดจูบลงบนหน้าผากแล้วเอื้อมมือหยิบทิชชู่มาเช็ดทำความสะอาดคราบน้ำให้กัน ถ้าจะดูแลกันขนาดนี้จะไม่ให้ผมกลัวเผลอใจยอมพี่ง่ายๆได้ยังไงกันวะ
"ก็...มันน่าจะรู้สึกดีกว่าไม่ใช่เหรอ"
พูดเองก็อายเองว่ะ ไม่เคยทำอะไรแบบนี้มาก่อนแถมยังกล้าถึงขั้นให้น้องชายของเขากับของผมสัมผัสกัน ฮึก ไอ้คิสคงซึมซับความหื่นกามมาจากพี่จีบแล้วแน่ๆ
"อืม ดีสุดๆเลยล่ะ"
เขาพูดก่อนจะจัดการใส่เสื้อผ้ากลับให้ผมและจัดการใส่ให้ตัวเอง เห็นแบบนี้ก็อดเขินจนต้องเอามือปิดหน้าไม่ได้ กำลังโดนมอบความรักความเอาใจใส่แบบนี้ ไม่ค่อยชินเลย
"นอนพักเถอะ"
พี่จีบทิ้งตัวลงนอนข้างๆกันก่อนริมฝีปากนุ่มจะประทับลงมาตรงตำแหน่งเดียวกันแล้วผละออกช้าๆ
"อื้อ"
ผมตอบรับก่อนจะดึงหมอนมาหนุนให้ดีๆและดึงพี่จีบมานอนด้วยกัน ดูเหมือนเขาจะตกใจนิดหน่อยที่อยู่ๆผมก็ให้เขามานอนเบียดบนหมอนใบเดียวกัน
"กอดหน่อยนะ"
ผมพูดเสียงอ้อมแอ้มก่อนจะซุกหน้าลงกับอกแกร่งแล้วปิดเปลือกตาลงด้วยความอ่อนล้า กลิ่นหอมเฉพาะตัวของเขาทำให้ผมผ่อนคลายและเคลิ้มหลับไปในที่สุดโดยไม่ได้ยินประโยคสุดท้ายที่เขาพูด
"โคตรน่ารักเลยว่ะ"
ผมรู้สึกตัวอีกทีก็เมื่อแสงแดดแทรกผ่านรอยแยกของผ่านม่านเข้ามา ดวงตากลมปรือปรอยยังไม่พร้อมต่อสู้กับยาวเช้าเท่าไหร่ แต่พอปรับโฟกัสได้ก็ร้องโวยวายดังลั่นเพราะไอ้พี่จีบคร่อมกันอยู่
"เฮ้ย ทำอะไรของพี่เนี่ย"
ผมใช้มือสองข้างดันหน้าอกแกร่งที่กำลังเคลื่อนมาใกล้ สายตาหื่นกามส่งมาให้กันอย่างไม่ปิดบังจนผมเริ่มหวั่นใจ หรือว่ามันอารมณ์ค้างจากเมื่อคืนวะ
"ไปสนามหลวงกัน"
น้ำเสียงแผ่วเบาดังขึ้นจนผมเผลอกลั้นหายใจ ไม่เข้าใจว่าทำไมอยู่ๆถึงโดนชวนไปสนามหลวงด้วยน้ำเสียงกระเส่าแบบนั้นวะ
"ปะ ไปทำไมพี่"
ผมถามเสียงตะกุกตะกัก ดวงตากลมเสมองไปทางอื่นไม่กล้าสบกับคนที่มองจ้องกันราวกับจะกลืนกิน
"ไป..."
เขาพูดแค่นั้นก่อนจะใช้มือหนาลูบไล่ไปตามแก้มของผมอย่างแผ่วเบา ขนในกายลุกชันอย่างห้ามไม่ได้เมื่อรู้สึกวูบไหวตรงช่วงท้องน้อย เช้าๆของแม่งก็ขึ้นอยู่แล้วยิ่งอยู่ในสภาพล่อแหลมแบบนี้จะให้ทำยังไงวะ
"ไป...อะไร พูดให้จบดิวะ"
ผมเหลือบมองพี่จีบด้วยหางตายังคงเห็นเขาส่งยิ้มเจ้าเล่ห์มาให้กัน มือใหญ่ไล่ลงต่ำจนถึงหน้าท้องแบนราบอย่างไม่ทันตั้งตัว ผมเผลอเกร็งตัวและกลั้นหายใจ ไม่เอานะเว้ย กลัวจะเสียตัวตอนนี้
"ไปเล่นว่าว"
น้ำเสียงดูหนักแน่นจนผมเบิกตากว้าง ไอ้พี่จีบ...แม่ง! เล่นว่าวมันนี่ไม่ใช่ความหมายตรงตัวแน่ๆ เพราะสายตาที่มองมามันบ่งบอกว่าเป็นความหมายในเชิงอย่างว่า
"ไปพี่จีบ แม่ง หื่นกามแต่เช้าเลยนะ!"
ผมทุบอกมันรัวๆก่อนที่เสียงหัวเราะเอิ้กอ้ากจะดังขึ้น มือสองข้างถูกรวบไว้แน่นก่อนจมูกโด่งจะกดลงมาที่แก้มของผมอย่างฉวยโอกาส ฮึ่ย
"แกล้งมึงแล้วมีความสุขว่ะ"
"โอย ไอ้บ้า ลุกออกไปเลยนะ"
ผมใช้เข่ากระทุ้งท้องมันเบาๆเป็นสัญญาณให้ลุกออกไปได้แล้ว ดวงตาคมจ้องมองกันสักพักก่อนจะพยักหน้ารับแล้วเคลื่อนตัวออกไปนั่งลงข้างๆ ผมรีบยันตัวลุกขึ้นนั่งทันทีเพราะกลัวว่าจะโดนแกล้งอีกซ้ำสอง
"ไปอาบน้ำไป จะได้ลงไปกินข้าว พี่ดีพมาตามแล้ว"
พี่จีบพูดขึ้นอีกครั้งก่อนจะดันตัวผมให้ลุกขึ้นจากเตียง ความขี้เกียจมีอยู่สูงจนต้องเลื้อยตัวไปนอนตักเขา
"ขี้เกียจอ่ะ ยังอยากนอนต่ออยู่เลย"
พูดจบก็ใช้แก้มถูไถกับต้นขาของคนที่เป็นหมอนหนุนพิเศษในตอนนี้ เขาดูจะนิ่งไปจนผมแปลกใจ ดวงตากลมช้อนมองใบหน้าคมที่ก้มลงมามองกันอยู่ก่อนแล้ว
"ขี้อ้อนตั้งแต่เมื่อไหร่วะ"
มือหนายกขึ้นลูบหัวเบาๆอย่างอ่อนโยน ผมหลับตาพริ้มรับสัมผัสนั้นโดยไม่ปัดป้อง ชอบเวลาพี่เขาทำแบบนี้ถึงบางครั้งจะรู้สึกว่ามันชอบแกล้งทำให้หัวผมยุ่งก็เถอะนะ
"เปล่าสักหน่อย แค่ง่วง"
ผมตอบเสียงอู้อี้เพราะจมูกฝังอยู่บนต้นขาอีกคน การกระทำช่างสวนทางกับคำพูดเป็นไหนๆ ก็ขี้อ้อนเฉพาะกับพี่จีบล่ะวะแต่ไม่อยากบอกให้รู้ตัวก็แค่นั้นเอง
"นอนกินบ้านกินเมืองนะมึง"
"ไม่เอาอ่ะ กินพี่จีบแทนได้ป่ะครับ"
ผมหยอดมุกดูบ้าง เป็นคนโดนบ่อยๆเลยอยากรู้ว่าเป็นคนหยอดจะรู้สึกยังไง แต่เหมือนจะเล่นแรงไปล่ะมั้งเพราะพี่จีบหน้าแดงเถือกลามไปถึงหูในเวลาแค่ไม่กี่วินาที ปากหยักเม้มเข้าหากันแน่น มือหนาที่คอยลูบหัวกันกลับหยุดชะงัก ผมลอบยิ้มอย่างมีชัย ในที่สุดก็สามารถทำให้เขาเขินได้ เย่!
"ไอ้คิส... มึงแกล้งกู"
สุดท้ายก็โดยรู้ทันจนถูกจับฟัดจนหอบตัวโยน พอได้ช่องทางการหนีเลยวิ่งเข้าห้องน้ำทันที
หลังจากที่อาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อยก็พากันลงไปชั้นล่าง เจอเข้ากับพี่ดีพที่กำลังตักไข่ดาวใส่ปากอยู่ ส่วนไอ้ภีมกำลังดื่มนม ดวงตาสองคู่จับจ้องมาที่ผมกับพี่จีบด้วยความใคร่รู้ เสียวสันหลังแปลกๆว่ะ
"มองอะไรกันวะ"
ผมทิ้งตัวลงนั่งข้างๆพี่ดีพในขณะที่พี่จีบก็นั่งลงข้างไอ้ภีม ทั้งสองหันมองหน้ากันเลิ่กลักก่อนจะตั้งคำถามที่ทำให้ผมสำลักอากาศโดยทันที
"เมื่อคืนมึงทำอะไรกันวะ เสียงดัง"
"แค่กๆ"
ผมสำลักทันทีเมื่อได้ยินคำถาม ไอ้พี่ดีพตัวต้นเหตุเลยรีบวางส้อมในมือลงแล้วช่วยลูบหลังกัน พี่จีบเบิกตาโพลงแต่ก็เก็บอาการตกใจไว้เป็นอย่างดีต่างจ่กผมที่มีพิรุธตลอด
"ถามแค่นี้ทำไมต้องสำลักด้วยวะ ก็ไอ้ภีมมันบอกว่าพวกมึงเสียงดัง กลัวกูนอนไม่หลับเลยเอาหูฟังมายัดแล้วเปิดเพลงกรอก"
ผมหันขวับไปมองไอ้ภีมที่ก้มหน้าก้มตาหันไส้กรอกใส่ปากอย่างสบายอารมณ์ มันเหลือบตามองกันเล็กน้อยก่อนจะยักคิ้วให้... ฉิบหายบรรลัยก็คราวนี้ล่ะ ไอ้ภีมต้องรู้แน่ๆว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น แต่มันคงโกหกไอ้พี่ดีพไป ไอ้พี่จีบแม่งก็เนียนได้อีกนั่งกินไม่พูดไม่จา
"เอ่อ...ทะเลาะแย่งเล่นเกมกันนิดหน่อยอ่ะพี่ดีพ ไม่มีอะไรหรอก"
ผมว่าก่อนจะหันไปยิ้มแฉ่งให้พี่ชาย มันมองนิ่งๆก่อนจะพยักหน้ารับอย่างว่าง่าย ความสงสัยของมันมีไม่มากหรอก จะโกหกมันก็ไม่สนเพราะมันไม่ได้รู้ด้วยตัวเอง
"เสียงดัง 'โวยวาย' สุดๆ"
ไอ้ภีมหันมาพูดกับผมโดยเน้นคำว่า 'โวยวาย' ซึ่งทำให้รู้สึกสะเทือนใจแปลกๆ ผมหลบสายตามันก่อนจะจ้วงอาหารใส่ปากแบบไม่สนใจใครไปเงียบๆ ไม่ไหวจริงๆที่มีเพื่อนหูดีและรู้ทันกันไปทุกเรื่องขนาดนี้
หลังจากกินอาหารเช้าเรียบร้อยผมก็ออกจากบ้านมาพร้อมกับพี่จีบเพื่อไปร้านกาแฟด้วยกัน ช่วยแฟนทำงานคือหน้าที่ของแฟนที่ดีอย่างหนึ่ง ซึ่งไม่ใช่ประเด็นหรอก จริงๆแล้วตอนเย็นพี่จีบบอกว่าจะพาไปกินอาหารเกาหลีที่ร้านเพื่อนพี่ไลค์ เห็นแก่กินล้วนๆ
รถจอดสนิทที่หน้าร้าน พี่ไลค์กำลังยืนก้มๆเงยๆเก็บอะไรอยู่ตรงนั้นพอดิบพอดี ผมก้าวลงจากรถก็พบเจอกับรอยยิ้มสว่างไสวของคนที่ไม่ได้เจอกันมาพักใหญ่
"สวัสดีครับพี่ไลค์"
ผมยกมือไหว้ก่อนจะคลี่ยิ้ม พี่ไลค์พยักหน้ารับแล้วเหลือบมองคนที่เพิ่งเดินมาหยุดข้างกัน
"แหม... หน้าตาสดชื่นเหมือนได้ปลดปล่อยเลยนะมึง"
เสียงเอ่ยแซวพร้อมกับยิ้มกรุ่มกริ่มที่ส่งมาให้ทำให้ผมหน้าร้อนวูบวาบ ตงิดๆกับคำว่าปลดปล่อยของพี่ไลค์ชะมัด พี่จีบไหวไหล่ก่อนจะเดินชนไหล่พี่ไลค์เข้าไปในร้าน
"ขอตัวนะครับพี่ไลค์"
ผมพูดจบก็สาวเท้าหนีพี่เขาทันทีก่อนจะโดนถามอะไรที่ส่อเสียดความหมายกำกวมแบบนั้น
ผมช่วยพี่จีบทำงานจนถึงช่วงเวลาหกโมงเย็น วันนี้ปิดร้านเร็วกว่าปกติเพราะต้องทำบัญชีรายเดือน พวกเราเลยได้โอกาสไปกินอาหารเกาหลีโดยทิ้งพี่ไลค์ให้ทำงานต่อไปคนเดียว นี่ล่ะน้องชายที่ดี... พี่จีบเขาบอกมาแบบนั้น
รถ BMW สีขาวกำลังแล่นตรงไปยังห้างสรรพสินค้าชั้นนำใจกลางเมือง การจราจรติดขัดจนเป็นอัมพาตพวกเราเลยเปลี่ยนแผนแค่ซื้ออะไรไปทำกินที่หอก็พอ ไม่ใช่ผมทำนะ เป็นพี่จีบต่างหากที่เสนอตัวทำ
"พี่ทำอาหารเป็นด้วยเหรอ"
ผมถามอย่างตื่นเต้น เพราะตัวเองทอดไข่เจียวไม่ไหม้ก็เป็นบุญมากแล้ว แต่ทอดได้ในที่นี้คือทอดกินคนเดียวนะไม่กล้าให้คนอื่นกิน
"เป็นดิวะ มึงทำไม่เป็นใช่ไหม"
เหมือนอยู่ด้วยกันมานับสิบปี รู้ทันไปหมดทุกเรื่องจนผมเผลอคิดไปว่ามีอะไรบ้างที่พี่เขาไม่รู้เกี่ยวกับตัวผมบ้างไหม พี่จีบเหล่สายตามองกัน
"แหะ ไม่เป็นครับ กินเป็นอย่างเดียว"
ผมยิ้มแห้งก่อนจะเกาท้ายทอยแก้เขิน อย่าว่าอย่างนั้นอย่างนี้เลย การที่เกิดมาเป็นน้องคนเล็กของบ้านใครๆก็ต่างเอาใจเลยทำให้ผมไม่ขวนขวายจะเรียนรู้การทำอาหารสักเท่าไหร่ อยู่หอก็มีพี่ดีพทำให้กิน ตอนอยู่คนเดียวก็ฝากท้องไว้กับร้านข้าวตรงข้ามหอพัก สะดวกสบายคลายกังวลจะตาย
"มึงนี่ ไม่มีคุณสมบัติของศรีภรรยาเลยนะ"
พี่จีบขำออกมาเล็กน้อยก่อนจะเดินนำไปทางแผนกของสด ลืมบอกไปว่าตอนนี้เราอยู่ซุปเปอร์มาเก็ตแถวๆหอพักผมแล้ว มือหนาเลือกผักไปเรื่อยๆส่วนผมเดินวนไปวนมาเพราะช่วยอะไม่ได้
"พี่ๆ อยากกินบลูเบอร์รี่อ่ะ"
ผมชี้ไปทางชั้นวางบลูเบอร์รี่สดเป็นกล่องๆ พี่จีบขมวดคิ้วแน่นก่อนจะเอ่ยถามกัน
"มันเปรี้ยวมากนะ ไม่ได้หวานเหมือนแยม"
"หือ นึกว่ามันจะหวานซะอีก ถ้างั้นไม่กินแล้ว"
ผมไม่ค่อยชอบของเปรี้ยวสักเท่าไหร่เลยขอบายดีกว่า พี่จีบพยักหน้าเล็กน้อยก้อนจะเดินนำไปส่วนที่ขายเนื้อสัตว์ ผมเดินตามไปติดๆแล้วยืนมองพวกบรรดาไส้กรอกในตู้แช่ อยากกินอ่ะ
"พี่จีบจะทำเมนูอะไรนะ"
ผมถามแต่ตายังไม่ละออกจากไส้กรอกพวกนั้น
"จะทำแกงจืดวุ้นเส้นหมูสับกับปลาสามรส"
เขาตอบก่อนจะหันกลับไปเลือกซื้อหมูกับปลาต่อ ผมช่างใจอยู่สักพักแล้วสะกิดต้นแขนแกร่งเบาๆ
"พี่จีบๆ ผมซื้อไส้กรอกได้ป่ะ อยากกินอ่ะ"
พี่จีบหันมาเลิกคิ้วมองกันก่อนจะพยักหน้า ผมคลี่ยิ้มกว้างแล้วสั่งพนักงานทันที เมื่อได้รับของมายิ่งยิ้มหน้าบานมากขึ้นไปอีก มีคนทอดไส้กรอกให้กินแล้วเว้ย ซื้อไปทีไรได้แต่ใส่ไมโครเวฟ เพราะทอดทีไรไหม้เกรียมทุกที
"พี่ทอดให้ผมกินด้วยนะ!"
"อ่าว นึกว่าจะเอาไปเวฟกิน"
"ไม่ อยากกินไส้กรอกทอด ทำให้หน่อยนะครับนะ"
ผมเข้าไปเกาะแขนพร้อมกับทำน้ำเสียงออดอ้อนโดยลืมไปว่าตัวเองไม่ได้อยู่ที่บ้านเลยโดนสายตาอยากรู้อยากเห็นของคุณป้าพนักงานขายหมูมองมายิ้มๆ เธอส่งของให้กับพี่จีบก่อนจะเอ่ยปากถามขึ้น
"น้องชายเหรอคะ น่ารักจังเลย"
เขาถามพี่จีบก่อนจะมองมาที่ผมแล้วส่งยิ้มหวานมาให้ อยากจะถามออกไปว่าเราสองคนหน้าเหมือนกันตรงไหน นั่นเทวดาส่วนนี่หมาวัดชัดๆ
"ไม่ใช่น้องชายครับ แฟนผมเอง"
พี่จีบตอบก่อนจะคลี่ยิ้มส่งให้คุณป้าที่ช็อกไปแล้ว เขาลากผมเดินออกมาจากตรงนั้นอย่างเงียบเชียบในขณะที่ผมไม่สามารถหุบปากตัวเองลงได้ อะไรจะกล้าบอกคนอื่นมาเราเป็นอะไรกันได้ขนาดนั้นวะ เขินนะเว้ย
"พะ พี่จีบ บอกคนอื่นไปแบบนั้นพี่ไม่อายเหรอ"
ผมถามเสียงอ้อมแอ้ม มือเรียวยังคงโดยพี่จีบจับเอาไว้อย่างแน่นหนาและไม่มีทีท่าว่าจะปล่อย เขายังคงเดินไปเรื่อยๆด้วยสีหน้ายิ้มแย้มจนผมเผลอเม้มปาก
"อายทำไมวะ มีแฟนน่ารักขนาดนี้"
ขอตัวไประเบิดก่อนนะ... จีบติดแล้วไม่จำเป็นต้องหยอดกันแล้วมั้งคุณ!
มื้ออาหารเย็นวันนี้เป็นอะไรที่พิเศษมาก เพราะพ่อครัวน่ารัก อาหารอร่อย แถมยังเอาใจด้วยการตักนั่นตักนี่ให้ตบอดมื้ออาหาร แถมด้วยบริการหลังการขายที่ว่า 'อยากกินอะไรเป็นพิเศษก็บอก จะทำให้กิน' มีแฟนดีเป็นศรีแก่ตัวจริงๆ แต่สำหรับวันนี้ค่าตอบแทนเรื่องอาหารคือพี่จีบจะนอนค้างกับผม และตอนนี้ก็พร้อมจะนอนแล้วด้วย
"วันมะรืนอยากไปไหนหรือเปล่า กูว่างนะ"
พี่จีบบอกในขณะที่ลูบหัวผมเล่นอย่างที่เคยทำเป็นประจำ ดวงตากลมช้อนมองใบหน้าหล่อเหลาแล้วใช้ความคิดอยู่สักพักจนได้คำตอบ
"อยากไปคาเฟ่สัตว์"
"สัตว์อะไรล่ะ หมา แมว กระต่าย แรคคูน หมาจิ้งจอก"
ผมถึงกับชะงักไปเมื่อไม่รู้ว่าจะเลือกอะไรดี มีแต่สัตว์น่าสนใจทั้งนั้น
"ถ้าคิดออกแล้วจะบอกนะพี่ นอนกันเถอะ ผมง่วงแล้ว"
ผมบอกก่อนจะซุกตัวลงกับอกแกร่ง ไม่อยากบอกเท่าไหร่มาตอนนี้โดยพี่จีบกอดอยู่... จากที่เคยเป็นคนไม่ชอบนอนกอดใคร ตอนนี้กลับรู้สึกดีที่มีเขาคอยกอดกัน อบอุ่นจนบรรยายเป็นคำพูดไม่ออกเลยว่ะ
"โอเค ฝันดีครับ"
จุมพิตแผ่วเบาประทับลงมาบนหน้าผากก่อนเปลือกตาจะปิดลงแล้วดึงผมจมลงสู่นิทราแสนหวาน
-------------------------------------------------------
Q & A
Q : คิสน่ารักไหม?
A : ถามถึงตอนไหนกันครับ?
Q : ก็.... เรื่องคืนนั้น ~
A : ทะลึ่งนะครับ /เหล่มอง ของแบบนี้เขาเก็บไว้รู้กันแค่สองคนนะ จุ๊ๆ
Q : T^T
เป็นไงกันบ้าง ตอนนี้เบาๆเนอะ ' ' เบาตัวน่ะ 555555555555
พี่จีบมันจะเป็นคนตรงๆเกินไปแล้ว ตรงจนหน้าด้านแล้วเนี่ย
ส่วนน้องคิสก็เริ่มติดความลามกมาจากแฟนเต็มๆ มีอัตราเสี่ยงในการเสียตัวสูงากจริงๆ