กรุ่นกลิ่นรวงข้าว ตอน ๑๙ ตอนอวสาน(๘ เม.ย. ๒๕๕๕)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: กรุ่นกลิ่นรวงข้าว ตอน ๑๙ ตอนอวสาน(๘ เม.ย. ๒๕๕๕)  (อ่าน 115114 ครั้ง)

ออฟไลน์ londoneye

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 366
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-1
โดนเข้าแล้วพี่เมฆ

ค่านำทางห้าหมื่น :laugh:

แล้วจะทำไงน้อ

จะจบแล้วอ่า.... :sad4:

แต่ยังไงก็รออ่านต่อนะคะ

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
ขอให้พี่เมฆผ่านด่านว่าที่คุณแม่ยายที่รัก อิอิ

ออฟไลน์ -~iK@iZ_KunG~-

  • Tomorrow Never Die!!!
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2231
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +220/-2
ห้าหมื่นก็ไม่มากเท่าไรนะ ฮ่าๆๆ

ออฟไลน์ POPEA

  • Blood Type :: Y
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2010
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +248/-3
    • http://writer.dek-d.com/popae/writer/view.php?id=794488
เพิ่งเ็ห็นว่ากลับมาอัพแล้ว~
ดีใจมากกกที่อัพ (>///<)
มีอีกทีก็ใกล้จบแล้ว TT'

ออฟไลน์ MiSS-U

  • {^o^} {^3^}
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2800/-11
ไอ้จิ้งจอกเจ้าเล่ห์นี่คงแสบไม่เปลี่ยน

สงสารพี่เมฆจังเลย  สู้ๆพี่

บวกเป็ด

 :กอด1:

ออฟไลน์ CarToonMiZa

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6338
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +820/-41
จอนแกล้งพี่เมฆ
ได้ลงคอ :m16:

บวกเป็ด

ออฟไลน์ seaz

  • รักอยู่ไหน...ใจเรียกหา
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5383
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +381/-9
ทำอะไรไม่คิดเลยนะพี่เมฆ รอเวลาเหมาะๆ กว่านี้หน่อยก็ไม่ได้

ออฟไลน์ ormn

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3925
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +324/-8
    • http:///uc.exteenblog.com/riko-tomo/images/23213506_1208714389_3598161_Okane_ga_Nai_v01_ch01_pg002__Cover.jpg
:L2:อืมตามอ่านจนทันละ :L2: :L2:

ออฟไลน์ penda

  • ~~^v^~~
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 635
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-0
จอนจะเอาเงินไปใช้หนี้ใช่ป่ะเนี่ย
แล้วก็ปลดแอกความเป็นทาส(? ฮ้าๆๆ)จากหน่อง
แล้วจะได้อยู่ในฐานะที่เท่าเทียมกัน
จะได้จีบได้ถนัดๆ อย่างเต็มที่ใช่ป่ะ อิอิ

 :L2: :pig4: :L2:

ออฟไลน์ zombi

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-5
จะทำอะไรก็คิดให้ดีๆนะพี่เมฆ

แอบหนักใจแทนเจ้าโน

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






Aimmie88

  • บุคคลทั่วไป
นิสัยอย่างจอนนี่เหมาะให้หน่องปราบอย่างแท้จิง หึหึ
พี่เมฆก็สู้ๆเค้าน้า ^^

ออฟไลน์ konnarak

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2183
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +182/-0
ค่า GPS แพงมาก

ออฟไลน์ pedgampong

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 193
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
 :z6: ขอกระโดดขาคู่กลับตัวสามรอบเตะจอนทีนึง ไม่ไหวๆๆๆ

ออฟไลน์ Cherry Red

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 882
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-0
จอนไม่คิดจะเกรงใจเลย เรียกค่าตัวขนาดนั้น ไม่กลัวพี่เมฆกระทืบกลับไปแทนรึไง ?
แล้วจะจ่ายจริง ๆ เหรอนั่น ? ต้องทำนากี่คราวล่ะเนี่ย ? ( แต่ระดับพี่เมฆคงคราวเดียวล่ะมั้ง? )
หวังว่าการที่พี่เมฆลงทุนไปครึ่งแสน เพื่อไปหาแม่ของโณ คงได้ผลคุ้มค่าอ่ะนะ... :z2:

ออฟไลน์ ลำนำบุหลันครวญ

  • Most Wanted!!!
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 223
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +377/-1

กรุ่นกลิ่นรวงข้าว ๑๘

“ผมล้อเล่นน่ะครับ”
“วะ! อะไรของนายกันเนี่ย” เมฆินทร์สบถอย่างหัวเสียอีกครั้งเมื่อรู้สึกว่าตัวเองตามความคิดของอีกคนไม่ทัน
“คือมันก็ไม่ถูกเสียทั้งหมด ความจริงผมแค่จะยืมเงินพี่เมฆก็เท่านั้น”
“ห้าหมื่นเนี่ยนะ นายจะ ...บ ...”
“ผมรู้ มันไม่ใช่เงินจำนวนน้อยๆ และผมเองก็ไม่สามารถบอกพี่เมฆได้ว่าจะใช้คืนพี่ได้หมดเมื่อไหร่ ผมมีแค่สัญญาใจว่าผมจะคืนพี่ให้หมดในชาตินี้แน่ๆ “ ขจรเกียรติเฉลยด้วยสีหน้าแววตาที่แน่วแน่จริงจัง
“นายจะเอาเงินไปทำอะไร”
ขจรเกียรติถอนหายใจ เขาหลุบตาต่ำอย่างครุ่นคิดก่อนจะเอ่ยขึ้น
“ข้างหน้ามีปั๊มน้ำมัน เราไปคุยกันที่นั่นดีกว่ามั้ยครับ”
“นายยังมีลูกไม้อะไรอีกหรือเปล่า”อีกฝ่ายย่นคิ้วอย่างระแวง
“ผมมีลูกไม้เดียวแค่ที่ผมกำลังจะบอกพี่ พี่จะมองว่าผมเป็นคนเจ้าเล่ห์ก็ได้ แต่ผมก็อยากให้พี่ฟังผมก่อน ถึงพี่จะคิดว่ามันเป็นแผนการไม่ใช่ความจริงใจของผม อย่างน้อยผมคิดว่ามันก็เป็นการวิน-วินกันทั้งสองฝ่ายอยู่ดี”

เมฆินทร์มองหน้าอีกคนอย่างชั่งใจ ก่อนจะปล่อยลมหายใจเฮือกใหญ่
“นายคงไม่รู้ว่าที่ผ่านมาน่ะ ชั้นรู้จักนายมากแค่ไหน แต่เอาเถอะ ชั้นจะรับฟังแต่ชั้นไม่ได้รับปากหรอกนะว่าจะโอเคกับนายหรือเปล่า”
.
.
.
อโณชานั่งมองแปลงข้าวที่เจิ่งนองไปด้วยน้ำและเต็มไปด้วยกล้าข้าวที่เพาะเอาไว้ ตอนนี้ต้นข้าวเหล่านั้นกำลังแตกหน่ออ่อนๆพ้นน้ำขึ้นมาสักข้อนิ้วโป้ง คงต้องใช้เวลาอีกสักหน่อยกว่าจะถอนกล้าขึ้นมาทำการปักดำต่อไปได้

แดดแทบจะไม่มีแม้เวลาจะล่วงเลยมาไม่น้อย ชายหนุ่มแหงนหน้ามองท้องฟ้าที่มีสีเดียวกับความรู้สึกในใจตัวเองอย่างเหม่อลอย  .... ไม่มีใครอีกคนที่เคยฉีกยิ้มฟันขาวข้างๆมันก็ออกจะเหงาอยู่ไม่น้อย กล้าข้าวที่ครั้งหนึ่งเคยทำให้เขาตบมือดีใจที่ได้เห็นมันค่อยๆเจริญงอกงาม ในวันนี้กล้าข้าวเหล่านั้นก็เหมือนจะแทงยอดทะลุผิวดินเชื่องช้ากว่าตอนที่ไม่มีคนๆนั้น

“คิดถึงใครอยู่รึไงฮึ เจ้าโน”

เสียงเข้มๆดังมาจากข้างหลัง ในมือของชายคนนั้นมีลูกซองแฝดประทับมั่นอยู่เหมือนในฉากของหนังเรื่องลูกสาวกำนันยุคจารุณี สุขสวัสดิ์ หากแต่เวอร์ชั่นบ้านเดิมบางเวลานี้ เหมือนนางเอกจะไม่ได้เป็นหญิงสาวแก่นเซี้ยวเหมือนต้นฉบับ

เจ้าของชื่อที่ถูกทักถอนหายใจ ก่อนจะหันไปตอบ

“เปล่าครับ แค่คิดอะไรเรื่อยเปื่อย ลุงวันไปทำเขาขนาดนั้นเขาคงไม่กล้ามายุ่งกับผมแล้วล่ะ”
“แค่นั้นยังไม่พอหรอกนะ แกเองก็ห้ามคิดถึงมันด้วย”
“เฮ้อ ... ผมกลับบ้านก่อนนะครับ”

อโณชาขึ้นขี่ควายรอดคู่ใจก่อนจะเหม่อมองไปยังท้องนาของตน เขามองเลยข้ามเขตคันนาไปพลางคิดถึงเจ้าของที่นาฝั่งตรงข้ามอยู่ลึกๆ
.
.
.
มื้อเที่ยงที่เรือนนางฉลวยเป็นไปอย่างเงียบเชียบเหมือนเคย หากแต่บรรยากาศที่อึมครึมกว่าทุกทีอาจจะเกิดจากการที่มีผู้เป็นลุงของเจ้าของบ้านมาร่วมวงด้วย ลุงหลานนั่งเงียบใส่กันโดยไม่ได้พูดจากัน อโณชาตักข้าวเข้าปากอย่างเชื่องช้าเหมือนเด็กๆที่เบื่ออาหาร

“อิ่มแล้วหรือไง” ลุงวันถามขึ้นเมื่อเห็นชายหนุ่มรวบช้อน
“ครับ”

รถกระบะกลางเก่ากลางใหม่แล่นเข้ามาจอดหน้าบ้านอโณชาทำให้ทั้งสองคนบนโต๊ะกินข้าวต้องหันไปมอง และเมื่อผู้เป็นลุงเห็นรถคันนั้น เขาก็คว้าปืนลูกซองแฝดมาอยู่ในท่าประทับเล็งทันที
“พี่เมฆ!!!” อโณชาอุทาน

ทว่า คนที่ก้าวลงมาจากรถกลับเป็นคนที่ทุกคนไม่คาดฝันว่าจะได้พบ
“แม่ไพ!...” นายวันเอ่ยขึ้นเบาๆ ก่อนจะค่อยๆลดปืนลง
“กลับไปก่อนเถอะ” ผู้มาเยือนบอกสารถีที่มาส่ง ซึ่งเขาก็พยักหน้ารับช้าๆ ก่อนที่จะขับรถออกไปช้าๆทิ้งไว้เพียงแววตาที่แอบลอบมองคนในบริเวณอย่างมีความหวัง

“ลมอะไรพัดมาถึงที่นี่ .... แถมยัง มากับไอ้บ้านั่นด้วย” ลุงวันเอ่ยขึ้น
“ฉันได้ข่าวว่าใครบางคนทำตัวเป็นอันธพาลไล่ยิงชาวบ้านไปทั่ว ฉันก็เลยมาดูซะหน่อยน่ะ” นางอำไพเอ่ยขึ้นลอยๆ ก่อนจะหันมาทักทายลูกชาย “สบายดีนะโน”
“ครับแม่” อโณชาฉีกยิ้มกว้าง “กินอะไรมาหรือยังครับ”
“ยัง .... ให้ใครคดข้าวมาให้หน่อยสิโน เดี๋ยวพอกินอิ่มแม่จะได้มีแรงสะสางอะไรต่อมิอะไรสักหน่อย”
“ถ้าเป็นเรื่องไอ้...!”
“พี่วันนั่งเงียบๆไปเลยจนกว่าฉันจะกินข้าวอิ่ม!” นางอำไพออกคำสั่ง ซึ่งคำสั่งนั้นก็มีอำนาจเพียงพอที่จะทำให้อีกฝ่ายทำตามแต่โดยดี
.
.
.
ขจรเกียรติเปิดประตูเข้าบ้านพลางผิวปากอย่างอารมณ์ดี เขาส่ายสายตาซ้ายขวามองหาเจ้าของบ้างก็พบว่า เจ้าของบ้านกำลังนั่งดูทีวีอยู่โดยไม่ได้หันมามองว่าเขาเข้ามาข้างในแล้ว
“ดูมีความสุขนะ” นฤบดินทร์พูดโดยที่ไม่ได้หันมา
“ก็นิดหน่อยครับ”  เขาตอบด้วยรอยยิ้มที่อีกฝ่ายมองไม่เห็น “พี่จะไม่ถามผมหน่อยหรอว่าเรื่องมันเป็นยังไงมายังไง”
“ไม่ล่ะ ... บางทีชั้นก็เบื่อๆที่จะใส่ใจเรื่องของสองคนนั้นเหมือนกัน”
“แล้วเรื่องที่เกี่ยวกับผมล่ะครับ”
คำพูดของบ่าวจำเป็นส่งผลให้อีกฝ่ายต้องหันกลับมามอง หากแต่นฤบดินทร์ก็ยังคงพูดด้วยใบหน้าเรียบเฉย
“นั่นยิ่งไม่น่าใส่ใจเลยสักนิด”
“โอเคๆ” ชายหนุ่มยกมือตัดบท “ไม่ใส่ใจก็ไม่ใส่ใจครับ”

ขจรเกียรติเดินไปในโถงกลางของบ้าน พลางใช้มือลูบบนโซฟาหนังเทียมที่อีกฝ่ายกำลังนั่งอยู่ช้าๆ ก่อนที่มือข้างนั้นจะไล้ไปถูกไรผมของคนที่นั่งอยู่
“อีกไม่นานมหาลัยก็จะเปิดแล้ว .... สมมติถ้าผมกลับไป ใครจะทำความสะอาดบ้านให้พี่นะ”
นฤบดินทร์เสตามามองผ่ามือของอีกคนเพียงแวบเดียว ก่อนจะตอบอย่างไม่ยี่หระ
“ก่อนหน้านี้ชั้นก็ทำของชั้นเอง .... ว่าแต่นายพร้อมที่จะกลับไปวิ่งหนีตีนพวกนั้นแล้วรึไง”
“ผมก็แค่พูดเผื่อๆไว้ อนาคตมันไม่แน่นอนหรอกครับ”
.
.
.
เมฆินทร์นั่งวางขาข้างหนึ่งอยู่บนแคร่ไม้ไผ่พลางทอดสายตาเหม่อลอยราวกับรอคอยที่จะพบใครสักคน เสียงขลุ่ยผิวครวญหวีดหวิวกรีดใจจนร้าวชา  ควายแฉะคู่ใจกระดิกหูเหมือนรับรู้ความเศร้าของผู้เป็นนาย

https://www.youtube.com/v/BV4RAbu5rIo?version=3&amp&&loop=1&autoplay=0

“โอ้อกเอ๋ยเจ็บปวดร้าวรวดนัก
ด้วยคมรักบาดใจให้เป็นแผล
เคยโลมเล้าเคล้ากอดยอดดวงแด
เคยงอนแง่ง้องอนตอนราตรี

ย้ำคำรักฝากใจใต้เงาไผ่
ใบข้าวไหวไกวเอนเป็นสักขี
แต่ยอดชู้อยู่ไหนในตอนนี้
ได้ยินพี่ร่ำไห้ไหมดวงใจ

เลิกจากนาสายัณห์ตะวันรอน
เคยกล่อมนอนด้วยขลุ่ยผิวให้หลับใหล
เจ้าลืมหมดหรือเล่าเจ้าหายไป
เหลือทิ้งไว้เพียงรอยไถใกล้กองฟาง

หรือมีเพียงแต่เราเฝ้ารออยู่
เจ้ามิรู้หรือจึงทิ้งให้หมองหมาง
พี่ร้องไห้อยู่ริมทุ่งจนรุ่งราง
กี่ฟ้าสางกันเล่าเจ้าจะมา”

“นี่นังแฉะ...” หน่มบ้านนาใช้มือข้างหนึ่งลูบหัวควายแคระเบาๆ “ทำไมมันเงียบไปแบบนี้ ก็ในเมื่อข้าก็พาแม่ของโนมาแล้ว และท่านก็ไม่ได้รังเกียจอะไรข้าไม่ใช่รึ ”
“แงะ!!!” ควายแฉะส่งเสียงร้องราวกับรับรู้ หากแต่มันก็ทำได้เพียงเท่านั้น เพราะต่อให้มันเป็นคนและพูดได้ มันก็คงจะรู้อะไรเท่าที่เมฆินทร์รู้เช่นกัน
“นี่ก็หลายวันแล้ว ทำไมถึงไม่มีข่าวคราวอะไรบ้างเลยล่ะ.... หรือที่ข้าทำไปทั้งหมด มันเปล่าประโยชน์งั้นหรอวะ”

ท้องฟ้าบ้านเดิมบางเวลานี้เป็นสีเทาหม่นๆ และมีเสียงฟ้าคำรามครืนคราม สายฝนคงจะโปรยปรายลงมาในอีกไม่ช้า เมฆินทร์ถอนหายใจกับตัวเองก่อนจะพาควายของตนเข้าคอกเพื่อหลบฝนที่กำลังจะมาในไม่ช้า

“พี่เมฆ”
เจ้าของชื่อยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะก้าวลงจากควายที่ขี่มา
“หายไปไหนมา รู้บ้างมั้ยว่าพี่....”

ฟ้าคำรามลั่น อีกครั้งก่อนที่เม็ดฝนจะโปรยปรายลงมา เสียงซ่านซ่าดังสนั่นกลบคำพูดของหนุ่มบ้านนาที่ร้อนรนรอการกลับมาของคนตรงหน้า 
“ขอเอาไอ้รอดเข้าไปหลบฝนก่อนสิครับ”
“อ่า....อื้ม” ชายหนุ่มรับคำ ก่อนจะจูงควายอีกตัวเข้ามาในคอก
“หายไปไหนมา” เมฆินทร์ถามขึ้นอีกครั้งเมื่อทั้งคนและควายรวมสี่ชีวิตเข้ามาหลบฝนกันในคอก
“ไปทำธุระหลายๆอย่าง”
“แล้วเรื่องของเรา...เอ่อ พี่หมายถึงลุงวันน่ะ”
ใบหน้าของคนถูกถามดูเศร้าหมองลงเล็กน้อยเมื่อได้ยิน เขาพรั่งพรูลมหายใจก่อนจะตอบสั้นๆ
“เรื่องนั้น .... มันจบแล้วล่ะครับ”
.
.
.
ฟากหนึ่งที่บ้านของเกษตรอำเภอท้ายตลาด ขจรเกียรติกำลังขะมักเขม้นกับการเก็บผ้าที่ตากไว้ตั้งแต่ตอนเช้า เนื่องจากฝนที่ตกลงมา ชายหนุ่มพ่นลมหายใจด้วยความเหนื่อยอ่อนหลังจากที่วางตะกร้าผ้าลง ก่อนจะใช้มือสองข้างลูบเม็ดฝนที่เปียกอยู่ตามใบหน้าและไรผม

“ฝนตกอีกแล้ว” นฤบดินทร์เอ่ยลอยๆเมื่อมองออกไปด้านนอก
“ก็ดีไม่ใช่หรอครับ ช่วงนี้ชาวนาเค้ากำลังจะเริ่มลงข้าวกันใหม่ไม่ใช่หรอ”
“ถ้ามองมุมนั้นก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี แต่ถ้าเอาตามความรู้สึกส่วนตัว ชั้นไม่ค่อยชอบฟ้าสีนี้เท่าไหร่ สีเทาๆแบบนี้มันทำให้รู้สึกเหงาและก็อ้างว้าง”
“แล้วทำไมพี่หน่องไม่หลับตาล่ะครับ ถ้าพี่หน่องไม่ชอบสีเทา พี่หน่องก็แค่หลับตาแล้วรับรู้ถึงความเย็นฉ่ำจากสายฝนได้นี่”
“ก็ถูกของนายนะ” เขายิ้มเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำพูดของอีกคน
“ถ้าพี่ไม่ชอบท้องฟ้าตอนมีฝน พี่ก็ต้องอดทนเอาหน่อย ฝนไม่ตกไปตลอดหรอก เค้าถึงบอกว่าฟ้าหลังฝนสวยงามเสมอ”
“งั้นหรอ.... ไม่น่าเชื่อนะว่านี่จะเป็นคำพูดของคนที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นนักการพนัน”
ขจรเกียรติหลุบตาต่ำ สีหน้าเขาหม่นลงเล็กน้อยจนทำให้อีกคนที่รู้สึกผิดที่พลั้งปากพูดไป
“เอ่อ ... ชั้นขอโทษ มันไม่ถูกต้องหรอกที่ชั้นเอาอดีตของนายมาพูดแบบนี้”
“ช่างเถอะครับ อย่างน้อยมันก็เป็นการเตือนตัวเองไม่ให้กลับไปเป็นแบบเดิม เหนือสิ่งอื่นใด ต้องขอบคุณคนที่เปลี่ยนให้ผมเป็นแบบนี้ ขอบคุณมากนะครับ”
ชายหนุ่มทั้งสองคนสบตากันชั่วขณะหนึ่ง ก่อนจะเสตาหนีกันไปคนละทาง

ฝนเริ่มซาลง พร้อมๆกับที่เริ่มมีคนออกมาจับจ่ายซื้อของกัน นฤบดินทร์และขจรเกียรติ ยืนมองอย่างเงียบเงียบเชียบและเนิ่นนานตลอดเวลาที่ฝนกระหน่ำบนระเบียงชั้นสองโดยที่ต่างฝ่ายต่างไม่ได้พูดอะไรกันอีก ฝ่ายเด็กหนุ่มแอบลอบมองคนข้างๆอย่างเจียมตัว เขามองมือเล็กๆที่จับกับราวระเบียงไว้ในขณะที่มืออีกข้างของเขาที่อยู่ชิดกันนั้นสั่นระริกและค่อยๆเลื่อนเข้าใกล้มือข้างนั้นด้วยความตื่นเต้น .... และสุดท้ายความเจียมตนก็ทำให้เขาปล่อยมือจากราวระเบียงมาไว้ข้างตัว

“ฝนซาแล้วนะครับ”
“อืม .... แต่ฟ้าก็ยังเป็นสีเดิม”
“แต่ว่ามันก็เป็นสัญญาณที่ดีของการเริ่มต้นใหม่ไม่ใช่หรอครับ”
นฤบดินทร์หันมาย่นคิ้วอย่างไม่แน่ใจสิ่งที่ได้ยินนัก ทำให้คนที่ถูกจ้องหน้าต้องเกาหัวแก้เก้อ
“คือผมหมายความว่า เริ่มมีคนออกมาเดินกันบ้างแล้ว”
“อื้ม” คิ้วของเกษตรอำเภอคลี่ปมออก ก่อนจะหันไปทางเดิม
“ถ้าวันหนึ่งผมไปจากที่นี่....”
“ชั้นอยู่ได้ ..จอน และชั้นยินดีถ้านายจะไปยังทางที่ดีกว่านี้ อนาคตของนายไม่ใช่การเป็นคนใช้ของชั้นไปตลอดชีวิตหรอก”
“ครับ” เขารับคำพลางก้มหน้ามองปลายเท้าตัวเอง ...



กลับมาแล้วครับ

หลังจากหายไปนานมาก

ต้องขอโทษด้วยตรงนี้ ไม่มีข้อแก้ตัวใดๆ

แต่แค่ขอชี้แจงสาเหตุที่หายไปเนื่องจากภารกิจที่รัดตัว

และช่วงนี้ต้องดูแลไอ้หมาน้อยมันด้วย นานๆจะได้เจอกันน่ะนะ  :z1:

ซึ่งถ้าใครอ่านวิน-หมอก จากเรื่องเพทุบายในสายหมอก น่าจะทราบสาเหตุอยู่บ้าง

สำหรับเรื่องนี้ ตอนหน้า (น่าจะ) เป็นตอนจบแล้ว

ซึ่งจะมีตอนพิเศษให้แน่ๆเลย หนึ่งตอน กับอีกตอนหนึ่งกำลังพิจารณาครับ

ขอบคุณสำหรับกำลังใจและการติดตาม

ถึงบางครั้งจะนานไปหน่อย แต่เรื่องนี้ก็ใกล้จะปิดม่านลงแล้วครับ

ขอบคุณอีกครั้งครับ :L2:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-04-2012 16:22:42 โดย ลำนำบุหลันครวญ »

wdaisuw

  • บุคคลทั่วไป
ที่ว่าเรื่องมันจบแล้วนี่คือ
แฮปปี้แล้วใช่มั้ยจ้ะโน??? o13

ส่วนอีกคู่ดูเหมือนว่าจะเริ่มผูกพันกันไปทีละนิด
ขอให้ลงเอยด้วยดีอีกคู่นะคะ :3123:

ออฟไลน์ pedgampong

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 193
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
 o13 วุ้ววววววว ชอบเพลงที่โพสไว้มากๆเลยจ้าาา เนิบๆเนื่องๆ ได้ฟิลตอนอ่านเรื่องเลยจ้าาาาาา  :กอด1:

ออฟไลน์ MiSS-U

  • {^o^} {^3^}
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2800/-11
ตกลงโนหายไปไหนมา  แลัแม่จะช่วยอะไรบ้าง  อยากรู้จัง

ฝ่ายหน่องก็กลายเป็นคนเฉยชาไปซะแล้ว

รอตอนต่อไปค่ะ

บวกเป็ด

ออฟไลน์ CarToonMiZa

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6338
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +820/-41
 :กอด1: :L1:

บวกเป็ด

ออฟไลน์ nongrak

  • ยังไงก็รักคาเมะจังที่สุด
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +912/-14
คู่โณกับเมฆไม่รู้ว่าเป็นไง จอนชอบหน่องเหรอ
ตอนหน้าจะจบแล้วจะสมหวังหรือเปล่านะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
แม่มาเคลียร์ด้วยตัวเองเลย น้องโนคงมีข่าวดีให้พี่เมฆนะ
จอนกับหน่องคงต้องดูกันอีกยาวมั้ง ถามใจตัวเองให้แน่เสียก่อน ว่าไม่ใช่แค่เหงา

อิจฉาคนเขียนเล็กน้อย ท่าทางอินเลิฟน่าดู

ออฟไลน์ NumPing

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 502
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +62/-2
จะจบแล้วเหรอ

คิดถึงแย่เลย

ออฟไลน์ zombi

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-5
ตอนหน้าก็จบแล้ว
ยังไม่ได้อ่านตอนหวานๆให้จุใจเลย

ออฟไลน์ Cherry Red

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 882
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-0
แหม...คุณแม่ออกโรงเองทั้งที มีหรือที่พี่เมฆกับโนจะไม่สมหวัง  :laugh3:
ท่าทางคุณแม่เป็นสาวแกร่งแรงเกินร้อย ทำตามหัวใจเรียกร้องซะขนาดนั้น จะให้ลูกตัดใจง่าย ๆ น่ะ...ไม่มีทาง  o16

น้องจอน กลับตัว กลับใจเป็นคนดีแล้วจริง ๆ สินะ  :oni1:
กลับไปเรียนครั้งนี้ ก็ตั้งอก ตั้งใจ ทำให้สำเร็จลุล่วง
แล้วกลับมาในลุคผู้ใหญ่ที่ดี พี่หน่องจะได้หันมามองแบบเต็ม ๆ ตาซะที !!!

ออฟไลน์ LittlePrince

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 226
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
ปกติแล้วเรื่องมีแต่จะยาวกันไปไหน
แต่เรื่องนี้นี่กลับรู้สึกว่าสั้นจัง จะจบซะแล้ว
จะมีปมมีประเด็นอะไรมาให้วิ่งเล่นกันอีกหน่อยก็ได้นะ อยากอ่าน อิอิ

คู่หลักน่ารักดีครับ แม้ว่าตอนท้ายๆ มุกพ่อตาหวงลูกสะใภ้จะดูเชยๆไปหน่อย
แต่ก็น่ารักเข้ากับบรรยากาศดี

เรื่องของเจ้าจอนดูมาไวไปไวไปนิดนึง แต่จริงๆแล้วผมชอบ เพราะมักจะรำคาญพวกตัวประหลาดในเรื่อง
กลับกลายมาเป็นตัวเอกของอีกคู่ได้ก็ดี (ตอนแรกแอบแช่งให้น้องโนจัดการซะให้เข็ด)

รอดูฤทธิ์แม่ไพในตอนจบครับ โย่ว

ปล. อ่านเรื่องนี้แล้วนึกถึงบรรยากาศบ้านนอกตอนเด็กๆมากเลย
ถึงจะไม่ถึงกับใกล้ชิดไร่นาขนาดนี้แต่ก็คิดถึงบ้านสวนชะมัด

ออฟไลน์ -~iK@iZ_KunG~-

  • Tomorrow Never Die!!!
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2231
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +220/-2
มารอตอนจบและตอนพิเศษครับ

ออฟไลน์ ลำนำบุหลันครวญ

  • Most Wanted!!!
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 223
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +377/-1
กรุ่นกลิ่นรวงข้าว ตอนอวสาน

นางอำไพยกน้ำในขันเงินขึ้นดื่ม ก่อนจะส่งเสียง “อ้า” เบาๆเป็นการแสดงถึงการสิ้นสุดลงของอาหารมื้อนี้
“ทำไมแม่ไพถึงมากับไอ้วิปริตนั่นได้ล่ะ” นายวันเอ่ยขึ้น
“พ่อหนุ่มนั่นไปบอกฉันเอง”
“อ้อ มันคาบไปฟ้องแม่ไพสินะ”
“ใช่ เขาฟ้อง ... แต่ถ้าไม่ไปฟ้องฉันก็ไม่มีทางรู้ว่าว่าพี่ทำอะไรแย่ๆไปบ้าง” นางอำไพเอ่ย พลางชายตามาทางลูกชาย “แกก็ด้วยเจ้าโน ทีเรื่องอย่างนี้ล่ะไม่พูด เห็นฉันเป็นคนอื่นหรือยังไง”
“ก็รู้ไง ว่าถ้าแม่มาแล้วจะเป็นแบบนี้ อีกอย่างผมก็ไม่รู้จะบอกแม่ยังไง”
“แกพูดเหมือนชั้นไม่รู้อะไรๆของแก นี่ไม่ใช่แฟนหนุ่มคนแรกของแกนะ “
“อะไรนะแม่ไพ!!” นายวันอุทานเสียงหลง
“นี่ตาเฒ่า ฉันก็รู้อยู่หรอกนะว่าที่นี่มันบ้านนอก แต่คงไม่ถึงกับไม่มีไฟฟ้าและทีวี เลยไม่รู้ว่าทุกวันนี้โลกมันไปถึงไหนต่อไหน... หลานของแกน่ะมันเป็นชอบผู้ชายมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว “
“แต่ฉันก็รับไม่ได้ที่....”
“รับไม่ได้ก็เรื่องของพี่เถอะ .... ถึงพี่จะรักมันเหมือนลูกยังไงแต่พี่ก็ยังเป็นแค่ลุง ฉันจะไม่พูดหรอกนะว่าพี่ก็เป็นแค่ลุง แต่ฉันก็หวังว่าพี่เองก็คงอยากให้เจ้าโนมันมีความสุขในสิ่งที่มันเป็นไม่ใช่สิ่งที่พี่เห็นว่ามันควรจะเป็นน่ะ”

นายวันถึงกับสะอึกเมื่อเจอผู้เป็นแม่ของหลานยื่นคำขาดเช่นนั้น และนางอำไพก็ไม่ได้เว้นจังหวะให้ชายหัวโบราณตรงหน้าได้อุทธรณ์ด้วย
“แล้วแกล่ะ เจ้าโน... คิดยังไงกับเจ้าลูกชายผู้ใหญ่บ้านนั่น”
.
.
.
“โนหมายความว่ายังไงที่ว่ามันจบแล้วน่ะ” เมฆินทร์ถามด้วยหัวใจที่เต้นไม่เป็นจังหวะด้วยความกลัวต่อคำตอบที่กำลังจะออกจากปากของตรงหน้า
“ผมขอโทษนะครับ” อโณชาหันหลังให้อีกคน
“โอเค .... พี่เข้าใจแล้ว” ชายหนุ่มพยักหน้าช้าๆพร้อมกับดวงตาที่เริ่มร้อนและพร่ามัวด้วยม่านน้ำตา
“ผมขอโทษนะ ที่ไปกรุงเทพโดยไม่บอก คุณอาเค้าพาผมกับแม่ไปเที่ยวตากอากาศกันที่ประจวบน่ะครับ” หนุ่มเมืองกรุงหันมายักคิ้วให้ “นี่คุณอากับแม่ผมเค้าไปเที่ยวกันต่อ ส่วนผมขอกลับมาก่อน”
“คุณอา?”
“ครับ ... แฟนใหม่แม่ผม”
หนุ่มบ้านนาขมวดคิ้วเป็นปมด้วยความฉงน ก่อนจะพูดต่อ “แล้วลุงวัน?”
“ลุงวันก็อยู่ท้ายหมู่บ้านไงครับ” อโณชายิ้มแฉ่งตีรวน
“นี่มันยังไงกันแน่เนี่ยโน”
“ผมก็ไม่รู้สิครับ”

คำพูดของชายหนุ่มแม้จะกำกวม หากแต่สีหน้าของเขานั้นก็คล้ายๆกับเป็นการเฉลยเรื่องราวทั้งหมดอยู่ในที และนั่นก็ทำให้ร่างเล็กนั้นถูกตะครุบด้วยฝีมือของไอ้หนุ่มลูกทุ่ง จนคนในอ้อมกอดดิ้นขยุกขยิกแต่ก็ยังหัววเราะคิกคัก

“หัวเราะอะไร มันไม่ตลกเลยนะ เกือบโดนลูกปืนเจาะพุงไส้แตกแน่ะ”
“ช่วยไม่ได้ อยากทำอะไรไม่คิด”
“ก็เพราะว่ารักน่ะสิ .... ไม่รู้หรือไง” ไม่เพียงแต่คำพูดเท่านั้น เขายังฝากรอยช้ำเบาๆบนแก้มของคนในอ้อมกอดด้วย
“ฮ่าๆๆๆ ไม่รู้ๆ ไม่รู้อะไรทั้งนั้นแหละ”

สายฝนยังคงกระหน่ำซัดฝืนดินอย่างไม่รู้เหน็ดเหนื่อย เสียงซ่านเซ็นดังกลบเสียงหัวเราะของคนที่กำลังหลบฝนอยู่ในคอกควายแคบๆที่เหมือนจะแคบเกินไปเพราะทั้งคู่ต่างกำลังเบียดกายแนบชิดกันใกล้ขึ้นและแน่นขึ้นเรื่อยๆเหมือนไม่อยากที่จะให้มีช่องว่างซึ่งกันและกัน

.
.
.
ขจรเกียรติเก็บเสื้อผ้าและข้าวของของตนด้วยความเหม่อลอย ถึงแม้ตอนนี้เขาสามารถที่จะเป็นอิสระได้ แต่ทำไมเขาถึงรู้สึกเหมือนกับไม่มีความสุขที่จะไปจากที่นี่ ราวกับเขาเป็นนกที่ถูกเลี้ยงในกรงมาตั้งแต่เล็กๆและเลือกที่จะใช้ชีวิตอยู่ในกรงมากกว่าที่จะโบยบินไปสู่อิสระ .... ถึงแม้จะคิดมานานแล้วว่ายังไงก็ต้องกลับไปเรียนให้ได้ หากแต่.... ถ้าคนๆนั้นเลือกที่จะรั้งเขาไว้สักหน่อย หรือพูดเหมือนว่าเขาก็มีความสำคัญ.... เขาคงจะไปจากที่นี่อย่างมีความสุขมากกว่านี้

ชายหนุ่มหิ้วกระเป๋าสะพายใบโตที่บรรจุของส่วนตัวทุกอย่างเอาไว้เดินออกมาจากห้อง นฤบดินทร์กำลังจิบกาแฟอยู่บนโต๊ะอาหารด้วยท่าทีเรียบสงบ เขาเสตามามองเล็กน้อยก่อนจะพูดขึ้น
“จะไปแล้วงั้นหรอ งั้นเดี๋ยวชั้นไปส่งที่ บขส. นะ”
“ครับ”
เกษตรอำเภอยกแก้วกาแฟขึ้นจิบอีกครั้ง ก่อนจะวางลงและคว้ากุญแจรถขึ้นมา
“เดี๋ยวครับพี่หน่อง ....พี่ไม่สงสัยหรอว่าทำไมผมถึงกล้ากลับไปกรุงเทพ”

ชายในชุดสีกากีหันไปมองคนที่พูดขึ้น ก่อนจะตอบไป “การที่นายไปที่นั่นมาแล้วครั้งหนึ่ง นั่นก็เป็นการตอบได้แล้วนี่ว่านายจะกลับไปได้อย่างปลอดภัย .... อีกอย่างหนึ่งคือฉันรู้ว่านายน่ะเป็นคนฉลาดมากจนใกล้เคียงกับคำว่าเจ้าเล่ห์ พอๆกับที่ฉันก็รู้ว่าตาพี่เมฆนั่นค่อนข้างฉลาดน้อยใกล้เคียงกับคำว่าทึ่ม .... การที่นายไปลงเรือลำเดียวกับตานั่นเป็นการยืนยันอีกทางว่านายคงได้อะไรกลับมาจากภารกิจครั้งนี้ .... ใช่ไหมล่ะ?”

เด็กหนุ่มยิ้มกว้าง พลางเกาหัวแก้เก้อ “พี่หน่องเล่าได้เป็นฉากจนผมกลัวเลยนะครับ แต่ผมก็ไม่ได้รังแกพี่เมฆของพี่มากนักหรอกน่า”
“ไม่ใช่ของพี่หรอกจอน เป็นของคนอื่น”

ขจรเกียรติกลืนน้ำลายอึกใหญ่ เป็นอีกครั้งที่ฝ่ายตรงข้ามทำให้เขารู้สึกเหมือนคนจนตรอก และครั้งนี้ คำพูดของเกษตรอำเภอแห่งบ้านเดิมบางก็กำลังทำให้เขาหวั่นไหว .... เพราะเขาก็ไม่อยากให้คนตรงหน้า ....เป็นของคนอื่นเหมือนกัน

“ถ้าผมจะบอกว่า ผมเองอยากเป็นเจ้าของพี่บ้างล่ะครับ” ขจรเกียรติพูดหลังจากที่กลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก

“นั่นเป็นคำพูดที่ชั้นไม่อยากฟังเลยจอน... โอเค เราอาจจะต่างคนต่างเหงา ต่างคนต่างเข้าใจกัน แต่สำหรับชั้น ... ไม่สิ ไหนๆเราก็ไม่ได้เป็นนายบ่าวกันแล้ว พี่ขอพูดในฐานะพี่ชายของนายคนหนึ่งแล้วกัน พี่ว่ามันยังน้อยเกินไปที่เราจะเป็นอะไรไปมากกว่านี้ พี่อยากให้จอนอย่าเพิ่งคิดอะไรกับพี่ไปมากกว่านี้ กลับไปที่เก่าที่จอนมาแล้วตั้งใจทำตรงนั้นให้ดีที่สุดเถอะ”

ขจรเกียรติพยักหน้ารับช้าๆด้วยดวงตาที่ชื้นแฉะ “ผมเข้าใจครับ .... ว่าตอนนี้ผมมัน....”
“การศึกษาจะทำให้คนเรามีค่ามากขึ้นในสังคม จอน .... “
“ครับพี่หน่อง .... ขอบคุณมากสำหรับคำแนะนำและทุกสิ่งทุกอย่างที่ผ่านมา”เด็กหนุ่มแหงนหน้ามองเพดานพลางใช้หลังมือปาดน้ำตาตัวเอง ”และมีอีกคำที่ผมอยากจะพูด นั่นคือ ผมรัก พ....”
“เอาไว้ให้ถึงวันนั้น เราค่อยมาพูดเรื่องนี้กันอีกทีเถอะ” นฤบดินทร์ตัดบทพลางยิ้มให้กับเด็กหนุ่มตรงหน้า “รถเข้ากรุงเทพเที่ยวแรกกำลังจะออกในอีกครึ่งชั่วโมง พี่คิดว่าเราควรจะไปกันได้แล้วล่ะ”

เกษตรอำเภอเดินนำหน้าไปอย่างอารมณ์ดี ทิ้งอีกคนยืนยิ้มแหยๆอยู่ข้างหลัง เขาเปิดประตูเข้าไปในรถก่อนจะตะโกนเรียก
“นี่ถ้าไม่ขึ้นรถพี่จะไม่ไปส่งแล้วนะ อย่าลีลา”
“อ่า...ครับๆ ไปเดี๋ยวนี้แหละครับ”

.
.
.
http://www.youtube.com/v/o6RO7xTcdBI?version=3&amp&autoplay=1

“หอมกลิ่นน้ำคลองที่ปลายท้องทุ่ง
สาวนาช้อนกุ้งอยู่ท้ายทุ่งเหว่ว้า
แดนนี้คือสวรรค์บ้านนา
ในน้ำมีปลา ในนามีข้าวทั่วบาง

ฉันหลับฝฝันดีที่เพิงไม้ไผ่
ถึงจนทนได้และภูมิใจไม่จาง
คนท้องนามือหนาหน้าบาง
รำเคียวเกี่ยวฟางสร้างพลังชาติไทย

กระถินริมทาง กระยางริมทุ่ง
น้ำพริกผักบุ้ง ต่อลมหายใจ
อาบดินกินแดดร่ำไป
อยู่อย่างไทย ผิวกายกร้านแกร่ง

หอมกลิ่นเนื้อนวลเมื่อจวนฟ้ารุ่ง
หอมทวนลมทุ่ง บ้านนาหน้าแล้ง
สาวท้องนาถึงแก้มไม่แดง
ฝีมือต้มแกง เสน่ห์เจ้าแรงเหลือเกิน”
(สวรรค์บ้านทุ่ง : ยอดรัก สลักใจ)

 ลมทุ่งพัดโชยมาเบาๆหอบเอากลิ่นไอดินและรวงข้าวมาแตะจมูกผมทำเอารู้สึกหิวขึ้นมาตงิดๆ ถึงเจ้านายจะไม่ได้เลี้ยงดูผมอย่างอดอยาก แต่กลิ่มหอมๆแบบนี้ก็ช่วยเรียกน้ำย่อยในกะเพราะให้ออกมาท้าทายกับหญ้าสดๆได้ดี

ผมเดินเยื้องย่างไปบนทางเดินที่เป็นดินลูกรังอย่างเชื่องช้าไปยังที่ทำงานอย่างกระปรี้กระเปร่า หลังจากที่เมื่อคืนได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ เบื้องหน้าลิบๆผมมองเห็นที่ทำงานของผมที่เจิ่งนองไปด้วยน้ำพร้อมกับมนุษย์ผิวคล้ำนั่งอยู่บรแคร่ไม้ไผ่ที่เจ้านายชอบนั่งพักเวลาที่ช่วยกันทำงานกับผมแล้วเสร็จ ถึงผมจะมองเห็นชายคนนั้นลิบๆแต่ก็คงไม่ต้องสงสัยว่าเป็นใคร เพราะแขกที่แวะเวียนมาที่ที่ทำงานของผมเป็นประจำก็มีอยู่แค่หนึ่งคนกับหนึ่งนางเท่านั้น

“แม่แฉะจ๋า ไอ้รอดคิดถึงแม่แฉะจังเลย” ผมทักทายควายสาวที่ยืนเคี้ยวหญ้าอ่อนๆบนคันนา หลังจากที่เจ้านายก้าวลงจากตัว แม่แฉะยังน่ารักและงดงามสมกับเป็นควายที่ผมหลงเสน่ห์มานมนาน
“ไม่ต้องมาปากหวานเลยไอ้รอด ทำไมถึงมาช้านัก”แม่แฉะค้อนหนึ่งทีก่อนจะก้มลงกินหญ้าต่อไป
“ตะวันยังขึ้นได้ไม่นานเลยนะจ๊ะ ... ปกติคุณโนเขาก็มาเวลานี้ คุณเมฆของแม่แฉะนั่นแหละที่มาไวตั้งแต่ไก่โหเสียทุกวัน”
“อ้อ .... นี่หาว่าเจ้านายของฉันเป็นคนผิดสินะ!” แม่แฉะตวาด
“อะไรกันฮึ นังแฉะ ทะเลาะอะไรกัน” คุณโนพูดขึ้นหลังจากที่ได้ยินเสียงแม่ยอดขมองอิ่มของผมร้องลั่น ถ้าคุณโนเข้าใจภาษาควาย เขาก็คงจะช่วยผมแก้ตัวกับแม่แฉะด้วยอีกแรง
“มันคงจะจีบกันละมั้งโน ... ก็เจ้านายมันสมหวังแล้วนี่จะเหลือก็แต่มันสองตัวนี่แหละ” คุณเมฆพูดได้ตรงใจผมนัก
“ฝันไปเถอะจ๊ะคุณเมฆ ฉันน่ะไม่เอาควายขี้เหร่อย่างไอ้รอดมาทำผัวหรอก” แม่แฉะตัดรอนจนผมคอตก
“โธ่แม่แฉะ!!”
 
“กินอะไรมาหรือยังครับพี่เมฆ”
“รอกินพร้อมโนนั่นแหละ” คุณเมฆยิ้มแฉ่ง ก่อนจะชะโงกหน้ามาดูเถาปิ่นโตที่คุณโนนำมาด้วย “ไหนดูซิมีอะไรกินบ้าง”
“ก็มีไข่เจียวกับแกงเลียง แต่อย่างหลังไม่รู้จะกินได้มั้ย เพิ่งให้ป้าทองสอนได้ไม่นาน”
“ต้องอร่อยอยู่แล้ว เชื่อสิ”
เจ้านายยิ้มเหมือนจะขวยเขินเล็กน้อย ก่อนจะแก้เชือกที่ล่ามผมให้ออกหาหญ้ากิน
“หืยยย จืดชะมัด” เจ้านายสบถขึ้นเมื่อตักแกงคำแรกเข้าปาก คุณเมฆตักเข้าปากบ้างหากแต่อุทานออกมาคนละอย่าง
“ไม่นะ อร่อยจะตายไป”
“พูดไป.... ตอนนี้น้ำต้มผักก็ว่าหวานแหละ”
“ไม่ใช่แค่ตอนนี้สักหน่อย .... ตลอดไปเลยล่ะ รักน่ะนะ ”

โอ๊ยให้ตายเถอะ ผู้ชายคนนี้ทำควายเขิน!!


“ข้าก็รักแกมากนะนังแฉะ”ผมฟังแล้วก็ชักอยากจะหวานกับบ้าง
“แต่ฉันเกลียดแก ไอ้รอด!” แม่แฉะยังตัดเยื่อใย
.
.
ผมกับแม่แฉะออกแรงลากคันไถที่ผูกติดกับแอกที่อยู่ด้านหลัง ดินของที่นี่ค่อยข้างเป็นดินที่ดีและมีน้ำท่าอุดมสมบูรณ์ทำให้ผมไม่ต้องออกแรงมากนัก
“เหนื่อยไหมจ๊ะแม่แฉะ”
“ถ้าแค่นี้เหนื่อยก็ไม่สมควรที่จะเกิดมาเป็นควายแล้วล่ะ เสียชื่อควาย”
“แต่แม่แฉะเป็นควายแคระนี่จ๊ะ ฉันก็เลยเป็นห่วง”
“แคระแต่ก็เป็นควายไม่ใช่หรือไง ฉันเป็นควายตัวเมียไม่ใช่มนุษย์ผู้หญิงจะได้ให้ควายตัวผู้มาคอยดูแลเอาใจใส่ว่าอันนั่นไหวมั้ยไอ้นี่ไหวหรือเปล่า เพราะฉันเองก็แข็งแรงไม่แพ้แกหรอกไอ้รอด” แม่แฉะพูดในขณะที่กำลังลากคันไถ
ผมยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะหันหน้าหนีไปทางอื่น “เพราะอย่างนี้ฉันถึงรักแม่แฉะยังไงล่ะ ฉันเชื่อนะว่าแม่แฉะจะต้องเป็นแม่ที่ดีของลูกๆเราได้”
“ลูกของเรา? .... จะต้องให้ฉันย้ำอีกกี่รอบฮึไอ้รอดว่าไม่มีวัน”

.
.
ควันไฟที่จุดไล่ยุงม้วนตัวเป็นวงลอยขึ้นฟ้า ผมกระดิกหางไล่ยุงช่วยอีกแรงพลางเงยหน้ามองควันไฟเหล่านั้นเหมือนเป็นศิลปะที่สรรค์สร้างขึ้นมาอย่างง่ายๆ วันนี้เจ้านายและคุณเมฆถือโอกาสมานอนที่นากัน เจ้านายแอบกระซิบบอกผมว่า คุณเมฆนี่ก็โรแมนติกอยู่ไม่หยอกที่ชวนมาดูดาวกันริมทุ่งแบบนี้ ตั้งแต่เกิดมาเขาไม่เคยมาดูดาวกันด้วยบรรยากาศแบบนี้เลย

ปลาช่อนที่จับได้เมื่อเย็นอยู่บนกองไฟส่งกลิ่นแตะจมูกเบาๆ ผมทำจมูกฟุดฟิดพลางนึกสงสัยถึงรสชาติของมัน แต่มันคงน่าอร่อยไม่น้อย เพราะผมเห็นคุณโนทำหน้าเหมือนพอใจในกลิ่นของมันมากๆ
“หอมจังครับพี่เมฆ”
“และอร่อยมากๆด้วย ปลาช่อนนาเมืองสุพรรณเชียวนะ”
คุณเมฆบิเนื้อปลาออกเป็นชิ้นเล็กๆ ก่อนจะเป่าให้เย็นลงและป้อนเข้าปากเจ้านายของผม
“อร่อยจริงๆด้วยเนาะ”
“พี่เคยโกหกโนมั้ยล่ะ”
“เชื่อครับ คนอย่างพี่เมฆน่ะ โกหกใครไม่เป็นหรอก”
“ฟังเหมือนเป็นคำชมนะ”
“เปล่าเลย ผมกำลังจะบอกว่าพี่เมฆน่ะทึ่มจะตาย”
“ปากดีแบบนี้เดี๋ยวปากจะโดนดี” คุณเมฆส่งสายตาเจ้าเล่ห์
“ทำไม พี่เมฆจะทำอะไรผม” เจ้านายส่งยิ้มกวนไม่แพ้กัน และเพียงเท่านั้น ครู่เดียวผมก็เห็นใบหน้าของเจ้านายถูกบังไว้ด้วยใบหน้าของคุณเมฆ
“โดนแบบนี้ไง”
“เค็มมั้ยล่ะนั่น ปากยังเลอะปลาย่างอยู่เลย”
“นิดหน่อย .... แต่ยังดีที่จูบของโนรสชาติใช้ได้”

คุณเมฆทำให้ผมคิดไปว่า แล้วปากของแม่แฉะจะรสชาติเป็นอย่างไรนะ จะหอมกลิ่นใบหญ้าเหมือนที่ผมชอบหรือเปล่า ผมหันไปมองแม่แฉะที่มองเจ้านายของหล่อนเงียบๆพลางกระพริบตาปริบๆเหมือนไม่ได้รู้สึกอะไรอย่างผมเท่าไหร่ ความคิดทั้งหมดเลยถูกพับไปเพราะถ้าถามไปตอนนี้คงถูกไล่ขวิดจนต้องวิ่งหนีจนน้ำบาน
.
.
.
“คืนนี้ดาวสายจริงๆด้วย”
“ก็พี่บอกแล้วนี่ คืนนี้เป็นข้างขึ้นไง ดาวเลยสวยอย่างนี้”คุณเมฆพูดในขณะที่ทั้งคู่นอนหงายมองดาวบนฟ้า ส่วนเจ้านายกำลังหนุนแขนข้างหนึ่งของคุณเมฆไว้ ดูจากสีหน้าของเจ้านายแล้วคงมีความสุขไม่น้อย ทั้งคู่ชี้ชวนกันดูดาวนั่นนี่ ก่อนจะจบลงที่เจ้านายถูกซุกจมูกลงบนแก้มเป็นครั้งที่เท่าไหร่ผมก็เลิกนับไปแล้ว

“โนลองนับดาวคืนนี้ดูสิ ว่ามีกี่ดวง”
“โหย จะบ้าหรือไง เยอะขนาดนี้ ใครจะนับหมด” เจ้านายพ้อ
“ไม่แปลกหรอก ก็เหมือนความรักที่พี่มีต่อโนนั่นแหละ ถ้านับได้ก็คงนับกันไม่หวาดไม่ไหว”
“โอ๊ย เลี่ยนจะอ้วก”

คุณโนครับ ไอ้รอดเห็นด้วย ไอ้รอดเสียดายหญ้าจริงๆ แต่ผมฟังแล้วก็รู้สึกผะอืดผะอมอยากสำรอก!

ผมหันไปทางยอดขมองอิ่มของผมที่ทำหน้าทองไม่รู้ร้อนอย่างไม่รู้สึกรู้สา ก็อดถามขึ้นไม่ได้
“แม่แฉะเป็นอะไรไป ไม่ดีใจกับเจ้านายหน่อยรึ คุณเมฆเค้าออกจะมีความสุขอย่างนี้”
“แล้วยังไงล่ะ แกจะวิ่งไปเคล้าแข้งเคล้าขาแสดงว่าแกรู้สึกดีใจกับเขามาแค่ไหนเหมือนไอ้ด่างหรือยังไง”
“เอ่อ ... ก็ถูกของแม่แฉะ “ผมพยักหน้า “ฉันก็แค่ดีใจที่เจ้านายมีความสุข”
“ย่ะ!”

ผมขยับตัวเข้าไปใกล้แม่แฉะขึ้นอีก ก่อนจะถามขึ้น
“ถามจริงๆเถอะนะ แล้วแม่แฉะไม่คิดจะมีคู่กับเขาบ้างรึ ขนาดมนุษย์อายุยืนยาวกว่าเราเขายังไขว่คว้าอยากมีคู่เลย”
“ไม่ล่ะ ฉันไม่อยากมี แกรู้บ้างมั้ยก่อนที่เจ้านายของเราจะมาหวานแหววกันแบบนี้ คุณเมฆเขาเสียน้ำตามากแค่ไหน ไหนจะบ่นระบายบ้าบออะไรก็ไม่รู้เหมือนคนบ้า พูดแต่รัก รัก รัก ฉันเป็นควายฉันก็ไม่รู้หรอกว่ารักคืออะไร แต่ถ้าจะให้ฉันเป็นอย่างนั้น ฉันไม่เอาแน่ๆ เกิดเป็นควายภูมิใจของเราคือการไถนา ไม่ใช่เรื่องอะไรแบบนี้”

แม่แฉะเฉลยความรู้สึกของตนเองและของเจ้านาย ผมพยักหน้ารับรู้ ก่อนจะพูดขึ้นบ้าง “ไม่ใช่แค่คุณเมฆหรอก เจ้านายของฉันก็พร่ำบ่นเกี่ยวกับความรักมามากมาย ซึ่งฉันเองก็ไม่เข้าใจนัก แต่สิ่งหนึ่งที่ฉันรู้คือก่อนหน้านี้เจ้านายเหงาและว้าเหว่มาก เขาผ่านเรื่องราวร้ายๆจากกรุงเทพและโชคชะตาก็ทำให้เจ้านายมาอยู่ที่นี่ ... เหนือสิ่งอื่นใดที่ถือเป็นบุญคุณกับฉันอย่างไม่รู้จะตอบแทนได้อย่างไรคือเจ้านายเป็นผู้ให้ชีวิตใหม่กับฉัน ฉันเลยรักเจ้านายมาก”
“รัก? เหมือนกับที่เจ้านายรักกับคุณโนของแกงั้นน่ะรึ”
“ฉันว่าไม่เหมือนกันนะจ๊ะแม่แฉะ ฉันไม่เข้าใจความรักมากนักว่ามันหมายความว่าอย่างไรกันแน่ สำหรับฉันกับเจ้านาย ความรักของฉันคือฉันอยากไถนาให้เจ้านาย อยากเป็นที่ระบายยามที่เขามีความทุกข์ .... ส่วนกับแม่แฉะ ความรักของฉันคือฉันอยากเดินไปด้วยกัน อยากไถนากินหญ้าอยู่ข้างกัน และก็อยากขยายพันธ์ควายรุ่นต่อๆไปให้โลกได้รู้ว่า ยังมีสิ่งมีชีวิตที่ซื่อสัตย์อย่างพวกเราอยู่บนโลก”

“นี่ ไอ้รอด ถ้าแกคิดอยากจะแค่ผสมพันธ์ล่ะก็ ฉันจะบอกให้ว่าบนโลกนี้มีควายอีกเยอะแยะ ไม่จำเป็นที่จะต้องเป็นฉันที่ไม่คิดจะมีผัวหรอก” แม่แฉะยังยืนกราน

“แม่แฉะพูดถูกว่ามีควายอีกเยอะแยะ ฉันก็บอกไม่ถูกว่าฉันรักแม่แฉะตรงไหน อาจจะมีควายตัวกะทัดรัดอย่างแม่แฉะให้ฉันได้รู้จักพบเจอ แต่ตอนนี้ฉันกล้าพูดเลยนะ ว่าถ้าไม่ใช่แม่แฉะฉันก็ไม่เอามาทำแม่พันธ์หรอก”

แม่แฉะนิ่งเงียบไปเลยเมื่อเจอไม้นี้ของผม และผมไม่ปล่อยโอกาสให้โดนปฏิเสธอีกหรอก สาวเจ้าเคลิ้มแล้ว งานนี้มันต้องซ้ำ!

“ชีวิตมันสั้นนักนะแม่แฉะ ถ้าหากแม่แฉะได้ลองมาวิ่งหนีคนที่กำลังจะเอาเราไปเชือดอย่างฉัน แม่แฉะจะเข้าใจว่าชีวิตควายเรามันสั้นเพียงใด แต่ที่ฉันจะบอกไม่ใช่ว่าเราควรจะผสมพันธ์ก่อนที่เราจะตายไป ...ที่ฉันจะบอกคือ เราควรจะไขว่คว้าความสุขเอาไว้ก่อนที่เราจะละลมหายใจเหลือเพียงแต่เขาและกระโหลกบนโลกใบนี้ต่างหาก”

“แกน่ะหรอ จะเป็นความสุขของฉัน ไอ้รอด!”

“ฉันเชื่อมั่นอย่างนั้นจ๊ะแม่แฉะ และควายอย่างเราจะไม่มีทางรู้ได้เลยถ้าไม่ลองเชื่อดูก่อน ถึงเวลานั้น ถ้าแม่แฉะคิดว่าฉันทำให้แม่แฉะมีความสุขไม่ได้ จะปฏิเสธฉันฉันก็จะไม่ว่าอะไรเลย”

แม่แฉะพยักหน้ารับรู้ พลางพ่นลมหายใจจนฝุ่นฟุ้ง หล่อนหันมองไปทางอื่นก่อนจะตอบรับเบาๆ
“ก็ได้”
“หมายความว่ายังไงหรือจ๊ะแม่แฉะ”
“ฉันจะลองเชื่อดูก็ได้”
“แม่แฉะ!!!!” ผมอุทานเสียงดังอย่างลิงโลด “จริงหรอจ๊ะ”
“อย่าให้พูดซ้ำ ฉันไม่ใช่ควายพูดจาเรื่อยเปื่อย บอกว่ายังไงก็อย่างนั้นแหละ”
“ไชโย!!!  ไอ้รอดดีใจที่สุดเลย รู้ไหมจ๊ะ แม่แฉะจ๋า”

“ไอ้รอด แกจะส่งเสียงดังทำไมเนี่ย!” เจ้านายหันมามองผม ซึ่งคงจะร้องดีใจเสียงดังไปหน่อย แต่เวลานี้ผมขอพยศเสียหน่อย ก็คนมันดีใจระคนสะใจ อยากหวานกันนักจนควายอิจฉา ผมเลยถือโอกาส....

“เอ๊ยนั่น ควายจูบกันแน่ะโน ฮ่าๆๆ” คุณเมฆอุทานพลางหัวเราะเสียงดังลั่น
“จูบกันที่ไหน มันเลียปากกันเฉยๆ”
“ไอ้รอด .... อย่ามาทะลึ่งนัก ฉันเพิ่งตอบตกลงแกจะมาลวนลามฉันเลยแบบนี้มันง่ายไปมั้ย” แม่แฉะตวาดเสียงเขียวพลางเอาเขาสั้นๆของแม่แฉะขวิดผมเบาๆ
“โอ๊ย!” ผมสลัดตัวบรรเทาความเจ็บ ก่อนจะหันไปบอกเจ้านายทั้งสองคนด้วยภาษาควาย
“ถึงคุณเมฆจะทึ่มอย่างที่คุณโนบอก แต่ผมว่าเรื่องของควายเจ้านายช่างไร้เดียงสานัก ก็อย่างนี้นี่แหละครับที่ควายเรียกว่าจูบน่ะ”
“ไอ้รอด !!! ยังมีหน้าไปบอกคนเขาอีก ไอ้ควายบ้า!!!”

 “อุ๊ย ทำบ้าอะไรน่ะ” เจ้านายอุทานได้แป๊บเดียว ก็ไม่สามารถพูดอะไรได้อีก ปากของเจ้านายถูกประกบด้วยปากของคุณเมฆไปเสียแล้ว ผมหัวเราะคิกคักเพราะกว่าคุณเมฆจะถอนปากออก เจ้านายก็หน้าแดงก่ำจนเห็นได้ชัด

“ไม่อายควายมันรึไง ดูซิมันมองตาแป๋วอยู่น่ะ”
“ก็เพราะอิจฉามันไง เลยจูบให้มันดู มีอย่างที่ไหนมาจูบกันให้เห็นแบบนี้”
“ไอ้พี่เมฆบ้า อิจฉาควายก็เป็น!!”

เชิญเถอะครับคุณเมฆ ไอ้รอดไม่สนใจหรอก เพราะไอ้รอดสนใจแค่ว่า ตอนนี้ไอ้รอดมีเมียแล้ว ไอ้รอดไม่ได้เป็นควายตัวเดียวอีกต่อไปแล้ว

คืนนี้ควายอย่างไอ้รอดคงหลับฝันดี เพราะมีคู่ชีวิตนอนอยู่ข้างๆ
ถ้าพรุ่งนี้ตื่นขึ้นมานะ ไอ้รอดจะจูบปากแม่แฉะก่อนอื่นเลย แล้วก็ดมกลิ่นไอดิน กลิ่นหญ้าอ่อนๆ กลิ่นรวงข้าวที่ลอยมากับสายลม ฉลองชีวิตใหม่ ... ชีวิตคู่ของไอ้รอด

โอ๊ย...ไอ้รอดมีความสุขที่สุดเลย!

---อวสาน----

นายหนิงหน่อง


จบแล้วครับสำหรับพี่เมฆกับนายโน
เรื่องนี้ยอมรับโดยดีเลยว่าเขียนได้ไม่ดีเท่าไหร่ ด้วยปัจจัยหลายอย่าง
เช่นเขียนในช่วงที่งานกำลังรุมเร้า เลยได้เว้นช่วงแต่ละตอนนานมาก

อีกทั้งเป็นช่วงเตรียมตัวบวช เลยทำให้มีเรื่องให้คิดให้ทำหลายอย่าง
ดังนั้นผมไม่แก้ตัวเลยว่าเรื่องนี้มันดรอปลงมากแค่ไหน

ยังไงซะก็ขอแก้ตัวกับเรื่องต่อๆไปนะครับ

สำหรับตอนจบที่แอบหักมุมแบบนี้
(แทนที่จะให้พี่เมฆกับน้องโนเป็นตอนจบกลายเป็นไอ้รอดกับนังแฉะขโมยซีนไปเสียฉิบ)

ไม่รู้ว่าจะชอบหรือโกรธคนเขียนมั้ย
แต่สุดท้ายก็เลือกแล้วครับว่าจะจบแบบนี้

ส่วนหนึ่งเป็นแรงบันดาลใจจากที่ได้อ่านเรื่องสมาคมขนสั้นของพี่เดหลี
เลยอยากเขียนนิยายผ่านมุมมองสัตว์เลี้ยงบ้าง

แต่ถ้าเขียนตอนนั้นเลยคงจะโดนหาว่าลอกเลียนแน่ๆ
เลยมาเขียนหักมุมจบตอนนี้แทน

เรื่องนี้เป็นนิยายที่สั้นที่สุดที่เคยเขียนมา แต่อย่างที่เคยบอกเสมอว่าเป็นคนเขียนหวานๆได้ไม่นาน
ชีวิตไม่ค่อยรู้จักความหวานเท่าไหร่ ฮ่าๆๆ

ยิ่งมาเจอเนื้อเรื่องเรื่อยๆแบบนี้บางทีก็หาทางไปไม่เป็นเหมือนกัน
แต่ดันมาได้ถึงขนาดนี้นับว่าภูมิใจกับเรื่องนี้ในระดับหนึ่งแล้ว

สุดท้ายนี้ ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามนะครับ

ปล. ใครแอดเฟสมาแนะนำตัวกันด้วยเนาะครับว่ามาจากเล้า
บอกล๊อกอินกับชื่อด้วยก็ดีเราจะได้รู้จักกันและเป็นครอบครับเล็กๆกัน

ขอบคุณอีกครั้งครับ  :L2:

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-04-2012 23:04:56 โดย ลำนำบุหลันครวญ »

ออฟไลน์ -~iK@iZ_KunG~-

  • Tomorrow Never Die!!!
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2231
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +220/-2
จิ้มแล้วไปอ่านตอนจบ อิอิ

yayee2

  • บุคคลทั่วไป
 จบแบบเฮปปี้ ทั้งเจ้านาย พี่เมฆ-น้องโน
ทั้งไอ้รอด-อีแฉะ อิ อิ
 :L2: :pig4:ขอบคุณคนเขียนจ้ะ

ออฟไลน์ natalee22

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +86/-3
อิอิอิ ตอนจบน่ารักมากกกกกกกกกกก คู่ไอ้รอดกับอีแฉะแอบมาขโมยซีนเจ้านาย

แต่ก็ยังรอตอนพิเศษอยู่นะคะ อยากได้ตอนพิเศษหวานๆหื่นๆ แล้วก็อยากรู้เรื่องจอนกับหน่องด้วย คู่นี้ก็น่ารัก อยากให้รักกันจังเลย

ขอบคุณสำหรับนิยายสนุกๆนะคะ ^^

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด