ก็จะดื้อ 26
ชีวิตปกติของภาสในวันทำงานนั้นมักจะเจอเรื่องที่ปัญหาอยู่เสมอ ไม่ว่าจะจากทั้งลูกค้า ทั้งพนักงาน ทั้งหุ้นส่วน ทั้งครอบครัวและที่ขาดไม่ได้ก็คงจะเป็นแก็งเพื่อนที่มักจะนำพาปัญหามาให้อยู่ทุกครั้งที่ก้าวเข้ามาเหยียบออฟฟิส แต่ในวันนี้คงเป็นครั้งแรกที่ปัญหานั้นเกิดจาก...
คนรัก
“หยาาาาาาา มีคนแพ้ท้องเหม็นสามีด้วยนะพี่ภาส” ภาสเหลือบตาจากเอกสารขึ้นมองแมวดื้อที่นั่งอยู่ไม่ไกล วันนี้แมวดื้อของเขาได้รับอนุญาตให้ลางานเพราะตอนเช้าต้องแวะไปหาหมอส่วนตอนเย็นก็มีนัดไปเจอครอบครัวของเขา หลังจากหาหมอเสร็จเขาจึงตัดสินใจหนีบแมวดื้อมานั่งเล่นที่ออฟฟิสฆ่าเวลาแทนกลับไปส่งบ้าน
“แมวดื้อ เลิกอ่านกระทู้ได้แล้ว”
“พี่ภาส ในกระทู้บอกว่าเขาเหม็นสามีไม่คุยด้วยเป็นเดือนๆ เลย”
“...”
“นี่คนนี้บอกว่าเห็นหน้าสามีแล้วอ้วกด้วย”
“...”
“โห มีบอกว่าได้กลิ่นสามีแล้วเหม็นเหมือนอึด้วย พี่ภาสกลายเป็นอึเฉย”
“...”
ทั้งๆ ที่ควรจะดีใจที่แมวดื้อเรียกเขาว่าสามี แต่ไอ้ประโยคโดยรวมกลับฟังแล้วอยากนวดขมับให้แตก ตั้งแต่วันที่ตรวจครรภ์เจอเจ้าก้อนลูกแมวในท้องยุ้ยเมื่อสองอาทิตย์ที่แล้ว ตอนนี้แม่แมวมือใหม่กำลังอยู่ในช่วงรีเสิร์ชข้อมูลเต็มที่ อ่านมันตั้งแต่เช้ายันเย็น
ต้องบอกว่าวันนั้นเขาน่ะดีใจคนคิดอะไรแทบไม่ออก รู้แต่อยากจะกอดแมวดื้อไว้แน่นๆ แต่หลังจากที่ได้พาไปฝากครรภ์ตรวจอะไรต่างๆ เรียบร้อย ความเป็นห่วงจะเริ่มครอบงำ ถึงแม้จะรู้ว่าด้วยสัญชาตญาณความเป็นแม่ของโอเมก้าคงปลุกให้เจ้าตัวระวังตัวมากขึ้นเพื่อดูแลเด็กในครรภ์แต่พอเป็นเจ้าของครรภ์เป็นแมวดื้ออย่างตะนิด เขาเลยยังรู้สึกไม่ไว้วางใจพอ
และถึงแม้จะอยากไปตามเฝ้าแมวดื้อตลอดเวลาแต่สุดท้ายเขาก็ต้องปล่อยให้ตะนิดไปทำงาน ไปใช้ชีวิตของตัวเองและทำได้แค่เพียงตามดูห่างๆ กับคอยกระชับให้เจ้าตัวระมัดระวังเวลาเดินเหินไปไหนมากขึ้น
“พี่ภาสๆ”
“หืม” ภาสปิดเอกสารเมื่อรู้ดีว่าเขาคงไม่มีสมาธิทำงานหากเจ้าตัววุ่นวายยังคงส่งเสียงเรียกไม่หยุด
“บ้านพี่ภาสจะชอบนิดไหม”
“ชอบสิ”
“รู้ได้ไง”
“ก็พี่ชอบเรา”
“...” แล้วเกี่ยวไรหว่า
“ครอบครัวพี่ก็ต้องชอบ”
“จ๊ากกกกกกกกก บ้าแล้ว เป็นแค่อึแท้ๆ อย่าพูดจาแบบนี้นะ!!!” แมวดื้อขี้เขินโวยวายลั่นห้องก่อนจะก้มหน้าก้มตาอ่านมือถือต่อ
“อ่านกระทู้อะไรของเราน่ะ พี่ไม่ได้ว่า แต่อย่าอ่านเยอะจนเก็บมาเครียด ทำตามที่หมอบอกมาก็พอ” ตอนนี้ตะนิดตั้งครรภ์ได้สามสัปดาห์กว่าๆ อายุครรภ์ยังน้อยมาก หมอจึงแนะนำให้ระวังเรื่องการเคลื่อนไหวเป็นพิเศษ ซึ่งแน่นอนว่าหลังจากได้ยินหมอพูดแบบนั้น แมวดื้อใช้ชีวิตด้วยการเดินทีละก้าวและหลีกเลี่ยงการขึ้นบันไดสุดชีวิต
“ตะนีจะดื้อไหม พี่ภาสว่า”
“...”
ถ้าลูกรู้ว่าจะได้ชื่อตะนีก็คงจะดื้ออยู่แล้วแหละนะ
ภาสได้แต่คิดในใจ
“แต่นิดไม่เห็นแพ้ท้องเหมือนในละครเลย ชิวมาก”
“หมอก็บอกแล้วนี่ว่าอาการแพ้ท้องมันแล้วแต่คน และจริงๆ เราแค่ยังไม่แพ้ไม่ใช่ว่าไม่ได้แพ้”
“อยากกินข้าวผัดปู”
อะไรล่ะนั่น...
ภาสกระดกคิ้วงงเมื่อจู่ๆ แมวดื้อก็เปลี่ยนเรื่องไปที่อาหาร
“หิวแล้วเหรอ”
“เปล่าอ่ะ แค่อยากกินขึ้นมาเฉยๆ เห้ย หรือนิดแพ้ท้อง นิดแพ้ท้องแล้วป่ะเนี่ย”
“อยากกินก็กิน กินเยอะๆ น่ะดีแล้ว หมอบอกว่าเราผอมเกินไป”
“อื้อ ไม่เอา ยังอิ่มๆ ไข่ตุ๋นอยู่เลย นมตราหมีกระป๋องชมพูนี่ก็รสเหมือนนมตราหมีปกติเลยนะ” ตะนิดยกกระป๋องนมที่หมอแนะนำมาขึ้นดูดก่อนจะวางลง
“หิวรึยัง ให้พี่สั่งอะไรมาให้กินไหม”
แน่นอนว่าที่ถามไปไม่ได้เข้าหูคนฟังแต่อย่างใด เนื่องจากแม่แมวกำลังขยับตัวยุกยิกจัดท่าทางให้ตัวเองนอนบนโซฟาตัวยาว ตะนิดขมวดคิ้วมุ่นเมื่อรู้สึกขัดใจอะไรบางอย่าง
...บางอย่างที่ตอบไม่ได้ว่าอะไร
แต่รู้สึกไม่สบายตัวเอาเสียเลย
“โซฟาไม่ดีเลย” ตะนิดบ่นงุบงิบก่อนจะเปลี่ยนใจขยับขาลงมานั่งทั้งๆ ที่ใจอยากเอนตัวนอน
“ปวดหลังเหรอ”
“เปล่า แต่...”
“...”
“พอนอนแล้วมันหงุดหงิด”
ช่างเป็นเหตุผลที่เข้าใจยากสมกับเป็นตะนิด
“ไว้พี่เปลี่ยนโซฟา...”
“พี่ภาส นิดจี๊ดๆ ท้อง”
“จี๊ดแบบเดียวกับที่บอกหมอรึเปล่า”
“อื้อ”
“ทนหน่อยนะ” ภาสยิ้มเบาๆ ให้กับแม่แมวที่ร่างกายกำลังเริ่มปรับตัวเข้ากับสภาวะตั้งครรภ์
“อยากกินข้าวผัดปู”
“อ่า”
“โอ๊ะ ปวดฉี่”
แมวดื้อในวันนี้ดูจะสับสนในตัวเองกว่าปกติหลายเท่า ด้วยความที่ร่างกายอยู่ในช่วงปรับตัวทำให้แม่แมวทำอะไรไม่ค่อยถูกนัก ทั้งกังวล ทั้งหงุดหงิดในหนึ่งวินาที สำหรับภาสทุกอย่างที่ตะนิดเป็นนั้นดูน่าเอ็นดูไปหมด แต่ในส่วนของตะนิดนั้น
หงุดหงิดโคตรๆ
ทั้งฉี่บ่อย ทั้งจี๊ดท้อง ไอ้เด็กนี่มันเอาเรื่องตั้งแต่ตัวยังไม่เท่าถั่วเขียว!
คุณแม่มือใหม่เท้าเอวมองตัวเองในกระจกห้องน้ำพลางคาดโทษเม็ดถั่วเขียวในท้องไว้ผ่านการตีหน้าท้องเบาๆ มันน่าเหลือเชื่อไม่น้อยตอนที่รู้ว่าในร่างกายของตัวเองกำลังจะมีก้อนชีวิตเล็กๆ ค่อยๆ โตขึ้น แต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกกังวลไปหมด กลัวว่าจะเผลอทำอะไรตามความเคยชินไปแล้วมันกระทบกับเจ้าก้อนปุ๋งถั่วเขียว
ก้อนปุ๋ง!
อย่าห้าวให้มากนัก!
ตะนิดลูบท้องตัวเองไปมาก่อนจะเปิดประตูออกจากห้องน้ำ พออกมาจากห้องน้ำตะนิดก็ต้องผงะเล็กน้อยเมื่อเจออัลฟ่าคู่ชีวิตยืนกอดอกรออยู่
“จ๊ากพี่ภาส ตกใจหมด!”
“หึ”
“จะเข้าห้องน้ำต่อเหรอ”
“เปล่า พอดีที่บ้านโทรมาว่าให้พาเราเข้าไปได้เลย คุณแม่เสร็จธุระเร็วน่ะ” ภาสตวัดมือโอบเอวบางไว้ก่อนจะค่อยๆ ออกแรงดันให้อีกฝ่ายก้าวขาเดิน
“พี่ภาสทวนก่อนว่าพี่ภาสมีน้องชื่ออะไรบ้างนะ”
“ภีม ภาคินแล้วก็ภูเขา”
“แล้วคุณพ่อกับคุณแม่อ่ะ”
“คุณพ่อชื่อภวัต ส่วนคุณแม่ชื่อภวิตา”
“โห... บ้านภ.สำเภาหมดเลย แล้วตะนีจะชื่อตะนีได้ไหมอ่ะ”
“...”
ก็ต้องไม่ได้อยู่แล้ว...
ต่อให้ที่บ้านเขาไม่ได้ชื่อเริ่มต้นด้วยภ.สำเภา เขาก็ไม่อนุญาตชื่อตะนีนั่นหรอก
“งั้นเป็นชื่อตะพาบไหม มีพอๆ เหมือนกัน”
“อ่า...”
“ตะพาบ ตะพด ตะ... ตะเภา ตะเภา! หนูตะเภา!”
“ไม่เป็นไร ไว้เราค่อยคิดทีหลัง” ภาสก้มตัวลงหอมหัวทุยเบาๆ ก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบกระเป๋าของคนตัวเล็กมาถือแทน แต่จะว่าไปชื่อตะเภาก็ไม่เลวเท่าไหร่ ถือว่าผ่านที่สุดเท่าที่เคยได้ยินกลุ่มชื่อตะทั้งหลายจากปากแมวดื้อ
“ตะกวด?”
“พี่ว่าเรารีบไปดีกว่า”
“ตะแกรง”
“กินนมหมีอีกสักกระป๋องไหม เดี๋ยวพี่จะได้แวะซื้อ” ภาสรีบเปลี่ยนเรื่องก่อนที่ชื่อลูกเขาจะเริ่มสร้างสรรค์ไปมากกว่านี้ ซึ่งแน่นอนว่าพอพูดเรื่องของกินตะนิดก็เบี่ยงความสนใจไปทันที
ระหว่างทางไปบ้านแห่งศูนย์รวมอัลฟ่าเลือดแท้ทำเอาตะนิดกังวลอยู่ไม่น้อย ถึงแม้อีกคนจะย้ำนักย้ำหนาว่าที่บ้านใจดีแถมยังต้องการจะเจอหน้าเขามากทั้งครอบครัวก็ตามเถอะ
แต่ครอบครัวที่ว่าจะหมายถึงครอบครัวแบบในซินเดอเรลล่ารึเปล่า!
ไอ้อยากเจอหน้านั่นมันอาจจะหมายถึงเตรียมจิกผมแกล้งแบบในละครก็ได้รึเปล่า!
ถ้าแม่พี่ภาสไล่เขาไปล้างจานจะทำไง เขาน่ะเกลียดการล้างจานที่สุดในทุกงานบ้านเลยนะ
“กัดหลอดนมเล่นทำไม” ภาสขมวดคิ้วพลางเอื้อมมือไปดึงหลอดนมออกจากปากโอเมก้าคู่ชีวิต
“พี่ภาส...”
“ไม่ต้องคิดมาก พี่บอกแล้วว่าที่บ้านพี่อยากเจอเราจะตาย”
“...”
ตะนิดลอบถอนหายใจ
เอาเถอะ เขาคงคิดมากไปเอง บ้านพี่ภาสก็คงไม่ได้น่ากลัวอะไรหรอก
จนกระทั่งรถคันหรูได้เดินทางมาถึงตัวบ้าน แมวตัวน้อยก็ถึงกับตกใจตาโตหูตั้งหางฟู
ออมอกอ... รั้วบ้านที่ว่าอลังการ ยังไม่เท่าบ้านที่ถูกดีไซน์อย่างโมเดิร์นแถมมีสระว่ายน้ำส่วนตัวประหนึ่งโปสเตอร์บ้านที่เห็นเวลาขับผ่านป้ายบนทางด่วน ตะนิดมองบ้านตาปริบๆ ก่อนจะรีบหันหน้ากลับไปทางคนขับรถ
“พี่ภาสเป็นคุณชายเหรอ!!!!”
“อะไรของเรา”
“พี่ภาสอย่าบอกนะว่าที่บ้านมีพ่อบ้านด้วย”
“มีสิ”
“จ๊าก ชื่อเซบัสเตียนรึเปล่า!!!”
“เปล่า ชื่อรุจ”
ว้า... ป้ารุจจากในเนื้อคู่ประตูถัดไปเองเหรอ
ไม่สนุกเลย คิดว่าบ้านใหญ่แบบนี้จะมีบัตเลอร์หล่อๆ แบบในหนังเสียอีก พอรถจอดนิ่ง ตะนิดก็ปลดเบลท์ออกก่อนจะลงจากรถเพื่อที่จะตาโตอีกรอบ
จ๊าก...
คลังรถสปอร์ต ทั้งเบนซ์ แลมโบ เฟอร์รารี่ บีเอ็ม โรลส์รอยซ์ พี่ภาสเป็นคุณชาย! นี่เขาตกถังข้าวเหนียวเหรอ!
“พะ พี่ภาส ทำไมรถเยอะขนาดนี้”
“รถภีมกับภาคินน่ะ สองคนนี้เล่นรถ อ้อ ภาคินเป็นนักแข่งรถด้วย เริ่มแข่งมาตั้งแต่สมัยเรียนอยู่เมกาแล้ว”
ละ เล่นรถ
ราคารถพวกนี้ไม่น่าเรียกเล่นได้แล้วรึเปล่า!!!!
“นะ น้องพี่ภาสเล่นรถแพงจัง”
“ยกเว้นภูเขานะ รายนั้นชอบมอเตอร์ไซค์”
“จ๊าก ดูคาติแหง”
“อ้อไม่ เวสป้ากับสกู๊ปปี้ไอคันนั้น” พูดจบภาสก็ยกมือขึ้นชี้ไปที่เวสป้าคันสีชมพูซีดกับสกู๊ปปี้ไอสีส้มแป๋นแหลนที่จอดอยู่แถบเดียวกับจักรยาน
อ่ะ อ่าว...
ในครอบครัวก็ยังเกิดความเหลื่อมล้ำเหรอ!!!
“ป่ะ เขาบ้านดีกว่า” ภาสใช้มือดันหลังเล็กให้ออกตัวเดิน หลังจากที่แมวดื้อมัวแต่อ้าปากค้างอยู่กับรถคันต่างๆ ของครอบครัว ส่วนตะนิดที่เพิ่งถูกเรียกสติก็รีบหันกลับมาสนใจสถานการณ์ปัจจุบันทันที
เขาว่ากันว่าเฟิร์สอิมเพรสชั่นเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด
เพราะงั้นถ้าเข้าบ้านไปเขาต้องไหว้ผู้ใหญ่อย่างสวยงามพร้อมกับรอยยิ้มแสนเป็นมิตรที่ฝึกยิ้มหน้ากระจกที่บ้านมาแล้วอย่างต่ำสิบรอบ
เมื่อเปิดเข้าบ้านมาตะนิดก็ได้แต่ตาเหลือกกับการตกแต่ง แม้จะไม่ได้มาในทรงสีทองกับแชนเดอเลียห้อยระย้าแบบในละครหลังข่าวแต่มาในทรงโมเดิร์นมินิมอล ถึงอย่างนั้นเขารู้เลยว่าเฟอร์นิเจอร์ทุกอย่างในตัวบ้านต้องแพงมากไม่แพ้ทองจ๋าในละครอย่างแน่อน
ใจเย็นๆ ไว้ก่อนโยมตะนิด
หายใจเข้าพุทธ หายใจออกคริส ทุกอย่างจะผ่านไปได้ด้วยดีถ้าเรามีสติ
กลับมาโฟกัสเฟิร์สอิมเพรสชั่นเราไว้
ไหว้สวย!
ยิ้มเป็นมิตร!
แกรนด์โอเพนนิ่ง!
“พ่อแม่ ตะนิดมาแล้วครับ” ตะนิดที่ก้มหน้าเดินตามอัลฟ่าหนุ่มต้อยๆ เงยหน้าขึ้นมองหลังจากที่ถูกแนะนำตัว ดวงตากลมปราดมองด้วยความตกใจ
คุณพ่อที่หน้าเหมือนพี่ภาสเป๊ะๆ คุณแม่พี่ภาสที่ดูเป็นฝรั่งกว่าทุกคนโดยเฉพาะผมสีน้ำตาลอ่อนนั่น ส่วนน้องชายสามคนตัวสูงปรี๊ดที่กำลังนั่งเล่นเกมนินเทนโดอยู่ที่พอหันหน้ากลับมาดูก็ทำให้เขารู้ว่าบ้านนี้ดีเอ็นเออยู่บนหน้าแบบไม่ต้องสืบ
... แต่ถึงอย่างนั้น
ด้วยกลิ่นอัลฟ่าเลือดแท้ที่ฟุ้งตีขึ้นจมูกอย่างรวดเร็วและรุนแรงทำเอาตะนิดชะงักตัวพร้อมกับดึงชายเสื้ออัลฟ่าคู่ชีวิตไว้แน่น
“ตะนิด?”
แมวดื้อมองหน้าสมาชิกครอบครัวทุกคนในบ้านหลังนี้ก่อนจะค่อยๆ กระตุกตัว ภาสเบิกตากว้างรีบหันไปดูเมื่อสัมผัสได้ถึงความผิดปกติ แต่ยังไม่ทันได้ถามคำถามออกไป ตะนิดก็ตอบให้ด้วยการกระทำ
“แหวะะะะะะะะะะ”
ของเหลวจำนวนหนึ่งกระจายตัวลงบนพื้นหินอ่อนอย่างรวดเร็วนั่นสามารถเรียกคำอุทานจากทุกคนในเหตุการณ์ได้อย่างทันที เป็นภาสที่รีบคว้าร่างเล็กไว้ก่อนจะค่อยๆ ลูบหลังปลอบ
“แมวดื้อ เป็นอะไร”
“ไม่เอา”
“อะไรนะ?”
“ไม่เอา ไม่อยู่ตรงนี้ ไม่อยู่ตรงนี้ได้ไหม” ตะนิดน้ำตาคลอเขย่าแขนเสื้ออีกฝ่ายอย่างทำตัวไม่ถูก
“ตายแล้ว น้องโอเคไหมลูก” คนเป็นแม่ของบ้านรีบออกตัวเดินเมื่อเห็นลูกสะใภ้ที่ยังไม่ทันได้ทำความรู้จักดี เปิดตัวด้วยการอ้วกโชว์กองใหญ่ แต่ทันทีที่ตะนิดได้กลิ่นอัลฟ่าอื่นเข้ามาเจ้าตัวก็รีบดึงแขนภาสไว้แน่นก่อนจะอาเจียนออกมาอีกรอบ
“ไม่เอาคนอื่น”
“แม่อย่าเพิ่งเข้ามา” ภาสกระชับกอดคนตัวเล็กไว้แน่นก่อนจะหันไปห้ามไม่ให้คนอื่นเดินเข้ามาใกล้
“อึก แหวะ” ตะนิดกำเสื้ออีกฝ่ายแน่นพลางขย้อนของเหลวออกมาอีกรอบ
“ภาส พาน้องขึ้นไปที่ห้องเราก่อนดีกว่า”
“...”
“อาการแบบนี้น่าจะเหม็นอัลฟ่า” แทนที่จะตึงเครียดแต่คนเป็นพ่อกับขำออกมาเบาๆ ทำเอาภาสที่ขมวดคิ้วต้องเงยหน้าขึ้นมอง
“เหม็นอัลฟ่า?”
จะเป็นไปได้ยังไง
... เขาก็อัลฟ่า
“เดี๋ยวลองโทรเชคหมอดูอีกทีแล้วกัน แต่พ่อว่าไม่พ้นอาการนี้หรอก” ถึงจะอยากฟังต่อแต่ด้วยความเป็นห่วงแมวดื้อในอ้อมกอดภาสเลยตัดสินใจอุ้มร่างเล็กที่ตัวเปื้อนไปด้วยคราบอาเจียนขึ้นห้องที่อยู่บนชั้นสอง พอเปิดประตูเข้าห้องมาได้ตะนิดก็รู้สึกได้ถึงความโล่ง อาการคลื่นไส้แทบจะหายไปหมด
“โอเคไหม ไปโรงพยาบาลไหม”
“อื้อ นิดโอเคแล้ว”
“ยังอยากอ้วกอยู่ไหม”
“ไม่แล้ว”
“ปวดท้องรึเปล่า อยากกินน้ำไหม ไม่สิ เดี๋ยวพี่ขอโทรคุยกับหมอก่อน มือถือ.. มือถืออยู่ด้านล่าง”
“พะ พี่ภาสนิดโอเค นิดโอเคแล้ว” ตะนิดยกมือขึ้นรั้งแขนอัลฟ่าหนุ่ม พอเห็นอีกฝ่ายกังวลออกสีหน้าชัดเจนตะนิดก็ขยับนิ้วโป้งนวดมือแกร่งที่คว้าไว้
“...”
“มะ เมื่อกี้นิดกลัว”
“...”
“แต่ตอนนี้นิดโอเคแล้ว อย่าไปไหนเลย อยู่กับนิดก่อน” น้ำเสียงออดอ้อนมาพร้อมกับใบหน้าดื้อที่เอียงซุกลงกับมือหนา ทุกอย่างทำเอาภาสทั้งใจฟูทั้งสับสนในวินาทีเดียวกัน
ใช่... ตะนิดน่ารักมาก
ไอ้ท่าทางอ้อนเหมือนลูกแมวนี่มันอันตรายจนเกือบกระตุกยิ้มกว้าง ถ้าอ้อนให้เขาซื้อบ้านด้วยท่าทางแบบนี้ก็คงจะได้มีโฉนดที่ดินเพิ่มทันทีในวันต่อมา แต่ในขณะเดียวกันเขาก็งงกับท่าทางอ้อนที่จู่ๆ ก็มาแบบไม่รู้ตัวทั้งๆ ที่เพิ่งอาเจียนหนักไปเมื่อไม่กี่นาทีก่อน
“อ่า งั้น เปลี่ยนเสื้อผ้าหน่อยแล้วกัน” ภาสทำอะไรไม่ถูกแต่พอเหลือบตาเห็นคราบอาเจียนตามเสื้อผ้าแมวดื้อเลยรีบเดินไปค้นเสื้อผ้าในตู้เสื้อผ้าของตัวเองมาให้ ซึ่งก็ได้มาเป็นฮู้ดขนาดใหญ่หนึ่งตัว เนื่องจากตะนิดคงไม่สามารถใส่กางเกงที่เขามีในบ้านนี้ได้สักตัว
ตะนิดเลือกถอดเสื้อออกทันทีกลางห้องนอนซึ่งนั่นทำเอาภาสตกใจพร้อมกับกลืนน้ำลายหนืดลงคอ แมวดื้อของเขาผิวขาวจั๊วะ ส่วนหน้าท้องยังคงยุ้ยนุ่มนิ่มเหมือนปกติ ถึงตะนิดจะเป็นคนผอมแต่ก็มีพุงยุ้ยมาอยู่แล้วตั้งแต่ต้นทำให้เขาไม่สามารถตอบได้ว่าไอ้ที่ยุ้ยอยู่มาจากที่แมวดื้อกินเยอะหรือมาจากการตั้งครรภ์ และส่วนที่ดึงสายตาที่สุดก็คงหนีไม่พ้นตุ่มสีชมพูอ่อนน่ารักนั่น...
อา...
อยากจะฟัดให้จมเตียงจริงๆ
“พี่ภาส เสื้อ”
“หืม? อ่อ อื้ม” ภาสกะพริบตาปริบๆ เมื่อถูกตะนิดเร่งให้ส่งเสื้อให้ เมื่อรับเสื้อฮู้ดไปสวมเสร็จตะนิดก็ยกยิ้มกว้าง
กลิ่นพี่ภาสเต็มไปหมดเลย ชอบจัง
ห้องก็มีแต่กลิ่นพี่ภาส เสื้อก็กลิ่นพี่ภาส
“แมวดื้อยิ้มอะไร”
“อยากนอนบนเตียงจัง” ตะนิดบ่นงึมงำก่อนจะหันตัวไปปีนเตียงขนาดคิงไซส์ที่ตั้งอยู่กลางห้องก่อนจะค่อยๆ สอดตัวเองเข้าไปในผ้าห่มกลิ่นลาเวนเดอร์ ความนุ่มฟูและกลิ่นที่คุ้นเคยบวกกับอาการล้าหลังอาเจียนติดกันหลายทีทำให้แมวดื้อเคลิ้มหลับไปในทันที
ภาสลูบกลุ่มผมฟูไปมาก่อนจะตัดสินใจลุกขึ้นลงไปหยิบมือถือเพื่อโทรเชคอาการกับหมอให้มั่นใจว่าไม่ใช่อาการร้ายแรงถึงขั้นต้องพาไปโรงพยาบาล พอได้รับการคอนเฟิร์มถึงได้ค่อยโล่งใจกลับเข้าห้องนอนมาฟัดแก้มนิ่มอีกรอบ
ตะนีครับ อย่าดื้อกับแม่เขามาก
ไม่งั้นแด๊ดจะไม่ช่วยเรื่องชื่อเราแล้วนะ
---