พิมพ์หน้านี้ - = Awkward = [ จบ / 28.7.56 / P.35 ]
CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE
Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: cn9095 ที่ 26-12-2011 15:14:11
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ สรุปข้อสำคัญดังนี้ 1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด 2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ 3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ 4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม 5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว 6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย ทำได้ แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute ได้ ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน 7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง 7.1 นิยาย 1 ตอน จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด 7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ 7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมฯทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่ http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0
Inert 1 เช้ามาโรงเรียน..มองไปก็เห็นคนที่เกลียดที่สุด เกลียดเวลามันยิ้ม มันหัวเราะ เกลียดเวลามันรายงานหน้าชั้นแล้วได้รับเสียงตรบมือพร้อมคำชม เกลียดคะแนนระดับท็อปของมัน เกลียดเวลามันเล่นกีฬาแล้วพาทีมชนะ เกลียด เกลียดทุกอย่างที่เป็นมัน หัวใจได้แต่ตะโกนร้องอัดแน่นเต็มอกไปหมด “เฮ้ย ไอ้จอห์น ไปเล่นบาสกัน” เพื่อนๆรายล้อมรอบตัวมันเต็มไปหมด เสียงพูดคุย เสียงหัวเราะ ไม่ได้อยากได้ยินเสียงเหล่านั้นเลย อยากจะอยู่คนเดียว.. อยากอยู่เงียบๆ ในที่ที่ไม่มีใครเห็น ตอนนี้ความปรารถนาก็เป็นจริงไปครึ่งหนึ่ง จะอยู่หรือไม่ ไม่มีใครเห็น ไม่มีใครสนใจ ที่ยังรบกวนจิตใจอยู่ก็คงเป็นเพราะเสียงที่วุ่นวายนี่หล่ะ “เฮ้ย อย่าผลักกูสิวะ” สิ้นเสียงนั้น ร่างทั้งร่างของเจ้าของเสียงก็หงายหลังชนเข้ากับโต๊ะผม กระติกที่ปิดฝาไม่แน่นล้มลงกับโต๊ะงานที่ทำมาสองคืน กลายเป็นกระดาษเปียกๆในชั่วพริบตา “ข..ขอโทษครับ เป็นไรหรือเปล่า” “…..” “ไอ้จอหน์ มึงไม่ต้องไปพูดกับมันหรอก ยังไงแม่งก็ไม่ตอบอยู่ดี” “ได้ไง กูทำรายงานเขาเปียกหมดเลย งานไรวะเนี่ย ไม่เคยเห็น” พูดกับเพื่อน แล้วพูดกับตัวเอง ทำไมต้องพูดในสิ่งที่ตัวเองคิดออกมาด้วย “ขอโทษนะ เราไม่ได้ตั้งใจ” “ช่างมันเหอะ” เสียงแหบแห้ง เพราะไม่ได้เปิดปากพูดคุยกับใครมานาน อยู่ในมุมที่ไม่เคยมีใครมองเห็น นานเสียจนเริ่มจะลืมวิธีพูดคุยกับคนอื่นไปเสียแล้ว “พวกมึงไปเหอะหว่ะ กูไม่ไปเล่นแล้ว” “อ้าว ได้ไงวะไอ้จอห์น ไม่มีมึง พวกกูเล่นไม่สนุกหรอก” “เราขอโทษนะ เราไม่ได้ตั้งใจจริง” “ไอ้จอห์น มึงฟังกูหรือเปล่าวะ ไอ้แว่นแม่งไม่คิดมากหรอก มันทำอันเก่าได้ อันใหม่ก็คงทำได้เหมือนกัน” “ไหงมึงพูดเหี้ยๆไรงี้วะ” ทะเลาะกันเองให้ดู อย่างกับจะเล่นละครให้ดู น่ารำคาญ โกยรายงานที่เปียกไว้เป็นกองเดียว ยกชีทหนี แต่ก็โดนคว้าข้อมือไว้ เผลอสะดุ้งทั้งตัว นานแล้ว ที่ไม่มีใครมาจับตัวแบบนี้ “อย่าพึ่งไปสิ” “แล้วจะอยู่ทำไม” “เราจะช่วยนายทำใหม่ไง” “ที่บ้านยังมีไฟล์อยู่ ก็แค่ปริ้นท์ใหม่” “ส่งเข้าเมลล์เรามาสิ เดี๋ยวปริ้นท์ใหม่ให้” “บอกว่าไม่เป็นไรไง” “ไอ้จอห์น มึงมาเหอะ กูรำคาญแม่ง ไปกัน” “มึงหยุดยุ่งกับกูซักทีเถอะ! กูทำผิด กูก็ต้องรับผิดชอบดิ” “เออๆ กูไม่ยุ่งแล้ว เสร็จมึงก็ตามมาแล้วกัน” เพื่อนกลุ่มนั้นวิ่งหายไปแล้ว แต่เขายังอยู่ ยังอยู่ตรงหน้านี้ ด้วยสีหน้าที่ราวกับเสียใจในการกระทำของตัวเองเหลือเกิน ที่แสดงออกมานี่เรื่องจริงหรือเปล่า? หรือจะเป็นแค่ละครอีกฉากกันแน่ มันจะมีคนแบบนี้บนโลกด้วยหรือไง คนที่ครบทุกด้านขนาดนั้น..แล้วจะมาสนใจคนที่แสนจะน่าเบื่อ คนที่ถูกเรียกว่าวิญญาณในห้อง.. เผลอมองใบหน้านั่น ชื่อก็บอกแล้วว่าเป็นลูกครึ่ง ผมสีออกน้ำตาลหน่อยๆ จะเห็นชัดเมื่อไปยืนกลางแดด ดวงตาสีไม้ ร่างกายสูงสมส่วน ไม่ว่ายังไง มายืนด้วยกันแล้วก็ยังรู้สึกเหมือนยืนอยู่บนโลกคนละใบอยู่ดี “หน้าเรามีอะไรติดอยู่หรอ?” “ป…เปล่า” “ชื่ออะไร ทำไมไม่เคยเห็นเลย” จะไปเคยเห็นได้ยังไง คนที่ออกจะเจิดจรัสซะขนาดนั้น แค่ยืนอยู่ใกล้ๆก็รู้สึกแสบตาแล้ว “ไผ่ อยู่ห้องหนึ่ง” “เราจอห์น ห้องสามนะ” พยักหน้าไป ไม่อยากคุยต่อ เห็นสาวๆสองสามคนมุมนู้นมองอยู่นานแล้ว ความจริงรู้ว่ามีคนมองอยู่หลายคน ไม่อยากตกเป็นเป้าสายตา “อย่าพึ่งไปสิ จดเมลล์เราไปก่อน” “จะเอาไปทำไม” “ก็ส่งไฟล์ใหม่มาให้ไง เดี๋ยวเราปริ้นท์ให้เอง” ดูท่าจะไม่ยอมรับฟังคำปฏิเสธของใครทั้งสิ้น เลยเปิดสมุด ให้จดด้วยดินสอลงไป สาวๆคงจะอยากได้หลายคน “อย่าเอาไปแจกใครหล่ะ” พูดกำชับ ดูท่าจะรู้ตัวดีว่าตัวเองก็ฮอทอยู่ไม่น้อย กลับถึงบ้าน นั่งจ้องเมลล์นั่นอยู่นาน แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ส่งไฟล์อะไรนั่นไปให้ นั่งปริ้นท์ใหม่ทั้งหมด ในห้องที่มีแต่แสงออกมาจากหน้าจอคอม พ่อตะโกนเข้ามาในห้อง “อ่านหนังสือได้แล้ว” กองหนังสือวางอยู่บนโต๊ะนั้น กองสูง ไม่อยากอ่าน เบื่อ จนไม่รู้จะอธิบายความรู้สึกนี้ออกมายังไง แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ปิดคอมพ์ ย้ายตัวขึ้นไปนั่งบนเก้าอี้ อดที่จะหดหู่กับตัวเองไม่ได้… …………………………… …………………. “ทำไมเมื่อวานนายไม่ส่งเมลล์มา?” “…ลืม” “ตั้งใจใช่ไหม?” ถ้าตอบว่าใช่ คนดีอย่างมันจะหนีไปร้องไห้หรือเปล่า เห็นผู้หญิงสองสามคนกำลังจะเดินเข้ามาหามัน เลยรีบออกห่าง “โทษทีนะ แต่เดี๋ยวต้องไปเรียนต่อแล้ว” “เรียนอะไร เคมีหรอ?” เหลือบมองหนังสือที่กอดไว้ในอก เห็นชัดขนาดนี้จะยังถามอีกทำไม “งั้นกลางวันเจอกัน” “ทำไมต้องเจอกันอีก” “เรายังไม่ได้ขอโทษนายเลย” “ขอโทษไปแล้ว และก็ไม่ได้ต้องการเพิ่ม” “อย่าปฏิเสธกันแบบนั้นสิ” ทำไมถึงได้ตื้อกันมากขนาดนี้ หันหลังกลับไป แล้วไปอยู่กับพรรคพวกที่แสนเจิดจรัสนั่นซะเถอะ อย่ามายุ่งกับคนตายซากแบบนี้เลย “…รำคาญ” เหมือนจะเห็นแววตาเสียใจอยู่ในนัยน์ตาสีไม้นั่น เป็นช่วงเวลาเดียวกัน ที่ความรู้สึกบางอย่าง ซึ่งไม่รู้ว่ามันคืออะไร ฉายพาดความเสียใจนั้น อากาศเหมือนจะเย็นลงในชั่วขณะนึง ไม่ ไม่ได้รู้สึกเสียใจที่พูดคำนี้ออกไปเลย ใช้ปลายนิ้วดันแว่นขึ้น “ขอตัวนะ” เดินตัดผ่านไปตามระเบียงที่คนเดินกันให้วุ่น คิดว่าคงจะไม่ได้เจออีก.. เพราะไม่ได้มีอะไรน่าสนใจ แถมเป็นคนเฉยชา เลยอาจจะดูเหมือนของแปลกในตาของอีกฝ่ายสินะ ถึงได้เข้ามาคุย มายุ่งด้วย แต่อีกไม่นานก็คงจะเบื่อแล้วตีจากไปเอง เหมือนกับที่หลายๆคนเคยทำ การเป็นคนน่าเบื่อ ไม่ใช่สิ่งที่อยากเป็น แต่เพราะเป็นสิ่งที่เป็น ถึงไม่รู้จะแก้ยังไง เดินตามหลังเพื่อนห้องเดียวกันไป ไม่มีใครชวนคุย ไม่มีใครตบไหล่เรียก จะมีคุยบ้างก็ตอนส่งงานหรือทำงานกลุ่ม มีประโยชน์กับเพื่อนได้แค่นี้ แต่ก็ไม่ได้อยากก้าวไปหา ไม่อยากก้าวออกจากที่ๆยืนอยู่ เพราะไม่รู้ทางข้างหน้าเป็นยังไง เลยจะไม่ก้าวออกไป กอดสมุดเคมีในแขนแน่น รู้สึกถึงความเย็นของกระดาษเพียงลำพัง.. ……………………………….. ………………………… “นี่ ร้านนี้นี่ร้านไหนหรอ” “ติดกับร้านขายน้ำ” “น่ากินจัง ขอกินสักคำได้ไหม?” “….” “ไม่ตอบแปลว่าให้นะ” “ทำไมไม่ไปนั่งกับเพื่อนตัวเอง” “ก็อยากนั่งด้วย” “ทำไม” “ไม่รู้สิ ตอนนี้ยังตอบไม่ได้ แต่แค่อยากนั่งด้วย” มันเป็นเกมอะไรหรือเปล่า เคยเห็นตามนิยายเก่าๆที่มักจะมีการแกล้งแบบนี้ประจำ มาตีสนิทเด็กสุดเฉิ่ม แต่สักวันหนึ่งก็จะหายไป ทิ้งให้เคว้งอยู่ลำพังอีกครั้ง… “เล่นพนันกับใครไว้หรือเปล่า” “หมายความว่ายังไง?” ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่เข้าใจ จึงขยายความต่อให้ “ไปพนันกับใครให้มาตีสนิทเราหรือเปล่า?” “เปล่านิ จะไปเล่นแบบนั้นทำไม มีคนเล่นอะไรแบบนั้นด้วยหรอ” “เปล่า…” “ฮะฮะฮะ คิดได้อย่างไงหน่ะ เรื่องแบบนั้น ถ้าไม่ใช่นิยายก็คงจะไม่ได้เห็นหรอก” นั่นสินะ คิดมากไปเอง แต่ไม่ว่ายังไงก็สงสัยอยู่ดี อยู่กินข้าวกลางวันด้วยกันจนหมดจาน อีกฝ่ายชวนพูดคุยตลอด น่ารำคาญ รู้สึกเหมือนโดนบุกรุกเข้ามาในพื้นที่ส่วนตัวมากเกินไปจนไม่ปลอดภัย อยากจะหนีไปให้พ้น แต่จอห์นคงจะเก่งเรื่องการสะกดรอย เดินไปไหนมาไหนในโรงเรียนที่กว้างแสนกว้างก็เจอกันเกือบทุกคาบที่ย้ายตึกเรียน ห้องสามไม่ได้อยู่ใกล้ แต่ก็ขยันพาหน้ามาให้เห็นบ่อยๆ เป็นแบบนี้อยู่หลายวัน แม้จะพูดออกไปหลายครั้งแล้วว่ารำคาญ แต่ก็ยังไม่ละซึ่งความพยายาม เพราะอะไร? เพราะอะไรกัน? พยายามใช้สมองของเด็กที่ได้รับแต่คำชื่นชมในด้านการเรียนมาตลอด แต่ก็ยังไม่เข้าใจ เรื่องแบบนี้ แม้แต่สมองก็ยังช่วยอะไรไม่ได้ หัวใจหล่ะ จะตอบได้หรือเปล่า พยายามเรียกหา แต่ดูเหมือนจะมีเพียงก้อนเนื้อที่เต้นได้ เลือดสูบฉีดเข้าและออก ไม่ได้มีไว้เพื่อเรียนรู้ความรู้สึกใดๆทั้งสิ้น บางครั้ง รู้สึกเหมือนเดินไปไหนมาไหนด้วยช่องว่างขนาดใหญ่บนตัว ที่คนอื่นมองผ่านทะลุไปได้ ความรู้สึกที่มีอยู่เต็มสิบ คิดว่าตัวเองอาจจะมีแค่หนึ่งหรือสองเท่านั้น มันทำงานได้ช้า และออกจะเฉื่อยชาเกินกว่าที่จะเข้าใจ หลับตาลงนอน ไม่ได้ฝัน ทว่าในความว่างเปล่านั้น ได้ยินเสียง เสียงที่ตัวเองรำคาญ เสียงที่ไม่อยากได้ยิน “อยากอยู่ด้วย…” เคยได้ยินคำนี้ครั้งหนึ่ง เมื่อยืนดูคะแนนอยู่หน้าห้องเคมี “อยากจะอยู่ห้องเดียวกัน..แต่คงไปเรียนห้องนั้นไม่ไหวหรอก” ผลการเรียนจะเป็นตัวชี้วัดว่าใครจะได้ไปเรียนที่ห้องหนึ่ง ห้องที่คัดแต่เด็กหัวกะทิมาเรียนด้วยกัน ไม่รู้จะพูดอะไร จึงได้แต่เงียบ ออกไป ออกไปซักที “อยากจะอยู่ข้างๆ….” เผลอหันไปมองหน้า เพราะอีกฝ่ายสูงกว่าน้อย จึงเหมือนต้องเงยหน้าขึ้นสบตา ไม่ได้รู้สึกใจเต้น อันที่จริง ไม่ได้รู้สึกอะไรทั้งนั้น สายตาว่างเปล่า จ้องมองตอบสายตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึก บางครั้ง รู้สึกได้ว่าจอห์นก็คงจะมีช่องว่างในตัวเหมือนๆกัน แต่ที่ผิดกันคงจะเป็นของเขา ที่มันขยายออกขึ้นเรื่อยๆ จนไม่มีที่พอจะใส่ความรู้สึกใดๆลงไป ผ่านไปไม่รู้ตั้งกี่วัน มีขนมมาวางบนโต๊ะพร้อมกระดาษโพสอิท “ตั้งใจเรียนนะ” เป็นคำที่ได้ยินบ่อยๆออกจากปากแม่ เต็มไปด้วยความคาดหวังที่แสนจะอึดอัด บางทีนั่นอาจจะเป็นอีกหนึ่งสาเหตุของความว่างเปล่าในตัว ยกขนมนั้นให้เพื่อนที่นั่งข้างๆ จึงทำให้ได้พูดกันเป็นครั้งแรกตั้งแต่เปิดเทอมสองมา ……………………… ………………. ทำไมต้องมาเรียนพร้อมกัน วันสุดท้ายของอาทิตย์ ไม่น่าเชื่อ ว่านี่พึ่งจะผ่านไปได้แค่อาทิตย์เดียวหลังจากที่เจอหน้ากันครั้งแรก ไม่ได้ตั้งใจหันไปมอง แต่พอเหลือบไปก็เห็นว่าอีกฝ่ายจ้องมองอยู่ เป็นสายตาที่น่าอึดอัด เพราะเวลาจ้องจะไม่ว่อกแว่กสนใจอย่างอื่น จึงรู้สึกเหมือนยืนอยู่ท่ามกลางแสงไฟที่ทุกคนจับจ้อง ได้ยินเสียงร้องแซวโห่ของพวกผู้ชาย “นั้นมันน้องกิ๊ฟไม่ใช่หรอวะ” กิ๊ฟ เพื่อนร่วมห้อง ไม่แน่ใจว่าคนไหนแต่เคยได้ยินชื่อนี้บ่อยๆ คิดว่าน่าจะสวย “จอห์น คนนี้มึงอย่าแย่งกูเลยนะ กูขอเหอะ” “เฮ้ย กูไม่ได้จีบเขาซักหน่อย” “กูเห็นเขาเข้ามาคุยกับมึง” “ทักกันเฉยๆหน่ะ” จะฟังทำไม? คิดได้อย่างนั้นก็หันกลับมาสนใจสิ่งที่อาจารย์พูด อาจจะออกสอบ เพราะฉะนั้นต้องทำ ทำให้เต็มที่ เพื่ออะไร… ตอบไม่ได้ รู้แต่ว่าเป็นหน้าที่ที่ต้องทำ ให้วิ่งอีกแล้ว ไม่อยากวิ่งอีกต่อไปแล้ว เพราะไม่ค่อยได้ออกกำลังกาย วิ่งแค่สองรอบจึงเหนื่อย โดนเพื่อนในห้องล้อว่าตุ๊ด เอาเถอะ จะเรียกยังไงก็เชิญ ได้ยินเสียงรองเท้าวิ่งตามอยู่ข้างหลัง คงจะตามมาสักพักแล้ว ไม่ได้อยากหันกลับไปมอง “เหนื่อยหรอ?” “….” “คุยกับเราหน่อยสิ” “ทำไมต้องคุย…อาจารย์..ให้วิ่ง ไม่ได้ให้คุย” “ใจร้ายจัง” “เลิกยุ่งซักที” “ทำไมถึงชอบไล่เราอยู่เรื่อย” จอห์นเร่งเท้าขึ้นมาวิ่งคู่กัน อยากวิ่งหนี แต่ไม่มีแรงพอ เพราะถูกชวนคุย เลยยิ่งเหนื่อยขึ้นไปอีก หยุดวิ่งก็ไม่ได้ เสียงนกหวีดไล่ตามหลังมา “หน้าซีดๆนะ” “ไม่ได้..เป็นอะไร” แดดร้อนกว่าปกติ รู้สึกเหมือนพระอาทิตย์จะขยายขนาดขึ้น… “เฮ้ย! ไผ่” เสียงที่แสนจะเกลียดดังขึ้นมาในความคิด ก่อนที่จะรู้สึกเหมือนโลกทั้งใบ ดับวูบลง.. …………………………………. ………………………. ได้ยินเสียงบางอย่าง ตึก ตึก ตึก เหมือนเสียงหัวใจ.. ลืมตาขึ้นมา แนบหลังของอีกฝ่ายอยู่ มองจากมุมนี้เห็นแค่ผม แต่ผมสีน้ำตาลแบบนี้ คงมีแค่คนเดียว ถูกแบกขึ้นหลัง แนบชิด ร่างกายที่สัมผัสกัน สร้างความรู้สึกแปลกๆ ไม่เคยใกล้กับใครแบบนี้มานานขนาดไหนแล้ว?... จำไม่ได้ “ไผ่ ได้ยินไหม?” เหมือนจอห์นจะเรียกมาแบบนี้สักพัก คงกำลังมุ่งหน้าไปที่ห้องพยาบาล “ได้ยิน” “อดทนอีกแป็ปนึงนะ จะถึงห้องพยาบาลแล้ว” “ไม่ต้อง” “…..” “ไม่ต้องไปห้องพยาบาล โอเคดี ไม่ได้เป็นอะไรแล้ว” “ให้อาจารย์เขาเช็คหน่อยเถอะ จะได้สบายใจ” ไม่ได้กังวลใจอะไร อาจจะแค่เหนื่อย ตายก็ดี แต่อย่าพิการเป็นพอ เดี๋ยวจะกลายเป็นภาระให้กับคนอื่น “ไม่ได้กังวลอะไรอยู่แล้ว” “แต่เราเป็นห่วง…” เสียงนั้นดูร้อนรน เรื่องจริงหรือเปล่า…ความรู้สึกที่แสดงอออกมาหน่ะ มันมาจากสิ่งที่เรียกว่าหัวใจใช่ไหม? ทำไม ? ผู้หญิงดังๆในโรงเรียนหลายคนก็แอบชอบอยู่ไม่ใช่หรือไง ทั้งๆที่เป็นคนเล่าเรื่องนั้นให้ฟังแท้ๆ คำว่าเป็นห่วง ซึมลึกเข้าไปในใจ… เหมือนน้ำฝนที่โปรยปรายลงบนทะเลทรายอ้างว้าง ไม่ได้สัมผัสความชุ่มช่ำแบบนี้มานาน…นานเสียจนลืมความรู้สึกนี้ไป จอห์นเดินเข้ามาในชีวิต ในช่วงเวลาสั้นๆนั้น พร้อมกับความชุ่มชื้นที่โปรยปรายลงมาในหัวใจ… “…ขอบคุณ”“เราต่างหากที่ต้องขอบคุณ…ขอบคุณนะที่ไม่ไล่เราไปอีก” ……………………………………… ……………………………. [Inert 1: complete] [24.12.54]
นายเอกคาเร็กเตอร์เหมือนการ์ตูนซักเรื่องที่เคยอ่านเลย แต่ชอบนะ เหมือนเค้าคุยกะตัวเองตลอดอ่ะ รอติดตามตอนต่อไปค่ะ
เรื่องใหม่อีกแล้ว :mc4: กว่าจะรู้ชื่อนายเอก ก็เกือบจบตอน ไผ่ระแวงมากไปหรือเปล่า จอห์นอาจจะเข้ามาด้วยความจริงใจนะ รอดูไปก่อน ถ้าไม่ดี จับมันเฉือดซะ o18
นายเอกมีปมอะไรถึงเป็นคนแบบนี้กันนะ พอจะเดาได้ในเบื้องต้นว่านิสัยเป็นคนเงียบของตัวเองทำห้ตกเป็นเรื่องพนันขันต่อของคนอื่นในการเข้าหาตัวเอง บ่อยเข้าเลยกลายเป็นทัศนคติที่ไม่ดีฝังรากลึกไป เลยพยายามปลีกตัวหนีออกไปจากสังคมมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม เข้าใจถูกมั้ยเนี่ย ให้กำลังใจหนูละลูกนะ 55555555
จริงใจกับเค้ารึเปล่า รึแค่เล่นๆวะ
เรื่องใหม่??? ..... เอานะ เรื่องโน้นพระเอกเงียบ เรื่องนี้นายเอกเงียบแทนสมดุลย์กันดี 55555 :z2:
พระเอกแบบนี้มันมักชอบทำนายเอกเสียใจ เอร้ยๆๆ แต่น้องไผ่แสดงออกบ้างก็ยังดีน้า
เรื่องนี้กลายเป็นนายเอกมีปมแทน ไผ่เริ่มจะเปิดใจให้จอห์นแล้วอ่ะดิ นายจอห์นี่เหมือนจะมาดี...หรือเปล่า? ไม่อยากมั่นใจไปก่อน เอาเป็นว่าขอสังเกตการณ์ต่อไป อ่านตอนแรกก็สนุกแล้ว รอตอนต่อนะคะ
เราชอบไผ่จัง อ่านแล้วรู้สึกเหมือนกำลังอ่านบางมุมของชีวิตตัวเอง แอบเหมือนกันจนเราตกใจ
ไผ่มีปมอะไรอยู่ในใจป่าวเนี่ย
ท่าทางคู่นี้คงเป็นปัญหาด้านจิตใจมากกว่าสินะ
เรื่องใหม่ๆ น่าอ่าน น่าลุ้นนนน ติดตามนะคะ อิอิ
นายเอกเป็นเด็กเนิีร์ดเหรอ :z2:
วะว้าวววววววววววววววววติดตามๆแต่ไผ่นี่เย็นชาชะมัด
ต้องขอบคุณจอห์นสินะ
ชอบจัง ผู้ชายมีปม เจิม
เรื่องนี้ก็ชอบ สู้ๆน๊า
เห็นชื่อคนเขียนแว๊บๆๆ แล้วนึกคุ้น นี่มันคนเดียวกับที่เขียน พี่หมอกกะตี๋น้อยนิ โอ้ว ว มีผมงานใหม่ซะด้วย ฮี่ๆๆ ไม่ผิดหวังจริงๆๆเนื้อเรื่องน่าติดตามมากครับ รออ่านตอนหน้าครับผม :กอด1:
มาสมัครเป็นเอฟซีค่ะ -...- อิ้อิ้
เจอแบบนี้แล้วสงสารนายเอกเราจัง ที่ต้องอยู่คนเดียวแบบนั้นจะรู้สึกแบบไหนนะ จอห์นก็คงคิดเหมือนกัน ถึงได้โดนไล่เท่าไหร่ก็ไม่ไปสักที ถ้าจอห์นจริงใจก็ขอให้ไผ่หวั่นไหวเร็วๆนะ
จอห์นจะมีแผนอะไรรึเปล่าเนี่ย ไม่น่าไว้ใจ o18
นายเอกเรามืดมนจัง 5555
Inert 2 รู้สึกบรรยากาศในโรงเรียนจะเปลี่ยนไปนิดหน่อย แต่ก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไร “หวัดดีไผ่ กินไรมายัง?” “กินมาแล้ว” “ว้า…” ทำหน้าเหมือนเสียใจ ดูก็รู้ว่าปั้นขึ้นมาเอง “อุตส่าห์เอาข้าวกล่องมาฝาก อันนี้แม่บ้านเราทำเอง อร่อยมาก” “หรอ..” พอทำเหมือนสนใจเข้าหน่อย ก็พูดนู่นพูดนี่มาไม่หยุด มองจากสายตาเหมือนจะดูเป็นผู้ใหญ่ ทำตัวเป็นสุภาพบุรุษที่คอยจะเอาแต่ปกป้องคนอื่นไปทั่ว แต่บางครั้งก็มีมุมเด็กๆแสดงออกมา “เดี๋ยวเราเดินไปส่ง” “ไม่ต้องหรอก...” “ไผ่” พอถูกเรียกชื่อแบบนี้ เลยไม่รู้จะห้ามยังไง กระเป๋าถูกแย่งไปถือ “แบกอะไรมา หนักแบบนี้” โดนรื้อกระเป๋าต่อหน้าต่อตา แต่ไม่ห้าม เพราะรู้ว่าห้ามยังไงก็ไม่มีประโยชน์ “แบกมาแบบนี้ทุกวันไม่หนักหรอ?” “ชินแล้ว…” “แล้วนี่มาโรงเรียนยังไง” “นั่งแท็กซี่มา” “บ้านอยู่แถวไหน” พอบอกไป จอห์นก็ทำหน้าครุ่นคิด “เดี๋ยวพรุ่งนี้ เราไปรับแล้วกัน” “ไปรับ?” “แอบเอารถพ่อมาขับหน่ะ ไม่เป็นไรหรอก เราขับเก่ง” “….” “ทางเดียวกันอยู่แล้ว ไม่เป็นปัญหาเลย ตกลงนะ?” ที่เดินพูดคุยกันแบบนี้ ก็มีสายตาหลายๆคนจับจ้องอยู่ อึดอัด ไม่ชอบ ไม่ใช่ว่าตอนนี้จะจงเกลียดจงชังอะไรจอห์นมากนัก แต่ที่ไม่ชอบก็เพราะความฮอทที่มันมี กลายเป็นจุดรวมสายตาผู้คน ไม่อยากจะเข้าไปอยู่ในวงนั้น อยากกลับไปเป็นเหมือนเมื่อก่อน พอหลายๆอย่างเปลี่ยนไป เริ่มรู้สึกได้ว่าถ้าปล่อยให้เรื่องแบบนี้ยังเกิดขึ้นต่อ อาจจะถูกดึงออกมายืนกลางแสงไฟนั่นด้วยซักวัน “อย่าเข้ามาใกล้มากได้ไหม?” “หืม?” “ไม่อยากถูกจ้อง” “…..” “รำคาญสายตาคนอื่น” “แล้วรำคาญเราหรือเปล่า?” “ก็ยังรำคาญอยู่ แต่น้อยลง” “ฟังแบบนี้ก็สบายใจแล้ว” เห็นรอยยิ้มบนหน้านั้น คิดว่าอาจจะต้องหรี่ตามอง หล่อ ไม่ว่าจะมองมุมไหนก็พูดได้แต่คำนี้ ถึงจะเป็นผู้ชายเหมือนกัน ก็ยังต้องยอมรับความจริง เสื้อนักเรียนเหมือนกัน แต่พอไปอยู่บนตัวอีกฝ่าย กลับคล้ายเป็นเสื้อแฟชั่น กางเกงถูกดึงต่ำ ตัดสั้น พอดีเข่า อาจเพราะเป็นลูกครึ่งด้วย เดินไปไหนมาไหนด้วยส่วนสูงแบบนี้จึงคล้ายกับเป็นนายแบบหลุดออกมา “เคยถ่ายแบบลงนิตยสารวัยรุ่นฉบับหนึ่งหน่ะ..เขามาตื๊อเป็นเดือน เลยต้องยอม” “….” “สุดท้าย พอลองถ่ายหน้ากล้องดูครั้งหนึ่ง ครั้งต่อๆไปก็เลยตามมาเต็มไปหมด ไม่อยากปฎิเสธออกไปชัดๆ แต่บางทีก็ต้องทำเหมือนกัน” เหมือนมีเสน่ห์บางอย่างดึงดูดออกมา ยืนเฉยๆก็รู้สึก “เดี๋ยวตอนเย็นขับไปส่งบ้านนะ” “….วันนี้แม่มารับ” โกหกไป เพราะไม่อยากจะกลับด้วย พรุ่งนี้เหมือนกัน ไม่รู้จะทำยังไงดี ทุกวันนี้เข้าห้องเรียนก็ต้องเจอกับสายตาเพื่อนมองมา บางคนซุบซิบ จงใจให้ได้ยิน “ทำไมคนอย่างมันถึงไปเดินกับจอห์นวะ?” “อย่างน้อยมันก็ทำให้ได้รู้ว่า บนโลกที่มีคนหล่ออย่างไอ้จอห์น ก็ยังมีคนแบบไอ้ไผ่อยู่ด้วย” ถามตัวเอง เสียใจหรือเปล่า หัวใจไม่ยอมตอบกลับมา พักกลางวัน หยิบหนังสือติดมือ กำลังจะเดินไปโรงอาหาร ก็ถูกเรียกไว้ “ไผ่! รอก่อน คิดว่าไม่ทันซะแล้ว” วิ่งมาจากทางเดียวกับห้องเรียน “นี่วิ่งมาเต็มที่แล้วแต่ก็ยังไม่ทันอีกหรอเนี่ย” “จะทำอะไร” “จะมารับหน้าห้องเรียน” “เพื่อนไปไหนหมด” “วันนี้คิดว่าจะพาไผ่ไปนั่งกินข้าวด้วยที่โต๊ะ เพื่อนมันไม่ยอมให้เราออกมานั่งกับไผ่แค่สองคนแล้ว” “ทำไมเราต้องไปด้วย” “น่า ไปกับเราเถอะนะ” ในโต๊ะที่มีแต่เสียงดังน่ารำคาญไปหมด หนังสือที่หยิบมาก็อ่านไม่ได้ ไม่มีแม้กระทั่งที่จะวางหนังสือไว้ด้วยซ้ำ เลยวางหนังสือไว้ที่หน้าตักตัวเอง เพื่อนๆจอห์นนั่งเต็มไปหมด อย่างตอนนี้ก็ถูกเบียดประกบ จอห์นนั่งอยุ่ข้างๆ รู้สึกถึงอุณหภูมิร่างกายผ่านเนื้อผ้า ร้อน… “เฮ้ยไผ่ เราจีนนะ” “…สวัสดี เราไผ่” “พูดได้จริงๆหรอวะ? ไอ้จอห์น มึงทำได้ไงวะเนี่ย” “กูไม่ได้ทำอะไรซักหน่อย” “เช้ดดด พ่อยอดชาย มึงทำให้วิญญาณแว่นพูดได้หว่ะ” “ทำไมเรียกไผ่เขาแบบนี้หว่ะ เขามีชื่อ เรียกเขาดีๆดิ ทิวไผ่ ชื่อทิวไผ่” “โหย ไอ้จอห์น ไม่ค่อย สาวๆมึงไปไหนหมดล่ะ” “สาวเหี้ยไร ไม่มีโว้ย” ถูกหยิบยกขึ้นมาพูดเหมือนเป็นหนึ่งในบรรดาสาวๆเหล่านั้น ผู้ชายเหมือนกัน .. ทำไมถึงคิดอะไรแบบนั้นนะ อย่างมาก ความสัมพันธ์ที่ให้ได้มากที่สุด…ก็คือเพื่อน จะได้ใช้คำว่าเพื่อนกับคนๆนี้หรือเปล่า? คนที่มีแต่รอยยิ้มอยู่บนนั้น คนที่สดใสราวกับพระอาทิตย์เสียขนาดนี้… คำถามที่มีแต่เวลาเท่านั้นที่จะตอบได้.. ……………………………. ……………………. เสียงทุบประตูดังเข้ามาในความคิดขณะที่ติดกระดุมอยู่ เดินออกไปเปิดประตูห้องก็เห็นแม่ทำหน้าเบื่อๆ “เพื่อนแกมารับแล้ว ใครกันหน่ะ ทำไมช่วงนี้มารับทุกวัน” รู้ทันทีโดยไม่ต้องฟังต่อว่าเป็นใคร เดินย้อนกลับไปในห้อง หยิบกระเป๋าขึ้นสะพายที่หลัง “นี่ ตอบแม่มาสิ นั่นใคร ดูท่าจะไม่ใช่เด็กเรียนเท่าไหร่ อย่าให้เขาลากแกไปจนเสียการเรียนหล่ะ ไผ่ ไผ่! นี่ฟังแม่อยู่หรือเปล่า” “ผมได้ยินแล้วครับ” “ได้ยินอย่างเดียวไม่พอหรอกนะ ต้องจำด้วย” เสียงเสียดหูดังตั้งแต่เช้า ใส่รองเท้าอยู่ที่หน้าบ้าน เห็นรถหรูจอดอยู่นอกรั้วออกไป “ช่วงนี้กลับบ้านเย็นตลอด มัวทำอะไรอยู่ที่โรงเรียน ทำไมไม่รีบกลับมาอ่านหนังสือ” “ผมทำกิจกรรมอยู่” “กิจกรรมอะไร” “งานกลุ่มที่โรงเรียน” “โกหกแม่หรือเปล่า ไผ่ ทำไมไม่ตั้งใจเรียน” “ผมตั้งใจอยู่ครับ…” “นี่ประชดแม่หรอ?” ไม่อยากมองหน้าแม่อีกต่อไป ก้มมองรองเท้าพละสีดำ ที่ไม่ได้สะท้อนอะไรให้เห็น ตอนนี้ทำหน้าแบบไหนอยู่กันนะ เฉยชาแบบเดิมหรือเปล่า? “ผมไปก่อนนะ” ไม่รู้ว่าพูดอะไรตามมาแต่ไม่ได้สนใจฟัง อาทิตย์ที่สองแล้ว ที่มีจอห์นมาป้วนเปี้ยนรอบตัวตลอด จากโทรศัพท์ที่มีไว้แค่รับสายพ่อแม่ ตอนนี้ก็มีอีกเบอร์หนึ่งที่โทรเข้าหาตลอดทุกครั้งที่ว่าง ไม่รู้ว่ารู้ได้ยังไงว่าตอนไหนว่าง ทุกครั้งเวลาเหมาะเจาะจนน่ากลัว ชวนคุยเรื่องไม่เป็นเรื่อง บางครั้งก็ต่างคนต่างเงียบ แต่ก็ไม่ได้วางสาย “เมื่อกี้แม่ไผ่หรอ?” “อืม” “ไผ่” หันไปมอง รถยังไม่เคลื่อนออกจากที่ จอห์นไม่ได้พูดอะไร แต่ยิ้มให้ แค่นี้ก็เหมือนสื่อสารเรื่องที่อยากพูดทั้งหมดออกมาได้ แต่ไม่ได้ยิ้มกลับ ไม่รู้จะยิ้มทำไม ในสถานการณ์แบบนี้ไม่ได้เหมาะกับการยิ้มอะไรเลย “เดี๋ยวเย็นนี้พาไปกินไอติม เอาไหม?” “ต้องรีบกลับบ้าน” “วันนี้ห้องไผ่เลิกสามโมงไม่ใช่หรอ?” “เมื่อวานกลับสี่โมงครึ่ง ก็โดนหาว่ากลับบ้านดึก” “…งั้นถ้าซื้อมากินบ้านไผ่หล่ะ ได้ไหม?” “จอห์น…ไม่ใช่ว่าอะไรหรอกนะ แต่ทำแบบนี้ไปเพื่ออะไร?” “ทำ..ทำอะไร?” “ทำดี..กับเราแบบนี้” “จะทำดีกับใครสักคน ต้องมีเหตุผลอย่างนั้นหรอ?” “…มันแปลกเกินไป” “อย่ากลัวที่จะเชื่อใจใครสิ..” บรรยากาศในรถดูจะเงียบสงบลง เสียงทุ้มนั้น เหมือนจะกล่อมให้หลงเชื่อ “ถ้ายังไม่อยากเชื่อใจใคร อย่างน้อยก็ลองดูได้ไหมไผ่? เชื่อใจผมหน่อย” พอเปลี่ยนคำเรียกตัวเอง ก็รู้สึกห้ามใจตัวเองไม่ได้ ที่จะลองเชื่อคำพูดนั้นดู สักที่ในความคิด กระซิบให้ลองเชื่อใจคนๆนี้ดูสักครั้ง…. …………………………………. ………………………… ไม่ได้มาห้างนานแล้ว เสียจนนึกภาพความวุ่นวายแบบนี้ไม่ออก ตอนนี้มันแจ่มชัดเสียจนอยากจะเดินกลับไปซะเดี๋ยวนี้ ผู้คนหลากหลายวัย หลากหลายความคิดเดินเผ่นผ่านกันไปเสียหมด เสียงพูดคุย สายตา ที่กวาดมองไปทั่ว ทำให้รู้สึกประหม่า โดนจ้อง…โดนจ้องอยู่หรือเปล่า กลายเป็นคนที่หวาดกลัวที่จะอยู่ในฝูงชน อาการแบบนี้มันกลับมาอีกแล้ว “ไผ่ ไผ่เป็นอะไรหรือเปล่า” “เปล่า” “ทำไมหน้าซีดขนาดนั้น อากาศในนี้อบไปหรอ?” “ม..ไม่” อยากอาเจียน หลับตา ก็รู้สึกเหมือนทุกสายตากำลังจ้องมอง ขาสั่นไปหมด ในสายตาเหล่านั้น ได้ยินเสียงความคิดที่ไม่รู้มีจริงหรือไม่กระซิบพูด “ดูนั่นสิ””ไอ้สี่ตาหล่ะ””จะแกล้งอะไรมันดี?” อดีต อดีตที่ยังฝังแน่น โยกประสาทจนสั่นคลอน ไม่ ไม่เอาแล้ว อย่า..อย่ามายุ่ง ทรุดตัวฮวบลงกับพื้นเย็นๆ คนแตกออกเป็นวงกว้าง รู้สึกถึงอ้อมแขนที่โอบไหล่ไว้ “ไผ่ ไผ่เป็นอะไร?” อยู่ในโรงเรียน คนวัยเดียวกัน รู้สึกเหมือนบางครั้งก็สามารถจะกลมกลืนซ่อนอยู่ในความเหมือนนั่นได้ แต่พอมาอยู่ท่ามกลางคนแบบนี้ กลับรู้สึกต่างออกไป หายใจไม่ออก.. “ไผ่!ไผ่!” ถูกโยกตัวจนสั่นไปหมด แว่นตาหลุดออก ภาพรอบตัวพล่าเลือนจนมองไม่ชัด เห็นเพียงเส้นโย้เย้ที่มีเค้าลางของรูปร่างคนเต็มไปหมด ทุกคู่สายตากำลังจับจ้องมา กลัว “ไผ่ ตั้งสติดีๆ อย่ากลัวไป ไม่มีใครจะทำร้ายไผ่หรอก” เชื่อได้ยังไง.. จะเชื่อคำพูดนี้ได้ยังไง “เชื่อจอห์นสิ…” เสียงทุ้มนั่นอุ่น ในความพร่าเลือนที่มองไม่เห็น เลื่อนกายเข้าใกล้ความอบอุ่นที่อยู่ตรงหน้า ไม่รอช้า อีกฝ่ายโอบกอดแผ่นหลังไว้จนแน่น ซุกลงกับอก ได้ยินเสียงหัวใจดังปนไปกับเสียงผู้คนรอบกาย ปลายนิ้วยังสั่น แต่รู้สึกถึงความปลอดภัยที่กลับมา เหมือนในอ้อมแขนเล็กๆนี้ โลกอีกใบที่สงบกำลังโอบล้อมไว้ “ไผ่ ไม่เป็นไรนะ ผมอยู่ตรงนี้กับไผ่…จะไม่ไปไหนแน่นอน” ถูกกล่อมด้วยคำพูดอันอ่อนโยนนั้น จนกล่องของอดีตถูกปิดลง…. ………………………………….. ……………………….. อ้าปากช้าๆ ความเย็นที่เข้ามาในปากทำให้รู้สึกตัวขึ้นอีกครั้ง ที่ปลายสายตา นัยน์ตาสีน้ำตาลกำลังจ้องมองกลับมา อ่านความคิดไม่ออก ช้อนถูกดึงออกจากปากไปแล้ว ความหวานกระจายไปทั่วโพรงปาก “หวานไปหรือเปล่า?” “ไม่ กำลังดี…” “ขอโทษนะ ที่ไม่ถามไผ่ก่อน” “ไม่ ไม่ใช่ความผิดของนาย ก็แค่…” พอเห็นสายตาที่มองกลับมาก็พูดต่อไม่ออก สงสารเหรอ หรือสมเพช “ไม่คิดว่าจะเป็นแบบนี้อีก” “เป็นอะไร? ทำไมถึงกลัวจนตัวสั่นแบบนั้น ผมตกใจหมด” “ทำไมถึงเรียกตัวเองว่าผม?” จอห์นถอนหายใจ “ก็แค่อยากจะสุภาพด้วย ฟังแล้วจะได้สบายหูไงครับ” เห็นเรียกเพื่อนก็ใช้มึงกู ยิ่งฟังเลยยิ่งรู้สึกไม่ชินหูสักที ไอศครีมควอตซ์ใหญ่อยู่ในมือของเขา ตักส่งให้กินสลับกันไป ด้วยช้อนเดียวกัน ในบ้านหลังนี้ โลกทั้งใบอยู่หลังประตูห้องนอน ไม่อยากจะเปิดประตูออกไป เหมือนกับเขตแดนศักดิ์สิทธิ ไม่ว่าใครก็ไม่อยากให้ก้าวเข้ามาในนี้ทั้งนั้น คนนี้..เป็นคนแรกที่ได้เข้ามา ในโลกแคบๆที่ออกกฏเกณฑ์ได้เองอย่างอิสระ “อยากจะทำดีกับไผ่ ให้ไผ่รู้ว่าไม่ได้อยู่คนเดียว…” “….ไผ่” แค่เรียก ก็เหมือนต้องมนต์สะกด… ใกล้ รู้สึกใกล้ จนลมหายใจรดกัน ตั้งแต่เมื่อไหร่.. ที่ช้อน ตกลงกับพื้น จนได้ยินเสียงเหล็กกระทบไม้ เพียงแค่ไม่กี่วินาทีต่อจากนั้น…ริมฝีปากรสไอศครีมก็ประกบเข้าหากัน ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากนี้ รู้แค่เพียงว่า สิ่งที่กำลังจะเกิดนั้น คงไม่อาจจะหยุดได้ง่ายๆอย่างแน่นอน.. ……………………………….. …………………………. ในรสชาติของไอศครีม มีบางอย่างที่แปลกออกไป ลิ้นพัวพันเข้าหากัน ไม่เคยจูบมาก่อน แต่ก็ไม่ได้รู้สึกงุ่มง่าม แค่ตามการนำของอีกฝ่ายไป ได้ยินเสียงเหมือนอะไรบางอย่างถูกกัด จอห์นตักไอติมด้วยช้อนที่ตกไปแล้ว ไม่ได้รังเกียจ เมื่อปากประกบกันอีกครั้ง ไอติมนั้นก็ถูกผลักเข้ามาในปาก มือถูกคว้าไปจับไว้ จูบที่ทำให้หายใจไม่ออก ถูกปล่อยออกมาหายใจไม่นาน ก็ถูกประกบริมฝีปากกลับไปใหม่ เอนตัวจนหลังชนกับเตียง เพราะนั่งอยู่ที่พื้น เมื่อถูกรุกหนักจึงถอยหลังหนี “ไผ่…” “…จะทำอะไร” “..อยากกอด” ร่างกายร้อน.. ไม่รู้ทำไม แต่คำปฏิเสธ ไม่ได้อยู่ในหัวเลยสักนิด “….ก็เอาสิ..” ถูกถอดแว่นออก มองไม่เห็น จึงรีบโผเข้าหาเงาเลือนรางตรงหน้า “เอาแว่นคืนมา…เรามองไม่เห็น” “…อย่าใส่แว่นเลยนะ อยากเห็นหน้าไผ่ชัดๆ” “…..ขอคืนเถอะ เรามองไม่เห็นจริงๆ” “แล้วแบบนี้..เห็นไหม?” ถูกประกบปากจูบอีกครั้ง ใกล้ขนาดนี้ก็ไม่เห็น เพราะเหมือนเป็นสัญชาติญาณ ที่ทำให้ต้องปิดตา กลัว… พอมองเห็นไม่ชัดก็รู้สึกกลัวขึ้นมา “…ไม่ต้องกลัวนะ ผมอยู่ตรงนี้” “อ..อย่าไปไหนนะ” “ไม่ไปไหนหรอก…” เหมือนถูกยกทั้งตัวขึ้น หลังเอนลงกับเตียง ถึงจะกลับลำตอนนี้ก็คิดว่าไม่ทันแล้ว จึงได้แต่หลับตา….ปล่อยให้อารมณ์และร่างกายพาความรู้สึกไป ……………………………………. …………………………. [Inert 2 : complete] [26.12.54]
ครอบครัวไผ่ดูเครี๊ยดเครียด
อ้ายยยยยยยยยยเลิฟซีนซะงั้น หนูไผ่มีความหลังอะไรหว่า เบื่อพ่อแม่แบบนี้จัง!
อ่านไปกลัวไปแฮะ มันเร็วจนน่าใจหาย แล้วก็ไม่มีอะไรน่าเชื่อเลยซักอย่าง (สำหรับไผ่)
แม่ไผ่มันน่านัก มาเรียนเองมั้ยคะคุณแม่!!!
ไผ่เสร็จแล้ว :laugh: แต่ก็ยังแอบไม่ไว้ในจอห์นอยู่ดี จะมีแผนอะไรมั้ยว้า :เฮ้อ:
แกอย่าฟันไผ่แล้วทิ้งนะเว่ย :angry2:
โอ มันดูเร็วจนน่ากลัว จากตอนแรกจอห์นเหมือนจะดี แต่ท่าทางไม่น่าไว้วางใจเลย จะทำน้องไผ่เสียใจมั้ยเนี่ย
มีเรื่องใหม่อีกแล้ว แต่เรื่องนี้ดูเครียดนะ
แหม่ ชีวิตหนูไผ่ดูกดดัน เหลือเกิน จอร์นเบาๆๆมือกะหนูไผ่ด้วยนะ
นายเอกเปราะบางจัง ดราม่าอย่าหนักมากนะจ๊ะ คนเขียนจ๋า :monkeysad:
เฮ้ย! แบบว่ารุกเร็วไปไวมากกก ยิ่งประกอบกับบุคลิกกับปมในใจไผ่แล้วยิ่งเกินความคาดหมาย ยังสต็อปปุอยู่ทันม้ายยย หลังจากนี้จะเป็นยังไงนี่ ไผ่เหมือนคนที่พร้อมจะระเบิดแล้วกระจายหายไปได้ง่ายๆเลย ดูนิ่งๆแต่จริงๆเปราะบางนะ แอบกลัว ครอบครัวก็กดดันอีก
อย่าทำร้ายไผ่นะ!!!!
เฮ้ยยยย คนไม่เคยมีใครมาทำดี พอเจอคนใจดีด้วยก็ใจอ่อนง่ายๆเงี้ยแหละ หวังว่าจะไม่มีปัญหาอะไรนะ :เฮ้อ:
จอห์นจะดีจริงๆหรือป่าวนะ ถ้าไม่หละก้อ หึหึ จะสาปแช่งเลย อิอิ แต่ก็นะ ล๊อกห้องอะไรหรือยังแม่เปิดมาเจอหละยุ่งเลยน๊าาาาาา
ครอบครัวไผ่จริงจังไปไหม
พ่อแม่กดดันไผ่มากไปไหม
กลัวจอห์นมันหลอกไผ่ว่ะ ฮะๆ ระแวงจัง
สงสัยในการกระทำของจอห์นอ่ะ พินอบพิเทาเกินเหตุเค้าว่าถ้าไม่ใช่คนดีจริงๆก็ต้องเป็นมิจฉาชีพ ไอ่จอห์น ห้ามฟันแล้วทิ้งนะเห้ย!
พึ่งตอนที่สองเองน่ะเว้ยยยย :serius2: อยากรู้อดีตของไผ่ และจุดประสงค์ของจอร์น
ไผ่ดูเป็นคนน่าสงสารจัง มีปมในชีวิตทั้งเรื่องครอบครัวและสังคม หวังว่าจอห์นคงไม่ได้มาหลอกกันนะ เป็นกำลังใจให้คนเขียนนะคะ ^______^
ณ จุดๆนี้ กลัวดราม่ามากคะ
รวดเร็วมาก คนอ่านตกกะใจ :a5: :a5: :a5:
อยากรู้ว่าจอห์นคิดอะไร!! เรื่องนี้มีมาม่าไม๊...ถ้ามีขอน้อยๆนะ!! :กอด1: :L2: :L2: :L2: :L2:
ด่วนนน....ต่อด่วนนนน ค้างงงงงง
จอห์นดูไม่น่าไว้ใจโคตร อย่ามาสร้างปมอะไรให้หนูไผ่เลย
กลัวใจจอห์นอ่ะ เหมือนยังไม่ใช่ มันต้องมีอะไรสักอย่างบอกไม่ถูก
*-* ตอนนี้ให้เป็นนักเขียนขวัญใจเลย เขียนจนบรรยาย เห็นภาพออกมาถึงบุคลิกของแต่ละคนเลย +ค่ะ
(http://i273.photobucket.com/albums/jj225/tangtang_jar/emoticon_012_cactus.gif)ไผ่ มันไวไปหรือเปล่า จะยอมจอห์นแล้วหรอ
บอกตรงๆ ไม่ไว้ใจจอห์นเลยอ่ะ อยู่ดีๆ เข้ามาทำดีขนาดนี้ มีแผนอะไรเปล่าฟ่ะ ถ้าคิดจะฟันแล้วทิ้ง เพราะแค่ว่าเป็นเกมส์ล่ะก็ :z6:
เงอะ สนุกดี แต่ทำไมอ่านไปมันสังหรณ์ใจแวบๆ เข้าใจอารมณ์ไผ่นะ ถ้าไอ้จอห์นฟันแล้วทิ้งนะ แกตายยยยย!!!
ไผ่เหมือนเารจัง(เฉพาะที่ต้องอยู่คนเดียวนะแบบว่ามันตรงมากกกกกกกกเลยอะกับความรู้สึกเรา บางครั้งเราก็เหมือนโดนมองว่าแปลกๆเป็นตัวประหลาดตัวตรกหรือไม่ก็ของเล่นจนบางครั้งก็ไม่อยากมีชีวิตอยู่เลย
Inert 3 ตื่นมา..เพียงลำพัง หนาว… สิ่งที่ทิ้งไว้ให้เห็นคือผ้าปูที่นอนที่ยับยู่ยี่ เปื้อนคราบสีขาวขุ่นเต็มไปหมด ไม่รู้จะจัดการยังไงด้วยตัวคนเดียว เพราะผ้าปูที่นอน แม่จะเป็นคนเอาเข้าเครื่องซัก จึงดึงผ้าปูที่นอนออกทั้งผืน ยัดเข้าไปในห้องน้ำในห้องนอนแล้วล็อกเก็บไว้ ยังไงเวลานี้คงต้องเตรียมตัวไปเรียนก่อน เจ็บสะโพก เป็นความรู้สึกเหมือนบางอย่างฉีดขาด แต่พยายามอดทน ไม่เคยรู้มาก่อนว่าระหว่างผู้ชายด้วยกันก็เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้เหมือนกัน นึกไม่ออก..ว่าเมื่อคืนเกิดเรื่องอะไรขึ้นบ้าง รู้สึกคล้ายๆกับฤทธิ์ยากล่อมประสาท ที่ทำให้ขาดสติไปช่วงหนึ่ง หลงมัวเมาไปกับสิ่งเร้า…แต่อาจจะแค่คิดไปเอง ยืนจ้องตัวเองในกระจก… คล้ายกับไปมีเรื่องชกต่อยกับใครมา ตอนนี้แว่นอยู่บนหน้า ให้ความรู้สึกโล่งใจ เมื่อคืนถูกถอดแว่นออก มองอะไรไม่ชัดสักอย่าง แม้แต่ภาพคนที่โอบกอดตัวเองไว้ยังเห็นแค่ลางๆ อาบน้ำเสร็จ แปะพลาสเตอร์ไว้ที่คอ ปิดรอยสีแดงเป็นจ้ำๆ บางรอยใหญ่ จนคิดว่าข้ออ้างยุงกัดฟังดูไม่ขึ้น ออกมานอกห้อง ดูเหมือนแม่จะสังเกตเห็น “รอยอะไรบนคอแกนะ” “ยุงกัดครับ” “เปิดหน้าต่างทิ้งไว้หล่ะสิ…บอกตั้งกี่ครั้งแล้วว่าให้ปิดหน้าต่าง” “…แม่เห็น…อีกคนไหม?” เพื่อน? ไม่กล้าพูดคำนี้ออกไป ตอนนี้ความสัมพันธ์มันอยู่ที่ตรงไหนกัน ก่อนวินาทีนี้ย้อนกลับไปเก้าชั่วโมง ยังอยู่ก่ำกึ่งระหว่างคนแปลกหน้ากับเพื่อน แล้ว ณ วินาทีหล่ะ มันเลื่อนไปอยู่ตรงไหน “กลับไปตั้งแต่เมื่อคืน ฝากบอกว่าพรุ่งนี้คงมารับไผ่ไม่ได้” “…หรอครับ” “ทำอะไรกันหน่ะ ติวหนังสือหรอ?” “ครับ” “…อย่าเสียเวลาไปกับสิ่งไร้สาระให้มากนะ ก็น่าจะรู้ว่าตอนนี้ต้องสนใจเรื่องอะไรมากที่สุด” อนาคตในรั้วมหาลัย ฟังดูน่าเบื่อ ไม่อยากจะพูดคุยต่อ จึงยกมือลาแล้วเดินออกจากบ้าน ระหว่างที่กำลังปิดประตูรั้วก็เห็นรถแท็กซี่คันนึงขับผ่านมาพอดี ไม่ได้นั่งรถแท็กซี่มาโรงเรียนเองสักพักแล้ว… ในเวลาที่ยื่นมือออกไปกวักเรียก..ก็รู้สึกถึงอะไรบางอย่างกำลังกระซิบเสียงบางเบาจนฟังไม่รู้เรื่องอยู่ในหัว ……………………….. …………………. “…ไผ่ วันนี้อยู่ช่วยทำรายงานตอนเย็นด้วยนะ” “กี่โมง” “อืม..ก็เสร็จคาบชีวะแล้วทำต่อหน่ะ..” “บางทีเราอาจจะต้องกลับก่อน แบ่งงานมาเลยก็ดี” “เฮ้ย งานกลุ่มนะ ช่วยกันดิ” เพื่อนผู้ชายอีกคนหนึ่งยื่นหน้าเข้ามาพูด ไม่อยากจะคุยด้วย เลยหยิบหนังสือจากใต้โต๊ะขึ้นมาอ่าน ตั้งเป็นเหมือนป้อมเล็กๆกันผู้คนเหล่านั้นออกไปจากโลกตัวเอง “ถ้าพูดแบบนั้น..แบ่งงานให้เราเยอะกว่าคนอื่นก็ได้ ไม่เป็นไรหรอก” “…ไม่ใช่อะไรหรอกนะ ไผ่ พวกเรารู้สึกไม่ดีที่นายทำงานเยอะอยู่คนเดียวหน่ะ” ผู้หญิงที่จำชื่อไม่ได้ทำหน้าหงอยๆสารภาพอยู่เก้าอี้ข้างๆ ไม่ได้หันหน้าไปมอง แต่เห็นภาพนั้นผ่านกระติกน้ำแสตนด์เลสที่ตั้งอยู่บนโต๊ะ “…ไม่เป็นไรหรอก เราไม่รู้สึกอะไรอยู่แล้ว” ไม่รู้สึกอะไร…จริงๆ ชั่วขณะหนึ่ง รู้สึกถึงช่องว่างในตัวกำลังขยายขนาดขึ้นอีก.. …………………………….. …………………….. มื้อกลางวัน โรงอาหารไม่ใช่เล็กๆ ไม่ได้มองหา แต่ก็กวาดสายตาไปรอบๆ เห็นเขานั่งอยู่ตรงนั้น.. จอห์นนั่งอยู่กับกลุ่มเพื่อน เสียงดังเฮฮามาถึงตรงนี้ ตรงที่ยืนอยู่ ในมือถือช้อนกับซ้อม ดูก็รู้ว่ายังไม่มีที่นั่ง เห็นจอห์นมองมาทางนี้ เป็นเวลาสั้นๆ ก่อนจะตวัดสายตากลับไปยังโต๊ะที่ตัวเองนั่งอยู่ ไม่ได้สนใจ…มองผ่านเหมือนเป็นแค่อากาศโปร่งแสง ถึงได้ตระหนักขึ้นได้ว่า…คงจะถูกหลอกเข้าซะแล้ว ……………………………………….. …………………………. “…ไผ่ ทำอะไรอยู่” เหลือบตามองขึ้นจากกระดาษที่กำลังตัดตามรอยดินสอ จอห์นยืนอยู่ตรงนั้น ยิ้มอ่อนโยนที่ทำให้นึกถึงไอศครีมเมื่อวาน “ทำงานกลุ่ม” “หรอ มีอะไรให้ผมช่วยไหม?” “ไม่ต้อง เดี๋ยวก็จะกลับบ้านแล้ว” “จะเอาไปทำต่อที่บ้านหรอ?” ไม่ได้ตอบ แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธ ทั้งห้องเงียบกริบ มีเพียงแค่สองคนที่นั่งอยู่ตรงนี้ ดูเหมือนคนอื่นๆจะวิ่งลงไปดูคอนเสริต์ที่รุ่นพี่จัด ได้ยินเสียงมาถึงตรงนี้ น่ารำคาญ แต่เพราะว่ามือถือที่มีไม่ได้ใส่เพลงอะไรลงไปเลย จึงไม่รู้จะทำยังไง “…ตอนกลางวันเราเห็นนาย” “ห้ะ? แต่ผมไม่เห็นจะเห็นไผ่เลย” ..ไม่เห็นหรอ? จะเชื่อได้หรือเปล่า คำพูดของคนๆนี้ เงยหน้าขึ้นมามองตรงๆ ก็เห็นดวงตาสีน้ำตาลอ่อนจ้องกลับมา อ่านสายตาไม่ออก เพราะไม่มีความสามารถในเรื่องนี้อยู่แล้ว รู้ว่าตนเองเป็นพวกมองโลกในแง่ร้าย ตัดสินใครไปก่อน แต่นั้นก็เพื่อปกป้องความรู้สึกอันแสนว่างเปล่าของตนเองทั้งนั้น มือถูกคว้าไปจับ ตกใจจนทำกรรไกรในมือหล่นออก กำลังจะก้มลงเก็บ เขาก็เก็บมันให้ก่อน “เมื่อวาน ขอโทษนะที่ผมกลับไปก่อน” “…ไม่ได้เป็นอะไรอยู่แล้ว ไม่ได้รู้สึกอะไรด้วย” “หรอ…ไม่รู้สึกอะไรเลย? แต่ผมรู้สึกดีนะ” “นายเคยมีอะไรกับผู้ชายมาก่อนหรอ?” “เปล่า ไผ่คนแรก” ช่ำชอง.. ดูก็รู้ว่าผ่านมามากขนาดไหน… ผู้ชายคนแรก แต่ถ้านับสัตว์สองขาที่เรียกว่ามนุษย์ คงมากกว่าหนึ่งคนสินะ “…ทำไมไผ่ทำหน้าแบบนั้น” “เปล่า…ไม่ได้คิดอะไร” “จะกลับบ้านแล้วหรอ?” “ใช่ ไม่ต้องไปส่ง” “ทำไมเย็นชากับผมจัง” “แม่สั่งห้ามกลับดึก…แล้วแม่ก็บอกว่านายไม่น่าไว้ใจ” ข้อความข้างหลังเติมท้ายลงไปเอง อยากรู้ว่าคนตรงหน้าจะรู้สึกยังไง …หน้าเสีย สองคำที่บรรยายได้ อย่างน้อยก็คงจะรู้สึกถึงข้อความเสียดแทงที่ส่งไป ทำหน้าอึกอักพูดไม่ถูกอยู่สักพักก็ลุกตามออกมา “แม่ไผ่ไม่ได้รู้จักผมนิ ทำไมถึงพูดแบบนั้นหล่ะ?” “…นายดูเป็นคนน่าไว้ใจหรอ?” “ไผ่…ไม่เห็นความจริงใจของเราเลยหรอ?” “นายนอนกับคนที่พึ่งรู้จักกันได้ไม่ถึงอาทิตย์ แถมยังเป็นผู้ชายน่าเบื่อแบบเรา คิดว่ามันปกติไหมล่ะ” “…เพราะว่าไผ่น่าสนใจ” ทางเดินเงียบกว่าปกติ เศษกระดาษที่ตัดอยู่เมื่อกี้ ปลิวไถลตามแรงลมออกมาจากห้อง วิ่งเฉียดผ่านรองเท้าไป “…ไผ่มีสเน่ห์ในแบบของตัวเอง” “ยังไง” “บรรยายเป็นคำพูดไม่ได้” ความรู้สึกในตอนนี้.. ก็บรรยายเป็นคำพูดไม่ได้เหมือนกัน.. “…อย่าวิ่งหนีผมไปไหนเลยนะ” เหมือนจะเห็นหิ่งห้อยตัวเล็กๆในอุโมงค์ที่มืดสนิท จึงเผลอเดินตามมันไปไม่รู้ตัว… ……………………………………. …………………………. ขับรถมาส่งถึงหน้าบ้าน ก่อนลงจากรถก็ถูกดึงมือไว้ จึงต้องกลับเข้ามานั่งในรถใหม่ “เมื่อวานผมขอโทษจริงๆนะที่กลับไปก่อน พ่อโทรเรียกหน่ะ” “…อืม” “แล้วก็ขอโทษที่กลางวันไม่ได้ทักด้วยนะ” “ไม่เป็นไร…” “ไม่ได้โกรธผมใช่ไหม?” “ไม่ได้โกรธ” “ไผ่…” พอจะถามว่าอะไร ก็ถูกประกบด้วยริมฝีปาก ความรู้สึกที่ไม่เข้าใจว่าคืออะไร วิ่งผ่านจากสัมผัสของอีกฝ่าย ลงไปถึงช่องว่างที่กลางตัว เหมือนจะเห็นหิ่งห้อยอีกตัวนึง บินวนเข้ามาในอุโมงค์ที่เงียบเหงานี้ “…ไว้เจอกันพรุ่งนี้นะ” ยิ้มปิดท้าย.. แสบตาเสียจนต้องหลุบตาลง ได้แต่ปล่อยให้กรอบแว่นหนาๆบังใบหน้าของเขาออกจากการมองเห็น ………………………………….. …………………………. เช้านี้ เขามารับ แม่ยังบ่นเหมือนเดิม “นี่ ยังไม่เลิกยุ่งกับคนนี้อีกหรือไง” มองไปไม่เห็นพ่อ คงจะไปทำงานแล้ว “…ทำไมผมต้องเลิกยุ่งกับเขาด้วย” “เห็นไหม? พอไผ่คบกับเขาแล้วเป็นไง ยอกย้อนใส่แม่ นี่ เดินหนีแบบนี้หมายความว่าไง” พูดทับกลับไป ไม่สนใจฟังต่อ “ผมไปเรียนแล้วนะครับ” อีกไม่กี่วันก็จะสอบ เป็นช่วงเวลาที่รู้สึกหวั่นวิตกเหมือนมีผีเสื้อบินอยู่ในท้อง รถคันใหม่ไม่คุ้นตา พอจะได้ยินมาว่าจอห์นรวย แต่ยังไม่เชื่ออะไรง่ายๆจนได้มาสัมผัสด้วยตัวเอง มือถือก็ใช้ของใหม่ล่าสุด กระเป๋าเงิน นาฬิกา หรือแม้แต่สร้อยคอ.. จำได้ว่าคืนนั้น จ้องมองแต่สร้อยคอของเขา ที่แกว่งไปมาอยู่ตรงหน้า เป็นสร้อยรูปอะไรบางอย่าง… เป็นแค่เศษเสี้ยวความทรงจำที่ไม่ชัดเจน ในโรงเรียนที่แสนวุ่นวาย หลายๆคนไม่ได้ตระหนักถึงการสอบกลางภาคที่จะมาถึง ยังเล่นกีฬากันอย่างกับโลกนี้มีแต่ความสนุกสนาน ได้ยินเสียงลูกบาสกระทบกับพื้นก็แอบที่จะระแวงไม่ได้ กลัว กลัวลูกบาสเหล่านั้นจะกระทบเข้าแผ่นหลังอีก เผลอกระชับแว่นบนใบหน้าแน่น ไม่อยากให้หล่นแตกอีกอัน “ไผ่?” สะดุ้งตกใจ มือของเขาโอบไว้ที่ไหล่ คงจะเป็นเพราะความอุ่นเมื่อครู่ที่ดึงขึ้นมาจากความคิดประสาทๆแบบนั้น เขาขมวดคิ้ว จ้องลงมาใกล้เสียจนเห็นภาพตัวเองกำลังมองกลับ “…ไม่มีอะไร” “อย่าพูดแบบนี้สิ คราวที่แล้วกลางห้างก็ทีนึงแล้ว” “…..” กำลังจะพูดต่อ แต่พอเขาเห็นเพื่อนก็รีบขอตัววิ่งไปหา ไม่ได้รู้สึกเหมือนถูกทิ้ง แต่ยังรู้สึกถึงความอุ่นที่หัวไหล่… …เผลอเอามือเลื่อนขึ้นไปวางทับสัมผัสจางๆนั่น ท่ามกลางสนามบาสที่น่าหวาดกลัว คิดว่าอาจจะผ่านพ้นความกลัวนั่นไปได้ด้วยสัมผัสนี้.. หลับตาลง..เห็นหิ่งห้อยเพิ่มมาอีกตัวในความมืด… …………………………… …………………. [Inert 3 : complete] [25.12.54]
:L2: :L2: :L2: :L2: จอห์นจิงจังกับไผ่ป่าวเนี่ย!! อย่าแค่หลอกฟันนะ!! :กอด1:
ไผ่แลจะมีปมเยอะ แล้ว...จอห์นพูดจริงอ่ะ???
ไผ่น่าสงสารจัง :monkeysad:
อืมมมมมมมมม ขมุกขมัวดีจริงๆ จะหวานหรือจะขมกันนะ
เหมือนรอบๆตัวไผ่มีแต่หมอก รังสีของความอึมครึมแผ่ซ่าน
สงสารไผ่จัง บรรยากาศระหว่างสองคนนี้ยังคงอึมครึมแปลกๆ แต่ก็นะ ถ้าเราเป็นไผ่ เราก็คงยังไม่กล้าเปิดใจให้เหมือนกันละ อะไรๆมันยังไม่แน่นอน ยังน่าสงสัย ยังไม่มั่นใจ...
น้องต้องถูกต้มแน่เลยหว่ะ :angry2:
อ่านแล้วจุกๆ แน่นๆอยู่ในท้อง เหมือนมีเส้นมาม่าอืดอยู่เลย
ไม่กล้าเม้นต์อะไรมาก เพราะกลัวว่าจะไม่เป็นอย่างที่ใจคิด เอาเป็นว่าเอาใจช่วยทั้งไผ่และจอห์นละกัน **คนเขียนอัพไวมั่กๆ**
จะยังไงจะอะไรต่อ.... งงไปหมด
งงค่า งงกับจอห์น เอาไงกันแน่นะ ขอเคลียร์ๆ
ถ้ามันจะเป็นจุดเปลี่ยนในทางที่ดี ให้ไผ่ลืมตา มองออกไปข้างนอก กล้าทำอะไรที่ต้องการเพื่อตัวเองบ้าง แต่คนเขียนทำให้รู้สึกว่ามันน่ากลัวจริงๆ อ่านแล้วจุกเสียดมากค่ะ บวกให้กับความอึดอัดเลย
ความรู้สึกไม่มั่นคง...อืม เ้ข้าใจไผ่เลยอ่ะ อะไรที่มันเดาไม่ถูกแบบนี้มันชวนให้ระแวง มืดมน มืดมน =_=
จอนห์ดูใจเร็วด่วนได้ไปนะผมว่า ยังไงก็แล้วแต่ค่อนข้างนับถือน้องไผ่นะครับ :กอด1: กือแบบปกติ นายเอกพอเสียตัวแล้วจะไม่ระแวงขนาดนี้ น้องแข็งมาก
ขอให้น้องไผ่เจอหิ่งห้อยเป็นฝูงๆเลยค่ะ
จอร์นนี่ทำตัวแปลกๆๆแฮะ ผมว่าดูไม่น่าไว้ใจ+ไม่น่าเชื่อถือ ยังไงก็ไม่รู้ จริงจังกะไผ่ปะเนี่ย หวังว่าคงไม่ได้คิดมาเล่น อะไรแผลงๆๆกะหนูไผ่นะ
จอห์นมันจิงใจกะไผ่ป่ะเนี่ย หรือว่าแค่หรอก
ดูอีตาพระเอกไม่น่าไว้ใจเลย :เฮ้อ: เซ็งพระเอก
บรรยากาศดูอึมครึม เหมือนปกคลุมไปด้วยหมอก แต่มีเสน่ห์ในตัว ถ้าเราเป็นไผ่ เราจะรู้สึกระแวง ใจหนึ่งเราคงอยากตีตัวออกห่างจอห์น แต่สุดท้ายแล้วเราก็คงถูกจอห์นใช้ความอบอุ่นหลอกล่อเราออกมาจากที่ที่แสนหนาวแต่ปลอดภัย เข้าไปสู่กองไฟ
สรุปจอห์นจะเอายังไงกับไผ่กันแน่ :sad4:
ความรู้สึกที่อ่าน ถ้าคนแต่งอยากให้รู้สึกคลุมเคลือ ขมุกขมัว คนแต่งทำสำเร็จ รู้สึกอย่างนั้นจริงๆ และเดาทางไม่ออกเลย :really2:
เหมือนว่าจอห์นจะไม่ใช่พระเอก ไม่รู้ดิตอนกลางวันเราว่าเห็นไผ่แน่ๆแต่เมิน??
(http://i273.photobucket.com/albums/jj225/tangtang_jar/yenta4-emoticon-0041.gif)ตกลงจอห์นมันไว้ใจได้ไหมเนี่ย เป็นไปได้หรอที่จะไม่เห็นไผ่ (http://i273.photobucket.com/albums/jj225/tangtang_jar/024.gif)กลางคืนนอนด้วยกัน กลางวันมองไม่เห็น วันก่อนยังดั้นด้นมานั่งกินข้าวกับไผ่อยู่เลย พอวันนี้บอกมองไม่เห็น ไอ้จอห์น ตาย (http://i273.photobucket.com/albums/jj225/tangtang_jar/mimio207.gif)
โอ๊ยยยยย.....มันช่างอึสอัสสสสสส :z3:
ตามอ่าน o13
เด็กที่โดนเลี้ยงมาด้วยคำว่าตั้งใจเรียนนะ เป็นแบบนี้จริงๆ อย่างน้อยก็เราคนนึงที่เคยมีอาการคล้ายๆแบบนี้ เหอๆ
อ่านเรื่องนี้แล้วเครียด :z10: :z3: :z10: :z3:
ถ้าไผ่โดนหลอก (ซึ่งมันแลดูแล้ว เหมือนจะโดนหลอก) เค้าอ่านต่อไม่ไหวน่ะ :m15:
:z3: :z3: คนมันมีปมในใจ ถ้าจะมาแกล้งกันเอาสนุกก็อย่าเลยว่ะ เจ็บมาเยอะ แบบไผ่ดูท่าทางคล้ายจะมีโอกาสฆ่าตัวตายสูง อย่าทำแบบนั้นเลยนะะะะะะ ไม่อยากให้มันเป็นเรื่องเศร้าอ๊ะ :m15:
ไม่เชื่อใจจอห์นเลยจริงๆ หน้าใสๆ เข้ามาแบบจริงใจเกินร้อย แผล่บๆก็ได้กันซะแล้ว ไม่ใช่ว่าไผ่เริ่ม แต่จอห์นเริ่ม บอกว่าสนใจไผ่ บอกว่าไผ่มีเสน่ห์ บอกว่าไผ่เป็นผู้ชายคนแรก ไม่ใช่ว่ายึดติดกับพล็อตที่ว่าแกล้งมาทำดีหรอกนะ แต่ไม่มีอะไรสักนิดที่จะเป็นตัวยืนยันได้ว่าไอ้หมอนี่มาดี ไม่เชื่อ! ยังไงก็ไม่เชื่อ หรือว่าเราจะมองโลกในแง่ร้ายไป
ไผ่มีปมเยอะไม่ว่า แต่ถ้าจอห์นมาหลอกไผ่ จะโดนแบบนี้ :z6: :z6: ตอนแรกก็เหมือนจะจริงใจอยู่หรอก แต่พอได้แล้วหายไป ไม่มารับที่บ้าน เจอที่โรงเรียนยังทำแบบนั้นใส่อีก มันหมายความว่าไง? เห้อ... สงสารไผ่ เมื่อก่อนคงเจออะไรมาเยอะสินะ รอตอนต่อไปนะคะ มาต่อไวๆเถอะ ชอบจริงๆเลยเรื่องแอบดราม่าเนี่ย :เฮ้อ:
สุดยอด อ่านแล้วรู้สึกawkwardตามชื่อเรื่องจริงๆ ขอบคุณคนเขียนจ่ะ สนุกทุกเรื่อง :impress2:
จอห์นจะเชื่อได้จริงป่ะเนี้ยยยยยย ดูไม่ค่อยน่าไว้ใจเลย
อ่านแล้วรู้สึกหวาดระแวงกับจอหน์มาก ๆ
ความรู้สึกในใจ 80% บอกว่าจอห์นไว้ใจไม่ได้ และไม่ได้ดีอย่างที่พยายามแสดงออก ส่วนอีก 20% ที่เหลือ หวังว่าปาฏิหารย์จะมีจริง :เฮ้อ:
ครอบครัวไผ่ดูกดดันไผ่จังเลย
Inert 4 ต้องรีบกลับ.. รีบกลับไปอ่านหนังสือ ยังเหลืออีกหลายเรื่องที่ยังไม่เข้าใจชัดนัก.. ข่วงนี้อ่านหนังสือไม่เข้าหัว.. นั่นยิ่งทำให้รู้สึกกระวนกระวาย หลับตา.. หิ่งห้อยพวกนั้นบินวนเต็มไปหมด อัดแน่นในช่องว่างเปล่าในความรู้สึก บางครั้งก็เหมือนจะเห็นทางข้างหน้าอุโมงค์นั่นชัดเจนขึ้น แต่เป็นทางที่มองไม่เห็นจุดสิ้นสุด เป็นทางที่เงียบ วังเวง กลัว กลัวว่าเดินไปแล้วจะเผลอตกอยู่ในความมืด หาทางออกไม่ได้ ได้ยินเสียงเรียกของเขา ดังออกมาจากความมืดนั่น ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องเป็นเสียงของจอห์น คิดว่า คงเพราะเป็นคนเดียวที่ได้พูดด้วยเยอะขนาดนี้ มากกว่าที่พูดกับพ่อแม่เสียอีก เสียงนั้น ล่อลวงให้เดินไปตามทาง ที่แม้แต่ตนเองยังไม่มั่นใจ ตัวหนังสือตรงหน้า วิ่งลอยขึ้นมาจากกระดาษ คิดว่าคงจะอ่านต่อไม่ได้แล้ว เลยเอนตัวลงกับเตียง จ้องมองฝ้าเพดานอยู่นาน พลิกตัวลงนอนคว่ำ สูดหายใจเข้าลึกๆ..ไม่มีกลิ่นของเขาติดอยู่ที่เตียงเลยแม้แต่น้อย ในความเงียบ มีเพียงเสียงติ๊ก ติ๊ก ติ๊ก ดังซ้ำไปมา อดรู้สึกไม่ได้ว่าเสียงนาฬิกา ช่างฟังดูหว้าเหว่เหลือเกิน… ………………………………… ………………………. วันนี้วันสอบวันแรก ในหัววุ่นวาย แต่ไม่ได้มีเนื้อหาของวิชาอะไรอยู่เลยแม้แต่น้อย สองวันที่โรงเรียนให้หยุดอ่านหนังสือสอบ มีแต่เรื่องของเขาที่วนเวียนไปมาในความคิด ทำไมกัน?.. และต้องทำยังไงถึงจะหยุดความคิดนี้ได้ รู้สึกเหมือนถูกคุกคาม ไม่ปลอดภัย มองเห็นเขา..ยื่นอยู่ท่ามกลางเพื่อน พูดคุยอยู่หน้าห้องสอบ อาจจะกำลังติวอะไรกันอยู่ ข้างๆ มีผู้หญิงหน้าตาน่ารักยิ้มอยู่ที่ตรงนั้น.. ยืนอยู่ท่ามกลางแสงสว่าง ท่ามกลางสายตาของผู้คนที่จับจ้อง เป็นคนที่ดูพิเศษกว่าคนอื่นอยู่ตลอดเวลา ต่อในกวาดสายตาผ่าน ก็โดดเด่น…ไม่กล้าเดินเข้าไปใกล้มากกว่านี้ ไม่อยากให้เขาเห็นด้วยซ้ำ ว่ายังมีคนยืนมองอยู่ตรงนี้ เตือนตัวเอง…ตื่นจากความคิดเพ้อฝันอะไรนั่นได้แล้ว… ……………………………. …………………… ทำข้อสอบ เป็นครั้งแรก ที่ต้องนั่งหมุนปากกาไปมาในมือ สมองไม่ได้จดจ่อกับสิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้า เอาแต่คิดถึงหลายๆอย่างที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับสิ่งที่ต้องทำในเวลานี้หยุดคิด… หยุดคิดได้แล้ว… ยิ่งพูดกับตัวเองมากเท่าไหร่ ยิ่งเห็นใบหน้าของเขาในความคิดชัดเจนมากขึ้นเท่านั้น พอแล้ว ไม่อยากตกอยู่ในสภาพแบบนี้อีก ควบคุมตัวเองไม่ได้ บางครั้งก็รู้สึกเหมือนไม่เป็นตัวของตัวเองเวลาอยู่ใกล้ๆ อย่างตอนนี้ ก็ไม่อาจจะรวบรวมความคิดให้เป็นระเบียบได้ ปลายไส้ดินสอที่จรดลงกับกระดาษหักครั้งแล้วครั้งเล่า มองนาฬิกา เหมือนเวลาจะผ่านไปเร็วกว่าที่คิด การสอบครั้งนี้จึงเป็นครั้งแรกในชีวิต ที่ต้องฝนรหัสไปให้เต็มแผ่น ทั้งๆที่เหลือข้อยังไม่ได้คิดอีกเกือบสิบข้อ ขมวดคิ้วเดินออกมาจากห้องสอบ ข้อที่เหลือก็ใช่ว่าจะมั่นใจว่าทำได้ เพื่อนๆที่เดินออกมาหลายๆคนเริ่มจับกลุ่มพูดคุยถึงคำตอบเหล่านั้น ไม่ได้สนใจฟัง เดินฝ่าคนเหล่านั้นมา เป็นวิชาสอบวิชาสุดท้าย เสียงพูดคุยจึงมีตลอดทางที่เดินผ่าน ตอนนี้..รู้ว่ามีบางอย่างที่ต้องจัดการ …ไม่อยากควบคุมตัวเองแบบนี้ไม่ได้อีกแล้ว …………………………….. …………………. นี่เป็นครั้งแรกที่เดินไปหาเขาเอง โดยที่ยังมีเพื่อนๆของจอห์นยืนอยู่ข้างๆ “อ้าว ไผ่” มีคนจำได้…ถือเป็นเรื่องน่าแปลกใจ “จอห์น เราอยากคุยด้วย” “หืม? คุยเรื่องอะไรครับ? คุยตรงนี้ได้ไหม?” “…..” ตรงนี้เสียงดังน่าวุ่นวาย แถมยังมีหลายๆคนยืนอยู่รอบๆ เหมือนโดนโอบล้อมด้วยใครหลายๆคนที่ไม่รู้จัก สายตาหลายคู่จ้องมองมา ทำให้รู้สึกกระวนกระวาย “…ไปคุยตรงอื่นได้ไหม?” “งั้นเดี๋ยวกูมานะ..” เขาเดินนำออกมา ที่ไม่ห่างจากห้องสอบนัก เขาพิงตัวไปกับกระจกห้องเคมี เป็นจุดเดียวกันกับที่เขาพูดว่าอยากอยู่ด้วย หลายๆคนยังเดินผ่านไปผ่านมา … ยังลังเล แต่ว่าต้องพูด “…เลิกยุ่งกับเราซักทีเถอะ” เขาเลิกคิ้วขึ้น ยันตัวออกจากกระจก พอยืนเต็มความสูงแบบนี้ อดรู้สึกไม่ได้ว่ากำลังถูกข่มอยู่ “ทำไมถึงพูดแบบนั้นออกมา” “…เราไม่ชอบความรู้สึกแบบนี้” “แบบไหน? ทำไม ผมทำอะไรให้ไผ่ไม่พอใจหรอ?” “…เปล่า มันไม่ใช่ความผิดนาย…” “แล้วมันเป็นความผิดของใคร? ทำไมถึงพูดอะไรแบบนี้ออกมา” “….ไม่รู้…แต่ตอนนี้รู้สึกไม่ปลอดภัย อยากจะหยุด” หมดเรื่องที่จะพูด คิดว่าน่าจะฟังเข้าใจแล้ว พอจะหันหลังหนี ก็โดนคว้าแขนไว้ “อย่าพึ่งไปสิ..” “ปล่อย .. แม่มารอแล้ว จะกลับบ้าน” “อย่าพึ่งไปนะ…” เห็นเขาล้วงกระเป๋า หยิบมือถือที่ยังเสียบหูฟังคาไว้อยู่ เขาปล่อยมือออก ไม่ได้เดินหนี จ้องมองเขาที่กำลังกดหน้าจอมือถือ เหมือนหาอะไรสักอย่าง เขายื่นหูฟังให้ “ฟังอันนี้ก่อนนะ…ขอร้องล่ะ” เห็นคนรอบข้างเดินผ่านไปมา มอง..มองด้วยสายตาที่น่าอึดอัด เลยต้องรับหูฟังนั้นมาอย่างอดไม่ได้ “…ฟังให้จบก่อนนะ แล้วจะเดินหนีไปตอนนั้น ผมจะไม่ว่าอะไรเลย” เห็นนิ้วเขา กดลงบนหน้าจอเบาๆ เขาค่อยๆปล่อยมือออกจากข้อมือที่โดนคว้าไว้อยู่ เสียงดังขึ้น ผ่านหูฟังที่ใส่อยู่เพียงข้างเดียว ไม่ใช่เสียงดนตรี แต่เป็นเสียง…เหมือนเสียงคนพูด“….จอห์น” เสียงเสียดสีของผ้า ได้ยินเสียงเหมือนอะไรบางอย่างเคลื่อนไหว “…บ..บอกชื่อตัวเองออกมาให้ผมฟังหน่อย” “ผ..ไผ่…ไผ่..ทิวไผ่” เหมือนจะกลั้นหายใจไปสักพักหนึ่ง.. สิ่งที่ตามมาจากเสียงพูดคุยนั้น เป็นเสียงน่าอาย เป็นเสียงเฉพาะที่ฟังก็รู้ว่าคืออะไร เงยหน้าขึ้นมามองใบหน้าที่ดูทุกข์ใจเมื่อครู่ กลับเห็นรอยยิ้มบนใบหน้านั้น.. เป็นรอยยิ้มที่เห็นก็รู้สึกหนาวเย็นไปทั้งตัว รีบถอดหูฟังออก เขาไม่ได้รั้งสายหูฟังที่กำลังร่วงหล่นลงพื้น เสียงพลาสติกกระทบกับพื้น เป็นสิ่งเดียวที่ดังขึ้นมากในความคิด ก่อนที่ทุกอย่าง…จะหยุดนิ่ง ค้างอยู่ที่สภาพเดิมก่อนหน้านี้ …ถอยขาหนี อีกฝ่ายก็ก้าวขึ้นมาหนึ่งก้าวตาม อ้าปาก จะพูด แต่ไม่มีเสียงออกมา พูดอะไรไม่ออก “ความจริงก็มีคลิปด้วยนะ…อยากดูหรือเปล่า?” เข้าใจได้ในทันที ว่าทำไม ถูกถอดแว่นออกในคืนนั้น เสียงกระซิบที่พูดมานั้น เบาลง เสียจนคนที่เดินผ่านไปมาไม่ได้ยิน เข็มนาฬิกากลับมาหมุนอีกครั้ง รอยยิ้มแบบนี้..ไม่เคยเห็นมาก่อนลางสังหรณ์ของตัวเองถูกต้องชัดเจนทุกอย่าง แต่ว่าตอนนี้…ตอนที่รู้สึกตัว ก็สายเกินกว่าจะกลับไปแก้ไขอะไรแล้ว “ทำ..ทำแบบนี้เพื่ออะไร?” “นั่นสิ..ทำไปเพื่ออะไรน้า?” ไม่รู้จัก สองอาทิตย์ที่ผ่านมา นั่นเป็นแค่เปลือกนอกที่ถูกสร้างขึ้น.. คนตรงหน้าตรงนี้ กลายเป็นคนไม่รู้จัก… “…คืนนั้น นายวางยาเราใช่ไหม?” “ใส่ไปกับไอศครีม ที่เลือกไอศครีมรสหวานๆเพราะยาตัวนี้มันแรงหน่อย ไม่รู้สึกเลยใช่ไหมล่ะ?” ที่ได้ยินเสียงเหมือนอะไรถูกกัดนั่น คงไม่ผิด อาจจะเป็นแคปซูลที่ถูกกัดให้แตกออก อาการที่สติรับรู้เหลือไม่ถึงครึ่ง ก็คงเป็นผลจากยานั่น ในความว่างเปล่านั้น ได้ยินเสียงอะไรบางอย่างแตกหัก.. อีกฝ่ายยื่นมือมาจับที่ต้นแขน จะดิ้นออกก็ถูกบีบไว้จนเจ็บ “…ถ้าคนทั้งโรงเรียนเห็นคลิปนี้ คงมีหลายคนเข้ามาขอทำเรื่องแบบนี้กับนายบ้างแหงๆ” เสียงนั้น…ทุ้มต่ำ เจือปนไปกับความสนุก ที่ไม่คิดจะซุกซ่อนเอาไว้ “อย่าทำ….อย่าทำเชียวนะ..” “ทำเสียงแบบนั้น…น่ารำคาญชะมัด…” ได้แต่จ้องมองเขาที่อยู่ใกล้ขนาดนี้นิ่งๆ ความคิดทั้งหมดถูกตัดออกจากสติไปจนหมด “เป็นไงล่ะ..โดนพูดคำนี้เข้าใส่บ้าง อึ้งไปเลยหรอ? ไผ่?” รังเกียจ ตอนนี้ แค่ถูกจับไว้ที่แขน ก็อยากจะอ้วกออกมา “ไม่คิดเลยนะ ว่าจะได้ใช้คลิปนี่เร็วขนาดนี้ แต่คิดว่าคนฉลาดอย่างนายก็คงจะสงสัยมาตลอด” ทั้งๆที่มีความคิดอย่างนั้นอยู่ในหัวมาโดยตลอดแท้ๆ ทำไมถึงไม่เคยเชื่อตัวเอง… “แต่ก็ดี…การทำตัวเป็นคนดีนานๆก็ไม่ใช่เรื่องที่ถนัดซะด้วย” น่าขำ หลายวันที่ผ่านมา เคยคิดว่าสัมผัสนี้เป็นสัมผัสที่แสนอ่อนโยน เคยคิดว่าคนๆนี้ แสนจะอ่อนโยนเหลือเกิน… ในโลกแห่งความเป็นจริงนี้ ไม่ได้สวยงามเหมือนที่ฝันถึง มันเน่าเฟะ เต็มไปด้วยความจริงที่หลายๆครั้งก็ยากที่จะทำใจรับได้ นี่ก็อาจจะเป็นอีกเรื่องนึง ที่สมองเข้าใจ แต่บางอย่างในตัวยังไม่ยอมรับฟัง “ใต้กรอบแว่นเฉิ่มๆนี้..ก็แรงไม่เบาเลยนะ” ต้องไป ไปที่ไหนก็ได้ ที่ๆไกลออกไปจากตรงนี้ “…ใครจะไปคิดว่าคนอย่างนาย นอนดิ้นเร่าอยู่ใต้ผู้ชาย อ้อนวอนขอซ้ำแล้วซ้ำเล่า-“ “ห..หยุดพูดซักที!!!” ฝัน นี่คงเป็นฝันร้าย รีบๆตื่นขึ้นมาสักทีสิ ทำไมถึงยังนอนไม่ตื่นอยู่แบบนี้กันเล่า แม่ แม่รีบมาปลุกซักที อยากหลุดออกจากฝันนี้ “ตัวสั่นไปหมดเลยนะ” ก่อนจะตามมาด้วยประโยค…ที่ถูกพูดซ้ำอีกครั้ง ด้วยคนๆเดิม แต่บรรยากาศที่เปลี่ยนไปทำให้คำๆนี้เป็นยิ่งกว่าคำพิพากษา ประโยคที่เคยพูดเมื่ออยู่บนทางเดินด้วยกันแค่สองคน คำที่เคยทำให้เห็นแสงสว่างในทางวังเวง เวลานี้ หิ่งห้อย…ถูกจับเด็ดปีกออก โยนลงน้ำขังตรงพื้นข้างล่างอย่างไม่ใส่ใจ แสงอ่อนๆนั้น หายไปพร้อมกับเสียง…เสียงของจอห์น“อย่าวิ่งหนีไปไหน…และอย่าคิดว่าจะหนีพ้นเชียว…” …………………………………… ………………………… [Inert 4 : complete] [25.12.54] หลายคนคงตบเข่าดังฉาด ตะโกน "กูว่าแล้ว!!" 555 ความจริงจะเขียนให้เนียนกว่านี้ก็ได้ แต่ไผ่ฉลาด นี่เป็นความคิดของไผ่ คนที่หวาดระแวงขนาดนี้ จะไม่คิดถึงกรณีเลวร้ายที่สุด ก็คงจะนิยายเกิ๊น เอาเป็นว่าแบบนี้ ลงตัวที่สุดแล้ว o13 อ่านนิยายเรื่องนี้แล้วคิดในใจ "นี่ตูคนเดียวกับคนเขียนตี๋หมอกหรอฟร่ะ คนละโลกเลย!!" ก็แหม่ จะได้สมดุลไงคัฟ? กินน้ำตาลปนมาม่าบ้าง ได้รสชาติไปอีกแบบนะ ( :z6: :z6: :z6: :z6: :z6:) :กอด1: :กอด1:
โว้ยยย เลวเหอะ!!!! ไอ้จอห์น ไอ้เลววว ทำแบบนี้ทำมายยยยยย
ชั่ว
เลว จริงๆ :z6: แต่ก็กะไว้เเล้วอ่ะนะ อยากให้ถึงตอนที่จอห์นโดนกลับมั่งอ่ะ แต่คงอีกนานใช่ม่ะ :laugh: สะใจดี ตอนนี้ต้องให้ไผ่ทนกับความขมขื่น(?)ไปก่อน o18
ป๊าดดด ซื้อหวยทำไมไม่ถูกแบบนี้บ้าง จอห์นดูเลวนะ แต่ทำแบบนี้ก็เหมาะเป็นพระเอกดี (?) แต่เชื่อว่าหนูไผ่คงไม่จนมุมใช่มั๊ย ดูน้องเค้าฉลาดดีนะ น่าติดตามมากค่ะ o13
เลววววอ่ะะะะะ สงสารน้องไผ่ อย่างนี้คงต้องให้พี่หมอกมาจัดการ
(http://i273.photobucket.com/albums/jj225/tangtang_jar/87f2bc6c.gif)ไอ้เลว นึกอยู่แล้ว ว่ามันแปลก แต่มันคงจะแปลกกว่านี้ไปเรื่อยๆ เอาหมอกกับตี๋มาลงได้แล้ว(http://i273.photobucket.com/albums/jj225/tangtang_jar/015-1.gif) แล้วเอาไอ้เลวจอห์นไปไกลๆ สงสารไผ่อ่ะ (http://i273.photobucket.com/albums/jj225/tangtang_jar/b5.gif)
นั่นไง!! ไอ้เลวจอร์น ตูว่าแล้วว่าเอ็ง(ต้องเลว ชั่ว ทราม ฯลฯ) ต้องคิดไม่ดีกะหนูไผ่ โถ่ ไอ้เมือกปลาหมึกเอ๊ย :angry2: ทำไมทำนิสัยแบบนี้ฟะ หนูไผ่เค้าอุตส่าห์ไว้ใจ หึ!! เสียความรู้สึกชะมัด :m16:
อืมม...ขอพูดอีกคน..."ว่าแล้ว"
ป้าดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด นึกอยู่แล้วว่ามันแปลกๆ ต้องมีอะไรบางอย่างแน่ๆ สงสารไผ่อ่ะ แล้วทำไมจอห์นต้องทำแบบนั้น มันต้องมีอะไรแน่ๆ แล้วมันคืออะไรละ?????? มายกอททท อยากต่ออีกกก ขอบคุณนะค่ะ แล้วมาต่ออีกน๊า
โอ้เลวเกิน รับไม่ได้
:z6: หึหึ เลวจริง ไอจอร์น โรคจิตอ่อนๆน่ะ ไผ่มันอยู่ของมันดีๆ เห้อ :เฮ้อ:
เราก็พึมพำว่า กูว่าแล้ว นะ แต่จากคำพูดอีตาจอห์นตอนขู่น้องเนี่ย ทำเราตงิดๆในใจแปลกๆ โว๊ะ บอกไม่ถูก มันเหมือน..จอห์นมันรู้อยู่แล้วอ่ะว่าน้องต้องทำแบบนี้ วันนึงน้องต้องคิดหนีมันไปแน่ๆ มันเหมือน..อั๊ย บอกไม่ถูกวึ้ย เอาเป็นว่า เราไม่ได้คิดว่าจอห์นเลวร้ายอย่างที่คิดว่าตัวเองจะคิดในตอนแรกน่ะ (เอ้า งงๆ) คือถ้าจะทำไปเอามัน เอาสนุก คงไม่รอจนถึงป่านนี้มั้ง (ถ้าเป็นเรานะ) คงเอาไปแฉตั้งแต่วันที่ได้น้องแล้ว แต่ว่า..ไม่รู้สิ รอดูไปยาวๆละกันนะ (คือเป็นคอมเม้นท์ที่อารมณ์ vague ไปต่างไปจากชื่อเรื่องเลย ฮ่าๆ)
นึกแล้วเชียวววววววววว!!! เลวมากไอ้จอห์น!! :z6: ไผ่น่าสงสารจัง!!
บัดซบมาก ไอ้จอนห์ชั่ว :z6:
ไอ้ชั่ววววววววววววววววววววววววววววว ต่อให้ทำแบบนี้เพราะกลัวไผ่จะหนี หรือเพราะรักอะไรก็แล้วแต่ เมิงก็ชั่วอยู่ดี --"
:sad4:โฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮ สงสารหนูไผ่ คนเขียนใจร้ายจัง จริงๆจะให้คนแบบไผ่หลุดกรอบ คงต้องใช้ยาแรง ต้องพบกับประสปการณ์ชีวิตแบบนี้สินะถึงจะแข็งแกร่ง (คือถ้าไม่แข็งแกร่งก็ฆ่าตัวตายกันไปเลย) แต่อ่านแล้วก็ยังคิดว่าจอห์นเป็นพระเอกอยู่ดีนะ แบบ ตอนท้ายมันเองน่ะแหละจะต้องหลงหนูไผ่หัวปักหัวปำ เอาใจช่วยหนูไผ่นะ ต้องผ่านพ้นช่วงเลวร้ายนี้ไปให้ได้ :monkeysad:
มาด้อมๆมองๆเรื่องนี้ หลังจากเห็นลงมาสักพัก ตอนแรกกะยังไม่อ่าน แต่คนเขียนใจร้ายไม่ยอมมาต่อตี๋หมอก :monkeysad: เลยแวะเข้ามา อ่านรวด เจอแจ็กพอตตอนที่สี่เลย คนอื่นไม่รู้ แต่เราตะโกน(ในใจ)ว่า ชิบ-หาย-แล้ว :z3: ก็ตงิดๆอยู่แล้วอะนะ แต่ก็ไม่อยากให้เป็นแบบนี้อยู่ดี สงสารน้องไผ่ แสงกระจ้อยร่อยจากหิ่งห้อยเพียงตัวเดียวในชีวิตดับหายไปในพริบตา :o12: แต่รู้มั้ย ในใจลึกๆแล้วก็อดตื่นเต้นไม่ได้ หึๆๆ (เปิดเผยมุมมืดในตัวเอง จงดาร์กเข้าไป ดาร์กเข้าปายยย :interest:) เอาเป็นว่าอ่านตอนล่าสุดแล้วชอบมาก อยากอ่านต่อ จากที่อ่านเข้าใจ(เอาเอง)ว่าน้องไผ่ถึงจะใสแต่ไม่ได้ซื่อ อยากรู้ว่าไผ่จะแก้ปัญหาอย่งไร พอๆ กับอยากรู้ว่าจอห์นจะทำยังไงต่อไป แล้วก็นะ คนเขียน อย่าลืมไปต่อตี๋หมอกด้วยล่ะ :impress:
จะติดตามต่อไปนะครับผม
ชอบอ่ะ! ตื่นเต้น! มันดี! เอาอีกกกกกก!!!
5555 ทำไมอ่านตอนนี้เสร็จแล้วคิดว่า กะไว้แล้วเชียว 555
ทำไมเราคิดต่างหว่า จอนห์เหมือนวางแผนไม่ให้ไผ่หนีได้โดยมีจุดประสงค์แอบแฝงมากกว่าแค่แกล้งอะไรแบบนี้อ่ะ ตื่นเต้นอ่ะ อยากอ่านต่อ o18 o18 o18 o18
สงสารไผ่ ใจร้ายมาก!!!
ว่าแล้ววววว ว่าอิจอห์นต้องมีไรอยู่ข้างใน สงสารน้องไผ่มากกก จะโดนที่บ้านว่าอะไรรึป่าวเนี่ยยย
เราว่าจอห์นต้องทำเพราะรู้ว่าไผ่ต้องทำแบบนี้ชัวร์เลยดักไว้ก่อนป่าวหว่า แต่เราว่าจอห์นไม่น่าเลวแบบนี้น้าเพราะคนเลวจริงไม่น่าแกล้งดีได้เนียนขนาดนี้อ่ะ
สงสารไผ่จัง :sad4:
นั่นไง ว่าแล้วเชียวว่าไอ้พระเอกมันนิสัยไม่ดี :angry2:
อยากให้ไผ่แก้แค้น..
คิดไว้แต่ไม่อยากเชื่อว่าจะขนาดนี้ :o12: จริงๆนั่นแหละ เพราะว่าเป็นคนเขียนตี๋กะหมอกเราเลยไม่คิด!!! หลอกกันนี่หว่า :sad4:
กูว่าแล้ว ไอ้เหี้ยนี่มันต้องตรงคอนเซ็ป ชั่วมั่วระยำ :เฮ้อ:
ประโยคเดียว ' กูว่าแล้ว '
น้องไผ่สู้ๆ
กูว่าแล้ว ทำไม มันง่ายดาย เกินไป~ ไผ่ฉลาด แต่บางเรื่องถึงสมองรับรู้และเข้าใจ มันก็หยุดความต้องการไม่ได้ คนที่หนาวเหน็บมาตลอด พอมาเจอกองไฟหลอกล่อเข้าหน่อย ก็เลยโดนทำร้ายอย่างนี้ เพราะอย่างนี้ไง เราถึงไม่ยอมรับใครเข้ามาในโลกส่วนตัวของเรา
ไป ตาย ซะ บักจ๋อนนนนนนนน
:fire:
ไอ้!!!!! ไอ้เลว!!!! สัดดานชั่ว ชั้นเกลียดแก สงสารไผ่ แม่งเอ๊ย อยากต่อยคนวะ :angry2: อยากอ่านต่อมากๆ รออ่านตอนต่อไปจ๊ะ
เลวววว่ะ คนอาไร๊จังไรฉิบ ถึงอย่างนั้นเราก็ยังคิดว่าที่ผ่านมาถึงจอห์นมันจะเข้าหาไผ่แบบแปลกๆ แต่ยอมรับว่าท่าทีและการแสดงออกอื่นๆก็ดูเป็นคนดีแบบเนียนๆเลยนะ คนเรามันจะแสดงละครได้เก่งขนาดนั้นเชียวเหรอฟระ (แต่สิ่งที่ทำให้เราเริ่มคิดว่าจอห์นมันต้องมีลับลมคมใน ไม่น่าจะมาดีอันดับแรกไม่ใช่วิธีการเข้าหาหรือท่าทีอะไร แต่เป็นคุณคนเขียนอ่ะ! ขอบอก! ฮ่าาาา) แล้วที่ทำไปนี่ ทำทำไม ไม่เข้าใจ แค่สนุก หรือมันจะมีอะไรมากกว่านั้น ไผ่แย่แล้ว เผลอเชื่อใจ(บวกโดนยา)ไปทีนี้ทีเดียวเท่ากับสร้างแผลใหม่ให้เลย ถึงแม้ไผ่จะระแวงมาก่อนแล้วก็เหอะ หิ่งห้อยตัวนั้นโดนบี้ตายไส้ทะลักไปแล้ว แง น้องผ่ายยยยย T_T
ไม่โทษจอห์น โทษคนแต่ง o18
WTFFFF !!! ว่าแล้วต้องมาแบบไม่ซื่อ แบบนี้มันเลวร้ายกว่าพนันกับเพื่อนซะอีกนะเนี่ย = = สงสาร ไผ่ T[]T
ตรูก็ว่าแล้ว เฮ้อออ เพราะอะไรเนี่ย เลวมาก :beat: :z6: ทำไปเพื่ออะไร :z3: :z3: อีกซักตอนได้ปะจ๊ะ :z2: :z2:
เซ็งจอห์นได้อีก ตอนหน้าขอเหตุผลดีๆจากจอห์นซักข้อนะคะว่า ^แกทำแบบนี้กับไผ่ทำไม^
แต่จอห์นก็เป็นพระเอกอยู่ดีใช่มั้ย (สังหรณ์)
โทษทีที่เข้ามาอ่านเรื่องนี้ช้า :m5: ถูกใจเรยหว่ะ ชอบจริง ๆ เรย dark ๆ แรง ๆ แบบนี้ อ่านแล้วให้หัวใจมันหน่วง ให้มันเจ็บปวด ให้ทุกระทมสุด ๆ จัดเต็มมาเรยเค้าชอบ :laugh5:
แอร๊ๆๆๆๆ เรื่องใหม่ ถูกใจ เลวแรงมาก บ่ะ! ว่าแล้วต้องเป็นแบบนี้ น้องไผ่เก่งอ่ะ แต่จะสู้อีตาจอห์นได้หรือเปล่า ต้องรอต่อ แอร๊ๆๆๆๆ ชอบๆๆๆๆ บทบาทนี้ดูกดดันมาก หนุ่มแว่นเฉิ่มอย่างหนูไผ่จะรอดมั้ยเนี่ย
เอาพี่หมอกของเรา(?)มาตั้งชื่อใหม่ก็ได้นะแบบนี้ :z3:
กำลังหงุดหงิดอยากหาที่ลงอยู่พอดี!!! ไอ้จอห์น :z6: ตายซะ!!! :o211: แง่งงงงง..!!! :กอด1: กอดทิวไผ่แน่นๆ :กอด1:
อยากตะโกนว่าไอ้เชี้-จอห์น แต่เหมือนมันจะหยาบไป... งั้นเอาแบบนี้ไปก่อนล่ะกัน ไอ้เลวจอห์น!! แม่งงงงงงงงงงงงงงงง :z6: :z6: มึงทำแบบนี้กับไผ่ทำไมฟ๊ะ ไผ่มันทำอะไรให้มึ๊งงงงงงงงงงงงง :z6: :z6: โอ้ยยยยยยยย!! อ่านแล้วแทบบ้า ไอ้คนดี คนอ่อนโยนอบอุ่นมันหายไปไหนแล้ว ทำไมตอนนี้มีแต่ไอ้จอห์นเลว ไอ้จอห์นชั่วโผล่มาแทน!! ปล.คนเขียนสาบานกับเค้าเดี๋ยวนี้นะว่าไอ้จอห์นมันเป็นพระเอกจริงๆอ่ะ??? :m16:
:z6: :z6: :z6: จอห์น ... เลว มากกกกกกกกกกกกกกกกกกก คือ ไม่รู้หรอกนะว่าคิดยังไงถึงทำแบบนี้ แต่มันไม่ถูกอ่ะ มีเหตุผลอะไรที่ตรงไหน ถึงต้องมาทำกับไผ่แบบนั้น ถ้าจบไม่สวย ... จะขอตามหลอกหลอน ไอ่จ้อนนนนน !!! :angry2: ปอลอ. พี่หมอกน้องตี๋น่ารัก :o8: (ไม่เกี่ยว !!)
ก็อย่างที่คนเขียนบอกนั่นแหละ 'กูว่าแล้ว!! ว่าแล้วเชียว!' ชิชะ! แม่ล่ะอยากจะแหกอกไอ้บักจอห์นจริงๆเลย ในที่สุดสันดานก็โผล่ เพราะเก็บหางไว้ไม่มิดซะแล้ว หึหึ อยากจะข่วนหน้าแล้วก็เตะมันสักทีสองทีจริงๆ ไผ่ น่าสงสารมาก คนพวกนี้มันน่ากลัวจริง สภาพไผ่ตอนนี้คงเป็นหิงห้อยที่กำลังโดนบีบตัวด้วยแรงปานกลาง ยังไม่ถึงกับไส้ทะลัก ไม่อยากจะคิดถึงครอบครัวของไผ่เลย ถ้ารู้เรื่องขึ้นมา จากหิงห้อยโดนบีบด้วยแรงปานกลางคงกลายเป็นซากหิงห้อยที่โดนบี้ตายแล้วขยี้ซ้ำด้วยปลายเท้าล่ะมั้ง แถมเรื่องมันคงยุ่งกว่าครอบครัวคนปกติ(?)สักสิบเท่าล่ะมั้งน่ะ อีกอย่างเห็นด้วยกับครอบครัวของไผ่เลยล่ะที่บอกว่า เพื่อนใหม่ที่ชื่อจอห์นของไผ่คนนี้ไม่น่าไว้ใจ ซึ่งมันก็ไว้ใจไม่ได้จริงๆ ฮึ่ย!
มาม่ามาแล้วจ้า ติดตามๆ
ไผ่ สลัดแว่นตาออกแล้วลุกขึ้นมาสู้กับไอ้จอห์นมันเร้ย ให้มันรู้ว่าเมิงทำไรกรูไม่ได้หรอก เมิงเลวมา กรูเลวกว่า :z6:
รู้สึกเหมือนอ่านเรื่องม้าของโซโห แบบที่ว่า เวลาเจอเรื่องร้ายก็ใช่ว่าจะไม่ดีเสมอไป เจอเรื่องดีก็ใช่ว่าจะมีความสุข ก็สมกับชื่อเรื่อง "มันแหม่งๆ"
ว่าแล้วเชียว แม่งงงงงง ไม่น่าจะเป็นคนดี เฮอะ แต่ก็ดีที่แสดงตัวออกมา จะได้ไม่ต้องลุ้นมาก 5555
:laugh: มันต้องเป็นอย่างนี้สินะ
เพิ่งเข้ามาอ่าน อยากบอกว่ามันมาม่ามาก ชอบจริงๆเป็นเรื่องที่ดูมืดมน แอบคิดไว้เลยว่ามันต้องเป็นแบบนี้ สงสารทิวไผ่จัง จะทำยังไงต่อละเนี่ย :m15: :เฮ้อ:
o22 o22
กำลังคิดว่าจอนห์นทำไปเพราะรู้ว่าไผ่ต้องตีจากหรือเปล่า คือถ้าไผ่ไม่มาบอกให้เลิกยุ่ง จอห์นก็จะไม่ทำแบบนี้ (คิดแง่บวกไปป่าวอ่ะ 555+) โอยอึดอัดเนอะ :เฮ้อ:
:เฮ้อ:เลว
ต้อนรับเรื่องใหม่อีกหนึ่งเรื่อง กะแล้วเชียวเรื่องมันต้องเป็นแบบนี้ แล้วไผ่จะต้องทำยังไงต่อไปเนี่ย จอห์นมันก็ที่สุดอะทำกับไผ่ได้ อยากอ่านตอนต่อไปแล้ว ปล.เรื่องนี้มันช่างแตกต่างกับ หมอก+ตี๋ จริงๆ + 1 นะคะ
คิดอยู๋ในใจว่ามันแปลกๆ แล้วก็จริงๆ ด้วย *ตบเข่า* จอห์นชั่วร้ายมาก เลว เลว เลว ชั่ว ชั่ว ชั่ว!
เดี๋ยวก็รักกันใช่มั๊ย(ปลอบตัวเอง)
Inert 5 เดินตามเสียงฝีเท้าข้างหน้าไป.. ไม่รู้ว่าจะไปไหน แต่จุดหมายปลายทาง ไม่ใช่รถแม่ที่จอดรออยู่ หรือจะพูดตรงๆ ก็ต้องบอกว่า รถแม่อะไรที่ว่านั่นไม่มีหรอก แม่ไม่ได้จะมารับ เอาเข้าจริงๆ แม่ยังขับรถไม่เป็นด้วยซ้ำ “…ไม่โทรไปหาแม่หรือไง” สะดุ้งตอนเสียงนั้นดังแทรกขึ้นมา เพราะตลอดทางก็มีแต่ความเงียบ “…โกหกสินะ” ทำไมถึงได้รู้ทุกอย่างขนาดนี้ หวาดระแวง เวลาคิดอะไรออกไป เผลอพูดออกไปด้วยหรือเปล่า ทำไมถึงได้รู้ทุกความคิด “จะอ้างอะไรอีกหล่ะ จะกลับไปอ่านหนังสือสอบ? แบบนี้ก็ฟังไม่ขึ้นเหมือนกัน” “…..” “ทำไมไม่พูด? หรือจะเป็นใบ้ไปแล้วจริงๆ” กำลังคิด คิดว่าต่อไปนี้จะทำอย่างไรต่อ คลิปภาพ คลิปเสียง อย่างไหนที่สมควรจะกำจัดทิ้งก่อน คลิปภาพสินะ เพราะมีแต่เสียง จะบอกว่าตัดต่อเสียงเอาก็ยังน่าจะพอฟังขึ้น หลังจากนั้น ก็หาใครก็ได้ที่มีอำนาจพอ ฟ้องเรื่องนี้ขึ้นมา อาจจะถูกมองด้วยสายตาคนเป็นพันๆ… …แล้วจะกล้าหรอ กล้าพอที่จะอยู่ท่ามกลางสายตาเหล่านั้นหรอ… เพราะจอห์นดัง ไม่ว่าใครในโรงเรียนนี้ก็รู้จัก ดูจากการที่ผ่านไปไหนมาไหนก็จะมีคนทักทายตลอด ยิ้มกลับด้วยรอยยิ้มแบบนั้น นั่นก็สร้างขึ้นมาใช่รึเปล่า? “….จะไปไหน” “บ้านกับโรงเรียน ชอบที่ไหนมากกว่ากัน” ไม่ว่าที่ไหนก็ไม่ชอบทั้งนั้น ไม่อยากอยู่สักที่ อยากจะหายไปให้พ้นๆ ยิ่งตอนนี้ ก็อยากจะหายไปจริงๆ “บ้าน” ถ้าตอบโรงเรียน ไม่รู้ว่าจะต้องเจออะไร สายตาคนหลายๆคู่กำลังจับจ้อง… ถ้าเป็นอย่างนั้น ที่บ้านน่าจะดีกว่า บ้านใคร? กลับมาที่รถคันเดิม อยากจะวิ่งหนีไปให้ไกลๆ แต่จากที่ดูวันนั้นแล้ว ความแข็งแรงที่ต่างกันเยอะ ยังไงก็หนีไม่พ้น เก็บแรงไว้ให้สมองคิดน่าจะดีกว่า “คงไม่ต้องเปิดประตูให้หรอกนะ” ประชดประชัน เป็นคนที่ชอบพูดจาเสียดแทงคน นี่คือตัวจริงใช่ไหม? หรือก็เป็นอีกแค่เปลือกนึงเหมือนกัน รถแล่นออกจากโรงเรียนไป รู้สึกอะไรบางอย่างในความว่างเปล่า …สิ่งนั้นเรียกว่าความกลัว …………………………………………….. …………………………….. บ้านหลังใหญ่ มีผู้คนเต็มไปหมด แต่ดูเหมือนจะเป็นแค่คนรับใช้ เพราะเห็นใส่ชุดขาวกระโปรงดำยาวจนเลยเข่า คล้ายชุดเครื่องแบบ หนีไม่ได้ ดูก็รู้ บ้านหรูขนาดที่มียามมาเปิดประตูให้ เกลียดคนรวย ยิ่งเกลียดเข้าไปใหญ่ในเวลานี้ เหลือบเห็นกล้องวงจรปิดหลายจุด น่าจะเป็นกล้องจริงที่ไม่ใช่แค่กล้องดัมมี่หลอก รั้วสูง ไม่มีทางปีนหนีออกไปได้ บางที คลิปนั้นอาจจะอยู่ในคอมพิวเตอร์ แต่เริ่มไม่คิดแบบนั้น เมื่อไม่เห็นจอห์นจะห่วงคอมพิวเตอร์สักเท่าไหร่ เดินตามเข้าไปถึงในห้องนอน ไม่รู้ว่าจะต้องเจออะไร ทำเพียงมองไปรอบๆ จะถูกฆ่าทิ้งหรือเปล่านะ ถ้าต่อสู้ออกไป ไม่รู้.. ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับคนตรงหน้า เลยไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะตอบโต้กลับมาอย่างไร แทบไม่มีของที่เป็นกระจกอยู่ในห้อง.. ไม่ดี เป็นสัญญาณที่ไม่ดีเลย เกิดอะไรขึ้นมาจะใช้อะไรป้องกันตัว ในกระเป๋า ไม่มีของมีคม ถูกคัดกรองออกหมดแล้ว แม่ไม่เคยให้พก ดูเหมือนจะรู้ว่าลูกยังมีปัญหา แต่ไม่เคยคิดแก้ไขหรือใส่ใจ ไม่อยากกลับเข้าไปอยู่ในห้องสีขาว จึงต้องคิดหาวิธีแก้ไขที่ดีที่สุด อะไรก็ได้ ที่ไม่ทำให้เกิดปัญหาตามมา เคยมั่นใจ ในความคิดของตัวเอง แต่ไม่ใช่อีกต่อไป เมื่อเจอคนที่เหนือกว่า จอห์นไม่ได้มีดีแค่หน้าตา นั่นจึงเป็นความจริงที่แสนจะน่ากลัว ชั่วเวลาที่คิด ก็ถูกผลักลงกับเตียง แว่นตาถูกดึงออก พยายามจะยื้อแล้ว แต่ก็สู้แรงอีกฝ่ายไม่ได้ ถูกนั่งทับอยู่ที่กลางตัว ดิ้นไม่หลุด ตอนนี้สถานการณ์แย่ขึ้น ได้ยินเสียงแตกของกระจก แว่นตาถูกขว้างเข้าใส่ผนัง มองเห็นไม่ชัด ปวดตา ก่อนที่ภาพจะมืดดำ ถูกยกหัวขึ้น จอห์นใช้ผ้ามัดตาไว้แน่น แม้แต่จะลืมตายังทำไม่ได้ ดิ้นขลุกขลักไปมาอยู่ใต้แรงที่กดไว้ตรงหน้าท้อง แขนถูกรวบไปกดอยู่เหนือหัว ไม่ต่างจากรอบตา ถูกมัดที่ข้อมือไว้แน่นเหมือนกัน มีแค่ที่ขายังเป็นอิสระ แต่คงทำได้แค่ถีบไปมา ไร้ประโยชน์ จึงเลือกที่จะอยู่นิ่งๆแทน พอโดนมัดข้อมือท่านี้ เลยไม่รู้จะแก้มัดได้อย่างไร ถ้ามัดแบบไขว้หลังยังพอจะหาวิธีได้ แต่ถ้ามัดแบบนี้ คงจะจบเห่ ทำยังไง.. ตอนนี้ คงต้องดูสถานการณ์ไปก่อน “คุยกันดีๆคงไม่ฟังแน่นอน ก็มีแต่ต้องทำแบบนี้เท่านั้น” “…ต้องการอะไรกันแน่” “สมองอย่างนาย…น่าจะคิดเองได้นะ” คิดไม่ได้ เพราะคิดไม่ได้จึงรู้สึกพ่ายแพ้ กลัว แต่บอกตัวเองว่าไม่กลัว ขาสั่น แต่ก็ยังทำตัวเหมือนไม่รู้สึกอะไรทั้งสิ้น “…กลัวหรอ?” เสียงนั้น ดูเยาะเย้ย พูดจากที่ที่สูงกว่า ทั้งในความเป็นจริง และความคิด เสียงนั้นบางทีก็ดูเฉียดเข้ามาใกล้ บางครั้งก็เหมือนดังมาจากที่ไกลๆ แรงกดที่ท้องหายไป ทำให้หายใจคล่องขึ้น สติทั้งหมดอยู่ที่การได้ยิน รู้สึกปั่นป่วนในท้องไปเสียหมด “ไม่…” “..อวดดีจังนะ นิสัยเย่อหยิ่งเย็นชา จริงๆแล้วเป็นคนแบบนี้อย่างนั้นหรอ” “ก็ใส่หน้ากากเข้าหากันทั้งคู่ ต่างกันตรงไหน” “จริงๆแล้ว…นายเป็นคนแบบไหนกัน?” “…ถามตัวเองไม่ดีกว่าหรือไง” น่าแปลก พูดตอบออกไปอย่างอิสระ ในความกลัวนั้น มีความรู้สึกหนึ่งที่กำลังเต้นอย่างบ้าคลั่ง เกรี้ยวกราด “คนอย่างนายมันว่างเปล่า…” รู้สึกเหมือนถูกจ้องมองเข้าไปในตา แม้จะมีผ้าสีดำกันอยู่ ชาไปทั้งตัว.. “ข้างในนั้น…มันมีอะไรอยู่หรือเปล่า? หัวใจ นายมีมันไหม?” “…นายมันบ้า” ถ้าไม่มีหัวใจ เลือดจะสูบฉีดได้ยังไง ถ้าไม่มีหัวใจ จะมีเสียงหัวใจเต้นนี่หรือ? ไม่เคยหยุดทำงาน ทำหน้าที่ของมัน ไม่มีหยุดพัก แค่นั้น…มีหน้าที่แค่นั้น.. พูดแบบนี้ต้องการจะสื่ออะไร ตีความไม่ออก ได้ยินเสียงเหมือนเครื่องอิเลกโทรนิคส์อะไรซักอย่างถูกเปิด เดาว่าเป็นอะไรก็ตามที่สามารถบันทึกภาพได้ แบล็คเมลล์อีกงั้นหรอ? ต้องทำยังไง? “….อึก” งอตัวเข้าหากัน จิกแขนเข้ากับที่นอน ทำเสียงเหมือนเจ็บปวด ไม่รู้ว่าจะฟังแล้วเชื่อหรือเปล่า เพราะปกติเวลาเจ็บ ไม่เคยจะส่งเสียงออกมา เก็บไว้คนเดียว รอจนกว่าจะหายปวดไปเอง “เล่นละครหรอไง..” “ป…ปวดท้อง” ทุรนทุราย .. เป็นยังไงกันนะ ไม่เคยเป็นมาก่อน ความรู้สึกเจ็บเจียนตายมันเป็นยังไงกัน.. เพราะมีแต่ความว่างเปล่า จึงได้แต่แสดงออกตามภาพที่เคยเห็น “อยากอ้วก…” “…เป็นอะไร” “..อึก…อื้อ..” รู้สึกเหมือนอีกฝ่ายลุกออกไปจากเตียง ไม่รู้ไปไหน แต่ก็ยังแสร้งทำเป็นปวดหัวปวดท้องไม่หยุด ได้ยินเสียงเท้าเดินเข้ามาใกล้ หัวใจเต้น ตึก ตึก ตึก ไม่ได้เต้นเร็วขึ้น แต่ก็รู้สึกว่ากังวล ฝ่ามือนั่นกดลงบนท้อง แรง แรงเสียจนคิดว่าถ้าปวดจริงๆ อาจจะร้องออกมาไม่หยุด แต่เพราะว่ามันเป็นละคร เลยไม่รู้จะทำอะไรต่อ “ไหน? ไหนบอกว่าเจ็บไง” “…..” แกล้งทำต่อก็ไม่มีประโยชน์แล้ว “ตรงไหน? ตรงนี้หรือเปล่า” น้ำหนักที่ท้องเพิ่มมากขึ้น ถูกกดแน่น จนรู้สึกอึดอัด “จะอ้วกไม่ใช่หรอไง? ทำไมไม่รู้สึกอะไรเลยหล่ะ?” เกลียด.. เกลียดที่รู้ไปซะทุกเรื่อง ทำให้กลายเป็นแค่ไอ้งั่งในสายตา “หึ เล่นละครได้แค่ระดับนี้ อย่าคิดจะลองดีกว่านะ น่าสมเพช” “ก็นายมันเก่ง หลอกคนได้ทั้งโรงเรียน” “แบบไหนกันนะ คือตัวจริง?” พูดเหมือนเป็นเรื่องสนุก “รู้ไหม? ตอนนี้มีคนเป็นพันกำลังเฝ้าดูนายกับฉันที่นอนอยู่บนเตียงนี้” “ท..ทำอะไร?” “อ่อ แล้วก็อย่าเข้าใจผิดว่าเมื่อกี้ที่ลุกออกไป คิดจะไปหยิบยาอะไรให้หรอกนะ ก็แค่ไปเปิดเว็บแคมมาก็เท่านั้น คิดว่าน่าจะถึงเวลาแล้ว” เว็บแคม… คอมพ์ที่นี่ ตอนเดินเข้ามา ไม่เห็นกล้องสักตัว “คอมพ์นายไม่มีเว็บแคม” “แล้วคิดว่าจะใช้อย่างอื่นแทนกล้องปัญญาอ่อนนั่นไม่ได้เชียวหรือไง” “…นี่ก็เรื่องโกหกใช่ไหม?” พึมพำกับตัวเอง แพ้ แพ้อีกแล้ว จะเกิดอะไรขึ้นต่อไป เป็นเรื่องที่เดาต่อไม่ยาก ไม่ใช่เด็กใสซื่อที่จะไม่รู้ ว่าคนนับพันที่ว่านั้น กำลังกระหาย..อยากเห็นอะไรกัน “เรื่องจริงต่างหากหล่ะ…ไผ่” ……………………………. ……………………… คนกำลังดูเป็นพันๆ.. นั่นเรื่องจริงหรือเปล่า สายตา ที่กำลังจับจ้องไปทุกส่วน ไม่ใช่เรื่องพูดเล่นใช่ไหม? ถูกใช้เป็นเรื่องตลก บางที พรุ่งนี้อาจจะมีคนจำได้ ไม่อยากไปไหน ไม่อยากออกจากบ้าน ไม่สิ ต้องพูดว่าอยากกลับบ้านก่อน อยากกลับ อยากกลับไปอยู่คนเดียว ในห้อง ที่เหมือนโลกทั้งใบ ไม่อยากออกมาพบเจอใคร ไม่อยากเจอใครทั้งนั้น อยากจะหายไปจากโลกนี้ เงียบๆเพียงลำพัง แรง..ไม่มากพอที่จะดิ้นหนี ในโพรงปาก มือของเขาแทรกเข้ามา แม้จะกัดนิ้วนั้นไปหลายรอบแล้ว แต่ก็ยังไม่เอาออกไปซักที รู้สึกได้ว่าเมื่อยกราม “ขืนกัดลิ้นตายไป คนที่จะลำบากก็คือฉัน เข้าใจใช่ไหม?” เวลาแบบนี้สมควรจะร้องไห้หรือเปล่า ทำไม.. ไม่รู้สึกอะไร ถูกดันไปมาตามแรงโยก ก็เท่านั้น ไม่ได้รู้สึกอะไรนอกเหนือจากนี้ เหนื่อย ไม่ใช่แค่กาย แต่เหมือนหัวใจก็เหนื่อยตาม “ไม่ดิ้นเลยหรือไง? ไม่สนุกเลย” จะทำหน้าแบบไหนกันอยู่นะ มองเห็นแต่ความมืด ไม่ว่าจะหลับตาหรือลืมตา “ทั้งๆที่วันนั้น มันส์กว่านี้แท้ๆ แต่กลับกลายเป็นตุ๊กตาตายซากซะแบบนี้ น่าผิดหวังจัง” ผ้าปิดตาถูกดึงออก ไม่อยากหันไป ไม่รู้ว่าที่ตรงนั้นมีกล้องตั้งอยู่จริงๆหรือเปล่า แต่ก็รู้สึกเหนื่อยหน่ายเกินกว่าจะหันไปมอง “Gimcrack..” ไม่รู้ว่าแปลว่าอะไร เพราะตอนนี้ เหมือนความรับรู้จะอยู่ห่างจากความเข้าใจ “…นายมันตายไปแล้ว ไผ่” เสียงนั้น คิดอะไรอยู่ถึงพูดด้วยเสียงแบบนั้น “ถึงหัวใจนายจะเต้นอยู่ แต่นายมันก็ตายไปแล้ว…” อาจจะตายไปแล้วจริงๆ…อย่างที่จอห์นพูดก็ได้ ได้ยินเสียงน้ำหยดลงไปบนผิวน้ำที่เรียบเฉย สร้างวงคลื่นกระจายออกไปทั่ว… ……………………………………. ………………………. นอนมองเพดาน ไม่ได้คิดอะไรเรื่อยเปื่อย ไม่มีอะไรในหัวสักนิด ได้ยินเสียงโทรศัพท์ร้องติดต่อกันมาหลายทีแล้ว อาจเป็นเพราะแสงอาทิตย์ที่หายไป คนโทรมาน่าจะเป็นแม่ รู้สึกถึงเสียงฝีเท้าที่เดินเข้ามาใกล้ ตวัดตาไปมอง เห็นจอห์นที่พึ่งอาบน้ำเสร็จกำลังเดินตรงมาทางนี้ แต่ก็วนกลับไปที่อื่น มองไม่ชัด เพ่งมากก็ปวดตา เลยย้ายสายตากลับไปจ้องเพดานเหมือนเดิม เห็นเป็นเพียงพื้นหลังสีขาว ดูคล้ายก้อนเมฆในท้องฟ้า “แม่นายโทรมา” ทำไมถึงได้ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้เลยนะ เมื่อยล้าไปทั้งตัว อาจจะทำให้ไม่อยากขยับ พรุ่งนี้ยังมีสอบอีก แต่รู้สึกว่าอาจจะไปไม่ไหว หัวใจ…เหมือนหยุดเต้นไปแล้ว ไม่อยากทำอะไรทั้งนั้น ไม่อยากแม้แต่จะหายใจต่อ ไม่ได้รู้สึกเศร้าจนอยากตาย แต่แค่หาเหตุผลที่จะทำให้มีชีวิตอยู่ต่อไม่เจอ ทุกวันนี้อยู่เพื่ออะไร ฝัน.. เคยฝันอะไรมาก่อนนะ? ทุกวันนี้ หลับตาลงตอนกลางคืน ไม่เคยฝันอะไร สิ่งที่พบเห็นก็มีเพียงความมืดหลังเปลือกตากับความเงียบเท่านั้น “ถ้าไม่รับก็ปิดเครื่องไปซะ รำคาญ” ฟังแล้วแต่ก็ไม่ได้ขยับตัว รู้สึกเหมือนจะถูกเหวี่ยงโทรศัพท์ขึ้นมา ไม่พยายามแม้แต่จะหา เห็นเงาพาดผ่านมา ทว่าก็ยังจับจ้องอยู่ที่ผนัง “สติแตกไปแล้วหรือไง” หันไปมองช้าๆ สีหน้าไม่ได้บอกความรู้สึกอะไร ที่เคยคิดว่ามีความว่างเปล่าในตัวอยู่เหมือนกัน ไม่น่าจะคิดผิด “ถ้าจะตายก็ออกไปตายที่อื่นซะ อย่ามานอนตายที่นี่ ขี้เกียจเก็บศพ” สายตาบ่งบอกว่าน่ารำคาญ คุ้นๆ เหมือนเคยเห็นสายตาแบบนี้มาก่อน อาจจะเป็นสายตาของแม่ เวลาเห็นผลสอบก็ได้หล่ะมั้ง ถ้าที่หนึ่งยังดีไม่พอ สิ่งต่อไปที่ต้องทำคืออะไร ไม่มีคำตอบ และก็ไม่รู้จะถามใครเหมือนกัน “ไปอาบน้ำซะ จะพาไปส่งบ้าน” ลุกขึ้นจากเตียง เจ็บ แต่ก็เป็นแค่กายเท่านั้นที่รู้สึก ใจยังเรียบเฉย ถูกคว้าแขนไว้ ไม่เข้าใจว่าทำไม หันกลับไปมอง “เลือด..” อ่อ รู้มาสักพักแล้ว ไหลยาวไปถึงต้นขา อดคิดไม่ได้ว่าเหมือนกับผู้หญิงวัยประจำเดือน “..แล้วไง” “ก็ไม่แล้วไง บอกให้รู้เฉยๆ แต่คนอย่างนายคงจะไม่ใส่ใจอะไรอยู่แล้ว บอกไว้ก่อนว่าในห้องน้ำไม่มีมีดโกน ไม่ต้องมองหา” ที่เตียงก็คงจะเลอะเหมือนกัน แต่ก็เอาเถอะ ถือซะว่า เป็นของที่ระลึก มีอ่างอาบน้ำ แต่ก็ไม่ได้อยากจะแช่ตัว อยากอาบให้เสร็จไวๆ ตัวสั่นแต่ไม่รู้สึกว่าหนาว น้ำที่ไหลผ่านตัวกลายเป็นสีเลือดไปสักพัก ก่อนจะจางหายไปเป็นปกติ จะต่างกันตรงไหน ร้าวกับแตก.. ก่อนหน้านี้ก็ร้าวมามาก ตอนนี้ก็แค่แตกออกเท่านั้น คงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปเท่าไหร่ ทำเพียงแค่ลูบน้ำไปกับตัว อาบเสร็จก็เดินออกมา ไม่มีผ้าขนหนู หรือเสื้อผ้าสำรองในห้องน้ำ เห็นจอห์นขมวดคิ้ว โยนผ้าขนหนูมาให้ เป็นผืนเดียวกับที่ใช้เมื่อครู่ เลยยังเปียกอยู่ แต่ก็ไม่เป็นไร เดินไปหยิบเสื้อนักเรียนของตัวเองที่พื้น กระดุมหายไปหลายเม็ด เห็นเงาลางๆของกระดุมบางเม็ดยังตกอยู่ที่พื้น ใส่กางเกงตามไป จำได้ว่ากระเป๋าตกอยู่แถวประตู เตะเท้าไปจนเจอ ไม่มีแว่นสำรองอยู่ในนั้น ทั้งๆที่เก็บไว้ตลอดแท้ๆ ไม่ต้องถามก็รู้ว่าหายไปไหน จำได้ว่าเคยถูกรื้อกระเป๋าครั้งหนึ่ง คงจะสำรวจมาหมดแล้ว “หาแว่นหรอไง?” ไม่ตอบ ไม่รู้จะตอบไปทำไม ยังไงก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรอยู่ดี คิดว่าต่อไปนี้ เอาคลิปนั่นไปให้คนอื่นดูก็คงไม่ต่างกัน ไหนๆก็ฉายผ่านแคมฟร็อคไปแล้วนิ จะต่างกันตรงไหน ไม่ได้ยอมแพ้ แต่แค่ไม่อยากสู้ต่อ ไม่ได้ท้อถอย แต่แค่รู้สึกเหนื่อยหน่ายเท่านั้น เขาไม่ได้คืนแว่นให้ เดินไปตามภาพเลือนลางที่นำออกไป ท้องฟ้าข้างนอกมืดแล้ว เจ็บ เดินไม่ค่อยถนัดด้วย เปิดประตูรถขึ้นไป บนรถก็มีแต่ความเงียบที่สมควรจะคิดว่าน่าอึดอัด “…พูดอะไรออกมาสักคำสิ” พูดอะไร.. อยากฟังอะไรหล่ะ.. “พูดไม่ได้หรอไง? เมื่อกี้กัดลิ้นขาดไปแล้วหรอ?” “ไปตายซะ…” “หึ…ดูเหมือนคนพูดจะตายก่อนนะ” “ก็ดี จะได้ไม่ต้องเจอกันอีก” “ไม่สนุกเลยหรือไง?” สนุก.. จะหาเรื่องอะไรมาให้รู้สึกสนุก ไม่มีอะไรให้รู้สึกแบบนั้นสักนิด “หรือว่าชอบแบบเดิมมากว่า ไผ่ครับ? ไผ่คิดว่าไงครับ” “แบบไหนก็น่ารังเกียจทั้งนั้น..” เกลียด เกลียดเวลาได้ยินจอห์นพูดแบบนี้ มันตอกย้ำให้เห็นความโง่ของตัวเอง ในช่วงเวลาสั้นๆก็มีความรู้สึกขึ้นมา…แต่ก็ไม่ใช่ความรู้สึกที่ดี“อย่าตายซะก่อนหล่ะ..” ครั้งหนึ่งที่เคยจูบกันแทนคำบอกลา ตอนนี้จูบนั้นกลับกลายเป็นคำพูดที่ฟังแล้วแปร่งหู… ……………………………………. ……………………….. [Inert 5 : complete] [29.12.54] เห็นเขียนไปเยอะแล้วเลยมาต่อให้จบ ใช้เวลากินข้าวบริหารเวลาให้เป็นประโยชน์(?) o13 :กอด1: :กอด1: :กอด1:
จิ้มมมมมมมมมมมมมมมม
เขียนแบบนี้มันก็....ค้างอย่างแรงไง มาต่อด่วนน นอนไม่หลับแน่่่
ไผ่ต้องเคยเป็นอะไรในอดีตแน่ๆ เห็นพูดถึงห้องสีขาว หมายถึงโรงพยาบาลหรือเปล่า? คิดถึงทางลงเอยของสองคนนี้แบบดีๆไม่ค่อยจะออก เหอๆ นั่นน่ะสิ แบบไหนกันแน่ที่เป็นตัวจริงของจอห์น งงกับมัน
เป็รเรื่องที่เฝ่ารอลงมาจากบลัทลันลาบายเลยทีเดียว บางมุมก็สะท้อนภาพตัวเองออกมา ว่างเปล่า ชอบถูกคนอื่นมองแปลกๆ แปลกแยกเหมือนเราเป็นแค่ของเล่นตัวตลก ไม่มีใครต้องการ
ว่างเปล่า...
หวา ยิ่งอ่านยิ่งเศร้านะ รู้สึกกดดันมากๆ
:jul3: หดหู่ดีแท้
:sad4:
รู้สึกสงสารไผ่นะ ที่ปัญหาครอบครัวกลับทำให้หัวใจเด็กคนหนึ่งถึงต้องด้านชา พอมาเจอเด็กคนหนึ่งที่คิดอยากลองของแบบใหม่โดยไม่สนใจคนอื่น ไผ่ก็ยิ่งแตกสลายด้วยคนที่เห็นแก่ตัวพวกนั้น ถึงจะบอกว่าตัวเองเป็นคนดีแค่ไหนก็ไม่อาจลบสิ่งที่ทำก่อนหน้านั้นได้ หากไผ่จะเป็นอะไร...ก็สำนึกไว้เถอะ ว่านำ้มือตัวเองทั้งนั้น ทั้งจอร์น ทั้งแม่ไผ่เลย
:z3: :z3: :z3: :z3: :z3: :z3:
โอ๊ยยย มันอึดอัดแทน สงสารอ่า น้องไผ่ ฮืออ :sad4:
กรี๊ด แอร๊ๆๆๆๆ เริ่ดอ่ะ นี่ซี คุณค่าที่คุณคู่ควร คนหนึ่งก็เลวแรงร้ายกาจปรารถนาหัวใจ แต่อีกคนก็นิ่งเฉยตายซากอยากจะเข้าถึง อ่านแล้วออกจะโหดนะ แต่พอดูความรู้สึกของน้องไผ่แล้ว โดนแบบนี้บ้างก็ดี ฮ่าๆๆๆๆๆ
เขียนได้ดีชะมัด พาอึดอัดพูดไม่ถูกอธิบายไม่ได้กับความรู้สึกนี้ แต่เข้าใจไผ่ :m15:
พ่อแม่ก็ไม่เคยเข้าใจ เพื่อนก็ไม่มี สามีก็หลอกลวง ชีวิตมันเศร้าจริงว่ะไผ่ จะหันหน้าไปพึ่งใครได้บ้างเนี่ย เป็นแค่เด็กคนนึง :กอด1: จอห์น..แกนี่นะไม่ได้เศษเสี้ยวความน่ารักของพี่หมอกเลยสักนิด :กอด1:
สงสารน้องไผ่ :m15: จอห์นก็เ_ี้ยได้ใจจริง ดูแล้วไม่เห็นทางออกเลยว่าไผ่จะจัดการจอห์นได้ยังไง แต่ชื่นชมว่ามีสติดีมาก แม้จะอยู่ในภาวะถูกข่มขู่ ถูกคุกคามทางเพศขนาดนี้ ถ้านี่เป็นเรื่องในโลกจริงๆ กรณ๊นี้ก็เข้าข่ายอาชญากรรมทางเพศ ซึ่งเหยื่อจะน่าสงสารมาก เพราะไม่ว่ายังไงชีวิตก็จะไม่สามารถกลับคืนมาเหมือนเดิมได้อีก ทางออกมักลงเอยที่เหยื่อต้องย้ายรร การปิดเรื่อง การชดเชยค่าเสียหาย และเหตุการณ์จางหายตามกาลเวลา ทิ้งไว้เพียงรอยแผล....
สู้ไปเถอะไผ่ สักวัน น้องจะต้องได้เอาคืน
หดหู่ดีแท้ :เฮ้อ: เครียดกว่าอ่านหนังสือสอบอีก
ในเมื่อมองว่าคนๆนั้นไม่มีอะไรดี แล้วจะเอาตัวเองเข้ามายุ่งกับเขาทำไมไอ้จอน น่าจะมองตัวเองก่อนนะ ว่าใครกันแน่ที่น่าสมเพชกว่ากัน คนที่ทำตัวให้คนอื่นสนใจไปทั่ว แต่กลับมามั่วกับคนที่ตัวเองมองว่าไม่มีอะไรสักอย่าง อยากจะเล่นกับความรู้สึกของคนอื่นเหรอ เห็นเป็นของเล่นรึไง คนไม่เจอมันก็คงไม่เจ็บ แต่คนที่เจอสิ มันเจ็บเสียยิ่งกว่าเจ็บส่วนใดๆของร่างกาย นอกเสียจากหัวใจ
เจ็บปวด
อ่านมา5ตอน ก็ยังไม่บรรลุแน่ชัดว่า ใครเป็นยังไงแน่ เหอะๆๆๆ o22
ถ้าแค่ต้องการจะล้อเล่นกับความรู้สึกของคน มึงก็เลวมากไอ้จอห์น!! แต่ถ้ามีเหตุผลว่านั่นคือการแก้แค้น(?) ความผิดของไผ่มันมากมายถึงขนาดที่ต้องทำร้ายกันอย่างนี้เชียวหรือ? คนคนนึงที่มีร่างกายอยู่เพื่อทำตามหน้าที่ ไม่รู้สึกเจ็บปวด ไม่อยากทำอะไรทั้งนั้น ไม่อยากแม้แต่จะหายใจ ไม่มีแม้กระทั่งฝันของตัวเอง ไม่มีแม้แต่หัวใจที่เต้นเพื่อตัวนายเอง มันมีแต่หัวใจที่มันกำลังเต้นเพื่อทำตามหน้าที่ของมัน..ไผ่..ภาพที่สะท้อนออกมาจากตัวนายมันช่างว่างเปล่าเหลือเกิน...
จอร์นมันมีอาการทาง จิตรึไง ไอ้บ้าเอ๊ย ย สงสารหนูไผ่ง่า :sad4:
บอกว่าดาร์กจงมา ก็มาจริงๆเว้ยเฮ้ย แถมมาแบบคลื่นถาโถมกระแทกหน้า เพลงจำเลยรักลอยมาเลยเจ็บแค้นเคืองโกรธโทษฉันไย ฉันทำ อะไรให้เธอเคืองขุ่น ปรักปรำ ฉันเป็นจำเลยของคุณ นี่หรือพ่อนักบุญ แท้จริงเธอคือคนป่า ไม่ขอคุกเข่าเฝ้าง้องอน แม้ใจ ขาดรอนขอตายดีกว่า ไม่ขอ ร้องใครให้กรุณา ไม่ขอเศร้าโศกา หรือบีบน้ำตาอ้อนวอนใครๆ~ ยังเดาอะไรไม่ออก อึมครึม บรรยากาศมันบีบจนเราอึดอัดตาม ต้องติดตามต่อไป
ตอนนี้อ่านแล้วอยากให้ ไผ่ฆ่าตัวตาย
จอห์นมันเผยสันดานออกมาแล้วหรอ(http://i273.photobucket.com/albums/jj225/tangtang_jar/12-1.gif) มันต้องการอะไรจากไผ่กันแน่ (http://i273.photobucket.com/albums/jj225/tangtang_jar/mimio207.gif)นายเอกของเราจะคิดสั้นไหม ไผ่ท่าทางจะแบกความทุกข์ไว้เยอะ ถ้าถึงจุดที่ต้องระเบิดออกมาจะเกิดอะไรขึ้นเนี่ย
เป็นเรื่องที่เสนอมุมมองแปลกใหม่ ไผ่แสดงถึงความว่างเปล่า มืดมน และไร้หัวใจจริงๆ เป็นคนที่น่าสงสารมาก :m15: แต่คนอ่านงงว่าจอห์นทำแบบนี้ไปทำไม
รู้สึกหายใจไม่ออก ไผ่เก็บกดมากไปนะ ถึงขั้นต้องบำบัดนี่ไม่ไหวนะ ยังจะเจอคนแบบจอห์นอีก :o12:
เลวได้อีก :a6:
ทำไมจอห์นโคตรเลวงี้อ่ะ!
สุดยอด!!! o13 ไผ่สู้สู้อย่าเสียลายให้เขา
ทรมานแทนไผ่
เพื่อไรวะจ้อน ชั้นไม่เข้าใจแก :z6: :z6: :z6: ไผ่ก็อยู่ของเขาดีๆ ไปยุ่งกับเขาทำไมเนี่ย ? ต้องการอะไรกันแน่วะ ถ้าเห็นว่าไผ่เป็นแค่ของชิ้นหนึ่งไม่มีชีวิตหัวใจมีหน้าที่แค่สูบฉีดเลือด แล้วจะไปสร้างบาดแผลให้เขาทำไม หรือนี่เป็นมุมมองของไผ่อย่างเดียวหว่าที่มองว่าไอ่จ้อนเลว (เออ แต่ทำแบบนี้แถวบ้านเรียก สารเลว :angry2:) อยากอ่านมุมมองของไอ่จ้อนจังเลยอ่ะคุณคนเขียนนน คิดยังไงกันแน่ วานบอกที ปอลอ. รักพี่หมอก (ไม่เคยจะเกี่ยว ... :z3:)
มันมีอะไรซักอย่างตะหงิดๆ สะกิดสะเกา แบบจะเมินทิ้งก็ไม่ได้ แต่ก็ไม่อยากมองให้เต็มตา เป็นความรู้สึกแบบนี้เลยเวลาอ่านเจอจอห์น คือมันจะเลว? ก็มีอะไรซักอย่างบอกว่าไม่ใช่ ตะขิดตะขวงใจมากกกกกกกกกกกกก วันนี้เห็นอัพเดทตอนใหม่ ใจนึงไม่อยากอ่านนะ เพราะอยากให้มาหลายๆตอนก่อนแล้วอ่านทีเดียว แต่ทนไม่ไหวเข้ามาอ่านต่อเลย กลับมารอบหน้าหลังปีใหม่เค้าจะมาอ่านรวดเดียวนะจ๊ะ
:sad4: :sad4: เศร้าไปมั๊ยคะ
ชอบนิยายอย่างนี้จังอ่านแล้วอึดอัดๆ ฮี่ๆ
หยุดความเลวที่ไล่ล่าจอห์น :laugh:
ว่าเเล้วเรื่องนี้มันดาร์ก
ยิ่งอ่านยิ่งรุสึกอึกอัดมากกก
...ไอ้...จอห์น... ...นึกคำด่าไม่ออกเลย
หายใจไม่ออกอ่ะ
อ่านแล้วทรมาณไปกับไผ่เลยอ่ะ อึดอัดด้วย. ทำไมจอห์นเป็นแบบนี้นะ
:a5: เครียดจ๊าดดดด
อ่อ ตกลงว่าไผ่นี่มีอาการทางจิตจนต้องเข้ารพ.มาก่อนแล้วหรอ ตกลงว่าเรื่องนี้มันคือการโคจรมาพบกันของคนโรคจิต2คนสินะ :z10:
อ่านแล้วรุ้สึกว่างเปล่าไปด้วย
ขอกระโดดทีมไอ้จอห์นมันหน่อยนะ :z6: ไผ่เอ้ยยยยยยย ทำไมต้องมาโดนอะไรแบบนี้ด้วย ไผ่มันทำอะไรผิด ฮึก! :m15: รอตอนต่อไปนะคะ อยากให้มีคนมาปลอบใจไผ่ แล้วเปลี่ยนพระเอกแม่งเลย!! :m16:
ยังคงขมุกขมัวไปทั้งเรื่องเหมือนเดิม ไม่มีอะไรที่ชัดเจนเลย ทั้งที่เป็น 1st person pov แท้ๆ แต่คนอ่านยังเข้าไม่ถึงตัวคนเล่าเลย แบบนี้ถือว่าคนเขียนประสบความสำเร็จใช่มั้ยคะ? lol :เฮ้อ: :เฮ้อ: สูดหายใจลึกๆ แล้วรอต่อไป ^^ :3123:
สงสารไผ่จังเลย แต่ชอบเรื่องแนวนี้มากๆเลยอ่ะ เวลาอ่านแล้วปวดหัวใจดี 55555555
โอ่ย~เครียด~ เรื่องของเด็กมีปัญญาที่มีปัญหาสองคนมาเจอกัน รู้สึกจอห์นจะมีมากกว่าทั้งปัญญาและปัญหา :freeze:
สนุกมากกกกกก รออย่างใจจดใจจ่อเลย +1
จะติดตามต่อไปนะครับผม
:oni1:.............. ............ :a5: ........................ :serius2: อึดอัด.........ปวดหัวใจ.......... :sad5: . . . . . . . . จอห์น เลว มาก :angry2:
สภาวะหมอกลงในเรื่องนู้นยังชิลกว่าเรื่องนี้ :a5: ขมุกขมัว เหมือนมีควันลอยไปลอยมา ไอจ้อนทำไปเพื่ออะไร ไผ่มีปมอะไร :z3:
ที่ทำไปนี่จิงๆแล้วแอบชอบไผ่เหมือนกัน หรือ ทำเพราะเพื่อนยุ เลยนึกสนุก เอายังไงกันแน่ สงสารไผ่นะ ถึงไม่ฆ่าตัวตายก็เหมือนตายทั้งเป็นอยู่แล้ว ไปบ้านเค้ามาก็แล้ว ยังไม่รู้ถึงสถานะครอบครัวรึไง คำ 3 คำที่จะให้กับ จอห์น มึง มัน กาก ว่ะจอห์น
มันต้องมีอะไรซักอย่างแน่ ๆ เลย แต่,,, มันคืออะไร ??????????? ่ฮ๋า ๆๆ
เฮ้ย!!!เรื่องนี้!!! ชอบอะมาต่อไวๆน้า o18
จอห์นทำแบบนี้ไปเพื่ออะไร? :z6:
อ่านเรื่องนี้แล้วอึดอัด :z3: :z3: :z3: อยากแตะไอ้จอน (พิมพ์ชื่อแบบนี้แหละ) ว่าแล้วก็กลับไปกอดพี่หมอกดีกว่า :o8:
โอ๊ย ถ้าเรื่องนี้มันจะอ่านเเล้วปวดใจขนาดนี้นะคะ ไอ้จอห์น ฉันไม่รู้ว่าเเกกำลังทำไรอยู่ เเละทำมันไปเพื่ออะไร เหมือนว่าแกจะชอบไผ่ แต่ทำไมต้องทำเเบบนี้ (อินจัดคะ 55+) ส่วนไผ่ ส่วนส่วนไผ่ที่สุดเลย ไม่ใช่เเค่เรื่องจอห์น เเต่เป็นเรื่องของพ่อแม่ไผ่ ไม่ไหวๆ รออ่านต่อไปจ้า
:monkeysad: :monkeysad: :monkeysad:
ความรู้สึกคนไม่ใช่ของเล่นนะจอห์น
สงสัยไผ่เคยเข้ารพ.มาแหง๋ๆเลยอ่ะ แล้วจอร์นมันแค้นไรไผ่นักฟระ?? ต่อๆ มาต่อเร็วๆนะฮับ กำลังสนุกเลย ^^
เหมือนจอห์นก็รักไผ่นะ เเต่ทำไปเพราะความสนุก(?) ทำไมทำเหมือนไม่เเคร์กันเลย TT_TT ชอบเรื่องนี้จัง อ่านเเล้วมีความสุขเพราะพล๊อตเรื่องนี้เเบบนี้ ขอบคุณจ้า อัพบ่อยๆน้า<3
เกลียดจอนห์เว้ยเห้ย!! ครึ่งหนึ่งของพี่หมอก ยังสู้ไม่ได้เลย สงสารไผ่ TT"
ตกลงจอนเลวจริงหรือจะช่วยรักษาอาการเบื่อโลกของไผ่กันแน่อ่า
เข้ามานั่งรอคนแต่งงง
เพิ่งเข้ามาอ่านค่า รวดเดียวแล้วเม้นเลยไม่ว่ากันน๊า ไผ่น่าสงสารมากเลยอ่ะ ที่แบบว่ากลัวเวลามีคนเยอะๆไรงี้ น่าสงสัยจะมีปม ประมานว่าโดนแกล้งหนักมากๆอะไรยังงี้ เราคิดไว้อยู่แล้วว่าบักจอนแปลกๆ เลวได้ใจไปเต็มๆเลย o18 รอนะคะ ปีใหม่แล้ว สวัสดีปีใหม่ด้วย
เข้ามาอ่าน เพราะมีคนแนะนำมาคะ คือแบบ เป็นเรื่องแรกจริงๆที่เดาอะไรไม่ออกเลยสักอย่าง คิดมาตั้งแต่ต้นเหมือนกันว่าจอห์นอาจจะเลว แต่ก็ไม่มั่นใจ 100%เดาใจใครไม่ออกเลย เขียนดีมากๆ สงสารไผ่มากๆ ไม่ชอบครอบครัวที่กดดันแบบนี้เลย จอห์นเลวอะ เลวมากๆ ต้องการอะไรวะ ทำไมทำแบบนี้ ไม่เคยเจอใครเขียนแนวนี้เลย ชอบจังฟ รอตอนหน้าอยู่นะคะ
Inert 6 เลขหก นาฬิกาบอกเวลาหกโมง เป็นหน้าปัดดิจิตอล ได้ยินเสียงทุบประตูดังออกมาจากข้างนอก “ไผ่! ทำไมแกไม่ออกมาจากห้อง! วันนี้แกมีสอบไม่ใช่หรอไง! ออกมาสิ!” อา เสียงอะไรกันนะ ทำไมมันช่างน่ารำคาญเช่นนี้ กลับตัวเรือนนาฬิกาคว่ำลงที่เดิม หน้าปัดบอกเวลาเลขเก้า เก้าโมง การสอบวิชาแรกเริ่มไปแล้ว หัวใจนิ่งเฉย มีแต่คำว่า “แล้วทำไม” เท่านั้นที่ผุดขึ้นมา “…ออกมาเดี๋ยวนี้นะไผ่ ไผ่ นี่แกทำอะไรอยู่ ได้ยินเสียงหรือเปล่า” ประตูถูกทุบ ดังมาแบบนี้จะชั่วโมงแล้ว หมุนตัวซุกลงผ้าห่ม หลับตา รู้สึกถึงความเงียบที่ไร้จุดสิ้นสุด โดยมีตัวเองเป็นศูนย์กลาง… ………………………… ………………..…..เพียะ!!! เจ็บ เจ็บจนต้องลืมตา เห็นแม่ยืนตาแดงก่ำอยู่ตรงหน้า มองจากที่ๆสูงกว่า “ทำไมแกไม่ตอบชั้น! ขังตัวเองในห้องทำไม!” ถูกดึงข้อมือทั้งสองข้างขึ้น ไม่มีรอยแผลอะไร “แม่…แม่นึกว่าแกจะทำอะไรบ้าๆไปซะแล้ว” ไม่รู้จะพูดอะไร ส่งได้แต่ความว่างเปล่าไปให้ “ไผ่ ไผ่ ลูกเป็นอะไรหรือเปล่า” มองไปที่ประตู เห็นพ่ออยู่ตรงนั้น นาฬิกายังบอกเวลาไม่ถึงสิบโมงดี แม่คงจะโทรเรียกให้พ่อกลับมาบ้าน พ่อดูโมโห แต่ก็ดูโล่งใจในเวลาเดียวกัน “ทำไมไม่ไปสอบ” “…ผมไม่รู้” “บอกเหตุผลมาสักข้อ ถ้าฟังไม่ขึ้นก็ไปอาบน้ำแต่งตัวซะ แล้วไปสอบวิชาที่เหลือ” “…ผมไม่รู้ว่าจะทำไปเพื่ออะไร” “มีปัญหาอะไรที่โรงเรียนหรือเปล่า” ส่ายหน้าก่อนที่จะได้คิด ส่ายหน้ามาตลอดสำหรับคำถามนี้ตั้งแต่เด็ก เพราะแค่นี้ ความห่วงใยทั้งหมดก็จะถูกตัดขาดออก คนถามคงจะคิดในใจว่า ไม่เป็นไร ในเมื่อบอกเองว่าไม่มีปัญหา เพราะฉะนั้นก็คงจะไม่มีอะไร ไม่ได้อยากเรียกร้องความสนใจจากใคร อยากจะถูกปล่อยทิ้งไว้ เหมือนตุ๊กตาที่ถูกฝุ่นจับ “เรียนไปก่อนเถอะ แล้วค่อยคิดปัญหาวุ่นวายแบบนั้นทีหลัง” พ่อยื่นมือจะมาจับ เผลอถอยตัวออก ไม่อยากให้ใครจับตัวทั้งนั้น อย่างตอนนี้ที่โดนจับข้อมือไว้ก็รู้สึกอึดอัด พ่อจึงเป็นฝ่ายถอยออกไปเอง “เดี๋ยวพ่อไปส่ง” นานแล้ว ที่ไม่ได้มากับพ่อแบบนี้ ทั้งรถเต็มไปด้วยความเงียบ จมอยู่แต่ความคิดของตัวเองที่แสนจะเวิ้งว้าง เมื่อคืน หลับตาลง รู้สึกเหมือนกำลังทิ้งตัวอยู่ในสูญญากาศ ไม่มีอะไรให้ยึดเหนี่ยว ล่องลอยออกไปไกลขึ้นเรื่อยๆ จนรอบตัวไม่มีใคร “กินยารึยัง” “…กินแล้วครับ”โกหก ไม่อยากกินอีกแล้ว ไม่รู้เป็นยาอะไร แต่กินมาตั้งแต่จำได้ ถ้าเป็นโรคอะไรก็ขอให้แสดงอาการเร็วๆ รู้สึกเหนื่อยหน่ายเต็มทน รถจอดลงที่หน้าโรงเรียน เงียบเชียบ มีเพียงยามที่เดินออกมาดูเท่านั้น อาจารย์ที่ปรึกษาถูกโทรตามออกมา โดนซักถาม “ทำไมพึ่งมาเอาป่านนี้หล่ะทิวไผ่?” ก็ตอบกลับไปตามคำที่แม่บอกว่า “ผมไม่สบายครับ” เพราะเป็นเด็กดี เด็กเรียนเก่งมาตลอด ไม่ว่าพูดอะไร ก็คงจะเชื่อ ต่อให้มีรอยแดงเป็นรูปฝ่ามืออยู่บนหน้า ก็คงจะไม่มีใครฉุกใจคิดไม่มีใคร…. …………………………….. …………………. “จอห์นนิ..” “มาทำอะไร ไม่ใช่ว่าสอบตึกสิบหรอกหรอ?” ได้ยินเสียงซุบซิบของคนที่นั่งอยู่ข้างหน้า กำลังนั่งรอเวลาสอบวิชาต่อไป ที่กำลังจะเริ่ม อีกแค่สิบนาที ไม่ได้หันไปมองข้างหลัง เพราะรู้ว่าจะได้เห็นอะไร ต้องการอะไรอีกนะ.. จ้องมองชีทสีน้ำตาลที่อยู่ในมือ เป็นเรื่องที่อ่านแล้วไม่เข้าใจ เหมือนไม่ใช่ภาษาที่อ่านออก “ไผ่…ผมมีเรื่องจะคุยด้วย” เหตุการณ์เมื่อวาน มีอะไรหลายๆอย่างเยอะแยะไปหมด จนคิดว่าเมื่อวานคงจะมีเวลามากกว่า 24 ชั่วโมง แต่วันนี้กลับรู้สึกยาวนานยิ่งกว่า เข็มนาฬิกา เหมือนเคลื่อนที่ด้วยความหน่วง “ไผ่..” “ไผ่ จอห์นเรียกหน่ะ” ผู้หญิงในห้องสะกิดเรียก ไม่รู้ว่าชื่ออะไร แต่จำได้ว่าเคยเป็นข่าวกับจอห์นอยู่พักหนึ่ง แสดงออกถึงท่าทางยินดีอย่างมีจริตจก้าน แว่นเมื่อวานก็ยังไม่ได้คืน วันนี้ต้องเอาแว่นเก่าตอนประถมมาใช้ ซึ่งไม่พอดีกับสายตา อย่างน้อยก็อยากได้แว่นนั้นมาใช้ แทนแว่นที่ถูกเหวี่ยงแตกไปแล้ว “ไผ่ เราไปคุยตรงนั้นกันได้ไหม?” “มีอะไร” “อยากคุยกันสองคนหน่ะ” ได้ยินเสียงซุบซิบ เอาอีกแล้ว ตกกลายเป็นเป้าสายตาอีกแล้ว ทุกครั้งที่อยู่ใกล้จอห์นในที่ๆมีคนอื่นอยู่ มักจะเป็นแบบนี้เสมอ อาจเป็นหนึ่งสาเหตุที่ทำให้รู้สึกอึดอัดรู้สึกงั้นหรือ… พอคิดได้ ทุกอย่างก็กลับคืนสู่จุดกำเนิด ภายในกลับมาเรียบเฉยอีกครั้ง ถูกจับไว้ที่ข้อมือ ร้อนเหมือนไฟสุม สะบัดออก แต่สะบัดไม่หลุด กลับกัน ถูกบีบแน่นจนเจ็บ “ไปคุยตรงนั้นกันนะ” ทั้งๆที่ใบหน้ายิ้มแย้ม แต่กลับดูเหมือนตั้งใจจะทำให้กระดูกข้อมือแตก ต้องลุกขึ้นตามไปอย่างไร้ทางเลือก ทิ้งเสียงพูดคุยที่เหมือนตั้งใจหลบซ่อนเพียงฉาบฉวยไว้เบื้องหลัง ยืนคุยที่บันได เป็นมุมอับสายตา จอห์นล้วงกระเป๋า มองตาม แว่นตาที่ถูกเอาไปเมื่อวานยื่นมา “มีแว่นกี่อันกันแน่” ไม่จำเป็นต้องตอบ คว้ามือออกไปหยิบ แต่กลับถูกจับไว้เสียก่อน “ทำไมไม่ยอมตอบ” แล้วมีความจำเป็นอะไรที่ต้องตอบ เสียงพูดดังข้างในความคิด แต่ติดที่ไม่ได้พูดออกไป น่าขำ ถ้าไม่พูดออกไป จะไปได้ยินได้ยังไงกัน แต่ต่อให้พูดออกไป ก็เป็นเสียงที่ไม่มีใครได้ยิน ไม่ต่างกันนัก “..หลายอัน” จอห์นขมวดคิ้ว เหมือนยังไม่พอใจในคำตอบแต่ก็ยอมปล่อยแขนที่จับอยู่ เก็บแว่นที่ใส่อยู่ลงกระเป๋ากางเกง หยิบแว่นสำรองที่ตอนนี้กลายเป็นแว่นหลักขึ้นมาใส่ รู้สึกสบายตาขึ้น พอๆกับทีเห็นหน้าจอห์นชัดขึ้น ไม่ดีเลย เสียงออดดังขึ้นมา คั่นความเงียบที่ไม่มีใครพูดอะไรออกมา จะเดินหนีก็ถูกคว้าแขนไว้ “สอบเสร็จอย่าไปไหนหล่ะ” ปรายตามองแค่ข้อมือที่ถูกคว้าไว้ เริ่มขึ้นรอยแดงอีกแล้ว “…อย่าคิดต่อต้านหล่ะ….ไม่งั้นที่หน้าอาจมีรอยมืออีกรอยก็ได้….” …………………………….. ……………………. ปวดหัว รู้สึกปวดจริงๆ ไม่ใช่ละครที่แสดงขึ้น ตอนนี้รู้สึกแสบตากับแสงสว่างจ้า ถูกถอดแว่นออกอีกแล้ว ตอนเช้าเจอแว่นที่ไม่เหมาะกับสายตา เลยไม่แปลกที่จะรู้สึกแบบนี้ หลับตาลง คงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด ถูกดันนิ้วเข้ามาในปาก ยาเม็ดกลมถูกดันเข้ามาด้วย พยายามจะใช้ลิ้นผลักออก แต่ก็ทานแรงไม่ไหว ติดคอ ไอจนตัวโยน จูบที่ตามมา มีน้ำอยู่ ทำให้กลืนยาเม็ดนั้นลงคอไปได้ “จะได้ไม่ต้องมานอนตายซากเหมือนคราวที่แล้ว” ไม่อยากลืมตาขึ้น ไม่อยากรับรู้ว่าอีกฝ่ายจะแสดงสีหน้าแบบไหนอยู่ ที่เข้ามายุ่งวุ่นวายด้วย ก็คงจะอยากได้แค่คู่ขาสักคนที่ครอบงำง่ายๆสินะ ถึงได้เลือกคนที่เหมือนกับวัตถุได้ขนาดนี้ สัมผัสไปตามตัว ยิ่งหลับตา ยิ่งชัดเจน เหมือนสูญญากาศที่ลอยขว้างอยู่ปั่นป่วน ฤทธิ์ยาคงจะเริ่มทำงาน ถึงได้รู้สึกแปลกไปทั้งตัว “…รู้สึกแล้วสินะ” ไม่อยากตอบ แต่เสียงหลุดออกมาจากคอ…”อ้ะ…” โลกถูกจับหมุนไปตามองศาที่กำหนดไม่ได้ เหมือนเข็มทิศที่ถูกรบกวน ในควาเวิ้งว้างนั้น มีบางอย่างกำลังหมุนวน เหงื่อซึมออกตามไรผม หยดลงบนฝ่ามือที่ยันรับน้ำหนักตัวเองไว้ เหนื่อย รู้สึกเหนื่อยกับการวิ่งไล่จับลมหายใจของตัวเอง ที่เหมือนจะดูห่างไกลออกไปทุกที ได้ยินเสียง เสียงที่ทุ้มต่ำ แต่กังวาลอยู่ในคอ เมื่อร่างกายแนบติดกัน ก็เหมือนจะสัมผัสได้ถึงความว่างเปล่า ที่กำลังถ่ายเทเข้าหากัน ความว่างเปล่า ที่หนาวเกินกว่าจะทน… ชั่วเวลาสั้นๆที่ลืมตาขึ้นมาอย่างไร้สาเหตุ ไม่ได้จับจ้องไปที่ใด รู้สึกเหมือนร่างกายถูกปิดเครื่องลง…. …………… ………เพียะ!!! ถูกฟาดที่บั้นท้ายแรงจนสะดุ้ง เสียงดังก้องห้องของจอห์น ความเจ็บที่เหมือนกับเข็มเป็นพันเล่มค่อยๆไล่มาตั้งแต่เอว ขึ้นมาจนถึงไหล่ ลงไปจนถึงปลายเท้า รู้สึกตัวกลับมาอีกครั้ง เห็นปลายนิ้วของตัวเองที่กำลังขยุ้มผ้าปูเตียงจนยับย่นไปหมด เป็นภาพที่เมื่อครู่ มองไม่เห็น… ขมวดคิ้วเข้าหากัน หลับตากลับไปใหม่ กลับสู่โลกของตัวเอง ที่ๆทุกอย่างสามารถควบคุมได้ ….ควบคุมได้งั้นหรือ? ณ ตอนนี้ สิ่งไหนที่เรียกว่าควบคุมได้ “ลืมตา…ลืมตาขึ้นมา” ถูกจับพลิกตัวทั้งๆที่ยังเชื่อมกันแบบนี้ รู้สึกถึงความเย็นที่วิ่งไล่ขึ้นมาตามแนวสันหลัง เสียงของตัวเองที่เก็บไว้ไม่ได้ ลอยล่องออกมา เหมือนฟองสบู่ที่หลุดออกจากผิวน้ำ “อือ…” “บอกว่าให้ลืมตาขึ้นมาไง!!” เปิดตาขึ้นมาช้าๆ มองไม่ชัด ทุกอย่างเป็นเพียงแค่ภาพเลือนลาง รู้เพียงร่างกายที่สั่นกระตุกของตัวเองเท่านั้น ถูกไล่ต้อนตามมาด้วยแรงทั้งหมด เป็นเหมือนการวิ่งไล่จับในความคิดที่ไร้จุดจบ แต่ก็มีบทสรุปของเรื่องนี้ ฟองสบู่ลอยออกจากผิวน้ำมากขึ้นเรื่อยๆ พอถึงจุดๆหนึ่ง ก็แตกออกหายวับไป ที่ผิวฟองใสนั้น สะท้อนภาพต่างๆ ฉาบลงบนผิวที่เมื่อต้องกับแสงแดดแล้วจะเห็นเป็นสายรุ้งจางๆเด็ก.. เห็นเด็กคนนึงบนผิวฟองนั้น พยายามจะเพ่งตามองให้ดี แต่ก็ไม่ชัดเจน เอื้อมมือจะไขว่ขว้า ก็ถูกจอห์นคว้ามือไว้ หันกลับไปมองที่ฟองสบู่นั้นอีกครั้ง ผิวอ่อนๆต้องลม แตกออกในที่สุด…. รู้สึกเปียกที่หน้าท้อง…ก้มลงมอง เห็นไม่ชัดแต่รู้ว่าคืออะไร ได้ยินเสียงอีกฝ่ายหอบหายใจ การวิ่งไล่จับนี้ จบลงโดยที่มีแต่ผู้แพ้ ไร้ซึ่งผู้ชนะใดๆทั้งสิ้น …………………………………………… …………………………….. “ครับ ไผ่อยู่กับผมครับ คืนนี้กะว่าจะติวกัน ผมอาจจะไปส่งดึกหน่อยนะครับ” ได้ยินเสียงพูดคุย ในห้องที่มีเพียงไฟจากห้องน้ำลอดออกมา เห็นเงาคนนั่งอยู่บนเตียง พื้นที่ข้างๆ “…หรอครับ? ให้ไผ่ค้างได้หรอครับ” ไม่ ไม่ได้ จะกลับ กลับไป พอลุกขึ้นจะพูดอะไร อีกฝ่ายก็รีบเอามือปิดปากไว้ มีเพียงเสียงอู้อี้ออกไป ปิดแน่นจนหายใจลำบาก เห็นรอยยิ้มจอห์นลางๆ เป็นรอยยิ้มที่ไม่เคยสบายใจเวลาเห็น มือถือที่หมดประโยชน์ถูกทิ้งลงกับพื้นข้างเตียง ได้ยินเสียงตกลงพื้น ไม่รู้จะพังหรือเปล่า “…พ่อนายนี่ใจดีจังนะ ไม่เห็นเหมือนแม่นายเลย” ถูกปล่อยมือที่ปิดปากอยู่ออก อ้าปากหายใจ “คืนนี้ก็มีเวลาสนุกกันทั้งคืนแล้ว…” “…..ไม่” “…ทั้งๆที่เป็นแบบนี้แล้ว….” นิ้วปาดไปตามหน้าท้อง ไฟสะท้อนเล่นกับของเหลวบนนั้น “ยังจะบอกว่าไม่ ไม่คิดว่าสายไปแล้วหรอ?” “…ทำแบบนี้เพื่ออะไรกัน…. ไม่เหนื่อยหรือไง” “ไผ่เหนื่อยแล้วหรอ?” ทำหน้าเหมือนไม่รู้มาก่อน ดูก็รู้ว่าเสแสร้ง “คงจะใช้เวลาหมดไปกับการอ่านหนังสือเสียจนไม่ค่อยได้ขยับตัวเลยสินะ ผอมไปทั้งตัว…ขาวเหมือนไม่เคยโดนแดดมาก่อนด้วยซ้ำ…” ไม่มีใครพูดอะไรต่อ นอกจากมือที่ยังลูบไปตามตัว สัมผัสที่น่ารังเกียจ หมดสิ้นฤทธิ์ยา ทุกอย่างกลับเข้าสู่สภาวะปกติ สภาวะที่ร่างกายไม่ปั่นป่วน “เหนื่อย….” “…..” “เราเหนื่อยเกินกว่าจะทำอะไรแล้ว” “ตอนแรกที่เห็นไม่มาสอบตอนเช้า…นึกว่าตายไปแล้วเสียอีก” “….ผิดหวังหรือไง” “ความจริงก็…นิดหน่อยอ่ะนะ” คงจะมีอีกหลายๆคนที่คิดแบบนี้ แม่ ที่ร้องไห้ เพราะได้เห็นภาพไม่เป็นอย่างที่หวังหรือเปล่า “ถ้างั้นทำไมไม่ฆ่ามันซะตอนนี้เลยละ” “…มีของเล่นฆ่าเวลาแบบนี้ ไม่ได้โง่ถึงขั้นที่จะโยนทิ้งไปง่ายๆหรอก…ดูเปราะบาง เหมือนตุ๊กตาแก้ว แต่พอมองดีๆกลับเห็นรอยร้าวแตกเต็มไปหมด เป็นอีกด้านที่ไม่เคยมีใครเห็นเลยสินะ คนทั่วไปคงได้เห็นแต่ความเฉยชา นิ่งเชย สุขุม หรืออะไรก็ตามที่สร้างขึ้นมา” “…เหมือนๆกับนายนั่นแหละ” จอมปลอม หลอกลวง ไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาบรรยายได้ รอยยิ้มจริงใจแบบนั้น สร้างขึ้นมาได้ยังไง “เรามันก็ไม่ต่างกันหรอก…”ว่างเปล่า มีแต่ภาพที่สร้างขึ้นมา เพื่อใช้ชีวิตในสังคม จนถึงจุดๆหนึ่ง ที่ไม่อาจจะแบกรับหน้ากากเหล่านั้นไหวอีกต่อไป คนที่ทนไม่ได้ ก็คงจะต้องแตกร้าวก่อน… “…ต่างสิ….” ไม่มีเหตุผลต่อจากคำพูดนั้นๆ ทั้งๆที่เป็นคนพูดอะไรแล้วต้องต่อด้วยเหตุผลแท้ๆ เหมือนแค่เป็นคำแก้ตัว นัยน์ตาที่เคยแวววาวจากไฟน้อยนิดนั้น ดูจะดูดกลืนแสงไว้จนหมด..เหลือเพียงแต่ความดำมืดเท่านั้น ที่ดูลึกลงไปอย่างที่สิ้นสุด ……………………….. ……………….. [Inert 6: complete] [1.1.55] เขียนเรื่องนี้แล้วเหมือนคนเขียนจะโดนคนอ่านกระทืบในใจอย่างไร้สาเหตุ ( :z6: :z6: :z6:) เอาน่าๆ ดิส อิท อะ ฟิคชั่น น้อท เรียล ยูโน้ว? ( :beat: :beat:) ฮปนย.คัฟ :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:
แจกteen ให้จอร์นสักนิสนุงจิตแจ่มใส :z6: :z6: :z6: :z6:
อ๊าย ปลื้มคนเขียน o13 ไผ่ยังน่าสงสารเหมือนเดิม แม่ไผ่ใจร้ายจังเฮ้อ บักจอนนี่ ทำไมต้องไปทำไผ่แบบนั้นด้วย เคยมีปัญหาอะไรกันมาก่อนหรือเปล่า ไม่น่าจะรู้จักกันเลยด้่วยซ้ำ (ใช้ภาษาได้สวยมาคะ ชอบๆๆๆๆ) รออยู่นะคะ ตอนต่อไปมาไวๆน๊า พลีสๆๆๆ :impress2: :impress2:
:m21:
จอห์น ไอ้เลว พูดได้คำเดียว :o12: :sad4: ไผ่จะตายอยู่แล้วอ่า แต่โฮกกกกก :haun4: :haun4:
โอ้วว ปวดตับจริงเรื่องนี้ นี่มันอะไรก๊านนน ยัยชุ กร๊ากกกก ป.ล. คนที่คุณก็รู้ว่าใคร~
อ่ะนะ อ่านแล้วไม่เข้าใจการสื่อสารระหว่างสองคนนี้ ตรูโง่จริง :z3: มันต้องแปลความอีกที แต่ก็สัมผัสได้ถึงความรู้สึกเชิงลบของตัวละคร
โลกมืดมาก
:angry2:ไอ้จ้อนแกต้องการอะไรห๊ะ :z6: :z6: :z6: :z6: อินไผ่ซะลืมNCเลย...เดี๋ยวต้องอ่านใหม่อีกรอบ :z1:
สามคำสำหรับไอ้จอนจัด แดก ขี้ ไป o13
โอ้... :a5: คนเขียนขา อัดอั้นจากพี่หมอกน้องตี๋แล้วมาลงกับเรื่องนี้หรือเปล่าเนี่ย :dont2: นับวัน ยิ่งมืด ยิ่งดิ่งลงไปเรื่อยๆ... ขาดอากาศหายใจ อ๊อก :sad2:
อ่านแล้วเหมือนกำลังจมน้ำ ใกล้ตายเต็มที่แล้ว อ่านแล้วเหมือนโดนบีบคออยู่ตลอดเวลา :z3: อยาก :z6: จอห์นมาก ไอเควี่ยยยยยยยยยยยยยยยย โอยยยยยย คนแต่งเจ๋งอ่ะเขียนออกมาแล้วมันอิน เก่งมากเก่งมาก :call:
อ่านแล้วรู้สึกไม่ดีกับ จอห์น เลยอ่ะ ไม่รู้ทำไม?? ถึงเค้่าจะเป็นพระเอกก็เหอะ :เฮ้อ: :เฮ้อ: อ่านแล้วไม่รู้สึกสงสารนะ มันเศร้าแทนอ่ะ :เฮ้อ: :เฮ้อ:
:z3: :z3: :z3:
มาต่อแล้ว ดีใจ แต่ก็อึดอัดที่ไผ่ไม่พูดอะไรเรย เข้าใจ...แต่ก็ไม่เข้าใจในเวลาเดียวกัน
จอห์น นี่น่าจับตบจังเลยนะ -..- เป็นกำลังใจให้คนเขียนค่ะ
ชุ!!! เก็บกดมากเลยใช่มั๊ย!!! :laugh: สงสารไผ่!! :monkeysad:
จอห์นมันต้องการอะไรวะ?? โรคจิต? วิปริต? บ้า? เพี้ยน? แอร๊ยยยยยยย!! ซักวันเมื่อมันรักไผ่ในวันที่สายไปแล้วจะรู้สึก! อยากตบอิจอห์น :beat: :beat:
ชีวิตรันทดจริงๆ ไผ่ :monkeysad:
เป็นเรื่องที่อ่านแล้วรู้สึกเหมือนกำลังจะจมน้ำเลย ทั้งตัวเรา ทั้งตัวละคร ดูท่า ไม่ใช่แค่ไผ่สินะที่มีปม จอห์นเองก็เช่นกัน ทั้งสองถึงได้ดึงดูดกัน คนเขียน เขียนได้ดีมากเลย ลื่นไหล+อึมครึม สำนวนคล้ายๆนิยายญี่ปุ่น ตัวละครเก็บกดแบบเนี้ยชอบมาก จะรอติดตามต่อนะ ว่าสองคนนี้จะไปถึงไหน
แต่งดีจัง ไผ่ว่างเปล่ามากรู้ว่าไม่มีอะไรเลยจริงๆ ไม่รู้ว่าคิดไปเองรึเปล่าสรุปชอบอะ
เอ่อ อยากรู้ยิดอะค่ะว่าสุดท้าย ตัวเอกสองคนนี่ที่เป็นกันอยู่แบบนี้ จะมี behide the scene ที่น่าตกใจมากแบบนั้นป่าวอ่าคะ แอบอยากรู้เฉลย 555
เนื้อเรื่องดำเนินมาแบบมืดมนจริงๆ เริ่มๆก็เหมือนจะสว่าง ลางๆอยู่หรอก แต่ตอนนี้มิืดเลยคะ จะรักกันได้ยังไงเนี่ยทั้งสองคน คิดไม่ออกเลยว่าคนเขียน จะเขียนให้มันเป็นแบบไหน :z3: สงสารไผ่มากๆ และโคตรไม่เข้าใจจอห์นเลย ต้องการอะไรวะะะะะ !!!! ทำไมต้องเป็นไผ่อะ :sad4: ชอบจังที่คนเขียน เขียนออกมาให้นายเอกเป็นคนแบบนี้อะ ชอบอิมเมจนายเอกมากๆ มันว่างเปล่าเย็นชาสุดๆ อ่านแล้วชอบมากๆ พระิเอกก็ชอบนะคะ เป็นเรื่องที่อ่านแล้ว รู้สึกเหมือนชื่อเรื่องเลยอะ Awkward มากๆ แบบ อ่านแล้ว อึดอัด จริงๆ รออยู่มาต่อนะคะ ชอบมากเลย : )
มืดมนนน :sad2:
เราว่าแต่ละคนโรคจิตและเก็บกดกันทั้งเรื่องเลยค่ะ ไม่มีคนปกติเลยอ่ะ :z10:
ไผ่เหนื่อยแล้ว...น่าสงสารจัง อ๊าก หาความสิ้นสุดมิเจอ
ดำดิ่งชนิดหาแสงสว่างไม่เจอ :m17:
น้ำตาไหลเลยอ่ะ เมื่อไหร่จะหมดความหดหู่ล่ะ
แล้วจะรักกันได้ยังไงวะเนี่ย
แลดูจะทรมานจิตใจคนอ่านมากๆ T^T +1
แป่ววววววววววว....เพิ่งหลงเข้ามาอ่าน ไม่รู้ช่วงนี้เป็นอะไร จับเรื่องอะไรมาอ่านก็เจอดราม่าไปซะหมด แถมแต่ละเรื่องยังดูเลวเว่อร์ๆ ชวนให้คิดว่าเดี๋ยวนี้สังคมมันเป็นเช่นนี้จริงๆ หรือเปล่าวะ ที่น่าแปลกก็คือแทบทุกเรื่องเป็นเรื่องที่ตัวละครยังอยู่ในช่วงมัธยมอีกต่างหากนะ..เฮ้อออ ขอโทษคนเขียนเรื่องนี้ด้วย ไม่ได้ตั้งใจเข้ามาบ่นอะไรหรอก แต่สงสัยจริงๆ ว่าทำไมดราม่าในนิยายช่วงนี้มันถึงได้เลวสุดเว่อร์อะไรเช่นนี้ งงจริงๆ ให้ตายเหอะ ...ก็ยังดีที่คนเขียนออกตัวไว้ว่าเป็นนิยาย อย่าถือสาหาความอะไรมาก คนอ่านอย่างเราอ่านแล้วจะได้ไม่คิดถึงความสมจริง อ่านแล้วจะได้ทำใจ ไม่คิดตาม ไม่งั้นเครียดตายเลย เลวเว่อร์ๆ ละ ..แต่ขอชมเรื่องการเล่าเรื่องของนายเอกนะคะ บรรยายได้ดีค่ะ
ไม่มีอะไรจะเม้น รู้แต่ว่าอยากอ่านต่ออออ
พลอตสุดยอด แหะๆ บวกให้จ้า
จอห์นมันก็แค่เด็กเก็บกดที่หาที่ระบายความประสาทแดกของตัวเองเท่านั้นแหล่ะ ซึ่ง.. มันเห็นแก่ตัวมากกกกกกก!!!!! :กอด1: อิจอห์น แกมันไม่ได้แม้เศษเสี้ยวความดี(?)ของพี่หมอก :กอด1:
ชอบเรื่องนี้มาก อ่านแล้วลุ้นดี
จอห์นต้องการค้นหาอะไรในความว่างเปล่า
อ่านแล้วสงสารไผ่ กลายเป็นเด็กเก็บกดจากแรงกดดันหลายๆอย่าง กับจอนห์นที่ไม่รู้คิดอะไรยังไงกันแน่ เฮ้อออ
อ่านแล้วดราม่าตามเลย สงสารไผ่ที่สุด สักวันอาจจะแตกละเอียดเลยก็ได้ จอห์นทำไปเพื่ออะไร?
สงสารน้องไผ่ อ่านแล้วหดหู่ คนแต่งแต่งเก่งมากเลยอ่ะ -..-
เพิ่งเข้ามาอ่านเรื่องนี้ แบบว่า :a5: ไม่เข้าใจทั้งจอห์นทั้งไผ่เลยทีเดียว แน่ใจว่าเป็นเด็กมอปลายวัยใส(?) แลดูมืดมนมากกกก :z3: มันน่าเศร้าตรงที่ทุกอย่างที่ทำให้กัน มันไม่ใช่ความรัก เมื่อไหร่จะรักกันอ่ะ อึดอัดตาม :sad4:
:z3: :z3: :z3: เฮ้ยยยย เหมือนจะไม่จบไม่สิ้น เพราะอะไรรรรรรรรร อยากพูดแค่สามคำให้ไอ่จ้อน " ไป กิน ไก่ " ลากลงน้ำไปกินเลยนะ ไอ่เลวววววว แบบนี้มันจะเปลี่ยนแปลงตัวเองให้เป็นคนดียังไงวะเนี่ย ดูไม่ออก :z6:
เอิ่ม...... :z6: อ่านแบบลวกๆก็เห็นความมือมิดมืดมนเต็มจอคอม :a5: เดาไม่ออกเลยว่าจะเป็นไงต่อ //เอามือปิดหน้า ไผ่จะตายมั้ยวะ โดนงี้เข้าไป น่าสงสารรันทดที่สุดดดดดด :sad4: หึยยยยย จิตตกตามเรื่องนี้ เฮื้อก มืดมน....ไม่มีพระเอกขี่ม้าขาวหรอง่ะ แบบหักมุมนิดๆ(นั่นไม่นิดน่ะ =w=) เอาใจช่วยไผ่ในมุมสว่าง อย่าเพิ่งจิตหลุดนะะะะะ :call:
คนเขียนสบายใจได้ เราไม่ได้อยากจะแจก :z6: ให้คนเขียนเลย เเต่ไอ้จอห์นไม่รับประกันนะ เหอๆ สงสารไผ่เบาๆอีกเเล้ว
สงสารไผ่.. :เฮ้อ:
ให้อารมณ์ดราม่านิสๆ
ถึงมันจะเป็นเรื่องที่แต่งขึ้นมา (http://i273.photobucket.com/albums/jj225/tangtang_jar/Emoticon_012_SmallDog.gif)แต่มันก็เจ็บปวดไปกับตัวละครที่ชื่อ "ทิวไผ่" นะ สงสารมาก ทำไมไอ้จอห์นมันเลวแบบนี้ มันจะเลวตั้งแต่ต้นจนจบเลยหรือไง :m31:
อ่านไปทึ้งหัวไป ได้อารมณ์ดาร์ก ดีจริงๆ :กอด1:
เรื่องนี้อ่านแล้วทำให้นึกถึงสภาวะอย่างนึงที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในโลกปัจจุบันนี้ "ป่วยทางใจ" พ่อและแม่ :รักไผ่ อยากให้ไผ่เป็นคนดี มีการศึกษาที่ดี และเป็นไปตามที่พ่อแม่ต้องการโดยไม่คำนึงถึงว่าความต้องการที่แท้จริงของลูกนั้นคืออะไร และเมื่อไม่ได้ตามที่ตัวเองหวัง ความทุกข์ใจ ความเสียใจ และใจที่ไม่ปล่อยวาง มันก็กลับกลายเป็นหนามแหลมคมที่ทำร้ายลูกแล้วก็ทำ้ร้ายตัวเองด้วยเหมือนกันจอห์น :ไม่จริงใจ เสแสร้ง อยากเอาชนะ ทำทุกอย่างให้ได้มาซึ่งความสะใจ หากแต่ความสะใจนั้นความสุขมันอยู่ที่ตรงไหน? ตอบให้ได้ว่าไม่มี เพราะใจที่มุ่งคิดแต่จะทำร้ายความสุขไม่มีทางแทรกตัวเข้ามาได้อย่างแน่นอนทิวไผ่ :เจ็บปวดแทบตายแต่กลับไม่แสดงออก ได้แต่กดมันลงและปล่อยให้ความเจ็บปวดมันจมอยู่กับตัวเอง ไม่หาทางออกแต่กลับปิดตายมันด้วยใจของตัวเอง อาการป่วยชนิดนี้ไม่มีใครช่วยใครได้นอกจากใจที่ต้องรู้ใจตัวเอง ได้แต่ภาวนาให้ทุกคนรีบรู้อาการป่วยของตัวเองและรีบรักษาก่อนที่อาการป่วยมันจะลุกลามและเรื้อรังไปจนตาย มาม่าไปรึปล่าวว่ะตรู??? ก็คนเขียนเค้ามาม่ามาก็ต้องมาม่ากลับ วิน วิน เน๊อะจะได้จิตพอกัน 5555+
แฮปปี้นิวเยียร์คนแต่งจ้า สงสารไผ่ ทำไทจอห์นเห็นไผ่เปผ้นวัตถุแบบนี้นะ
ชอบแนวการเขียน ไม่รู้สึกกดดันอะไรกับที่ไผ่โดนกระทำ คงเพราะไผ่คุยกับความคิดตัวเองตลอด น่าติดตามมากๆเรื่องนี้
อ่านเรื่องนี้แล้วรู่สึกว่า หนาว ... . มากกกกกกกกกกกกกกกกกกกก ก :freeze: :freeze: o21 o21 รู้สึกเหมือนว่า ไผ่ จะตายทุกๆหนึ่งนาที o6 o6 :o11: :o11: อยากรู้ ว่า แฮปปี้เอ็นดิ้งมั้ยคะ :confuse: :confuse: :confuse: :confuse:
ปวดตับที่สุด
สั้นใด้ใจๆๆๆๆๆๆๆ
ถ้าเป็นฉัน ฉันจะกรีดข้อมือแล้วนอนตายท่าสวยๆ รอยมทูตหล่อๆมารับไปเลี้ยงดีกว่า :z3:
อ่ะนะ อ่านแล้วไม่เข้าใจการสื่อสารระหว่างสองคนนี้ ตรูโง่จริง :z3: มันต้องแปลความอีกที แต่ก็สัมผัสได้ถึงความรู้สึกเชิงลบของตัวละคร เห็นด้วยค่ะ ไม่เข้าใจการสื่อสารจริงๆ อ่านแล้วดาร์คมากมาย
ปวดจิตกับอิจอห์นมาก
รู้สึกหายใจไม่ออก . . . ไอ้จอน :z6: :beat: :m31:
อ่านแล้วรู้สึก หนักๆ หน่วงๆ ไงไม่รู้ เหมือนหายใจไม่ออกแบบที่หลายคนว่า เดาทางไม่ถูก ว่าจะมันจะอะไร ทำไม อย่างไร??? อ่านแล้วมีแต่คำถาม
ขอคอมเม้นต์แบบรวบยอดเลย นิยายเรื่องนี้อ่านแล้วเหมือนจะขาดใจตาย รู้สึกว่ายิ่งอ่านไปเรื่อยๆเหมือนจะยิ่งหายใจไม่ออก มันอึดอัดเหมือนคนจมน้ำแล้วกำลังจะหมดอากาศหายใจ อ่านย่อหน้าแรกๆเหมือนจะยังเบาๆ พอเริ่มลงลึกขึ้นเรื่อยๆ เหมือนกับว่าค่อยๆโดนตัวนิยายกดลงจนรู้สึกอึดอัด ไม่เคยอ่านนิยายเรื่องไหนแล้วทรมานขนาดนี้มาก่อนเลย ต้องยกนิ้วให้คนเขียนที่สามารถบรรยายฉาก ความรู้สึก อารมณ์ ภาพรวมนิยายเรื่องนี้ออกมาได้ดีขนาดนี้ รอติดตามตอนต่อไปค่ะ อ่านมาหกตอนแล้วรู้สึกว่ายังเข้่าไม่ถึงตัวเอกในเรื่องซักที ยังแอบหวังให้มีบทในมุมมองของจอร์นบ้าง เผื่อจะเข้าใจตัวเอกในเรื่องได้มากกว่านี้ ^^
ความรู้สึกเหมือนตุ๊กตาแก้วที่เปราะบางและเต็มไปด้วยรอยร้าว ไม่นานก็คงจะแตกไป เริ่มอยากรู้ปูมหลังของจอห์นกับไผ่แล้วอ่ะ ดูน่าสนใจ ไผ่นี้อาจจะเป็นพวก social avoidance แต่นายจอห์นนี้มันอาการไรวะ (sadism syndrome?!?) รอติดตามต่อคับ ปมเยอะดี ฮ่าๆๆๆ
อ่านแล้วรู้สึกมืดมนมาก แต่ก็ชอบ o13
อ่านแล้วรู้สึกอึดอัดใจมากกกกกกกกกกกกก แต่ก็ยังอ่านอยู่ดี 5555
จะรอตอนต่อไปจ้าาา สู้ๆๆ
ทำไมถึงรักเรื่องนี้จัง ชอบแนวนีอร๊างงง คนเขียนฮอตอ่ะ บวก อัพไวเว่อร์ด้วย อิอิ :กอด1: แน่น :กอด1:ๆ
ไม่รู้ความว่างเปล่าเย็นชาของไผ่มันกระเทือนมาถึงเราบ้างหรือเปล่า อ่านตอนนี้แล้วเราก็รู้สึกว่างๆเฉยๆกว่าที่เราคิดว่าเราควรจะเป็นนะ คือแบบมันมีความรู้สึกงงๆกับการกระทำของตัวละครนิดหน่อย แต่ไม่มีความแค้นใจ คงเพราะลักษณะการบรรยายของไผ่ด้วยล่ะ ซึ่งเราชอบนะ มันให้ความรู้สึกแปลกแตกต่างดี
:เฮ้อ:
เขียนเรื่องดราม่าขนาดนี้ อยากแนะนำว่าคนเขียนอย่าทิ้งเรื่องไว้นานนะคะ ไม่ถึงกับต้องอัพเรื่องบ่อยก็ได้ แต่อย่าทิ้งไปนานๆ เพราะคนอ่านจะได้ไม่ลืมอารมณ์ที่เคยเกิดขึ้นจากตอนที่ผ่านๆ มาอะค่ะ (ไม่รู้จะอธิบายอย่างไรเหมือนกัน แต่เรื่องนี้ความรู้สึกของตัวละครที่คนอ่านรับรู้ได้มันถูกบิ๊วท์ระหว่างการอ่าน ไม่อยากให้ความมืดหม่นความอึดอัดที่คนเขียนสร้างขึ้นผ่านตัวอักษรนั้นต้องดรอปลงเพราะทิ้งเรื่องไปนานอะค่ะ) :L2: :pig4:
จะติดตามต่อไปนะครับ >>>>>>>>>
มืดมน และสับสน คือนิยามของเรื่องนี้ ชอบแนวนี้จัง คนอ่านไม่ได้อยากกระทืบคนเขียนหรอก แต่อยากกระทืบจอห์นมากกกกกก :z6: :z6: :z6:
สักวันมึงจะขาดเค้าไม่ได้จอน แล้ว เค้าก็จะไม่อยู่ให้มึงเห็นด้วยยย ถ้าอยากทำก็ทำให้พอใจ เอาให้พอ ถ้าเค้าเอาจริงเมื่อไหร คนที่มึงคิดว่าง่าย มันก้ร้ายเหมือนกัน ขึ้นเว้ยยยย ขึ้น
:monkeysad:
อ่านเรื่องนี้แล้วเหนื่อย ดหมือนจะหายใจไม่ออก... ..แต่ชอบอ่ะ เอสเอ็มดี 555 ไปอ่านพี่หมอกกะน้องตี๋ก่อนดีกว่า
TT จิ๊ดเข้า ♥ ดี มาเร็วเด้อ
รอตอนต่อไปอยู่นะครับ
ไม่รู้จะว่ายังไงดี คนอ่านจิตตกตามไผ่ไปแล้ว :z3:
อ้อก! โดนจับกดจมฟองสบู่ ทรมานนนน :z10: ที่บ้านให้กินยา จอห์นก็บังคับให้กินยา อะไรกันนักกันหนาว้อย
ไอ้จอห์น จะชั่วไปไหนห๊ะ สงสารน้องไผ่ :sad4: ขอบคุณมากค๊าาา
เขียนดีมากค่ะเรื่องนี้ อ่านแล้วอารมณ์เหมือนคนจมน้ำจริงๆเหมือนที่รีบนๆบอกเลยค่ะ ตัวละครมีปม เดาแรกๆได้อยู่แต่ตอนต่อไปบอกตรงๆ เดาไม่ถูก แต่ตอนจบอยากให้จบแบบแฮปปี้นะค่ะ ^^
กลัวว่าไผ่จะคิดสั้นเข้าซักวัน แต่คนอย่างไอ้จ้อนต้องรอให้เสียไผ่ไป เพราะสิ่งที่ตัวเองทำก่อน จึงจะรู้สึก สามคำให้ไอ้จ้อน "โดน ตีน กรู" สามคำให้น้องไผ่ "อึด อัด แทน"
อยากรู้ว่าจอห์นต้องการอะไรจากไผ่กันแน่ สงสารไผ่มากๆ
มานั้งรอตอนต่อไป
ตามความคิดของเราอ่ะ เราว่าจอห์นรักทิวไผ่จริงๆแหละ ที่ทำไปทั้งหมดอาจจะเป็นแผนการอย่างหนึ่ง เพราะว่าไผ่เป็นคนเก็บตัวแล้วก็แลดูเหมือนหุ่นตายซาก จอห์นก็เลยพยายามทำให้ทิวไผ่หัดรู้จักแสดงความรู้สึกออกมาบ้าง เกลียดก็เกลียด รักก็รัก โกรธก็โกรธ แต่ถ้าเป็นแบบที่เราคิดจริงๆก็ถือว่าเป็นวิธีที่โหดมาก เตรียมใจไว้หรือยังจอห์น ถ้าทิวไผ่เครียดหนักจนกระทั่งฆ่าตัวตายเนี่ย คิดว่ามันคุ้มกับที่แลกไปมั้ย ???? ฮ่าๆๆเป็นแค่ความเห็นส่วนตัวนะคะ เอิ๊กๆๆๆ ยังไงก็เอาใจช่วงคนเขียนน๊า สนุกมากเลย อ่านแล้วบีบหัวใจอย่างแรงงงงง
ไผ่มีโรคประจำตัวหรอ?? จากที่อ่านมาจนถึงตอนนี้รู้สึกเหมือนกับว่า ไผ่ไม่ต้องการใครในชีวิต อ่ะ ดูจะปฏิเสธทุกคนรอบๆตัวอ่า.... แต่ครอบครัวก็มีส่วนให้เป็นแบบนี้ ทำไมไม่คุยกันดีดีนะ และที่จอร์นทำไม่ว่าจะทำไปเพราะเหตุผลอะไร มันก็ไม่น่าให้อะไรซักเท่าไหร่เลย..เฮ้ออ อยากให้ไผ่ตอบโต้มั่งจัง หรือว่าทำอยู่หว๋า ที่ไม่พูดไม่ตอบเนี่ย ถือเป็นการตอบโต้ได้เปล่า?? อึดอัด และ ขัดใจ แต่ก็อยากอ่านต่อแล้วอ่ะ
อ่านแล้วอึดอัดแบบว่าไม่ไหวแล้ว ขอกลับไปหาตี๋หมอกอย่างด่วน
อยากอ่านตอนต่อไปแล้วเว๊~~~~~ :m5:
เอ่ออออออ......... ไรเตอร์โนฉุดปะเนี่ยทำไมหายนานจัง
รออ่านตอนใหม่อยู่นะครับ ขอเป็นกำลังใจให้นะครับ
Inert 7 เปลือกตารู้สึกหนัก… เสียงกระซิบในหัวดังขึ้น…อย่าตื่นเลย อย่าตื่นขึ้นมาเสียดีกว่า แต่ประสาทรับรู้กลับชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ลืมตาขึ้น อยู่ในห้องเรียน ห้องเรียน ที่ใครหลายๆคนไม่ได้สนใจเหลียวมองคนที่นั่งอยู่ข้างๆ นั่งหลังตรง คอเชิด มองไปที่กระดานด้วยสมาธิทั้งหมด เก็บทุกรายละเอียดที่ค่อยๆถูกร่างออกมาจากปลายปากกาไวท์บอร์ด อาจารย์ผู้หญิงยืนอยู่ข้างหน้าบอร์ดสีดำนั่น อ่านเนื้อหาตามหนังสือไม่มีบกพร่องด้วยใบหน้าเบื่อหน่าย ทุกคนที่นี่ สูญเสียความเป็นมนุษย์ ร่างกายเครื่องจักร หัวใจเหล็ก ไร้ซึ่งอารมณ์ ไม่มีใครแตกต่างกัน อาจรวมถึงทัศนคติและนิสัยที่เห็นแก่ตัวด้วย ก้มๆเงยๆเป็นจังหวะที่สอดคล้องไปกับเสียงเสียดหูยามที่ปลายปากกาถูกกดจนหัวปากกาเริ่มแบะออก จ้องมองหน้ากระดาษที่ว่างเปล่าข้างหน้าตน…มีเพียงเส้นแบ่งบรรทัดเท่านั้น รู้สึกถึงสายตาที่จับจ้องอยู่ขึ้นมา… ในห้องที่ทุกคนเพ่งสายตาไปทางเดียวกันหมดนั่น รู้สึกได้ ว่ามีหนึ่งในคู่สายตานั่นแปลกแยก จับจ้องมาทางนี้ ไม่ได้หันกลับไปมอง หลับตาลง เห็นแววตาเรืองรองในความมืด มาจากทางไหนกัน สิ่งเดียวที่อดทนไม่ได้ สิ่งเดียวที่ไม่อาจจะทำนิ่งเฉยตอบได้ สายตา… อึดอัด เหมือนถูกบีบคอไว้แน่น เวลามีสายตาใครมองอยู่ มือชื้นเหงื่อ ลมหายใจผิดจังหวะ รีบคว้าดินสอกดขึ้นมา พยายามจะจดไปตามเสียงที่ได้ยิน แต่ก็กดดินสอแรงเสียจนไส้ดินสอหัก พอจะกดใหม่ ไส้ดินสอกลับหมดลง ยื่นมือไปที่ใต้เกะ จะหยิบกล่องดินสอลายจืดชืดขึ้นมา ปลายนิ้วก็สะกิดถูกกระดาษแผ่นหนึ่งขึ้นมาเสียก่อน ค่อยๆหยิบกระดาษแผ่นนั้นให้เลื่อนออกมา ก้มลงมองที่ใต้โต๊ะ คลี่กระดาษสมุดที่ถูกพับเป็นแผ่นเล็กๆออก…I know u …. ใคร ลายมือไม่คุ้น ตวัดเขียนด้วยปากกา ลายมือคล้ายกับเจ้าของภาษาเขียนเสียเอง คำตอบผุดขึ้นมาในใจ จอห์น… ฉันรู้จักคุณ หรือฉันรู้จักตัวของคุณ.. ความหมายไหนกันนะที่ต้องการจะสื่อออกมา? ไม่สำคัญ ไม่ว่าจะแปลออกมาแบบไหน หรือต้องการจะสื่ออะไร ก็ไม่สำคัญทั้งนั้น รู้จักตัวตนของคนที่แม้แต่ตัวเองยังไม่รู้จัก.. เปลือกของสิ่งมีชีวิตที่เคลื่อนที่ได้… จะมีประโยชน์อะไร ถูกเล่นด้วย ราวกับของเล่นฆ่าเวลาสำหรับจอห์น เป็นยิ่งกว่าโสเภณีราคาถูก เรียกหาเวลาต้องการ ….นายมันตายไปแล้ว คำพูดนี้วนเวียนอยู่ในหัว จนบางครั้ง ก็คิดว่าคงจะตายไปแล้วจริงๆ ดังนั้น นั่นคงจะเป็นการกระทำที่เหมาะสมกับคนที่ตายไปแล้ว การกระทำที่เหมาะกับคนที่… ไม่รู้สึก…อะไร….. ขยำกระดาษแผ่นเล็กๆนั่น จนอยู่ในกำมือทั้งหมด ยัดลงกลับเข้าใต้เกะเช่นเดิม ไม่ได้หยิบไส้ดินสอกดขึ้นมาเติม ทำเพียงจ้องมองมือบนหน้าตักตัวเองที่แสนซีดชา เช่นเดียวกับความรู้สึกถูกจับจ้องนั่น ก็ห่างออกไปจากความคิด …………………… ……………. “อย่าดื้อน่า อยากรู้สึกดีก็กินๆเข้าไปเถอะ” ไม่ยอมอ้าปาก จึงถูกบีบจมูก พอถึงจุดๆหนึ่งที่ทนไม่ไหว ปากก็เปิดออก ยาที่เริ่มจะชินกับรสชาติถูกดันลึกเข้ามาจนเกือบถึงคอ น้ำกรอกตามมา เลอะไปจนถึงเสื้อ ชื้นเป็นทางยาว คุกเข่าอยู่กับพื้นห้องน้ำ กลิ่นยูเรียฟุ้งไปทั่ว ไม่ใช่สถานที่ที่เหมาะกับพักกลางวัน พอถูกกระชากแขนดึงตัวขึ้น ก็ต้องดันเข่าขึ้นตาม จอห์นปิดฝาชักโครกลง ก่อนจะนั่งตามลงไป “ถอดกางเกงออก” ยืนนิ่งเฉย แต่…ร่างกายร้อน เหงื่อออก รู้สึกถึงเม็ดเหงื่อที่หยดไล่ไปตามหลัง หลังที่มีแต่รอยกัดเต็มไปหมด จอห์นให้เวลาไม่นาน ถูกดึงตัวเข้าไปหา จับหมุนตัวหันไปทางประตูห้องน้ำ กางเกงถูกปลดออกในเวลาสั้นๆ ไม่ดิ้นรน ไม่รู้จะดิ้นรนไปทำไม และจะทำไปเพื่ออะไร “พอเถอะ…” “พูดได้ด้วยหรอ? นึกว่าจะพูดไม่เป็นเสียแล้ว” ได้ยินเสียงฝีเท้าดังมาจากข้างนอก เสียงพูดกันของเด็กผู้ชาย ห้องน้ำมุมนี้เป็นห้องน้ำหลังโรงเรียน ปกติจะใช้เวลาสักพักกว่าจะมีคนมาใช้ เวลานี้คนมักจะไปรวมกันที่โรงอาหาร ร่างกายแนบชิดโดยที่ไม่ทันได้เตรียมใจ เผลอหลุดเสียงออกไป คว้าไว้ไม่ทัน “เฮ้ย มึงทำเสียงไรวะ” “กูเปล่าเว่ยเชี่ย” “….” เท้าเหล่านั้นเข้ามาใกล้จนมองเห็นผ่านช่องใต้ประตู ใจเต้น..ตึก ตึก ไม่สูญเสียจังหวะของมันไป แต่มองรองเท้าสองคู่นั้นไม่วางตา “ใครอยู่ในห้องน้ำวะ” “….กลางวันแสกๆ โคตรกล้า” ตัวแข็งทื่อ รู้สึกเหมือนคนพวกนั้น ยืนจ้องมองอยู่ ไร้ซึ่งประตูกั้น ได้ยินเสียงความคิดที่หื่นกระหาย… “ทิวไผ่…” เสียงจอห์นเบา ติดอยู่ข้างหู พ่นลมหายใจร้อนๆ แต่ไม่ได้ทำให้รู้สึกอะไร “เรามีเป็นร้อยๆวิธีที่ทำให้นายต้องอายจนทนไม่ไหว…เลือกเอาแล้วกัน ระหว่างเปิดประตูออก เรียกให้คนมาดู หรือจะขยับตัวเอง” ถ้าเปิดประตูออกไป ….ดวงตานับสิบคู่ ไม่สิ อาจจะมากกว่านั้น ได้ยินเสียงคนเริ่มเดินมาทางนี้มากขึ้น สนามฟุตบอลคงเริ่มแน่นไปด้วยผู้คน “ทำแบบนั้น…นายไม่อายหรือยังไง” “…อย่าตอบกลับด้วยคำถาม ทิวไผ่” ถูกกัด ไล้เลียไปตามแนวคอ มือที่โอบรอบตัวอยู่ไม่ให้ร่วงหล่นสู่พื้นเหมือนตุ๊กตาหุ่นเชิดไร้คันบังคับปลดกระดุมสองเม็ดบนออก จ้องมองมือที่ค่อยๆปลดนั่น ไม่รู้ใจคิดยังไง ถ้ายังเต้นอยู่ที่ตรงนั้น…ถ้ายังเคลื่อนไหว ก็ได้ โปรดตอบคำถามผู้เป็นนายแกสักครั้งด้วยเถอะ “เราไม่ใจดีพอที่จะให้นายต่อรองหรอกนะ” มันไม่เคยมีการต่อรองมาตั้งแต่แรก เหมือนเกม ที่รู้กฏกันดีอยู่แล้ว โดยไม่ต้องพูดออกมา ไม่ได้รู้สึกอะไร ถ้าคลิปนั่นจะถูกปล่อยออกไป ไม่ได้รู้สึกอะไร……อย่างนั้นจริงๆหน่ะหรือ…. หลับตาลง รู้สึกได้ถึงคนจ้องมองอยู่ เป็นความรู้สึกเดียวกัน กับที่รู้สึกตอนอยู่ในห้องเรียน ขนลุกชัน นึกขึ้นได้ถึงเรื่องบางอย่าง ที่เป็นเหมือนจุดดำๆบนกระดาษสีขาวแผ่นใหญ่ “จอห์น….นายเขียนจดหมายนั่นทำไม” “จดหมาย…?” ไม่ใช่เวลาเหมาะกับการพูดคุย ความอ่อนไหวทางกายคงจะไม่ได้สัมพันธ์กับความคิด ในห้วงของความรู้สึกที่ไม่มีอะไร ร่างกายกลับร้อนรุ่มเหมือนถูกสุมไฟ ร้อน ร้อนทั้งหลังที่แนบกับอีกฝ่ายอยู่ ร้อนทั้งลมหายใจที่พ่นออกมา “….อึก” ควบคุมตัวเองไม่ได้ ควบคุมร่างกายตัวเองไม่ได้สักนิด แผ่นน้ำนิ่ง เกิดวงคลื่น แม้จะไม่ได้โดยกระทบโดนตรง แต่แรงที่ถ่ายเทมาก็ทำให้ผิวน้ำสั่นระริกไปหมด มือสองข้างยันเข้ากับผนังห้องน้ำ แคบจนอึดอัด ทุกครั้งที่รู้สึกว่างเปล่า จะถูกจอห์นเติมเต็มด้วยวิธีนี้ ความว่างเปล่านั่นถูกสั่นคลอน ไม่ชอบ ไม่ชอบความรู้สึกแบบนี้เลย …ร่างกายไม่ปฏิเสธเหมือนความคิด บางครั้งก็อยากอาเจียน แต่ผิวกายกับระรื่นไปกับสัมผัสหยาบโลน หลับตาลง ได้ยินเสียงผ้าที่เสียดสีกัน เหงื่อหยดลงจากปลายคาง สู่มือที่โอบรัดรอบตัวอยู่ รู้สึกเหมือนแรงนั่น จะส่งผลลึกลงไปถึงความเวิ้งว้างในตัว เหมือนอิสระที่กว้างไกลนั่นค่อยๆถูกบีบอัดเข้ามาเรื่อยๆ…อย่าคิดหนี เพราะนายไม่มีวันหนีพ้น รู้สึกเหมือนคำนี้ จำกัดเส้นความคิดเอาไว้ จนรู้สึกอึดอัด ไม่มีมุมที่ไหนให้ได้หลบซ่อนตัวในความมืด ตอนนี้ ไม่ว่าจะไปทางไหน ก็ถูกจอห์นไล่ตามไปเสียหมด ถูกคว้าตัวเอาไว้ ถูกกกกอดด้วยความรู้สึกที่ไม่ใช่รัก ไม่เคยคาดหวังความรักจากใคร เช่นเดียวกับความรู้สึกเชิงบวกที่หลายๆคนปรารถนาจากคนรอบกายสิ้นหวัง… คงจะใช้คำนี้บรรยายความคิดได้ มันเป็นแค่ความคิด ไม่ใช่ความรู้สึกที่ปั่นป่วน บางครั้งก็รู้สึกเหมือนทนไม่ไหวขึ้นมาในเวลาสั้นๆ ก่อนความรู้สึกนั้นจะหายไป แปลก…น่าแปลก เหมือนเส้นกราฟที่เคยราบเรียบกลับมามีรอยหยัก ขึ้นลงเป็นจังหวะสั้นๆให้พอได้รับรู้ ว่าหัวใจยังไม่ได้นิ่งเฉย ไม่ได้ถูกแช่ลงไปในความเย็นเสียจนไร้การเคลื่อนไหว กำลังสูญเสียความเป็นตัวของตัวเองไป….กำลังถูกทำลาย ทุกอย่างที่ใช้เป็นที่หลบซ่อน จอห์น… นาย..ต้องการทำอะไรกันแน่ “…รู้สึกดีใช่ไหม? ทนไม่ไหวจนต้องส่ายเอวเลยใช่ไหมหล่ะ?” “…ยา…เพราะยา” “…หึ ..ไหนๆร่างกายนายก็ตอบสนองดีขนาดนี้แล้ว จะบอกอะไรดีๆให้ฟังเป็นของตอบแทนแล้วกัน” เสียงนั้น ดังบ้างเบาบ้างสลับไปตามจังหวะ แต่ไม่ใช่ เป็นแค่เพราะระยะห่างที่ไม่สม่ำเสมอ บางครั้งที่ถูกดันตัวขึ้นไปสูง เสียงนั่นก็จะไล่ตามมาไม่ถึง เวลาที่โดนดึงตัวลงไปไกล ก็จะถูกโอบรัดราวกับจะถูกกลืนกิน กลืนกิน ไปในสิ่งที่ดำมืดและเงียบสงบยิ่งกว่าจักรวาล ปั่นป่วนยิ่งกว่าพายุที่พัดอย่างบ้าคลั่ง มือที่บีบเนื้อตรงอกจนชา เหมือนจะบีบลึกไปถึงสิ่งที่อยู่ลึกลงไป “…ยานั่นหน่ะ…ไม่ใช่ยาปลุกเซ็กส์หรอกนะ..เป็นแค่วิตามินบีเท่านั้นเอง” “………” “…แปลว่าที่นายกำลังรู้สึกดี รู้สึกปั่นป่วนอยู่ตอนนี้ มันมาจากตัวนายเอง ไม่ใช่จากยาอะไรนั่นหรอก” เล็บจิกเข้ากับอก ร่างกายเบี่ยงตัวเข้าหา เป็นการกระทำที่ไม่ได้ผ่านการไตร่ตรองจากสมอง เคลื่อนไหวไปตามสัญชาติญาณ เคลื่อนไหวไปตามอารมณ์ดิบที่ถูกกวัดแกว่ง เหมือนเป็นสิ่งที่หลับไหลอยู่ในตัว ไม่ใช่ถูกสร้างขึ้นมาโดยฝีมือใคร เหมือนเกิดมาพร้อมกับสิ่งนี้.. ความปรารถนาในสัมผัสหยาบโลน การกระทำที่ดูถูก กดขี่ กลับทำให้บางอย่าง ยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นไปอีก “…โกหก….คำโกหก” อีกฝ่ายพูดซ้ำ “…ฉันพูดความจริง…ร่างกายนายก็พูดความจริง” ยืนยันได้ด้วยสิ่งที่อยู่ในอุ้งมือนั่น ร้อน และเปียกชื้น หยดน้ำรินจนเกิดคลื่นหลายวงเคลื่อนตัวออกจนดูวุ่นวาย “มีแต่ใจนายเท่านั้น..ที่โกหกมาตลอด” ได้ยินเสียงอะไรบางอย่างแตกหัก…. คำโกหกที่ปกป้องตัวเองมาตลอด..เริ่มผุกร่อนด้วยคำพูดเพียงไม่กี่คำ ………………………… …………………… ….I know u… กระดาษแผ่นนั้น กำลังเล็กลงเรื่อยๆ เปลวไฟสีส้ม กลืนกินแผ่นกระดาษอย่างหิวโหย สั่นระริกยามต้องลม พอปล่อยนิ้วออก แผ่นกระดาษนั่นก็ปลิวออกไปไกล “ถ้าไฟไม่ดับ..สนามหญ้าโรงเรียนอาจไหม้ได้นะ” “…..หรอ” “ดูเหมือนจะไม่สนใจเท่าไหร่” “ไหม้ไปให้หมดก็ดี” “…….” คุ้นหน้าว่าเป็นหัวหน้าห้อง แต่จำชื่อไม่ได้ “…ไผ่ มีเรื่องอะไรหรือเปล่า” ถึงมีก็ไม่จำเป็นต้องบอก สิ่งที่อยู่ในตัวตอนนี้ มีหลายอย่างปนกันวุ่นวายไปหมดในความเงียบ เป็นเรื่องที่ไม่อยากให้ใครรู้ และไม่รู้จะบรรยายได้ยังไง “…เปล่า” คำตอบที่ง่าย สั้น และบอกชัดเจนว่าไม่ต้องการให้ใครมายุ่ง ยิ่งพวกที่ทำดีเข้ามาแบบนี้..น่ากลัว “ดูเหมือนช่วงนี้จะมีเรื่องไม่สบายใจสินะ…” “….หรอ” “…คิม..” ไม่ได้ตอบหรือแสดงออกถึงความสงสัยอะไรในสิ่งที่อีกฝ่ายพูดออกมา “เราชื่อคิม” ต้องทำอย่างไร พยักหน้าตอบอย่างนั้นนะหรือ? อยู่กันสองคนที่สนามฟุตบอลหลังโรงเรียน หมดคาบกลางวันไปนานแล้ว ไม่สิ นี่กำลังจะเลิกเรียนด้วยซ้ำ ลมพัดมา หอบกลิ่นหญ้ามาด้วย ไม่คุ้นชิน กลิ่นที่ทำให้รู้สึกนิ่งที่สุดคือกลิ่นในห้องนอนของตัวเอง ขมวดคิ้ว กลิ่นห้องนอนของตัวเอง พอนึกขึ้นมาตอนนี้กลับนึกไม่ออก มันปนไปกับกลิ่นของห้องนอนจอห์น แม้แต่ตอนนี้ แม่ยังโดนตบตาเสียสนิท ไม่ต้องการความช่วยเหลือจากใคร จึงไม่พูดอะไรออกไป ต่อให้โดนทรมานถึงตาย อย่างมาก ก็อาจจะวอนขอ ให้ช่วยเร่งเวลาสิ้นสุดนั้นเข้ามาให้เร็วขึ้นด้วยซ้ำ “..จะไปแล้วหรอ” “กลับบ้าน” “อืม..โชคดี” มองด้วยปลายสายตา ใส่แว่น ตัวสูง ผิวขาว คล้ายกับมีเชื้อชาติจีนหน่อยๆ ให้ความรู้สึกตรงข้ามกับจอห์น คิดชื่อนี้ขึ้นมา ก็ไม่อยากจะเดินต่อ ไม่รู้จะต้องเจออะไรอีก ทุกอย่างดูยาวนาน เหมือนเป็นเกมแห่งการชดใช้กับสิ่งที่แม้แต่ตัวเองยังไม่รู้ว่าเคยทำอะไรพลาดไป เคยลองนึกดู ในห้องที่มีเสียงหายใจของจอห์นอยู่ข้างๆ เพดานดูจะสูงออกไปจนแตะก้อนเมฆ จำไม่ได้ ว่าเคยเจอกันมาก่อนหรือเปล่า ความทรงจำขาดช่วง ไม่ปะติดปะต่อ “…จะไปไหน?” ไม่ได้หันกลับไป เพราะรู้ว่าเป็นใคร เดาไม่ออกว่าเสียงนั้นพูดออกมาด้วยอารมณ์ไหน ไม่อยากเดา ไม่อยากรู้ หยุดความคิดทั้งหมดลง ตอบกลับไป ตามที่เคยตอบกับคนก่อนหน้านี้ “กลับบ้าน” “ไม่ให้กลับ” เดินอ้อมมาดักหน้า ปลายเสื้อดึงรุ่ยร่าย หน้าเปียกน้ำ เหมือนจะพึ่งเล่นกีฬาเสร็จ “…แล้วไง” “บอกแม่นายไปแล้ว ว่าคืนนี้จะไปค้างด้วยกัน” “…..หรอ” “อย่ามาทำหน้าแบบนั้นนะไผ่” “ทำหน้าแบบไหน? แบบนี้ก็ผิดหรอ? ยังไงก็เป็นแค่เปลือกนอกที่โกหกเหมือนกันหมด จะไปใส่ใจอะไร” ถูกกระชากข้อมือ ดึงเข้าหาตัวจนเกือบจะชนเข้ากับหัวไหล่ ได้กลิ่นเหงื่อออกมาจากเสื้อนักเรียนตรงหน้า สายตาอยู่ที่อักษรย่อของโรงเรียน “ยอกย้อนหรอไง?” “…แค่ตีความจากสิ่งที่นายพูด” “ฉันไม่ได้พูดแบบนั้น” “แล้วต่างกันตรงไหน?” มีเพียงความเงียบตอบมา ไม่ได้จ้องมองตาจอห์น เพราะเคยสบตาด้วย ก็รู้สึกถึงความว่างเปล่าที่กำลังเชื่อมต่อเข้าหากัน ไม่ต้องการแบบนั้น อยากอยู่คนเดียว จอห์นถอนหายใจ “…อย่าเถียง อย่าทำให้โมโห ไม่ได้อยากทำให้นายเจ็บตัวหรอกนะ เพราะฉะนั้น อย่าทำให้โมโหจนควบคุมไม่ได้” “แล้วจะทำยังไง? จะชก หรือกระทืบ ถ้าโมโหมากๆจะฆ่าทิ้งหรือเปล่า” “ฟังไม่รู้เรื่องหรอไผ่…” “…เคยพูดไม่ใช่หรอว่าเป็นแค่ของเล่น เมื่อไหร่จะเบื่อ หรือต้องทำยังไงถึงจะเบื่อสักที” พอถามไปด้วยเสียงเรียบเฉย ก็ได้รอยยิ้มเย็นยะเยือกตอบกลับมา ได้ยินเสียงใบไม้แห้งถูกพัดไปตามพื้นถนน ในทางเดินเงียบๆที่มีเพียงคนสองคน ทั้งในโลกแห่งความเป็นจริง และโลกแห่งความคิด ที่ยังถูกตามบีบพื้นที่นั้นให้แคบลงเรื่อยๆ“…ไม่เบื่อง่ายๆหรอก …ถ้าทำใจไม่ได้ ก็รีบๆทำซะ” ……………………………………. …………………………. [Inert 7 : complete] [9.01.54]
(http://i273.photobucket.com/albums/jj225/tangtang_jar/19.gif)อยากให้ไผ่ลุกขึ้นมาต่อต้านบ้าง
:monkeysad: :monkeysad: :monkeysad:
วนอยู่แต่ในความคิดของตัวเอง??? ไม่ยอมบอก ไม่ยอมพูด แล้วใครเค้าจะรู้???
ดาร์คกันเข้าไป!! -..- เรื่องนี้เริ่มดราม่าล่ะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ
เบื่อได้ไง รักไปแล้วหรือป่าว ว่าแค่ คิม ? ใครหนอ
ยังสติลอึดอัดต่อเนื่อง :เฮ้อ: และก็เพิ่มตัวละครมาอีกหนึ่งตัว
ยิ่งอ่าน ยิ่งอยาก :beat:
ไอจ้อน! เมิงงงตาย :m31:
น้องไผ่ พี่เป็นห่วงสภาพจิตใจน้องจริงว่ะ ถ้ารู้จักเป็นการส่วนตัวนะจะส่ง เดี่ยวฯของท่านพี่โน้ตไปให้ดู(แต่แผ่นจากร้านเช่านะ ฮ่าๆ) เผื่อจะมองโลกมุมอื่นได้บ้างนะน้องนะ หัดดูแลตัวเองและสู้คนด้วยสิเฟ้ยย!! :กอด1: ราตรีสวัสดิ์ :กอด1:
รู้สักสงสารไผ่มาก แต่ก็อยากให้พูดอะไรออกมาบ้าง คิดอยู่แต่ในใจไม่รุสึกเจ็บหรือไงลูกกก
แวะมาตอบจอห์น :beat: :beat: :beat: ตามด้วยถีบ :z6: :z6: :z6: คิมจงมาเป็นพระเอกเถอะ!!
:z3: เออ ยิ่งอ่านยิ่งอึดอัดเฟร้ยยยยยยย อิจ้อนนนนนนน
จอห์นยังใจร้ายเหมือนเดิม จะโหดไปไหนเนี่ย
เป็นกำลังใจให้จ้า :sad11:
ใช่ มันจะดาร์คเกินไปแล้วนะ !! :o12:
ยิ่งอ่านยิ่งไม่กระจ่าง ยิ่งอ่านยิ่งเหมือนมันลึกลงเรื่อยๆ เนื้อเรื่องตอนนี้ชวนอึดอัดมาก เป็นเพราะเราไม่สามารถรู้ได้เลยว่าอดีตของตัวหลักทั้งสองของเรื่องนั้นมีความเป็นมาเป็นไปแบบไหนถึงทำให้กลายเป็นแบบนี้ ที่จอร์นทำไปทั้งหมดเชื่อว่ามันต้องมีเบื้องลึกเบื้องหลัง อยากให้ถึงตอนที่รู้ในส่วนนั้นไวๆ โดยส่วนตัวอยากให้ไผ่ลองลุกขึ้นสู้บ้าง แต่คนแบบไผ่ที่แทบไม่ยี่หระกับชีวิต แม้กระทั่งคิดแก้แค้นจอร์นที่ทำแบบนี้กับตัวเองก็ยังไม่ทำ ไม่คิดที่จะลุกขึ้นสู้ เหมือนกับว่าชีวิตมีแค่นั้นช่างมัน เนื้อเรื่องดำเนินมาถึงตอนที่เจ็ดแล้ว ปมที่คนแต่งสร้างขึ้นเหมือนมันจะรัดแน่นขึ้นเรื่อยๆ เราไม่ได้รู้สึกไปเอง ดูจากปฏิกิริยาของคอมเม้นต์อื่นๆแล้วคาดว่าคงรู้สึกเหมือนกัน รอวันที่ปมต่างๆของเรื่อง ทั้งเกี่ยวกับตัวเอกและเบื้องหลังของสิ่งที่ตัวเอกแสดงออกมาทั้งหมดคลายออก ถึงวันนั้นคงกระจ่างและรู้สึกโล่งกว่านี้เยอะ~ ^^
เอิ่ม ... คือ ชักรู้สึกแม่งๆชอบกล คิมนี่คือคนที่จดหมายแล้วก็คือคนที่จ้องอยู่ด้วยใช่ไหมน่ะ ? ถ้าไอ่ยานั่นมันคือวิตามินบีจริงๆ ไผ่คงเก็บกดมากขนาดคิดไปเองได้ขนาดนั้นเลยเหรอเนี่ย :z3: แอบคิดว่า ที่บักจ้อนทำมาทั้งหมด อาจจะ ... แบบ ... ยังไงอ่ะ อาจจะกำลัง พยายาม ทำให้ไผ่กลับมามีชีวิตจิตใจ รู้สึกรัก โกรธ เกลียด อะไรก็ได้ที่ทำให้รูว่ายังเป็นมนุษย์อยู่นะ แต่เลือกใช้วิธีพิสดาร และ เลวในสายตาคนอ่านช่วงแรกๆ :z6: คนที่เลวจริงๆอาจจะไม่ใช่จอห์นก็ได้ มีอะไรเยอะแยะที่ให้คิด อยากอ่านตอนต่อไปเหลือเกินนนน :o12:
มันมืดมน อึมครึม ขมุกขมัวมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก :z3: อยากตายแทนจริงๆ :เฮ้อ:
เหมือนเจ้าของจดหมายนั้นจะไม่ใช่ไอ้จอห์นรึเปล่าหว่าาาาา แอบหวังว่าคุณหัวหน้าห้องคงไม่ใช่ตัวละครใช้แล้วทิ้งนะ
ไผ่ทนได้ไง กลัวจะสติแตกออกมาสักวัน
อ้ายยยยยยยยยยยยยยย o13
เอิ่ม จริงๆรู้สึกว่าตอนนี้หวานแบบแปลกๆ คือเหมือนไผ่ก็เริ่มติดใจในกามารมณ์แบบนี้ จอห์นเองก็คงติดใจไผ่มาตั้งนานแล้ว ไม่งั้นคงไม่ยื้อมาถึงขนาดนี้ เพียงแต่มันยังมีอะไรบังอยู่ มันถึงได้ดูอึมครึมอย่างนี้ แต่เค้าว่ากันว่า ซาดิสต์กับมาโซคิสต์ ถ้าหากันจนเจอ จะเป็นperfect coupleเลยล่ะ หึหึ
ชอบเรื่องนี้มากๆเลยค่ะ เนื้อเรื่่องอึมครึม แต่ไม่น่าอึดอัด(หรือเพราะชีวิตเรามันอึดอัดกว่านี้นะ?) มันโดนความรุ้สึกเรามากๆเลยค่ะ ตอนที่กำลังอ่านหนังสือสอบอย่างหนักหน่วง...เฮ้อออ บางทีการเป็นเด็กเรียน(?)มันก็ให้ความรู้สึกแบบนั้นจริงๆค่ะ เวลานั่งอยูในห้องเหมือนทุกคนตายไปแล้ว... ตายไปพร้อมกับกระดานดำที่อาจารย์เขียน ไร้การเสวนาพาที มิตรภาพที่มีต่อกันมีแต่หวังผลประโยชน์ .....อยากรู้จริงๆค่ะ.....ว่าพี่คนเขียนจะสามารถแต่งเรื่องนี้ให้ออกมาหวานได้หรือไม่..... เหมือนเราจะเกรงว่าถ้าเนื้อเรื่องของเรื่องนี้เป็นเฉกเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ...ทิวไผ่ต้องฆ่าตัวตายตอนจบแหงมๆ :sad4: :sad4:
มันเริ่มจะมืดขึ้นๆทุกทีๆ
โอยย บีบหัวใจเหลือเกิน จอห์นนายคิดอะไรอยู่ :z3:
หรือว่าต้องการให้อีกคนเจ็บยิ่งกว่าน้องไผ่ เอาให้มันเจียนตายกับการกระทำของมัน ให้มันรู้ค่าของความรู้สึกว่าตายทั้งเป็นมันเจ็บอย่างไร
มันอะไรกันนี่ :serius2:
อารมณ์ตอนนี้อยากกระทืบจอห์น อยากฆ่ามันอ่ะ สงสารไผ่มาก ไหนจะที่บ้าน เพื่อน ไหนจะไอ้ปีศาจนี่อีก พยายามอ่านว่ามันคงไม่เลวหรอก อาจทำเพื่อไผ่ไรงี้ แต่แบบว่าขนาดนี้มันดูเลวเกินไปแล้วอ่ะ แต่ก็ยังหวังนิดๆ ว่าเบื้องหลังของจอห์น(มันยังมีอีกไหมนะ) หวังว่ามันจะสวยงามนะ หวังๆๆๆ ปล. เครียดค่ะ อึดอัด สงสารน้องไผ่มากกกกกกกกกกกกกก
ไม่เข้าใจทั้งจอร์นทั้งไผ่ คิดอะไรกันอยู่เนี๊ย :a5:
ไอ้จอห์น... :z6: :z6: :z6:
ยังมาบีบคั้นหัวใจเหมือนเดิม อะไรจะชอบแนวนี้เหลือเกินนนน
“…ไม่เบื่อง่ายๆหรอก …ถ้าทำใจไม่ได้ ก็รีบๆทำซะ” เร๊อะแต่คนอ่านเบื่อ อ่า ถ้าจบแบบแฮปปี้นี่เสียรูปเลยนะเนี่ย
ไผ่อาจจะมีอาการเป็นคนวิตกจริต จอห์นก็ใช้วิธีช่วยแบบผิดๆ คนอ่านก็ดาร์คสิค้าบพี่น้องงงง o18
เพิ่ม คิม มาอีกคน :เฮ้อ: ตกลง จอห์น หรือ คิม ที่เป็นพระเอกตัวจริงของไผ่ :z3:
รู้สึกอึดอัด ไม่ใช่เพราะจอห์น แต่เพราะไผ่นี่แหล่ะ
ทำให้จอห์นรักหลงขึ้นทุกๆวันแล้วทิ้งมันอย่างไร้เยื่อใย :laugh3:
อ่านไปก็อดคิดไม่ได้ว่า ไผ่อาจจะเป็น มาโซ ชอบความรุนแรงไรงี้ป่าว ถ้าไม่ใช่ก็ขออภัยไว้ ณ ที่นี้ ยิ่งอ่าน มันก็ยิ่งลึกล้ำมากขึ้นทุกที
อึมครึม เหมือนดูหนังมืด
อึดอัดทุกตอนที่ได้อ่าน อยากตื้บจอนห์ มากๆ อยากเบิ๊ดกะโหลกไผ่สักที อยากคุยกับแม่ของไผ่ คุณแม่เลี้ยงลูกยังไงคะ? อยากจะบอกว่า มันก็เป็นแค่สิ่งที่ไผ่คิดไปเองทั้งนั้นแหละ ทุกๆอย่างรอบตัวที่ไผ่มองว่ามันมืดมนไปหมด ก็เพราะคุณนั่นแหละที่คิดไปเอง กรณีไผ่ ไม่แน่ใจว่ามีอาการทางจิตเพทอ้ะเปล่า เป็นโรคซึมเศร้ารึเปล่า น่าสงสารนะ คุณแม่เคยพาน้องไปหาหมอมั้ย? แต่ที่ไอ้จอนห์เลวนั้น มัน คือ เรื่อง จริง ไผ่ไม่ได้คิดไปเองแน่นอน จับจอนห์มาแล่เนื้อ แล้วทาเกลือกับผงชูรส อิจอนห์นี่ก็โรคจิตแหงๆ และ อยากบอกคนเขียนว่า สนุกมากจ้า
อ่านไปอ่านมาแล้วเหมือนจอร์นกำลังบำบัดไผ่ ยังไงไม่รู้ ไผ่เป็นเด็กที่เหมือนตุ๊กตาที่ไม่มีชีวิต สร้างเกราะกำบังโดยเอาความว่างเปล่าโดดเดี่ยวเฉยชามาเป็นกำแพง ดูเหมือนมันกำลังจะระเบิดแล้ว แต่ก็กลัวเหมือนกัน เหมือนไผ่จะมีปัญหากับสภาวะทางจิตใจที่ผิดปกติอยู่ กลัวไผ่จะคิดสั้นเอาถ้ามันสุดๆ อ่านเรื่องนี้ แล้วหน่วงแถมต้องตั้งใจอ่านมาก แต่โครตชอบบบบบบบบบบบบบ o13
เรื่องนี้ ดาร์ค มากกกก TT^TT
ต้องบอกว่า งง มากกับความคิดของตัวละครแต่ละตัว แต่มันกลับทำให้น่าสนใจว่าเรื่องจะดำเนินต่อไปอย่างไร
:z3: :z3: :z3:
............... เอ่อ....เม้นไม่ออกแต่อยากบอกว่าไผ่พูดเยอะขึ้นอะเปล่า
อยากให้ไผ่ตอบโต้บ้างไม่ใช่นิ่งๆอยู่แบบนี้ รู้สึกอึดอัดแฮะ :z3:
อ่านแล้วรู้สึกห้องแคบลงมึดลง..อึดอัด.... ........แต่ก็ชอบ :impress2:
อ๊ากกกกกกก :serius2: บรรยากาศ อึมครึมสุดดดด อึดอัดๆๆ แต่ก้อชอบนะ อิอิ
อยากรู้อดีตของทิวไผ่จังเลยค่ะ ดูท่าจะสาหัสเอาการเลยมั้งเนี่ย จากที่อ่านๆมา :sad4: ชอบนิยายเรื่องนี้มากนะคะ เป็นกำลังใจให้นักเขียนค่ะ สู้ๆ :กอด1:
อยากให้ไผ่เปลี่ยนแปลงคัวเองงงง แล้วมาแก้แค้นจอร์น :angry2:
คิมจะมาดีมาร้ายเนี่ย แต่ทำให้จอห์นร้ายขึ้นไปอีกแหง เหอๆ
ถลำลึก แต่รู้สึกว่ามีความหมายหลายอย่างแอบแฝงอยู่ มากมาย รอติดตามต่อนะครับ
อ่านแล้วรู้สึกกลัวนิดๆแหะ ขอบคุณมากน้า :กอด1:
จุกมาก พูดไม่ออก......รู้แค่ว่า น้ำตาไหล เหมือน เหมือนตัวเองที่ปิดกั้นไว้ เหมือนอะไรหลายๆอย่างทำให้พูดไม่ออกกับสิ่งที่ไผ่ต้องเจอ ขอมารอด้วยคนนะคับ รอ รอไผ่ รอให้ไผ่หลุดออกจากตรงนั้น อยากรู้ว่าจิงๆมันคืออะไร แล้วเราจะหลุดออกมาได้มั้ย เหมือนไผ่ที่จะหลุดออกมามั้ย อย่าลืมมา่อนะคับ รอนะ รอT^T
อ่านตอนนี้แล้วเริ่มมีความหวังบางอย่างรำไร แต่หวังอะไรนี่สิ... :z3: คิดว่าเรื่องนี้คงมีพลิกล็อคแหละ แต่ไม่รู้ว่ายังไงนี่สิ (แหงแหละ ถ้ารู้แล้วมันจะเรียกว่าพลิกเรอะ!) อึดอัดผสมตื่นเต้น ลุ้นไปเรื่อยๆ :a11:
ไม่รู้จะสรรหาคำพูดแบบไหนมาอธิบายในตัวทิวไผ่ดี ทำไมช่างมืดมน หดหู่ น่าสงสารได้ขนาดนี้ แต่จากที่อ่านก็แอบคิดว่า ที่เป็นแบบนี้ส่วนหนึ่งมาจากตัวเองด้วยรึเปล่า? ถ้าไผ่หัดใช้ใจตอบคำถาม และแก้ปัญหาตัวเอง ทุกอย่างอาจจะดีขึ้นกว่านี้ก็ได้ จอห์นก็ดูเป็นคนเลวดีนะ แต่ทำแบบนี้ก็แอบคิดอีกแหละ ว่าต้องมีใจให้ไผ่ไม่มากก็น้อย แต่ดูเหมือนยังไม่รู้ตัวเองเหมือนกัน ถึงได้ใช้วิธีรุนแรงแบบนี้เพื่อที่จะให้ไผ่ดูเป็นคนที่ยังมีชีวิต ไม่ใช่ตุ๊กตาไขลานที่ไม่มีความรู้สึกอะไรสักอย่าง ยังไงก็ขอให้ทำสำเร็จ ไม่ใช่ว่าที่ทำไปทั้งหมดจะยิ่งทำให้ไผ่ยิ่งหนักไปกว่าเดิมอีกนะ ส่วนไอ้คนที่มาใหม่คาดว่าจะเป็นพวกโรคจิต ดูแปลกๆยิ่งกว่าจอห์นอีกนะเนี่ย o21 ยิ่งอ่านยิ่งบีบ :z3:
บีบคั้นอารมร์กันอย่างรุนแรง เฮ้ออ น่าสงสารไผ่จัง
อย่างนี้แหละค่ะ ป้าชอบมาม่า
จอห์นกับไผ่เคยรู้จักกัน??? เหมือนความทรงจำของไผ่กำลังค่อย ๆ ผุดขึ้นมา??? จอห์นไม่ใช่คนไม่ดี??? จอห์นกำลังช่วยไผ่ให้หลุดพ้นจากความว่างปล่าว??? โอ้วววเครื่องหมายเควสชั่นมาร์ค?เต็มไปหมด สับสนกับความคิดตัวเองเว้ยย o2
เหมือนกับติดใจแบบแปลกๆ ดูไม่น่าจะเปิดเวปแคมไว้แต่แกล้งได้ขนาดนี้เลย อยากรู้ความในใจจอห์นบ้าง เพราะหลังจากไผ่รู้ความจริงใจเหมือนหุมดำ ยิ่งเย็นชาไร้ความรู้สึก
หวังว่าคนที่ขี่ม้าขาวจะเป็นคิม ต..แต่ก็ไม่สามารถหยั่งลึกเข้าไปในใจจอห์นได้ o22 อยากได้จอห์นไซด์ โอ่ย....เครียด :z3:
จะติดตามต่อไปนะครับ
อยากรู้ฝั่งจอห์นบ้าง ว่าคิดอะไรอยู่ คิดอย่างไรกับไผ่
เสียงลือเสียงเล่าอ้างมาว่าเรื่องนี้มันดราม่าเกินทน แอบสแกนเม้นผ่านๆก่อนหน้านี้ นั่งทำใจอยู่นานโข ไม่กล้าเหยียบเข้ามาอ่าน ปล่อยผ่านจนล่วงเลยมาถึง Inert 7 สุดท้ายก็เข้ามาอ่านจนได้ เพื่อที่จะค้นพบว่า.. บรรยากาศในเรื่องมันกำลังอึมครึมได้ที่ และก็เสพติดไปเรียบร้อย...อีกเช่นเคย อรรถรสจากดราม่า จุกอกทุกอณูเซลล์กันเลยทีเดียว แอบสังเกตว่าทุกตัวละครเหมือนจะมีปมเป็นล้านเลยแฮะ คงต้องรอดูต่อไปก่อนเรื่อยๆ ส่วนการกระทำของจอห์นนั้นต้องมีเหตุผลแน่นอน อาจจะดูเหมือนเลว แต่เราว่ามันยังเลวไม่สุดแฮะ หลายๆการกระทำมันน่าสงสัย เหมือนจะหยอกเล่น แกล้งให้กระอัก พอใกล้จะตายก็คว้ามากอด อย่างไอวิตามินบีที่จับกรอกนั่น เอาจริงๆมันก็ดีไม่ใช่หรอ ช่วยบำรุงร่างกายนะเออ แล้วไอที่ดึงมาอยู่ด้วยกันที่บ้านตัวเองนี่ก็ดีซะอีก บางทีอาจจะดีกว่าปล่อยให้ไผ่จมปลักอยู่อย่างเหงาๆในโลกมืดๆที่บ้านก็ได้นะ +1 ช่วงนี้คิวงานล้นหลาม ล่าสุดแอบเห็นปล่อย + Cyclic!! + มาอีกเรื่อง take care นะจ้ะ :L2:
ตามมาอ่าน o22
คิม?? จะเป็นแบบจอร์นอีกคนไหม?? ไผ่น่าสงสาร :o12:
เจ็บปวด ...
ไผ่แกพูดบ้างอะไรบ้างก็ดีนะ อย่าคิดเองเออเอง ไม่พูดออกมาแล้วใครมันจะรู้ สู้ซะบ้าง
สนุกมากกก จอน นี่ดูลึกลับแปลกๆน่ะ
มารอๆน้า ยังไม่มาอีกอ๋อT^T ยังไงก้อจะรอต่อไปT^T
ที่ทำไปทั้งหมดคงเพราะรักมั่งงนะ ใช่มั้ยไอ้จ้อน :m16: แล้ว "คิม" คือ???? ปอลิง อยากอ่านในมุมของจอห์นบ้างจัง
มันรู้สึกอึมครึมไปหมด หายใจไม่ทั่วท้องเลยทีเดียว ทำไมนู๋ไผ่ถึงไม่ชอบทีีจะพูดหรือบอกเล่าเรื่องราวออกมานะ มีปมอะไรในใจ หรือเหตุใดทำไมจึงเป็นเยี่ยงนี้ แล้วนายจอห์นถ้าจะเลวก้อเลวให้เต็มที่เลย จะได้ปวดจิตให้กระอักเลือดไปเลย บางครั้งก้อรู้สึกว่าจอห์นรัก อยากดูแล แต่บางครั้งก้อดูรุนแรง แล้วนายคิมเปงใคร มาดีหรือร้าย แต่ก้อชอบนะคะ แต่อยากอ่านในส่วนของนายจอห์นบ้างอะไรบ้าง
จะอ้วกอ่ะ สงสารไผ่ ทำไมชีวิตมันดูหดหูา รันทด มีพ่อแม่ ก็เหมือนไม่มีเนอะ ไอ้จอห์นก็เลว สาบานเหอะว่าอยู่ในวัยเรียน รอวันที่ไผ่จะระเบิดตัวเอง บึ้ม!!! กลายเป็นโกโก้ ครั้นช์
มารอให้ต่อเหมือนเดิมน้ออ.......ยังไงก้ออย่าลืมมาต่อนะค๊าฟฟ
คนแต่งบอกซิว่าจอห์นมีเหตุผลที่ทำใช่ไม๊ :z3: รู้สึกว่าต้องมีอะ :m21: คือจอห์นไม่ร้ายซะที่เดียวเหมือนต้องการให้ไผ่มีความรู้สึกมากขึ้น
:o12: :o12: :o12: รอยู่นะคะ หล่นมาหน้าสามแล้ว ดันหน่อย เอ้า ฮึบๆ :z2:
ไม่ต่อเรื่องเน้เลยหราาาา ตกมา ช่วยดันเเว๊ :man1:
:z3: :z3: :z3: :z3: :z3:
ตามมาจากเรื่องตี๋กับพี่หมอก แต่ก็ต้อง o22 เพราะว่าเรื่องนี้ abstact เกินไปมากกกกกกกกกกกกกก จนคนอ่านโง่ๆอย่างเราเหมือนจะเข้าใจและไม่เข้าใจการกระทำของตัวละครในเวลาเดียวกัน :เฮ้อ:
จะไม่มาต่อจิงๆอ่าหลอ........รออยุ๋นะ รอจิงๆ
อ่านเรื่องนี้แล้วให้บรรยากาศอึดอัดอึมครึม ขัดข้องใจไปหมด อยากให้น้องไผ่ทะลุออกจากกรอบที่ครอบตัวตนของน้องเอาไว้ อยากเห็นตัวจริงที่หลุดออกมา.. เราว่า น้องไผ่คงจะเคยมีปัญหาอะไรสักอย่าง ตอนที่ขังตัวเองอยู่ในห้องไม่ยอมไปสอบ พอออกมาโดนแม่ตบและรีบดูที่ข้อมือว่ามีรอยอะไรมั้ย คิดว่าน้องเคยทำร้ายตัวเองมาก่อน เราไม่ค่อยเข้าใจจอห์นนัก เหมือนมีอะไรในใจ ไม่ยอมปล่อยไผ่ไปง่าย ๆ แต่ทั้งคลิปและเสียงก็ไม่หลุดให้ไผ่ได้อาย ส่วนที่บอกว่าออนไลน์ให้คนนับพันดู ก็ไม่รู้ว่าทำจริงหรือเปล่า ดูเหมือนว่าจอห์นแคร์(หรือเปล่า) มาต่อเร็ว ๆ นะคะ ^^
รออ่านต่ออยู่นะครับ
อ่านแล้วรู้สึกได้ว่าจอห์นรักไผ่
Inert 8 ร่วงหล่น ฝัน หลังจากที่จำไม่ได้ว่าฝันครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ กำลังร่วงไปสู่หุบเหวไร้ก้น ผ่านความสูงที่ไม่อาจจะจินตนการ ไม่รู้ว่าการร่วงหล่นครั้งนี้สิ้นสุดเมื่อไหร่ แต่ก็นึกจุดจบของมันออก คงจะหนีไม่พ้นความตาย ในช่วงวินาทีที่ถอดใจ ไม่สิ จะพูดแบบนั้นก็ไม่ถูก เพราะไม่คิดว่าจะรอดมาตั้งแต่แรกแล้ว ไม่เคยหวังอะไรกับสิ่งที่ไม่มีวันเป็นจริง คำว่าปาฏิหาร์ย เคยได้ยินอยู่บ่อยๆ แต่ก็ยังไม่เคยพบเจอกับตัวเองสักที มีมือยื่นมาจับแขนไว้ เพราะแรงลมที่พัด ทำให้มือยื่นไปทางด้านบน เห็นมืออีกมือหนึ่งคว้าแขนไว้ เงยหน้ามอง แต่ลมก็แรงจนต้องหยีตา มองหน้าเจ้าของมือข้างนั่นไม่ชัด เห็นแต่ริมฝีปาก เห็นรอยยิ้ม ยิ้ม ด้วยรอยยิ้มที่ไม่ยินดียินร้ายกับสภาพที่เป็นอยู่ ยิ้มเหมือนไม่แยแสโลกทั้งใบ ยิ้ม ออกมาจากความว่างเปล่าที่ไร้ก้นบึ้ง สักเสี้ยวหนึ่งในความคิดกระซิบเสียงแผ่ว มือนี้คงมาเพื่อช่วยเหลือ…. …………………………….. ………………………. ลืมตาโพลงในความมืด เหงื่อโทรมกาย ยกมือขึ้นปาด เหมือนกับออกไปวิ่งกลางแดดจัด จอห์นยังหลับอยู่ข้างๆ ต้องไปเรียน กี่โมงแล้ว มองนาฬิกา ทำจนเป็นหน้าที่ ในใจไม่ได้รู้สึกว่าตื่นเต้นอะไร แต่ร่างกายเป็นไปเอง คงจะเป็นนาฬิการ่างกายด้วยที่ปลุกให้ตื่นขึ้นมา ตีสาม มองออกไปนอกหน้าต่าง เพราะผ้าม่านยังบดบังอยู่ จึงลุกขึ้นจากที่นอน ปวดช่วงเอวยาวลงไป ไม่ได้สนใจ ท้องฟ้าเป็นสีน้ำเงินเข้ม ไม่มีพระจันทร์ และไม่เห็นดวงดาว ที่เมืองยังส่องสว่างก็เป็นเพราะคนดิ้นรนหาแสงไฟ ท้องถนนกว้างเงียบเชียบ หมู่บ้านจัดสรรใหญ่ขนาดนี้ ไม่ค่อยจะมีรถขับไปมาอยู่แล้ว “…ฝันร้ายหรือไง?” หันกลับไปมอง คนที่คิดว่าหลับอยู่เท้าแขนอยู่กับเตียง จ้องมองมาทางนี้ด้วยตาที่บางครั้งก็เป็นประกาย บางครั้งก็ดำมืด มือข้างหนึ่งกวาดไปบนเตียง ผ้าห่มที่ร่นลงทำให้เห็นคราบชื้นยังติดแน่นอยู่ตรงนั้น “เปล่า ไม่ได้ฝัน” “หรอ? แล้วไปยืนทำอะไรตรงนั้นหล่ะ? ถ้าไม่ใช่ฝันร้ายจนต้องตื่นขึ้นมา” ไม่รู้ว่าเป็นฝันร้ายหรือเปล่า เป็นแค่เพียงเรื่องราวที่สะท้อนความคิดออกมาเสียมากกว่า ไม่ได้บ่งบอกอะไรไปมากกว่านั้นเลย “พึ่งจะตีสาม ถ้านอนไม่หลับ อยากจะทำอะไรสนุกๆหรือเปล่า” ไม่ได้ตอบ เดินตัวเปล่าตรงไปทางระเบียง อยากจะออกไปเจออากาศข้างนอกเสียหน่อย ไม่อยากอยู่ในห้องแคบกับคนที่เหนือกว่าแบบนี้นานๆ รู้สึกเหมือนถูกจับทางได้หมด “ถึงจะรู้ว่าเป็นวิตามิน แต่ก็ยังตอบสนองร้อนแรงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนเลยนะ” ปล่อยเสียงนั้น ผ่านหูไป ลมพัดผ่านหว่างขา อย่างน้อยก็น่าจะใส่กางเกงออกมาด้วย แต่บางครั้ง ในหัวก็ว่างเปล่าเสียจนคิดเรื่องพื้นฐานไม่ออก จอห์นเดินตามออกมา หยิบผ้าขนหนูพันรอบเอวไว้ ก็ยังดี เท้าแขนกับระเบียงที่สูงเพียงเอว นี่เป็นชั้นสอง แต่ก็สูง สูงมากพอที่จะทำให้เกิดการร่วงหล่นได้ พอออกแรงดันที่แขนหน่อย ตัวก็ยกสูงขึ้น จนรู้สึกว่าถ้าทรงตัวไม่ดี อาจจะตกลงไป ลมพัดแรง รู้สึกตัวเอนไปข้างหน้านิดหน่อย “จะทำอะไรหน่ะ!” ดูร้อนรน..อาจจะเป็นแบบนั้น ถูกดึงตัวเข้าหาจนแนบชิด คล้ายกับหลายชั่วโมงที่ผ่านมา ในสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป “คิดจะตายหนีปัญหาหรือไง” “…ใครคิดจะตาย” “แล้วเมื่อกี้มันอะไร ดันตัวขึ้นมาขนาดนั้น ถ้าเกิดทรงตัวไม่ดี ตกลงไปยังไงก็ตายอย่างเดียว” “…..”แล้วทำไม.. ถามไม่ออก ใกล้ แต่เพราะมืดเลยไม่เห็นใบหน้าตัวเองในนัยน์ตาอีกฝ่าย แต่คิ้วที่ขมวด ทำหน้าเหมือนควบคุมตัวเองไม่ได้ ก็ทำให้พาลจะพูดไม่ออกเอาเสียดื้อๆ “…หึ…” มือข้างหนึ่งยกขยี้ผมตัวเองจนยุ่งไปหมด ขณะเดียวกันก็ดึงตัวเข้าไปใกล้ รู้สึกถึงบางอย่างใต้ผ้าขนหนู “…บ้าเอ้ย ทำไมถึงเกิดอารมณ์ขึ้นมาได้ในเวลาแบบนี้นะ?” ไม่รู้จะตอบอะไรเหมือนกัน.. รู้เพียงแต่ร่างกายที่ทรยศความคิดไปแล้ว รอที่จะตอบสนองแทบไม่ไหว ……………………………… ……………………….. คิม จากคนที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ก็เริ่มที่จะเห็นบ่อยขึ้น คงเป็นเพราะไม่เคยสังเกตุเห็นมาก่อน พอลองมองดูสักครั้ง ก็เริ่มจะรู้สึกถึงตัวตนขึ้นมาในความคิด กระตือรือร้นเสียจนน่ารำคาญ อาสาทำงานน่าเบื่อในห้อง เป็นหัวหน้าห้องที่แสนดี ดูจอมปลอมเหมือนมีแต่เปลือกนอก อาจจะคล้ายกับจอห์น ซ่อนความเลวร้ายไว้ภายใน พอถูกชวนคุย เลยยิ่งรู้สึกไม่ปลอดภัย “ไผ่ ไปห้องพักครูกัน” “….ไม่” “เอ่อ..งั้นไม่เป็นไรก็ได้ กะจะชวนไปส่งงานเป็นเพื่อนหน่อยนะ” เดินไปชวนเพื่อนคนอื่น ยกงานที่รวบรวมจากเพื่อนทั้งห้องในอ้อมแขน แล้วเดินหายออกไป ไม่อยากโดนหลอกอีกเป็นครั้งที่สอง ทุกอย่างนั้น..โกหก มีแต่เรื่องโกหกเต็มไปหมด นึกถึงภาพที่ไม่อยากเห็น ไอ้ท่าทางเหมือนควบคุมตัวเองไม่ได้นั่น ก็อาจจะเป็นอีกกับดักหนึ่ง ไม่อยากรับรู้ ไม่อยากนึกถึงอีก แต่บางครั้ง ความคิดก็เป็นระบบที่ยุ่งยากเกินเข้าใจ ….จะเป็นคิมหรือเปล่า ที่อยู่ในความฝัน ไม่อยากคิดต่อ เพราะฝันนั่นยังเป็นฝันที่ค้างคา กลับกัน อาจมาเพื่อเร่งให้การร่วงหล่นนั้นสิ้นสุดก็ได้ เห็น…เห็นพื้นหินอ่อนที่มีคราบเลือดเป็นทางยาว ตัวสั่น…ได้กลิ่นคาวเลือดไม่ ความคิดที่ทำให้แทบจะหยุดหายใจ ในความวังเวงที่ปนไปกับกลิ่นแห่งความตายนั่น ได้ยินเสียงร้องครางด้วยความเจ็บปวด ดวงตา ดวงตาหลายสิบคู่กำลังจ้องมองมาทางนี้ เฉยเมยต่อเสียงเรียกร้องขอความช่วยเหลือ ตัวสั่น แรง แรงจนปากกาในมือร่วงออก ค่อยๆหล่นจากระดับความสูงไม่มากนัก แต่ดูเชื่องชาในสายตา “ไผ่! ไผ่!” “..อย่า..อย่ามาจับ” “ไผ่! ไผ่เป็นอะไร!” “ไม่!!...ไม่เอาแล้ว พอแล้ว อย่าทำนะ เจ็บ ไม่เอา” อย่ายื่นมือมา อย่าสัมผัสแบบนั้น พอ พอสักที เก้าอี้หมุนไปตามแรงโน้มถ่วงที่ไร้ทิศทาง ล้มลงกับพื้น เห็นสายตาหลายๆคนจ้องมองมาทางนี้ คู้ตัวเข้าหากัน จนเข่าแทบจะชิดกับอก “ไม่..อย่า อย่านะ ขอร้องหล่ะ ไม่เอา ไม่เอาแล้ว ฮ…ฮึก…ฮือ” “ใครก็ได้เรียกครูมาที!..ครูห้องพยาบาล ครูอะไรก็ได้ ไผ่! ไผ่เป็นอะไรหน่ะ!” มือของคิม ยื่นออกมา จับไว้ที่ข้อแขน เป็นความรู้สึกที่คล้ายกับเดจาวู รู้สึกหนาวไปถึงกระดูก สั่นไปถึงทุกพื้นที่บนผิวหนัง “…ไม่เป็นไรนะไผ่ ไม่มีใครทำร้ายไผ่อีกต่อไปแล้ว” ไม่ได้เป็นคำพูดที่ทำให้รู้สึกสงบลงแม้สักนิด... …………………………….. ……………………… “….ทำไมต้องเรียกมาหาที่นี่” “ได้ยินมาว่าวันนี้ประสาทเสียกลางห้องเลยหรอ..เล่าให้ฟังหน่อยสิ” สระว่ายน้ำ ไม่มีคน ตอนที่เดินเข้ามา ก็เป็นเวลาที่กลุ่มนักว่ายน้ำกลุ่มสุดท้ายเดินออกไป ท้องฟ้ากลายเป็นสีฟ้าเข้ม มองด้วยระดับสายตา ไม่เห็นพระอาทิตย์ เท้าเปล่าจุ่มลงกับผิวน้ำ เกิดเป็นวงคลื่น กระจายออกเป็นวงกว้าง แสงไฟสปอร์ตไลท์ เห็นเพียงเสี้ยวหน้าของจอห์น “…ถึงกับจะถูกส่งไปโรงพยาบาลเลยหรอ” ครูห้องพยาบาลยังนั่งห่างออกไปเกือบเมตร ไม่กล้าละสายตา ถูกเก็บกรรไกร หรือของมีคมออกจนหมดห้อง มีครูผู้ชายยืนอยู่ที่มุมคนหนึ่ง จ้องมองด้วยสายตาระแวง ไม่ได้ตอบซักคำถาม จึงถูกลงความเห็นว่าสมควรจะอยู่ภายใต้การตัดสินใจของแพทย์ แต่คิมกลับขอไว้ บอกว่าเป็นแค่ความเครียดสะสมจากการอ่านหนังสือ เพราะเป็นคนดี เพราะเป็นหัวหน้าห้อง ศิษย์ที่อาจารย์รัก จึงยอมรับฟัง เคยอยู่ที่จุดนั่นด้วยความรู้ทางวิชาการ แต่ตอนนี้มันเปลี่ยนไปแล้ว “ในเปลือกที่ว่างเปล่านั้น..มีอะไรอยู่กันแน่นะ…” ก้าวเท้าเข้ามาหาเร็วๆ ไม่ได้ถอยหนี พอถูกกระชากข้อมือแรงๆ ก็เสียหลัก ถูกเหวี่ยงตกลงไปในสระน้ำ ได้ยินเสียงกระเซ็น เพราะยังไม่ทันได้ตั้งตัว จึงปล่อยอากาศทั้งหมดออกไปภายในการหายใจแค่ครั้งเดียวร่วงหล่น นี่แหละ คือการร่วงหล่น ความคิดบอกแบบนั้น เห็นมือของตัวเองอยู่ในสายตา คลอรีนกัดจนแสบไปหมด น้ำเย็น เย็นเสียจนเหมือนถูกแช่ในธารน้ำแข็ง มืด เห็นเพียงแสงไฟลางๆ ในมุมมองที่ไม่ชัดเจนนั่น ที่แห่งนี้ ไม่ได้ต่างอะไรจากความว่างเปล่าในตัว มองไม่เห็นว่าตัวเองอยู่ที่ไหน รู้สึกเพียงความหนาว ความเดียวดาย อยู่ลำพังในความเวิ้งว้างที่ไม่มีใคร สายน้ำแหวกออก ฟองลอยฟ่อดไปหมด เห็นร่างของจอห์นกระโดดลงมาใต้น้ำด้วยกัน หายใจไม่ออก ถีบตัวขึ้นไปที่ผิวน้ำ ร่างกายทำไปเอง อีกนิด… ถูกดันที่ไหล่ แรงกดมากจนร่างกายจมลง จนแทบจะถึงก้นสระ อึดอัด รู้สึกทรมาน เหมือนปอดปริออก ไม่รู้จะทนได้อีกนานแค่ไหน แต่ตอนนี้ อ้าปาก รู้ว่าไม่มีอากาศ น้ำไหลทะลักเข้าแทนช่องว่างนั่น ทำเรื่องไร้สาระในช่วงเวลาแบบนี้ คงเป็นชั่ววินาทีของสัญชาติญาณการมีชีวิต ทำแม้แต่กระทั่งสะบัดมือออกจากข้อแขนนั่น แต่แน่น แน่นเกินไป เกินกว่าที่จะหลุดออกง่ายๆ คงจะตาย.. ตายอยู่ภายใต้สายน้ำที่เหน็บหนาว และมืดมิด ความนึกคิดเลือนลาง เป็นการตายที่น่าหดหู่ อดที่จะเสียใจไปกับตัวเองไม่ได้ เกิดอย่างโดดเดี่ยว ก็ต้องตายอย่างโดดเดี่ยว เป็นชั่ววินาทีที่ยืนอยู่บนเส้นด้ายเล็กๆ ความตายมันเป็นอย่างนี้เองหรือ ความรู้สึกก่อนตาย ทำไมเต็มไปด้วยความเสียใจ ความรู้สึก ผลิบานออกในเวลาที่ไม่มีประโยชน์อีกต่อไป… เห็นผมสีน้ำตาลเข้มนั่นเอนไปตามน้ำ เข้ามาใกล้ ใกล้จนริมฝีปากประกบเข้าหากัน อากาศถูกท่ายเทเข้ามา รู้สึกเหมือนถูกฉุดดึงขึ้นมาอีกครั้ง มือของจอห์นปล่อยออกจากไหล่ที่กดอยู่ เลื่อนไปตามแนวไหล่ ไปถึงข้อมือ กุมเข้าหาช้าๆ รู้สึกถึงความอบอุ่น บนข้อมือที่เย็นเฉียบ หลับตาลง… ร่างกายเคลื่อนเข้าหาอีกฝ่ายไม่รู้ตัว ยกแขนขึ้นโอบรอบคอไว้ จูบที่ถ่ายเทอากาศจากอีกฝ่ายมาจนหมด แต่เพราไม่มีทักษะการว่ายน้ำอยู่ เลยไม่รู้จะเก็บอากาศเหล่านี้ไว้ได้ยังไง ลิ้นชื้นตามมา บางครั้ง น้ำก็เล็ดลอดเข้ามาตามรอยประกบที่ไม่สนิทพอ อากาศอาจจะหมดลงแล้ว แต่ร่างกายไม่ยอมขยับถ้าตายไปทั้งแบบนี้… ความคิดแบบนี้ผุดขึ้นมา ไม่ได้รู้สึกดิ้นรน รอบเอวถูกโอบไว้ ถูกดึงตัวเข้าหากัน ความเสียใจ ลดลงไป จนมองย้อนกลับไปตอนนี้ ไม่เห็นมันอีก ประกบจูบราวกับนี้เป็นจูบสุดท้ายของชีวิต ข้อมือที่ถูกกำไว้ โดนบีบแน่นจนปลายนิ้วชา หรี่ตาขึ้น เห็นสมุดลอยอยู่ไม่ไกล กระเป๋ายังอยู่ที่หลัง ของหลายๆอย่างค่อยๆทิ้งตัวลง กล่องดินสออยู่ที่ก้นสระ เท้าเขี่ยถูก มองไม่เห็น เพราะแสงลงมาไม่ถึง บางอย่าง เคลื่อนที่ช้าจนเหมือนหยุดนิ่ง คล้ายกับลอยคว้างอยู่ในอวกาศ ไม่มีออกซิเจนให้หายใจ ทุกอย่าง ลอยไปตามกฏสมดุลแรง จนบางครั้ง ก็เหมือนลอยอยู่นิ่งๆ ริมฝีปากผละออก ถูกดึงแขนขึ้นไป คงจะถึงขีดจำกัด แสงสว่างค่อยๆชัดขึ้นมาอีกครั้ง มองสิ่งรอบตัวที่ยังลอยนิ่งๆ สมุดเล่มหนึ่ง กลับลอยขึ้น หน้ากระดาษซับน้ำจนอิ่ม บางแผ่นหลุดออกมา เมื่อแรงถีบที่เท้าไปถึง พ้นผิวน้ำ พ้นจากความหนาวเย็น หายใจจนเหมือนจะไม่ได้หายใจอีก ชั่ววินาทีหนึ่ง รู้สึกถึงความตาย แต่ก็เหมือนถูกดึงขึ้นมาอีกครั้ง ได้ยินแต่เสียงหอบหายใจดัง อยู่ใต้น้ำ ไม่ได้ยินเสียงอะไรทั้งสิ้น “…นั่นแหละความตาย” ไม่ได้พูดอะไรออกไป สำลักน้ำจนไอไม่หยุด พอเสียงไอเงียบลง จอห์นก็พูดต่อ “หนาวเย็น ไม่มีเสียง แบบนี้ยังอยากจะตายอยู่หรือเปล่า…” ลอยตัวอยู่ใกล้ๆกัน บางจังหวะที่ตีเท้าไปมาใต้ผิวน้ำ ขาก็จะเตะเข้าหากัน จอห์นเป็นเท้าเปล่า ที่เท้าของตัวเองรู้สึกหนัก คงเป็นเพราะรองเท้าผ้าใบอุ้มน้ำจนหนัก “อึดอัดแบบนี้ ยังอยากจะตายอยู่อีกไหม?” ไม่รู้จะตอบอะไรออกไป ผิวกายสั่น หนาว หนาวจนปากกระทบเข้าหากัน “ปากซีดไปหมดเลยนะ” มือนั่นยกขึ้นแตะผิวแก้มช้าๆ หยดน้ำหยดลงจากนาฬิกาข้อมือที่เห็นอยู่ตรงหน้า ความว่างเปล่าแทนคำตอบ นิ้วโป้งของจอห์นปาดน้ำที่เลอะแก้มอยู่ “น้ำตาไหลอยู่…กลัวหรือไง” “ไม่ใช่น้ำตา” “น้ำตาน่ะ…บางครั้งก็ไม่ได้เห็นเสมอไปหรอกนะ….” ………………………………… ……………………….. [Inert 8 : complete] [18.01.55] ขออภัยในความล่าช้า เขียนเรื่องอื่นอยู่ ... :z6: :กอด1: :กอด1:
:กอด1: ไผ่น่าสงสาร!!! :sad4:
จิ้มมมมม ไผ่ยังน่าสงสารเหมือนเดิม TT
รู้สึกอึดอัด หายใจไม่ออก แงงงงงงงงง อยากรู้สาเหตุที่ทำให้ไผ่เป็นอย่างนี้จัง
มิเป็นไร เพราะเรื่องนี้อ่านทีไรต้องแปลความทุกที ต้องเค้นสติปัญญาที่มีอยู่ มัน abstract มากสำหรับเรา :z3:
:z3: หดหู่มันเข้าไป จอห์นทำอะไร เหมือนพยายามกดดันให้ถึงที่สุด เพื่อให้เผยอีกด้านออกมาหรือไงกัน
มือนี้คงมาเพื่อช่วยเหลือ…. มือใครกัน ดูให้ดีๆ อย่าด่วนตัดสินคนที่ภายนอก เพราะบางทีคนที่อันตรายที่สุด อาจจะเป็นคนที่ปกป้องเราได้ดีที่สุด ปล. บรรยายฉากใต้น้ำจนถึงตอนท้ายได้เมพขิงๆ กระชากอารมณ์สะเทือนใจเห็นภาพชัดเจนยิ่งกว่า 4D o13
มืดมนดีแท้ สงสารหนูไผ่ :sad4:
ไผ่ก็ยังน่าสงสารเหมือนเดิม จอร์นดีหรือร้ายกันแน่? เหมือนสอนแต่ก็ทำร้าย
ไผ่จ๋า อยากจะบอกว่าคนอ่านคนนี้จะเป็นบ้าตายไปก่อนเธอแล้วอ่ะ :z3: :z3:
:z3: :z3: :z3: :z3: :z3: สงสารไผ่อ่ะะะะะะะ จ้อนนนนนน แกตั้งใจจะทำอะไรกันแน่เนี่ย ไม่เข้าใจอ่ะ ไม่เคยเข้าใจเลย อยากจะสอนให้ไผ่รู้เหรอว่าความรู้สึกต่างๆมันเป็นยังไง แต่ถ้าแบบนั้น ไม่จำเป็นต้องขนาดนี้ก็ได้ป้ะ :z6: แต่แบบ ถ้าไม่ใช่ตัวเองที่ตั้งใจจะทำให้ไผ่ตกอยู่ในสถานการณ์อย่างโน้นอย่างนี้ เหมือนจะรู้สึกเดือดร้อนเอาเรื่องอยู่นะ แคร์ไผ่ใช่เปล่าอ่ะ ยังรู้สึกแคร์ใช่ไหม จะได้อนุมานไปว่ารัก จะว่าไงก็เอาเหอะนะ แต่ว่า ไม่ชอบคิมอย่างบอกไม่ถูกอ้ะ มือที่เอื้อมมา อาจจะเป็นจอห์นก็ได้นะไผ่ แต่จุดประสงค์นี่ ... ไม่รู้ :z3:
หึหึ อ่านตอนนี้แล้วรู้สึกไม่อึดอัดค่ัะ เพราะเหตุผลที่ว่า เรารู้สึกเหมือนกับว่า จ้อนนนไม่อยากให้ไผ่ตายยังไงไม่รู้สิค่ะ โดยส่วนตัว ไม่ค่อยรู้สึกอึดอัดกับเรื่องนี้....ฮ่ะๆ ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน เหมือนเราเข้าใจในสิ่งที่ไผ่รุ้สึกมั้งค่ะ....(ออกแนวเหมือนพหูสูตแฮะเรา เข้าใจเขาไปทั่ว 55+) แต่เราสงสัยมานานแล้วค่ะ ไอ้วิตามินนั่นมันเป็นวิตามินจริงๆหรอ คงไม่ใช่พวก แอมเฟตามินอะไรอย่างงงี้หรอกน่ะค่ะใชไหม??? หรือเราคิดมากไปเอง... รอตอนต่อไปอย่างใจจดใจจ่อค่ะ พี่คนเขียนค่ะ ....ฝากไปบอกไผ่ด้วยนะค่ะ ว่า"อย่าเพิ่งรีบตายหายไปไหน ....... เพราะมีคนยังอยากอ่านเรื่องของไผ่อยู่นะ 55+" o13 o13
เรื่องนี้เต็มไปด้วยจินตนาการจริงๆ อ่านไปแล้วนึกตามมันเหมือนอยู่ในวังวนที่มืดมนในความคิดของไผ่ จอห์นนี่ทำให้สับสน คือต้องการอะไรจากไผ่กันแน่ ต้องการจะรู้ว่าข้างในตัวตนของไผ่เป็นยังไงงั้นเหรอ ทรมาน แต่ไม่อยากให้ตาย!? :z3:
เรารู้สึกว่าจอห์นเข้ามาเพื่อช่วยไผ่นะ เรื่องนี้ดาร์คสุดๆ เฮ้ออ อ่านแล้วอึดอัด
บางครั้งจอห์นก็เหมือนจะมีความรู้สึกลึกซึ้งกับไผ่ แต่บางครั้งมันก็กวนทรีนได้ใจเหมือนกัน แต่ทุกครั้ง คนที่เจ็บปวดก็เป็นคนเดิมๆ คนนั้นคือ ไผ่ เมื่อไหร่ไผ่จะมีความสุขจริงๆ เหมือนคนปกติสักที
อ่านแล้วยังอึดอัดเหมือนอกจะระเบิดดด เมื่อไหร่ไผ่จะสดใสบ้างงง
เอี้ยจอร์น :z6: :z6: :z6:
อยากรู้ความคิดและเหตุผลของจอห์น จะมีการเล่าเรื่องผ่านทางจอห์นบ้างมั๊ยคะ
มืดมน :sad2:
ฉากจมน้ำสุดยอดมากค่ะ สงสารไผ่อ่ะ "น้ำตา บางครั้งก็ไม่ได้เห็นเสมอไป"
อึดอัดมาก เป็นความรักที่มืดมนอนธกาลเสียเหลือเกิน อ่านแล้วจะหายใจไม่ออกตาม ไม่รู้หนูไผ่จะรอพ้นไปได้อย่างไรกับความรู้สึกแบบนี้ แต่หนูไผ่ก็เริ่มจะเป็นคนปกติขึ้นมาแล้วนะตอนนี้ ^^
บีบ มันบีบหัวใจ :z3:
จอห์นต้องการอะไรจากไผ่กันแน่ T T'
เรื่องนี้ทำให้เราสับสนเป็นบ้า ตอนที่จอห์นเป็นคนดีเรากลับคิดว่าไอ้นี่ต้องชั่วแน่ๆ พอจอห์นชั่วขึ้นมา กลับคิดว่าที่ทำเพราะมีเหตุผลบางอย่าง ต้องการช่วยไผ่ เป็นคนดีชัวร์ๆ
สงสัยจอห์นอ่ะ มันลึกลับ คนที่ว่างเปล่าจริงๆ จะเป็น ไผ่ก็ได้น่ะ
อ่านแล้วมันบีบหัวใจอย่างไงไม่รู้ :เฮ้อ:
โอ๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย เค้าชอบตอนนี้นะ อ่านแล้วรู้สึกว่า จอห์นรักไผ่จริงๆ เป็นรักแบบไม่ได้ทะนุถนอม แต่ให้ไผ่รู้สึกด้วยตัวเอง เหมือนตอนที่ไผ่จะฆ่าตัวตาย จอห์นก็ทำให้ไผ่เรียนรู้ว่าไม่ได้อยากจะตายจริงๆ ทั้งหมดที่จอห์นทำ เป็นการเข้ามาเป็น somebody ในชีวิตของไผ่ ไม่ใช่ nobody เหมือนเมื่อก่อน หรือคนอื่นๆ ประมาณทั้งรักทั้งเกลียด แต่จะไม่มีวันลืม ปล NC ในสระน้ำ เริ่ด :z1: คิดภาพตามแล้วมันต้องอีโรติกมากแน่ๆ :m10:
จอห์นคงอยากเข้ามาช่วยจริงๆแหละ อยากให้ไม่ว่างเปล่า มีอารมณ์ มีความรู้สึก แต่โหดมากเลยลูก :beat:
สมแล้วที่เรื่องนี้ชื่อ "อึดอัด" เพราะมันช่างอึดอัดคงเส้นคงวาจริงๆ สงสารไผ่อ่าาาาาาาา :o12: บางครั้งจอห์นมันก็ทำเหมือนไผ่สำคัญ แต่บางครั้งจอห์นมันก็แอบโรคจิต คิมอีกคน เข้ามาหาไผ่ทำไม? หวังดีจริงๆหรือมาแบบจอห์นอีก ถ้าเจอคิมเป็นแบบจอห์นอีกคนนะ จบสิ้นเลย สงสารไผ่จริงจัง! ปล.วันนี้วันที่ 17 นะคะคนเขียน กร๊ากๆ :laugh:
รู้สึกว่าคราวนี้จอห์นดูอ่อนโยนมากเลยอ่ะ จอห์นต้องคิดอะไรอยู่แน่ๆเลย มาเพื่อช่วยไผ่ใช่ไหมอ่ะ แต่ตอนนี้ก็ยังสงสารไผ่ จอห์นมีไรก็เคลียร์มาเลยเถอะ อึดอัดอ่ะ T^T
เปิดใจๆ :เฮ้อ: ปล...งงกับวันที่อะ :m28:
มันมาม่าแบบจิต ๆ ไงไม่รู้อ่า ทำไมเรารู้สึกว่า ในไม่ช้าไผ่จะค่อย ๆ เลือนลางลง จนไม่มีแม้แต่ตัวตน ดูเหมือนคนที่จะเสียใจที่สุดอาจเป็นจอนที่ทำแบบนั้นโดยไม่รู้ตัว ว่ายิ่งผลักดัน ให้ไผ่ หายไปในโลกที่ไร้ตัวตนมากยิ่งขึ้น --------------------- เรื่องนี้ต่างจากเรื่องเงินอย่างรุนแรง แม้จะมองเห็นช่องว่างของฐานะเหมือนกัน แต่ว่านายเอกกับมองเห็นแต่ความมืด โลกที่โหดร้าย และเป็นสีดำ ผิดกับน้องตี๋ ที่พยายามและมองทุกอย่างว่าไม่มีอะไรผิด โลกที่ขาวที่สดใส และพระเอกอย่างพี่หมอก บ้างที่มีอารมณ์ถึงการถูกทิ้งเงียบเหงา แต่กลับแสดงท่าทีต่างกัน โดยพี่หมอกแสดงถึงกันนิ่งเงียบ ไม่ได้พยายามทำตัวโดดเด่นแต่อย่างใด แต่แค่อยู่ ๆ ไป เฉย แต่ความนิ่งนั้นป็อปขึ้นมาเอง ส่วนจอนดูจะเลวร้ายกว่ามาก ตัวละครดูมีเบื้องหลังมาก จนไปรู้จุดจบ พลักดันตัวเองสู่การสร้างตัวตนที่ต้องเด่นที่สุด และมองว่าดีที่สุด นืยายเรื่องนี้เราว่าดูมีความลับซ่อนอยู่เยอะเลย ซ่อนเงื่อน ไม่เหมือนกับ coin ที่ถ่ายทอดผ่านการแสดงออกอย่างตรงไปตรงมา แม้ไม่ได้พูดออกไป ก็เข้าใจได้
อ่านตอนนี้ จากที่มันดู มืดหม่น ตลอด เริ่มเห็นแสงแห่งความหวัง วิญญาณของไผ่มั่งแล้ว เริ่มเข้าใจ จอห์นมากขึ้นแล้ว น่ะ ดูท่าจะไม่ใช่อย่างที่คิด ดูจะเข้าใจไผ่มากทีเดียว o13 หวังว่าสิ่งที่จอห์นตัดสินใจทำ มันคงจะส่งผลน่ะ
ทำไมมันอึดอัดแบบนี้
:z3: :z3: :z3: :z3:
ไม่รู้ว่าคิดไปเองเปล่า เเต่จอห์นคงไม่ใช่คนเลว ไม่รู้งุงิ รออ่านต่ออย่างเดียวจ้า
ชอ บเรื่องเน้อ่า o13 ไม่ค่อยได้เจอคนเขียนนิยายแนวนี้สักเท่าไหร่ น่าติดตามมากเลยค่า
อ่านแล้วเหมือนจริงๆจอห์นอยากจะช่วยรึเปล่า แต่ถ้าใช่นี่เป็นวิธีที่โหดพอตัว แล้วคิมล่ะ?? แต่ถึงจะอึดอัดแค่ไหนก็รออ่านค่ะ ยิ่งอ่านยิ่งชอบ
ทำไมต้องกดดันไผ่ขนาดนั้นด้วยนะ ว๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกก;,,, (คลั่งแทน ๕๕)
:เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
รู้สึกว่าในความมืดมนของไผ่ เริ่มมีความสว่างจากจอห์นส่องไปแหละ :o8: แต่อิตาจอห์นมันก็ยังลึกลับเหมือนเดิม :z3: ยังไงก็ลุ้นคู่นี้ต่อไป :pighaun:
รอดูว่าไผ่จะระเบิดตู้มมมใส่อิจ้อนเมื่อไหร่ ตอนนี้จอห์นดูแปลกๆไปนะ เมื่อก่อนเห็นดูไม่สนใจว่าไผ่จะเป็นจะตาย แถมพูดจาถากถางใส่อีกต่างหาก ทำไมตอนนี้มันเหมือนจะดีๆแปลกๆ พิลึกๆ งง :z3:
...มายก้อดด ไม่รู้จะรู้สึกยังไงกับจ้อนดี :z3:
อ่านแล้วพาลนึกตัวเองเป็นไผ่ไปซะงั้น ชีวิตมันช่างว่างเปล่า ล่องลอยไร้ตัวตน เหมือนถูกบีบจนระเบิดออกมา เป็นแค่ซากอะไรซักอย่าง พออ่านจบ ลืมไปหมดแล้ว :laugh: (ไร้สาระเจงๆตู)
อึดอัดกับไผ่ อ่านแล้วต้องมานั่งทำความเข้าใจอีก จอห์นก็อีกคนทำร้ายไผ่ทุกอย่าง แต่บางทีกทำเหมือนว่าห่วง มันยังไงกันเเน่เนี๊ย
ไผ่ว่าเราจะเชียร์คิมดีป่ะ ช่วยคิดหน่อย o18
โอ้ยย อึดอัดทั้งตอนเลยคะ อ่านแล้วหายใจไม่ออกคือแบบ มันยังไงไม่รู้ ก็ยังไม่รู้อยู่ดีว่าจ้อนต้องการอะไร และไผ่รู้สึกแบบไหน แต่ก็ดูเหมือนจ้อนจะมีปฏิกิริยาที่ดีกว่าเดิม ขึ้นมา นิ้ดดดด นึง แต่ก็ดีนะ ชอบอะ แต่ไผ่น่าสงสารเหมือนเดิมเลย ตอนแรกนึกว่าจ้อนจะฆ่าไผ่แล้วซะอีก :o12:
ไม่ไว้ใจคิมเลยอ่ะ เราจะดูบ้าๆหรือเปล่าเนี่ย ถ้าเราจะบอกว่าคนเดียวที่เราไว้ใจตอนนี้คือจอห์น เหมือนจอห์นมันไม่มีอะไรมากกว่านี้แล้ว แต่คนอื่นนี่สิ..
ไม่รู้จะเม้นท์อะไรดีเลย นุ้งไผ่ :o12:
โอ้ว ตามมาอ่านรวดเดียวจบ
อ่านเรื่องนี้แล้วลองเอา(E)คุณจอห์นไปเทียบกับพระเอกใน"ปฏิบัติการณ์รักร้าย Ver. เจ้าชาย..กับนายตัวแสบ" แล้วจะเห็นความแตกต่าง 555+ o18 o18
ติดนิยายเรื่องนี้เข้าซะแล้ว อ่านแล้วรู้สึกว่ามันเข้าถึงอารมณ์มาก เป็นกำลังใจให้คนเขียนจร้า
สงสารไผ่ :เฮ้อ: เครียด
ฉากในสระน้ำ.. บรรยายได้สุด ๆ ไปเลยค่ะ รู้สึกเหมือนจมน้ำอยู่กับน้องไผ่ T__T
จอห์นกำลังพยายามทำอะไรอยู่เนี่ย
ต้องอ่านถึงสามรอบถึงจะเข้าใจตัวละครมากขึ้น ลึกซึ้งงจริงๆเรื่องนี้ รอดูต่อไปว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับคู่นี้
แหม่ ยังคงอึมครึมเมหือนเดิม รู้สึกเมหือนกันว่า จ้อนรักไผ่นะ ต้องการจะสอนไผ่ อยากทำให้ไผ่มีความรู้สึก ขอมรับความรู้สึกตัวเองไรงี้
อึดอัดกับเรื่องนี้จัง ไม่เข้าใจอะไรสักอย่าง เมื่อไหร่จะชัดเจน? :เฮ้อ:
เป็นความว่างเปล่าที่มืดหมนดีแหะชอบบ o18
Dark มาก ๆ แต่ดันชอบว่ะ
จอห์นคืออดีต คือคนในความฝัน คือภาพความทรงจำเก่า ๆ ของไผ่ มั๊ง?? เดาไม่ออก ขึ้เกียจเดา 555+
ตอนนี้ชีวิตไผ่ถูกทำให้มืดมน บรรยาทได้ดารท์สุดยอด
อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกก :m31: Dark สุดๆ อึดอัดๆๆ :z3: :z3:
กี่ตอนต่อกี่ตอนก้อหมองเศร้าสินะ.......จุก จุกไปหมดทุกครั้งที่อ่าน น้ำตาไหลแทนทุกอย่างที่จะพูดออกมา เมื่อไหร่จะหลุดพ้นกานนะ เมื่อไหร่นะT^T อย่าลืมมาต่ออีกนะคับ รอนะ รอT^T
ไอ้จอร์นเลวไปมั๊ย แสดดดดดดดดด
ตอนอยู่ในสระน้ำ คนเขียนบรรยายได้สุโค่ยมาก ประทับใจ + นับถือ :กอด1:
ชอบแนวนี้สุดๆ ละ เท่าที่อ่านมาก ให้อารมณ์สุขใจสุดๆ
มาเม้นท์+กดบวกให้คนเขียนเรื่อยๆ ค่า แต่ขออนุญาตที่จะยังไม่อ่าน เหอๆๆๆ เนื้อเรื่องสไตล์นี้คงต้องขออ่านทีหลายๆ ตอนทีเดียว อารมณ์จะได้ต่อเนื่องจ้า เป็นกำลังใจให้คนเขียนนะคะ :L2:
จอห์นไม่ได้เกลียดไผ่ใช่ป่าว
ยังคงมืดมนและชวนอึดอัดเหมือนเดิม แต่ตอนล่าสุดนี่เหมือนจะมีแสงสว่างส่องมาให้เห็นบ้างแล้ว~ อ่านไปอ่านมารู้สึกว่าไผ่คือความว่างเปล่า และจอร์นคือคนที่จะช่วยเติมเต็มช่องว่างที่ขาดหายไปให้เต็ม อิมเมจของไผ่มันชวนให้หดหู่สุดๆ อยากรู้อดีตของไผ่มากๆๆๆ อีกอย่าง...ขอเดาว่าคนที่ไผ่ฝันเห็นคือจอร์นได้มั้ย คือรู้สึกแค่ว่าสองคนนี้มันต้องมีอะไรเกี่ยวข้องกันมาก่อนแน่ แล้วก็ต้องสำคัญมากด้วย รออ่านตอนต่อไปนะ :impress2:
อึดอัดมาก แต่เข้าใจไผ่หน่อยๆ แต่บางทีก็ไม่เข้าใจ จอห์น ยิ่งไม่เข้าใจ มาช่วยรึเปล่า แต่ใช้วิธีนี้แทน หรือมาอย่างร้าย แต่พอรู้จักเลยอยากจะช่วย รึเปล่า อยากให้เฉลยปมแล้วค่ะ มันอึดอัดในใจ ไผ่คิดว่าตัวเองพร้อมจะตาย แต่จอห์นมาชี้ให้เห็นถึงความตาย รึเปล่า รออ่านต่อนะคะ อึดอัด แต่ชอบนะ กลัวตอนจบ อยากให้ happy แต่เนื้อเรื่องมืดมนเหลือจะกล่าว
ยังคงดำดิ่งเป็นปริศนาอยู่ ตกลงน้องไผ่ของเราเป็นยังไงกันแน่ เพราะมองทุกอย่างในมุมของไผ่คนเดียว เลยไม่รู้ว่าจริง ๆ แล้วคนอื่น ๆ เขาเป็นแบบนั้นหรือเปล่า
ตามมาอ่านเรื่องนี้หลังจากที่ได้อ่านเรื่องของพี่หมอกกับน้องตี๋ เรื่องนี้มัน...................จิตได้ใจจริงๆ อ่านแล้วรู้สึกอึดอัดกับความคิดของไผ่จััง เป็นคนที่มีอดีตมีปมอยู่ในใจ ส่วนจอห์นบางทีก็รู้สึกเหมือนกับว่าที่เข้ามาพัวพันยุ่งเกี่ยวกับไผ่ก็เพื่อที่จะช่วยเหลือ แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะช่วยได้รึเปล่า เอาเป็นว่าอ่านเรื่องนี้แล้ว....เดาใจคนแต่งไม่ได้จริงๆ....เรื่องอื่นที่เคยอ่านยังไงก็ยังพอจะเดาทิศทางของเรื่องได้บ้าง แต่เรื่องนี้ :z3: :serius2: เรื่องนี้มันไม่มาม่าหรอก o18.....ธรรมดาเกิ๊น.......บอกแล้วว่าเรื่องนี้อะจิต แต่่่คนอ่านนี่จิตยิ่งกว่า :laugh:เพราะว่าชอบ รอตอนต่อไปนะจ๊ะ :L2: :กอด1:เป็นกำลังใจให้นะคะ....รีบมาต่อเวยๆล่ะ...เดี๋ยวความรู้สึกมันขาดช่วง
อ่านแล้วนึกถึงนิยายคุณDD พระเอกเลวพอกันเลย เอิ้กกก รอตอไปนะคะ
มันใช่เลย!!! “น้ำตาน่ะ…บางครั้งก็ไม่ได้เห็นเสมอไปหรอกนะ….” ชอบประโยคนี้ มันตีได้หลายความหมายดี...
เฮ้ย ชอบว่ะ ถึงจะไม่ค่อยเข้าใจเพราะมันลึกซึ้งเกินไป(ไม่ยอมว่าตัวเองโง่ :z3:) แต่ชอบ รู้สึกว่าตอนนี้มันหวานนะ รู้สึกถึงความหวัง และความผูกพันของทั้งคู่ ชอบฉากใต้น้ำ แล้วสมุดลอยขึ้นมา ค่อยรู้สึกว่าเรื่องนี้มีพระเอกนายเอกซะที :laugh:
อ่านเรื่องนี้แล้วอึดอัด สงสารไผ่จัง T^T
นี่สิน่ะคือความมืดมนอันน่าอภิรมย์ 555555
ทิวไผ่ o13 กล้าแก้ผ้าไปยืนริมระเบียง :laugh:
น้องไผ่ไม่ได้กลวงนะจอห์น ทั้งคิดมากคิดเยอะ แต่แค่คิดผิดทางเท่านั้นเอง พอไผ่มาเจอแกนี่ก็เดินจากโลกไปนรกกันเลยแหล่ะ แต่พาร์ทนี้เห็นแก่ความดีของแก(ใช่ป่าววะ?) จะยังไม่ปรับตกจากตำแหน่งพระเอกก็ได้ :กอด1: love FOG !!! :กอด1:
อ่านแล้วบอกไม่ถูกจริงๆ มันอึดอัดในบางครั้ง เหมือนจอห์นเคยมีความหลังอะไรกับไผ่หรือเปล่า แต่เพราะสภาพครอบครัวแบบนี้เลยทำให้ไผ่ลืมบางอย่างไป แต่ตงิดๆ ตั้งแต่ที่จอห์นเริ่มมาทำดีนั่นแหละ :เฮ้อ:
จะติดตามต่อไปครับ
สงสัยจริงๆว่าพระเอกเรื่องนี้ต้องการอะไร :เฮ้อ: แอบสงสารน้องไผ่ :m15:
โอ๊ย อึดอัด ๆ ๆ :z3: ไอ้จอห์นต้องการอะไร(วะ) ?!
มารอค่ะ.. มาต่อเร็ว ๆ นะคะ ^^
มารอต่อนะคะ กำลังได้ที่ อิอิ
มารอรอรอรอรอ และก้อรอน้า++
เพิ่งจะได้เข้ามาอ่าน...ว่าแล้วก็....ตามสิคร้าบ
ดูมืดมดแปลกๆ :o11:
อยากกดดัน ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ เข้ามาต่อสักทีดิ่ นะ นะ นะ นะ น๊า~~~~
เอ้ารอดูกันต่อไปว่าใครเป็นยังไง
อึดอัด แต่ ยังอ่านต่อ รออยู่นะ...
อ๊ากกกก ให้อารมณ์คนที่สิ้นหวัง มืดมนมากๆหนูไผ่ ดราม่าสุดค่ะคนเขียน เศร้าจนน้ำตาไหล
ถึงมันจะดูอึดอัด หรือว่ากดดัน ก้อยังชอบที่จะอ่านเรื่องนี้ เขียนและบรรยายได้รู้สึกเหมือนอยู่ในเหตุการณ์ อยากจะรู้ปมของแต่ละคนไม่ว่าจะเป็นทิวไผ่ นายจอห์น และคิม มันต้องมีเงื่อนงำหรืออะไรสักอย่างกับการกระทำของแต่ละคน แต่นู๋ไผ่เพราะอะไรจึงทำให้เป็นแบบนี้นะ
ตอนนี้ มันรู้สึกเหมือนว่า จอนได้ได้ร้ายยย คนที่มันคิดแบบนี้ ก็ต้องแก้แบบนี้แหละ ถึงจะเข้าใจ
สุดยอด!!! ชอบเรื่องแบบนี้ ไผ่ดูว่างเปล่า ชอบอ่ะ ดราม่าแบบน่าค้นหา(???) เป็นกำลังใจให้เหมือนเดิม!
ไผ่เป็นอะไรนะ ทำไมถึงได้ปิดกั้นตัวเองอย่างนี้ ป่วยใช่มั้ย? เป็นอะไร แล้วจอห์นเข้ามาหาไผ่เพราะอะไร ดีหรือร้าย? แล้วคิม คือเจ้าของกระดาษแผ่นนั้น? มีแต่คำถามเต็มหัวเลย... มาต่อเร็วๆ เน้อ...ปริศนาจะได้ไขกระจ่างแล้ว!!ซะที(ยืมโคนันมาใช้..นิดนึง)
อ่านเรื่องนี้แล้วรู้สึกเหมือนหายใจไม่ออก ฮืออ ด ดราม่าเกินไปแล้ววว
เนื้อเรื่องมันดูลอยๆ แปลกดีค่ะ เหมือนฝันอยู่รึปล่าว? แหวกแนวมาก ดูจิตนิดๆ อิอิอิ
หายไปไหนนนนนน รออยู่
คือตัดสินใจเปิดเรื่องนี้ขึ้นมาวันนี้ หลังจากที่เห็นมาตั้งแต่ตอนแรกๆ แต่ก็ยังไม่ได้อ่าน กลัวว่าจะติดอีกน่ะครับ เพราะในเล้านี้เยอะมาก ที่ผมติดๆอยู่ บอกก่อนเลยว่า สะดุุดตากับชื่อเรื่องมาก โดยส่วนตัวแล้วผมชอบศัพท์คำนี้นะ Awkward งุ่มง่าม เวลาออกเสียง มันเพราะดีน่ะครับ แล้วก็แปลกดีด้วย อ่านแล้วก็ชอบ ให้ความรู้สึกเหมือนได้คิดอะไรกับตัวเองไปด้วย แต่ละคนคงมีเหตุผลที่ทำแบบนั้น ยอมรับว่าอ่านเรื่องนี้แล้วเหมือนได้อยู่กับตัวเอง ได้มองแง่มุมของโลก ของสังคม ได้มากเลยล่ะครับ ขอบคุณมากนะครับ ที่แต่งเรื่องนี้ขึ้นมา มีแฟนคลับเพิ่มอีกคนแล้วนะครับ o18
ไม่รู้ว่าเป็นการตัดสินใจถถูกไหมที่มาอ่านเรื่องนี้ แต่ว่า ชอบอารมณ์ดาร์กๆแบบนี้ อ๊ายยย อ่านไปด้วยความรู้สึกลอยๆเหมือนไผ่ สงสารรรร>O< แต่ก็ชอบมากกกกกกกกกก รอติดตามต่อนะค่ะ มีปมเยอะทั้งคู่เลย
รออยู่นะคะ
เป็นเรื่องที่บางครั้งก็เหมือนจะเข้าใจแต่สุดท้ายก็เหมือนเดิม
เฮ้อออออ พูดได้แค่นี้ "ยังค้างคาใจ"
เรื่องนี้ต้องการอะไร อ่านแล้วหดหู่ สับสน ตกลงว่าจอห์นจะร้ายหรือว่าจะรัก ห้าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
o13 เครียด อึดอัด แต่แซ่บและอยากค้นหา(ต่อไป) รออ่านนะจ๊ะ :กอด1:
ใครพระเอกเนี่ย!!!~ :fire: จอห์น :beat: อยากให้ไผ่ฆ่าตัวตายซะเลย :m16: ปล. ไม่รู้ อ่านนิยายเเนวนี้ทีไร อยากจะปะชดจริงๆ :z3: :เฮ้อ:
อ่านแล้วอึดอัดชะมัด ไผ่ทนได้ไง ถ้าเป็นไผ่ ฆ่าตัวตายไปนานละ :z3: คนเขียนผูกเงื่อนซะ คนอ่านจะผูกคอตายอยู่แล้ว รู้สึกดราม่าเหลือเกิน :sad4: อินมากกกก นึกว่าตัวเองเป็นไผ่
คิดถึงแล้วนะฮะ อยากดาร์กแล้ว มาเถอะ มาเถอะ!ค
รออยู่น้า :sad4:
อ่านแล้วรู้สึกอึดอัด สงสารไผ่อ่ะ
เอ้า ดัน ฮึบบบบบบบบบ หายไปเลยกับเรื่องนี้ ยังรอคอยอยู่น๊า (หรือคนแต่งไม่แต่งต่อ :z3:)โอ้บร๊ะเจ้าาาาา แต่งต่อนะๆๆๆ :call: :call: :call: :call: :call: รออยู่ค่าๆๆๆ
เมื่อไรจะมาต่อนะ รออ่านอยู่นะครับ
เมื่อไรจะมาต่อนะ อยากอ่านต่อนะๆ
ตาม...มา..สโตก..//ทำท่าคลานแล้วเอาผมปิดหน้าอย่างซาดาโกะ ดันๆๆ อย่างอ่านเต็มทนแล้ว!! ...อุ้ก!! :z6:
เข้ามารอด้วยคนนะ
อุ้ย โดนขุด รอเรื่องหลักที่เขียนอยู่จบก่อนแล้วจะมาต่อให้นะคร้าบบบ o13
:jul1: อ๊าย พึ่งตามทัน~ สนุกมากค้ะ อ่านไปรู้สึกหวิวๆ ตามต่อค้ะ
เมื่อไรจะมาต่อครับ มาแจ้งข่าวด้วยนะ และมาต่อด้วยนะ อยากอ่านต่อมากๆเลยนะ
เมื่อไหร่จะได้อ่านต่อน๊า..
คิดถึงเรื่องนี้จังเลยอ่ะ ^^
ยังรออยู่เหมือนกันค่ะ ไม่ว่าคนเขียนจะทำไรอยู่ก็เป็นกำลังใจให้นคะ แต่มาแจ้งข่าวซักนิดก็ยังดีค่ะ
ดูเรื่องนี้เป็นอีกเรื่องที่ดราม่าโดนมากครับ ^^ (โชคดีที่มันจูนกับความคิดเราทำให้อ่านได้แบบเฉยเมย)
ทำไมไผ่ถึงมืดมนได้ขนาดนั้น น่าสงสาร เมื่อไหร่จะเลิกคิดอะไรแบบนั้นซักที แล้วสรุปว่าอีตาจอนอะไรนั่นเค้าคิดอะไรกับไผ่กันแน่ สมมติว่าวันหนึ่งไผ่เค้ากลายเป็นบ้าไปเลยละ จะทำยังไง จะเสียใจมั้ยย :monkeysad: :monkeysad: :monkeysad:
เป็นนิยายที่อ่านแล้วหยุดหายใจบ่อยมาก = =" คนเขียนเก่งจัง #Inert 5
ไม่อยากให้ทิวไผ่ตั้งตัวได้ ไม่อยากให้รับรู้อะไร อยากให้เสียสติไปเลยมากกว่า//จิต อาการนายเอกเริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ แต่เราก็ยังเดาไม่ออกอยู่ดี ว่าพระเอกอยากจะทำอะไรกันแน่? ชั่วจริงๆ หรืออาจจะแค่อยากกระชากทิวไผ่ออกมาจากตรงนั้น คิดแล้วปวดหัว รอคนเขียนมาอัพดีกว่า
เรื่องหลัก เป็นเรื่องยาวไม่รู้จะจบเมื่อไร นี้ก็ทิ้งระยะมานานแล้วนะงับ อาทิตยืละตอนก็ ยัง ดี T__T
บางครั้งมีความรู้สึกอยากอ่านเรื่องนี้มากกว่าหมอกตี๋ แต่บางครั้งก็อยากอ่านหมอกตี๋มากกว่า สรุปคือแต่งไปพร้อมๆกันได้ไหมน้า า น้องชุ
:L2: :call: :L2: มาดันครับ
:m15: สงสารทิวไผ่จัง สรุปแล้วจอห์นต้องการอะไรกันแน่ อ่านแล้วอืดในท้องเลย เพราะมาม่าชามโต T0T รออ่านต่อครับ พี่ชุครับไม่ได้อัพเรื่องนี้มา3เดือนแล้วนะ มาต่อเตอะ~ ปล.เป็นกำลังใจให้ผู้แต่งนะ :L2:
มาดันครับ /ผมคนเดียวใช่ไมที่ค้าง
มาดันอีกแรง ฮึบ! :z2: :z2: :z2:
มารอตอนใหม่ด้วยอีกคนหนึ่งครับ มาต่อเร็วๆนะครับ
โฮก อ่านรวดเดียวเลย อยากบอกว่า ชอบมาก!!!พูดจริงๆนะ ชอบการบรรยายมาก!!!โอ๊ย!!! นิยายเรื่องนี้อ่านแล้วหนาวจริงๆ หนาวไปถึงขั้วหัวใจเลย
เพิ่งเข้ามาอ่าน อ่านเเล้วเครียด คิดว่าจอร์นมีเหตุ่ลอะไรบางอย่าง แต่ไม่รู้ว่าดีแค่ไหน ไผ่ หม่นหมองไป ตื่นออกมาสู้ชีวิตเถอะ
:call: :call: :call: :call: :call: :call: :call: :call: :call: :call: :call:
Inert 9 เรื่องเมื่อวันก่อน เข้าถึงหูแม่ ก่อนจะตามมาด้วยยาอีกขวด “…..” ถึงจะพูดอะไรออกไป ก็คงเปลี่ยนแปลงอะไรไปไม่ได้ ริมฝีปากสีแดงก่ำจากลิปสติก ขยับขึ้นลง ส่งเสียงออกมา สมองไม่รับรู้ ไม่เห็นประโยชน์ใดๆจากยา แต่ก็ยังถูกคะยั้นคะยอให้กินอยู่เสมอ ยานั่น เพื่ออะไรกันนะ… ความสงสัยผุดขึ้นในส่วนที่เคยยิ่งเฉย เพราะไม่เคยมีความสงสัย คำถามจึงไม่เคยเกิดขึ้น แต่ถึงมีคำถาม ก็ยังเฉื่อยชาที่จะหาคำตอบ “กินนะไผ่ มันจะทำให้ไม่เครียดมากตอนอ่านหนังสือ” ไม่ได้ถูกนำมาเพื่อจุดประสงค์อื่นนอกจากการเรียน เข้าใจเจตนาที่ซ่อนอยู่ในคำพูดนั้นดี รอยยิ้มหลอกลวง อยู่คู่กับดวงตาที่เรียบสนิท บางทีก็เข้าใจที่มาของสายตาตัวเอง เหมือนแม่ไม่มีผิด ดวงตาคู่ที่จ้องมองตามมือที่เอื้อมออกไปรับยานั่น แล้วเอาเข้าปาก ยกแก้วขึ้น กัดยานั่นไว้ระหว่างกราม กลืนน้ำลงไป ผ่านยารสขม ลุกขึ้นจากเก้าอี้ ยังไม่หลุดพ้นจากสายตาที่มองตามทุกก้าว เห็นภาพดวงตาคู่นั้นในความคิด โดยไม่จำเป็นต้องหันไปมอง กลับเข้าไปในห้อง คายยานั้นออกมา ยาเม็ดสีขาว เริ่มอ่อนตัวลง กดชักโครก ยานั่นก็หายไป หายไปในวงน้ำที่หมุนและยุบตัวลงไปเรื่อยๆ บ้วนปาก รสขมเจือจาง กวักน้ำขึ้นลูบหน้า เห็นเสี้ยวหน้าของตัวเองในกระจก แว่นที่บดบังพื้นที่ส่วนใหญ่ไป ดวงตาที่เรียบเฉย ดำสนิท ริมฝีปาก ที่ไม่เคยมีรอยยิ้มมาเยือนจำไม่ได้ ตอนเด็กๆ เคยมีรอยยิ้ม ความสดใสอยู่บนนี้หรือเปล่า จำเรื่องราวตอนเด็กๆไม่ได้ เหมือนความทรงจำบางส่วน ถูกดึงออกไป สูญหาย ไปในตัว เรื่องบางเรื่อง อาจดีแล้วที่หายไป นอกจากความทรงจำที่ควรจะหายไป อีกสิ่งที่สมควรจะหมดไปจากโลกนี้สักที ….แตะเงาสะท้อนตัวเองในกระจก และก็ได้พบกับคำตอบ ……………………………… ………………………… เวลาไม่เคยสนใจใคร มันผ่านไปเรื่อยๆอย่างที่มันต้องการ บ่อยครั้ง ที่รู้สึกตัวอยู่ในห้องเรียนที่ไร้เสียง เหมือนเป็นคนเดียวที่มีสติในห้วงนั้น ในห้วงที่ทุกคนตะกละในความรู้ กอบโกยทุกสิ่งด้วยแรงทั้งหมดอย่างน่ากลัว ในวังวนเดิมๆนั่น มองเห็นอีกคน ที่มีท่าทีต่างจากคนอื่น คิม นั่งอยู่เกือบริมหน้าต่าง มองออกไปข้างนอก ทำท่าทีเฉยเมยต่อความละโมบในห้อง ทั้งๆที่ปกติ น่าจะเป็นคนที่มีสิ่งนั้นมากที่สุดแท้ๆ คะแนนที่ร่วงลงมา ก็มีคิม ที่ขึ้นไปยืน ณ จุดนั้นแทน “ไผ่ มีอะไรหนักใจหรือเปล่า?” “ไม่” “หรอ? แค่คิดว่าช่วงนี้ไผ่ดูแปลกๆไปน่ะ” “….” ต้องการคำตอบแบบไหน? รอยยิ้มจางๆบนใบหน้าของคิม เห็นแล้วทำให้รู้สึกเหมือนกำลังถูกหลอกอยู่ จะไม่มีซ้ำสองอีก “เออ จริงสิ อันนี้โน้ตช่วงที่ไผ่หายไป จะยืมไปอ่านหรือเปล่า” “หายไป?” “ก็ วันที่ไผ่ไปนอนอยู่ห้องพยาบาลไง” ส่ายหน้าปฏิเสธ ก้มหน้าต่ำกว่าเดิม ไม่อยากเห็นสายตาที่กำลังสื่อความจริงใจออกมา เริ่มต้นเหมือนกันทุกคน “เย็นวันศุกร์จะมีซ้อมแสตนด์ครั้งแรก อยู่ด้วยกันสิ” “…มีงานอื่นแล้ว” “ไผ่ทำอยู่ฝ่ายไหนนะ? เราจำไม่ได้” ตอบไม่ได้ เพราะไม่เคยสนใจเรื่องในห้อง ถึงไม่เคยรู้ พอเงียบไปนาน คิมก็ลุกไปจากเก้าอี้ตัวที่นั่งอยู่ กลับไปที่โต๊ะของตัวเอง ดึงแฟ้มออกมา หาใบรายชื่อ แล้วเดินกลับยื่นให้ดู “นี่ไง ฝ่ายเชียร์ ก็คงต้องขึ้นแสตนด์เหมือนกัน” “…..” “ไม่ต้องกลัวว่าจะทำงานกับเพื่อนไม่ได้หรอกนะ เราอธิบายให้หมดแล้ว” “…มันไม่ใช่เรื่องของนาย” “….” คิมไม่ได้มีปฏิกิริยาตอบสนองเหมือนคนอื่นๆ ถึงแม้จะมีอาการแปลกใจ ประหลาดใจอยู่บ้าง แต่ไม่ได้หัวเราะแห้งๆแล้วเดินถอยออกไป ไม่ได้ทำตามที่ต้องการ พื้นที่ส่วนตัว ถูกคนสองคน ทำลาย ไม่สนใจเสียงร้องครวญครางที่เงียบสนิทนี้ หลุบตาลง ดวงตาเป็นหน้าต่างของหัวใจ หัวใจที่เน่าเปื่อย ไม่อยากให้ใครเห็น ไม่อยากให้ใครสงสารไม่สิ ไม่น่าใช่ความสงสาร ใช้คำว่าสมเพช บางทีอาจจะเหมาะสมกว่า “มันสนุกแน่ เชื่อฉันสิ กีฬาสีน่ะ ไม่ได้แย่อย่างนั้นหรอกนะ” กิจกรรมทางสังคมชนิดหนึ่ง ถ้ามนุษย์เป็นสัตว์สังคมที่ต้องอาศัยการสื่อสารเพื่อเข้ากลุ่มหลอกๆทางจิตวิทยานั่น ก็อยากจะถอนตัวจากความเป็นมนุษย์ ย้อนหลังวิวัฒนาการ กลับคืนสู่ความว่างเปล่า คิมได้รับความเงียบแทนคำตอบ และจากไป เวลาหมุน บิดเบี้ยว ตามเข็มนาฬิกาที่คนอยู่บนหน้าปัด รองเท้าพละสีดำตรงหน้า ไม่ได้เงยหน้ามอง ก็รู้ว่าใคร คล้ายกับเดจาวู มันเกิดเหตุการณ์แบบนี้บ่อย เสียจนใกล้เป็นกิจวรรตประจำวัน “วันนี้ต้องกลับบ้าน” “กลับไปทำไม?” “….” บ้านหรือ ที่ไหนที่เรียกว่าบ้าน สิ่งก่อสร้างนั่นหรือเปล่า “มีใครรอนายอยู่หรือไงไผ่ ที่บ้านหลังนั่นน่ะ?” ไม่มี มีแค่แม่ที่ซึมเศร้า กับพ่อ ที่ทำงานหนัก ความสัมพันธ์ที่ถูกผูกมัดเข้าด้วยสายเลือด น่าอึดอัด ที่แห่งนั้น ไร้อากาศ “ถ้าไม่มีใครรอ ก็ไม่ต้องกลับไปหรอก” “ไม่ว่าที่ไหนก็เหมือนกัน…” ดังนั้น ถ้าเลือกได้ อยากจะกลับไปอยู่ในที่แบบนั้นเสียดีกว่าไม่ปลอดภัย สัญญาณดังเตือนในหัว ทุกครั้งที่จอห์นเดินเข้ามาใกล้ พออีกฝ่ายยื่นมือออกมา ก็ถอยหลังกลับหนึ่งก้าว เป็นปฎิกริยาตอบสนองโดยธรรมชาติ “หึ” มือสองข้าง บีบเข้ากับต้นแขน จับแรงเสียจนเจ็บ สีหน้าเรียบเฉย เจ็บหรือเปล่านะ หรือแค่คิดไปเอง “นายไม่เจ็บหรือไง?” “….ไม่” “ถึงจะบีบแรงแบบนี้ ก็ไม่เจ็บงั้นหรือ” เล็บจิกลงมาผ่านเสื้อ ผ่านเนื้อผ้า ที่เต็มไปด้วยช่องว่างมากมาย อารมณ์บางอย่างส่งผ่านเข้ามา “ฮะ…ฮะฮ่า นายกำลังตัวสั่น ไผ่ นายไม่รู้สึกตัวหรือไง” รู้สึกตัวก็เมื่อได้ยินคำพูดนั้น ยกมือขึ้นมอง แม้แต่ปลายนิ้ว ยังสั่นระริก “นายกลัว นายกลัวฉัน ไผ่ หึ กลัวจนตัวสั่นเลยหรือไง?” ต้นแขนชา แต่แรงนั่นก็ผ่อนลง เด็กผู้ชายกลุ่มหนึ่งเดินผ่านข้างหลังไป มีสองสามคนที่หันมามอง แล้วเดินต่อไป ไม่สนใจ ไม่มีใครยื่นความช่วยเหลือมาให้ ในหลุมดำมืดที่ไร้ก้น ตกลงมานานแค่ไหนแล้วนะ นานเสียจน ลืมไปเสียแล้ว ว่าความสว่างที่ปากหลุมนั่นเป็นเช่นไร “กลับกับฉัน” คำสั่งบงการเส้นเชือกที่มองไม่เห็น ก้าวเท้าตามไปอย่างเงียบเชียบ ………………………………………… ……………………………. กีฬาสี วุ่นวาย เสียงสูงต่ำ ภาพรอบตัวเหมือนหมุนไปเรื่อยๆ หาที่ให้สายตาได้จับจ้องไม่ได้ นั่งอยู่ที่หลังแสตนด์ ไม่มีใครเข้ามาเรียกให้ไปช่วยงาน หรือแม้แต่ผู้ชายคนนั้น ที่ยกแผ่นไม้คนเดียวจนทับข้อเท้า ทั้งๆที่มองมาทางนี้ แต่ก็ไม่ได้ส่งเสียงเรียก หรือจะไม่มีใครเห็น บางที การมีตัวตนอยู่ ณ ตรงนี้ อาจเป็นเรื่องโกหกทั้งหมด โกหก ว่ามี ”ทิวไผ่” อยู่บนโลกใบนี้ “อ้าว ไผ่ ว่างอยู่หรือเปล่า” การนั่งเฉยๆ เป็นคำตอบที่เหมาะสมที่สุดสำหรับคำถามนี้ “มาทางนี้หน่อยสิ มาช่วยงานหน่อย” เดินตามเสียงเรียกของคิมไป เพราะเป็นสังคมที่มีการจัดลำดับชั้นอยู่ การไม่ทำตามสิ่งที่ผู้เหนือกว่าบอก อาจจะมีการลงโทษทางสังคมเกิดขึ้น ไม่อยากให้ชีวิตต้องเข้าไปข้องเกี่ยวกับความวุ่นวายนั้น ยกกล่องที่ข้างในมีขวดน้ำอยู่ จากที่แห่งหนึ่งไปสู่อีกแห่ง มีคนยกไม่กี่คน ไม่เข้าใจ ทำไมถึงมีรอยยิ้ม ทั้งๆที่รู้ว่าตัวเองอยู่ในตำแหน่งที่ต่ำกว่า “เฮ้ย อย่างนายน่ะ ยกสองลังไม่ไหวหรอกนะ ตัวหักพอดี” “…” “ถามจริงเถอะไอ้คิม ไอ้นี่มันพูดได้หรือเปล่าวะ?” “ถามเจ้าตัวเองสิ” ยกเพียงลังเดียวออกมาก่อนที่อีกฝ่ายจะรู้ตัว เดินกลับมาอีกครั้ง ที่ๆเคยเป็นที่ตั้งของลัง ว่างเปล่า “หมดแล้วล่ะ เออ เหลืออีกงานนึง ไผ่เอานี้ไปเก็บที่สโตร์ให้หน่อยสิ” กล่องเปล่า ยกกล่องนั้นไป ไม่มีน้ำหนักของกล่องที่ถืออยู่ เดินตัดผ่านสนามฟุตบอล แดดอ่อนแรงลง เงียบสนิท ที่ๆเคยมีคนอยู่ ตอนนี้มีเพียงถนนว่างเปล่า แดดเป็นสีส้ม ได้ยินเสียงฝีเท้า หันกลับไป เผลอถอยออก แต่มันกลับว่างเปล่า หูฝาด ไม่มีใคร ตามองต่ำจนเป็นนิสัย ไม่เห็นเงาใคร สโตร์ประจำสี อยู่ในมุมลึกสุด ของวางไม่เป็นระเบียบ ประตูไม่ได้ล็อก หาที่ว่างแล้ววางกล่องนั้นไป ลังตะปูร่วงลงมา ยืนมอง ไม่รู้สึกว่าต้องเข้าไปเก็บ หมุนตัวกลับ เดินมาถึงประตูที่ปิดลง หมุนลูกบิด เปิดไม่ออก ลองเปิดดูอีกครั้ง แต่ลูกบิดไม่หมุน ถูกล็อค สโตร์เป็นที่ๆกุญแจจะถูกล็อกจากด้านนอก ไม่ได้พยายามต่อ เพราะรู้ ว่าเป็นการพยายามที่ไร้ประโยชน์ ทำไปก็เท่านั้น วันนี้เป็นวันศุกร์ เสาร์กับอาทิตย์ โรงเรียนปิด อย่างเร็วที่จะได้ออกจากที่นี่ คือวันจันทร์ มีเพียงแสงสีส้มที่ลอดผ่านแนวอิฐที่แตกอยู่ทางมุมผนัง ที่เป็นแสงสว่างเดียวในที่แห่งนี้ นั่งลงกับพื้น กอดเข่าไว้ ไม่สนแม้แต่ความหวังที่จะให้ประตูนั้นเปิดออก ที่แห่งนี้ สงบและเงียบ มีเพียงเขา ลำพัง มือถือที่อยู่ในกระเป๋านักเรียน อาจจะสั่น หรืออาจจะอยู่เฉยๆ ทิวไผ่หายไป จะมีใครคิดตามหา ไม่มี เพราะเป็นคนที่จะอยู่ หรือจะไม่มีก็ได้ จึงไม่มีใครให้ความสนใจไม่มีแม้สักคน…. …………………………………….. ………………………… [Inert 9:complete] [17.4.55] เอิ่ม นานมาก o22 วันนี้ Down กำลังดี เขียนเรื่องนี้ กำลังเหมาะ :z13:
จิ้มคนแต่งแล้วไปอ่านก่อนนะ อิอิ ยิ่งอ่านยิ่ง.....
อ่านไปเรื่อยๆ สงสัยเราจะบ้าก่อนไผ่ ตัวหนังสือเคยสดใส วันนี้เอาสีดำไปแทนหล่ะกัน ไว้ทุกข์ให้ตัวละครชื่อ "ไผ่และจอห์น"
มืดมน.... เมื่อไหร่จะมีใครฉุดไผ่ขึ้นไปนะ TT
ใครแกล้งน้องทิวไผ่ :angry2: อ่านแล้วรู้สึกมืดมน :sad2:
อา...มาม่าดีจริงๆ รู้สึกว่าน้องไผ่เริ่มมืดมนขึ้นเรื่อยๆ~ คิมแลดูจะกลายเป็นหนึ่งในตัวละครสำคัญสินะคะ *-*!
ยิ่งอ่านยิ่งหม่นหมอง มันจะ dark ไปไหนฟระเนี่ย
เหมือนจมน้ำลึกลงไปเรื่อย ๆ ใครจะเป็นคนช่วยไผ่ออกจากน้ำ T__T
ค้างมาก :serius2: อย่าหายไปนานอีกน่ะค่ะ
มาต่อแล้ว ทึมๆ มืดๆ มัวซัวดีจัง
บางครั้งก็อยากให้ไผ่หายไป โดยไม่มีใครพบ เผื่ออะไรที่มันอึนๆ จะได้ชัดเจนมากขึ้น ทั้งครอบครัวของไผ่ และโดยเฉพาะ ความรู้สึกของจอห์น :z3: :z3: :z3: :z3: :z3: รอตอนต่อไปเน้ออ
ยิ่งอ่านยิ่งอึดอัด มันมืดมนทั้งเรื่องเลยอ่ะ มาม่าตลอดดดดด รู้สึกว่าต้องการแสงสว่างจริงๆนั่นแหละ สงสารไผ่จัง
จอห์นต้องตามหาไผ่แน่!! อยากให้มาต่อสองเรื่องเลยอ่ะ 555555555 :กอด1:
อ่านแล้วเหนื่อย .. แต่ก็ยังอยากอ่าน ขมุกขมัวๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ :really2:
รอเธอมานานแสนนาน ทรมานวิญญาณหนักหนา ได้อ่านเรื่องนี้แล้วววววว T___T ยิ่งอ่านยิ่งทะแม่งๆ รู้สึกหม่นๆตลอด
ดาร์คมาก... อยากให้จอห์นเปิดประตูพลั๊วออกมาแล้วตะโกนด่า"ทำบ้าอะไรอยู่ตรงนี้?!" ณ จุดนี้ไม่สนแล้วว่าจอห์นจะชั่วไง แต่อยากให้มีใครอยู่กับไผ่ ปล.แต่จริงๆคนอ่านคิดว่าจอห์นมันมีเหตุผล ที่มันทำคือการกระเทาะเปลือกชัดๆ
ไผ่คือเด็กจริงในสังคมสมัยนี้ ก็หวังว่า จะมีใครสักคนฉุดไผ่ขึ้นาจากหลุมดำ สอนให้ไผ่ได้รู้ในมุมสว่าง รอตอนต่อไป :กอด1:
รอๆ เมื่อไรไผ่จะได้อยู่อย่างสงบสักที หรือบางทีมันอาจจะไม่มีวันนั้นสำหรับไผ่แล้ว เกลียดจอห์นจัง
:เฮ้อ: ... จะมีไหมซักวัน ที่ไผ่จะกลับมายิ้ม หัวเราะเหมือนคนปกติๆ ใครแกล้งไผ่ !! แกล้งเค้าทำไมวะ ไผ่เคยทำอะไรให้ใครเหรอ แกล้งกันจัง หวังว่าคนที่มาช่วยไผ่ จะเป็นจอห์นนะ ... เราไม่ถูกชะตาก่ะคิมเลยอ่ะ ... เอ่อ จริงๆไม่ถูกชะตากับตัวละครทั้งเรื่องนี้เลยอ่ะ ฮึ่ยยย อะไรๆก็ลงที่ไผ่ ไผ่ทำอะไรผิด ! :z3: :z3:
ชอบมากกกกกกกกกกกกกก ชอบเรื่องนี้มากๆๆๆๆๆๆค่ะ >____< มันช่างดาร์คและมืดมน โฮกกกกกกกกกกกก อ่านแล้วมันได้อารมณ์สุดๆ สงสารไผ่ เป็นอะไรที่แบบสุดๆของอารมณ์ รอติดตามนะคะ ><
วันนี้ อารมณ์มืดมนพอกันเลย ทิวไผ่ ^^ เจ็บปวดดีแท้เนอะ ขอบคุณสำหรับนิยายฮับ อย่างน้อยก็ช่วยให้รู้สึกว่ามีคนเข้าใจอารมณดิ่งแบบนี้บ้าง :pig4:
อ่านแล้ว down ตามไปด้วยเลยค่ะ มืดมนจริง ๆ นายเอกเรื่องนี้ของเรา แม่เคยสนใจไผ่จริงจังบ้างมั้ยว่าเป็นอะไร นอกจากเรื่องเรียนที่พยายามให้ลูกทำให้ได้ดั่งใจ คิมเหมือนจะดีนะ แต่ดีป่าวก็ไม่รุ...เฮ้อ...จอห์นก็เอิ่ม...ไร้คำบรรยาย ขู่เข็ญมันเข้าไป แล้วใครจะมาช่วยไผ่ของเราเนี่ย เป็นห่วง มาต่อเร็ว ๆ นะคะ พลีส~~ ขอบคุณค่ะ p.s แว้บไปอ่านพี่หมอกต่อ คิดถึงพี่หมอกที่ซู้ด
อ่านเรื่องนี่แล้วโคตรให้อารมณ์หดหู่อย่างแรงอ่ะ
โลกของไผ่มันช่างมืดมน แต่ก็อยากให้ไผ่สู้ต่อไปนะ ปล.เกลียดแกโคตรเลยไอ้จอน ==
อืม ทิวไผ่... ชอบเรื่องนี้นะ อยากให้มาต่อเรื่อยๆ สม่ำเสมอ
มืดมน
เห้ยอะไร T T' ทำไมทำกับไผ่แบบนี้ !! โอ๊ยเราอยากรู้ว่าไผ่เป็นโรคประจำตัวอะไรอ่ะ อ่านแล้วค้าง :z3: :z3: :z3:
ใครมาแกล้งน้องไผ่กัน!!!!!! หนูไผ่เหมือนจะมืดมนไปทุกวัน เฮ้อออออ :เฮ้อ: :เฮ้อ:
ที่จริงแล้วไผ่เป็นอะไรน้าาาาาา??
อยากรู้ว่าจะมีคนตามหาทิวไผ่ไหม... น่าสงสารตลอดเลย :เฮ้อ:
อยากบอกว่ารอเรื่องนี้ไม่น้อยไปกว่าหมอกตี๋เลย กลับมาต่อเร็วนะ จะรอจ้า :pig4: :3123: รอวันที่ทั้งพระเอกกับนายเอกกระเทาะเปลือกตัวเองออกมาได้สำเร็จ เอาใจช่วย ห้องมืดยังไงมันต้องมีแสงสว่างรอดเข้ามาบ้าง เอาใจช่วยทิวไผ่ให้เจอแสงสว่างสักที หวังว่าคิมจะช่วยอะไรได้บ้างไม่มากก็น้อย อยากยกให้เป็นพระเอกด้วยซ้ำแต่ดูเหมือนออร่าพระรองจะเด่นชัดกว่า อิพระเอกดูเหมือนจะมีปมบางอย่างที่ยังไม่เผยออกมา หวังว่าอิป้าคงไม่คิดผิดนะว่าพ่อหน่ะเห็นอะไรในตัวไผ่ ไม่ช่ายแค่คึก ได้โปรด แอบหวังว่าจะมีอะไรสักอย่างช่วยแก้ปมในใจแม่ เผื่อว่าแม่จะเข้าใจไผ่ เข้าใจโลกมากกว่านี้ื :sad4:
ตัวเองเท่านั้นที่จะออกมาจากความมืดมิดของหัวใจได้ จอห์นอาจจะสอนให้รู้อะไรอีกมาก :เฮ้อ:
อ่านแล้วก็ได้แต่ขมวดคิ้ว พร้อมคิด...'อะไรของมันกันว้า' :z3:
น้องไผ่มามะพี่จะฉุดเอง น่าสงสารน้องมาก แอบเกลียดคิมเล็กๆ คิดอะไรกับน้องไผ่เค้าอ่ะเปล่าาา ฮั่นแน่ นายคิม
เหมือนจม อยู่ใต้ทะเล มืดๆ ดำๆ ไม่มีแสงสว่าง อึดอัดโว้ยยยยยยย แต่ก็ชอบอ่าน เพราะส่งสาร ทิวไผ่" คนเดียวเท่านั้น
เรื่องนี้อ่านแล้วเข้าโหมดดาร์กตลอด :z10: อ่านแล้วอึกอัดแบบ มันมืดมนไปหมด หวังว่าจะมีแสงสว่างเข้ามาหาไผ่เร็วๆนะ :เฮ้อ:
น่าเศร้าใจยิ่ง TT
ใครแกล้ง คิมนายเป็นคนยังไงกันแน่ จอห์นที่นายทำเนี้ย มันจริงแค่ไหน มันคือยาอะไร ทำไมไผ่ถึงเป็นแบบนี้ โอ้ววววววว เหมือนจะใกล้บ้า
เทามาเลย สรุปว่าโดนแกล้งใช่มิเนี่ย
เริ่มอ่านเมื่อวานค่ะ อ่านตั้งแต่ตอนหนึ่งถึงตอนล่าสุดเลย สนุกมากกกก ตอนแรกแบบ จอห์นมันจะหลอกฟันหรือเปล่า พอเฉลย แบบตกใจสุด อ่านแล้วตื่นเต้นมาก แอบสงสารน้องไผ่ แต่ก็รู้สึกว่า 2 คนนี้เข้ากันดี แอบอยากให้จอห์นหึงคิมบ้าง อะไรบ้าง อ้ายยยย มาต่อเร็วๆนะคะ อยากอ่านตอนต่อไป ไม่ไหวแล้ววววววววว ><
อ่านแล้วหายใจไม่ออก... ครอบครัวอาจจะมีผลกระทบต่อตัวไผ่มาก แต่มันก็ขึ้นอยู่กับว่าไผ่จะรับมือยังไง แต่ไผ่เลือกที่จะหายไปกับความว่างเปล่า...ทุกอย่างสำหรับไผ่คือความว่างเปล่า ทั้งๆที่ไผ่ก็แค่หลอกตัวเองด้วยความคิดนั้น แต่ลึกๆกลับต้องการให้ใครมองเห็นตัวตนของไผ่จริงๆ จอห์นผลักให้ไผ่อยู่ในกรอบที่มืดหม่น ไม่กล้าเชื่อใจใครอีก ไม่กล้ายื่นมือไปหาแสงสว่างที่ส่องเข้ามา หวังลึกๆว่าสุดท้ายแล้วทั้งจอห์นกับคิมจะหวังดีกลับไผ่จริงๆ เดาไม่ออกเลยว่าวันที่ไผ่ยิ้มออกมาจากใจจริงๆ จะมาถึงเมื่อไหร่ ถ้าจบแบบดราม่า สุดท้ายแล้วทั้งสามคนกลายเป็นต้องจมปลักอยู่กับความมืดมน ก็อาร์ตดีค่ะ
อึดอัดดี บางมุมแอบคล้ายตัวเอง มีแต่คนที่ใส่หน้ากากเข้าหากัน แต่ชีวิตก็ต้องมีความหวังนะ แม้จะเป็นเพียงแค่แสงเล็กๆจากหิ่งห้อยก็ตาม สู้ๆไว้ก็แล้วกัน (บอกไผ่ บอกนักเขียน บอกตัวเอง) อ่านเรื่องนี้แล้วแอบกลั้นหายใจตลอดตอนทุกตอนเลยค่ะ
มืดมน ได้สม่ำเสมอจริงๆ ทิวไผ่ ><
ทำไมต้องทำแบบนี้กับไผ่ด้วยนะ? :beat:
เห้อ.. อ่านแล้วหายใจไม่ทั่วท้องจริงๆ ใครอีกล่ะเนี่ยที่มาขังไผ่ไว้ แล้วเมื่อไหร่ไผ่จะเลิกเป็นแบบนี้ซักที มันแบบดูเฉยชามากๆ อะไรทำให้เป็นได้ขนาดนี้ :เฮ้อ:
อ่านเสร็จเเล้วเป็นยังงี้ :a5:
มืดมน อึดอัด มาม่า รอเวลาที่จะสดใส จะมีไหมนะเวลานั้นนะ …………………………………….. ………………………… ขอบคุณครับที่มาต่อ #Cn9095
:m15: อยากร้องไห้ ทำไมมันช่างหม่นหมองขนาดนี้ อยากรู้ว่าใครจะมาเจอ แล้วไผ่จะเอาตะปูทิ่มตัวเองมั้ยอะ เป็นกำลังใตให้คนเขียนน้าา :L1:
มันต้องมีสักคนที่จะมาช่วยสิ สักคนที่ไม่ร้ว่าจะเป็นใคร เอิ่ม แต่งให้เดาไม่ออกเลยทีเดียว แอ๊กกกกกกก :z6:
ดูสิ คนมาเม้นกันเยอะเลย กระแสตอบรับดีจะตาย..............มาต่อบ่อย ๆ นะครับ
ลึกล้ำที่สุด...
ค้างมากกกกกกกก o22 :a5: อ่านเรื่องนี้อึดอัดไงชอบกล คนแต่งเก่งมากกกจ้า มาต่อเร็วๆน้า
ไม่ดีขึ้นเลยนะน้องทิวไผ่ เกิดอะไรขึ้นกับหนูกันแน่ เหมือนจะไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อไปเลยนะ คิดแบบนี้ก็แย่สิคะ :monkeysad:
ทิวไผ่ T^T ทะลุเข้าจอไปพังประตูแล้วฉุดกลับบ้าน มามะมาอยู่ด้วยกันนะ 5555+ :o8: :o8:
Inert 10 หิว อากาศร้อนอบอ้าว ข้างนอก ไม่มีแสงสว่างอีก มืดจนมองไม่เห็นแม้แต่มือตัวเอง ไฟที่ลอดผ่านใต้ประตูมาหายไปสักระยะแล้ว เดาจากเวลาที่ยามมักเดินตรวจโรงเรียน อาจจะเลยเข้าสู่ช่วงสี่ทุ่ม ไม่ต้องพยายามให้เหนื่อยเพื่อขอความช่วยเหลือ สวิสต์ไฟอยู่ห่างออกไปจากตรงนี้มาก ตะโกนไปก็ใช่ว่าจะได้ยิน จำครั้งสุดท้ายที่ตะโกนไม่ได้ แต่รู้ว่าใช้เสียงตะโกนนั้นกับใครไม่ได้คาดหวัง ไม่ได้รอคอย ไม่มีหรอก ในชีวิตจริง ความหวังแบบนั้น ยิ่งทำให้คนที่เพ้อรออยู่เจ็บปวด เพราะฉะนั้น จึงจะไม่รอ ไม่คาดหวัง เพื่อที่จะไม่ต้องผิดหวัง หลบหนีความเจ็บปวดด้วยวิธีที่ขลาดยิ่งกว่าใคร เพื่อปกป้องตัวเอง ปกป้องสิ่งที่เหลืออยู่ แม้เพียงเศษเสี้ยวหนึ่งก็ยังดี ท้องร้อง อย่างน้อยนั่นก็เป็นสัญญาณแห่งการมีชีวิตที่แสนหดหู่ ริมฝีปากแห้งผาก ทั้งๆที่วิทยาศาสตร์บอกว่าคนเราขาดน้ำได้นานถึงสามวัน โกหกทั้งนั้น เผลอหลับไปสองสามครั้งในช่วงเวลาสั้นๆ หูยังคอยฟังเสียงด้านนอก ไม่เข้าใจร่างกายที่ไม่เคยทำงานร่วมกับความคิด ผ่านไปนานเท่าไหร่แล้วนะ รู้สึกเหมือนนาฬิกาเดินช้ากว่าเดิม หน่วยวินาที ถูกยืดเป็นนาที และกลายเป็นชั่วโมงอย่างเงียบงัน ดวงตากำลังจะปิดลงอีกครั้ง ถ้าไม่ได้ยินเสียงรองเท้าพละที่เสียดเข้ากับพื้นซีเมนต์ ไม่ใช่วิ่งมาทางนี้ แต่เป็นวิ่งออกไป มีคนอยู่ข้างนอกตลอด เพราะเสียงเดียวที่ได้ยิน คือเสียงรองเท้าคู่นั้น ที่วิ่งห่างออกไปเรื่อยๆใคร…. แสงสว่างที่ลอดผ่านเข้ามาใต้ช่องประตูทำให้ลืมคำถามนั้นไปจนหมด ใจเต้น ประตูถูกเคาะแรงๆ “ไผ่ อยู่ในนั้นหรือเปล่า?” คลานเข้าไปใกล้ประตูนั้น จับมือทาบไว้กับประตู เห็นแสงสว่างที่ลอดเข้ามาแกว่ง คงเป็นไฟฉาย ทุบประตูแรงๆสองสามที อ้าปากออก แต่ไม่มีเสียง “ได้ยินแล้ว เดี๋ยวจะเปิดให้เดี๋ยวนี้แหละ” เสียงกุญแจ เสียงหอบหายใจแรง ประตูเปิดออกคิม เหงื่อหยดลงกับพื้น ผ่านไฟฉายที่ทำให้แสบตา “…ทำไม?” “โทรกลับไปที่บ้าน เขาบอกนายยังไม่กลับบ้าน” “หรอ…” ไม่คิดจะออกตามหา ยังไง ตัวตนที่มีอยู่นั้นก็ช่างเลือนราง จะหายไป ก็คงไม่มีใครสังเกต “พ่อนายอยู่ข้างหน้าโรงเรียน ดีจังเลยที่เจอ…” “พ่อ…” “ยามไม่ให้เข้ามา แต่ยามก็ช่วยหาอยู่เหมือนกัน” ยื่นมือมา มองอย่างไม่เข้าใจ “…ลุกขึ้นสิ กลับบ้านกันเถอะ” ไม่รู้ว่าเป็นการตัดสินใจที่ถูกหรือเปล่า ยื่นมือออกไป มือที่จับตอบกลับมานั่น เปียกชื้นเหงื่อ แต่ก็ช่างอบอุ่น เผลอหลุบตาลง ไม่กล้าพอที่จะมองตอบสายตาคู่นั้น โรงเรียนมืดสนิทอย่างที่คิดไว้ “…ปล่อยมือ” “อ่อ โทษที เราลืม” ปล่อยออก ยื่นผ้าเช็ดหน้ามาให้ “เหงื่อออกเต็มไปหมด เช็ดก่อนสิ” กำผ้าเช็ดหน้านั่นไว้ในมือ ยืนนิ่งจนคิมต้องรีบพูดต่อ “ไปเถอะ พ่อนายคงจะกังวลจะแย่แล้ว” จะเป็นแบบนั้นจริงๆหรือ? อาจถูกว่าที่ทำให้ต้องขับรถออกมารับ ทั้งๆที่ดึกขนาดนี้ ทั้งๆที่หลังจากทำงานหนักตลอดวัน อย่างที่พ่อชอบพูด เสียงที่ดังก้องในรถ บรรยากาศที่น่าอึดอัด ทางด้านนอกกระจก ที่ต้องหันไปมองอย่างเลี่ยงไม่ได้ มันจะเกิดขึ้นอีก ซ้ำซาก พื้นหญ้าเป็นสีดำ ท้องฟ้ามืดสนิท ไม่มีดาว หรือดวงจันทร์ แสงเป็นรูปวงกลม เดินนำพวกเราไป “ยังไม่ได้หยิบกระเป๋า” “ตึกปิดแล้ว คงต้องมาเอาวันจันทร์ล่ะนะ” “อืม” ตึกเงียบกริบ มองขึ้นไป ไม่มีใคร สมควรจะเป็นเช่นนั้น เพราะประตูตึกถูกปิดลงแล้ว รถจอดอยู่ตรงนั้น คิมหยุดเดิน ทำให้ต้องหยุดขาไปด้วย ไม่ชอบเดินนำใคร บางครั้ง มันทำให้รู้สึกหวาดระแวงสิ่งที่อยู่ข้างหลัง “…เอิ่ม โชคดีนะ” พยักหน้า “ดีใจจัง ไผ่ยอมคุยกับเราแล้ว” “…..” “เดี๋ยวเราออกจากโรงเรียนทางนั้นน่ะ คงไม่ได้ออกประตูใหญ่ บ้านอยู่หมู่บ้านข้างๆนี้เอง” พยักหน้า เท้าไม่ขยับ จึงเป็นรองเท้าคู่นั้น ที่ถอยออกไปก่อน “ไปแล้วนะ วันจันทร์เจอกัน” ไฟจากเสาไฟนอกโรงเรียน ทำให้เงาสีดำสนิทยืดยาวออก หันไปมองในทางที่ตรงกันข้าม เห็นอีกคนที่ยืนมองอยู่ตรงนั้น หน้าตาเรียบเฉยจนเดาอารมณ์ไม่ถูก ไม่รู้ว่าอยู่ตรงนั้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่เห็นทันทีที่เดินพ้นตึกเรียนมา จอห์นมองมาทางนี้ ไม่เดินเข้าหา แต่เดินไปอีกทาง โดยปราศจากคำพูดเสียดสีอย่างที่ชอบทำ มีแต่ความเงียบ เสียงแตรรถดังขึ้น จึงออกเดิน หันไปมองหลังของอีกคน ที่กำลังจะหายไปจากรั้วโรงเรียน “ไผ่…หายไปไหนมา” “….ผม” “พ่อไม่ได้จะดุ แค่อยากเตือนให้รู้ ว่าอย่ากลับดึกแบบนี้อีก” “ครับ” ประตูรถ ไม่ได้ถูกเหวี่ยงปิดเสียงดัง เป็นแค่การเอื้อมมือออกไปดึงเพื่อให้มันกลับเข้ากรอบปกติ มองตามมือที่เลื่อนออกจากประตูรถ ไปยังพวงมาลัย “ทำงานกีฬาสีงั้นหรอ? เห็นเพื่อนไผ่บอก” “….ครับ” เงียบกริบ เสียงเครื่องยนต์ ท้องถนนที่ว่างเปล่า มองออกไปด้านนอก กระจกสะท้อนให้เห็นภาพชายที่ขับรถ จ้องมองไปข้างหน้า เคร่งขรึม ได้ยินเสียงกระแอมในคอ “…แล้ว…สนุกหรือเปล่า?” “…” แม้แต่พ่อก็ยังดูเกร็งๆที่พูดคำนั้นออกมา หันมามองเพียงชั่วครู่ แล้วหันกลับไปสนใจทางข้างหน้า “…สนุกครับ” “ชีวิตวัยเรียน เดี๋ยวก็ผ่านไป ใช้ให้เต็มที่ล่ะ” “….ครับ” ไม่ใช่เสียงที่เต็มไปด้วยความเกรี้ยวกราด พยายามที่จะอ่อนโยนด้วย… ภาพสะท้อนในกระจกของตัวเอง หัวคิ้วเคลื่อนเข้าหากัน ผ้าเช็ดหน้าที่อยู่ในมือ ถูกกำแน่นขึ้นโดยไม่รู้ตัว …………………………… ……………………. เสาร์ อาทิตย์ ที่เงียบเชียบ โทรศัพท์มือถือ วางอยู่บนเตียง ดับไปช้าๆ บ้านหลังนี้ที่ไม่มีใคร ลองอีกครั้งกับกองหนังสือ ที่ดูสูงขึ้นไปเรื่อยๆทุกครั้ง ที่นั่งอยู่บนเบาะเก้าอี้ ตัวหนังสือ…ดูคล้ายกับภาพเขียน ที่ไม่เข้าใจถึงความหมายของมัน เหลือบสายตาขึ้นจากหน้ากระดาษ ขวดยาวางอยู่ตรงนั้น ได้ยินเสียงผู้หญิง เสียงของแม่ “กินยานี่ซะ…” ทันทีที่เห็นขวดพลาสติกนั่น ลุกขึ้นจากเก้าอี้ หยิบขวดยานั้นติดมาด้วย เปิดประตูห้องน้ำออก หมุนฝาขวดยาออก คว่ำมันลง เสียงเม็ดยากระทบกับน้ำ ดังเหมือนเสียงฝน เมื่อทิ้งตัวลงกับพื้น หลายเม็ด ที่ตกลงสู่ก้นชักโครกทันที บางเม็ด แกว่งตัวไปมา ก่อนจะลงไปอยู่ร่วมกับเม็ดก่อนหน้านี้ บางส่วน กระทบกับขอบ ร่วงหล่นสู่พื้น “..หึ หึ ฮ..ฮะฮ่าฮ่าฮ่า” หัวเราะหนักจนไหล่สั่น เหนื่อย ปวดไปทั้งท้อง จนต้องทรุดตัวลงกับพื้นห้องน้ำ ไม่เคยหัวเราะเต็มเสียงแบบนี้มาก่อนหัวเราะทำไมกันนะ… นั่นสิ ทำไมกัน ทุกอย่างกลับสู่ความเงียบอีกครั้ง มองขวดยาที่กลิ้งอยู่ที่พื้น และหยุดเมื่อกระทบเข้ากับประตูห้องน้ำ มันเคลื่อนไหวช้าๆอีกครั้ง เมื่อประตูห้องน้ำถูกดันออก มองไล่จากเท้าขึ้นไป แม่มองไปรอบห้องน้ำ อ้าปากออก แต่ไม่มีเสียงใดๆหลุดมา เหมือนความสามารถในการพูด หายไป “ก..แก แกทำอะไรลงไป?” “….” “ตอบมาสิ!แกเทยาทิ้งแบบนี้ทำไม?” ก้าวเดินเข้ามาหา แต่ละย่างก้าว เหมือนกำลังนับเวลาที่ถอยกลับ ก้มหน้าลงอย่างที่เคยชิน ถูกดึงคอเสื้อขึ้น “ฉันบอกให้แกกินยานั่นลงไป แล้วแกจะเททิ้งแบบนี้ทำไม?” ปิดปากเงียบ ทางเดียวที่จะปลอดภัย คืออยู่กับความเงียบนี้ “ตอบฉันมา! หรือว่าแกพูดไม่ได้แล้ว?” ฟาดมือลงกับกลางหลัง ยิ่งทำแบบนี้ ก็ยิ่งขดตัวเข้าหากัน ยาเม็ดหนึ่งถูกหยิบขึ้นมา แก้มสองข้ามถูกบีบ “อ้าปากออก…อ้าปากออกสิ!” ยาเม็ดแรก ถูกดันลงไป นิ้วที่ยื่นเข้ามา กดลึกไปถึงโคนลิ้น รู้สึกอยากจะอาเจียน หันหน้าหนี แต่ก็ยังถูกดึงให้หันกลับมา ยาเม็ดที่สอง… และตามมาเรื่อยๆ “แกไม่ยอมกินยาแบบนี้มันจะหายได้ยังไงกัน?!” สำลัก ยาเม็ดหนึ่งกำลังกดลงกับริมฝีปาก เบือนหน้าหนี มือนั้นยื่นตามมา ผลักออกตามสัญชาติญาณ แรงทั้งหมดหายไปในชั่วพริบตา ไม่ได้หันไปมองว่าเกิดอะไรขึ้น สิ่งแรกที่ทำ คือไอจนยาเม็ดที่ติดอยู่นั่นหลุดออกมา “แก..แกกล้าผลักแม่ของแกหรอ? แกมันก้าวร้าว ไม่ว่าจะยังไงก็แก้ไขไม่ได้สินะ…เป็นมาตั้งแต่เมื่อก่อนแล้ว ที่มันกลับมาเป็นอีกก็เพราะแกไม่ยอมกินยาน่ะสิ!!” ไม่รอให้อีกฝ่ายตั้งตัวลุกทัน ก็รีบวิ่งออกมาจากห้องน้ำ เท้ายังไม่พ้นกระเบื้อง ก็ถูกดึงข้อเท้าไว้ ล้มลงกับพื้น ล้มแรงจนเจ็บที่จมูก แว่นเบี้ยว ดันตัวเองขึ้น สะบัดให้หลุดออกจากแรงที่ยึดอยู่ วิ่ง วิ่งทั้งๆที่หัวว่างเปล่า พอๆกับเท้า ที่นึกขึ้นได้ก็เมื่อสัมผัสกับคอนกรีตร้อน ยามกลางวัน แดดจัดเสียจนตาพร่า เร็ว เร็วกว่านี้อีก เสียงไล่ตามหลังมา ไม่มีเสียงอะไรทั้งนั้น แต่ขาก็วิ่งต่อไปเรื่อยๆไม่หยุด โดยมีปลายทาง ที่สมองไม่รับรู้ แต่จิตใต้สำนึกขีดเส้นไว้แล้ว….. ………………………….. ……………………. [Inert10 : complete] [20.4.55]
แม่ไผ่ทำไมรุนแรงกับลูกจัง น่ากลัวอ่ะ
หน่วงจริงๆเลย
แม่ไผ่น่ากลัว...
:เฮ้อ: ยิ่งอ่านยิ่งเครียด รู้ทั้งรู้ว่าเครียดก็ยังจะอ่าน นี่เราโรคจิตป่ะเนี่ย แต่ถ้าอ่านไป หัวเราะไป เราก็บ้าแล้วสิ สงสารไผ่ ทำให้ไผ่หลุดพ้นซะทีเถอะ มันทั้ง หน่วง หนัก เหนื่อย แทนไผ่เหลือเกิน :z6:
ยิ่งกว่าหนวงอีก หนึบเลย เฮ้ออออ เอาใจช่วยทิวไผ่ให้หลุดจากความหน่วงเหล่านี้ได้เจอกับอะไรที่สดใสกว่านี้ในเร็ววัน :3123:
อ่านเรื่องนี้แล้วเครียด :z3:
ไผ่ป่วยทางจิตเหรอ??
=__= ....(ไร้คำพูดที่จะสรรหา)
คนอ่านก็จะต้องกินยาเป็นเพื่อนไผ่แล้ว มันเครียดมากค่ะ :z3: คนเป็นแม่เห็นลูกเป็นอะไรไปแล้ว ใช่ลูกจริงๆหรือเปล่า ทำไมทำแบบนี้ :เฮ้อ: จะคิมหรือจอห์นก็ช่าง ช่วยไผ่ให้หลุดพ้นจากสภาพนี้ทีเถอะ :กอด1:
:เฮ้อ: :เฮ้อ: สรุปคนที่ควรกินยาคือ แม่ซิน่ะ แต่จอห์นมาทำอะไร เป็นคนขัง หรือ มาช่วย
อยากรู้ว่าไผ่เป็นโรคอะไร เกิดจากสาเหตุไหน และ ใครล็อกไผ่ไว้...
โอ๊ย เครียด!!!อ่านแล้วรู้สึกแต่ความเครียดอ่ะตอนนี้ :z3: :z3: :z3:
น้ำตาไหล.. นี่หรือคือวิธีแก้ไขของคนเป็นแม่ ทำไมทำกับลูกแบบนี้ กอดดดดดน้องไผ่ :m15:
เค้าว่าเค้าบ้านำไผ่ไปแล้วอ่าคร่ะ ง๊างงงงงงงงงงงงงง :sad4:
อ่านไปแบบไม่ไว้ใจใครซักคน ว่าคนที่เข้ามาคิดดีกับไผ่รึป่าว...(ระแวงและมืดมนตามนายเอกไปแล้วค่ะ...) จอห์นยืนมองอย่างนั้นคือตั้งใจมาช่วยหรืออะไร... พ่อก็เย็นชา แม่ก็บีบคั้น โอย อยากบ้าแทนน้องไผ่...วิ่งหนีไปไหนละนั่น เตลิดได้อีก เฮ้อ กดดัน แต่ชอบอ่านค่ะ :serius2: ขอบคุณค่ะ
ดูจากสภาพตัวเองหลังอ่านจบแล้ว...สงสัยคงต้องขอหยุดอ่านเรื่องนี้สักระยะก่อนนะคะ T.T เนื่องจากพี่เขียนดีเกินไปจนอารมณ์ต่ายไม่ยอมจบตามบทแต่ต้องไปเขียนนิยายอารมณ์ฮาๆเลยคงต้องขอลาเรื่องนี้ก่อนจนกว่าภารกิจจะจบค่ะ ฮือ สงสารไผ่~ อยากอ่านต่อก็อยากอ่าน ซิกๆ
แล้วก็ลึกล่ำเข้าไปอีกนะ - -*
สภาวะจิตใจไม่ปกติ o22
เป็นเรื่องที่แต่ละตอนอ่านไม่ต่ำกว่าสองรอบ
อ๊ากกก น่ากลัวมากๆๆๆๆ แม่ของไผ่ ต้องเป็นโรคจิตอย่างนึงล่ะ แล้วก็ไซโคลูกจนโรคจิตตามไปด้วย คุณพ่อน่าสงสารที่สุด คิม ไม่ค่อยไว้ใจมันแต่อย่างน้อยก็ยังมีคนทำดีด้วยล่ะนะ จะหักหลังกันทีหลังก็อย่าไปเสียใจเลย มั้งนะ จอนห์ อิบร้าาา แกนั่นแหละโรคจิตที่สุด
แบบหนังหนังฟิล์มนัวร์สุดๆ
อ่านเรื่องนี้แล้วจิตตกค่ะ T^T แต่ทำไม..หยุดอ่านไม่ได้ซักที บรรยายความรู้สึกได้ดีมากโดยที่ไม่ต้องพิมพ์อะไรมากมาย ดูท่า..คุณแม่ป่วยจิตรึเปล่านะ? น่ากลัว~ สงสาร อ่านแล้วมีความรู้สึกว่านายเอกจะหายไปได้ทุกวินาที เป็นกำลังใจให้นักเขียนค่ะ
เง้อออออออ :m15:
ครอบครัวนี่เป็นส่วนสำคัญที่หล่อหลอมให้เด็กเป็นแบบนี้นะึคะ :m15:
งงกับคุณแม่ / ไฝ่ เอายาไปให้หมอดูเถอะจะได้รุ็ว่ายาอะไร 55555
สงสารไผ่อ่า :z3:
เสียงรองเท้าที่ได้ยินตลอดเวลาตอนติดอยู่ในห้อง มั่นใจว่าเป็นจอหน์มากกว่าคิม และที่วิ่งหนีออกไป คงไปหาจอห์นแน่ๆ
ยานั่นมันยาออะไร แล้ว...ทำไมแม่ต้องให้ไผ่กิน แต่ติดใจคิม...จะดีต่อไผ่จริงๆหรอ
ไผ่ก็ยังคงความดาร์คเสมอต้นเสมอปลาย คิมก็ช่างแสนดี (เริ่มจะเทใจให้คิมมากกว่าคุณพระเอก:o8:) อยากรู้จังว่ายานั่นเป็นยาอะไร ทำไมแม่ไผ่ต้องบังคับให้ไผ่กินด้วยนะ แล้วใครเป็นคนขังไผ่กันนน? ก็ยังเป็นประเด็นคั่งค้างกันต่อไป :z3:
ไผ่เป็นอะไรกันแน่???
ไผ่เป็นอะไรหว่า ที่แน่ๆ แม่ไผ่น่ากลัวชะมัด
นู๋ไผ่จะไปไหนลูกกกก โอ้ย มันชักจะหนักขึ้นทุกวัน
ยิ่งอ่านยิ่งเครียดแต่เราก็ยังอยากจะอ่าน 555555555 อยากรู้จังว่าไผ่เป็นอะไร ทำไมต้องให้กินยาอะ แล้วถ้าไม่กิน..จะเกิดอะไรขึ้้น :z3:
การที่อยู่โดยที่ไม่ไว้ใจใครสักคน มันทำให้อึดอัดนะน้องไผ่ แอบเป็นห่วงอยู่ลึกๆ เมื่อไรน้าาาาาาา ที่จะไว้ใจใครได้ เมื่่อไรที่จะยอมเปิดใจ คงจะเป็นเมื่อทุกคนจริงใจด้วยใช่ไหม อยากเขี่ยคิมไปห่างจัง ก๊ากกก โอ่ๆๆน้องคิมไม่ผิดอะไรหรอก แค่ผิดที่พี่นั้นหนาเชียร์จอนห์มากกว่าน่ะซิ ส่วนน้องคิมมาซบอกพี่มา ฮ่าๆๆ คนเขียนสู้ๆค่ะ
แม่ไผ่เป็นไรนักหนาน่ะ = =
ไผ!!! สรุงเธอเป็นแอร๊ายยยยย แม่ไผ่!!!! กดดันไป หนูก็ไม่ทนนะค่ะ จอนห์!!!! ไอ้โรคจิต รักเค้าก็ไม่กล้าอีป๊อด
บ้านจอห์น รึเปล่านะ *เดา* เฮ้อว์...ทิวไผ่
:z3: :z3: :z3: :z3: :z3: เครียดแทน เจอแบบนี้ก็ไม่ไหวนะเนี่ย ไผ่ สู้ๆนะ
:z3: :z3: เฮ้อ คนอ่านจะชิงบ้าก่อนไผ่แล้วเว่ยย !! ตกลงใครกันแน่ที่จิตป่วย แม่หรือไผ่ ??? ตอนนี้ อยากได้ ความกระจ่าง ในทุกเรื่อง T_________T มาต่อไวๆนะจ้ะ
เรื่องจริง ยิ่งกว่าละครอีกนะ แม่ไผ่นี้ยังเบๆ o18 เจอแม่เพื่อนเราแล้วจะหนาว ล่ามโซ่ลูกไว้ไม่ให้ไปโรงเรียน ทำร้ายอย่างไม่ใช่คนแหนะ
อ่านแล้วพูดไม่ออก เรื่องนี้ไม่มีใครน่าไว้ใจซักคน แล้วก็ไม่มีใครที่ดูจะเป็นมนุษย์ปกติซักคน ทุกคนเหมือนเป็นคนจิตๆไปหมดไม่เว้นแม้กระทั่งพ่อแม่ไผ่ =*= เชื่อเลยว่าที่ไผ่วิ่งออกไปสุดท้ายจะต้องไปหยุดที่บ้านจอร์น เราคิดแบบนั้นนะ อยากให้อะไรๆมันกระจ่างซักที เพราะตอนนี้เวลาที่อ่านในหัวก็มีแต่เครื่องหมายคำถามเต็มไปหมด เรื่องนี้ปริศนาเยอะมาก ทั้งเรื่องอาการของไผ่ ยาที่ไผ่ต้องกิน ปฏิกิริยาของพ่อแม่ไผ่ เรื่องเกี่ยวกับจอร์นแล้วก็คิม บลาๆๆๆๆ ร้อยล้านคำถาม รออ่านตอนต่อไปค่ะ ^^
แม่ก็มีเหตุผลของแม่ เหตุผลที่บางครั้งเราก็ไม่เข้าใจ สงสารแม่นิดๆ
รู้สึกตกใจกับตัวเองที่อ่านแล้วเสือกยิ้ม o22 ไผ่ไม่ยอมกินยาเพราะอะไรหรอ?? แม่กับพ่อไผ่ก็นะเห็นห่วงลูกจะตาย แสดงออกเยอะๆหน่อยเซ่! ลูกทั้งคนนะเว้ยยย :m31: ใช้กำลังอย่างงี้ใช้ไม่ได้ :z3: :z3: :z3:
ยิ่งอ่านยิ่งเครียด แต่ก็อยากอ่าน
จริงๆน่าจะกินทั้งแม่ไผ่ ไผ่ คนอ่านเลย ชอบตอนบรรยายความคิดไผ่อ่ะมันดูฟุ้งๆ ฝันๆดี
แม่โรคจิต
ถ้าไผ่ไม่ได้โรคจิต กูจะป่วยทางจิตแทนแล้วนะ -*-
ตะหงิดใจมาตั้งแต่แรกแล้วว่ายาที่แม่ให้กินคือยาออะไร หวังว่าคงได้คำตอบเร็วๆนี้สินะคะ.... เราก็อยากรู้ว่ายาอะไร ยาที่ทำให้ลืมอะไรบางอย่างในอดีตหรือเปล่า เพราะเหมือนว่าความทรงจำตอนเด็กจะไม่ค่อยมีสักเท่าไหร่ ไผ่ดูเป็นคนเลื่อนลอยแปลกๆ หรือว่าตอนเด็กเคยมีอาการอะไรแปลกๆ คุณแม่นี่เหมือนคุณแม่โรคจิตเลยนะคะ หวังว่าเธอจะมีสติครบถ้วนสมบูรณ์ที่ทำแบบนี้ ปล. เราไม่เคยคอมเม้นท์นิ่งขนาดนี้มาก่อน อินกับเรื่องมากค่ะ
ยาอะไร ป่วยเป็นอะไร อึดอัดอ่ะ
อึดอัดดดดดด เกิดไรขึ้นกับอดีตของไผ่ อะไรยังไง ไม่กระจ่างเลยยย
ยากดประสาท กล่อมประสาท? ..... ว่าไปนั่น จอห์นกับไผ่ เคยรู้จักกันมาก่อน? อ่านตอนแรก เราเข้าใจว่าจอห์นต้องการสนิทกับไผ่จริง ๆ แต่พอเห็นว่าจอห์น อัดคลิป อัดเสียงไว้ คล้ายจะเอาไว้ขู่ .... โกรธจอห์น และสงสัยอยู่ ว่าเพราะอะไรถึงจะต้องมาสนิทกับไผ่ แต่ทุกครั้งที่อ่านไป เราก็ยังรู้สึกเป็นระยะ ว่ามันมีอะไรมากกว่านั้น ไม่ใช่ของเล่น แต่เป็นไปได้มั้ย ว่าจอห์นกลัวว่าไม่ทำแบบนี้ ไผ่จะหนีไป ไผ่จะไล่จอห์นอีก เวลาที่ประชด ที่บอกว่าไผ่ทำเหมือนตายไปแล้ว ... ก็เพราะอยากให้ไผ่แสดงความรู้สึกออกมาเวลาอยู่กับจอห์นหรือเปล่า มีเงื่อนงำเยอะมาก สิ่งที่พ่อกับแม่ทำก็เช่นกัน เหมือนขัดแย้งกันอยู่ น่าจะมาจากปมความหลัง ที่ยังไม่เปิดเผยออกมา คงเกี่ยวเนื่องกับยาที่ต้องกินทุกวันนั่นด้วย คิมเหมือนจะเป็นพระเอก แต่ทำไมเรารู้สึกไม่ไว้ใจคิม หรือเพราะไผ่โดนหลอก เพราะไผ่สร้างกำแพง เราก็เลยรู้สึกไปพร้อมกับไผ่ ใครเป็นคนที่ขังไผ่ไว้ ใครเป็นคนที่เฝ้าอยู่หน้าห้อง และวิ่งหนีออกไป คิมเป็นคนบอกให้ไผ่มา เป็นไปได้หรือเปล่าที่ขังไผ่ไว้ แล้ววิ่งหนีออกไปเพราะรู้ืว่ามีคนมาตาม แต่ก็ทำตัวเหมือนเป็นพระเอก เป็นคนมาช่วย ?........ แ้ล้วจอห์นที่ยืนอยู่เหมือนคอยอยู่ล่ะ โอ๊ย อยากอ่านต่อค่ะ อึดอัด หายใจไม่ออก อ่านแล้วกังวล คลุมเครือ แต่ก็ยังอยากจะรู้ต่อไปค่ะ
ไผ่เป็นอะไรกันแน่ .____.
คิดอยู่แล้วว่าอ่านแล้วต้องหน่วง แต่พออ่านแล้วก็หยุดไม่ได้ เรื่องนี้หลายปมเกิ้นนนนน จอห์น จริงๆแล้วดีใช่มั๊ย อยากให้เป็นแบบนั้น คิม เหมือนจะดี แต่ยังไม่น่าไว้ใจ พ่อ เป็นห่วงไผ่ใช่มั๊ย แม่ ...คงกลุ้มกับไผ่มากซิ่นะ ใครที่จะช่วยไผ่ออกจากโลกมืดๆได้นะ
คิมน่าสงสาร 5555 ดูเหมือนว่าเกือบทุกคนจะไม่ค่อยไว้ใจคิมสักเท่าไร สาเหตุ - - อาจจะมาจากสิ่งที่บักจ้อน เคยทำรึเปล่า 55 :laugh: :laugh: :laugh:
อ่านจบแล้วทำให้เรารู้สึกหดหู่ชีวิตชอบกลแฮะ =___=
- - '' นั่งอ่านตั่งแต่ตอนแรก ตอนแรกชอบนะ จอร์น พอหักมุม ก็นั่งอ่านต่อแบบพูดไม่ถูก สงสารไผ่มาก อยากให้คิมจริงใจกับไผ่เป็นที่พึงของไผ่ได้อ่ะ ไม่หลอกหลวง มันเศร้าเกินไปแล้ว ชีวิตเธอ อ่านไปอ่านมาเหมือนว่าจอร์นพยายามรั้งไผ่เอาไว้ คิดไปเองหรือป่าวนะว่าจอร์นจริงๆชอบไผ่แต่ไม่รู้จะว่าวีธีไหนรั้งไผ่ไว้เพราะไผ่เป็นคนแบบนี้ แต่แบบนี้ก็แรงยังไงไม่รู้ เป็นเราคงตายไปนานแล้วอ่ะ พออ่านเรื่องนี้พอเข้าใจจิตใจของคนที่มีปัญหาเลยอ่ะ :sad4: :sad4:
ไผ่เครียด ไผ่เป็นโรค >>> ย่านั่นคืออะไร แม่น่ากลัวแบบนี้ก็ไม่ไหว ที่บ้านก็เจอแม่แบบนี้ ออกจากบ้านก็เจอจอน โอยย ชีวิต อะไรจะดราม่าขนาดนั้นน ถ้าทนไม่ไหวบอกนะหนุ เดี๋ยวไปรับ 5555
ตามมาเรื่องนี้ ก็ไม่ผิดหวังจริงๆด้วย :o12: เรื่องนี้ เคะซึนเหรอ :กอด1: :กอด1: เดี๋ยวเราดูแลให้ เอาไหม ><
o13 เลวได้ใจ มากกกกกกกกกกกก :z2: กำลังคิดอยู่เชียว ว่า จอนห์ มันจะทำยังไง ไผ่ มัน แง่ลบสุดขั้ว ซะ ขนาดนั้น และความจริงก็ปรากฏ โอ๊ยยยยยยย หลงรัก พล็อตนี้เข้าแล้ว
เลวร้ายกว่าที่คิดไว้ จะตกอยู่ในสถาณการณ์อึมครึมอีกนานไหม นักเขียน :call: :call: คาดเอาไว้ว่ากี่ตอนกัน หรือทำไปตามอารมณ์ :กอด1: :กอด1:
อยากรู้แค่ว่า...เป็นยาอะไร
ยังหาข้อสรุปไม่ได้ว่าลูกป่วยหรือแม่ป่วยกันแน่
สงสารไผ่ :monkeysad: ใครขังไผ่กันแน่? ไผ่ป่วยเป็นไร? #สรุป มาม่า อร่อยจัง 55
สงสารไผ่ :monkeysad: ใครขังไผ่กันแน่? ไผ่ป่วยเป็นไร? #สรุป มาม่า อร่อยจัง 55
ยังคงมืดมนอย่างต่อเนื่อง น้องไผ่ของพี่~~~~~~ มาต่อเร็วๆนะคะ รออยู่ทุกวันเลย ><
ดีใจที่ได้อ่านต่อนะครับ จะติดตามเรื่องนี้ต่อไปนะครับ
Inert 11 เนื้อที่ผิวเท้า คล้ายถูกย่าง ผิวที่อื่น ถูกแดดเผา เหงื่อเหมือนหยาดฝน ไหลจากปลายคิ้ว ผ่านคาง หยดลงบนเสื้อที่ชุ่ม ตาพร่าลาย รู้ ว่าไม่มีทางเดินถึง ระยะทาง ไม่ใช่สั้นๆ วิ่งออกมาจนไม่รู้ทาง เพราะไม่เคยสนใจสิ่งอื่น แม้แต่ที่ที่ยืนอยู่ตรงนี้ ยังบอกไม่ได้ แบมือออก มองมือของตัวเอง เงาจากศีรษะทาบลงบนฝ่ามือ แม้แต่ที่แคบๆยังมีเงามืดกลืนกิน ถึงรู้ว่าถ้ายื่นมือออกไปมากกว่านี้ อาจจะสามารถอยู่พ้นเงามืดนี้ใด เรี่ยวแรงที่มี อ่อนล้าเกินไป ที่เป็นมาตลอด ไม่เคยเปลี่ยนแปลง คือความขลาด กลัวที่จะต้องอยู่พ้นจากเงามืด ตาจึงแสบพร่าแทบมืดเมื่ออยู่กลางที่ที่สว่างเช่นนี้ เดินไปเรื่อยๆ ไม่รู้จะเดินไปถึงที่ไหน กระเป๋ากางเกง ว่างเปล่า คอแห้งผาก ไม่ค่อยออกกำลังกาย ยิ่งทำให้เหนื่อยล้า หลากหลายสายตาที่จับจ้อง ยืนอยู่ในป่าซีเมนต์ ที่สัตว์ป่าร้ายกาจสังเกตทุกการเคลื่อนไหวอยู่ในเงาของพุ่มไม้ ได้แต่ก้มหน้า เร่งฝีเท้า เพื่อให้พ้นจากความรู้สึกถูกบีบคั้นเหล่านั้น เงายาวขึ้น จุดกำเนิดแสงแดด เคลื่อนต่ำลง ที่จากตรงนี้ไป คุ้นตา ถึงแม้ว่าจะถอดใจ ถึงแม้จะรู้ ว่าปาฏิหาริย์หรือเรื่องบังเอิญนั้นไม่มีจริง แต่พระเจ้ากลับเล่นตลก ในเวลาที่ตกต่ำที่สุด ในเวลาที่ได้แต่สาปแช่งพระเจ้า เท้าหยุดเดิน เป็นความยับยั้งชั่งใจที่แสนเบาบาง มันขาดลงในเวลาสั้นๆที่รู้ว่า บางสิ่งบางอย่างกำลังแตกหักลง วิ่งตัดผ่านยามเข้าไป เท้าที่อ่อนแรง ตะกรุยไปข้างหน้า วิ่งไม่เร็วพอ ถูกดึงคอเสื้อ ตัวจากที่เอนไปข้างหน้า เริ่มเสียหลัก เสียงโวยวายดังขึ้น ยามตะโกนเรียกให้เพื่อนอีกคนในเวรมาช่วยรั้งตัวไว้ กวางที่ถูกนายพรานจับ ได้แต่ส่งเสียงร้องในลำคอ ผมที่ยาวปรกลงบนหน้า แว่นตาเคลื่อนลงจากสันจมูก ได้ยินเสียงรั้วเคลื่อนออก เจ้าของบ้านเปิดประตูออกมา คำพูดที่ทำให้ทุกอย่างสงบ “นั่นเพื่อนผมครับ” “เพื่อนน้องจอห์นหรอครับ?” “ปล่อยเขา” “ขอโทษครับ เขาไม่ยอมบอกพี่ก่อน” “อ๋อ…คงไม่แปลกหรอกครับ” พูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน ภาพพจน์ เปลือกของนอก นั้นหนาเสียจนหลายๆคนมองไม่เห็นเนื้อใน จอห์นกดตามอง มือที่คนเหล่านั้นจับอยู่ ถูกปล่อยออก ความเหนื่อยโถมเข้าหาเหมือนคลื่น ล้มลง ไม่อาจต้านแรงคลื่นนั้นได้ ถูกดึงข้อแขน กระชากให้ลุกขึ้น เท้าลากไปกับพื้น ยามพวกนั้น รีบเร่งเท้าเดินออกไป “มาที่นี่ทำไม?” “…..” “ทำไมสภาพเป็นแบบนั้น?” “…..” ไม่รู้จะพูดอะไรก่อน ตอนนี้หัวว่างเปล่า พื้นที่ในหน้าอก ขยายขึ้น มือที่บีบอยู่นั้น เจ็บ แต่ก็รู้สึกถึงการมีอยู่จริง คนข้างหน้า มีอยู่จริง ไม่ใช่แค่ภาพที่คิดไปเอง เข้ามาในบ้าน ถูกดันติดกำแพง ในบ้านที่ไม่มีใคร เห็นหลังแม่บ้านแค่ชั่วพริบตา หายไปในครัว เงียบเชียบ ได้ยินเสียงลมหายใจที่ระโหยแหงของตัวเอง ดวงตาหลุบลง ตัวทรุดลง เข่าอ่อน ยืนไม่อยู่ เท้าเจ็บ เจ็บมาก เจ็บเจ็บจริงๆ…. ข้อมือที่ถูกกดไว้กับกำแพง ดึงให้ไม่ล้มลงกับพื้นด้วยแรงตรึง “หนีอะไรมา” มีแต่ความเงียบ ริมฝีปาก แห้งจนผิวหนังลอก มือ เชยปลายคางให้มองแหงนขึ้น เบี่ยงสายตามองไปด้านข้าง ไม่ต้องการจะจ้องมองคนที่อยู่เหนือกว่าเช่นนี้ มาที่นี่ทำไม หาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้ อยากให้บางอย่างกระจ่างออกสักที เมฆหมอกที่ยังก่อตัวอยู่ในความคิด อยากให้มันจางลง แม้สักนิด “…ทิวไผ่” เสียงกระซิบ เงียบกันไปอยู่พักหนึ่ง ค่อยๆหมุนสายตากลับมา ที่ยังจ้องอยู่แบบนี้ ไม่รู้จะสื่อความหมายแบบไหน จอห์นย่อตัวลง โดยที่ยังไม่ลดแรงกดที่ข้อมือนั่น ทั้งๆที่จะปล่อยให้ล้มลงกับพื้นก็ได้ จะปล่อยให้กลายเป็นผู้แพ้โดยสมบูรณ์ นั่นไม่ใช่หรือ? สิ่งที่เขาต้องการ กลับค่อยๆทำลายลงอย่างช้าๆ ให้ทรุดตัวลง ร่วงหล่นลงสู่ก้นบึ้งที่ไร้หุบเหวนี้อย่างช้าๆ แล้วกระชากขึ้นจากความมืดนั้น ด้วยริมฝีปากที่กดลงมา ความร้อนแล่นผ่าน มือที่กดอยู่ตรงข้อแขน ไม่คลายแรง แต่เลื่อนขึ้นไปอย่างช้าๆ เข้าหาสู่ฝ่ามือที่ไร้เรี่ยวแรง สอดนิ้วเข้าหา แล้วกำแน่น เม้มนวดริมฝีปาก โดยที่ไม่ละออกไป ก็พูดออกมาว่า “อ้าปากออกสิ” คำสั่ง ร่างกายรับรู้ในรูปแบบนั้น วิญญาณกร่อนลงช้าๆ หลับตาลง ขมวดคิ้ว จังหวะเนิบนาบ หยดน้ำ หยดลงบนความเรียบเฉย ไม่มีแม้แต่วงคลื่นที่เคลื่อนออกไป มันไม่ใช่ผิวน้ำที่รองรับอยู่ มันคือแผ่นน้ำแข็งหนา หยดน้ำหยดเล็กๆ หยดลงบนรอยกร่อนที่แสนเบาบาง แต่ก็ขยายตัวออกไปเรื่อยๆ ขุดลึก เซาะลงไปในความเยือกแข็ง มือข้างที่สัมผัสกับความเย็นของพื้น ยกขึ้นช้าๆ เสียการควบคุม ไม่สิ กำลังถูกบงการจากเสียงที่เงียบงันนั่น มือข้างนั้น แตะลงบนแผ่นหลังจอห์น กำเข้าหากันช้าๆ จนเสื้อถูกขยำ ไม่มีส่วนใดของร่างกายที่ถูกบังคับ จิตใจ มีเพียงมันเท่านั้น ที่ยังบอกกับสมองอยู่ซ้ำๆ ว่าไม่ใช่ความต้องการจากส่วนลึกที่ดำมืด “…พูดออกมาสักที” ริมฝีปากที่ยังเผยออยู่ ไม่มีโอกาสได้พูดอย่างที่อีกฝ่ายเรียกร้องโหยหา โหยหาสัมผัสที่หยาบโลน ที่ทำเหมือนเป็นสิ่งไร้หัวใจ ทำลายของเก่าที่แตกร้าวลง แล้วสร้างมันขึ้นมาใหม่ “พูดออกมาสักคำ ไม่ว่าอะไร ฉันก็จะทำให้" ดวงตาสีน้ำตาลอ่อน สีของอัลมอนด์ สะท้อนเห็นความสิ้นหวังบนหน้าของตัวเอง ชัดเจน "ถ้านายไม่พูดออกมา ไม่ว่าใคร ก็ช่วยนายไม่ได้ ” เสียงที่นุ่มจนอยากจะหลับตาลง เปลือกตาค่อยๆเคลื่อนตัวลง ภาพตรงหน้าไม่ชัดเจน คำพูดที่อ่อนโยนนั้นทำให้เจ็บ เจ็บเสียยิ่งกว่าทำร้ายกันเสียอีก หยดน้ำไหลจากหางตา โดยที่ไม่รู้ตัว หยดแรกลงมาถึงแก้ม หยดที่สองก็ตามลงไป จอห์นจูบซับสิ่งนั้น ราวกับเป็นแค่ภาพฝันน้ำตา น้ำตาที่เคยถูกพูดไว้ว่ามองไม่เห็น ความจริงมันไหลเอ่ออยู่ตลอด ร้องไห้มาโดยตลอด เสียงสะอึกสะอื้น ที่ในที่สุดก็มีคนได้ยิน“…ช” ถึงจะเป็นคำโกหกของจอห์นอีกก็ตาม ถึงจะเป็นคำปลอบโยนที่ไร้ค่า ภาพลวงตาที่ไม่มีอยู่จริง“ช่วยด้วย….” แต่กลับกลั้นคำสั้นๆนี่ที่ไหลพรั่งพรูออกมาไม่ได้ ……………………………………….. ……………………………. [Inert 11 : complete] [25.4.55]
กรี้ดดดดดดดดดดดดดดดดด ชอบจอร์นตอนนี้อ่ะ นู่๋ไผ่ดูเหมือนเริ่มเปิดใจแย้วววววววว :z13: :z13: สาธุขอให้นู๋ไผ่เจอเรื่องดีกะเค้าบ้างเถอะ
เกิดอะไรกับไผ่นิ มันต้องมีอะไรสักอย่างแน่ๆ
โวะ.... มันก็มีมุมแมนๆเว้ยเห้ย
ทิวไผ่เริ่มเปิดใจรับจอห์นแล้วนะคะ :เฮ้อ:
บัดจอห์นตอนนี้ค่อยพระเอกหน่อย เย่สสสสส
0_0 ...
แว๊กกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก :m31: :m31: :m31: :m31:
ทิวไผ่กับจอห์น :o8: รออ่านต่อนะ ขอยาวๆกว่านี้จะดีมาก o13
ดีใจที่ทิวไผ่กล้าเอ่ยปากออกมาสักที หวังว่าเดอะบรีสท์แบบจอร์นจะเป็นพระเอกจริงๆ หวังว่าจะดูคนไม่ผิด เอาใจช่วยทิวไผ่ต่อไป มันต้องมีสักวันสิน่า สู้ๆ
จอห์นแกล้งโหดมาตลอดเหรอ
จอห์นค่ะ..คุณกำลังมาค่ะ ><!! แอร้ยยย
พี่จอห์น พี่ต้องเป็นคนที่ใช่แน่ ๆ น้องไผ่เปิดใจเถอะนะ
ชอบตอนนี้จัง อยากให้น้องมีความสุขซักทีเนอะ :กอด1:
จอห์นจะช่วยไผ่ออกมาจากเงามืดจริงๆใช่มั้ยเนี่ย
อ่านแล้วอึดอัดดีชะมัด ทั้งปมเรื่องแม่ เรื่องยา เรื่องจอห์น เรื่องคิม ทุกเรื่องเลย อ่านแล้วก็อยากอ่านตอนต่อไปเร็ว ๆ เผื่อจะหายใจได้คล่องขึ้น
โว้ววววววววว ในที่สุดก็พูดอะไรออกมาบ้างแล้ว
:o8: :o8: แอบหวาน เบาๆ บักจ้อน อย่าหลอกทิวไผ่อีกน้า แค่นี้ชีวิตทิวไผ่ก็มืดมนเต็มทีแล้ว - - เฮ้อ
เย้ในที่สุด น้องก็ยอมแสดงความรู้สึก พูดออกมาแล้ว จอห์นทำได้แล้ว พระเอกที่ตรูเชียร์และเชื่อมันมาโดยตลอด
ไปที่จอห์นจริงๆด้วย ตอนนี้อ่านแล้วมันดูสว่างยังไงก็ไม่รู้
:L2: :L2: ก่อนอื่นต้องบอกว่าเหนเรื่องนี้มานานแต่ไม่มีโอกาสเข้ามาอ่าน วันนี้อ่านรวดเดียวเลยค่ะ สนุกและน่าติดตามมากค่ะ รีบมาต่อเร็วนะค่ะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ : :กอด1: :กอด1:
มาให้กำลังใจทิวไผ่
แอร๊ยยย น้องทิวไผ่กว่าจะพูดนะลูก o13 แต่พูดว่า "ช่วยด้วย" ออกมานี่พี่ก็อยากให้หนูช่วยเหมือนกัน ช่วยอย่าทำให้พี่ค้างสิค้า :z3: แต่ยังไงตอนนี้จอห์นเค้าก็พร้อมจะช่วยแล้วน้า เปิดใจอีกนิดนะคะ :)
จอห์นนายต้องช่วยไผ่ให้ได้นะ (ถึงไม่รู้ว่าช่วยไรก็เถอะ)
เจ็บ!จุก!อึก! คำที่ไผ่เปล่งออกมาได้ในที่สุด สะเทือนใจเรามาก!!!
และแล้วก็ลึกล้ำเข้าไปอีก
ผมว่าทิวไผ่ต้องเป็นโรครัยชักอย่างอ่ะคับ ขอให้รักษาให้หายนะคับ เป็นห่วงทิวไผ่มากๆคับ
เข้าใจอารมณ์ TvT กราซซซซ อยากอ่านต่ออออ
และเลี้ยว...เราก็ทิ้งงานมาตามอ่านเรื่องนี้ทันจนได้ เอิ๊ก ชอบๆ อ่ะค่ะ ชอบเลย ชอบความอึมครึม อึดอัด หายใจไม่ออกของเรื่องนี้ การเล่าเรื่องแบบที่ใช้ความรู้สึกเป็นตัวนำนี่มันอ่านแล้วบีบดีมากๆ สะใจ (เอ๊ะ? นี่ฉันสายเอ็ม??) นอกนั้นรู้สึกว่าเรื่องนี้มันมียิ่งกว่านี้ และมือที่จะมาฉุดไผ่ออกคงไม่พ้นใครหรอกนอกจากจอห์น คิดว่านะ ในเมื่อไม่ได้ตั้งใจจะทำลายให้แหลกสลายไปตั้งแต่ทีแรก มันจึงต้องมีอะไรที่ซ่อนอยู่ในความร้ายกาจนั่นเอง อะไรซักอย่างที่จะทำให้ทั้งไผ่และจอห์นก้าวออกจากความมืดนั่นได้ หรือไม่ก็ทำให้ความมืดนั่นอบอุ่นขึ้นอีกซักนิด... กรี๊ด รู้สึกว่าเม้นของตัวเองช่างดูดี (ถรุ้ยยยย!) ฮ่าๆ รอตอนต่อนะคะ บวกหนึ่งๆ ~
เฮ้อ!
น้องไผ่พูดสองประโยค :เฮ้อ:
เป็นโนเวลที่นัวร์มาก เงียบมาก ถ้าเป็นภาพยนตร์คงคล้ายๆ เรื่องกุมภาพันธ์ (บอกวัยป่ะเนี่ย) ทุกอย่างดำเนินไปเรื่อย แต่ไม่ค่อยจะมีการพูดคุย น่าติดตามมาก เดาว่าจอห์นน่าจะรู้จักกับไผ่มาก่อนนะ แต่ไผ่คงประสบอะไรสักอย่างที่ทำให้อาจจะลืมไป แล้วก็กลายเป็นคนแบบที่เป็นอยู่ คิมคงไม่ใช่คนดี (เดาอีกว่า)คนที่ล็อคห้องสโตร์ก็คือคิม แล้วก็แกล้งทำเป็นมาช่วยเหรอ จดหมายนั่นก็น่าจะมาจากคิม สายตาที่รู้สึกในห้องเรียนก็น่าจะเป็นของคิม มันเยอะมาก จนน่ากลัว
แหมม จอห์น :-[
จอห์นดูท่าจะมาดีใช่มั้ย คือถ้าร้าย (ไปมากกว่าที่ร้ายอยู่) ไผ่คงไม่ไหวแล้วล่ะ เหมือนฟางเส้นสุดท้ายเลยนะที่ไผ่นึกถึง ไม่รู้จะไปที่ไหนแล้ว หวังว่าน้องไผ่จะโชคดีค่ะ...คนอ่านลุ้นมาก ขอบคุณค่า
เป็นจอร์นสินะไผ่...
ทำไมไผ่ถึงไปหาจอห์น ทำไม...ตอนนี้จอห์นถึงทำดีกับไผ่ โอย...คำว่า "ทำไม" มันเต็มหัวไปหมด!
ไม่เข้าใจ แต่จะเข้าใจก็ได้
ณ จุดจุดนี้ ... รู้สึกมีความสุขขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก เมื่อเห็นว่าพ่อจ้อนทำตัวเหมือนพระเอกแล้ว :o12: ปลาบปลื้มเหลือเกิน โฮฮฮฮฮฮฮฮ ขอร้องอย่าหลอกอย่าลวง ถ้ายังร้ายกาจไปมากกว่านี้ ชั้นว่าทิวไผ่ลาโลกแน่ๆ ช่วยให้ได้จริงๆอย่างที่พูดนะ อยากอ่านตอนต่อไป มากมากกกกกกกกกกกก :z3:
กลับมาแล้วค่าาาาาาาา กรี๊ดตอนใหม่ช่างทำให้จิตใจที่อ่อนล้าจากการฝึกงานมีความหวังดีแท้ค่ะ แต่...ก็ยังไม่อยากจะคิดว่าจอห์นจะเป็นพระเอกตัวจริงอยู่ดี...(หรือถ้าใช่ก็อยากให้เจ็บช้ำสาสมก่อนน่ะนะคะ)
อ่านรวดเดียวจนถึงตอนล่าสุด ปวดตับเป็นพักๆ หน่วงๆ :m15:
จอห์นจริงใจใช่ไหม o13 ทิวไผ่เปิดใจ?
สงสารน้องไผ่ อุตส่าห์หนีมาให้พระเอก(?)ของเราช่วย หวังว่าคงจะไม่โดนทำร้ายยิ่งกว่าเก่านะ :z3:
อ่านเรื่องนี้แล้วหน่วงหัวใจจริงๆ น้องทิวน่าสงสารมาก T_T จอห์นบางครั้งก็ดูเหมือนเป็นห่วงทิวไผ่ บางครั้งก็แกล้งไผ่ สู้นะคะ >_< ติดตามตอนต่อไป เอร้ยยย
ช่วยทิวไผ่ด้วย น้องดูอึดอัดเหลือเกิน....เห้อ... ยังไงก็คงมีความหวงใยกันบ้างเนอะ... สู้ๆ ขอบคุณ และรออ่านต่อจ๊ะ
น้องไผ่น่าสงสาร... จอห์น...สรุปตอนนี้นี่ตัวจริงของนายเหรอ ??? จะมาหลอกน้องไผ่อีกป่ะเนี่ย :เฮ้อ: รออ่านตอนต่อไปค่ะ :call:
นี่คือตัวตนที่แท้จริงของจอห์นหรือเปล่า????
เกิดอะไรขึ้น แล้วไผ่ออกมาจากห้องนั้นได้ไง ปล. ชอบตอนนี้ ตั้งแต่อ่านมาก ชอบตอนนี้มากที่สุด มีบทพูดนับประโยคได้ไม่เกินห้า แต่บทบรรยายกินขาดจริงๆ เปรียบเทียบได้ล้ำลึกมากค่ะ ไม่รู้จะพูดยังไงให้รู้ว่าเราชอบมาก ไม่รู้จะบอกยังไงว่ามันเจ๋งแค่ไหน เขียนได้ขนาดนี้ ออกหนังสือได้เลยนะคะ o13
โว้วววว ในที่สุดก็มีคนได้ยินเสียงของไผ่แล้วว เหนื่อย แต่อ่านเองงง แต่เหนื่อยจริงๆนะ ลุ้นมากก
จอร์นนี่ยังไงกันแน่ฟร๊ะ :m16:
ว่าแล้ว ว่าพระเอกต้องมีดีมั่งแหล่ะ ฮึ้ย ชอบตอนนี้ค่ะ ร รู้สึกเหมือนทั้ง 2 คน เกิดมาเพื่อกันเลย ><
ลุ้น ขาดใจ
อย่างนี้ที่เค้าเรียกว่า "ร้ายก็รัก" รึเปล่า ขนาดวิ่งหนีออกจากบ้านอย่างไม่รู้จุดหมาย แต่จิตใต้สำนึกก็สั่งร่างกายให้วิ่งมาหาเค้าถึงที่บ้านจนได้ :o12:
น้องไผ่น่าสงสาร :o12: แต่ก็มาหาจอห์นจนได้เนอะ
น้องไผ่จ๋า.. หนูเป็นอะไร ต้องการอะไร อยากให้คนช่วย หนูต้องพูด ต้องบอกนะลูก หวังว่าจอห์นจะไม่ทำให้คนอ่านอกหักอีกนะ ชอบเรื่องนี้มาก ๆ อ่านแล้วมันหน่วงหนักในใจ สงสารน้องทิวไผ่ T__T
หล่อเลยบักจอน
คนแต่งมีปัญหาอะไรในชีวิตหรือเปล่าคะ หรือว่าในชีวิตจริงก็อึนๆ เหมือนนายเอก
เข้ามาส่อง :a5: เข้ามาดุน :z2: เข้ามาดัน ให้มันอยู่หน้าแรกๆ :-[ คิดถึงทิวไผ่แล้ว :monkeysad: รอนักเขียนคนเก่งอยู่นะคะ o13 :call: :call: :call: :call:
อ่านเรื่องนี้แล้วนึกถึงนิยายฝรั่งเรื่อง "วันที่ฉันไม่พูด" เกี่ยวกับเด็กผู้หญิงที่โดนข่มขืน แล้วไม่ได้บอกใคร เพื่อนก็ดันทิ้งเพราะเรื่องเข้าใจผิดในเวลาเดียวกัน อาการเดียวกับทิวไผ่เลย ที่ไม่ค่อยยอมพูดอะไร ถามคำตอบคำ แต่ความคิดยังไม่หนักเท่าเรื่องนี้ ปมของทิวไผ่ขอเดาว่าอยู่ที่ครอบครัวนี่แหล่ะ อ่านเรื่องนี้ทำเอาลืมหายใจเลย ลุ้นบทพูดของทิวไผ่นี่แหล่ะ อ่านจบ ปล่อยลมหายใจเอือกใหญ่ :L2: :L2: :L2:
มันช่างกดดันจริงๆ ไผ่เก็บกดมากๆ
เป็นนิยายที่เดาทางไม่ออกเลยค่ะ o22 การบรรยายก็ทำได้ดีทำให้เข้าถึงอารมณ์ความรู้สึกของไผ่ ณ ตอนนั้นได้ชัดเจน ทำให้เกิดความอึดอัดไปกับตัวละคร ไผ่เหมือนแก้วบางๆที่ค่อยๆร้าวมาเรื่อยๆจนในที่สุดความรู้สึกก็ทำให้แก้วนั้นแตกโดยสมบูรณ์ รอดูว่าจอร์นคือคนที่เข้ามาช่วยหลอมเศษแก้วให้เป็นแก้วที่สวยได้ หรือเป็นคนที่เหยียบย่ำเศษแก้วให้แหลกละเอียดกว่าเดิม ทุกตอนเหมือนผู้เขียนได้วางปมเอาไว้ และผูกให้มันใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ อยากให้ถึงตอนแก้ปมเร็ว ๆ จัง :เฮ้อ: ยิ่งอ่านยิ่งอึดอัด เด็กมีปัญหา คำนี้ไม่ใช่เพราะตัวเด็กเองแต่เป็นเพราะสภาพแวดล้อมกับผู้คนรอบข้างต่างหากที่หลอมให้เป็นแบบนั้น ยังไงก็เอาใจช่วยคนเขียนนะค่ะ ขอให้มาต่อเร็ว ๆ 555 :laugh: ปล เขียนได้ดีมากค่ะ o13 ปล 1 :pig4: :pig4: :pig4:
น้องไผ่เป็นอะไรรรร ใครทำอะไรหรือออ มาหาพระเอกเราแบบนี้แสดงว่ามีใจให้เค้าอ่ะดิๆ
ทำไมไม่ไปหา คิว....คงจะจำชื่อไม่ผิดนะ แหะ ๆๆ
อย่างน้อย...จอร์นก็ยังอ่อนโยนกับไผ่ โล่งแล้วที่ไผ่มีที่พึ่ง :เฮ้อ:
เห้อ อ่านแล้วพูดอะไรไม่ออก มันจุกไปหมด แทบอ้วก มันมึนแทนเลยจิงๆ ยังไงก้อมาต่อกานอีกนะคับ อยากรู้ว่ามันจะเปงยังไง
กดดัน มันเป็นอะไรที่ไม่แน่ชัด แต่คำบรรยายมันทำให้ คนอ่านรู้สึก เสมือนกับว่า ฉันเป็นคนเล่นเอง ลุ้น...
มันช่างอึดอัดและหดหู่ :m15:อารมณ์ถ้าเป็นไผ่ ผูกคอตายไปแล้วววววว เมื่อไหร่ปมจะคลายละเนี่ยยยยย
เข้ามาส่อง ๆ ยังไม่อัพอ้ะ :o12: แต่ความรู้สึกตอนที่ได้อ่านตอนที่จอร์นเปลี๋ยนไปคือ กะแล้วแต่ก็ยังคงเป็นแบบนี้ :a5: 555 เข้ามาดูเข้ามาดันแล้วจากไป :laugh: :laugh:
:o12: หล่นมาหน้าสามแล้ว ยอมไม่ได้ เอ้า ดัน ดัน ดัน ดัน :z2: :z2:
อ่านแล้วรู้สึกหายใจไม่ออก อินเกิน
อ่านแล้วได้ใจมากจริงๆเรื่องนี้ ยิ่งอ่านยิ่งมันส์ สนุกสุดๆ
ไม่รู้จะอธิบายยังไง มันหน่วงๆในอก อยากจะร้องไห้ให้กับไผ่ แต่ไผ่ก็เหมือนกับคนไม่มีความรู้สึกนึกคิดอะไรที่เป็นตัวของตัวเองเลย เหมือนรอแต่คำสั่งอย่างเดียว หรือเพราะยาที่แม่บังคับให้กิน มันงง สับสนไปหมด(ทั้งจอห์นแล้วก็ตัวไผ่) ยังไง คนเขียนก็รีบมาต่อน้า รออ่านอยู่จ้า
มารอค่าาาาา อยากอ่านต่อแล้ววว :call: :call: :call:
มาฝากตัวเป็นสมาชิกด้วยคน~!!
เข้ามาส่องๆ ยังไม่มาอีกหรอ TT :sad4:
T____________________________________T
แววพระเอกไอ่คุณจอร์นพึ่งมาก็ตอนนี้เหละ เห้อออออ :z3: :z3: :z3: :z3: :z3:
แง๊ๆ มาต่อไ้ด้แย้วน้าาาาT^T
อ่านแล้วน้ำตาจะไหล ดราม่าได้ แต่ขอจบแฮปปี้เถอะน้า
(คนเขียนหาย) สงสารไผ่จังค่ะ ...อ่านแล้วอึดอัดสมชื่อเรื่องเลย อยากรู้ว่าทำไมแม่ของไผ่ถึงต้องบังคับไผ่กับขนาดนั้นด้วย ยานั่นยาอะไรหนอ? (ยาเกี่ยวกับประสาทรึเปล่าหว่า) ตอนเด็กๆเกิดอะไรกับไผ่ T^T!! และสุดท้าย จอห์นคะ...ดูแลไผ่ดีๆน้าาา T^T!!
การที่ได้เข้ามาอ่านเรื่องนี้ ก็ด้วยชื่อผู้แต่งเรื่องนี้ แต่พออ่านแล้วใจหนึ่งก็อยากจะเลิกอ่าน ใจหนึ่งก็บอกว่าต้องอ่านต่อ เพราะปมที่ผูกไว้ มีอะไรให้ค้นหาอีกมาก หึ หึ หึ ... เพราะฉนั้นแล้ว ก็เลยต้องอ่านต่อไป +1 ให้เป็นกำลังใจ และพร้อมรับความกดดันของไผ่ ที่มีกับสิ่งรอบข้าง ปล. คิม คำ ๆ นี้ไม่รู้ว่าจะหวังอะไรได้หรือเปล่า หรือว่าจะมาซ้ำเติมอีก 555..... เริ่มระแวงไม่ไว้ใจคนเขียนแล้ว :z2:
สรุป..แม่ไผ่ใช่มั้ยที่ควรจะต้องกินยา
ใครก็ได้ช่วยฉุดไผ่ขึ้นจากเหวลึกนั่นที . . . . . . . . . รอ.....:undecided:
:sad4:ชีวิตของไผ่ทำไมมันรันทดแบบนี้อะ :sad11:
นานแล้ว...นะครับ T___T
ยังไม่มาอีกหรอ รอๆนะ สงสารไผ่จะแย่แล้ว
:z3:
ตอนในสระน้ำอ่ะ มันเหมือนจะโรแมนติคเลย แต่ก็ยังดาร์ค แต่มันเจ๋งอ่าาาาาาาา!!!!! มันดาร์คมากกก หน่วงๆ แต่เรารู้สึกว่ามันโรแมนติคยังไงไม่รู้ โอ๊ยยย >< เราอ่านเรื่องนี้สองรอบแล้ว!! 55555555
อยากอ่านเรื่องนี้ต่อนะ มาต่อด้วยนะครับ รออ่านอยู่นะ
ยังรอตอนต่อไปอยู่น้า :call: :call:
มาตามอ่่านเรื่องนี้ค่ะ บอกก่อนว่า ดี ใจ จริง ๆ ที่ได้มาอ่านตั้งแต่ต้นจบ ตอนที่ 11 ดีใจที่ตอนมาอ่านไม่ได้มีแค่ 10 (สำหรับเราท้ายเรื่องตอนที่ 11 สำคัญมากจริงๆ) ดีใจจริง ๆ ในระหว่างอ่าน มีหลายครั้งที่ ต้องปิดปากและน้ำตาซึม(โดยไม่รู้สาเหตุ มันหน่วงอยู่ที่ใจและความรู้สึก) มีหลายครั้งที่ ลืม เนื้อเรื่องที่อ่านอยู่ตอนนั้น และพยายามหา จุดประสงค์ หรือ เป้าหมาย หรือ เพื่ออะไร......... มีหลายครั้งที่ แอบถอนหายใจ และ ถอดใจที่จะไม่อ่าน เป็นครั้งเดียวที่เลือกอ่านนิยายที่มีการพูดคุยน้อยมาก บรรยายเยอะมาก(แต่ก็ไม่ได้ช่วยให้เข้าใจตัวละครได้มากขึ้น)จากตัวอักษรของน้องไผ่ เป็นครั้งเดียวที่เป็นเรื่องที่ไม่รู้ทั้ง อดีต และ อนาคต ภาษาแต่งไม่ได้สับสนวุ่นวายหรือเข้าใจยาก....ที่ไม่เข้าใจคงจะเป็นที่ตัวละคร(เพราะทุกตัวละครเท่าที่เข้าใจมีแต่ความสับสน) โดยส่วนตัวเราเลือกที่จะมองเห็นจอร์นเป็นคนดี (อย่างน้อยก็ในความคิดของเราถึงแม้เส้นทางอาจจะไม่เหมือนพระเอกคนอื่น) (อย่างน้อยมันก็เลือกที่จะไม่ฆ่าน้องไผ่จนตาย) (ถึงแม้การมองจะมองจากมุมน้องไผ่คนเดียว แต่คิดว่าการที่เราเป็นคนอ่านทำให้เห็นต่างออกไปจากน้องไผ่) ระหว่างอ่านมีหลายความรู้สึกที่บ่งบอกอะไรไม่ได้เลย แต่ท้ายตอนที่ 11 ก็เป็นคำตอบในความคิดของเรา(ถ้าคิดว่าจะหยุดทุกอย่างไว้แค่นี้จะผิดไหม) แม้แต่ตัวละครก็ยังไม่ชัดเจนจนถึงที่สุด(หลายครั้งที่ชีวิตเราก็ได้ต้องการความชัดเจน) จริงอย่างที่หลายคนว่าเืรื่องมีเงื่อนเยอะมาก มันซํบซ้อน คลุมเคลือ อึดอัด เราไม่คิดว่าเราสงสารไผ่หรือสมเพชอะไร คิดแค่ว่าสักวันไผ่จะหาตัวเองให้เจอ และคำเดียว ทั้งหมดที่ไผ่เืลือกทำอยากให้ทำเพื่อตัวเอง เลือกด้วยตัวเอง มีกำลังและแรงให้ตัวเอง(หากว่าไม่ไ้ด้หวังกับใคร อยากให้น้องหวังให้ตัวเอง) มีอีกเรื่อง ภาพ โปรไฟล์ ที่เป็นรูปเด็กผู้ชายปิดปาก เราขอจินตการให้เป็นน้องไผ่ละกันค่ะ ขอบคุณสำหรับการแ่ต่งเรื่องนี้ขึ้นมา ชอบแนวการแต่งมาก กลิ่นไอการเล่าแบบนี้ทำให้ต้องคิดอะไรเยอะมากกว่าพระเอกนายเอกงอนง้อกัน เป็นคนที่ถ่ายทอดอะไรออกมาได้เห็นภาพมาก และเห็นภาพทุกครั้งที่ได้อ่านเรื่องของคุณ ขอบคุณมากค่ะ ปล.อีกนึงประเด็นหลังอ่านจบ.......คงต้องกลับไปอ่านอีกรอบ จะรออ่านตอนต่อไป (ภาวนาให้สักวันเจิดจ้ากว่านี้)
...................มาต่อหน่อยนะครับ T_T
มารอนะคะ
มาปูเสื่อรอ เรื่องนี้นะจ้ะ อิอิ
จุดธูปด้วยความคิดถึง :call:
รออยู่เสมอนะ อยากอ่านต่อมากๆๆๆๆๆๆ :call: :call: :m15: :m15:
อดทนรออออออออออออออออออออออออออ ฮืออออออ เรื่องมันกำลังเริ่มดีขึ้นแล้ววววว (ใช่มั้ย ?)
ฮ่วย ตอนไผ่บอกว่า "ช่วยด้วย" นี่ผมสะเทือนไปทั้งตับเลย วูบวาบบอกไม่ถูก :laugh: ในที่สุดก็มีคนได้ยินไผ่แล้ว เย่! :เหอะ1: ผมว่าผมเริ่มรู้สึกดีๆกับไอ้เควี่ยจอห์นขึ้นมาหน่อยก็ตอนที่มันพูดว่า "พูดออกมาสักคำ ไม่ว่าอะไร ฉันก็จะทำให้" นั่นน่ะ เอิ้ววววว :-[ มาต่อเร็วๆนะครับ กำลังอินได้ที่เลย :laugh: :laugh: จัด + ไปครับ :กอด1:
เกือบเดือนแล้ววววว :z13:
T^T เมื่อไหร่น้อที่เทอจะกลับมา
ยาอะไรอะที่ไผ่ต้องกิน รือแม่ควรกินมากกว่า ซับซ้อนซ่อนเงื่อนจริงๆๆ ครอบครัวไผ่นี้ :confuse: :confuse: :really2: มาต่อเร็วๆๆนะค่ะ :m5: :m5: :m5:
ตามอ่านมาหลายเรื่อง (ค้างและรอหลายเรื่อง 555) เรื่องนี้อ่านแล้วเหมือนอยู่ในเขาวงกต จะเดินทางไหนตัดสินใจไม่ได้ ไผ่ก็คงจะเป็นอย่างนั้น รู้สึกวาจอนห์ก็คงรักไผ่บ้างไม่มากก็น้อยยังไงก็ลุ้นว่าเค้าคนนี้ขะเป็นคน ที่พาไผ่ออกจากเขาวงกตนี่อย่างไง รอจ้าาา ปอ...รอ!!! อย่าาลืมอัฟเรื่องอื่นด้วยนะคิดถึงจะตายแร้ววววว T T
ยังไม่เข้าใจอะไรเลย. . ไม่เข้าใจว่าอะไรที่อยู่ในใจไผ่ และอะไรอยู่ในใจทิว ในจอห์น.. เหมือนมีปมซ๋อนไว้หลายที่เลย ทั้งแม่ และตัวไผ่เอง ชอบนะ รอออออออออออออ มันดาร์กดี
อยากอ่านต่อนะครับ รออยู่นะ.......................
ถ้ามีเวลาก็ ลงเรื่องนี้ด้วยนะครับ ไม่ได้ลงมา 2เดือนกว่าแล้ว *-*
รอๆๆๆๆๆๆๆๆ :call: :call: :call: มาต่อเถอะนะ :monkeysad: :monkeysad:
T______________________________________________________T สองเดือนแล้วนะครับ
เพิ่งได้อ่าน อึดอัดเเท้ คนเเต่งหายยยยยยย
อ่านแล้วมัน.....หน่วง มากถึงมากที่สุด ... ชีวิตของทิวไผ่ นี่....มืดมนมากๆเลย เป็นกำลังใจช่วย สู้ ๆๆ .... :n1: :n1:
------------------*-------------------------*--------------------- หาย
รออยู่นะจ๊ะ _=_
T_T
มาต่อเถอะค่ะ T[]T
อ่านแล้วอยากไปเป็นพระเอกให้แทน :เฮ้อ: ทำไมวะ ทำไมเราไม่เก๊ตตตต :serius2: ครอบครัวนี้มันยังไงกันแน่วะ คนแต่งมาอธิบายต่อสิ :angry2: ตำถาม จอนคือคนที่จะฉุดน้องไผ่ออกจากหลุมความมืดนั้นเหรอ :z3: เอาเลยเซ่ ทำดีกะน้องไผ่บ้างเซ่ o22 อ่านติดแล้วเนี่ย อย่าทำร้ายแฟนคลับนะเพ่ o13
ความจริงแล้วจอร์นมีเจตนาดีกับไผ่ใช่มั้ย? พยายามช่วยให้ไผ่หัดแสดงออกความรู้สึกผ่านเซ็กซ์??? รออ่านต่อนะะ อยากรู้ๆ อ่านเรื่องนี้แล้วมันอึมครึมดี ชอบๆ ไม่ต้องบรรยายอะไรมาก อ่านแล้วสับสนตัวเอง(?)ดี 5555 มาต่อเร็วๆนะคะ
Inert 12 โลกของเด็ก ไม่ว่ายังไง ก็ยังเป็นโลกของเด็ก โลกที่คิดว่าจะหนีพ้นไปจากความน่าเบื่อหน่าย หน้าที่ ข้อผูกมัด กฏเกณฑ์ต่างๆไปได้ โบยบินหนีออกไปจากโลก ที่ถูกสร้างขึ้นด้วยผู้คนที่มีอำนาจมากกว่า เป็นโลกใบเล็กๆที่อยู่ในอุ้งมือของผู้ใหญ่ พวกเขาเฝ้ามองเราวิ่งวุ่นด้วยความขบขัน ไม่ว่าจะหนีไปไกลแค่ไหน ก็ดูคล้ายกับหนูแฮมสเตอร์ในกรงโง่ๆ คำขอร้องไม่เป็นผล แม้แต่คำอ้อนวอนที่ไม่ได้ถูกพูดออกไป ก็โดนเพิกเฉย พ่อของจอห์นที่ไม่เคยพบหน้ามาก่อน เป็นคนพากลับไปที่บ้านหลังนั้นอีกครั้ง ถูกลากด้วยโซ่ที่มองไม่เห็น รัดแน่น ยากจะหายใจ บ้านสีเทา ที่ไม่รู้สึกถึงเสียงใดๆในนั้น กลับไปอยู่ใต้น้ำที่แสงสว่างไม่อาจเอื้อมมือไปถึง ความมืดที่แหวกว่ายลงมา กระซิบอย่างแผ่วเบา ยื่นถึงข้อเสนอ หยิบยื่นอิสรภาพให้ ค่าของมัน แพงกว่าที่คิด เห็นเพียงสายตาที่มองตาม ไม่มีคำพูดหลุดออกจากปากของจอห์นสักนิด “ต้องขอโทษด้วยนะครับ ที่ลูกชายผมพาลูกชายคุณออกมาแบบนี้” “ไม่หรอกค่ะ คงเป็นไผ่เองที่วิ่งออกไปหาแบบนั้น” ….รู้จักกันมาก่อน บรรยากาศบอกแบบนั้น แม่ สายตาที่มองมา โยนความรู้สึกอันหนักหน่วงมาให้ พ่อของจอห์นหายไปจากสายตาแล้ว อากาศข้างในนี้ ความดันสูง อึดอัด ใต้ผิวน้ำที่เย็นยะเยือก ชื้น และรู้สึกไม่สงบ ขวดแก้วที่ตั้งอยู่บนโต๊ะ เหมือนจะลอยขึ้นมาอย่างช้าๆ ฝาเกลียวหมุนออก ยาสองเม็ดกระโดดออกจากขวดแก้วนั่น ลงบนมือของแม่ที่แบออก มือถูกผลักมาทางด้านนี้ คำพูดที่พูดอย่างเชื่องช้า สายตา ที่ว่างเปล่า“…กินเข้าไปสิ” คำสั่ง ยิ่งกว่าคำสั่ง เป็นเหมือนโปรแกรมที่ถูกวางไว้ หุ่นยนต์ยื่นมือออกไป เม็ดยากระโดดขึ้นฝ่ามือเหล็ก ปลายนิ้วสั่นระริก เปลือกตาปิดทั้งๆที่ยังมองเห็นภาพ รับยาสองเม็ดนั้นเข้าไปในตัวช้าๆ ……………………………………. ……………………………. “ไผ่…” “…..” “เป็นอะไรหรือเปล่า สีหน้าไม่ค่อยดีเลย” ส่ายหน้า คิม อีกแล้ว น่าเบื่อ “ไม่สบายหรอ?” ตอบด้วยวิธีเดิม “…มีอะไรบอกเราได้นะ” อะไรที่ว่านั่น..คืออะไรกันนะ นึกถึงเรื่องที่คิดก่อนหน้านี้ไม่ออก โลกเคลื่อนที่ด้วยความหน่วง หมุนเอื่อยไปอย่างช้าๆ “หรือว่าจะเครียดเรื่องสอบ ถ้าไม่เข้าใจ ถามเราดูก็ได้” สอบ เรียนเรื่องอะไรไปบ้างนะ จำได้แต่ข่าวอาจารย์ผู้หญิงคนหนึ่งแท้งลูก ก็เท่านั้น สำหรับเทอมนี้ที่พอจะนึกออก เผลอหลับในช่วงกลางวัน ไม่เคยเป็นมาก่อน ในฝัน ไม่รู้ว่าเป็นขวดแก้วที่ใหญ่เกินไป หรือเป็นเขาที่ตัวเล็กเกินไป ติดอยู่ในขวดแก้วนั่น เสียงที่ตะโกนออกไป ถูกสกัดไว้ เม็ดยาขนาดใหญ่ร่วงหล่นมาจากข้างบน คู้ตัวลง กอดตัวเองไว้แน่น สองมือปิดหู ไม่รู้สึกถึงสัมผัสของโลกภายนอก ได้ยิน เสียงของสีแดง แดงฉาน เม็ดยาหลอม กลายเป็นทะเลสีขาว แหวกว่ายอยู่ในทะเลนั้น ในชั่วขณะที่รู้สึกเหมือนจะจมลง ตัวก็ลอยขึ้น จุดสีแดงเกิดขึ้นตรงกลางผิวน้ำ แผ่ขยายไปทั่ว จนกลายเป็นเหมือนทะเลเลือด กลิ่นคาวคลุ้งไปทั่ว อ้าปากหายใจ ของเหลวก็ทะลักเข้ามาในปาก สำลักไอออกมา ในมือ ก็กลายเป็นสีแดง ยกมือขึ้นจับแก้ม ขวดกระจกสะท้อนให้เห็น เปียกเลือดไปตั้งแต่ปลายเส้นผมถึงหัวแม่เท้า ทะเลเหือดแห้งไป ทิ้งความชื้น กลิ่นโลหะ กับสีที่เหมือนคำสาปแช่งไว้ ได้แต่มองภาพนั้นอย่างเงียบงัน ……………………………… ……………………… วิชาพละ ความร้อนที่ทำให้ตาลาย อากาศปนกับความชื้น เหมือนปอดจมน้ำ ได้ยินเสียงหัวเราะที่เข้าไปไม่ถึง เสียงพูดคุย กลายเป็นคลื่นความถี่ที่ไม่เข้าใจ “อยู่ทีมเราไหม?” “….” “บาสเกตบอลไง” ส่ายหัว มองเหงื่อที่ไหลออกจากตัวนักกีฬาเหล่านั้น เห็นภาพในฝันซ้อนทับ คิมวิ่งออกไป พระอาทิตย์เหมือนสปอร์ตไลท์ดวงใหญ่ ลูกกลมๆนั่นลอยไปมาเหมือนไร้แรงโน้มถ่วง นั่งลง มองไปข้างหน้า แต่สายตาก็ไม่ได้จับจ้องอยู่ที่อะไรทั้งนั้น จมลงช้าๆ ระดับเลือดรอบตัวสูงขึ้น หลับตาลง รับรู้ถึงความเย็นยะเยือก ที่ไม่ได้รับรู้ด้วยผิวหนัง “ไผ่!ระวัง!” จังหวะที่ได้ยินเสียงนั้น ก็เป็นจังหวะที่หงายตัวล้มลง ลูกบาสกระดอนออกไป ได้ยินเสียงกระทบพื้นอยู่สองสามที เสียงผู้คนรอบๆ แล่นเข้าผ่านหู ในเวลาสั้นๆ แสงสว่างหายไป คิมนั่งคร่อมอยู่บนตัว วิ่งเข้ามาปัดลูกบาสออก สำเร็จแค่ครึ่งเดียว เงาทาบลงบนตัว ใบหน้าที่เห็นไม่ชัดเจนเพราะแสงแดดจ้า ดูคุ้นเคย ตัวสั่น สั่นไม่หยุด ขดตัวลงกับพื้น ยกมือขึ้นกันที่ใบหน้า ร่างกายทำไปเอง จิตใจไม่ได้รับรู้ “อย่า…อย่า” สวิสต์ร่างกายถูกสับลง สิ่งที่เกิดขึ้นสั่งการจากส่วนที่ลึกลงไป …ลึกไปกว่าระดับจิตใจ เสียงที่ใครคนหนึ่งล้มลงพื้น ร้องวิงวอน ถูกนั่งคร่อมทับแบบนี้ เงื้อมือขึ้นสูง อะไรสักอย่างในมือนั่น “ไม่…อย่า อย่ามอง” สายตาคนรอบข้างที่จับจ้อง อาฆาต โมโห โกรธแค้น สายตาที่โยนความผิดมาให้ เป็นเหมือนความจริงที่เป็นฝัน ฝันที่เป็นความจริง มือคิมเย็นเฉียบ จับลงที่ข้อมือ รู้สึกเหมือนโดนของร้อน สะดุ้งตัวหนี เสียงตะโกน “ใครก็ได้ ไปตามอาจารย์ห้องพยาบาลมา!” ดังก้อง หายใจไม่ทัน ทั้งๆที่หายใจแรง ถุงพลาสติก คิมใช้ถุงพลาสติกครอบใบหน้าไว้ ทรมานจนน้ำตาเอ่อ ตาพร่า ในความไม่ชัดเจน เห็นรอยยิ้ม... รอยยิ้มบนใบหน้าที่ดูคุ้นตา มากกว่าคนไม่รู้จัก โฟกัสเลือนหายช้าๆ ได้ยินเสียงกรีดร้อง ที่ไม่แน่ใจว่าเกิดขึ้นจริง ……………………………………….. ……………………………. [Inert 12 : complete] [31.7.55] ขี้เกียจอ่านหนังสือ o22 :กอด1:
โคดเบลอ มันเกิดไรขึ้นหว่า? = =
โอ๊ะ ท่าทางต้องอ่านย้อนอีกสักตอนสองตอน เราชอบเรื่องนี้ เพราะมันหน่วงและอึดอัด แต่มันชวนให้ค้นหา ชวนให้ติดตาม ชอบวิธีการเล่าเรื่องที่ไม่เยิ่นเย้อ แต่ก็อยากจะอ่านต่ออีกยาว ๆ ฮ่า เหมือนกำลังหลอนค่ะ หลอนเพราะสิ่งที่เคยถูกกระทำ สิ่งที่ือยู่ลึกในจิตใจ ยาที่ต้องกินประจำนั้นไม่รู้ว่าทำให้เกิดอาการหลอน หรือกดอาการบางอย่างไว้ให้คล้ายเบลออยู่ตลอดเวลา
ขี้เกียจอ่านหนังสือ แล้วมาแต่งนิยาย ดีสำหรับคนอ่าน แต่ไม่ดีสำหรับคนเขียน ^_^"
ถ้าขี้เกียจอ่านหนังสือ... แล้วมาต่องี้... ขี้เกียจบ่อยๆน๊าคับ 555+ สู้ๆ คับ
=w=''
นายเอกเราเป็นโรคประสาท รึอะไรกันหว่า T T
ใกล้สอบแล้วระวังคะแนนสอบไม่ดีนะ :L2: :L2: :L2: นึกว่าลืมกันไปแล้ว :mc4: :mc4: :mc4: รออ่านตอนต่อไปจ้า :bye2: :bye2:
:sad4:น่าสงสารรรร แต่ดีใจนะค่ะที่คนเขียนมาต่อ :L2:
กินยาเพื่อให้ลืมบางเรื่องบางอย่างหรือเปล่า
เก็บกดไรกันหนะ :z3:
อ้าวเฮ่ย หนูไผ่เป็นไรน่ะ? ในอดีตไผ่เคยเจออะไรมา ทำไมอาการน้องหนักหน่วงขนาดนี้ TT อึดอัดดด แต่อยากอ่านต่ออีกยาวๆ 5555 ขอให้มีแรงฮึดๆในการอ่านหนังสือเน้อออ :กอด1:
มาแล้ว รอนานเป็นแรมปี TT^TT
กระโดดกอดด้วยความคิดถึงงง :o12: อ่านตอนนี้แล้วงงๆแฮะ คือไผ่มีปมอะไรที่ไม่ใช่จอห์นทำหรือเปล่า หรือจอห์นกับไผ่เคยรู้จักกันมาก่อน แต่ไผ่ความจำเสื่อมเป็นโรคอะไรประมาณนี้ วุ้ยยย มันคันหัวใจอ่ะ มันอยากรู้ :z3: ตั้งใจสอบนะคะ ขอให้ออกมาได้ A เน่อออ :กอด1:
เครียดยิ่งกว่าอ่านหนังสือสอบอีกนะเรื่องนี้... ไผ่จ๋าไผ่~
เย้ๆมาต่อแล้วว นึกว่าจะไม่ได้อ่านต่อซะแล้ววว สงสารไผ่จัง :z3: :z3: :z3: :กอด1: :กอด1: :กอด1: คนเขียน สู้ๆในการอ่านหนังสือเน้ออ
ยังคงอึดอัดเหมือนเดิมไม่เสื่อมคลาย และก็ทำให้อยากรู้เรื่องราวต่อไปเหมือนเดิมด้วยจ๊ะ ขอบคุณที่มาต่อ ขี้เกียจอ่านหนังสือบ่อยๆ นะจ๊ะ ฮา....(จะดีเหรอ กร้ากกก) รอตอนต่อไปจ๊ะ
เหมือนจมอยู่ในน้ำตลอดเวลาที่ละเลียดตัวอักษร จะบ้าตาย!!!!!! เครียดมาก อึนที่สุด T^T
ไผ่จะเป็นอะไรรึเปล่า ทำไมอยู่ๆถึงเป็นแบบนั้น น่ากลัวอ่ะ โอยอ่านแล้วคิดภาพตาม หลอนได้อีก
สรุปยาที่แม่ให้ไผ่กินมันยาอะไรเนี่ย????? เหมือนยามันมีผลต่อสมองนะ ไผ่ดูเบลอๆเหมือนลืมๆเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้า วูบเป็นพักๆ ความทรงจำไม่ปะติดปะต่อ แล้วแม่ไผ่กับพ่อจอห์มเคยรู้จักกันมาก่อน???? มาต่อด่วนเลยค่า ค้างมาก ฮ่าๆๆๆ
ยังหน่วงเหมือนเดิม ไม่มีอะไรที่ชัดเจน คิดไปต่าง ๆ นา ๆ ชอบเรื่องนี้ค่ะ อยากเห็นน้องไผ่หลุดพ้นจากสภาพนี้เสียที คนเขียนสู้ ๆ นะคะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ ^^
ดาร์คดี งง เบลอ แต่ก็ชอบอ้ะ
งง อ่ะ ตอนนี้ :a5: เอามาอีกๆๆๆ :serius2: ตั้งใจอ่านหนังสือนะ เอาน่าๆๆ อ่านหนังสือมีประโยชน์นะ :angry2: อ่านเข้าไปๆๆ แต่อย่าอ่านจนไม่ได้หลับได้นอนละกัน พอดีๆน่ะ สู้ๆๆ o13
ไผ่อาการรุนแรงขนาดนี้ น่าจะไปพบจิตแพทย์ได้แล้วนะ :เฮ้อ:
อึดอัดมากเหมือนมีไรมาจุกๆที่อก เฮ่อออออออสงสารนายเอก ...
ไม่้องอ่านค่ะ มาต่อนิยายเพื่อส่วนรวมนะ แอร๊
เห้ยยยยย สงสารง่าาาาา ฮืออออออออ... ตกลงมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ความจรองจอห์นแอบมีความหลังอะไรกับไผ่หรือเปล่า เฮ้อออ แต่ห้กินยาลืมแบบนี้มันก็ไม่ถูกนะ เหมือนตื่นขึ้นมาแล้วจำอะไรไม่ได้ เหมือนรู้สึกไม่มีตัวตนอะไรงี้เลย โฮฮฮฮฮ สงสารน้องง่ะ อยากรู้แล้วว่าตกลงมันเป็นยังไง ตอนนี้สั้นมว๊ากอ่ะค่ะ o18 ทำร้ายยยยยยยยยย :sad4:
แอ๊ยยยยยย หายไปนานมากกกก มาต่อแย้ว โค๊ดดีใจ :impress2: :impress2: แต่ทว่า เมื่ออ่านถึงตอนจบ หึหึหึหึหึ o18 o18 คนแต่ทำเอาค้างอีกแล้ววววววว o22 มาต่อไวไวนะคะเป็นกำลังใจให้และติดตามเสมออออ :กอด1:
อ่าาาา เลือกไม่ถูกจอร์นหรือคิม
เหมือนเมื่อก่อนไผ่เคยมีปัญหาอะไรสักอย่าง... ทำไมคุณแม่ต้องให้กินยา? ทำไมถึงต้องเคร่ง ต้องทำขนาดนั้น ทำไมไผ่ถึงมีอาการแบบนั้น??? ... อ่านเรื่องนี้แล้ว...คุณแม่น่ะ น่าไปพบจิตแพทย์ได้แล้วนะ ส่วนน้องไผ่..เอิ่ม...คงจะต้องพบจิตแพทย์เหมือนกัน...แถมให้จอห์นดูแลดีๆด้วยเถอะ...อย่าทำอะไรกับเขาอีกเลย ว่าแต่...สลบไปแบบนั้นจะเป็นอะไรไหมเนี่ย?? =_=... ปล. ตั้งใจอ่านหนังสือเน้อ ขอให้ได้สมตามปรารถนาทุกวิชาค่า ><! สู้ๆ
มาต่อแล้ว สงสารไผ่ อ่านแล้วก็เครียดแทนไผ่ ชอบคิมมากอ่า เป็นห่วงหนูไผ่ต่อไปนะคิม เป็นเพื่อนที่ดีต่อไป อยู่ข้างๆไผ่นะ
จับจุดจากที่อ่านมา ไผ่เคยโดนทำร้ายจากเพื่อนหรือว่าอะไรไม่รู้ แม่ไผ่เลยพยายามให้ลูกลืมโดยกรให้ยากดประสาท ช่วงก่อนที่ไผ่ไม่กิน เลยเหมือนจะจำเรื่องราวได้ พอได้กินอีกรอบเลยเกิดอาการหุ่นยนต์อีกครั้ง จอห์น รู้สึกพยายามจะช่วย แต่เป็นวิธีที่ค่อนข้างรุนแรงนะ บีบให้น้องจนตรอก มันเกือบจะได้ผลแล้ว ถ้าพ่อของจอห์นไม่เข้ามา ตอนนี้เลยได้อีกปมว่า บ้านนี้เคยรู้จักมาก่อนรึเปล่า พ่อของไผ่ ไม่ได้เย็นชาหรอก แต่ห่างเหินจนลืมวิธีสื่อสารกับลูก ตอนนี้เหมือนไม่ใช่ไผ่แค่คนเดียว ที่เข้าใกล้คนที่มีอาการทางจิต แต่แม่ของไผ่ตะหากที่เป็นคนมีอาการแบบนั้นแทน เฮ้ออออออออ อ่านแล้วต้องคิดเยอะ แต่ก็ชอบนะ มาต่อบ่อยๆเน้อ อย่ทิ้งหายไปอีกนะจ้ะ
:sad4:Saddd
เม้นก่อนอ่าน ขอบคุณครับที่มาต่อ
เครียดมากครับ :serius2: เป็นเรื่องที่น่าติดตามากเลยล่ะ o13
ชอบเรื่องนี้นะค่ะ เพราะมันหน่วงๆดี แต่ไม่มาต่อนานจนต้องย้อนกลับไปอ่านตอนก่อนหน้าด้วยเลย ฮ่าๆๆ สู้ๆนะค่ะ
หน่วงมาก เป็นลม อ๊าค :sad3:
เมื่อไหร่จะหายอึดอัด
อ่านรวดๆสิบสองตอน ก่อนมาเม้นนี่ก็เงยหน้าไปมอง url ว่านี่เล้าเป็ดหรือเว็บนิยายสอบสวนลึกลับฆาตกรรมอำพราง!? มันจึงเป็นความรักที่ไม่ถึงกับสุขและจึงเป็นความทุกข์ที่ไม่ถึงกับเศร้า มันโคตรจะหน่วงรูมเธอร์ตี้ไนน์ *เขย่าหน้าจออย่างบ้าคลั่ง* แต่ละตอนๆที่อ่าน มันต้องเปลี่ยนมุมมองไปทีละตอนๆ ที่จริงแล้วจอห์นเป็นคนยังไง แล้วคิมคิดอะไร เพื่อนในห้องเก่งนี่สังคมมันเป็นขนาดนั้นเลยเหรอ แม่ทิวไผ่ต้องการอะไรจากลูกบ้าง คุณพ่อล่ะ ความคิดความอ่านเป็นยังไง จะคลั่งใกล้ระเบิดเหมือนลูกไผ่รึเปล่าที่ต้องใช้ชีวิตในบ้านนี้ (ส่วนเจ้าตัวไผ่เองไม่กล้าตัดสินอะไรเค้า เป็นตัวละครที่หลายๆคนรวมทั้งเราเองคิดว่า เฮ้ย...คิดอะไรดาร์กๆเหมือนกูเลยว่ะ ) อยากจะบอกว่าคนเขียนสุดยอดเลย อ่านแล้วทั้งหน่วง ทั้งอึดอัด มันอึมครึม มันแน่นหน้าอก มันโหวงๆยังไงไม่รู้ บอกไม่ถูก ปล. ขี้เกียจอ่านหนังสือก็เขี่ยๆมันไปไกลตัวซักพัก ผ่อนคลายด้วยการแต่งนิยายมาต่อเร็วๆเถอะค่ะ /เอ๊ะหรือมาแต่งนิยายเรื่องนี้จะยิ่งเครียดนะ? อุอิ เอาจริงๆคือพักผ่อนเยอะๆนา ไม่งั้นเป็นแบบทิวไผ่ไม่รู้ด้วยนะเออ! ;p
ตามอ่านมาจนถึงตอนนี้ รู้สึกเหมือนคนกำลังจะจมน้ำตาย หวาดกลัว ทุรนทุราย ไปหมด ขอห่วงยางหรือเชือกโยนมา สักเส้นก็ยังดี ไม่อยากอยู่ในสภาพนี้ต่อไปเลย ขนาดเราอ่านยังรู้สึกได้ขนาดนี้แล้วน้องไผ่จะขนาดไหนเนี่ย หวังว่าจอห์นจะช่วยไผ่ได้นะ
มันหน่วงๆน้ะ -..-
บรรยายไม่ถูกบอกได้แต่ว่าชอบ! ชอบบรรยากาศเรื่องและวิธีบรรยายมากๆเลย ทำให้เข้าถึงความคิดที่ซับซ้อนอย่างเป็นมนุษย์ของตัวละคร แล้วก็ปั่นหัวคนอ่านให้บิดเบี้ยวหมุนวนตามไปด้วย เป็นนิยายที่เหมาะกับวันฝนพรำอีกเรื่องนึง ชอบมากๆเลยค่า รอตอนต่อไปนะคะ
กำลังหานิยายเรื่องใหม่ ๆ อ่านอยู่ค่ะ คลิกแต่ละเพจดูก็สะดุดกับชื่อเรื่องเรื่องนี้เข้า ก็เลยคิดว่า เอาวะ ลองอ่านดู สารภาพว่าตอนอ่านตอนแรกจบนั้น เรารู้สึกนับถือคุณคนเขียนมากค่ะ นิยายที่กว่าแปดสิบเปอร์เซ็นต์ของเรื่องที่มีแต่บรรยายโวหาร บทสนทนาแทบไม่มีนั่น มันเป็นอะไรที่แต่งยากมากเลยนะ แต่คุณก็สามารถทำได้ แล้วก็เอาคนอ่านอยู่ด้วย เรานั่งอ่านตอนแรก จนกระทั่งถึงตอนล่าสุด ด้วยความรู้สึกหน่วงที่หัวใจหนักขึ้นเรื่อย ๆ ตามลำดับ แต่ละตัวอักษรที่ผ่านสายตาเราไป ทำให้เรารู้สึกว่า ตัวเองหายใจช้ามาก ราวกับว่าเรากำลังนั่งอ่านเรื่องราวของไผ่อยู่ในหัวใจของน้องเอง ก็เลยรับความรู้สึกเจ็บปวดจนด้านชาของน้องได้ทั้งหมดนั่น ไ่ม่รู้ว่าก่อนหน้านี้ น้องพบเจอกับอะไรมา ถึงได้ปิดกั้นตัวเองจนน่าสงสารแบบนี้ เป็นไปได้ไหมว่า เป็นเพราะความกดดันที่ได้รับมาจากแม่ ? ก็เลยทำให้น้องเกิดอาการเครียดสะสม แล้วอาการนั้นก็ติดตามตัวไปถึงโรงเรียนที่น้องเรียนอยู่ ลักษณะนิสัยที่ไม่เข้ากับวัยเด็กที่ควรจะร่าเริงสดใส ก็เลยกลายเป็นตัวประหลาดสำหรับเพื่อนในห้อง และการกลั่นแกล้งสิ่งที่แปลกแยกกว่าก็เลยตามมา ? การกลั่นแกล้งครั้งนั้นอาจรุนแรงบ้าคลั่งเลยเถิดไป น้องก็เลยต้องกินยา ? ถ้าเป็นอย่างที่เราเดามาจริง ก็น่าสงสารน้องที่สุดเลย จากที่อ่านมาสิบสองตอนในคราวเดียว เรายังไม่ปักใจเชื่อว่าจอห์นจะเป็นคนไม่ดี พระจันทร์ยามค่ำคืนสาดแสงส่องหาเปลือกหอยด้อยค่าพบได้ฉันใด คนโดดเด่นที่สุด ย่อมค้นหาคนที่แตกต่างจากตัวเองมากที่สุดได้ฉันนั้น เราคิดว่าจอห์นน่าจะเป็นคนที่เฝ้ามองน้องมานานมากแล้วมากกว่า มากจนอยากรู้ว่าอะไรเป็นอะไร มากจนอยากให้น้องกลับมาเป็นคนที่มี " ชีวิตชีวา " เหมือนกับคนทั่วไปอย่างใคร ๆ เขา ในเมื่อเคยแสดงบทคนดีแล้วน้องไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับ ดังนั้น ก็เลยพลิกมือกลับให้ร้ายสุด ๆ ไปเลย เผื่อว่าน้องจะ " แสดง " อะไรออกมาบ้าง และดูเหมือนว่า สิ่งที่จอห์นทำในช่วงระยะหลัง ๆ ที่ผ่านมา จะเริ่มเห็นผลแล้วนะ อย่างน้อย น้องก็ไม่ได้เป็นหุ่นยนต์อีกต่อไป น้องมีความรู้สึกเสียใจ ยอมร้องไห้ออกมาต่อหน้าจอห์นแล้ว พร้อมกับคำพูดสั้น ๆ สองคำที่ทำให้เรา " ขนลุก " สุด ๆ" ช่วยด้วย " หลังจากนี้ไป หวังว่าน้องจะได้รับความช่วยเหลือออกมาจากอุโมงค์มืด ๆ นั่นสักทีค่ะ คุณคนเขียนแต่งได้ดีมากจริง ๆ ค่ะ ยกนิ้วให้เลย o13 ปล. ขออนุญาตแก้ไขคำว่า พึ่งจะ หน่อยนะคะ ที่ถูกต้องต้องเขียนว่า " เพิ่งจะ " ค่ะ
เริ่มเชียร์คิมมากกว่าแล้ว ดูเป็นคนที่จะมาช่วยไผ่ได้ อยากให้ถึงวันที่ไผ่ยิ่มจัง ต้องสดใสมากๆแน่ๆ
ห๊ะ :undecided:
ง่า าคิดถึงแล้วอะคนแต่งหายไปไหนคะ :serius2: กลับมาไวๆน๊า า :sad4:
โอ้ยยย ไผ่เป็นโรคไร แล้วครอบครัวไผเป็นไร หน่วงนะเนี่ยๆ
อ่านแล้วเครียด ... แต่ก็ยังอยากอ่าน ...
รออ่านต่ออยู่นะคร้าบบบ
มาต่ออีกเร็วๆน่ะ :jul1: o22 o22
หน่วงอย่างแรง เกิดอะไรขึ้นนะ
น้องไผ่มีปมแน่ๆ ! ! ! ! ดูจากอาการแล้ว ใครทำอะไรหนูคะ ฮืออออออออออออ :m15: น่าสงสารอ่ะ ไปทางไหนก็หนีไม่พ้น
เฮ้อไผ่เอ้ยยยยยยย
เอาอีกแล้ว
มารอตอนต่อไปครับผม :L2: :L2: :L2:
รอ ฉันรอเธออยู่ :)
นายเอกมีปมอะไรสักอย่างอาจจะในวัยเด็ก คงจะเคยเป็นต้นเหตุของการตายของใครสักคนและทุกคนคิดว่าเป็นความผิดของไผ่(ไม่ชอบให้ใครมองมาที่ตนเอง) เรื่องไผ่จำเรื่องราวตอนเด็กไม่ได้อาจจะเป็นกลไกของสมองที่ปิดกั้นเอาไว้ไม่ให้ตนเองต้องเจ็บปวด เราคิดว่าไผ่เป็นคนที่สติไม่ปกติตั้งแต่เกิดเรื่องอะไรบางอย่างในอดีตจึงต้องกินยาเรื่อยมา มั้ง 55555เดาล้วนๆ
เราอ่านแล้วรุ้สึกว่าถึงจอนห์จะเลวแต่ก็เหมือนกับพยายามช่วยไผ่อยุ่เลยอ่ะ
VOTE เซ็งเป็ดเป็นกำลังใจให้นะจ๊ะ
Inert 13 กลิ่นยาฆ่าเชื้อและแอลกอฮอลล์ สองสิ่งแรกที่มาเคาะประตูแห่งสติให้เปิดขึ้น เปลือกตาดันตัวขึ้น ภาพพร่ามัว “ไผ่” เสียงเรียก หันมอง โครงหน้าสองภาพซ้อนทับกัน ก่อนเลือนหายอย่างรวดเร็วใครกันนะ... ไม่ได้เอ่ยปากถาม ดันตัวขึ้น รับแว่นที่ถูกยื่นมาให้ คิมยังขมวดคิ้วอยู่ ช่วงที่คิมโน้มตัวกลับมานั้น เห็นแผลเป็นรอยใหญ่ภายใต้คอเสื้อ อีกฝ่ายสังเกตเห็นถึงความสนใจ เงยหน้าขึ้นสบตา ลมหายใจออกถูกดันไว้ด้วยบรรยากาศที่มากกว่า สายตาคิม มีพลังมากพอที่จะทำให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นได้ อึดอัด ละสายตาออก เห็นอาจารย์ห้องพยาบาลนั่งห่างออกไป กินขนมคบเคี้ยว มองโทรทัศน์ ในนั้น ฉายหนังน้ำเน่า กันนะ….“เป็นอะไรหรือเปล่า” ส่ายหัว คำถามที่เจอบ่อยเสียยิ่งกว่าบ่อย ร่างกายสร้างปฏิกิริยาตอบสนองอัตโนมัติไว้ “นายเป็นไฮเปอร์เวนทิเลชั่น ช่วงนี้นอนไม่พอหรือเปล่า” การหลับตาลงนั่นใช่ไหม คือการนอน การจ้องมองความมืดดำหลังเปลือกตาเป็นเวลาแปดชั่วโมง ในเวลาที่สมอง ทิ้งการเชื่อมต่อกับร่างกาย ที่ๆสมองไปถึง มุดลงไปในจิตใต้สำนึก ดำดิ่งไปในส่วนที่ไม่เคยรับรู้ ยามรู้สึกตัว ความน่ากลัวที่ซ่อนอยู่ พรั่งพรูออกมาช้าๆ ได้กลิ่นเลือดฉุน รุนแรงพอที่จะทำให้มือสั่น ทุกครั้งที่ฝัน ถูกบังคับ นั่งลงในเก้าอี้ที่มีแรงโน้มถ่วงมากกว่าที่ใดๆในโลก จ้องมองภาพเดิมเล่นซ้ำแล้วซ้ำเล่า ราวกับถ้อยคำติดอ่าง เด็กหัดพูด หรือคำพูดไร้สติจากผู้ป่วยโรคประสาท เป็นฝันที่ช่างเหน็ดเหนื่อย “…คงจะเป็นแบบนั้น” กระจกตรงข้าม กระจกใสที่มองทะลุออกไปอีกด้านของผนัง เห็นเงาที่สะท้อนมาอีกครั้งจากกระจกหน้าต่างด้านหลัง คนๆหนึ่ง กำลังจ้องมองอยู่ หันไปมองดีๆ ร่างนั้นก็ค่อยๆหายไป “หืม? มองอะไรอยู่หรอ?” นิ่งเงียบ สายตาที่เล่นตลกด้วย เห็นรอยยิ้ม มีเพียงรอยยิ้มบนใบหน้าที่ไม่มีอยู่จริงที่ยังคงหลงเหลือบนกระจกเคลือบบานนั้น รอยยิ้มที่ชวนให้รู้สึกขยะแขยง ความฝันที่ตามมาถึงโลกความเป็นจริง กำลังหนักข้อขึ้นเรื่อยๆ “…เปล่า” “ลุกไหวไหม? จะกลับห้องไปด้วยกันหรือเปล่า” ไม่ได้ตอบอะไรออกไป คิมพูดต่อ “งั้นเดี๋ยวเราช่วยพยุง” มือที่ยื่นออกมา ร่างกายถอยร่นไม่รู้ตัว ความเงียบที่แสนงงงันเกิดขึ้นภายในชั่วขณะ แม้แต่ตัวเอง ยังไม่รู้ว่าเมื่อครู่เกิดอะไรขึ้น สัมผัสของคิม แค่เพียงแตะ ก็รู้สึกเหมือนถูกกดลงไปในโถเลือดใบนั้น โถไร้ก้น เลือดที่ข้นจนกลายเป็นสีดำ “…ค่อยๆยืนนะ” คิมถอยออกห่าง เปิดช่วงให้เดินแทรกออกไป ร่างกายที่ค่อยๆแห้งผากลงช้าๆ รู้สึกได้ถึงเรื่องนั้น ขาดความอยากอาหาร รู้เพียงแต่ว่าต้องหายใจต่อไปเรื่อยๆ หายใจเข้า เดี๋ยวต่อไปก็ต้องหายใจออก ไม่รู้จุดหมายปลายทาง เพียงแต่ทำไปอย่างนั้น ก็เท่านั้น “ตอนที่นายหลับไป …” ลังเล เสียงนั้นลังเล “จอห์นมาหานาย” ไม่ได้พยักหน้าตอบอะไรไป แสดงออกด้วยท่าทีที่อีกฝ่ายไม่แน่ใจว่าถ้อยคำนั้นลอยไปถึงแก้วหูหรือเปล่า ก็แค่เดินต่อไป คิมเดินอยู่ข้างหลัง แต่ถึงอย่างนั้น ก็รู้สึกเหมือนถูกผลักไปตามทางที่อีกฝ่ายต้องการ “บอกว่าถ้าตื่นเมื่อไหร่ ให้โทรหา” โทรศัพท์ไรนั่นไม่ได้พกมานานแล้ว หรือถ้าเอามาด้วย ก็นอนนิ่งเงียบอยู่ในกระเป๋า มีเพียงสามเบอร์เท่านั้นที่โทรมาอย่างสม่ำเสมอ พ่อ แม่ จอห์น ไม่ได้เห็นหน้ามาสักพัก หลังจากที่เจอกันวันนั้นที่บ้านจอห์น ก็ยังไม่ได้เจอกันอีก “ไผ่ นายโอเคนะ” พยักหน้าช้าๆ ถึงห้องเรียนไม่รู้ตัว ที่นั่งใหม่ถูกกำหนดขึ้นแล้ว นั่งอยู่ท่ามกลางวงล้อมเครื่องยนต์ สายตาพวกเขาเหล่านั้น จ้องผ่านร่างกายโปร่งแสงไปยังกระดาน แม้แต่ลมหายใจ ยังถูกมองว่าเป็นแค่ลมพัด ไม่เคยมีเสียงใดๆที่ทำให้รู้ว่ามีตัวตนอยู่ในห้อง มองนาฬิกา ขวดยาถูกหยิบขึ้นจากกระเป๋า “นั่นยาอะไรนะ?” ไม่ได้ตอบ คิมดูจะชินกับท่าทางนี้แล้ว หยิบเข้าปาก รสชาติขมที่ปลายลิ้น ละลายออก เคลื่อนตัวไปบนปุ่มรับรส ก่อนที่น้ำจะพาให้มันดำดิ่งลงไปพร้อมกัน “…วาเลียม?” ไม่จำเป็นต้องให้ใครมาบังคับอีกต่อไป ยาเม็ดสีขาวเพียงเม็ดเดียว มีเพียงสิ่งนี้เท่านั้น ที่จะทำให้ทุกอย่างสงบลง ความวุ่นวายครั้งก่อน เป็นเพราะขาดสิ่งนี้ไป “นี่นายกินยากล่อมประสาทอยู่งั้นหรอ ไผ่?” เงยหน้ามอง เหมือนจะมีคำตอบอะไรบางอย่างที่กำลังผ่านออกทางปาก แต่กลับเปลี่ยนใจ เคลื่อนย้ายไปที่ตา แล้วจางหายไปอย่างรวดเร็ว “ทำไมนายต้องกินยานี้ด้วย นายเป็นอะไรน่ะ ไผ่?” “…เปล่า” “ถ้ามีเรื่องไม่สบายใจ ก็หาคนปรึกษาสิ หรือยังไง จะบอกฉันก็ได้ พึ่งยามันไม่ใช่เรื่องดีหรอกนะ” คนแปลกหน้า คนแปลกหน้าที่ไม่เคยมีโอกาสได้รู้จักกับโลกใต้น้ำ โลกที่เงียบสงบจนเย็นเชียบ โลกที่แรงดันจากทุกๆทิศบีบลงกับผิวหนัง คนที่มีประกายแสงอยู่ในตาเสมอ จอห์นต่างออกไป จอห์นก้าวขาลงมาในน้ำด้วยตัวเอง และเป็นหนึ่งในผู้คนที่อยู่ใต้บรรยากาศที่แสนอึดอัดนั่น ไม่ได้คิดจะแหวกว่ายไปข้างบน แต่พยุงตัวไว้ ไม่ให้สายน้ำดึงลงไป รู้สึกว่าจอห์นกำลังว่ายน้ำมาทางนี้ ในความมืดนั้น คิดแบบนี้ ความคิดแบบนั้นหายไปสักพักแล้ว “ยากินยาแบบนี้เลยไผ่ เลยเถอะ” บางอย่าง กำลังเคลื่อนไหวรุนแรง เลื่อนมือลงต่ำ มือถือที่ก้นกระเป๋า สั่นอย่างบ้าคลั่ง เหมือนจะสะท้อนความคิดของคู่สายออกมา ไม่ได้เอื้อมมือไปหา สัมผัสเพื่อให้รู้สาเหตุของการเคลื่อนไหว เพียงเท่านั้น “…แม่บอกให้กิน” “นายก็บอกแม่นายไปสิ”เขาไม่เข้าใจนายหรอก ใช่ไหมล่ะ ไผ่? ไม่มีใครเข้าใจนายเหมือนที่ฉันเข้าใจ เพราะเรา เหมือนกันไงล่ะ “ไผ่ นายเป็นอะไรหรือเปล่า?” “ใคร” “ไผ่?” “ใครกำลังพูดอยู่…”นายจำฉันไม่ได้หรอ? ฉันก็อยู่ในตัวนายมาตลอด คนที่นายพยายามจะลืมไงล่ะ “ใครกัน .. หยุด หยุดพูดสักที” “ไผ่!” ข้อมือถูกจับ เย็น ราวกับเป็นกุญแจเหล็ก คล้องข้อมือทั้งสองข้างเข้าไว้ด้วยกัน สัมผัสนั่นวิ่งตรงไปถึงหัวใจ เหมือนถูกบีบลงช้าๆ ใบหน้าคิม ซ้อนทับกับใบหน้าของใครอีกคนแสยะยิ้ม มือคิมกดลงมา ผ่านเสื้อ ผ่านผิวนอกที่เคลื่อนไหวขึ้นลงตามลมหายใจ ผ่านช่องว่างของซี่โครงลงไป กดลงบนหัวใจ ยื่นนิ้วออกมา จิกเล็บลงไปช้าๆ ได้ยินเสียงทะลุลงไป เลือดไหลพุ่ง เปื้อนเต็มไปหมด “อ..อือ…อึก” “ไผ่! ไผ่!” แม้แต่หายใจยังลำบาก ระดับเลือดที่พื้นห้อง กระเซ็นออกจากหน้าอก เพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ หล่นลงจากเก้าอี้ คิมช้อนตัวรับไว้ไม่ทัน จึงกระแทกลงกับพื้น ช่วงที่ร่วงหล่นลงไป จนถึงช่วงที่ลงกับพื้น แอ่งเลือดแหวกตัวออก จึงได้ยินแต่เสียงกระทบกับพื้นอิฐ นอนลงกับพื้น ของเหลวข้นก็โอบตัวเข้าหา สูงขึ้น สูงขึ้นเรื่อยๆ ปัดป่ายมือไปมา ยกขึ้นมอง ของเหลวก็ทิ้งตัวลงจากปลายนิ้ว ลงบนแก้ม ให้ความรู้สึกคล้ายกับน้ำตา ไหลร่วงผ่านไป คิมเดินก้าวเข้ามา ร่างกายขยับเขยื้อน กระเถิบหนี คลานให้ห่างออกจากสิ่งที่กำลังเข้ามาใกล้ คล้ายหนอนที่ขาดครึ่งตัว เหงื่อชุ่มชื้นไปทั้งตัว ทั้งๆที่แช่อยู่ในเลือดข้นแบบนี้ เหตุผลที่ยังรู้สึกถึงเหงื่อ เป็นเรื่องเกินเข้าใจ เสียงนั้นยังเรียกไม่หยุด “ไผ่ เป็นอะไรไป?! ยาหรอ? เพราะยาใช่ไหม?” หันกลับไปมอง คิมก้าวยาวๆเข้ามาหา หลังติดเข้ากับขาโต๊ะ ดิ้นจนกระแทกเก้าอี้ กระเป๋าร่วงตกลงมา สมุดกระจายไปทั่ว เสียงฝีเท้าจำนวนมากใกล้เข้ามา เสียงพูดคุยที่ขยายผ่านลำโพงสิบตัว กรอกติดแก้วหู จนแทบระเบิดเยื่ออ่อนนั้นขาด ยกมือขึ้น คิมคว้าข้อมือไว้ราวกับรอจังหวะอยู่ ถูกดึงขึ้นมาด้วยแขนเดียว ลอยตัวขึ้นจากพื้นเพียงนิด ใบหน้านั่นเรียบเฉย เป็นความเรียบเฉยที่ทำให้เลือดรอบตัวทั้งหมด เหือดแห้งไปในพริบตา “…จำไม่ได้หรือไง?” จำ จำอะไร ความทรงจำไหน ที่ถูกพูดถึง พูดด้วยน้ำเสียงต่ำ ใบหน้ายังไม่แสดงออกอารมณ์ เหมือนพูดคุยเรื่องอากาศประจำวัน “ลืมมันไปหมดแล้วหรอ ไผ่?” ริมฝีปากนั่นขยับต่อ เปิดออกช้าๆ เห็นคราบชื้นที่อยู่บนริมฝีปากล่าง คำพูดลอยออกมาทีละคำ เชื่องช้า เสียจนยืดยาน คำพูดนั่นใกล้เข้ามา อีกแค่อึดใจ กลับถูกปัดออก มือบุคคลที่สามยื่นเข้ามา เหลือบตาไปมอง สายตาจอห์นก็ตวัดมองกลับมา “ปล่อย” ไม่พูดเปล่า ดึงมือคิมออก แล้วคว้ามือไปกุมไว้เอง มองมือที่อยู่ในมือของจอห์น รู้สึกแปลก แต่คล้ายกับว่าเป็นที่อยู่ของมันมาแต่เริ่ม “โทรไปทำไมไม่รับสาย ต้องให้เดินมาตาม” “…..” “ไปกันเถอะ” ไม่ได้มองอยู่ มองจ้องไปทางคิม ทั้งคู่จ้องมองกัน แลกถ่ายข้อความที่ไม่ได้เปิดปากพูด ถูกมือนั่นดึงออกไป กระตุกเพียงเบาๆ ก็รู้สึกเหมือนมีมืออีกสิบดันจากแผ่นหลัง ให้เดินตามไป ก้มลงมอง คราบเลือดสีแดง กลายเป็นฝุ่น ถูกจอห์นเหยียบลงแรงๆ ก็ปลิวออกไป เหลือเพียงทางเดินธรรมดา ……………………………………. …………………………. ……………………. [Inert 13 : complete] [11.10.55] โหวตดองเค็มหรอ? นี่แหน่ะ อัพใส่ซะเลย :m16: แอบรู้สึกเหมือนกลายเป็นนิยายปล่อยผี ใส่อารมณ์ติสท์ๆลงไปซะเยอะ จนแอบคิดว่า ใครมันจะมานั่งติสท์กับเราวะเนี่ย? คงจะมีล่ะมั้ง?
เย้ๆ อัพแล้ว โถ...หนูไผ่ของฉันจะมีสักตอนไหมที่ชีวิตจะปกติสุข ชีวิตยังคงอึมครึมและน่าสงสาร เฮ้ออออ...
โอ้ย หนูไผ่ ไหวมั้ยเบเบ้ น่าสงสารจริง อยู่กับคิมก็ลำบากใจ อยู่กับจอห์นก็ลำบากใจ เราชอบสำนวนของคนเขียนจัง พักนี้พอรู้สึกลำบากใจมันเหมือนบรรยายออกมาเป็นสำนวนคนเขียนซะงั้น
หรือไผ่จะเป็นโรคหลายบุคลิก ไปหาข้อมูลยาไผ่มาก ไม่มีอันตรายมาก แต่ถ้ากินติดต่อกันมากๆจะทำให้ติดยา?
โอย งงกับไผ่ อ่านแล้วรู้สึกเหมือนกินยาแก้แพ้ไปสองเม็ด :serius2:
:m21: :m21: :m21: :m21: :m21: อะไรเนี่ยไผ่ - -
อ่านตอนนี้แล้วบอกได้คำเดียว ติสมากกกกค่าาาาาาาา. :z2: ยังก้อรีบมาต่อนะคะ คิดถึงค่ะ :กอด1:
แทบไม่เชื่อสายตาา มาต่อแล้ววววว ดีใจจัง :กอด1: :กอด1: :กอด1: คนเขียน
สรุปตอนท้ายไม่ได้ นิดนึง ว่าตอนสุดท้าย เรื่องคิม สรุปไผ่จินตนาการไปเอง หรือ เรื่องจริง แต่ดีใจ ที่นิยาย กดดัน ทวารทั้ง 5 กลับมาต่อแล้ว :กอด1: :laugh:
มาอัพบ่อยๆ จะได้ไม่โดนจับใส่โหล :laugh: :laugh: o18
กำลังจะแซวว่าอัพฉลองการถูกโหวตเข้าชิง ตอนนี้ฤทธิ์ยากำลังกัดกินไผ่แล้วสินะ ผลกระทบของยาทำให้เกิดภาพหลอน ทำไมแม่ต้องให้กิน ปิดบังความผิดของตัวเองเอาไว้รึเปล่า
เค้าเองๆ เดี๋ยวเค้าติสเป็นเพื่อน :mc4: อัพเรื่ิงนี้บ่อยๆ นะคะ ชอบ :-[ ตอนแรกเห็นตอนใหม่ ตกใจผสมๆดีจายยยย :a5: o18 เรื่องนี้มาแรกๆ ก็ชวนลุ้นกับจุดประสงค์ของพระเอก แต่พระเอกจะสาดิตอย่างไร เราก็ชอบอยู่ดี :z3: อัพบ่อยๆน๊าตามอยู่ :mc4: o13 :bye2:
เดี๋ยวติสด้วยค่ะ ฮ่ะๆ.. ยากล่อมประสาท??..คุณแม่ให้กินยากล่อมประสาท..? ทุกวันด้วย!!"...เฮ่ย!!! อันตรายจะตาย กินทุกวันต่อเนื่องอย่างงี้อ้ะ!! ..หรือว่าไผ่ต้องกินเพราะอดีตบางอย่าง..ทำไมไผ่ถึงหลอนเห็นเลือด..กับใครอีกคนที่เหมือนเป็นอีกบุคลิก?? (เริ่มเพ้อ) ..ความจริง.. ...น่าจะเอายากล่อมประสาทให้คุณแม่กินมากกว่านะ +_+
ขยี้ตาๆๆ o18 กลัวได้รางวัลดองเค็มน่ะเอง อะเช รอตอนต่อไป อิอิ :man1:
ตอนแรกเปิดมาเจออีโมติค่อนรูป :laugh: ตกใจ นึกว่าจ้อนไผ่เปลี่ยนแนวแล้ว :laugh: :laugh: ตอนนี้อารมณ์แบบ ก้นหอยมรณะมากค่ะ ในหัวเหมือนขดกันเป็นก้นหอยอ่ะ (คนอ่านก็ติสไม่แพ้กัน :z10: ) คิดว่าอ่านจบตอนต้องไปเสิร์ชหาชื่อโรคของไผ่แล้ว :z3: :z3: ปอลิงปิ้งลา. หรือสรุปไอ่คนที่บ้ามาตลอดจะเป็นจ้อน #คุณพระ <<คิดเองเออเองขั้นสุด
-0-
เห้ย!! /ขยี้ตาแรงๆสิบที/ ล้อเล่นค่ะ 5555555555555 ทำไมแม่ต้องให้กินยากล่อมประสาทด้วย?? มึนๆนิดหน่อย เดี๋ยวกลับไปอ่านอีกรอบ :laugh: ฉากที่เห็นเลือดน่ากลัวมากกกก คิดภาพเป็นหนังผีเลยแบบเลือดเต็มจอ o22 :L2: :L2: :L2: :L2:
อ่านแล้วหายใจไม่ออกเลย ทำไมปมเยอะอย่างนี้ ตอนแรกนึกว่าจอนห์นมาร้าย หลังๆมานี้เริ่มรู้สึกจอห์นจะดีหลบในและ แต่คุณคิมนี่นึกว่ามาแบบพระเอกดีๆเลิศๆ แต่ไม่ใช่แล้ว โอยตาย ถ้ายังไม่เฉลยเร็วๆนี้ เดี๊ยนเครียดแน่เลย สงสารไผ่ที่สุดเลย
ไผ่มีสองคนในคนเดียงกัน?? สองบุคลิกเหรอ?? หรือ Bipolar ?? แล้วจอห์นกับไผ่อาจจะรู้สึกกันนานแล้ว แต่ไผ่ลืมไป เพราะเหตุการณ์ที่กระทบกระเทือนจิตใจอย่างรุนแรง สมองจึงสั่งลบความจำส่วนนั้นรวมทั้งคนที่เกี่ยวข้อง คนที่อยากลืมด้วย
คิดเล่นๆ หรือตอนที่บรรยายมาทั้งหมดตั้งแต่ต้น ไผ่คิดไปเองหมด เพราะโรคประสาท สรุปนายจอห์นเป็นคนดีศรีโลกา คอยดูแลน้องไผ่ไม่ให้อาการกำเริบ แต่ไผ่หลอนเลยเห็นเป็นตรงข้าม?!
มีอดีตกับคิมอีก ประสาทกินจริงๆ น้องไผ่ แล้วพระเอกขี่ม้าขาวจะช่วยได้ไหม แต่ใครจะเป็นคนขี่ม้าขาวล่ะ :z10:
วอทแฮฟเพ่นกะไผ่อะ
แต่งนิยายเก่งจังเลยนะคะ ชอบการเขียนแบบนี้จัง
อึดอัดมากกกกก แต่ก็สนุกมากึ่ะ
ปมเยอะเรื่องนี้แต่ลองเดาคร่าวๆดู ว่าน้องไผ่คงจะเคยเจอเหตุการณ์ถูกทารุณมากก่อนแล้วมีผลกระทบต่อจิตใจทำให้เหมือนกับว่าความทรงจำ มันหายไปช่วงหนึ่ง แต่ยังไงก็ติดตามและขอมอบดองเค็มให้เธอนะจ๊ะคนเขียน :laugh:
อ่านแล้วเหมือนจอห์นเป็นพระเอกขี่ม้าขาว แต่อ่านไงก็อึดอัดอยู่ดี ไหนความติสท์งะ?555555555 ชอบนะคะชอบสำนวนชอบทุกอย่างในนิยายเรื่องนี้เลย จริงๆที่อยากรู้ที่สุดคือเมื่อไรไผ่จะปกติแล้วเมื่อไรจะรักกับจอห์น ฮึ้ยยยยยยยยยยยยชอบบุคลิกจอห์นมากเลยอะะะะะะ . . เอ่อออออออ ........ คิดถึงพี่หมอกน้องตี๋คะ :laugh: :laugh: :laugh: :laugh: :laugh: :laugh:
ถ้าโหวตดองเค็มแล้วคนแต่งรีบมาอัพก็ดีนะ ฮาาา
อื้อหื้อ อาร์ตมากเรื่องนี้ o18 สรุปคิมมีตัวตนป่ะเนี่ย = =???ยังงงๆ แต่สนุกค่ะ ได้อารมณืไปอีกแบบเรื่องนี้ สามคำ>>>อย่า ดอง เค็ม :laugh:
เห้อ เพลียยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย อยากอ่านต่อ
โอ้วววว หลงอยู่ในวังวนจินตนาการของไผ่ อิอิ
:m15:สงสารไผ่ งง มึน อยากรู้เรื่องแล้ว
ดีนะเห็นกระทู้นี้อัพแล้วมานั่งอ่านตอนเช้า (นึกไม่ออกเหมือนกันว่าถ้าอ่านกลางคืน ดึกๆ มืดๆ เปลี่ยวๆ จะหลอนประสาทเป็นไผ่ได้ขนาดไหน ๕๕๕) เห็นด้วยกับเม้นที่ว่า ยากดประสาทน่ะ เอาไปให้แม่กินซะเถอะไผ่ เราสงสารนายไม่ไหวแล้ว ฮือออ -อินแบบติสท์ๆ-
สับสน ??
อ่านแล้วยังคงลุ้นต่อไปว่าแม่หรือไผ่กันแน่ที่ต้องรักษา!?
ถึงจอห์นจะร้ายยังไง แต่ไผ่ก็ยังต้องการอยู่ดี
ไผ่ต่อต้านคิม แต่ไม่ต่อต้านจอห์น แต่ก็ยังไม่ได้คำตอบอยู่ดีว่าจริง ๆ แล้วสองคนนี้ดีหรือร้าย
เข้าอ่านทีเดียวรวดเลยยยย (แอบตามมาจากหมอกตี๋ 55) เป็นนิยายที่หมองหม่นมืดมัวมากไรมาก........ ไผ่น่าสงสารมากๆ เหมือนมีอะไรตามหลอกหลอนอยู่ตลอด อ่านแล้วทรมานแทนเลย T_T (อยากรู้ว่าอะไรที่คิดอยู่ คืออะไรเนี่ยแหละ!!?? 5555) จอห์นก็เหมือนจะพยายามเข้ามาช่วยไผ่ให้หลุดออกจากโลกประหลาดๆนี้อ่ะ แต่วิธีช่วยพี่แกดูแปลกๆไปนิด เลยยังไม่ค่อยเข้าใจพี่แกเท่าไหร่ orz ตอนล่าสุด ทำให้สงสัยว่า เรื่องที่ตามหลอนไผ่อยู่เนี่ย เกี่ยวกับคิมหรือเปล่า? หรือเราตีความผิด อ่านไม่เข้าใจ หรืออะไรยังไง แอ๊กกกงงงงงงงงงงงง!!! แนวการเขียนเรื่องนี้ต่างจากหมอกตี๋มาก เราเลยอ่านแล้วงงๆนิดหน่อย เพราะมันต้องตีความมากขึ้น 55 แต่สำหรับนิยายแนวหม่นๆมัวๆบีบๆแบบนี้ มันก็คงต้องแบบนี้แหละเนอะเพราะจะได้อธิบายความรู้สึกความคิดของตัวเอกให้กระจ่าง รีบมาต่อเร็วๆน้า รออยู่ๆๆๆ อยากรู้เรื่องในอดีตของไผ่+อยากเห็นจอห์นมุมละมุนๆแล้วววว555 ค้างคาแบบนี้มันอึดอัดดดดดดดดดดด :z3:
เมื่อไหร่ไผ่จะหายนะ :z10:
ไผ่........ :z3: :pig4: คะ
:z3: :z3: :z3: :z3: :z3: :z3: :z3:
ในที่สุดก็มา...
ขมวดคิ้ว จิก ทึ้งหนังหัว แล้วกรีดร้อง "เครียดโว๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย" อ่านแล้วปวดตับมากคะคนเขียน!!! :z3: งืม อืม อ่า นึกอะไรไม่ออกเลยง่ะ ดังนั้น มาต่อที!
อึดอัดสมกับชื่อเรื่อง... มันจะไปต่อทางไหน เดาไม่ถูกเลย นี่มันไม่ใช่อารมณ์ติสล่ะนะ... 555
“ยากินยาแบบนี้เลยไผ่ เลยเถอะ” = "อย่ากินยาแบบนี้เลยไผ่" หายไปนานจนลืมตอนที่ผ่านๆมาไปแล้วนะค่ะเนี่ยรวมถึงเรื่องอื่นของคุณด้วย ฮ่าๆ มันนานมากจริงๆ นานจนกว่าจะต่อติดได้ต้องย้อนกลับไปอ่่านหลายตอน
สารภาพว่ายังคงปะติดปะต่อเรื่องราวไม่ค่อยได้ แต่ก็สัมผัสได้ว่าจอห์นมีเจตนาดี แต่คิมนี่พฤติการณ์น่าสงสัยพิกลๆ สงสารไผ่ต้องต่อสู้กับตัวเองตลอดเวลา อ่านไปอ่านมา ไม่ใช่แค่ว่า awkward หรืออ่านแล้วอึดอัด แต่เข้าขั้น suffocate คือหายใจไม่ทั่วท้องซะแล้วสิ 555+ เป็นกำลังให้คุณนักเขียนนะคะ ทั้งเรื่องนี้แล้วหมอกตี๋ด้วย สู้ๆ ค่ะ เรียนหนักด้วยเนอะ เอาใจช่วยค่ะ ^ ^
ในที่สุดคนเขียนก็กลับมาอัพพพ ชอบเรื่องนี้มากๆเลยค่ะ ทั้งเนื้อเรื่องแล้วก็แนวการเขียน ประทับใจมากๆ จอห์นนี่จริงๆคงเจตนาดีใช่มั้ยคะ? อยากรู้เหมือนกันว่าจอห์นจะช่วยไผ่ยังไง รอติดตามต่อไปค่ะ สู้ๆนะคะ เป็นกำลังใจให้ ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆค่ะ :กอด1: :L2: :pig4:
ดีแล้วค่ะที่มาอัพ งี้เดี๋ยวไปช่วยโหวตดองเค็มบ้าง5555 นับถือคุณคนเขียนมาก สุดยอดมากค่ะ รอตอนต่อไปนะคะ
สับสน งงงวย อึดอัดจัง รอคลี่คลายปมนะจ๊ะ
อ่านแล้ว ไผ่น่าเป็นห่วงนะเนี่ยยย
เย้ๆมาอัพแล้ววว อยากรู้จังทำไมแม่ไผ่ต้องให้กินยา เพราะอยากให้ลืมอะไรสักอย่างรึป่าว
ทำไมคิมถึงถามแบบนั้น คิมเคยทำร้ายอะไรไผ่มาก่อนใช่มั้ย
:เฮ้อ: อ่านแล้วอึดอัดๆๆตามเลยเนี่ย รู้สึกจะติสท์มากจริงๆ 555+ -0-
อ่านเรื่องนี้ไปอ่านเรื่องนี้มา กรูเริ่มเครียดล่ะ สงสัยต้องกินแวเลี่ยมระงับประสาทด้วยเหมือนกัน กดดันได้อี๊กกกก :serius2:
อ่านเรื่องนี้แล้วเครียดเลย แต่ก็ได้คิดนะ เหมือนว่าจอร์นจริงๆก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร แค่แสดงออกมาอย่างนั้นเอง ส่วนไผ่...ยังมีอะไรที่ไม่เข้าใจอีกเยอะ o18 ตามอ่านโลด o13
เพิ่งเข้ามาอ่าน... เรื่องนี้เป็นเรื่องเเรกเลยที่ไม่ให้ความรู้สึกหน่วง... เพราะมันเกินกว่านั้นไปไกลเเล้ว เข้าใจอารมณ์เลย เรื่องที่ว่ากลัวการถูกมอง แม้ไม่ได้จ้องบางทีก็ไม่ชอบ มันอึดอัด จะรู้จักหรือไม่ก็ตาม เวลาเดินจะชอบก้มหน้ามองพื้นนี่ก็ใช่เลย... มันรู้สึกว่าไม่อยากเห็นว่า ถ้าเงยหน้าขึ้นมา คนที่เดินสวนกันอยู่นี่กำลังมองเราอยู่ หรือมันจะเป็นความบังเอิญสบตากันก็ตาม ทางที่ดีคือรีบเดินแล้วก็ไปให้ถึงที่หมายให้เร็วที่สุด โดยไม่ต้องมองใครจะดีที่สุด... มันเป็นอาการของคนที่มองโลกในเเง่ร้าย เราจะรู้สึกว่าเค้ามองเราอยู่ จะคิดยังไงกันเเน่ถึงได้มองเรา... ถ้าใครจะพูดว่า "ถ้าเราไม่มองเขา จะรู้ได้ไงว่าเขามองเราอยู่" อ่านะ... มันรู้สึกเองนี่หว่า อ่านเเล้วสงสารหนูไผ่มาก มันต้องมีเรื่องอะไรที่มากกว่ายา สรุปแล้วเหมือนจอห์นจะเป็นคนดีซะอีก แต่คิมดูแปลกๆ มันดูถูกที่ถูกเวลาเกินไป เข้ามาหาไผ่ในเวลาเหมือนจะวิกฤต เเต่ไม่มีอะไรดีขึ้น... จริงจอห์นที่เหมือนจะช่วยก็พอกัน เเต่ความรู้สึกมันต่างออกไป มันเหมือนีอะไรที่มากกว่าอยากทำลาย สำหรับจอห์น แต่คิมนี่มันดูเข้ามาหลอนๆโดยเฉพาะ 5555... สรุปแล้ว รู้สึกว่าไม่ใช่คนดีอ่ะ ดูมีอะไรมากๆ ที่ไม่รู้ว่ามันคืออะไรนั่นเเหละ== สรุปแล้วอ่านเรื่องนี้เเล้วอินสุดๆ... เครียดลงกระเพาะ โอ้กอ้ากกันเลยทีเดียว... แอบปวดตับ555 เเต่ก็ชอบ โดนใจมากมาย... เหมือนสะท้อนมุมมองของคนดี เหมือนเห็นคนเราแบบมุมมองภาพ4D รอต่อจ้าาาาา :กอด1:
Inert 14 “ทำไมนายถึงอยู่กับคิม?” เสียงนั้น ซ่อนความโมโหไว้ไม่มิด เห็นแม้แค่เพียงปลายหาง แต่ก็ยังทิ้งช่วงในเวลาไว้ให้สังเกตนานเกินไป “…บังเอิญ” “มันไม่ใช่เพราะบังเอิญหรอกใช่ไหม?! แค่ไม่อยากพูดล่ะสิ พูดอะไรเป็นประโยคได้หรือเปล่า?” ทางเดินไม่มีคน ทอดตัวยาวไปทั้งสองฝั่ง ไม่ว่าจะมองไปทางข้างหน้า หรือมองย้อนกลับไป ก็เหมือนเป็นกระดานไม้เส้นตรง ที่มีเพียงสองทางเลือกเท่านั้น ข้างๆนั้น เป็นหุบเหว หากพลาด ตกลงไป คงไม่ได้ยินเสียงตกกระทบกับวัตถุที่ข้างล่าง จุดจบ อาจเป็นความมืดมิดที่รอคอยอยู่อย่างหงอยเหงา รอการมาเยือนของผู้โชคร้าย ไม่ว่าจะทะเลอทะล่าเดินร่วงลงไปเอง หรือเต็มใจมอบชีวิตให้กับความหวังหลังความตาย ปิดปากเงียบ ความเงียบเป็นเพื่อนเพียงคนเดียวที่เชื่อถือได้ ไม่เคยหักหลัง ไม่โกหก และไม่เคยตอบอะไรกลับมา เสียงจอห์นก้องออกไป วิ่งเป็นคลื่น กระแทกทุกความคิดให้กระเซ็นออก มีเพียงความคิดเดียวเท่านั้น ที่ยังคว้ากระดานไม้แผ่นแคบไว้ทัน เกาะตัวแน่นรอบข้อเท้า หันไปมอง มันมองตอบกลับมา อ้อนวอนขอความเวทนา ความคิดนั้นกระซิบอย่าปล่อยจอห์นให้เข้ามาในอาณาเขตของเรา ดินแดนศักดิ์สิทธ์ของเรา เสียงของมันแหบพร่า ไม่น่าเชื่อถือ แต่ถึงกระนั้น ก็ทำตามอย่างไร้เงื่อนไขและคำถามใดๆ “พูดออกมาสิ!จะเงียบทำไม!” ความเดือดดาลพัดความคิดนั้น หายไปในความมืดอย่างไร้ปราณี มองจ้องผ่านเข้าไปในนัยน์ตาสีฟ้า เปลวไฟที่ไม่มีอยู่จริงกำลังพัดโหม มือทั้งสองนั้นบีบลงกับต้นแขน เจ็บ ร่างกายบอก หัวใจตอบกลับ งั้นหรอ “ได้ยินเสียง…” “เสียง?” “เสียงที่พูดอยู่ในหัว” “เสียงของใคร” ส่ายหน้าตอบ ของใครน่ะหรอ? ลองถามดูในใจ คนๆนั้นไม่อยู่ เหมือนเวลานี้ไม่ใช่เวลาของเขา “แล้วเกี่ยวอะไรกับคิม?” “….ได้ยินทุกครั้งที่อยู่ใกล้คิม” “ตอนนี้ล่ะ” เงี่ยหูฟังในความเงียบ ช่างเหน็บหนาว หัวใจไม่ใช่ที่ๆจะสามารถขุดเข้าไปเพื่อหาความคิด ความทรงจำอะไรได้ง่ายเท่าสมอง มันเปราะบาง ยากต่อการเข้าใจ มีอำนาจเหนือการควบคุมใดๆจะอาจเอื้อม ขบถ บางครั้ง เผด็จการ “นึกให้ดีๆ ไผ่ มันเกิดอะไรขึ้น” จอห์นดูจริงจัง จนแทบไม่น่าเชื่อ เหงื่อเม็ดโตไหล่ไปตามโครงหน้าจอห์น ไหลออกจากไรผม ผ่านหน้าผาก เลื่อนมายังคิ้ว เอนตัวไปตามแนวโค้งของเปลือกตา พักที่แอ่งปลายหางตา แล้วเลื่อนตัวลง ดูคล้ายราวกับน้ำตา ยกมือขึ้น ปลายนิ้ว ที่ไม่รู้ของใครแต่แสนที่จะคุ้นเคย ปาดหยดน้ำเม็ดนั้นออกช้าๆ แรงที่จับอยู่รอบไหล่ ผ่อนลง ก่อนจะเข้าใจในวินาทีต่อมา เมื่อรู้สึกถึงความชื้นที่ปลายนิ้ว ก้มลงมอง แสงสะท้อนจากของเหลวเน้นตอบ ดวงตาลอยขึ้น มองหน้าจอห์น ที่ใบหน้าไม่แสดงอารมณ์อะไร เหมือนกระจกสะท้อนตัวตนเขาในเวลานี้ จอห์นพูดออกมา เสียงแผ่วจนแทบไม่ได้ยิน “กลับกันเถอะ….” ………………………………………… ……………………………… ที่หน้าประตู เท้าของจอห์นหยุดอยู่แค่นั้น ไม่ได้ก้าวต่อ ไม่ได้ถอยหลัง ข้างหลัง เพียงแค่บิดลูกบิดออก ก็จะกลับเข้าไปสู่โลกที่ห่างไกลจากเสียง โลกที่เหมือนอยู่ในวุ้น ดูดทุกสิ่งเข้าไปในนั้น ล่องลอยเคลื่อนที่ด้วยความเร็วที่ทำให้ไม่ทันได้สังเกต “…ฉันอยากคุยกับแม่นาย” “คุย…ทำไม” “ไม่รู้สิ ก็แค่อยากลองคุยดู” “…..” ไม่มีเหตุผลที่จะห้ามหรือเชิญชวน ไม่จำเป็นต้องพูดอะไร จอห์นเอื้อมมือผ่านเอวไป บิดลูกบิดประตูช้าๆ ยังไม่ได้ดึงประตูออกจากกรอบ เพียงแค่จ้องหน้าเงียบๆ เหมือนมีอะไรวิ่งผ่านอากาศ ช่องว่างระหว่างจอห์นไปช้าๆ แสงสีส้ม ขนาดเท่าแมลงตัวเล็กๆ วิ่งผ่านไป สองสามสาย ทิ้งแสงไว้เป็นเหมือนเส้นด้ายที่พาดผ่าน เส้นด้ายนั้นส่องแส่งอ่อนๆ ด้วยความแรงที่เหมือนจะดับไปได้ง่ายๆด้วยลมแผ่วเบา แสงอ่อนๆนั้น เล่นกับนัยน์ตาสีฟ้าอ่อน ได้กลิ่นของหวานออกมาจากตัวจอห์น ของหวานที่ทำให้นึกถึงความนุ่ม ในลมหายใจ สูดเข้าไป ได้กลิ่นที่ทำให้นึกถึงบรรยากาศแบบนั้น “อย่าพึ่ง” จอห์นเลิกคิ้วขึ้น มือดันไหล่ ทำให้จอห์นหยุดมือไว้ บรรยากาศที่ยังไม่อยากให้พังทลายลง ด้วยการเปิดประตูบานนั้น มือนั้นคลายออกจากลูกบิด ยืนอยู่นิ่งๆอย่างนั้น แสงเล็กๆนั่นยังวาดเส้นในอากาศ เหมือนพยายามจะวาดอะไรบางอย่าง จนกระทั่งแสงสว่างหนึ่ง สีส้มอ่อน บินเข้ามาใกล้ หยุดลงที่ปลายจมูกจอห์น ถึงได้รู้ว่า จอห์นอยู่ใกล้เพียงไหน ริมฝีปากแตะลง เข้าหากันเบาๆ กลิ่นของหวานนั้นรุนแรงขึ้น จอห์นเปิดริมฝีปากออก ดันให้ริมฝีปากที่ประกบอยู่ เปิดออกด้วย แสงสว่างแบ่งตัวเพิ่มขึ้น ทวีคูณ จังหวะที่ถูกเม้มปากเบาๆนั้น แสงสว่างนั้นก็เล่นเอาตาพร่า หลับตาลง สว่างเสียจนมองอะไรไม่เห็น กลิ่นหอมชัดจนข้นไปทั้งอากาศ สิ่งที่สัมผัสกันมีเพียงริมฝีปาก รู้สึกเหมือนเซลล์ร่างกายจอห์น กำลังผลิตสารเคมีบางอย่างส่งผ่านมาช่องทางเพียงช่องทางเดียวนั้นอยู่ เข้มไปทั้งบรรยากาศ แสงสว่างที่ทำให้การมีอยู่ของเงา เป็นเรื่องโกหก ก่อนหน้านี้ กริยาแบบนี้เคยเกิดขึ้น แต่ปฏิกิริยาที่เกิดตามมา ณ เวลานี้ เป็นสิ่งแปลกใหม่ที่กำลังทำความรู้จักกันอยู่ช้าๆ แม่เหล็กสองขั้ว ลดความเข้มของสนามแม่เหล็กลง คลายออกจากกันช้าๆ แม้แรงดึงดูดยังเหลืออยู่ แต่ก็กลัวว่าถ้ายืดเวลาต่อไปอีกสักนะที จะถูกกลืนไปในบรรยากาศพิลึกพิลั่นนี้ อีกครั้งที่ร่างกายส่งสัญญาณบอกหัวใจ แต่ไม่ยอมให้วิธีไขรหัสนั้นมาต้องการจะบอกอะไรล่ะ เท้ากลับลงมาที่พื้นอีกครั้ง การเดินทางไปยังดาวคู่ขนานที่ไร้แรงโน้มถ่วงในช่วงเวลาสั้น ความแปลกใจที่เหมือนอาการคันยุกยิก ทำให้เขาตอบตัวเองไม่ถูก กลายเป็นความเงียบ ร่างกายทำเพียงนำพาดวงตามองกลับไปที่จอห์นอีกครั้ง ใบหน้าที่เคยดูเหมือนมั่นใจตัวเองเสมอ กลายเป็นสีแดงที่ทำให้นึกถึงผลไม้ หลบสายตา พูดเบาๆอีกเป็นครั้งที่สองของวันว่า “ฉันจะเปิดประตูแล้วนะ” ตอบกลับไปในครั้งนี้ “…อืม” บรรยากาศที่เหมือนเดิมอยู่ในวุ้น จอห์นเดินฝ่าเข้าไปก่อน เดินตามแผ่นหลังนั้นไป รู้สึกกว้างกว่าครั้งไหนๆที่เคยมอง ดันไปตามทางตันขึ้นหน้าไปเรื่อยๆ ทางข้างหลัง เดินได้สะดวกกว่าที่เคยเป็น ร่างกายไม่ยอมมอบคำใบ้ใดๆ นอกจากการไม่ละสายตาออกจากแผ่นหลังนั้นเลยแม้แต่เสี้ยววินาที ……………………………………………. ………………………… ………………ขึ้นไปก่อนนะ พูดด้วยเสียงที่ไว้พูดกับเด็ก ให้ทิ้งตัวลงกับที่นอน มือที่ดันหลังให้เดินขึ้นบันไดไป ไม่ต่างจากการดึงผ้าห่มขึ้นคลุมจนถึงปลายคาง ความอ่อนโยนของจอห์นเป็นสิ่งน่ากลัว ความคิดตกหลุมพรางอีกครั้งอย่างไร้ความสงสัย ปิดประตูห้อง โลกเพียงหนึ่งเดียว สิ่งของในนี้ไม่มีการเคลื่อนไหว อากาศเบาบาง ที่ทำให้หายใจออก ทิ้งตัวลงนอนกับเตียง ฟังเสียงลมหายใจตัวเองในความเงียบงัน เสียงหัวใจ ตุบ ตุบ ตุบ คล้ายเสียงฝีเท้าเดินย่องไปในความมืดตามมุมห้อง สายตาที่แม่มองตามขึ้นมา เต็มไปด้วยคำถาม ทำเป็นมองไม่เห็นอย่างเคย ไอสีเทาก็ลอยออกมาจากร่างผู้หญิงคนนั้น ไล่ตามมาจนต้องเร่งจังหวะการเดิน กลิ่นขนมยังเหลืออยู่ แม้แสงนั้นจะหายไปแล้ว ได้กลิ่นในอากาศ ลอยเป็นเส้นบางๆเท่าเส้นผม คว้ามันเอาไว้ พยายามจดจำกลิ่นนั้น รู้ได้ว่ามันเป็นสิ่งมีค่า เปิดขวดโหลในความคิดออก ในนั้น มีสิ่งของหลายๆอย่างถูกเก็บอยู่ ขนาดขวดไปใหญ่ไปกว่าแขนนัก แม้จะมีของมากมายแต่ความสูงที่สร้างเนินจากก้นขวดก็สูงได้ไม่ถึงเครื่องของโหลแก้ว ปล่อยเส้นบางๆนั้นลงไป มันเปลี่ยนสีไปเรื่อยๆ จนกระทั่งหยุดตัวลง เมื่อวางทับลงบนรูปใบหนึ่ง เพ่งมองกระดาษใบนั้นให้ดี โหลใบนี้ไม่มีโอกาสได้เปิดบ่อย จึงมีเรื่องที่หลงลืมไปมาก เด็กสองคนในรูป ผมดำขลับ ดวงตาเรียว ยืนด้วยความสูงที่มากกว่า วัยประถม ยืนยืดอก รอยยิ้มกว้างจนดูเหมือนเป็นการตัดวางภาพ ข้างขวา เด็กผอม ดูขี้โรค แว่นตาหนา ผมด้านหน้ายาวจนปรกถึงคิ้ว บอกไม่ได้ว่าเด็กคนนั้นแสดงสีหน้าแบบไหนอยู่ เป็นภาพสี แต่ก็มีสีเพียงฝั่งเดียว ฝั่งที่ไม่ใช่ตัวเขา ยืนมือลงไปในโหล โหลก็ขยายปากขวดออก กว้างจนเขาร่วงลงไป คว้าขอบแก้วไว้ด้วยมือข้างเดียว ปัดแกว่งอยู่ในอากาศ ส่งเสียงร้องออกไป มีเพียงลมหายใจแห้งๆออกมา มือถูกเหยียบ ในความมืดที่เห็นเพียงแสงสะท้อนจากแผ่นกระจกรอบตัว มองขึ้นไป เด็กคนนั้น ยิ้มด้วยรอยยิ้มด้วยกันกับในรูป ออกแรงเหยียบมือของเขาอีกครั้ง จนต้องปล่อยมือออก ตกลงไปในขวดโหลนั้น จำได้แล้ว มันเป็นขวดโหลเดียวกันกับในฝัน ขวดโหลที่เต็มไปด้วยเลือด ตกลงไปด้วยความเร็วที่ช้าจนไม่น่าเชื่อ แต่ระยะทางที่สูงระดับนี้ ทำให้ความกลัวพุ่งสูงไม่สิ้นสุด พยายามจะแหวกตัวผ่านอากาศ แหวกว่ายผ่านไป ชนเข้ากับแผ่นกระจกแรงจนต้องเซ บิดร่างกายให้เคลื่อนไหวไปทางอื่น ได้ยินเสียง วัตถุขนาดใหญ่ กำลังเคลื่อนตามมา ไม่กล้าพอที่จะหันไปมอง สันดานเดิมไม่ใช่คนกล้าหาญอะไร ยิ่งตกลงมาในความมืดเช่นนี้ ความกล้าหาญยิ่งกลายเป็นสิ่งที่เขาไม่เคยคุ้นเคยด้วยเลย แหวกว่ายด้วยความเร็วสูงสุดที่ร่างกายจะทำได้ เซลล์ออกปากบ่นถึงความเหนื่อยล้า ร่างกายเหมือนจะขาดออกจากกัน ถูกคว้าข้อเท้าไว้ หันกลับไป เห็นความมืดกลุ่มใหญ่รวมตัวเข้าหากัน เป็นก้อนคล้ายก้อนขยะปิโตรเลียม กลิ่นเหม็นฉุน ที่รอบข้อเท้า คล้ายยางมะตอย โอบล้อมไว้ ดวงตาสีแดงจ้องมองตรงมา แทบจะดูดสารสื่อประสาทในสมองออกไปทั้งหมด หยุดนิ่ง ไร้การทำงาน ถอยหลังหนี ชนเข้ากับบางอย่าง สิ่งของชิ้นหนึ่ง ส่องแสงประกายวิบวับ ร่วงลงมาจากด้านบนที่มองไม่เห็น ของชิ้นนั้นตกลงบนตัก มือคว้าไว้ทันที ปากตะโกน ออกไป ไม่มีเสียง ใช้ของสิ่งนั้น แทงลงบนยางมะตอยสีคล้ำ ได้ยินเสียงกรีดร้องของสิ่งแปลกประหลาดนั่น เสียงต่ำคล้ายลำโพงที่หมดช่วงการทำงาน ในความวุ่นวายของเสียงนั้น ได้ยินเสียงผู้คนหลายๆเสียงพูดทับซ้อนกันไปมาใช้มันสิ แค่ใช้มัน ทุกอย่างก็จะจบลงแล้ว ไม่มีความวุ่นวาย ไม่ต้องเจ็บปวดอีก ไม่ดีหรอ? นั่นคือสิ่งที่นายต้องการไม่ใช่หรอ? ไผ่… ดวงตาสีแดงละลายออก เปิดให้เห็นช่องว่างภายในร่างกายของมัน เด็กคนนั้น ยิ้มรอยยิ้มเดิม ครั้งนี้ต่างออกไป มันบิดเบี้ยว ราวกับรูปที่โดนเปลวเทียนเผา ครึ่งหนึ่งกลายเป็นสีดำ ครึ่งที่เหลือ ละลาย หลอมรวมกับยางมะตอยส่วนนั้น ยื่นมือออกมา พูดด้วยเสียงที่ชวนให้จิตใจสงบ แต่ในเวลานี้ มันเหมือนตลกร้าย “ใช้มันสิ” สิ่งของที่อยู่ในมือ ส่องประกาย เรียกเบาๆ นั่นแหละ ใช้ฉันสิ อีกแค่เพียงนิดเดียวเท่านั้น กำสิ่งนั้นแน่น อยากให้มันหยุดส่งเสียงเล็กแหลมน่ารำคาญนี้สักที แต่หยุดมันไม่ได้ กลับกัน ของเหลวสีดำหนืด ทะลักออกมาจากมันแทนใช้ฉันเร็ว ใช้ฉัน หยุดซะ หยุดพูดซักทีมันไม่ยากหรอก นายก็รู้นี่น่า แค่เพียงใช้ฉันเท่านั้น ทุกอย่างนิ่งเหมือนถูกปิดลง ได้ยินเสียงนาฬิกา เคลื่อนที่ไปอย่างช้าๆ แต่ละวินาที ไม่ใช่เรื่องจริง ร่างกายถูกโอบรัดจากด้านหลัง กลิ่นเหม็นไหม้ ชัดเจน แข็งทื่อ ไม่กล้าหันกลับไปมอง “เดี๋ยวฉันจะทำให้…แบบเดียวที่นายทำกับฉันไง” มือนั้นจับลงมา มือเหมือนถูกเผาไปด้วย ร้อนฉ่าจนความปวดทำสมองแทบระเบิด ส่งเสียงร้องดัง ดิ้นพล่าน น้ำตาระเหยขึ้นไป ดูคล้ายกับไอของกำยาน ส่งกลิ่นเหม็นน่าเวียนหัว ปลายชิ้นส่วนที่กำอยู่ ผลักตัวของมันเองลงในข้อมือ ของเหลวสีดำทะลักล้นออกมา เจ็บแค่เพียงครึ่งเดียวจากที่คิดว่าจะเป็น แต่ก็เป็นความเจ็บปวดที่ทำให้รู้ว่ายังมีชีวิตอยู่ เจ็บ ที่เหมือนจะฉีกไขสันหลัง หักกระดูกที่ละท่อน เผาทุกเซลล์ให้โปรตีนเสียสภาพ อ้าปาก ส่งเสียงร้องสุดเสียง มันดูห่างไกล ไกลเกินกว่าที่จะได้ยินเสียงร้องของตัวเองชัดเจน คล้ายเป็นเสียงสะท้อนจากที่ห่างไกล มือนั้นหายไป มือที่กุมอยู่ ไม่ มันยังอยู่ แต่แค่ดูเป็นรูปร่างมืออย่างที่สมควรจะเป็น มือข้างนั้น เปื้อนสีแดง ด้วยแสงสว่างที่มีเท่าที่บานประตูแง้มออกจะให้ได้ เห็นเพียงหน้าจอห์นที่นิ่งเงียบ ไม่พูดอะไร ไฟในห้องน้ำถูกเปิด เสียงกรีดร้องดังขึ้นชัด เสียงผู้หญิงที่แหลมจนแสบหู อยากจะยกมือขึ้นอุดหู ไม่มีแรง นั่งอยู่ที่พื้นห้องน้ำ ด้วยท่าทางที่คล้ายกับตุ๊กตาหุ่นเชิดร้างเวที ไม่มีใครสนใจ เศษกระจก เกลื่อนพื้น หลายชิ้นเปื้อนสีแดง ต้นกำเนิดของมันไหลออกจากจุดสองจุด มือซ้าย และข้อมือขวาที่จอห์นกุมอยู่ ตามร่องนิ้วนั่น ของเหลวล้นเอ่อออกมา ความเย็น เย็นเฉียบจากในตัว แล่นพล่าน ไม่ไกลออกไป เหมือนได้ยินเสียงโลกอีกใบกำลังเรียกอยู่อย่างแผ่วเบา เสียงที่ทำให้ทุกรูขุมขนกระชับตัว ขนลุกชัน กลิ่นชวนเวียนหัว คลุ้งขึ้นชัดเจน ไม่คล้ายกับกลิ่นในความคิด เพราะความเป็นจริง กลิ่นมันสดใหม่ยิ่งกว่านั้น ความชื้น ความอุ่น จังหวะการเต้นของหัวใจที่ทำให้ของเหลวนั้นออกมามากกว่าปกติ เน้นย้ำว่านี่ ไม่ใช่แค่ความคิดอีกต่อไป ก้าวผ่านความฝันมาสู่โลกความเป็นจริงโดยไม่รู้ตัว แรงบีบที่ข้อมือมากขึ้น ปลายนิ้วจอห์นก็สั่น สั่นไม่แพ้กัน ที่ผนังห้องน้ำ รอยมือ ดูคล้ายกับศิลปะยุคหิน ปาดป้ายด้วยสีแดง เป็นแนวยาว มีอยู่หลายรอย จนในห้องแคบๆนี้ เหมือนโรงฆ่าสัตว์ ในทางที่เบากว่า และดูคล้ายกับสถานที่เกิดเหตุฆาตกรรม ที่ยังมีศพหายใจอยู่ฆาตกรรม คำ คำนั้น ตีตราลงบนสมอง ตรึงเลือดไว้ไม่ให้หมุนเวียน และปิดกั้นม่านตาลงไม่ให้เห็นภาพตรงนั้นโดยสิ้นเชิง …………………………………………. …………………………………… [Inert 14 : complete] [15.10.55] อ่านจบแล้วก็บินออกนอกโลก :z2: คงต้องมีสักวันที่ย้อนอ่านเรื่องนี้แล้วพูดว่า "เราเขียนอะไรไป" แหง 555
:a5: บอกได้คำเดียวว่า. ไม่รู้จะอธิบายยังไง รอตอนต่อไปค่ะ มีปริศนาเพิ่มขึ้นอีกแล้ว เปนกำลังใจให้ค่ะ :L2:
มืดมนมากกกก ต้องอ่าน3รอบ ถึงจะนึกภาพตามได้ อ่านแล้วเหนื่อยจริงๆ ใช้พลังงานเยอะมากสำหรับตอนนี้ อ่านรอบแรก = งง อ่านรอบสอง = ถึงรู้ว่ามีฉากจูบด้วย (ทำไมอ่านรอบแรกไม่เจอว่ะ) อ่านรอบสาม = เหมือนจะเข้าใจ บรรลุไปแบบอึนๆ เพราะยาเลยหลอนใช่ไหม แม่ต้องการให้ไผ่ลืมอะไร คิมคงมีส่วนเกี่ยวข้องไม่มากก็น้อย
เกิดอะไรขึ้นนนน :a5:
หึหึ มึนหัวเลยทีเดียว :really2:
โอ้ยยย ยิ่งอ่านยิ่งปวดหัว อยากรู้ความจริงทุกอย่างแล้ว :z3: :z3: :z3:
มายกู้ดเนสสสสสสสสสสสสสสสสสสสส อึนๆมึนๆงงๆ มืดแปดด้าน :z3: สามคำ>>>อึน มึน โฮ :z10:
มึนตรึบบบบ ไว้สมองโล่งจะกลับมาอ่านใหม่ o13
พออ่านจบ ก็ยังไม่เข้าใจอะไรเหมือนเดิม งึดงาดๆ
.....ก่อนหน้านี้นึกว่าสองบุคลิกค่ะ......ตอนนี้ต้องบอกว่า ประเมินความสามารถพี่คนเขียนต่ำไปโขเลย พี่ปั่นสมองหนูเละมากค่ะ /คารวะหนึ่งจอก/ รอตอนต่อไปค่า
เกิดอะไรขึ้นกับไผ่เมื่อก่อนล่ะเนี่ย แล้วทำไมต้องเป็นคิมด้วย หรือคิมเกี่ยวอะไรกับอดีตของไผ่ อ่านแล้วรู้สึกเหมือนนักสืบเลย =0=
ไผ่ทำอะไรลงไป :monkeysad:
ไผ่ตกลงไปในโหลแก้ว แต่คนอ่านรู้สึกว่าตกลงไปในมูลีเน็กซ์ แล้วก็ปั่นด้วยความแรงสูงสุด
เหมือนอยู่ในอีกมิติ เหตุการณ์ที่ประตุ ทำให้เรานึกภาพถึงขนมหวาน สีรุ้ง และกลิ่นบางอย่างที่หอมอ่อน ก่อนจะเหมือนโดนโยนไปมาในภาพจากสมองของตัวเอง ที่ได้จินตนาการตาม หรือม้นจะดึกไป เราเลยงง ... ฮะ ฮะ ไม่ใช่หรอก เพราะคำบรรยายที่ทำให้เราคิดตาม มันทำให้เหมือนแยกแยะไม่ออก เหมือนบรรยายจากความรู้ึสึกของไผ่ ที่สับสนระหว่างอีกโลก กับความเป็นจริง เหมือนไผ่เมายา ยากล่อมประสาทที่กิน? หรือต้องกินเพื่อกล่อมไว้ ... เราจะต้องหาเวลากลับไปอ่านให้ชัด ๆ อีกสักรอบแน่นอนค่ะ แต่ตอนนี้ก็ขออ่านต่อไปเรื่อย ๆ บอกตรง ๆ ว่าชอบ เป็นอีกเรื่องที่แหวกแนว น่าติดตาม ไม่ัชัดเจน ยากจะคาดเดา แต่ไม่น่าเบื่อค่ะ ปล. ตอนท้ายสยองขวัญฆาตรกรรมน่าดู :sad4:
:z3: <--- ตอนนี้หลังอ่านจบ อยากทำแบบนี้มากที่สุด ....
คำเดียวเลย 'หื้ม?' :z3: ดีนะที่อ่านแล้วยังพอรู้ว่าเค้าจูบกันด้วยง่า
:serius2: เริ่มสับสนระหว่างโลกความจริงกับโลกความฝัน... เหอๆ รู้สึกสับสนในตัวเองตามไปด้วย ไผ่ฆ่าตัวตายเรอะ จอห์นช่วยด้วย... แล้วตกลงนี่มันเรื่องอะไรกัน :เฮ้อ: สงสารหนูไผ่เหลือเกิน นี่มันเรื่องอะไร การตัดสินใจปาดข้อมือเป็อะไรที่แอบยากอยู่... โดยเฉพาะเวลาที่มีดไม่คม==!... ซวยจริง หนูไผ่ปาดได้ด้วยกระจก ใจเด็ดมากมาย... สรุปปริศนาก็ยังคงเป็นปริศนา เหมือนจะคลายออกมานิดหน่อยให้ชวนคิด(ไม่ตก... ถึงคิดไม่ออก) :กอด1: รอต่อไปจ้า... คิดไม่ออกก็นอนรอเเล้วกัน555
อะไรว่ะ งง - -"
:angry2: :angry2: :angry2: :angry2: แล้วตรูตื่นมาอ่านเรื่องนี้แต่เช้า โอยยยยย ไมเกรนขึ้น :oak: :oak: เครียด ตีความ มึน กว่าจะเข้าใจ :sad2: จอห์น ช่วยไผ่ให้ได้นะ อาการรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ
เอิ่มมม อึน มึน เบลอสุดๆ :really2: เรื่องยานี่มันเกี่ยวกับคิมด้วยไหมเนี่ย :a5: สงสัยว่าแต่ละตอนต้องอ่านซักสองรอบซะแล้วสิ :o8:
อืม..... อืม..... อืม.....
จอห์นช่วยไผ่ด้วยนะ สงสารไผ่จัง
ที่ไผ่เป็นอยู่นี้เพราะอาการทางจิต หรือเพราะฤทธิ์ของยา ภาพที่ผุดขึ้นมา เป็นเรื่องที่คิดไปเองหรือย้อนเรื่องที่เคยเกิดขึ้น แล้วที่เป็นแบบนี้เพราะมีอดีตที่ไปทำร้ายใคร หรือถูกใครทำร้ายมา
ที่สุดก็มาถึงจุดนี้จนได้ o22 รีบๆ พาไผ่ไปโรงพยาบาลด่วนเลยค่ะ
(สารภาพนิดนึงค่ะ ตอนแรกนึกว่าตาฝาดที่เห็นเรื่องนี้อัพแล้ว 5555) ตอนนี้ต้องอ่านถึงสองรอบเลยค่ะ กว่าจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น และนึกภาพได้ รอบแรกนี่อ่านแล้วนึกว่าไผ่แทงแม่ตัวเองด้วยซ้ำค่ะ ต้องอ่านรอบสองถึงได้รู้ ฮาาาา ชอบนิยายเรื่องนี้มาก ๆ นะคะ ชอบตรงการบรรยาย ลักษณะการเขียนของคนเขียนมีเสน่ห์มาก ๆ ไม่เคยเจอนิยายเรื่องอื่นที่มีลักษณะแบบนี้มาก่อน อ่านแล้วรู้สึกเหมือนโดนดูดไปอีกมิติ อ่านแล้วอึดอัด Awkwardสมชื่อเรื่อง แต่ก็มีอะไรบางอย่างดึงดูดให้เราติดตาม อยากจะรู้ความจริงไว ๆ ค่ะ อยากจะรู้ทำไมไผ่ถึงต้องกินยา มันเกี่ยวข้องยังไงกับคิม จุดประสงค์ที่แท้จริงของจอห์นคืออะไร รอตอนต่อไปนะคะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ สู้ ๆ ! ขอบคุณสำหรับนิยายดี ๆ นะคะ :กอด1: :กอด1: :กอด1: :3123: :3123: :3123: :pig4: :pig4: :pig4:
สิ่งที่ซ้อนเร้นอยู่ในความกลัวของไผ่ มันมีการฆาตกรรมเกิดขึ้นหรอ??? เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จอห์นรู้เรื่อง แม่ไผ่รู้เรือง ไผ่จำไม่ได้..แต่ทำไมถึงมีแต่ความกลัวที่หลงเหลืออยู่?? โอ๊ยยยยยยยย อยากรู้ๆๆๆๆๆๆๆ :serius2:
:really2: :really2: เข้าใจแบบมึน ๆ สารภาพว่าอ่านตอนแรกแอบไม่เข้าใจ หวังว่าจอนห์จะช่วยไผ่ได้
เเรกๆ อึม ครึมมึนดี กลาง ๆ เริ่มงง พอมาสองสามบทหสัง งง จริง !! เเต่ เนื้อ เรื่อง น่าสนใจ น่าติดตาม การบรรยายดำเนินเรื่อง ไม่ค่อยเข้าใจ อาจเป็นเพราะ เพิ่งเคย อ่านการเขียนเเบบนีิ้ ชอบตรง ดราม่าดี
จากการเดา(มั่วๆ)ของเรา ไผ่อาจจะเห็นภาพในอดีตผสมกับภาพหลอนแบบตัดไปตัดมา เพราะยาและความทรงจำในอดีต เพราะเรื่องในอดีตที่รุนแรงเกินไป ยาที่เคยใช้ได้ผลอาจะไม่มีประสิทธิภาพเหมือนก่อน เพราะไผ่กินยามั้งไม่กินยามั้งลักษณะอย่างนี้จะเกิดการดื้อยา เดาว่าคิมอาจจะมีความเกี่ยวข้องในอดีตในลักษณะของเรื่องร้ายแรง ไม่ใช่แค่คนรู้จักธรรมดา แต่เรื่องอะไรนี่ รอคนเขียนค่ะ เป็นเรื่องที่อ่านแล้ว อึน มึน และงง 555 พยายามจับต้นขนปลายเอง แต่สิ่งที่ได้คือมึนกว่าเดิม :เฮ้อ: คนเขียนติสท์ และคนที่อ่านจะติสท์ตามหรือเปล่าค่ะเนี้ย ปล :pig4:
อ่านแล้วต้องหาพาราโดเรม่อนมากินเลยทีเดียว :z3: :z3: :z3:
ต้องใช้ความคิดในการอ่านอย่างมาก ไม่รู้ทำไม :laugh: อ่านเสร็จแล้วแทบลงไปนอน :z1: อยากอ่านตอนต่อไปแล้วสิ ดูมันซับซ้อนดีจัง o13
นิยายเรื่องนี้คืออะไร T^T อ่านแล้วทำไมไม่บรรลุ
:z10: ผลัก ................................ ดัน!!! ว้าวุ่นเกิ๊นนนนน!!! จนต้องมานั่งรอ :เฮ้อ: :z2:
ห่าเอ้ย! ทำกันได้นะไอ้จอร์น!
อยากรู้ว่าทำไมจอร์นถึงทำงี้ เคยแค้นอะไรกันมาก่อนรึไง
ไผ่ที่รัก กลัวจะกลายเป็นบ้าจัง
โถ่ทิวไผ่
แม้แต่แม่ก้ยังโหดร้ายด้วย พ่อก้ยังดี แต่ไม่ค่อยได้คุยกัน
เจ็บแทนเหลือเกิ๊น U_U
เป็นอะไรไปอีกละทิวไผ่ U_U
อะไร๊ อะไรกันเนี้ย
ไผ่เคยฆ่าคนหรอ
ไผ่เป็นโรคจิตจากยารึเปล่า??? :z3: :z3: คือไผ่เหมือนคนติดสารเสพติดซักอย่างอ่ะ คือคิดว่าไผ่เป็นโรคจิตเภทไปแล้ว80% ฮือ อ่านเรื่องนี้แล้วมันเหมือนดิ่งลงเหว :z10: อ่านเรื่องนี้จบต้องพยายามสงบสติเอาไว้ให้มากๆ55
อา ตอนนี้มันช่าง...เข้าใจยากจริงๆค่ะ ฮ่าๆๆ อ่านแล้วรู้สึกว่ากดดันมาก ขอย้อนไปอ่านอีกซักรอบ :really2:
กวน - มึน - โฮ โฟลว์ชาร์ต(?)แสดงสถานะ เม้นก่อนๆ - เนื้อเรื่องตอนนี้ และ ฟีลเมื่ออ่านจบ ตามลำดับ /เลื่อนหน้าจอลงมาเม้นอย่างปล่อยเบลอ
ไผ่หลอน หรือฉันหลอนเนี่ย รออ่านต่อไป
อ่านรวดเดียว เข้ามาเพราะเห็นว่าได้โหวตเป็นนิยายดองเค็ม แต่คิดว่า คนเขียนจะไม่ดองแล้วแน่ๆ เพระาเหมือนทุกอย่างเริ่มกระจ่างแล้ว ทุกคนในนี้มีอดีตร่วมกันทั้งๆที่อยากลืมมัน
บอกได้คำเดีวว่าอานเท่าไรๆก็ไม่เข้าใจ ยิ่งอ่านยิ่งงงว่ามันเกิดอะไรขึ้นช่วงแรกๆก็พอเข้าใจอ่ะนะ แต่ช่วงหลังๆนี้ไม่รู้ว่านายเอกของเรื่องเป็นคนบ้า หรือติดยาหรือป่าว แล้วก็ความรู้สึกคือยิ่งอ่านยิ่งมึน มึนขึ้นเรื่อยๆๆอ่านไปอ่านมาเหมือนแม่ของนายเอกโดนเล่นของใส่ไงไม่รู้ อ่านแล้วจิตตกอ่ะ อ่านแล้วให้ความรู้สึกว่าเรื่องนี้มืดมนเหมือนพวกนิยายไสยศาสตร์ไงไม่รู้
ไผ่เอาอีกแล้ว...
:sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :o12: :o12: :o12: :o12:
เรื่องนี้ต้องใช้จินตนาการสูงมากจริงๆ
ชักคิดขึ้นมาว่าไผ่เป็นบ้าหรือไผ่ติดยา = =
:amen: มันอาร์ตมาก.... จินตนาการตามที่บรรยายแล้วแบบว่า เหมือนตัวเองเป็น Alice in Murderland :sad3:
เพิ่งเข้ามาอ่าน อ่านแล้วให้รู้สึกมืดหม่น หดหู่ ไปกับตัวเดินเรื่องอย่างไผ่จิงๆ
เธอ-จิต-มาก ให้ไปเลย สามคำ อิอิ เขียนดีอะ อ่านยาก สมองไม่ได้พักเลย ยังกับหลุดเข้าไปในดินแดนของอลิส บูดเบี้ยว สีสัน เวิ้งว้าง ล่องลอยไปกับจินตนาการ แต่ติดอยู่กับฉากที่บรรยายตามท้องเรื่อง เหมือนถูกเหวี่ยงขึ้นฟ้า แต่ก็ปรากฏว่าถูกพากลับมานั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวเดิม บางทีก็พรึงเพริดไปกับตัวหนังสือ ตะลึง ตะลาน จนเกือบเตลิดไปนอกตลาด บางประโยคอ่านอ่านแล้วมีแสงวิบวับเกิดขึ้นในสมอง พอๆกับความมืดที่ยึดครองพื้นที่ส่วนใหญ่ บางประโยคให้ภาพสวยจนต้องอ่านซ้ำหลายๆรอบให้สมกับความงามของภาพ เช่น "เหงื่อเม็ดโตไหลไปตามโครงหน้าจอห์น ไหลออกจากไรผม ผ่านหน้าผาก เลื่อนมายังคิ้ว เอนตัวไปตามแนวโค้งของเปลือกตา พักที่แอ่งปลายหางตา แล้วเลื่อนตัวลง ดูคล้ายราวกับน้ำตา" สะท้าน แจ่มชัด ในโสตประสาท ติดใจว่ะ คงเข้าใจนะว่า "รอคอย"
Inert 15 ตึก ตึก ตึก เห็นไฟสว่างเข้ามาเป็นช่วง เหมือนรถที่ขับอยู่ในอุโมงค์ ลมพัดหน้า เป็นลมเบาๆที่ให้ความรู้สึกคล้ายกับถูกสัมผัสด้วยมือเล็กๆนับไม่ถ้วนตึก ตึก ตึก มันไม่ใช่เสียงหัวใจ ตอนแรกคิดแบบนั้น สดับฟัง เมื่อทุกอย่างสงบลง ได้ยินแม้กระทั่งเสียงหายใจปนอยู่ด้วย ใช้เวลาสักพักก่อนจะเข้าใจว่ามันคือเสียงเท้า และในตอนนั้นเองที่สั่นไปทั้งร่าง เคลื่อนไหวขึ้นลง เหมือนกระดาษผิวน้ำ นัยน์ตายังเลื่อนลอย ขาดการติดต่อกับสมอง ทำงานไปตามนึกคิดของอวัยวะ ไม่ใช่จากศูนย์กลางการควบคุม เห็นใบหน้าคน เขารู้ตัวว่าถูกมองอยู่ ก้มหน้าลงมา ใบหน้าเขาเรียบเฉย แต่เห็นความลนลานอยู่ในสายตานั้น คิ้วขมวดเพียงส่วนต้น ริมฝีปากเม้มเข้าหากัน มันอาจไม่ใช่เวลาเหมาะที่จะพูดเรื่องนี้นัก แต่ไม่ว่าสาเหตุจะมาจากสารเคมีในสมองไม่สมดุล สภาพอากาศ หรืออะไรก็ตาม ใบหน้าดูน่าหลงใหลเสียจนเหมือนตัวลอยขึ้นช้าๆ ริมฝีปากเขาขยับ เห็นฟันเรียงตัวอย่างเป็นระเบียบ กอดคอกันในระนาบเส้นโค้งที่สวยงาม ลิ้นที่ขยับขึ้นลงตามเสียงสระ พยัญชนะ เสียงของเขา แน่นอน คิดว่ามันน่าฟัง แต่หูกลับไม่ได้ยินเสียงใดๆอีก ตกอยู่ในความเงียบที่น่าสะพรึง อะไรบางอย่างบอกว่านี่ไม่ใช่เรื่องดี ปลายนิ้ว ขยับสิ ไม่ตอบสนอง แม้อยากจะหันหน้าไปดู กลับทำไม่ได้ แสงที่เหมือนไฟในอุโมงค์ยังสลับติดดับไม่หยุด ลมพัดเบาๆ ทำให้ผมปรกลงมาที่แก้ม ปลิวพัดมาติดที่ข้างตา แล้วไม่ขยับออกไป เหมือนจะติดอยู่กับบางอย่างที่ชื้นและเหนียว เห็นสีที่แห้งกรังติดอยู่กับผนังสีขาวข้างตัว สังเกตเห็นกระเป๋าเสื้ออยู่ที่ตรงนั้น จึงเข้าใจได้ว่ากำลังถูกช้อนตัวอุ้ม วิ่งไปข้างหน้าด้วยความเร็วที่ทำให้เห็นเหงื่อจากปลายคางเขา หยดลงบนเสื้อที่สวมอยู่ ทะลักออกมาไม่สิ้นสุด กลิ่นคุ้งคาวแตะจมูกแผ่วเบา มองเลยไปเห็นเงาดำอยู่ติดกาย มันแสยะยิ้มให้ ทักทายช้าๆ ทำความรู้จักกันอย่างเงียบเชียบ ราวกับรู้จักกันมาเป็นเวลานาน ผนังสีขาวทั้งสองข้างวิ่งลู่เข้าหากันเหมือนถึงจุดสิ้นสุด หลายคนวิ่งกรูกันเข้ามาหา พยายามจะดิ้นหนีก็ถูกล็อคตัวไว้ มือไร้แขนยื่นมาจากความดำมืด ถูกจับล็อคลงกับเตียง เหมือนพิธีบูชายัญ แสงจากอุโมงค์หยุดลง กลายเป็นเหมือนพระอาทิตย์ที่ย่อตัวต่ำลงมาเบื้องหน้า เหล็กส่องกับไฟ เครื่องมือที่อยู่ในถุงมือยางสีขาวขยับออกช้าๆ “…อย่า” เสียงนั้นดูเหมือนไม่ใช่เสียงที่พูดออกไปเอง แหบพร่าเหมือนถูกบีบหลอดเสียง “อย่า ไม่เอา” ขยับตัวหนี ไร้ประโยชน์ หันไป เห็นเชือกที่ยึดข้อมือข้อเท้าติดกับโครงเหล็ก เว้นไว้เพียงข้อมือซ้ายสีแดง ถุงมือสีแดง? ไม่ใช่ มันเป็นอะไรที่มากกว่านั้นเมื่อแสงสะท้อนกับของเหลว “ต้องเย็บแผลด่วน” “คนไข้ดิ้นไม่หยุดเลยค่ะ” ไฟฉายเข้ามาใกล้ดวงตา หลับตาลง เบี่ยงหน้าหนี จุดประสงค์ที่ถูกซ่อนไว้ของคนพวกนั้น เป็นกลิ่นอายที่ดูน่ากลัว นิ้วชี้นิ้วโป้งในถุงมือยางจับเข้าที่เปลือกตาบนล่าง เคลื่อนที่ออกจากกัน กดลึกลงไป รู้สึกเหมือนดวงตากำลังจะทะลักออกมาด้วยแรงกดนั่น เห็นไฟสว่างจ้าในระยะสั้น ไฟฉายสะท้อนให้เห็นม่านตา กระจกตาสะท้อนให้เห็นไฟฉาย ใบหน้าที่ครึ่งหนึ่งซ่อนอยู่ในหน้ากากขมวดคิ้วอย่างลังเล “ดูเหมือนว่าประสาทหลอน?” “อาการเหมือนกำลังลงแดง ผมว่า” เสียงพูดคุยข้ามหัวไปมา ผู้ชายตัวใหญ่อีกสองคนทิ้งแรงลงมา ทำให้ต่อต้านไม่ได้อีกต่อไป “ยาสลบ ขอยาสลบหน่อย!” เสียงวิ่ง เสียงลมหายใจ ล้อเตียงเข็นที่เลื่อนไปมา ติ๋ง ติ๋ง ติ๋ง ไม่ใช่แค่ของเหลวใสรสเค็ม ยังมีสิ่งสีแดงเข้มที่ไหลตามออกมา ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นเหมือนมิติในโลกขนาน เกิดขึ้นด้วยความรวดเร็ว แต่เมื่อมองไปทางใด ก็เห็นสิ่งนั้นเคลื่อนไหวช้าลง มีเส้นแสงใสตามหลังพวกเขา เมื่อเดินออกไปจากตำแหน่งเดิม วัตถุลึกลับวางทาบลงบนหน้า ส่ายหนีก็ถูกจับไว้ เห็นใบหน้าเขา เขาคนนั้นจ้องมองมา สายตาที่มอง เป็นสายตาที่ชวนเวทนา “หลับไปซักพักเถอะ” ไอน้ำที่เกิดจากลมหายใจจับเข้ากับวัตถุนั้น กลั้นหายใจไว้ ด้วยความพยายามที่เทียมทัดกับการใช้นิ้วโป้งอุดรูรั่วเขื่อน ไม่ช้า น้ำก็ทะลักออกมา สำลักอากาศเข้าไป ควันจางๆนั่นก็เคลื่อนไหวเข้าสู่หลอดลมด้วย มือข้างขวาถูกจับไว้ ในชั่ววินาทีนั่น รู้สึกเหมือนไม่ใช่แค่มือที่ถูกกักขังไว้ ………………………………… …………………….. “อีกกี่วันแกจะฟื้นคะหมอ?” “เรื่องนั้นตอบไม่ได้หรอกค่ะ ผู้ป่วยร่างกายอ่อนล้าต้องการการพักผ่อนหลังเสียเลือดไปมาก จะนอนหลับไปสองสามวันเต็มๆก็คงไม่แปลก” เสียงบางอย่างเคาะเข้าด้วยกันดังเป็นจังหวะตลอดการพูดนั่น “ถ้าตื่นขึ้นมาแล้วยังมีอาการคุ้มคลั่งอีก เราคงต้องส่งแกไปที่แผนกจิตเวช” “…งั้นหรอคะ?” เสียงนั่นไม่ได้เป็นการตอบรับใดๆทั้งสิ้น เป็นเสียงที่จมลึกเข้าไปในตัวผู้พูด ตอบรับกับความสิ้นหวังของตัวเอง “เราหวังว่าแกจะอาการดีขึ้น” “ส่วนนั้นหมอคิดว่าคงต้องพึ่งอาการทางใจ ไม่ใช่ร่างกาย”ใจป่วย ไม่ใช่ความหมายทางรูปธรรมที่ชัดเจน แต่เป็นนามธรรมที่จับต้องไม่ได้ กำลังป่วยและตายลงช้าๆ มาถึงจุดที่ต้องแตกหัก ทางเลือกมีอยู่แค่ทางเดียวคือตายลง ความตายไม่ใช่ที่สิ้นสุด ทุกวันนี้มนุษย์ล้วนแต่ตายซ้ำซากในทุกวินาทีที่หายใจ ความสุข ความทุกข์ ความหวัง ความสิ้นหวัง กำลังใจ ความท้อแท้ ล้วนแต่ตายซ้ำแล้วซ้ำเล่าเพื่อรอการเกิดขึ้นใหม่อีกครั้งในรูปแบบที่แตกต่างไปจากที่เคยเป็น การที่จะเรียนรู้ถึงวัฏจักรนั้นได้ ไม่ได้มาจากการรับฟังประสบการณ์จากผู้อื่น แต่จำเป็นที่จะต้องเผชิญหน้ากับมันเอง เพี่อที่จะเติบโตขึ้น จำเป็นที่จะต้องก้าวพ้นเส้นนั้นไปให้ได้ ไม่ใช่ทุกคนที่ทำสำเร็จ ไม่ใช่ทุกคนที่ล้มเหลว และไม่ใช่ทุกคนที่กล้าจะลอง ในฝันที่ยาวนานสองวัน ได้พบกับอะไรบางอย่าง กุญแจสำคัญ กุญแจที่หายไป ตัวตนที่ถูกฝังไว้ลึกลงไป ทับถมด้วยความรู้สึกผิด แรงกดดัน และฤทธิ์ยา มันไม่ได้ให้ผลในทางที่หวังไว้ สิ่งที่เกิด เป็นเรื่องที่ตรงข้ามกับการคาดการณ์โดยสิ้นเชิง ในเมืองที่ทุกสิ่งมีเพียงสีดำ ในเมืองที่ความแห้งแล้งขยายอาณาเขตออกไปไม่สิ้นสุด ในที่นั้น ในจิตใจ ยืนเพียงลำพัง สองขาที่ก้าวลงไป มีเพียงเสียงแห้งแตกของดิน ไม่มีพืชใดที่จะเติบโตในที่แห้งนี้ได้ เป็นแหล่งบ่มเพาะความตายชั้นเลิศที่เกินจะใฝ่ฝัน ไม่มีใครอยู่ที่นี่ เดินหลงทางเหมือนเขาวงกตทั้งที่มีเพียงลานกว้างสุดสายตา หลงทางและไม่หลงทางในเวลาเดียวกัน ไม่หลงทางเพราะไม่ได้เดินวกวน ก้าวไปข้างหน้าเพียงอย่างเดียว แต่ที่หลงทาง คงเป็นเพราะไร้จุดหมาย ไร้ทางออกจากที่แห่งนี้ แห้งผากแม้กระทั่งลำคอ สองเท้าที่เหมือนจะจมลงในเศษซาก ยกขึ้นช้าๆ เคลื่อนไปข้างหน้าได้เพียงแค่ห้าเซนต์ ก็ต้องวางกลับลงยังพื้นระแหงเดิม ดินแดนที่เรียกว่าจิตใจคงเป็นเช่นนี้ เหี่ยวแห้งไร้ชีวิตชีวา เป็นเพียงสถานที่ว่างเปล่าที่ไม่สลักสำคัญอะไร ไม่มีประโยชน์ไม่ว่าจะมองในแง่มุมไหน และขาดซึ่งความสวยงาม ไม่ต้องพูดถึงเรื่องนั้นเลยจะเป็นเรื่องที่ง่ายที่สุด เดินมานานจนคิดว่าเป็นเวลาทั้งชีวิต ก็ได้พบเจอเข้ากับบ่อน้ำสีแดงบ่อหนึ่ง ภาพสะท้อนที่ผิวน้ำนิ่งไม่ไหวติงเหมือนกระจก เห็นใบหน้าซูบผอมของศพหายใจได้ นัยน์ตานิ่งเฉย ความตายฝังรากลึกลงไปถึงข้างในตัว อวัยวะทำงานตามหน้าที่ ไม่มีช่วงใดที่ทำงานหนักกว่าปกติหรือเบากว่าปกติ แค่ทำไปเพื่อให้ร่างกายทั้งหมดหายใจไปเรื่อยๆก็เท่านั้น ย่อตัวลง ยื่นปลายนิ้วออกไป กระหายน้ำเสียจนไม่ว่าของเหลวนี้จะเป็นสิ่งใด ก็คิดว่าสามารถดื่มลงไปได้ หลังจากเดินทางมานาน ความเหนื่อยล้าแทบจะดูดกลืน บดเขี้ยวกระดูกให้เป็นผง กล้ามเนื้อแข็งเหมือนซากไม้ การเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นสั่นกระตุกเหมือนเครื่องยนต์วาระสุดท้าย ปลายนิ้วสัมผัสเข้ากับผิวหน้าของเหลว เชื่อมเข้าหากัน ดึงขึ้นมาก่อนที่จะเอาชนะแรงตึงผิวไปได้ มองดูแล้ว นั่นเป็นของเหลวสีแดงหนืด ก้มมองลงไปอีก หวังจะเห็นก้นบ่อที่รู้ว่าไม่มีทางได้เห็น เงาสะท้อนชัดเจน คนสองคนมองหน้ากันในความนิ่งเงียบ แลกเปลี่ยนความสิ้นหวัง ความท้อใจผ่านสัมผัสเพียงครั้งเดียว ลมพัดแรง ที่แห่งนี้ไม่เคยมีลมมาก่อน จึงเป็นเรื่องน่าประหลาดใจสองต่อ ความประหลาดใจแรกคือเรื่องของสิ่งที่ทำให้ผิวน้ำเคลื่อนไหว และความประหลาดใจที่สอง คือใบหน้าที่นิ่งเฉยเหมือนไม่มีความคิดใดๆออกมา ผิวน้ำเคลื่อนที่ซิกแซก โมเลกุลโยกตัวซ้ายขวาอย่างแออัด พยายามจะยึดเหนี่ยวพันธะกันและกันไว้ และในขณะนั่น ภาพสะท้อนในผิวน้ำก็เปลี่ยนไป กลายเป็นคนที่ไม่รู้จัก แต่มีเค้าลางของความคุ้นเคยซ่อนอยู่ “..ใคร” “ถามฉันหรอ?” พยักหน้าตอบ รู้ว่าเป็นเรื่องบ้าสิ้นดีที่คุยตอบกับเงาสะท้อนในน้ำที่ไม่ใช่เงาของตัวเอง แต่ที่แห่งนี้ คิดว่าอะไรก็เกิดขึ้นได้ เพราะมันคือสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ พื้นที่เวิ้งว้างระหว่างสมองและหัวใจ สถานที่ที่ไม่มีอยู่จริง “นายจำฉันไม่ได้หรอ” ส่ายหน้าตอบ อีกฝ่ายก็ยิ้มจางๆ “ทั้งๆที่ฉันน่าจะเป็นคนที่นายไม่มีวันลืมแท้ๆ” “ฉันจำไม่ได้” “ฉันตายเพราะนายเชียวนะ” หัวใจหยุดเต้นไปชั่วขณะ เหมือนกล้ามเนื้อหัวใจหยุดพักและหันหน้าคุยกัน หารือเรื่องอนาคต ที่มีเพียงการเคลื่อนที่หดขยายเข้าหากันไปเรื่อยๆไม่สิ้นสุด ทำงานสัมพัทธ์กับลมหายใจ เมื่อกลับมาหายใจอีกครั้ง หัวใจก็เต้นแรงขึ้นเรื่อยๆจนน่ากลัว “…ฉัน-“ “ใช่ นายฆ่า ฉัน จำไม่ได้หรอ ทิวไผ่” ไม่ใช่จำไม่ได้ มันเป็นอะไรที่ซับซ้อนยิ่งกว่านั้น บางอย่างเดินทางมาถึงหน้าประตู ไม่เคาะประตูเรียก แต่กลับยืนเงียบเชียบอยู่ที่ตรงนั้น ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจ ว่าจะเปิดประตูต้อนรับมันเข้ามาหรือเปล่า เพราะไม่รู้ว่าอะไรอยู่ข้างหลังนั่น ประตูบานนั้นจึงถูกปิดตายมาตลอด จนกระทั่งตอนนี้ “นายต้องเลือกแล้ว ทิวไผ่” “เลือก…” “นายอยู่แบบนี้ไม่ได้ ลืมอดีต ทิ้งอนาคต ไร้สาระสิ้นดี” “ฉันไม่กล้าพอ” “นายเป็นคนขี้ขลาดมานานพอแล้ว นานเกินกว่าที่คนอย่างนายสมควรจะได้รับด้วยซ้ำ” น้ำเสียงนั้นไม่ได้พูดด้วยความอาฆาต “ฉันเคย…ทำแบบนั้นจริงๆน่ะหรอ?” บานประตูแง้มออกเองช้าๆ มือเย็นเชียบ หันไปดู เห็นกรรไกรอยู่ในมือ มันส่องประกายวิบวับจนน่ากลัว เงียบจนเหมือนแก้วหูหายไป ตัดขาดออกจากโสตประสาททั้งหมด รู้ตัวอีกที ก็กำลังนั่งคร่อมร่างๆหนึ่งอยู่ กรรไกรในมือคล้ายเกิดสนิม คราบสีแดงฟูฟ่องขึ้นมาเหมือนหยดกรดลงบนหินปูน ร่างที่อยู่เบื้องล่างนั้นไม่ได้นอนนิ่ง แต่สองมือปัดป่ายอากาศเหมือนพยายามไขว่คว้า”ชีวิต”กลับคืนมา มันกำลังจะจากเขาไป เพราะร่างนั้นรู้ ถึงได้พยายามยื้อมันกลับมา ที่กลางตัว เห็นเพียงรอยเสื้อขาดขนาดเท่าปากกรรไกรตอนหุบสนิท เลือดทะลักออกมาจากที่ตรงนั้น ลึกลงไป เป็นหัวใจที่หมดแรง ส่วนหนึ่งขาดออกจากกัน ถึงจะยื่นมือเข้าหากันเท่าไหร่ ก็ไกลเกินกว่าจะผสาน ทุกครั้งที่หายใจ ทุกครั้งที่หัวใจอ่อนแรงบีบตัวเชื่องช้าลงทุกที จะเกิดแอ่งน้ำพุเล็กๆแดงฉานจากช่องโหว่ตรงนั้น บรรยากาศรอบตัวเปลี่ยนกลับเป็นโรงยิม พื้นไม้ข้างใต้ร่างนั่น คล้ายปีกเลือดที่กางสยาย ความตายโบยบินลงมา รวมเป็นหนึ่งกับร่างกายที่นอนอยู่ตรงพื้น เสียงรองเท้ารอบตัวดังเหมือนฝนที่กระทบกันสาด แล้วหยุดลงสนิท ล้อมเป็นวงกลม ทุกสายตาเคลื่อนจากร่างเนื้อ มาสู่ผู้ที่ยังหายใจ กรรไกรในมือ คายเลือดที่พึ่งดื่มลงไป หยดลงพื้น จนแอ่งเลือดเล็กๆขยายตัวอีกจุดฆาตกร ทุกคู่สายตากระซิบ เหมือนถูกตรึงด้วยคำนั้น แรงไร้จุดกำเนิดพุ่งเข้าหาจากสายตาของมนุษย์รอบตัวแกฆ่าเขา “ฉันเปล่า”แกทำ “ไม่ใช่” “นายฆ่าฉัน” แม้แต่ศพเย็นเชียบนั่นก็ยังพูดคำนี้ ดวงตาเหลือกกว้าง จ้องมองมา สายตาที่ทำให้ทนไม่ไหว อยากจะตายไปให้พ้นโลกนี้ซะเดี๋ยวนั้น ไม่ได้เป็นผู้ฆ่า แต่เป็นผู้ถูก ฆ่าที่ยังมีชีวิต “นายฆ่าฉัน หลักฐานนี้ยังไม่พออีกหรอ?” “ไม่ ไม่ใช่ นี่เป็นแค่ฤทธิ์ยาเท่านั้น ยา ยากล่อมประสาท” “ไผ่ นายรู้ตัวดี” ประตูบานนั่นตั้งอยู่ที่ปลายสายตา ภาพผู้คนรอบตัวเลือนหายกลับสู่ความมืดต้นกำเนิด แม้แต่ร่างกายนั่นก็ยังหายไป รอยเลือดหดตัวเข้าหากัน เคลื่อนที่ย้อนกลับเหมือนราเมือก ถูกโอบอุ้มด้วยความมืดที่ไม่สิ้นสุด ประตู และเขา เหลือเพียงสองอย่างนี้บนโลก โลกที่ไร้พื้น แต่ไม่ร่วงลงไป ไร้แรงโน้มถ่วง แต่ก็ไม่ลอยหนีไปไหนตึง! ประตูสั่นแรงๆ ถูกกระแทกจากด้านนอน ขยับตัวแต่ไม่ได้หนีไปไหน ขาก้าวไม่ออกตึง! ตึง! แรงขึ้นจากครั้งก่อน เสียงนี้เกิดขึ้นซ้ำๆ เว้นช่วง แล้วเพิ่มจังหวะการชน ตึง!ตึง!ตึง! ประตูไม้แอ่นตัวแล้วหดกลับเข้าที่เดิมในสองสามครั้งแรก แต่ไม้ไม่ใช่วัตถุที่ยืดหยุ่นได้ ไม่ใช่ของไหลที่อยู่ในสถานะพันธะอ่อนแรง เกิดรอยแตกระหว่างโครงไม้ช้าๆ เหมือนรอยแตกของผิวโลกแคร่ก…แคร่ก บานไม้เกิดรูโหว่ กัดกินแผ่นไม้ รอยแตกขยายกว้าง กว้างพอที่จะเห็นคนหน้าประตู เจ้าของใบหน้าแรกที่เห็นที่ผิวน้ำ ยืนร้องไห้อย่างเงียบงันเพียงลำพัง …………………………….. …………………………. “ไผ่” เสียงเรียก สัมผัส ลมหายใจ กลิ่นอ่อนๆของชายรุ่น สะกิดเบาๆเหมือนลมเหนือผิวทราย “…ทิวไผ่” ลืมตาขึ้น ดวงตากรอกตัวไปมาอย่างเชื่องช้า ความเหนื่อยอ่อนเข้าถาโถม ก่อนที่จะรู้สึกตัว ก็เจ็บที่ข้อมือเสียจนเท้ากระตุก ยังมีชีวิตอยู่ ความเจ็บนั่นกระซิบ แผลนั่นคือข้อย้ำเตือน ผ้าก็อซสีขาวพันทบไปมาอย่างประณีตทักทาย “เกือบไปแล้วนะ” “จอห์น….” ไม่คิดว่าจะเป็นคนแรกที่ได้เห็นตอนลืมตาตื่น ฝันร้าย ฝันร้ายที่แสนยาวนานจนคิดว่าจะไม่มีจุดสิ้นสุด “ร้องไห้อยู่น่ะ” ปาดน้ำตาออกอย่างแผ่วเบา ปลายนิ้วชุ่ม อ้าปากพูด ก็ได้ยินเสียงสะอื้นเล็กๆ คล้ายเสียงของลูกสัตว์ “ฝันร้าย” “ฝันว่าอะไร?” ความทรงจำที่เลือนราง เห็นหน้าจอห์นอีกครั้ง ก็เหมือนจะจำได้ จอห์นเป็นคนพามาส่งที่โรงพยาบาล เสียงกระซิบ อย่าตายนะ เป็นคำอธิษฐานศักดิ์สิทธิที่ไม่คิดว่าจะได้รับ ดังซ้ำไปมาจนวินาทีที่หมดสติไป “จำฝันนั่นไม่ได้แล้ว…” “อย่างนั้นหรอ” ตอบรับกลับด้วยเสียงที่เหมือนดังในลำคอ เห็นแววอิดโรยในดวงตาของจอห์น มันเคยเปล่งประกายเสมอมา คล้ายกับดวงตาของลูกกวาง มองลึกลงไปในดวงตาสีฟ้านั่น อาจจะได้เห็นโลกอีกใบที่ซ่อนอยู่ วันนี้แสงอ่อนลง ดูคล้ายกับน้ำทะเลลึก “ฝันร้ายลืมมันไปก็คงจะดี” เป็นครั้งแรกที่คิดไปในทางเดียวกับจอห์นใช่ ถ้าลืมมันไปได้ก็คงดี ขยับนิ้วได้ไม่สะดวก แต่ถึงอย่างนั้น สัมผัสยังชัดเจน ความเย็นเฉียบจากผิวโลหะในอุ้งมือยังไม่เลือนหายไป …………………………….. ……………………….. [Inert 15:complete] [5.11.55] เกรดออก วิญญาณหลุด o22
มันเปงอารายที่อึดอัดไม่สิ้นสุดจิงๆ แต่ก้อชอบ><
เมื่อเร็ว ๆ นี้ เราเพิ่งมีโอกาสได้อ่านเรื่อง Coin ของคุณคนเขียนค่ะ พอได้อ่าน Awkward วันนี้ ก็เลยอดไม่ได้ที่จะถามว่า " นี่คนเขียนคนเดียวกันกับเรื่อง Coin จริงดิ ? " :a5: อารมณ์ตอนอ่านเรื่องนั้นกับเรื่องนี้ต่างกันลิบลับ เรื่องนั้นเฮฮาปาจิงโกะ อาจมีดราม่าผุดมาบ้าง แต่มันก็ผ่านไปได้ด้วยดีและรวดเร็ว แต่สำหรับเรื่องนี้ .... :z3: มันอึมครึมมาตั้งแต่แรกเริ่ม และมันก็ยังมืดหม่นมาจนถึงตอนปัจจุบัน ต้องยกความดีความชอบให้กับคุณคนเขียนในเรื่องของการใช้ภาษา ที่ทำให้คนอ่านอย่างเรารู้สึกมีอารมณ์ร่วมไปด้วย ประหนึ่งเป็นเครือญาติของน้องไผ่ 55555555 แต่ละตอนมันเต็มไปด้วยความอึดอัด เหมือนคนที่กำลังจะจมน้ำ ที่พยายามถีบตัวเองให้พ้นจากผิวน้ำเพื่อหายใจเป็นพัก ๆ ท้องน้ำของเรื่องนี้ก็คืออดีตที่ยังไม่กระจ่างของน้องไผ่ ในขณะที่ผิวน้ำของเรื่องนี้ ก็คือจอห์น เราไม่ปักใจเชื่อว่าจอห์นจะเลวร้าย เพราะอย่างนั้นก็เลยอยากให้จอห์นอยู่เคียงข้างไผ่ไปเรื่อย ๆ แบบนี้ จนกว่าจะถึงวันที่ไผ่ " หลุดพ้น " จากสิ่งต่าง ๆ ที่คอยตามหลอกหลอนนั้น ว่าแต่ ... น้องเคยฆ่าใครจริง ๆ หรือเปล่าวะคะเนี่ย อูวววว เรื่องนี้ แต่ละตอน อ่านรอบเดียวไม่ได้จริง ๆ ขอบคุณคุณคนเขียนค่ะ :pig4:
คนอ่าน อ่านไปจิตหลุดไป
อาจจะต้องลองกินยากล่อมประสาทดู เผื่อจะเข้าใจไผ่? เอ๊ะ หรือคนเขียน? มากขึ้น 555 อึน มึน ตึง o13 :pig4:
โอ้ว...ว๊อท
ไผ่ฆ่าคนจริงๆด้วยยยยยยยยยย
:jul1: :jul1: :jul1:
เกือบไปแล้วนะน้องไผ่ อย่าทำแบบนี้อีกนะ เราใจหาย.. อดีตที่ยังไม่คลี่คลาย ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ :เฮ้อ: ทุกครั้งที่อ่านเรื่องนี้ แต่ละตอน เราต้องอ่านอย่างน้อยสองครั้ง ทุกครั้งก็รู้สึกอึดอัดขัดข้อง แต่เราก็อ่านทุกตอน เหมือนเอาใจช่วยน้องไผ่ให้ผ่านทุกข์นี้ไปให้ได้ เป็นกำลังใจให้คนเขียนสู้ ๆ ค่ะ :กอด1:
ทิวไผ่ยังมืดหม่น ได้อย่างคงทีเสมอต้นเสมอปลาย
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด สนุกมากกกกกกกกกกกกกกกกก เนื้อเรื่องแลดูมืดมนดราม่าดีจัง 55555555555555+
อ๊ากกกกกกกกกกกกกกก อยากรู้อดีตว่าเกิดไรขึ้นกันแน่ แต่ถ้ารักษาไผ่แล้ว ช่วยกรุณาเอาแม่ไผ่มารักษาด้วยเถิดดดดดดดดดดดดดด นางเป็นคนไข้ที่เหมือนคนปกติเกินไป
ไผ่ .. T^T ทำไมชีวิตนายมันน่าสงสารขนาดเน้!!!!! //หลบไปซับน้ำตาก่อนจะกลับมาอ่านต่อ
อ่านรวดเดียว 15ตอน เฮือกกก รู้สึกหายใจไม่ออก คล้ายคนกำลังจะจมน้ำ อึดอัดมากถึงมากที่สุด เหมือนมีเชือกที่มองไม่เห็นมัดมือมัดเท้าไว้ T_T ยิ่งอ่านยิ่งอยากรู้เรื่องราวในอดีตของไผ่ ตอนแรกๆยอมรับเลยว่ารู้สึกว่าจอห์นเลวมาก แต่พอผ่านไปสักพักเริ่มรู้สึกว่าไม่ใช่ จอห์นคือพระเอกจริงๆ ดูหวังดีกับไผ่มาก ถึงแม้จะมาในรูปแบบที่ไม่ได้ดีหมดจด แต่ในความร้ายมันมีอะไรดีๆแฝงอยู่ กลายเป็นว่าคนที่ไม่น่าไว้ใจคือคิม (เอาตรงๆอ่านเรื่องนี้เดาใจใครไม่ได้เลย) แล้วน้องไผ่เราเคยไปฆ่าใคร หรือหลอนไปเอง หรือสรุปแล้วเคยมีแฝดที่ตัวติดกัน ต้องผ่าแยกเลือกเก็บคนใดคนหนึ่งไว้ แฝดที่ตายเลยอาฆาตไผ่ ตามหลอกหลอนมาตลอด โว้ยยยย ชักเลอะเทอะแล้ว 555555555 เอาเป็นว่ารอตอนต่อไป มาไวๆนะคะ คิดถึงตี๋หมอกด้วย รักคนเขียน จบ.
มากราบคนเขียน..... แค่นี้ล่ะค่ะ รอตอนต่อไปค่า
:a5: :a5: :a5:อัพแล้วววววววววว ดีใจจัง 555 อ่านเรื่องนี้แล้วเกิดอารมณ์แบบว่า อยากได้รวมเล่ม :z2: :z2:
ยังคงมืดมนเเหมือนเดิม แต่ชอบมากกว่าเดิม :z1:
:a5: ไผ่เคยฆ่าคนเหรอ... ไม่หรอก ยังจำได้ไม่ทั้งหมดนี่นา :เฮ้อ: อ่านทีไร รู้สึกปั่นป่วนในอก ไส้ กระเพาะอาหาร...(กระเทือนถึงราดหน้าที่กินเข้าไป) ดีใจนิดๆกับตอนนี้ที่ตื่นขึ้นมาได้เห็นจอห์นรอไผ่อยู่... แต่ก็ยังสงสัย นี่มันเรื่องอะไรก๊านนนน :z3: ปล. อิอิ เกรดออกมา สะเทือนอารมณ์กว่าอ่านนิยาย(นิดหน่อย)555 :a5: เทอมหน้าเอาใหม่จ้าาา (== ได้ข่าวว่าเทอมนี้มาก็ยังไม่เริ่มอ่านหนังสือเลย)
อ่านแล้วงงงวย ต้องอ่านแบบคิดไปด้วย :a5: คนเขียนอย่าดองเรื่องนี้นานน่ะได้โปรด :monkeysad: มาอัพบ่อยๆ ชอบอ่านแนวนี้มาก
อะไรกันเน่ววววว งงแล้วนะ -_-??? สงสารไผ่ :m15:
สุดยอด เรื่องนี้สุดยอด ทำไมเพิ่งเข้ามาอ่าน :z3: มันเป็นอะไรที่จิตมาก ดาร์กมาก เยี่ยมมาก สุโค่ยยย o13
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด อะไรอ่ะ!!!!!!!!!!!! ค้างงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง T^T เป็นนิยายที่อ่านแล้วรู้สึกกดดันมาก ฮือออออออออออ ยิ่งอ่านยิ่งสงสารไผ่ แบบว่านายคงจะมีปูมหลังอยู่เยอะสินะ ฮืออออออออออออออออออออ //รออัพ รออัพ รออัพ รออัพๆๆๆๆ
ไม่มีตอนไหนที่ไม่ต้องอ่านซ้ำ 555 รอบแรกอ่านเอาเรื่อง (ภาพรวม/การดำเนินเรื่อง) รอบสองอ่านเอาอารมณ์ รอบสามอ่านเอาความเข้าใจ :เฮ้อ: สงสารไผ่ ปล. คนแต่งสุดยอดมาก o13
จอห์นก็ช่วยอยู่ดูแลไผ่ด้วยละกันนะ
จิตหลุดตามคนเขียนไป :sad3: :sad3: แต่จากตอนนี้ เริ่มเข้าใจอะไรมากขึ้น (รึเปล่า)
เรื่องกำลังดำเนินไปอย่างเข้มข้น เมื่อไหร่ทิวไผ่จะหลุดพ้นจากความมืดมิดที่ปกคลุมซะที เรื่องราวในอดีตไผ่เคยไปทำร้ายใคร หรือไผ่เคยมีเหตุการณ์อะไรบ้างอย่าง ที่ทำให้ลืมเลือนเรื่องราวบางอย่างไป หรือช็อคจนทำให้จำไม่ได้ แต่ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องกินยากล่อมประสาท โดยส่วนตัวคิดว่าทิวไผ่เหมือนจะพยายามลืมบางสิ่งบางอย่างให้อยู่ในส่วนลึกของจิตใจ ส่วนเรื่องของคิม.... คิดว่ามันน่าจะมีอะไรมากมายกว่านี้ที่ยังไม่เปิดเผยออกมาอีก ส่วนคนที่หวังดีกับทิวไผ่โดยส่วนตัวเราคิดว่าเป็นจอห์น ด้วยหลายๆ สาเหตุที่จอห์นคอยอยูเคียงข้าง แม้บางครั้งจะไม่ได้เผยตัวออกมา ยิ่งมีเงื่อนงำก้อยิ่งน่าติดตาม..... รอตอนต่อไปนะคะ ^^
มันเป็นอะไรที่ซับซ้อน...ไผ่เป็นไรกันแน่นะ
ใกล้จะรู้เรื่องแล้ว...ดีใจน้ำตาไหลพราก อ่านไปก็หลงวนเวียนอยู่ในอารมณ์อันล่องลอยของไผ่ เหอ ๆๆ ทำไมมีคำว่าลงแดงด้วยอะ ไผ่ประสาทหลอนจากอะไร ยากล่อมประสาท ยาบ้า ฯลฯ
ไผ่เคยฆ่าคนด้วยใช่ม้ายยย แล้วทำไมมีลงดงลงแดง ? ไผ่ติดยากล่อมประสาท ??? แล้วฆ่าทำไม หลอนแต่เด็ก หรืออะไร เจออะไรมา :a5:
เดาถูกไปเยอะแหะเรา เรื่องนี้มืดหมนจริงๆ o13
รู้สึก ..... ปวดท้อง .. :z10: มักเป็นเมื่ออ่านนิยายเครียดๆ ตั้งแต่อ่านมา เคยเป็นแบบนี้ประมาณ 2-3 ครั้ง คือฟีลนี้ใช่เลย แต่ก็ไม่ยอมหยุดอ่าน 5555 .....เดี๋ยวจะวนไปอ่านอีกรอบ
รู้สึกเหมือนอ่านthe ring ตอนที่ย้อนไปในอดีตของซาดาโกะ(อธิบายไม่ได้แต่ให้อารมณ์ค.รู้สึกใกล้ๆกัน) คือภาษาที่บรรยายมัน'แสบตา' และมันมีค.รุนแรงอยู่ในสีที่แสบตานั้น แอบหลอนอ่ะพี่ อ่านเวลานี้ คลอบรรยากาศที่ฝนตกหนักมันโคตรได้ฟีล ตอนแรกๆมันเหมือนจมอยู่ในทะเลลึกเหมือนคนพยายามตะกายให้พ้นน้ำแต่มีแต่จะค่อยๆจมลึกลงเรื่อยๆ แต่พอตอนที่ไผ่ตื่นแล้วเจอจอห์น(บทนี้ขอเรียกดีหน่ยเพราะรู้สึกถูกใจนายในตอนนี้ที่สุฏดเท่าที่อ่านมา15ตอน :z10: ) มันให้ค.รู้สึกแบบ.. พระอาทิตย์เพิ่งเริ่มขึ้นตัวที่หนักเริ่มเบาขึ้นแล้วหัวเริ่มพ้นน้ำ หาเกาะเจออะไรประมาณนั้นเลย อบอุ่นเบาๆ(เป็นครั้งแรกที่อ่านแล้วคิดว่าอบอุ่นTvT) /////เรื่องเกรดล้าไม่รู้จะให้กำลังใจยังไงแต่คิดว่า ปี1เป็นเวลาของการปรับตัว ค่อยๆเรียนรู้ เก็บนู่นเก็บนี่ เก็บประสบการณ์ เอาให้คุ้ม55555 สู้นะพี่ เฮ่!!
อ่านรวดทีเดียว เรารู้สึก อึดอัด หายใจไม่ออก แต่เราก็อยากอ่านต่อนะคะ
รู้ล่ะ ว่าฆ่าใคร อิอิ
งานเขียนนี้ของคุณเหมือนงาน abtract มันไม่มีรูปธรรม แสดงถึงความ มืดมน บิดเบียว ด้านอารมณ์และจิตใจ ทุกสิ่งทุกอย่างแสดงความหนักอึ้ง รออยู่นะคะ
เพิ่งได้เข้ามาอ่าน บอกได้คำเดียวว่า ติด อะ
เคยคิดไว้ ครั้งหนึ่งในชีวิตอยากจะอ่านเรื่องดาร์ทจัด ๆ ที่ไม่ใช่จากเรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ เรื่องนี้ตอบโจทย์ทุกอย่าง อ่านแล้วรู้สึกหมองหม่นไปในทุก ๆ ตัวอักษรที่บรรยายออกมา ความรู้สึกประมาณเวลาเห็นหลุมลึกที่มองไม่เห็นปลายทาง มันทั้งอ้างว้างและโดดเดี่ยว จอร์น ตอนแรกคิดว่าเป็นคนไม่ดี อ่านไปอ่านมาอาจจะดีมากกว่าที่คิด เพราะดูเป็นห่วงเป็นใยไผ่อยู่มาก ส่วนคิม เหมือนจะดี แต่ไม่กล้าไว้ใจ เพราะรู้ว่าคนแต่งพร้อมจะเฉือนคอคุณได้ง่าย ๆ รอคอยต่อไปค่ะ ส่วนตัวไม่ชอบดาร์ท แต่เรื่องนี้ให้ใจไปเต็มร้อยเลย :กอด1:
อ่านเรื่องนี้รวดเดียว ตั้งแต่ตีหนึ่งครึ่งจนถึงตอนนี้ คำเดียวที่เราสามารถเอ่ยออกมาได้คือ นิยายเรื่องนี้...อาร์ตมาก อยากให้เล้าเป็ดมีโพลโหวตนิยายอาร์ต เราว่าเรื่องนี้ติดที่หนึ่งแน่นอน อ่านแล้วเหมือนติดอยู่ในวังวนอะไรบางอย่าง มันทั้งอึดอัด กระอักกระอวน สับสน วุ่นวาย จิตใจไผ่เกิดภาพซ้อนความจริงบ่อยมาก เราอ่านแล้วอึดอัดเลยแหละ ทุกอย่างมันซ้อนกันไปมา เหมือนทั้งหมดนั่นมันเป็นเพียงความฝัน แต่มันก็ยังมีความจริงแทรกเข้ามาอยู่ ส่วนตัวแล้วชอบเรื่องนี้มากๆ เพราะไม่ค่อยเจอนิยายอาร์ตแบบนี้เท่าไหร่ ประเภทที่ว่าอ่านแล้วจิตตกตามตัวเอกเลย555555 คนเขียนเก่งมากๆ ใส่ความรู้สึกลงไปในเนื้อเรื่องได้สุดยอดเลย ปล.อัพบ่อยๆนะคะ คนอ่านรออยู่ จุ้บๆ
Inert 16 แสงสีขาวอ่อน ไม่เชิงเห็น แต่รู้สึก เบื้องหลังเปลือกตาที่เหมือนฐานกำบังอันอบอุ่น รู้สึกถึงแสงบางอย่างที่พยายามเล็ดลอดเข้ามา เสียงเครื่องมือทางการแพทย์ เสียงแอร์ เสียงพูดคุย อยู่ห่างออกไป คล้ายโลกที่ไม่มีอยู่จริง ในที่แห้งนี้ มีเพียงตัวเขา เตียง และห้วงอวกาศลึกลับเท่านั้น เพราะความสงบ ทำให้รู้สึกแบบนั้น ร่วงหล่นสู่นิทรา พอตื่นขึ้นมา ก็ถูกดึงดูดกลับไปอีก เป็นแบบนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าเหมือนวัฎจักรของสัตว์จำศีล ร่างกายอ่อนเพลียคล้ายว่ายน้ำฝ่าคลื่นลูกแล้วลูกเล่า ยังมองไม่เห็นเกาะ แต่ถ้าหยุดว่าย ก็คงมีแต่ก้นมหาสมุทรด้านล่างที่รออยู่ บางสิ่งบางอย่าง คลายปมออกอย่างช้าๆ ในความฝันหนึ่งเดียวจากการหลับไม่ถ้วนนั้น ค่อยๆสะกิดบางอย่างออก จากที่มันตึงจนเกิดรอยปริเล็กๆ ก็ทำให้มันแทบจะขาดสะบั้นออกจากกัน สิ่งนั้นใกล้ทะลักออกมาเต็มที มีเพียงยานอนหลับเท่านั้นที่ได้รับบ้าง สำหรับเวลาที่ข่มตาไม่ลงจากพยาบาล ผู้หญิงเหล่านี้บางคนใบหน้าบึ้งตึง บ้างก็เรียบเฉย ทุกครั้งที่เข้ามา จะจ้องมองสลับกันระหว่างใบหน้าและข้อมือ เหมือนจะตำหนิและสมเพชอยู่เงียบๆ ไม่ผิดที่จะโดนมองด้วยสายตาแบบนี้ ไม่ผิดที่จะโดนประณาม ในตัวลึกลงไปรู้ว่ามีความผิดใหญ่หลวงที่ซ่อนอยู่ เก็บเอาไว้ในซอกหลืบดำมืดที่ขดตัวอยู่เงียบๆ ไม่เคยเปิดเผยหรือส่งเสียงใดๆออกมา เฝ้ารอวันที่จะได้ออกมาโลดแล่นมีบทเด่น อึดอัดกับที่แคบๆเต็มทน เพราะมันใหญ่เกินกว่าจะอยู่ในที่แห่งนั่น ความผิดที่ชดเชยได้ด้วยสิ่งเพียงสิ่งเดียว ดึงกล้ามเนื้อเปลือกตาขึ้น ในห้องสีขาวสี่เหลี่ยมว่างเปล่า คำตอบสะท้อนก้องสลับซ้ายขวาไปมา ………………………………….. ……………………………. ลอยอยู่เหนือผิวน้ำ ผิวน้ำสีดำเชื่อมต่อกับท้องฟ้าสีมืด เป็นกลางคืนที่แสนมืดมิด มองไม่เห็นแม้แต่ดาวดวงเดียว พระจันทร์ส่องแสอย่างห่อเหี่ยว เสียงน้ำที่ดังกระฉอก เมื่อคลื่นพัดผ่าน ก็จะพาร่างเคลื่อนไหวตามคล้ายยกผ่านระลอกคลื่นมดตัวเล็กๆไปไกลกว่าจุดเดิม ครึ่งหลังของลำตัวเย็นเฉียบคล้ายแช่แข็ง ครึ่งบนเหน็บหนาวด้วยลมพัด เห็นนกบินผ่านสองสามตัว บินไปได้ไม่ไกล ก็หมดแรง ร่วงลงทะเลเหมือนถูกยิง กลอกตามองรอบๆ ภาพฉายซ้ำเป็นหมื่นครั้ง หลับตา ลืมตา ก็ยังเห็นเป็นภาพเดิม พระจันทร์ส่งความสงสัยลงมา ไม่มีคำตอบจะตอบกลับความสงสัยนั้นไปทำไมถึงมาอยู่ที่นี่กันนะ? เงี่ยหูฟัง กวักไกว่มือลึกลงไปใต้น้ำ ไม่พบสิ่งมีชีวิต เวลาว่างที่มีเหลือล้น พาลให้คิดไปจากเรื่องหนึ่งสู่อีกเรื่องหนึ่ง ทำความรู้จักกับตัวตนที่ช่างถามของตน ชีวิตคืออะไร? ใครกันบังคับให้ต้องแบกรับสิ่งที่หนักหน่วงถึงเพียงนี้? ตั้งแต่เกิดมาก็ต้องดิ้นรน กระเสือกกระสนตั้งแต่ครั้งเป็นเพียงอชีวิตเซลล์เดียว มุ่งมั่นไปอย่างไร้ความเข้าใจ มีเพียงเซลล์ทรงกลมด้านหน้าเท่านั้นที่ต้องไปให้ถึง นั่นอาจเป็นเพียงความสำเร็จเดียวในชีวิต หลังจากเกิดมา ก็ต้องพยายามที่จะเอาตัวรอดให้ได้ ทนรับกับแรงดึงดูดความเร่ง 10 เมตรส่วนด้วยวินาทีกำลังสอง ร่างกายปรับตัวตั้งแต่อยู่ในครรภ์ เป็นเรื่องน่าพิศวง ชีวิตที่เต็มไปด้วยความพิศวงเฝ้ามองพระจันทร์ที่หยุดนิ่งอย่างขี้เกียจ พลางสงสัยว่าวกกลับมาที่เดิมหรือความจริงแล้วไม่เคยขยับไปที่ไหนเลย ชีวิตย่ำอยู่กับที่ จมอยู่กับความพ่ายแพ้เหมือนยางมะตอยหนืด ดึงดูดไว้จนร่างกายไม่อาจก้าวไปข้างหน้า ในวินาทีที่คิดว่าทำสำเร็จไปอีกก้าว กลับจมลงลึกกว่าเดิม ความเศร้าไม่มีที่มา ความท้อแท้ไร้สาเหตุ หลอมรวมกัน กลายเป็นกำแพงสูงเกินกว่าจะข้ามผ่านไปได้ ติดอยู่นอกกำแพงสูงไร้ยอด เท้าก็ติดอยู่กับโคลนหนืด รอบตัวมืดแปดด้าน ถอนหายใจ ร่างกายก็จมลงราวห้าเซนต์ แม้แต่ดวงตายังสะท้อนให้เห็นถึงหนทางอันมืดมิดเบื้องหน้า ที่รออยู่ คงเป็นเรื่องที่หนักหนากว่าที่ต้องเผชิญอยู่ตรงนี้อย่างแน่นอน อยู่ตรงนี้อาจจะปลอดภัยเสียกว่า ระหว่างที่คิดแบบนั้น ร่างกายก็จมหายลงไปกว่าครึ่งโดยไม่รู้ตัว ตะเกียกตะกายเมื่อของไหลหนืดสูงท่วมมาถึงต้นแขน อย่างน้อย ร่างกายก็ยังไม่ทิ้งสัญชาตญาณในการเอาตัวรอด หัวใจทอดทิ้งความหวังไปแล้ว ร่างกายไม่สนใจ จะตายก็ตายไปคนเดียวเถอะ ฉันไม่เอาด้วยหรอก ถึงได้สู้อยู่เต็มที่ พยายามหายใจจนจังหวะสุดท้ายที่โคลนท่วมมิดถึงปลายจมูก ลึกลงไป ร่วงหล่นลงไปอีก สถานที่ที่ลึกเกินกว่าใครจะจินตนาการ ดำดิ่งลงไปให้ถึงนรกขุมสุดท้าย แม้แต่ตัวตนที่ลอยอยู่บนผิวน้ำ ก็ถูกตะปบด้วยแรงคลื่น ม้วนตัวขึ้นไป เหวี่ยงขึ้นสู่อากาศ ช่วงสั้นๆที่เหมือนจะโบยบิน แล้วร่วงปะทะผิวน้ำ จนแหวกกว้างลงไป ผิวน้ำรีบเคลื่อนที่อุดรอยโหว่ที่ถูกสร้างขึ้นในเสี้ยววินาที คิดว่าจะหนาวเหน็บเสียจนร่างกายเสียการเคลื่อนไหว กลับอุ่นสบายเหมือนอยู่ในถุงน้ำคร่ำ ตาฝาดไม่ใช่ มีคนยืนรออยู่ที่ตรงนั้น ท่ามกลางความเวิ้งว้างของขั้วอวกาศอันหนาวเหน็บ จอห์นหันหน้ามา ไม่ได้ยิ้ม ไม่ได้พูดจาต้อนรับ แค่ยื่นมือออกมา …………………………………… ………………………… ลืมตาขึ้นตื่น น่าแปลก ที่เห็นจอห์นยืนอยู่ในคลองสายตา ……………………… …………………………………… บ่ายแก่ในวันที่ลืมกาลเวลาไป ประตูบานนั้นเปิดออก เงาดำที่มุมห้องวิ่งไหลลื่นไปมาเหมือนถูกสะกิดด้วยสิ่งแปลกปลอม โลกความจริง ความฝัน แยกออกจากกันช้าๆ แต่เวลายังไม่มากพอที่จะทำให้ขาดกันสนิท ข้ามผ่านเส้นอย่างไร้กฎ สิ่งบิดเบี้ยวจากความฝันเข้ามาปั่นป่วนโลกเบื้องหน้าเปลือกตา ทำให้สับสน มึนงงคล้ายคนติดยา เมื่อเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น ภาพที่เห็นบ่อยเหล่านี้เริ่มกลายเป็นสิ่งชาชิน กลับมาที่ประตูบานนั้น คนที่อยู่เบื้องหลังประตูเปิดเข้ามา เห็นกางเกงขาสั้นสีดำคุ้นตา เสื้อนักเรียน ปักเข็ม ใบหน้าที่มองเชิดด้วยความภาคภูมิใจเปิดเผยตัวตน “ไผ่ เป็นยังไงบ้าง?” ยิงคำถามไร้สาระออกมาตั้งแต่เจอหน้ากัน เป็นคำถามบังคับที่ได้ยิน นอกเหนือจากหมอและพยาบาลแล้ว นับจากพ่อ แม่ และจอห์น คิมเป็นคนที่สี่ที่เข้ามาเยี่ยม รอยยิ้มที่ชวนให้รู้สึกกระอักกระอ่วน ไม่หายไปไหน “…ดีขึ้น” “อย่างนั้นก็ดีแล้วล่ะ เราเอาของมาฝาก” กระเช้าผลไม้ คิมวางลงทับเงาสีดำตัวหนึ่งบนโต๊ะ มันดิ้น พยายามจะให้หลุดพ้นจากของหนักที่ทับอยู่ มองอยู่ไม่นานมันก็หยุดดิ้น หัวลู่ลงสู่ทิศทางมุ่งเข้าหาพื้น สิ้นใจ กินแอปเปิ้ลไหม? เดี๋ยวเราปอกให้ โดยไม่ทันได้ปฏิเสธ ก็เดินไปหยิบมีดบนตู้เย็นมา นั่งลงบนเตียง ต้องขยับที่ให้ “เพื่อนๆที่ห้องถามถึงอยู่บ่อยๆ อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นนี่เป็นเรื่องที่ไม่มีใครคิดถึงจริงๆ” เรื่องโกหกที่ถูกปั้นขึ้นปิดบังฉากหลังที่น่าสะพรึง ถ้าใครได้เห็นรอยเลือดในห้องน้ำนั่นแล้ว คำว่าอุบัติเหตุคงสลายตัวไป ในช่วงเวลาที่ไม่รู้ตัว ถูกแทนที่ด้วยวิญญาณแปลกหน้า สร้างศิลปะสยองขึ้น แม้แต่ตนเอง ได้ยินแค่คำบรรยาย ฟังแล้วก็สะอิดสะเอียนจนอยากอ้วกออกมา ทุกครั้งที่เข้าห้องน้ำ ไม่ว่าจะที่ไหน ก็รู้สึกได้ถึงกลิ่นเลือด เหมือนยังยืนอยู่ที่เดิม จะบอกว่าไม่รู้ตัวทั้งหมดก็ไม่ถูก แต่คล้ายมองผ่านจากมุมมองของคนที่ไม่รู้จัก มือที่เลอะของเหลวสีแดง วาดลวดลายบูชาซาตานขึ้นกับผนังห้องน้ำ ได้ยินเสียงหัวเราะที่ไม่แน่ใจว่าเป็นแค่ภาพหลอนหรือไม่ ดังขึ้นอยู่เบาๆ ถูกสะกิดด้วยเสียงนั่นตลอดจนน่ารำคาญ ต้นเหตุของเสียงหัวเราะนั่น คือเงาสีดำที่ยืนจ้องอยู่ผนังปลายเตียง ตอนแรก มีมันเพียงแค่ตัวเดียว ก่อนจะเรียกเพื่อนมาอีกสองสามตัว รวมเข้าหากันจนกลายเป็นรอยดำบนผนัง ใหญ่คล้ายปากถ้ำ “อืม…” นั่นคงเป็นคำโกหก สิ่งที่คิมพูดมา ต่อให้ตายไปจริงๆ ก็คงจะไม่มีใครสนใจพอจะไปงานศพหรอกดีที่ตายไปได้ซักที แค่นี้ก็ทำให้ทั้งห้องดูเพี้ยนมากพอแล้ว คงจะคิดแบบนั้นกันเสียมากกว่า “แล้วรู้กำหนดออกจากโรงพยาบาลหรือยัง?” “ยัง” “งั้นหรอ? ถ้าได้กลับมาเรียนเร็วๆอีกครั้งก็คงจะดี แต่ไม่เป็นไร พักยาวๆก็คงดีเหมือนกัน”“แผลแค่ข้อมือ…” ความเงียบเกิดขึ้นในห้อง คิมที่จ้องมองแอปเปิ้ลในมือตนเอง จ้องนิ่ง มีดที่ปอกเปลือกอยู่ ก็พลันหยุดลง “แผลมีแค่ที่ข้อมือ ทำไมต้องอยู่โรงพยาบาลนาน?” จ้องมองมีดที่อยู่ในมือคิม เงาดำพวกนั้นก็ดูสนใจเหมือนกัน ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อ “……” “…..” มีแต่ความเงียบ มือเคลื่อนไหวต่อโดยที่ไม่คิดว่าจะเกิดการเคลื่อนไหวนั่น กล้ามเนื้อหลังกระตุก ปอกจนเสร็จ แล้วส่งให้ ปอกแค่เปลือก ให้กัดกิน “กินสิ” เหมือนถูกสายตานั่น บีบมือให้เลื่อนแอปเปิ้ลเข้าไปในปาก อ้าปาก กลิ่นผลไม้ลอยขึ้นไปสู่จมูก ฟันหน้ากดลงบนเนื้อสีเหลืองอ่อน แรง แรงขึ้นจนได้ยินเสียงแตกหัก ลิ้นดันให้ชิ้นแอปเปิ้ลนั่นเข้าโพรงปาก น้ำหวานสัมผัสกับปุ่มรส หวาน เขี้ยวเบาๆที่ฝั่งกรามขวา ทั้งหมดนั้นถูกจับจ้องภายใต้สายตาที่ชวนให้อึดอัด คิมก้มหน้าลง มองนาฬิกา เงาดำหลายตัว ย้ายไปเกาะอยู่ที่แผ่นหลังของคิม ยื่นมือ โอบกอดรอบคอ จำกัดวงแคบลงเรื่อยๆ กลั้นหายใจมอง เหมือนจะถูกบีบคอ แต่สุดท้ายก็เป็นแค่การกอดหลวมๆเท่านั้น “ใกล้เวลาเรียนพิเศษแล้ว เราคงต้องกลับก่อน ไว้เดี๋ยวจะมาเยี่ยมใหม่นะ ไผ่” ถึงจะพูดแบบนั้น แต่จนถึงวันออกจากโรงพยาบาล คิมก็ไม่กลับมาเยี่ยมอีกเลย ……………………. ………….. กลิ่นอายรอบผิดเพี้ยนประหลาด คล้ายอาหารที่มีรสชาติฟูฟ่าจนไม่อาจจะบรรยายรสชาติที่แท้จริงของมันด้วยคำเพียงคำเดียว ขม เปรี้ยว หวาน พร้อมกัน รสชาติใหม่นี้ทำให้ลิ้นแสบพร่า ปุ่มรับรสพาลกันหยุดงานประท้วงไปเสียหมด มันมีชื่อเรียกง่ายๆ ทว่าความหมายกลับซับซ้อน คล้ายสมการคณิตศาสตร์ปริศนา ไม่มีรูปแบบการแก้ปัญหาเพื่อคำตอบอย่างตายตัว ซ้ำยังเปลี่ยนรูปแบบไปมาตามสถานการณ์ เหล่านักวิชาการกุมขมับ ที่สวนหลังบ้าน ที่ที่ตัวโครงตึกอยู่ห่างออกไปไม่กี่ก้าว ใต้ร่มเงาไม้ กลิ่นชื้น รู้สึกถึงแมลงที่บินวนเวียนอยู่แถวขา เดินผ่านอีกก้าวตามหลังคนด้านหน้า พาเดินก้าวผ่านไปสู่อีกโลก “ยังเห็นอยู่หรือเปล่า?” สิ่งนั้นกระซิบถาม ตัวประหลาดหน้าตาพิลึก ไร้อวัยวะบนใบหน้า มีเพียงช่องว่างที่พอมองออกว่าเป็นปากขยับไปมา เสียงนั้นฟังไม่ออกว่าเป็นเสียงของเด็ก ผู้ใหญ่ คนแก่ ผู้ชาย หรือผู้หญิง ลักษณะสูงประมาณเอว สีผิวกายเปลี่ยนไปมาคล้ายสัตว์เลื้อยคลานประเภทหนึ่ง แต่กลับมีโครงร่างไม่แข็งแรง ดูเหมือนเยลลี่ชิ้นโตเคลื่อนไหวไปมา “เห็น” “เห็นอะไร..ไผ่?” “…ไม่รู้” นั่นเป็นคำตอบอย่างสัตย์จริง สิ่งนี้คือตัวอะไรกัน? ไม่คิดจะค้นหาข้อมูลในสมองที่ก่อจลาจล มันดูเหมือนสิ่งมีชีวิตที่ไม่อยู่บนโลกใบนี้ เคลื่อนตัวไปมาช้าๆทิ้งคราบเหนอะสะท้อนแสงอาทิตย์อยู่บนหินก้อนใหญ่ที่ทำเป็นทางเท้า กำลังมุ่งหน้าไปยังพุ่มไม้ข้างทาง มันหันกลับมา เห็นช่องโหว่นั้นขยับอีกครั้ง พร้อมเสียงที่ดังออกมา “หันมาทางนี้สิ ไผ่”ไผ่ คำสั้นๆที่ไม่ได้มีความหมายอะไรลึกซึ้ง เหตุผลของชื่อๆนี้ คงเป็นเพราะต้องการให้ลูกชายของตนลู่ลมดังไผ่ โค้งงอแต่ไม่โค่นล้ม ดูเหมือนเพียงแค่พลังของชื่อ พลังของคำพูดนี้ยังไม่หนักแน่นเพียงพอที่จะช่วยอะไรได้ในชีวิตจริง แม้จะเป็นเสียงของเจ้าตัวประหลาดนั้น แต่ทิศทางของเสียงกลับไปไม่ได้ส่งตรงมาจากตัวมัน หมุนหน้าหันไปตามทางที่แท้จริง กลับเจอชายรุ่นยืนอยู่ที่ตรงนั้น ผมสีน้ำตาลเข้ม ดวงตาสีฟ้า มองดูดีๆแล้วจะเห็นสีน้ำเงินเข้มคล้ายผลึกตกตะกอนที่ม่านตา เจอแสงอาทิตย์ก็มีการเล่นแสงไล่เงาจากสีที่ใกล้เคียงสีดำไปสู่สีน้ำทะเล เขากระพริบตา ขนตายาวแต่ไม่ได้ดูเกินความจำเป็นก็ขยับตัวตามที่ต้องการ ดวงตาคู่นี้มีพลังพอที่จะดูดคนลงไป ด่ำดิ่งสู่ความหลงใหลไม่สิ้นสุด ด่ำดิ่งลงไปในโลกแปลกหน้าที่ไม่เคยทำความรู้จักกันมาก่อน จนกระทั่งวันนี้ วันที่มันยืนอยู่ตรงหน้า ไม่เพียงแต่เปิดประตูต้อนรับ ยังยื่นมือออกมาจับ ดึงเบาๆให้ก้าวเท้าเข้าไป อันตรายเกินกว่าจะลอง แค่จ้องมอง เท้าก็ยกขึ้นจากพื้น แรงโน้มถ่วงหมุนทิศกลับ พลิกตัวในอากาศช้าๆ เขากระพริบตาอีกครั้ง โลกก็พลันกลับมาสู่ที่เดิมอย่างน่าประหลาดใจ ปรากฏการณ์ประหลาดที่เกิดในช่วงเวลาสั้นๆ แต่ยังรู้สึกได้ถึงอาการวิงเวียน จนแทบจะอาเจียน ดวงตาเกิดเม็ดแสงพร่าคล้ายฟองสบู่ที่แตกตัว ลอยสูงขึ้นไปในชั้นบรรยากาศที่ไม่เห็น คงอยู่สูงขึ้นมาจากพื้นมากถึงขั้นที่อากาศเบาบาง สมองประพฤติคล้ายขาดออกซิเจนเช่นนี้ จอห์นยื่นมือปิดเข้าที่ตา จังหวะที่ยังยืนนิ่งอยู่ ก็รู้สึกอีกสัมผัสที่ริมฝีปาก เปิดออกช้าๆ ปล่อยให้ความดิบเถื่อนได้พูดจากทักทาย จูบที่ป่าเถื่อน เหมือนพายุพัด ทำลายทุกสิ่งให้ราบ กลายเป็นพื้นเรียบๆให้เขาเดินผ่านไป ดีขึ้นพอที่จะออกจากโรงพยาบาล ภาพหลอนที่ยังเห็นอยู่ ถูกปิดเป็นความลับ มีเพียงเขาเท่านั้น ที่รู้เรื่องนี้ ความลับสำคัญยิ่ง ปากเปิดออก ลิ้นขยับไม่ฟังเสียงใดๆ บอกให้เขาได้รู้ ส่วนหนึ่งที่ต้องกลายเป็นคนตาย ไร้หัวใจเช่นนี้ ก็เป็นเพราะเขา เรื่องนี้ไม่เคยหายไปไหน เป็นข้อความที่อยู่บนบรรทัดแรกของหน้ากระดาษ เขียนด้วยปากกาหัวใหญ่ วงรอบไว้เพิ่มความโดดเด่น กลับมีคนเพิกเฉยอย่างน่ารังเกียจ ละเมิดกฏเกณฑ์ที่ตั้งไว้เพื่อปกป้องตนเอง นานมาแล้วที่เขาเคยเปิดประตูเข้ามาในโลกใบนี้อย่างมารยาท ตอนนี้ เขากลับมาอีกครั้ง ถอดประตูนั่นออกไป พยายามจะเชื่อมโลกสองใบที่ต่างกันอย่างสิ้นเชิงเข้าหากัน “…พอแล้ว” “อีกสักนิดสิ ดูเหมือนนายก็ยังอยากจูบอยู่” “ไม่” “อย่าโกหกเลยไผ่ ฉันรู้จักนายมากกว่าที่นายรู้จักตัวเองเสียอีก”ทำไมถึงกล้าพูดคำนี้ออกมากัน.. พกความมั่นใจเหล่านั่นมาจากไหน? ความมั่นใจที่มีล้นไม่สิ้นสุดเหมือนน้ำพุร้อน ผุพ่นมาจากใต้บาดดาล มองเห็นแสงผ่านซอกนิ้วจอห์น มันกลายเป็นสีส้มหลายจุด คล้ายพระอาทิตย์ดวงเล็ก ดิ้นรน ส่องแสง สู้เพื่อความหมายของตนเอง จอห์นไม่ได้พูดอะไร ไม่ได้ทำอะไรต่อ ละมือออกไป เหมือนหมดความสนใจลงเฉยๆ แสงสว่างที่กลับมาอีกครั้ง ทำให้ต้องหรี่ตาลง ไม่เห็นอะไรแปลกประหลาดเกินให้ความนิยามอีกต่อไป “….ทำได้ยังไง?” “ทำอะไร?” “ทำให้ภาพนั่นหายไป” “เรื่องนั่นไม่ยาก เพียงแค่นายรู้ปัญหา ก็หาทางแก้ได้” “ถ้าอย่างนั้น ปัญหาคืออะไร?” “เรื่องนั้นฉันตอบไม่ได้ ส่วนเรื่องวิธีแก้ปัญหา ดูเหมือนมันจะได้ผล … อีกไม่นาน ปัญหาคงจะหมดไป” “…ที่ทำมาทั้งหมด เพื่อแก้ปัญหาน่ะหรอ?” “ดูเหมือนสมองนายยังไม่ได้ฝ่อจนเกินไปนะ ไผ่” จอห์นยกมุมปากขึ้น ช้าๆ ได้ยินเสียงซิปรูดออก เมฆสีดำ ถูกดูดเข้าไปหลังพื้นที่ซิปนั้น เสียงรูดซิปดังขึ้นอีกครั้ง ท้องฟ้ากระจ่างขึ้น เป็นรอยยิ้มที่ชวนให้นึกคล้ายกับของคิม“เรารู้จักกันมาก่อนใช่ไหม?” รอยยิ้มไม่ได้หายไป สิ่งที่ตึงแน่นจนปรินั่น ขาดออกจากกันตึง! สิ่งนั่นดีดตัวไปมา อาจฟาดโดนใครหลายๆคนที่คิดยื่นมือเข้าไปยึดเหนี่ยวมันไว้ในวินาทีสุดท้าย “อยากรู้เรื่องทั้งหมดอย่างนั่นน่ะหรอ?” ประตู ประตูบ้างบานที่ซ่อนอยู่ เปิดออก เหมือนเด็กขี้กลัว ก้าวลงไปในห้องใต้ดิน พบประตูลับอยู่ตรงนั้น ลังเลที่จะเปิด แต่ความสงสัยที่ฆ่าแมวนั่น ก็มากเกินกว่าจะก้าวขาหนี เรื่องราวที่หลุดออกมาจากปากสีชมพูที่ขยับอย่างลื่นไหลต่อจากนั้น ดูคล้ายนิทานก่อนนอนของดินแดนที่ไม่รู้จัก …………………………………… ……………………….. [Inert 16 : complete] [11.11.55]
ยิ่งอ่านยิ่งงงแต่เข้าใจแค่เหมือนจะรู้จักกัน 555555555555 และเค้าก็จูบกันอีกรอบแล้ว
อึมครึมดีแท้ ความจริงคืออะไรกันนะ รอลุ้นต่อไปค่ะ
จะรู้เรื่องแล้วว่าเกิดอะไรกับไผ่
ต้องอ่านสองรอบถึงเข้าใจ สับสนว่าอันไหนคือเรื่องจริง อันไหนคือความฝัน อันไหนคือภาพหลอน orz สรุปคือไผ่กับจอห์นรู้จักกันมาก่อนสินะ ตอนนี้จบค้างมาก อยากรู้ตอนต่อไป รอค่ะ เป็นกำลังใจให้นะคะ สู้ๆ :กอด1:
อยากรู้ความจริง จอห์นนายรู้อะไร
ยิ่งอ่านยิ่งงงและไม่อยากเดา สรุปคือทั้งจอห์นและคิมเคยรู้จักไผ่งั้นเหรอ? รอคนแต่งมาเฉลย ขี้เกียจคิดเองแล้ว 55555
มาอัพแล้ววววววววววววววววววววววววว *0* ยิ่งอ่านยิ่งรู้สึกว่าเรื่องนี้มันอาร์ตจริงๆ นะ ทั้งการเล่นคำ การใช้ภาษา คำบรรยาย เหมือนหลุดไปในห้วงของโลกที่ไผ่ว่าเลยอ่ะ + เป็ด รอตอนต่อไปจ้าาาาาา ♥
:z3: :z3: :z3:
เปิดเล้าเป็ดมา เฮ้ยอัพละ พออ่าน โอ๊ย งงแต่ก :z3: ยังกะไม่มีไรคืบหน้าเลย ตอนนี้กลายเป็นแนวผีๆไปละ อ่านถึงตอนที่เปิดจอนถามว่า อยากรู้เรื่องทั้งหมดหรอ อีกบันทรรดเป็นเปิดประตู ไอ้เรานึกว่าจะมีคนเปิดประตูมาขัดจังหวะ 55
ความจริงที่ลื่นไหลออกมาจากปาก(สีชมพู)นัาน คืออะไรกันนะ อยากเห็น เอ้ย อยากรู้จัง คึคึ รออ่านต่อ อึดอัดได้ที่ดีทีเดียว ขอบคุณจ้า
รอเฉลย :pig4:
มันทำเราอยากอ้วกเพราะความเครียดนะเรื่องนี้ ดาร์กดีแท้เหลา
เคยรู้จักกันมาก่อน.. จะได้รู้แล้วใช่ไหม ว่าในอดีตเกิดอะไรขึ้นกับไผ่ เป็นกำลังใจให้คนเขียนนะคะ ^^
:เฮ้อ: เกินการคาดเดางงง เเต่เค้าจูบกันอีกแล้ว ความสัมพันธ์ทั้งสามคนเป็นยังไง... คิมดูลึกลับ เหมือนเป็นตัวก่อเกิดเงาที่ไผ่เห็นเลย แต่จอห์นเป็นคนไล่เงา ดูดเงานั่นกลับลงถุงซิปล็อค555 ไผ่เกิดอะไรขึ้นกันเเน่... แต่ถ้ามีจอห์นอยู่ข้างไผ่คงไม่เป็นอะไร เว้นเเต่จอห์นเองก็คาดหวังอะไรที่ไม่ใช่เเบบตอนเเรกก็เท่านั้น :a5: อยากอ่านต่อ :z3: ได้โปรดดดดดด รีบมานะ รออยู่จ้า ไผ่สู้ๆนะ รับให้ได้ไม่ว่าหลังประตูจะมีอะไร
อยากรู้สิ!! ตอบจอห์นนะ :laugh: อ่านรวดเดียว ไม่หยุดเลย ไม่งั้นคงนอนไม่หลับ พออ่านหมดก็นอนไม่หลับอยู่ดี อึมครึมมาก หม่นสุดใจ :sad4:
เครียดดีแท้ :sad11:
งงแท้ :a6: รอตอนหน้าเน้อ เผื่อจะกระจ่างขึ้นมาบ้าง ฮึก..
พยายามที่จะเข้าใจ ยังต้องพยามต่อไป
ฆ่าตัวตายหรอ เพราะอะไรอะ แล้วจอห์นเป็นใครกันแน่ :really2:
ตอนนี้จัดไปอีกสองรอบ 555 แต่ก็เป็นเสน่ห์ของเรื่องเลยค่ะ
เริ่มจะเปิดใจกันแล้วสิ :-[
แหงะ...เพิ่งได้เข้ามาอ่านวันนี้ และก็อ่านรวดเดียวจบ อากจะบอกว่ามัน ดาร์ก จิต หลอน งง ประสาทแดก บลาๆๆๆๆ บรรยายไม่ถูก ต้องอ่านหลายๆรอบถึงจะเข้าใจ และบางจุดก็ยังไม่เข้าใจ แรกๆเหมือนจอห์นจะโรคจิต แต่ไปๆมาๆไผ่โรคจิตกว่า สุดท้ายคือคนแต่งโรคจิตสุด เอ๊ย ไม่ใช่ 555+ แต่งได้ดีมากคะ ดำเนินเรื่องได้มืดมนมาก อยากรู้อดีตของไผ่มากกว่านี้ รอคนแต่งมาเฉลยเร็วๆนะคะ
โอ้ยปวดตับ สับสน มึนงง มืดมัว ปมเยอะมากมาย เรื่องมันเป็นอย่างไรกันแน่
ความฝัน ความจริง อดีต กับ ปัจจุบัน ตีกันมั่วไปหมด เรารู้สึกว่าเรากำลังหลอนตามไผ่ไปแล้วหว่ะ คนแต่ง ๆ เก่งนะ ทำให้ความเข้าใจกับความไม่เข้าใจตีคู่อยู่ในสมองเราอ่ะ :m23:
อ่านแล้วยิ่งงง มันลึกล้ำจนปวดตับเลยค่ะ เอาเป็นว่า รอจอห์นมาเล่าเรื่อง เผื่อจะเข่าใจอะไนมากขึ้น
เข้ามานั่งรอ ฮี่ฮี่ :serius2: ด้วยจิตใจกระวนกระวาย อยากอ่านต่อไวไวจัง... จอห์นของไผ่จะช่วยไผ่ได้ยังไงบ้างหนอ ทั้งสองคนรู้จักกันด้วย???... :call:
ห๊ะ!!! บรรยายความรู้สึกไม่ได้เลย ตอนแรกเกลียดจอห์นโคตร รางวัลตัวร้ายดีเด่นมาก เอ๊ะ แต่นี่ยังไง สงสัยเหลือทน ฟีลนี้ เหมือนนั่งดูหนังแอ็บแสตร็ก :z2:
ยิ่ง อ่านยิ่งงง รอเฉลยดีกว่า
:o12: แว๊บมาช่วยผลัก... ดัน เรื่องนี้ อิอิ รอชั้นรอเธออยู่ :o8:
1ฺไผ่เคยโดนคนทำร้าย น่าจะเป็นพี่ชาย แต่ป้องกันตัวและพลั้งทำให้อีกคนตาย 2.แม่เป็นโรคจิตจากความเสียใจครั้งนั้น มีอาการก้าวร้าวด้วยน่าจะไบโพล่าร์ 3.ไผ่เองมีอาการซกิตโซปรีเนีย ร่วมกับซึมเศร้ารุนแรง เลยมีอาการมึนซึมผสมเห็นภาพหลอน เกิดได้จากความสะเทือนใจ และผลข้างเคียงของยา 4 ยาน่าจะไม่ใช่แค่แวเลี่ยมแต่เป็นซาแน็กซ์หรือลิเธี่ยมคาร์ป ที่ส่งผลต่อการเต้นหัวใจด้วย เพราะเป็นไฮเปอร์เวนทิเลต 5.พ่อจอห์นน่าจะมีคดีกะแม่ไผ่มาก่อน ถูกซักข้อไม๊อ่าาาาา คุณนักเขียนนน ถ้าเฉียดบ้าง ขอรางวัลเป็นสเป หมอกตี๋ หวานๆ สักตอนรับคริสต์มาสเน้อออ (รู้ว่าเรื่องนี้มันแองกัสเกินจะหวาน ฮืออออ)
:impress2: แวะมาผลักดัน อิอิ... รออยู่นะ รออย่างกระวนกระวาย... :man1:
:call: :call: :call: :call: :call: :call:
โอ๊ยยยยย อะไรเนี่ย ยยยยย อ่านแล้วเหนื่อยมาก แต่ก็หยุดไม่ได้ :sad4:
มาขอติดตามด้วยคนนะคะ อ่านแรกๆก็สนุกเพลิดเพลินดี พอมันหลังๆเริ่ม เอ่อออ.... เส้นเลือดขอดปูดขึ้นเต็มขมับแย้วววว :sad4:
นั่งอ่านนิยายเรื่องนี้ น้องชายถามว่า เครียดไร เห็นทำหน้ายุ่งตั้งแต่เช้า ฮ่าๆๆๆ
แจ่มมาก เอาซะเห็นภาพทุกเม็ดเลย ล้วงออกมาได้ไงเนี่ย เหมือนผ่ากระโหลก แบะสมอง แผ่ออก แล้วก็ค่อยๆคีบแต่ละลิ่มในรอยหยักขึ้นมาขยี้ให้อ่าน / โปรดเป็นพิเศษคือ "จอห์น จอมกระทืบ" ...ผู้ทำให้เลือดกรังๆกลายเป็นฝุ่น แค่เหยียบแรงๆก็ปลิวหายเหี้ยน ทลายได้ยังกะโมเสสแหวกน้ำ ฮีโร่มาก ชอบๆๆๆๆ //รัก Coin & B.N. มากมายเช่นกัน cn9095 สุดยอดดด
จิต ดาร์ค อึน เครียด ปวดหัว ปวดตับ สติแตก บ้า ตาย เหนื่อย ท้อ :z3: :z3: :z3: :z3:
:z3: อยากรู้ว่าจะเป็นไงต่ออออออ รู้จักกันได้ไง คิมก็แอบบน่ากลัว ยังนึกถึงฉากหวานของคู่พระคู่นายไม่ออกเลย 5555
Inert 17 บันทึกบนเกาะร้าง . . . รองเท้าพละสีแดงพาดขาวก้าวลงบนทางเดินสีน้ำตาลเทา ไฟด้านบน ทิ้งช่วงห่างเป็นเงาที่พื้น คล้ายเกาะสลับผืนน้ำดำมืด คนรอบข้างแหวกทางเดินให้โดยไม่ต้องเอ่ยขอ ใบหน้าก้มลงมองพื้น เงากลมที่เท้าก็ใหญ่ขึ้น ทางเดินที่เต็มไปด้วยเสียงพูดคุย เงียบสงัดลง เมื่อเดินผ่านกลุ่มคนพวกนั้นไปแล้ว เสียงกระซิบเบาๆเหมือนลมพัดเหนือป่าก็ลอยตามมา “…ยังกล้ามาโรงเรียนอีก” “ทำไมกัน?” “ทั้งๆที่ข่าวก็แพร่ไปทั้งโรงเรียนแล้วแท้ๆ” เสื้อผ้าของเขา สีดูเก่า ไม่มีส่วนใดที่ห่อหุ้มผิวหนังของเขาแล้วมีอายุน้อยกว่าสามปี แม้แต่เสื้อ ก็ยังเป็นมรดกตกทอดมา เมื่อยืนอยู่ใต้แสงไฟ ใบหน้าใต้ผมที่ปรกยาว ดูคล้ายกับเด็กไร้การศึกษาในดินแดนอับโชคแสนห่างไกล เดินตัดผ่านสนามฟุตบอล เด็กทโมนกลุ่มหนึ่งเตะลูกบอลเข้ามาหา แรงจนศีรษะที่โดนแรงกระแทกเอนทางซ้ายเหมือนมีมือกระชาก มึนงง งอตัวลง ยกมือกุม ได้ยินแต่เสียงหัวเราะของเจ้าของลูกบอลและกลุ่มเพื่อน มองผ่านม่านผม จ้องมองใบหน้าพวกนั้น ใบหน้ายิ้มแย้มที่แสนบิดเบี้ยว ฝูงนกบินสูงขึ้นไปบนท้องฟ้า ในเวลาที่ฝนตก ทุกคนวิ่งเข้าตึกหลบฝน เขายืนอยู่ลำพัง ท่ามกลางสายน้ำที่ทิ้งตัวลงมาไม่หยุด จ้องมองท้องฟ้าที่สูงขึ้นไปจนมือเอื้อมไม่ถึง มองหาความเมตตาแม้เพียงเศษเสี้ยวจากผู้คนเหนือก้อนเมฆ ไม่มี กริ่งบอกเวลาเข้าเรียน เป็นยามเช้าที่แสนหม่นหมอง ไม่รีบร้อนที่จะวิ่งไปข้างหน้า ต่างจากเด็กผู้หญิงสองข้าง ที่รีบวิ่งเข้าไปในตึกเรียน น้ำกระเซ็นจากใต้รองเท้าพวกเธอ รองเท้าพละสีแดงขาว กลายเป็นสีน้ำตาล ผลักเปิดประตูเข้าไป ทั้งห้องเรียนจับจ้องเป็นสายตาเดียวกัน เป็นเวลาเงียบงันสั้นๆ ก่อนที่ทั้งห้องจะหลบสายตา ปฏิเสธการมีอยู่ของเด็กชายหน้าห้อง ป้ายพลาสติก “ประถมศึกษาปีที่ 4 ห้อง 2” พัดตามแรงลมที่ลอดผ่านช่องหน้าต่าง ที่พื้นด้านล่าง มีหยดน้ำกระเซ็นเป็นทางเล็กๆ ถอดรองเท้าให้ห่างจากเด็กคนอื่นๆ มีเพียงคู่เดียวที่เปียกซ่กจนดูไม่ได้ ไม่อยากให้เด็กคนอื่นต้องรู้สึกรังเกียจ จึงหิ้วรองเท้าไปวางที่ขอบบันไดแทน เดินกลับมาที่ห้อง เท้าเปล่า ทิ้งรอยเท้ากับพื้น ที่ไม่นานก็จางหาย โต๊ะไม้หลังห้อง มีเพียงโต๊ะเดียว มองจากมุมมองนี้ โลกทั้งใบห่อหุ้มเข้าหากัน คายสิ่งแปลกปลอมออกมา พัดลมส่งเสียง สั่นทุกครั้งที่หมุนตัวครบรอบ กระดานสีขาวหน้าห้อง ไร้ผู้สอน เสียงพูดคุยดูเงียบลงตั้งแต่เขาเข้ามาในห้อง ทั้งที่ก่อนหน้านี้ เสียงจุกจิกดังออกไปถึงชั้นล่าง ผ้าเช็ดหน้าถูกยื่นมาหา เงยหน้ามองอย่างงุนงง เห็นใบหน้าเรียบเฉยในคลองสายตา ผมที่ตัดเป็นระเบียบตามกฏอันหละหลวม สวมแว่น เลื่อนกลับมามอง ผ้าเช็ดหน้าสีขาวสะอาด รีดพับอย่างเป็นระเบียบ เด็กผู้ชายคนนั้นพูด เมื่อเขายังไม่กล้ายื่นมือออกไปรับ “ฉันยังไม่ได้ใช้” รีบส่ายหน้า ไม่ได้รังเกียจ แต่แค่กำลังซึมซาบความรู้สึกซาบซึ้งที่พูดไม่ออกนี่อยู่ก็เท่านั้น “ขอบคุณนะ ไผ่” เด็กชายเลิกคิ้ว ดูเหมือนจะแปลกใจที่ถูกจดจำชื่อไว้ได้ ไผ่ ดูเป็นเด็กที่โตเกินวัย แม้จะไม่ได้ดูโดดเด่นในห้อง แต่ก็ไม่เคยถูกลืม คงเป็นเพราะชื่อเสียงทางด้านวิชาการ ถึงจะเป็นแค่เด็กประถม แต่ในยุคที่แก่งแย่งชิงดีตั้งแต่เป็นสเปริม์ ไผ่ ไม่เคยมีผลการเรียนต่ำกว่าอันดับสามของทั้งระดับ แว่นตาโค้งกลม บวกอายุเพิ่มให้สักสามปี เสื้อเนี้ยบกริบ ใบหน้าตั้งตรง ถึงจะไม่แสดงออก แต่ก็รับรู้ได้ถึงความตึงเครียดของบรรยากาศรอบตัว ซับผ้าเช็ดหน้าเข้ากับแก้ม กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆที่ชวนให้รู้สึกสงบ หลับตาลง ความรู้สึกนี้ช่างเป็นสิ่งแปลกใหม่ที่หอมหวานจนไม่อยากจะละมือออก น้ำมูกไหลออกมาเพราะอากาศหนาว ใช้แขนเสื้อเช็ด ไม่อยากให้สิ่งบริสุทธิ์ต้องแปดเปื้อน พับผ้าเช็ดหน้าให้เป็นสี่เหลี่ยมเหมือนเดิม หันไปมองทางด้านซ้าย โต๊ะสองตัวที่ตั้งอยู่ติดกัน เด็กผู้ชายผมสีน้ำตาล คำพูดติดปาก “สีผมธรรมชาติ” หันมามอง ใบหน้าดูยียวน จอห์น ชื่อบอกสัญชาติว่าไม่ใช่คนไทย ตาสีฟ้า ข้างกันเป็นเด็กผู้ชายอีกคนที่ไม่รู้จัก หัวหน้าห้อง ท่าทางคงแก่เรียน แต่ไม่มีผลงานโดดเด่นใดๆ แม้จะไม่เคยคุยด้วย แต่ก็รู้ข้อมูลของทุกคน กลับบ้านด้วยความรู้สึกที่ว่า “พรุ่งนี้อาจจะหาเพื่อนได้สักคน” จดจำเรื่องราวสำคัญต่างๆ เพื่อที่สักวัน จะได้ใช้มันในวงสนทนา อาจจะต้องรอพรุ่งนี้อีก หรืออาจจะเป็นพรุ่งนี้ของพรุ่งนี้ ในโลกของเด็ก เพื่อนดูจะเป็นทวีปที่ใหญ่ที่สุด การที่ต้องมาอยู่คนเดียวบนเกาะร้าง เลียนแบบท่าทางการพูดจา เสียงหัวเราะของเด็กคนอื่นๆ ในขณะที่เฝ้าขีดกิ่งไม้ลงบนทราย เขียนคำตัวใหญ่ว่า”ช่วยด้วย” ไม่มีสัญญาณตอบรับจดหมายในขวดแก้วที่ลอยออกไป กำผ้าเช็ดหน้าในมือนั่นไว้ มองแผ่นหลังของไผ่ที่อยู่ข้างหน้า จ้องมองกระดานที่ไม่มีตัวอักษรราวกับรอจะเพ่งให้เนื้อหาเมื่อวานถูกเขียนอีกครั้งด้วยกระแสจิต ดูคล้ายกับเรือช่วยชีวิตที่เคลื่อนใกล้เข้ามา …………………………… …………………… “อ้ะ โทษที” “ยี้ หยะแหยง นายกล้าชนมันเข้าไปได้ยังไง?” ก้มหน้าลง เสียงรองเท้าสองคู่นั้นวิ่งออกไปไกลแล้ว ย่อตัว กอดเข่าไว้ ซุกหน้าลงไป ภายในอ้อมแขนที่เป็นสถานที่แสนสงบของเขาเพียงผู้เดียว ภาวนา “…เป็นอะไรหรือเปล่า?” “ไผ่?” “ฉันถามว่านายเป็นอะไรหรือเปล่า?” ส่ายหัวตอบไป “เมื่อเช้านายเปียกฝนมา ไปห้องพยาบาลไหม?” “ไม่เป็นไรหรอก ฉันแข็งแรงจะตาย” เบ่งกล้ามโชว์ ไผ่เลิกคิ้ว พูด “ถ้างั้นก็ดี” ในมือถือสมุดกองใหญ่อยู่ “ไผ่จะถือสมุดไปไหนน่ะ?” “จะเอาไปส่งที่ห้องพักครู” “เห? มีการบ้านด้วยหรอ?” “มีสิ เมื่อวานครูสั่งไว้ นายไม่รู้หรอ?” ส่ายหัวตอบ คงเป็นคาบที่เดินตามหาหนังสืออยู่ หลังพักกลางวัน หนังสือใต้เกะทั้งหมด หายเกลี้ยง เจอในขยะหลังสนามฟุตบอล เปียกจนยุ่ย แต่ก็ต้องเอากลับมา วันนี้ยังตากอยู่ที่บ้าน ไม่รู้จะต้องทำยังไงต่อไป “เดี๋ยวฉันช่วยถือนะ” “ได้สิ” ไผ่ส่งให้เขาครึ่งหนึ่ง ยื่นมือออกไปรับ ถึงมันจะหนัก แต่บางอย่างก็รู้สึกเบาขึ้นช้าๆ “ไม่ใส่รองเท้าหรอ?” “อ่อ….” ที่ขอบบันได ว่างเปล่า “ไม่ใส่หรอก ร้อนเท้าจะตาย เมื่อเช้าฝนตก ถ้าใส่ต่อเท้าคงเหม็นหึ่งแหง” ไผ่พยักหน้า ผิดกับที่คิดไว้หน่อย นึกว่าจะได้เสียงหัวเราะตอบกลับมา แต่อย่างน้อย ก็เริ่มเดินไปด้วยกัน “โทษทีนะ ฉันจำชื่อนายไม่ได้…” “ไม่เป็นไรหรอก! เราชื่อซัน…ซัน ที่แปลว่าพระอาทิตย์น่ะ” “…ซัน ” พยักหน้าแรงๆตอบ ยิ้มจนปวดแก้ม หันมองกลับไป เกาะร้างอยู่ด้านหลัง กำลังนั่งเรือออกมาด้วยความเร็วที่ทำให้เกาะนั้นหายไปจากสายตา ………………………………. ………………………… หลังจากนั้นไม่นาน จอห์นกับเพื่อนใหม่ คิม ก็เข้ามาคุยด้วย อาจเพราะงานกลุ่มที่ต้องรวมกันสี่คน จะต้องมีกลุ่มที่โชคร้ายเสมอ นี่เป็นครั้งแรกที่เวียนมาเจอกัน “ขอไผ่อยู่ด้วยนะ!” “ยังไม่ได้พูดว่าจะอยู่ด้วย…” “”น่า อยู่ด้วยกันเถอะ!” “เป็นคนที่พลังงานสูงจริงๆเลยนะ ซัน” คิมพูดแบบนั้น แล้วก็หัวเราะเบาๆ แบ่งงานกันไปทำ วิชาสังคม สำรวจเรื่องราวในครอบครัว ได้รับกระดาษมาแล้วก็ต้องเงียบ “มีอะไรหรอ?” เป็นจอห์นที่ตาไว เห็นก่อน ดวงตาสีฟ้านั้นอาจมีส่วนที่ทำให้จับความรู้สึกคนอื่นไวได้เป็นพิเศษ อย่างนั้นหรือเปล่านะ? เขาไม่แน่ใจ “นายได้หัวข้ออะไร?” ไผ่ยื่นหน้าเข้ามามอง “ทำไมล่ะ? ก็แค่ถามพ่อกับแม่เอง…” วงสนทนาเงียบลง ในนี้คงมีแค่ไผ่ที่ไม่รู้ “คือ…” “ไผ่ ออกมาคุยกันหน่อยสิ” จอห์นเป็นฝ่ายดึงไผ่ออกไปก่อน ไผ่ทำหน้าสงสัย แต่ก็ปิดปากเงียบ ยอมลุกตามออกไปอย่างมีเหตุผล เหลืออยู่แค่คิมที่ยิ้มให้จางๆ “แลกกับฉันก็ได้ ฉันแค่ถ่ายรูปกิจกรรมในครอบครัวเอง ปกตินายอยู่กับแม่ทำอะไรบ้างล่ะ?” “ซักผ้าด้วยกัน ทำกับข้าวด้วย! เมื่อวานน่ะนะ ฉันตอกไข่ลงกระทะเองเลยล่ะ” “โหว ฉันยังทำไม่ได้เลยนะนั่น!” “ของแบบนี้มันต้องฝึกฝน” ไผ่เดินกลับเข้ามา สวนทางกับครูที่เก็บของเตรียมออกจากห้อง มีแค่ไผ่คนเดียวที่ยกมือไหว้ ในเมื่อหัวหน้าห้องไม่บอกทำความเคารพ ก็ไม่มีใครสนใจจะทำ “จะแลกกับของฉันก็ได้นะ ของฉันเป็นจดบันทึก” “ไม่เป็นไร! ฉันแลกกับของคิมแล้วล่ะ” “…อืม” พยักหน้าอย่างเซื่องซึม นัยน์ตาที่มองมา เปลี่ยนไป เล็กน้อย แต่ก็สัมผัสได้ แม้แต่จอห์นยังหลบสายตาเมื่อโดนจ้องกลับ เบี่ยงไปทางอื่น ดวงตาสีฟ้าส่องประกายอ่อนๆ ก่อนจะมองกลับมา ไม่มีอะไรผิดแปลกในสายตาคู่นั้น “งานส่งอาทิตย์หน้า ฉันขอเก็บวันศุกร์นะ” ไผ่สรุป เป็นการจบคาบสังคมที่เงียบเชียบและอึดอัดที่สุดเท่าที่เคยเรียนมา …………………………………… ……………………….. “เหนื่อยชะมัด” “แต่ก็สนุกเป็นบ้าเลย!” “นายวิ่งเร็วจริงๆ ซัน น่าจะลงกีฬาสีปีนี้นะ” “ไม่เป็นไรหรอก…” เห็นรอยยิ้มของตัวเองในเงาสะท้อนของกระจกแล้วก็ประหลาดใจ รอยยิ้มเวลาอยู่ตัวคนเดียว กับเวลานี้ ที่มีอีกสามคนข้างๆ ดูต่างกันโดยสิ้นเชิง ทั้งๆที่ทางกายภาพแล้ว หาจุดต่างไม่ได้ “ฉันขี้เกียจน่ะ” ไผ่ไม่มีเหงื่อออกซักหยด ต่างจากจอห์น ที่เสื้อนักเรียนสีขาวเปียกชุ่มจนแนบกับหลัง “ถ้านายแข่งนะ พวกเราจะไปยืนเชียร์ติดสนามเลย” แค่จินตนาการ ใจก็เต้นไม่หยุด “นายจะไปจริงๆหรอ?”“ก็เราเพื่อน กันนิน่า ” คิมตอบ ไผ่กับจอห์นพยักหน้า เวลาผ่านไปเร็ว ใกล้จะจบ ป.4 เข้าเต็มที่ เป็นปีที่สนุก และน่าจดจำที่สุดในชีวิต แม้จะยังไม่เข้าใจเหตุผลที่เข้ากับคนอื่นไม่ได้ แต่ก็ไม่เป็นไร ขอแค่นี้ แค่สามคนนี้ เท่านั้นก็พอแล้ว “ไผ่ หน้านายดูซีดๆ เป็นอะไรหรือเปล่า?” “เปล่า แค่แดดร้อน” “งั้นหรอ?” ไผ่หันไปมองหน้าจอห์น ตอบ “…ใช่” ดวงตาสีฟ้าคู่นั้นกำลังทำงานของมัน จอห์นเป็นคนที่ดูสบายๆ ยังไงก็ได้ แต่บางครั้ง ก็มีบรรยากาศที่ชวนให้น่าอึดอัดอยู่ โดยเฉพาะเวลาที่กำลังเค้นความลับอย่างเงียบเชียบแบบนี้ สามคนนี้ มองจากภายนอกดูปกติ แต่ถ้าลองได้มาอยู่ด้วย จะรู้สึกว่ามีอะไรต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง บรรยากาศที่บางครั้งก็เย็นเชียบจนน่ากลัว หรือความคิดที่บางครั้งดูเกินเด็ก ได้ยินข่าวมาว่า พ่อของจอห์นเป็นจิตแพทย์ นั่นเป็นคีย์เวิรด์หลักที่ใช้อธิบาย ส่วนคิมไม่มีใครรู้ ดูเหมือนว่าแม่จะเป็นครู แต่บางครั้งก็ได้ยินข่าวมาแบบอื่น ไม่มีใครแน่ใจข่าวไหนจริงเท็จ ในเมื่อเจ้าตัวไม่พูดออกมา คนที่ทุกคนรู้ประวัติดีโดยละเอียดสุด น่าจะเป็นตัวเขา จอห์นกับไผ่เดินทิ้งอยู่ข้างหลัง เดินคู่ไปกับคิม พูดคุยเรื่องการ์ตูนที่เมื่อวานกลับไปดูไม่ทัน ไม่แปลกที่เดินแยกแบบนี้ จอห์นกับไผ่สนิทกันมากจนน่าประหลาดใจ บางครั้งก็ดูเหมือนเข้าไปไม่ถึงสองคนนั้น แอบพูดได้ว่ารู้สึกสนิทกับคิมมากที่สุด ไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยๆ ตอนเย็น ถ้าจอห์นว่าง ก็อาจจะเข้ามาร่วมวงเตะบอลด้วย แต่ไม่บ่อยนัก บางครั้งที่เงียบ จะได้ยินเสียงของจอห์นเบาๆ “…เกี่ยวกับรายงานสังคมนั่นหรือเปล่า?” ไม่ได้ยินคำตอบ คิมชวนคุยอีกครั้ง ไม่แน่ใจว่าเป็นความตั้งใจหรือบังเอิญ แต่มองหน้าคิมตรงๆ ไม่เห็นพิรุธอะไร หลังจากนั้น ไผ่ก็เงียบมากขึ้นเรื่อยๆ พอๆกับที่เข้าเรียนสายจนอาจารย์ต้องเตือน ไผ่ไม่เคยพูดอะไรนอกเหนือไปจากคำว่า “ผมขอโทษครับ ครั้งหน้าผมจะมาให้ทันเวลา” “จะให้พ่อฉันไปรับที่บ้านหรือเปล่า?” “ไม่เป็นไร” ความสนิทแบบเด็กๆ ที่ได้แค่รู้สึกเห็นใจปัญหาของเพื่อนเฉพาะในเวลาที่อยู่ในโรงเรียนเท่านั้น พอถึงตอนเย็น ทุกคนก็แบกปัญหาของตัวเองใส่กระเป๋าแล้วเอากลับบ้าน ทิ้งมันไว้ที่มุมห้อง ไม่รู้จะแก้ไขอย่างไร ปัญหาในกระเป๋าของไผ่ ขยายใหญ่ขึ้นเงียบๆโดยที่ไม่มีใครสังเกต หลังจากนั้นไม่นาน ข่าวลือใหม่ แพร่สะพัดในโรงเรียนเหมือนเป็นโรคระบาดที่แสนจะน่ารังเกียจ “ไผ่ นายรู้หรือยัง พ่อนายเป็นชู้กับแม่ใคร!?” ใครกันที่เอาเรื่องน่าเกลียดแบบนี้มาพูดให้เด็กอย่างพวกเราฟัง? ผู้ใหญ่ต้องการให้เด็กเติบโตมาแบบไหน พวกเขาเหล่านั้นก็สมควรจะทำตัวแบบเดียวกันด้วย ในคาบ พร่ำสอน “เป็นเด็กดี อยู่ในคุณธรรมที่ดีงาม” กริ่งดัง เดินออกจากห้อง เติมลิปสติกรอบปากตัวเอง ใช้ปากนั้นพูดคุยในสิ่งที่ได้ยินมาจากผู้ปกครองคนอื่นๆให้กับเพื่อนร่วมงานฟัง ไฟลามทุ่ง เด็กที่มาส่งงานในห้องพักครูได้ยินเข้าโดยบังเอิญ “พ่อมีชู้ พ่อมีชู้!!” ไผ่ไม่เคยโต้ตอบ เป็นเด็กกลุ่มเดียวกันที่ก่อนหน้านี้แกล้งเขามาโดยตลอด รองเท้าที่หายไปนั้นไม่ได้กลับคืน รองเท้าคู่ที่ใส่อยู่ตอนนี้ ขาดแหว่ง คู่เก่าเคยถูกทิ้งลงมาจากตึก เกี่ยวเข้ากับกิ่งไม้ เด็กที่ไม่ได้เจอ ไม่มีวันเข้าใจ ไม่มีใครรู้ว่าปัญหาครอบครัวแตกใหญ่แค่ไหน เหมือนกับที่ตื่นมาแล้วพบว่าสิ่งที่ถูกสอนมาแต่เด็กเป็นคำโกหกทั้งหมด มึนงง เทพนิยายเป็นสิ่งโหดร้ายในชั่วพริบตา “ไม่ต้องไปฟังมันหรอกไผ่ เดี๋ยวก็เงียบไปเอง” “ไอ้พวกนี่นี่น่ารำคาญชะมัด” มีแค่คิมที่พูดแบบนั้น จอห์นเอาแต่นิ่งเงียบไม่ต่างกัน ซันไม่รู้จะปลอบใจอย่างไร ในเมื่ออยู่ในสถานการณ์ไม่ต่างกัน “ไปคบกับลูกของผู้หญิงแบบนั้น พ่อเลยมีชู้ไง!!” "หยุดซักที...พอได้แล้ว!!" ไผ่ทุบลงกับโต๊ะ ยืนขึ้น ทั้งห้องเงียบกริบ หันมามองเป็นจุดเดียวกันช้าๆ กุมขมับแน่นเหมือนจะแตกเป็นเสี่ยงๆ “รีบพาไปห้องพยาบาลเถอะ” จอห์นพูดแบบนั้น ลุกขึ้นจากเก้าอี้ แล้วรีบดึงแขนไผ่ ทิ้งคนพวกนั้นไว้กับความเงียบที่พังทลายลง เมื่อพวกเขาเดินออกมาจากห้อง ไผ่ร้องไห้ไม่มีเสียง นอนอยู่บนเตียง ทุกคนนั่งล้อมรอบ ไม่มีใครกล้าพอที่จะยื่นมือลงไปแตะบนไหล่นั้น “…ไผ่” “เดี๋ยวเรื่องมันก็ดีเอง…” “แม่ฉันบอกมาว่าวันนี้อาจจะไม่ดี แต่พรุ่งนี้อาจจะดีขึ้นก็ได้ ถ้าเราอดทน เราก็จะผ่านมันไป—“ “หยุดพูดเรื่องแม่นายซักที!!!” หมอนถูกขว้างมา ชนเข้าเต็มๆหน้า “ไผ่!” จอห์นตะโกนแบบนั้น ไผ่ก็หันขวับไปมอง “ทำไมถึงทำแบบนั้นกับซัน? เขาแค่พยายามจะปลอบนาย” ไผ่ฟุบหน้าลงกับเตียงห้องพยาบาล ครูคุมห้องพยาบาลไม่อยู่ พวกเขาเข้ามาโดยไม่ได้รับอนุญาต คิมกัดปากเงียบ กำมือเข้าหากัน ดูเหมือนจะเป็นปัญหาที่ใหญ่เกินไป ควรจะหาผู้ใหญ่มาซักคน คิมลุกออกไปเงียบๆ เดินทางหาผู้ใหญ่ที่ไม่มีตัวตนซึ่งได้แต่หวังว่าจะปรากฏตัวขึ้นในห้องพักครู เหลืออยู่เพียงแค่สามคน เสียงลมหายใจของไผ่สั้น ถี่ นอนซุกหน้าแน่นขนาดนั้น คงหายใจลำบากแน่ๆ “ซัน…” ถูกเรียกชื่อออกมา เลิกคิ้วขึ้น เกือบจะพูดตอบรับอะไรไปแล้ว ถ้าไม่ได้ยินคำนี้เสียก่อน “ฉันเกลียดนาย” “……” พูดอะไรไม่ออก แมงมุมถักใยไว้ที่ริมฝีปาก ขึงแน่นจนขยับไม่ได้ มันตัวใหญ่สีดำ กระโจนออกมาจากตัวไผ่ ที่ตอนนี้นอนนิ่ง เป็นเหยื่อที่โดนฝังเข็มพิษลงไปก่อนหน้านั้นแล้ว อัมพาต รอบตัว โดนถักทอเส้นใหญ่ซ้ำ ไม่มีใครมองเส้นพวกนั้นเห็นเลย มันอาจจะบางและเบาเกินไป “ออกไปก่อนเถอะ เดี๋ยวฉันจัดการเอง” จอห์นพูดแบบนั้นทั้งที่ไม่แน่ใจ วิ่งหนีออกมา ไม่รู้ทำไม แต่น้ำไหลออกจากตามาไม่หยุด โรคติดต่อจากไผ่แน่ๆ ไม่มีทางชัดเจนไปกว่านี้แล้วไหนบอกว่าเราเป็นเพื่อนกัน…. ทำไมเวลานี้ ถึงพูดออกมาว่าเกลียดล่ะ? ไม่มีคำตอบ ไม่ได้เห็นหน้าจอห์นกับไผ่อีกในตลอดทั้งวันนั้น กระเป๋าที่ใส่ปัญหากลับบ้าน ถูกขโมย หาจนท้องฟ้ากลายเป็นสีส้มก็ยังไม่เจอ ……………………………………….. …………………………….. แม่ลูบหัวเบาๆ มือแม่อุ่น อุ่นจนรู้สึกไปถึงข้างใน พยายามจะอธิบายให้แม่ฟัง แม่ก็เอาแต่ฮัมเพลง เห็นแม่ยืนอยู่ที่ริมหน้าต่างในห้องครัว มองออกไปยังที่แสนไกล น้ำซุปในหม้อเดือดแล้ว แม่เอื้อมมือมาปิดแก็ซ เปิดฝาหม้อขึ้น กลิ่นหอมโชยไปทั่ว รู้สึกดีที่ได้มาอยู่ในที่แห่งนี้ “วันนี้รีบกลับบ้านนะ ตอนเย็นแม่จะทำมักกะโรนี” “เย้!! ผมชอบกินมักกะโรนี” ถ้าสามคนนั้นได้มากิน ต้องติดใจรสชาตินี้แน่ คิดไว้ว่าซักวันจะต้องพามาให้ได้ แม่ยิ้ม ออกมาส่งถึงหน้าประตู ติดรถกับลุงข้างบ้านเป็นประจำ คุณลุงคนนี้อยู่ในบ้านคนเดียวกับหมาแก่ๆตัวหนึ่ง มันป่วย ไม่ได้เจอหน้ามันสองสามวันแล้ว คุณลุงบอกพามันไปรักษาในโรงพยาบาลสัตว์ใกล้ๆ “แต่คงช่วยอะไรไม่ได้มาก” ไม่เข้าใจว่าคืออะไร แต่ดูเหมือนลุงไม่ได้อยากให้ถาม จึงเงียบ และมองทางข้างหน้า “ตั้งใจเรียนนะ ซัน” “ครับ” “เจอปัญหาอะไร ก็อย่าท้อล่ะ” “ผมรู้แล้ว แม่บอกคนอดทนคือคนชนะ” “ใช่ นั่นแหละ ถูกต้องที่สุด” คุณลุงยิ้มกว้าง ประตูรถกระบะปิดลง ขับออกไป ยกมือสวัสดีคุณครูที่หน้าโรงเรียน “สวัสดีจ้ะ” ดีจัง วันนี้ครูยิ้มตอบด้วย รีบวิ่งเข้าไปในโรงเรียน คิดว่าไผ่อาจจะอารมณ์ดีขึ้น แต่ก็เปล่า ไม่ดีขึ้นเลย ไม่มีอะไรดีขึ้น คนชนะคือคนอดทน สิ่งหนึ่งที่สำนวนนี้ไม่ได้บอกคือ ต้องทนไปนานแค่ไหน และระหว่างนั้น ต้องทนกับอะไรบ้าง ไผ่ดูเหมือนคนนอนไม่พอ ขอบตาดำคล้ำแม้มองผ่านแว่นตา จากที่ดูผอม ตอนนี้ซูบเซียว ผมหน้าม้าที่เท่ากันทุกเส้น ยาวเลยคิ้วลงมาปรกที่ตา บางครั้งดูน่ากลัวอย่างบอกไม่ถูก “ไผ่จะตายหรือเปล่า…” “ทำไมถึงพูดแบบนั้นล่ะ” “…ไม่รู้สิ แต่ไม่อยากให้เป็นอะไรเลย” “ฉันก็เหมือนกัน” นั่งข้างคิม ที่ถัดไปคือจอห์น ที่นั่งประกบไผ่ไว้ จอห์นไม่ได้พูดอะไร ทำเพียงอยู่ข้างๆ คนสองคนที่ไร้คำพูดนั่งอยู่ข้างกัน แต่ในความเงียบนั้น ก็เหมือนคุยกันไม่หยุด บรรยากาศย่ำแย่ไปจนถึงคาบพละ ไผ่ถูกครูใช้งาน นั่งตัดกระดาษอยู่ที่พื้นข้างสนาม จอห์นนั่งข้างๆ มองเพื่อนที่เล่นบาสอยู่ ปกติแล้ว จอห์นจะอยู่ในนั้น เสียงลูกบอลดังกระทบพื้นดังเอี๊ยดอ้าด โดนปาลูกบาสใส่ คิมก็ปาลูกนั้นกลับไป กลายเป็นเรื่องทะเลาะที่ทำให้น่าปวดหัว ครูพละไม่อยู่ บอกแค่ว่า “ไปเข้าห้องน้ำเดี๋ยวนะ” แต่ก็พกโทรศัพท์ที่หน้าจอยังสว่างอยู่ออกไปด้วย “อย่า…คิม เขาคงไม่ได้ตั้งใจ” “ไม่ได้ตั้งใจอะไร! เขาตั้งใจโยนใส่เราเต็มๆ” “…เขาตั้งใจโยนใส่ฉันตั้งหาก” “แล้วทำไมนายต้องยอมด้วยเล่า! แบบนี้ไงเขาถึงแกล้งไม่หยุด” “ฉันไม่เป็นไรหรอก!” “แต่ฉันเป็นเพื่อนนาย!ฉันเห็นแล้วฉันทนไม่ได้ ถ้าเพื่อนไม่ช่วยเพื่อนแล้วจะมีไว้ทำไม!!” “คิม! นายจะไปช่วยลูกชู้ทำไม! เดี๋ยวนายก็เหมือนไผ่หรอก ฮะฮ่าฮ่าฮ่า” “ทำไมพวกแกถึงขำกับเรื่องพวกนี้ได้ มันตลกหรือไง?!!” คิมกระโจนเข้าหาพวกนั้นที่คนเยอะกว่า วิ่งตามเข้าไป แต่ก็มองไม่เห็นคิมจากมุมนี้ จอห์น มีจอห์นอยู่ด้วย ไม่รู้มาตั้งแต่เมื่อไหร่ มือใครต่อใคร กระชากเข้าที่เสื้อ โดนสวนหมัดเต็มๆ พยายามใช้มือปัดออก ถูกศอกของอีกคนชนเข้าที่จมูก โกลาหลเหมือนอยู่ในกรงแฮมสเตอร์ เห็นแว่นตาของไผ่ ท่ามกลางความวุ่นวาย แสงสะท้อนบางอย่าง สะท้อนเข้าที่ตา สว่างจนต้องปิดตาลง โลกหมุนกลับ ล้มตัวลงนอนกับพื้นด้วยแรงกระแทกที่ทำให้ทรงตัวไม่อยู่ ทุกอย่างพลันเงียบสงบ ทุกคนกลืนคำวิวาทลงไปอย่างกล้ำกลืน จากที่เคยกระโจนเข้าหากัน ถอยออกคนละหนึ่งก้าว จนเป็นวงกลมขนาดใหญ่ พึ่งรู้ว่าตัวเองนอนหงายหลังอยู่กับพื้น พื้นสนาม ไม่เคยรู้มาก่อนว่าเย็นเฉียบขนาดนี้ ไผ่นั่งคร่อมอยู่ด้านบน เสียงกรีดร้องดังขึ้น แหลม เสียดหู ดังก้องสะท้อนไปมาในโรงยิม ตอนแรกมีแค่เสียงเดียว แต่สักพัก ผู้หญิงทั้งห้องก็ร้องระระงม เห็นหน้าเด็กผู้ชายคนนั้น คนที่ปาลูกบาส ตอนนี้อ้าปากกว้าง ตัวสั่น ร้อง “มะ…ไม่…ไม่จริงน่า ฉะ..ฉัน” เด็กผู้ชายคนนั้นยกมือสองข้างขึ้นมอง ปลายนิ้วกระตุกเหมือนโดนไฟช็อต “ไม่ ไม่ใช่ ฉันไม่ได้ตั้งใจทำแบบนี้” แม้แต่ไผ่ก็ยังพูดเรื่องเดียวกัน เรื่องที่ไม่เข้าใจ เรื่องที่แสนงุนงง มือที่วางอยู่กับพื้นสนาม เลอะ ยกขึ้นมอง เห็นสีแดงฉาน วินาทีนั้น พึ่งเข้าใจ ดันคอมองที่หน้าท้อง ที่ๆก่อนหน้านี้ มีมือของไผ่จับมันไว้ด้วยมือสองข้าง ปลายด้ามของกรรไกร หายไปครึ่งหนึ่ง จมลงไปในตัวเขา “…อะไรกัน” พูดออกไปด้วยเสียงที่ไม่เหมือนเสียงของตัวเอง มองหน้าไผ่ ตอนนี้ไผ่เหมือนไม่อยู่ที่ตรงนี้ พึมพำกระซิบกับตัวเองไม่หยุด ดูเหมือนว่าจอห์นจะไม่อยู่ตรงนี้ แต่คิมอยู่ ยืนนิ่ง ไม่กระพริบตา ไม่ต่างจากไผ่ “ไผ่..” “ไม่จริง เรื่องนี้ไม่ได้เกิดขึ้นจริง มันไม่เคยเกิดขึ้น นี่เป็นฝัน ความฝัน สิ่งที่คิดขึ้นมาทั้งนั้น ไม่มีเรื่องไหนเป็นเรื่องจริง ไม่ พ่อรักแม่ ใช่ พ่อรักแม่ เราไม่ได้เป็นพี่น้องกับซัน ไม่ ไม่ใช่ เรื่องนั้นไม่ใช่ เราไม่ได้เป็นพี่น้องกัน เราเป็น….” “เพื่อนกัน…”“เราเป็นเพื่อนกัน….” ไม่รู้สึกเจ็บเลยน่าแปลกใช่ไหมล่ะ? แต่ตอนนี้กลับมีน้ำตาไหลออกมา ทั้งๆที่ไม่เจ็บ จะยกมือขึ้นปาดน้ำตา ก็ไม่มีแรงพอที่จะทำแบบนั้น สงสัยพลังงานหมด อยากจะกลับไปเติมพลังด้วยมักกะโรนีของแม่เร็วๆ เขานึกถึงหน้าคุณลุง ยังจำหมาตัวนั้นได้ มันกระดิกหางอย่างอ่อนแรงสองสามครั้งตอนลูบหัวมันเบาๆ ก่อนลุงจะเอามันเข้ารถ ขับไปโรงพยาบาล ครูพละวิ่งเข้ามา ถูกช้อนตัวขึ้น รู้สึกเหมือนตัวเบาหวิว พร้อมจะลอยไปที่ไหนสักแห่ง ในที่ๆห่างไกลจากตรงนี้ ไกลจากทุกคน ที่ๆต้องกลับไปอยู่คนเดียวตามเดิม พอคิดแบบนั้น ก็รู้สึกเหมือนจะร้องไห้ เอ๊ะ แต่ตอนนี้เขาก็ร้องไห้อยู่นิน่าไม่เป็นไร บอกตัวเอง นึกถึงคำที่แม่พูดไว้ อยากเห็นหน้าแม่เร็วๆจัง ตอนนี้เริ่มเจ็บนิดหน่อย แต่ผมจะอดทน อดทนอย่างที่แม่บอก แล้วความอดทนนี้มันจะจบลงที่ไหนกันนะ? ไม่มีใครตอบ ไม่มีใคร หรืออะไรใดๆเลย นอกจากความเงียบเชียบที่เย็นยะเยือก …………………………………. …………………………….. [บันทึกจากเกาะร้าง:complete] [1.1.56]
:a5: o22
และนี่คือสาเหตุที่ทำให้ไผ่เป็นแบบนี้ใช่ไหม เท่าที่อ่านมาตั้งแต่แรกเลยรู้สึกไม่ชอบครอบครัวของไผ่อยู่แล้วทั้งพ่อและแม่ พอมาตอนนี้ ยิ่งไม่ชอบพ่อไผ่เข้าไปอีก อยากรู้เรื่องว่าเคยเกิดอะไรขึ้นมากกว่านี้ :เฮ้อ:
ตามที่เข้าใจ ซันกับไผ่เป็นพี่น้องคนละแม่ ไผ่แทงซันตาย แล้วตัวเองก็เป็นโรคประสาทเพราะบาปติดตัว จอห์นกับคิมเป็นเพื่อนไผ่และมีตัวตน ปัญหาผู้ใหญ่แท้ ๆ กลายเป็นเด็กที่ต้องรับเคราะห์
อ่านแล้วก็คิ้วชนกันเหมือนเดิม โธ่ไผ่น่าสงสาร
พ่อไผ่เป็นชู้กับแม่ของซัน ????? ไผ่แทงซันตาย แล้วก็กลายเป็นโีรคประสาท ???? :z3:
:เฮ้อ: นี่คือเหตุผลทั้งหมดที่ไผ่เป็นเเบบนี้ใช่มั้ยเนี่ย... ไผ่เองก็รักซันนะ แต่เป็นในฐานะเพื่อน แต่กรรไกรนั่นอยู่ในมือไผ่... ไผ่เป็นคนเเทงเหรอ? หรือเป็นเเค่อุบัติเหตุ ก็ในเมื่อเด็กที่เป็นคนปาลูกบาส บอกว่า ฉันไม่ได้ตั้งใจ เอ๊ะยังไงกัน?... ถึงเรื่องความหลังจะเฉลย เเต่ปัญหาก็ยังอยู่ ไผ่ทำจริงๆรึเปล่า? ด้วยเหตุผลทางจิต ภาพหลอนหรืออะไร... แล้วคิมที่พยายามเข้าใกล้ไผ่อีกครั้งคือเพื่อเเก้เเค้นไผ่เหรอ และจอห์นคือคนที่อยู่ข้างไผ่ตลอดมา แล้วทำไมถึงพยายามทำตัวร้ายๆใส่ไผ่ในตอนเเรก... :เฮ้อ: ไม่รู้สิ เเต่ไม่ชอบครอบครัวไผ่ แม่ที่ไม่เข้มเเข็งเพื่อลูก ให้ไผ่กินยาแบบนั้น ไม่ชอบพ่อของไผ่ที่ทรยศ หักหลังความรักของครอบครัว ไม่ชอบสังคมที่ขุดเรื่องของคนอื่นมาว่าเล่นเป็นเรื่องสนุก โดยที่ไม่เคยก้มหัวมองตัวเอง แวดล้อมนั่นเเหละที่ทำให้เด็กๆ มีความเป็นไปทั้งที่เป็นเเค่ผ้าขาว แต่แวดล้อมค่อยเติมสีจนจำไม่ได้ว่าเดิมเป็นสีอะไร? :กอด1: รอต่อไปปปปปป... ไผ่!!!!!
จอห์นดูแลไผ่มาตั้งแต่เด็กเลยย น่ารักจัง
ทำไมเด็กโยนลูกบาสปฏิเสธด้วยล้ะ ไผ่เซไปแล้วโดนรึเปล่า :o12: จอห์นภาคที่ไม่ใช่อดีตก็ร้ายมากก งงจอห์นทำไมเหมือนตอนแรกๆจอห์นจำไผ่ไม่ได้จริงๆมีถาม“ชื่ออะไร ทำไมไม่เคยเห็นเลย” ด้วย สรุปคิมน่ารักที่สุด(หรอ) :o8: มามะกอดทีพ่อเกาะร้าง :กอด1: happy new year นะคะ :L2:
อ่านแล้วก็สงสารซัน :เฮ้อ: ถึงจะยังไง ก็ไม่ค่อยชอบไผ่อยู่ดี :z3:
เหมือนจะเข้าใจ แต่ก็ยังมึน :z3: สรุปคือ ที่ไผ่เป็นแบบนี้ก็เพราะเรื่องนี้ใช่มั้ยยย? อ่านแล้วรู้สึกสงสารซัน สงสารไผ่ มันผิดที่พ่อแม่ ผิดที่ผู้ใหญ่จริง ๆ พ่อไผ่ก็ไม่ซื่อสัตย์ อ่านตอนที่ข่าวเรื่องพ่อไผ่มีชู้แพร่กระจายออกไปนี่สะอึกเลย สังคมจริงๆมันมีแบบนี้สินะ ยังไม่เคลียร์เรื่องจุดประสงค์ของจอห์นกับคิม รอตอนต่อไปนะคะะะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ สู้ๆ ชอบเรื่องนี้มากๆ :กอด1:
ปมเดิมแต่เครียดกว่าเดิม ป.4 พระเจ้า มันโหดมากนะ สงสารเด็กน้อย รออ่านต่อด้วยความเครียด 555
:sad4:r
จะมีอะไรต่อ!!! เกือบกระจ่างแล้วเชียว
รู้สึกเหมือนได้เฉลยมาช่วยให้ความกระจ่าง แต่ว่าสุดท้ายก็ยังมีอีกมากที่ต้องรอติดตามอยู่ เป็นเรื่องที่จะต้องอ่านช้าๆ ให้เห็นภาพตามที่บรรยาย เหมือนหลุดเข้าไปอยู่ในโลกของไผ่จริงๆ ชอบจอห์นนะ ที่ทำทั้งหมดคงจะเป็นวิธีแก้ปัญหาให้ไผ่กลับมา ติดตามค่ะ
:a5: รึว่าคนที่เป็นไผ่อยู่จอนนี้จะไม่ใช่ไผ่ ว๊าก บ้าไปแล้วเรา มาต่อเร็วๆน้า ทิ้งร้างไว้นานเลย คิดว่าลืมไปละนะนี่ เห็นขึ้นในเฟสดีใจน้ำตาจะไหล :sad11: :L2: สู้ๆน้า
:a5: ซับซ้อน ........
อ่านเรื่องนี้แล่วสะท้อนอะไรหลายๆอย่าง ขอบคุณคนเขียนค่ะ:) ปล.คนอ่านค้างมาก มาต่อด่วนนนน สู้ๆนะคะ
:a5: สงสารซัน สงสารไผ่ ทำไม่กันๆ ถ้าเพื่อนไม่ทำอย่างนี้ เรื่องก็คงไม่เกิด เฮ้อออ
งง มาก แต่ก็ งงดี...งง
:z3: อ่านสามรอบ กว่าจะเริ่มรู้เรื่อง แค่เริ่มนะ ยังงง เอ๊ะงง ไม่งง โอ๊ยยยย งง แอร๊งงงงงงง :z3: :z3: :z3: ปล.แต่ชอบมากๆเลยนะ
เป็นตอนที่ชัดเจนแจ่มแจ้ง และน่าเศร้าใจ "ขีดความอดทนที่แตกต่างของเด็กสองคนในเรื่องเดียวกัน" ถ่ายทอดดีจนรู้สึกแย่ตามไปด้วยเลย //จอห์น-ไผ่ ตั้งแต่ป.4 เลอค่ามาก
ลอคอินมาเมนท์ให้กำลังใจ เราชอบเรื่องนี้มาก เป็นหนึ่งในไม่กี่เรื่องที่ติดตามอยู่ตอนนี้ ชอบวิธีการบรรยายมากๆๆเลย ให้อารมณ์เหมือนนิยายญี่ปุ่น ประมาณ โอทซึ อิจิ ชอบเรื่องนี้ ที่ดูหลอนๆดาร์คๆ คลุมๆเคลือๆ แบบนี้ มาต่อไวๆนะ อยากรู้ตอนเฉลยจัง สุดท้ายจะทำเราตกเก้าอี้มั้ย
สนุกมากเลยค่ะ มาต่อเร็วๆนะคะ :bye2:
อ่านแล้วเครียดอ่ะ สงสารไผ่ เหมือนไผ่หลุดไปแล้วอ่ะ
:z3: :z3: :z3: :z3:เมื่อไรมาต่ออะคอยอยู่เน้ออออออออออออออ :call: :call: :call: :call:
อ่านเรื่องนี้ แล้ว น้ำตาไหลเลย ไม่รู้เพราะอะไร แต่มันอินมาก
หน่วงมาก หน่วงสุดๆ ที่สำคัญคือ...งง แต่ชอบการเขียนเรื่องมาก บรรยายได้แบบว่าถ้าอ่านผ่านๆไม่ได้เลยต้องคิดตามทุกคัวอักษร เป็นนิยายที่อ่านแล้วปวดหัวที่สุดที่เคยอ่านมา(ชมนะ) น้ำตาร่วงตั้งแต่ตอนที่จอร์นเปิดคลิปเสียงให้ไผ่ฟัง..เออน่ะ อารมณ์มันแบบ กูว่าแล้ว จริงๆ เหอๆ..หลังจากนั้นก็ไหลพรากกก เรื่อยๆ ไม่หยุดเลย ถึงจะงง แต่อ่านมาจนถึงตอนนี้กำลังคิดอยู่ว่าทำไมไผ่ถึงลืมจอร์นกับคิม เพราะช็อค? เพราะยา? และคิดอยุ่ว่าจอร์นรักและหวังดีกับไผ่ใช่ไหม? แต่ที่ทำมามันออกจะทำร้ายจิตใจไผ่มากไปน่ะ..อ่านๆแล้วมีความรู้สึกเหมือนที่ไผ่เริ่มเกิดอาการหนักเพราะจอร์น..เหอะๆ ตอนนี้ระแวงคิมสุดๆ สรุปฮีจะมาดีหรือร้าย คงไม่ได้จะมาแกแค้นไผ่หรอกนะ ตอนนี้ก็น่าสงสารสุดๆไปเลย เห้ออ หน่วงในอกจริงๆ ให้ตายสิ!
หายไปเป็นเดือนๆแล้วนะ :ling1:
อยากอ่านต่อแล้ววววค่าา :katai1:
Inert 18 เด็กผู้ชายตัวเล็ก วิ่งออกไปทางทะเลสีเทา หันหลังให้ชายหาด มันไร้ผู้คน ร่มถูกปักลงบนพื้นทราย เป็นสีดำที่เข้มขึ้นมาหน่อย เมื่อเทียบกับทิวทัศน์รอบๆ ใต้ร่มนั้น เยื้องออกมา ผู้ชาย ผู้หญิงนั่งข้างกัน เว้นระยะห่างออกมาช่วงหนึ่ง เดาไม่ออกว่ามีความสัมพันธ์อย่างไรกัน “นายรู้ใช่ไหม? ว่าพ่อฉันเป็นจิตแพทย์” พยักหน้า นั่งอยู่ที่สวน ต้นไม้โบกสะบัดตามแรงลม เงาเคลื่อนย้ายไปมา ราวกับจะลอกเลียนแบบการขยับปีกของผีเสื้อ รู้สึกถึงความเย็นเชียบของน้ำ สูงครึ่งแข้งขึ้นมาจากพื้น มองเห็นเงาของชายหญิงคู่นั้น หลบซ่อนอยู่ใต้รูปปั้นประหลาด เพ่งมองดูดีๆ เป็นเพียงเงาธรรมดาจากดินปั้น “พ่อฉันพูดไว้เสมอว่า..” เสียงจอห์นถูกกลืนไปกับเสียงคลื่น สีสันพลบกลับ จมหาย ขาดใจตาย เทา ขาว ดำ ถูกกักขังในห้วงทะเลทรายแห้งผากของเม็ดสี“…เราทุกคนล้วนแต่เป็นบ้ากันทั้งนั้น…” คำกระซิบที่สายลมจูงมือมา ยกมือขึ้นโบกในอากาศ ผู้ชายเป็นฝ่ายเห็นก่อน แต่เขาก็ทำเพียงเบนหน้าหนีไปช้าๆ ใบหน้าของผู้หญิงคนนั้นช่างคุ้นตา เธอยิ้ม แต่เป็นรอยยิ้มที่รู้สึกประหลาด กักขฬะ น่าอึดอัด ก้มมองเงาสะท้อนที่เป็นรูปมุมประหลาดในท้องน้ำ รอยยิ้มร่วงหล่นออกจากหน้ากาก จมหายไปในพื้นทรายขุ่นมัว ด้านล่างนั้น พายุใต้ระลอกคลื่นก่อตัวอย่างช้าๆ บางที ระเบิดทั้งหลายอาจถูกขุดกลบอยู่ใต้พื้นหญ้าหลังบ้านตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว ครอบครัวที่รอวันเวลา เข็มนาฬิกาที่ตีตัวย้อนหลัง “เราแค่รอวันที่มันประทุออกมา” “ต่างกันแค่ความรุนแรงของมัน..” “นายก็รู้..ฉันว่านายเข้าใจดีเลยล่ะไผ่” “ของที่มันระเบิดออกแล้ว เป็นยังไง” “….ฉัน…” ปลายนิ้วลูบที่ปลายแก้ม นัยน์ตาสีฟ้า ตาขวา เงาทิ้งตัวลงมา เงาของใบไม้ใบใหญ่จากตรงนั้น ทำให้กลายเป็นนัยน์ตาสีน้ำเงิน บางครั้ง ก็เห็นแววจริงจัง บางครั้ง ก็เป็นแววตาขี้เล่น เย้าหยอก ไม่สนใจเรื่องอะไรรอบๆตัว หลายครั้ง ลึกลงไปเหมือนมหาสมุทร กระจัดกระจาย รวยระริน แทบไร้เรี่ยวแรงหายใจต่อ สูญเสียศรัทธาในการมีชีวิตต่อ “ชีวิตมันคืออะไรกันแน่นะ?” จอห์นไม่ตอบ กำลังเฝ้ารอประโยคต่อมา “ใครกัน บอกให้เราต้องมีชีวิตอยู่ต่อไป” “นายหิวหรือเปล่า?” ส่ายหัว “กลั้นหายใจสิ…” ทำตาม จอห์นทาบนิ้วลงที่วางเหนือริมฝีปาก รอจนกลั้นหายใจต่อไปไม่ไหว เขาปล่อยมือออกเมื่อได้ยินเสียงหอบหายใจเบาๆ “ร่างกายนาย..บอกให้นายมีชีวิตอยู่ต่อ” ถูกจับข้อมือขึ้นมา กางนิ้วทั้งห้าออก “ทุกเซลล์ของนายดิ้นรนที่จะมีชีวิตต่อทั้งนั้น แม้แต่หัวใจของนาย ก็ยังเต้นต่อ ถึงนายจะอยากตายแค่ไหน แต่นายก็ยังมีชีวิตอยู่” “แค่นั้นหรอ..” “ไผ่..ชีวิตคนไม่ใช่เรื่องง่ายขนาดนั้น แต่มันก็ไม่ได้ยากเกินไป เกินกว่าที่นายหรือฉันจะเข้าใจหรอกนะ” “งั้นก็อธิบายสิ” จอห์นจ้องหน้านิ่ง บางทีอาจคิดอยู่ลึกๆ คำที่จะพูดต่อไปนี้ อาจเป็นคำพิพากษา ส่งผลต่อการกระทำต่อๆไป ไม่อาจคาดเดา เขาเลือกที่จะไม่ตอบ พูดเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องขึ้นมาแทน “…ถ้านายไม่อยู่ ฉันก็คงจะหงุดหงิดใจ” “ทำไมต้องรู้สึกแบบนั้น?” “สักวันฉันคงหาคำตอบได้ แล้วจะบอกให้นายฟัง” ผ้าพันแผล มัดแน่น สายตาสองคู่จ้องมองมันอย่างเงียบเฉียบ โดยที่ไม่ได้พยักหน้าหรือปฏิเสธไป แรงกำรอบข้อมือนั้นแน่นจนเจ็บแผล ………………………………. …………………….. บนเตียง คนหนึ่งจ้องมองผนัง เฝ้ารอให้บางอย่างเกิดขึ้น อีกคน หลับสนิท เสียงลมหายใจเป็นระยะ พลิกตัว รู้สึกว่าเสียงลมหายใจของอีกฝ่ายเงียบลง พลิกตัวหันกลับมา ก็สบสายตากันในความมืด “นอนไม่หลับ?” “….” “พูดสิ” “ใช่” “คิดอะไรอยู่”“ถ้า-“ “อย่าเริ่มประโยคด้วยคำว่าถ้า ไผ่ มันไม่มีประโยชน์ที่จะพูดเรื่องสมมติขึ้นมา” “….” “นายก็รู้ สิ่งที่นายจะพูด มันเป็นไปไม่ได้” ใช่ และไม่มีวันเป็นไปได้ หนึ่งชีวิต ได้ตายจากไปแล้ว ไม่มีเส้นทางที่หวนคืนได้ “ทำไมนายไม่กลับไป?” “ถึงอยู่ที่บ้านก็ไม่มีอะไรทำอยู่ดี อยู่ที่นี้อาจพอมีเรื่องสนุกบ้าง” “แล้วมีหรือเปล่า?” “ที่นี่ก็แทบไม่มีเหมือนกัน” “…..” “…..” “นายพูดเก่งขึ้นนะ” “….” “ได้รู้เรื่องที่ไม่รู้ สบายใจขึ้นหรือเปล่า?” ทั้งใช่หรือไม่ ทั้งคู่ล้วนแต่เป็นคำโกหก “ฉันไม่อยากไปโรงเรียน” “นายจะลาออกก็ได้” “…..” “พ่อฉันจะคุยให้” “แม่คงไม่ยอม…” จอห์นจำหน้าของเธอที่เห็นวันนี้ได้ ซ่อนตัวอยู่ในเงาของผนัง ดวงตาบวมช้ำ ไร้แสงในลูกตาทั้งสองข้าง คล้ายศพที่หายใจได้ วิญญาณจมลึกลงไปในเศษเนื้อ ส่งกลิ่นเหม็นเน่าอย่างช้าๆ บางอย่างบอกให้จอห์นรู้ อาจไม่ใช่แค่ไผ่เพียงคนเดียวที่แบกรับโลกทั้งใบอยู่ เมื่อก้าวขึ้นมา แต่ละขั้นบนบันได ร่างที่ไกลออกไปนั้น ยิ่งจืดจาง เคลื่อนไหวคล้ายหอยทาก ทิ้งรอยเมือกเหนอะไว้เบื้องหลัง “งั้นก็คุยกับพ่อของนายแทน” “พ่อ..” พ่อของเด็กสองคน สีดำและสีขาว ผู้ชายที่เคยรู้จักมาทั้งชีวิต ในวินาทีสั้นๆ กลายเป็นคนแปลกหน้าต่อกัน รอยยิ้มที่ได้รับ แตกร้าว ทิ้งตัวร่วงหล่น เสียงกระจกดังติดกันคล้ายเสียงฝน ไม่ว่าจะเป็นกระเป๋านักเรียนใบนั้น กล่องดินสอ เสื้อ หรือเวลาที่ใช้ร่วมกันทั้งหมด ถ้าทั้งหมดเป็นเพียงการชดใช้ ผลลัพธ์ที่ได้ อาจเป็นเพียงแค่การกดเขา ให้จมลึกลงไปในห้วงของความอึดอัดไม่สิ้นสุดนี้มากขึ้นเท่านั้น “จูบที” จอห์นที่เหมือนจะลอยล่องออกไปไกล แสงในดวงตากลับมาเป็นประกายอีกครั้ง ขมวดคิ้วจ้องหน้าคู่สนทนา “…..” “ทำซิ” “เพื่ออะไร?” “….” “ฉันถามไม่ได้แปลว่าฉันจะปฏิเสธหรอกนะ” จอห์นทำอย่างที่พูด โลกหมุนวน เชื่อมเข้าหากัน น้ำหวานที่ข้นจนเหนียว รอยชื้นที่สะท้อนในเงามืด ไม่ได้มีความรู้สึกรักในนั้น สิ่งที่รู้สึก มีเพียงก้อนกักขฬะ อัปลักษณ์ ผู้ที่ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องใดๆกับชีวิต คล้ายไนโตรเจน 78 เปอร์เซ็นต์ในอากาศ ร่างกายไม่อาจนำธาตุนี้ไปใช้งานได้ “ถ้าฉันไม่มีนาย” พูดขึ้นมา แล้วหยุดแค่นั้น ถ้อยคำในหัวเรียบเรียงไม่ได้เป็นประโยค คำพูดกระจัดกระจาย สลายไปกับไนโตรเจนและก๊าซต่างๆรอบตัว จอห์นยื่นมือออกไป คล้ายจะจับเรียงคำพูดไร้ตัวตนนั่นเรียงต่อกันให้แทน“ฉันคงตายไปแล้ว” “ใช่” หันมองหน้ากัน สูดกลืนความเงียบของกันและกัน ไหล่ชนไหล่ ชวนให้นึกถึงภาพของระเบิดไร้แป้นนาฬิกา หน้าจอดิจิตอลดับมืด ตัวชนวนภายใน เคลื่อนไหวตามคำสั่งเดิม “ถ้านายไม่มีฉัน นายตายไปแล้วไผ่” “บางทีนั่นอาจจะเป็นทางทีดีกว่า” “ความตายไม่ใช่ทางออกที่ดีที่สุด” ปลายเชือกแกว่งอยู่ตรงนั้น เขาคิดจะเอื้อมมือไปจับ แต่จอห์นก็กลับมาอีกครั้ง พร้อมมีดเล่มหนึ่ง “ความตายน่ะ ไม่พอที่จะชดเชยสิ่งที่นายทำไปด้วยซ้ำ” ไม่มีใครเคยพูดว่ามันเป็นอุบัติเหตุ ทุกคนพึงพอใจกับการโยนความรับผิดชอบให้กับใครสักคน ไม่ว่าผู้นั่นจะเป็นแกะขาว หมาป่า หรือหมาป่าหุ้มขนแกะ ไม่มีใครสนใจ ไม่แม้สักคน ชี้นิ้วไปข้างหน้า ยืนล้อมกันปิดแน่นเป็นกำแพงมนุษย์ เอียงหน้าหันข้าง ซ่อนรอยยิ้มไว้ในมุมลับตามนุษย์ คำสั้นๆ อธิบายทุกอย่างได้ด้วยพยัญชนะ สระ และการออกเสียงราวกับงับความรู้สึกยินดีลงไป เลือกเหยื่อที่เหมาะสมที่สุดในแต่ละสถานการณ์ เหยื่อที่จะดิ้นไม่หลุด ปล่อยให้โคลนหนืดดูดลงไป ในห้วงเวลาที่เหนอะนะ จบลงด้วยการสิ้นใจตายเพียงลำพัง “แม่ของซันคงคิดภาพลมหายใจสุดท้ายของนายเป็นร้อยๆครั้ง ร้อยๆวิธี” ขณะที่ถ้อยคำเหล่านั้นหลุดออกมา จอห์นพลิกตัวขึ้น กึ่งนั่งกึ่งนอน มือข้างหนึ่งยื่นมาลูบหัวไหล่ช้าๆ หยุดหายใจในบางครั้งที่มือนั่นเข้าใกล้คอมากเกินไป ปลายคมแหลมส่องประกาย ถ้อยคำทักถอ ร้อยใย ตกอยู่ใจกลางเส้นเหนียว สัตว์แปดขานอนประกบข้างกาย “อย่ามองฉันแบบนั้นสิ” “นาย..” “เราโตมาด้วยกันไผ่ ถึงนายจะจำฉันไม่ได้ แต่ฉันก็ไม่มีวันลืมนาย” “…..” “ฉันรู้จักนายทุกอย่าง ไม่ว่าจะภายนอกที่คล้ายกับตายไปแล้วนี่ หรือข้างในที่กลวงเปล่า ฉันก็รู้จักมันทั้งหมด” ปลายนิ้วกดลงมาที่กลางอก แสงผ่านผ้าม่าน ย้อมทั้งห้องกลายเป็นสีน้ำเงิน โลกใต้น้ำ สัมผัสถึงแรงกดจากทุกทิศทาง จอห์นเคาะปลายนิ้วลงมาเบาๆ ได้ยินเสียงคล้ายยามที่เคาะมือลงกับเครื่องสาย เสียงก้องไปทุกทิศทาง บอกถึงช่องว่างภายใน ปลายนิ้วอีกข้าง ลูบต้นคอเบาๆ รู้สึกถึงเชือกที่กระชับห่วงมากขึ้น หายใจถี่ “ถึงนายจะซ่อนนัยน์ตาแบบนั้นไว้ใต้แว่น ก็ไม่มีประโยชน์หรอก ไผ่ เห็นรูปนั่นหรือเปล่า” รูปผู้หญิงอยู่ในกรอบเหนือหัวเตียง กระดาษกลายเป็นสีเหลือง กระโปรงยาวเลยเข่า ท่อนขาแนบติดกัน สวมแว่น ทรงผมสุดเชย พอถูกพูดถึง ก็คล้ายกับว่าคลื่นน้ำพัดพามันขึ้นฝั่งให้มองเห็นได้ชัดเจน “เห็นตาของเธอไหม มันบอกว่าพร้อมจะอ้าขาให้ใครหลายๆคน เหมือนกับนาย” ควรจะโกรธ ใช้เวลาอยู่นาน กว่าจะนึกขึ้นได้ว่าสมควรจะรู้สึกอย่างนั้น ผู้หญิงในกรอบรูป เข็มวินาทีที่ขยับอยู่ ดึงความเยาว์วัยออก เด็ดปีกที่เธอเชื่อว่าเธอมี ย่ำยีด้วยโลกที่เธอปฏิเสธจะมอง เธอนั่งร้องไห้เพียงลำพังอยู่ในครัว ชั้นล่าง ตำแหน่งตรงกันกับเตียงหลังนี้ ในโลกที่มีเพียงเธอ ความฝันยืดยาวออกเป็นกรง หลับตา กุมมือ บอกกับตัวเองว่าโลกแห่งนี้ไม่ได้มีอยู่จริง ริมฝีปากที่เข้ามาใกล้ ประกบเข้าหากัน ลิ้นกวัดเกี่ยว เป็นตัวแทนของความสิ้นหวัง พยายามยึดเหนี่ยวทุกสิ่งเท่าที่จะคว้าได้ คล้ายคนจมน้ำ เสียงของฟองอากาศที่แตกออก ความชื้นที่มุมปาก ยื่นมือออกไปจับ ความอุ่นนี่มีอยู่จริง ในขณะที่ยืนอยู่ท่ามกลางโลกจำลอง บอกตัวเองได้ว่าอย่างนั้น ผมที่คล้ายขนสัตว์ระหว่างร่องนิ้ว มือที่ช้อนเข้ามาโอบใต้กระดูกสะบัก จิกเล็บลงไปจนรู้สึกตัว ลืมตาขึ้น เหลือบมองขึ้นไปบนเพดาน ภาพที่ไม่ชัดเจน ฉายย้อนเข้ามาในห้องที่ว่างเปล่า โรงหนัง เก้าอี้ราวสี่ร้อยตัว ถูกจับจองโดยผู้ชมเพียงหนึ่งคน แสงจากจอหนัง สาดส่องลงบนหน้า ฟิลม์หมุน ร่องขีดดำฉายขึ้นบนจอสลับไปมาคล้ายกับชัตเตอร์ภาพที่ทำให้ตาพร่า ผู้หญิงคนนั้นนอนอยู่บนเตียง จ้องมองผ่านร่องประตู ถูกขย้ำ หายใจรวยริน ผมที่ยาวออก ยุ่งเสียทรง บดบังสีหน้าใต้นั่นไว้ ช่วงที่คิดว่าผู้หญิงคนนี้คงจะต้องตายแล้ว กลับได้ยินเสียงครางออกมา ผู้ชายที่ไม่รู้จัก อยู่เหนือร่างของแม่ เขามองมา เอวขยับ คลื่น กลิ่นเหงื่อ กลิ่นคาว คละคลุ้งอัดแน่นแทบตกตะกอน เผลอสบตากันเข้า เชื่อมความว่างเปล่าในความคิดเข้าหา ผู้หญิงคนนั้นจมยอมอยู่ภายใต้ความรู้สึกที่หนักหน่วงจนไม่ได้ละสายตาขึ้นมอง ใช้เวลาสักพัก ก่อนที่ความว่างเปล่านั่นจะขาดผึงออกจากกัน เงาของประตูนั่น ขยายตัวออก พื้นที่ที่มันกลืนกิน มากเกินกว่าที่มันควรจะเป็น เสียงเนื้อที่กระแทกเข้าหากัน หยาบโลน เงาของซี่พัดลม รอยสั่นของขอบฟิลม์ ตั้งแต่ตอนนั้นหรือเปล่า ที่เขารู้สึกได้ถึงขอบข่ายดำมืดไม่สิ้นสุด ไม่ว่าจะเหยียบเท้าไปที่ไหน ที่แห่งนั่นก็ดูจะแห้งเหี่ยว ถูกดูดสีสันออกไป กลายเป็นจุดศูนย์กลางของหลุมดำเวิ้งว้าง จิกมือเข้ากับผ้าปูเตียง เจ็บคล้ายกับฝังเล็บลงขอบประตู จอห์นโอบรอบแก้ม บังคับให้สายตาเชื่อมต่อเข้าหากัน “ความลับที่ไม่ใช่ความลับ จะโทษพ่อนายอย่างเดียวก็ไม่ถูกนักหรอก” “…รู้ได้ยังไง” “นายลืมไปแล้วหรอ? ว่าพ่อฉันเป็นใคร” สงสัย แต่ไม่ได้ถามออกไป จอห์นเกลี่ยผมที่ปรกอยู่ข้างหูออก เกี่ยวทัดหูให้ “พ่อฉันเป็นจิตแพทย์ของนาย ทุกอย่างที่จะเป็นสาเหตุของปัญหา ทั้งหมด เรื่องลึกลับในตู้เสื้อผ้าของนาย ยันเรื่องใหญ่ระดับโลกที่ทำให้นายหวั่นใจ พ่อฉันก็รู้ทุกอย่าง” “ถ้าไม่เกิดเรื่องนั้นขึ้นมา พ่อกับแม่นาย ก็คงจะแยกกันไปคนละทางแล้ว…” ทางเดินสีขาวแยกออกเป็นสองข้าง เห็นภาพชัดเจนว่าเขายืนอยู่ใจกลางเส้นทางสีดำ ในขณะที่เส้นทางของคนสองคน ต่อเป็นเส้นขนานลวงตา แยกห่างออกจากกันทีละนิดจนไม่เห็นจุดบรรจบ ความทุกข์ที่คล้ายวัฎจักร เริ่มจากจุดเล็กๆที่ไม่ทันได้ระวังในชีวิตทั่วไป นำไปสู่เส้นด้ายเส้นต่อไป ก้อนเนื้อร้ายที่ไม่ทันได้กำจัด ผ้าปูเตียงยุบลง ตัวฟูกถูกสูบเข้าสู่จุดศูนย์กลางที่ไม่มีอยู่จริง ดูดกลืนร่างของเขาลงไปช้าๆ จอห์นที่อยู่ตรงหน้า ห่างไกลออกไปเรื่อยๆ ยิ้ม หยุดการเคลื่อนไหวทั้งหมดด้วยคำสั้นๆ “เอาฉันเข้าไป” เสียงกระซิบ ฟังคล้ายเวลาที่เหยียดขาไปกับผ้าห่ม แผ่วบาง เป็นลำแสงเล็กที่วิ่งผ่านอณูสสาร เข้าสู่สภาวะแรงโน้มถ่วงเข้มข้น ปลายแสงบีบเข้าหากันคล้ายโคนกรวย สิ้นแสง ณ จุดๆหนึ่งโดยไร้ซึ่งประจักษ์พยาน“เอาฉันเข้าไปในโลกว่างเปล่าของนายสิ” ตกกลับมาอยู่ในอ้อมกอดที่รัดแน่นนั้นอีกครั้ง ลมหายใจรดที่ใต้หู ขนตาสัมผัสกับข้างแก้ม ไผ่ไม่ได้ตอบอะไรกลับไป ไม่แม้แต่สักคำเดียว คล้ายถูกปีศาจขโมยลิ้นไป เอาแต่เฝ้ามองรองเท้าหนังสีดำคู่นั้น ที่เหยียบก้าวเข้ามาในโลกบิดเบี้ยวอย่างเอาแต่ใจ ……………………………… ………………….. [Inert 18 : complete] [14.7.56] ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ
ก่อนอ่าน 18 คงต้องย้อนไปอ่าน 1-17 ใหม่อีกรอบ ดีใจที่น้องชุยังไม่ลืมไผ่กับจอห์นน้าา
กลับมาแล้ววววววว :hao5: :hao5: :hao5: ตอนนี้ก็ยังคงหน่วงๆเหมือนเดิม แต่เราก็จะรอวันที่จอห์นก้าวเข้าไปในโลกแห่งนั้นนะคะ :sad4: :sad4: :sad4:
ต่ออารมณ์เดิมได้เยี่ยมเลยค่ะ อ่านแค่บรรทัดแรกๆก็รู้เลยว่านี่แหละ Awkward มีตอนใหม่มาแล้ว ดีใจ แล้วก็อยากได้ตอนถัดไปอีก เหมือนอยากรอฟังคำเฉลยของปริศนาไปอีกเรื่อยๆน่ะค่ะ :mew3:
ยอมรับว้าลืมตอนเก่าหมดละ ต้องอ่านใหม่ :katai5:
หน่วง
คิดภาพตามยังกะหนังผี :mew5: กลัวเลย แถมสองคนยังจิตๆอีก (คนอ่านจิตตาม)
มันน่าติดตาม แบบต้องอ่านทุกตัวอักษรเลยจริงๆ o13
:hao5: :hao5: :hao5: :hao5:ในที่สุดก็มาต่อแล้ว :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5:
ก่อนอ่่านตอนนี้คงต้องบอกว่า ขอย้อนหลับไปอ่านตอนที่1-17อีกรอบ เพระาว่าเลือนไปแล้วววว นานมากเลยยยยย
เรื่องนี้ ข้าน้อยขอคาราวะเลย เขียนได้สุดยอดมาก :z3: หน่วง มึน งง หลอน ด้วย :mew2:
Last ในขณะที่ทุกอย่างกำลังจมลงอย่างช้าๆ ร่างกายกลับถูกพยุงอยู่ในสถานการณ์แบบนั้น จ้องมองผนังที่ว่างเปล่า ใต้เกราะสีขาวนี่ จะมีอะไรซ่อนอยู่? สีแดง สีดำ หรือเป็นอีกมิติหนึ่งที่ถูกปิดกั้นไว้ ไม่มีใครให้คำตอบ และไม่มีใคร อยู่ที่ตรงนั้น พร้อมที่จะให้คำตอบ นั่งอยู่เพียงลำพัง อย่างที่เคยเป็นมา สูดลมหายใจ หนักอึ้งคล้ายผสมปรอท เซลล์ทุกเซลล์ส่งเสียงโอดครวญ สาปแช่ง ในมือที่กำแน่น รู้สึกเหมือนมีอะไรกำลังดิ้นรนอยู่ในนั้นชีวิต ไม่ใช่ชีวิตของเขาเอง แต่เป็นชีวิตที่ถูกพรากมา พยายามกลับสู่ร่างเดิมที่ไม่มีอยู่จริง ณ เข็มวินาทีนี้ จังหวะที่คิดว่าต้องหลับตาลง แล้วจะเห็นภาพสีดำสนิท เป็นจังหวะเดียวกันกับที่เห็นสีเลือดอยู่หลังเปลือกตา เทียบกันแล้ว ความว่างเปล่าที่น่าหดหู่ก่อนหน้านี้ กลายเป็นสิ่งที่เขาปรารถนามากที่สุด อยู่โดยที่ไม่ต้องรู้อะไร อยู่อย่างไร้จุดหมาย ล่องลอยดั่งขยะในธาร หมดความสำคัญ รอคอยจุดจบที่ไม่เคยถูกกำหนดขึ้น สิ่งเหล่านั้น เป็นเพียงเรื่องห่างไกลที่เหมือนไม่เคยเกิดขึ้นจริง ฝันร้ายที่เติบโต กำลังยึดครองช่วงเวลาทั้งกลางวันและกลางคืนเป็นของมัน “ไผ่…กินยาสิลูก” เสียงนั่นดังขึ้นที่หน้าประตู เคาะซ้ำเป็นจังหวะ คล้ายลูกตุ้ม แกว่งทับระนาบเดิม ไป มา ตามหลักควอนตัมฟิสิกส์ “ไผ่ กินยา” รู้สึกถึงเมือกเหลวที่ผ่านร่องประตูนั้นมา คืบคลานช้าๆ งอกมือนับไม่ถ้วน เอื้อมมาหาจุดที่ดำมืดที่สุดของห้อง ความรู้สึกประหลาด คลั่กขุ่นไปทั้งห้อง อึดอัดจนรู้สึกเหมือนนี่คือสิ่งที่เรียกว่าความตาย เขาปิดปากเงียบ หลับตาลง รอให้โลกอีกฝั่งดึงตัวข้ามผ่านมิติอันเวิ้งว้าง กลับสู่ที่หลบภัยเพียงหนึ่งเดียว แต่สิ่งเหล่านั้นมันไม่เกิดขึ้น หลังเปลือกตา ท่ามกลางภาพวุ่นวาย ฉูดฉาด มีเพียงปลายรองเท้าหนังคู่นั้น ที่เด่นชัด มองนาฬิกา กลั้นหายใจเมื่อเห็นว่ายังเหลืออีกสองชั่วโมง จ้องอยู่นานเพื่อให้แน่ใจว่าเข็มนาที หรือเข็มชั่วโมง เดินทางตามและสวนแรงโน้มถ่วงของโลกจริง ไม่ใช่ถูกหยุดไว้ด้วยโลกกลับหัวในบ้านหลังนี้ สองชั่วโมง ก่อนจะถึงเวลาเลิกเรียน เสียงโทรศัพท์ดังมาจากที่ไกลมาก ได้ยินเพียงเสียงคล้ายเสียงกรีดร้องเพียงแผ่วเบา หลับตาฟัง เสียงอื่นในหัว ดังขึ้นแทรก ใช้เวลาอย่างไร้ประโยชน์ ตอหนวดทิ่มแทงผ่านผิวหนัง พยายามสุดแรงที่จะทิ้งความเจ็บปวดไว้บนหัวเข่า ไม่เป็นผล ที่ไหน คือโลกแห่งความเป็นจริงกันแน่ ถ้าโลกนี้มีหลายคู่ขนาน ได้แต่สงสัย ว่าสักแห่ง ในมิติที่ลึกลับออกไป คนที่หน้าตาเหมือนกัน ใช้ชื่อเดียวกันนี้ จะสามารถมีความสุขได้จริงๆหรือเปล่า หรือว่าทั้งหมดเป็นเพียงเรื่องโกหก โกหกทั้งหมด เป็นคำโกหก เสียงกระทบที่หน้าต่าง ทำให้หลุดออกจากความคิดเหนอะหนะ ลุกขึ้นยืน เมือกที่รัดรอบลำคอ เลื่อนลง ทิ้งคราบไว้เจือจาง เห็นคิมอยู่ที่ถนนด้านนอก ชั่ววินาทีนั้น เขาเห็นรถคันใหญ่ขับทับร่างนั้นจนกลายเป็นเพียงชิ้นเนื้อ กระพริบตาอีกครั้งเพื่อรับรู้ว่ามันเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในโลกคู่ขนาน ในมือของคิม ยังมีหินอีกก้อนที่ถูกเตรียมไว้ โบกมือช้าๆ ที่คล้ายคำบอกลา ใบหน้านั้นไม่มีรอยยิ้ม “ฉันมีเรื่องต้องคุยกับนาย” ได้ยินคำนั้นชัด คิมยืนอยู่ข้างตัว กระซิบคำนี้ที่ข้างหู คิมอีกคนหนึ่ง ยังยืนนิ่งอยู่ที่ถนน รอคำตอบ“ฉันมีเรื่องเยอะแยะ ที่อยากจะคุยกับนาย” “ทำไมนายต้องฆ่าเขาด้วย? นายตอบได้ไหม? นายมีคำตอบให้กับแม่ของเขาบ้างหรือเปล่า?” “หรือว่านายอยากจะทำแบบนั้นอยู่แล้ว ความจริง จะเป็นใครก็ได้หรือเปล่า ที่นายคิดจะระบายความว่างเปล่าของนายลงไปด้วยวิธีนี้” “ไผ่ นายมันก็เป็นแค่ฆาตกร เป็นสิ่งที่ไม่สมควรจะมีอยู่—“ ก้อนหินอีกก้อนถูกปาขึ้นมา …………………………………….. …………………………… สายตาของเธอเดินตามหลังมา เหยียบลงบนเมือกนั้น รับรู้ได้ถึงความคิดต้นตอ ที่ก่อกำเนิดพวกมัน ถ้าหยุดยืนที่ตรงนี้ คงจะถูกกลืนกินลงไป การเคลื่อนไหว ถูกชะลอ อ้าปาก ส่งเสียง คลื่นพลังงานไม่เดินทางภายใต้ความหนืดนี้ ประตูเปิดเข้ามา คิมยื่นมือมาหา แสบตาจนลืมตาไม่ขึ้น “ออกมาสิ ไผ่” ประตูปิดลง ส่วนหนึ่งของมันที่ตามออกมาระเหิดหาย …………………………………….. ………………………….. “วันนี้จอห์นไม่อยู่หรอ?” คิมไม่ได้รับคำตอบ แต่รู้ดีว่านี่คือการตอบรับ “ไผ่ จอห์นเล่าเรื่องทั้งหมดให้นายฟังแล้วใช่ไหม?” ถูกค้นคำตอบในดวงตา ไม่เคยรู้สึกชอบวิธีนี้ เป็นวิธีเดียวกันกับที่จอห์นชอบทำ ก้าวเท้าเข้ามาในโลกอย่างไร้มารยาท ได้สิ่งที่ต้องการ ก็รีบผละตัวออกราวเห็นสิ่งน่าขยะแขยง “เล่าแล้วสินะ…” “…ต้องการอะไร” “ฉัน?” พูดซ้ำ ราวกรอเทปกลับ “ฉันต้องการอะไรน่ะหรอ?” “ไผ่ ฉันมาเพื่อเตือนนาย ไม่ใช่ว่าฉันต้องการอะไรหรอกนะ”เตือน เตือนตอนที่เรื่องทุกอย่างมันเกิดจนถึงจุดจบ ไม่ต่างอะไรจากเฟืองที่ใช้งานไม่ได้จริงในแผงกลไก ในเวลาที่ระบบล่มสลาย ขมวดคิ้วฟังคำนั้น “ออกห่างจากจอห์นซะ” “ทำไม?” “….นายรักหมอนั่นหรอ?” ตัวลอยขึ้นสูง แล้วถูกทิ้งลงมาจากความสูงระดับนั้น เป็นความรู้สึกแบบนี้เสมอเมื่อได้ยินคำนี้ ความรู้สึกที่คล้ายความตายอยู่ปลายจมูก มีเพียงสิ่งเดียวที่ยึดเหนี่ยวร่างกายหุ้มวิญญาณนี้ไว้ “…จอห์นรักนาย” “…….” “แต่เพราะอย่างนั้น ฉันถึงมาเตือนนาย” “เตือน…” “ใช่ ออกห่างจากจอห์นเถอะ ถ้านายทำด้วยตัวคนเดียวไม่ได้ ฉันจะช่วยเอง” กระพริบตา คิมสีหน้าบิดเบี้ยว อวัยวะส่วนประกอบทั้งหมด เป็นเพียงเปลือกผิวของสัตว์ประหลาดตัวหนึ่งที่เขาไม่เคยเห็น ส่ายหัวออกไป พยายามเดินถอยหนี ถูกจับแขนไว้ “ฟังฉันเถอะ” “…ไม่เข้าใจ” “ที่ก่อนหน้านี้ ฉันยังไม่เข้ามาบอกนายตรงๆ เพราะฉันไม่รู้ว่าจอห์นพูดกับนายถึงไหนแล้ว แต่ในเมื่อตอนนี้ ไผ่รู้ทั้งหมด ฉันก็ควรจะบอกให้นายรู้ซักที” “รู้..รู้อะไรอีก” คิมหลบสายตาไปทางอื่น ปากที่ขยับออกมา แก็ซพิษเลื่อนตัวปกคลุมอย่างเชื่องช้า“….ความจริงอีกด้านหนึ่ง” …………………………………….. …………………………. “ไผ่” “ไผ่ มานี่สิ” “ทำไมล่ะ?” เสียงนั่นคอยเอาแต่จะรบกวนอยู่ตลอด เป็นความน่ารำคาญคล้ายถูกหยิกเบาๆลงบนผิว ซ้ำไปมา “ไผ่ หันหน้ามาทางนี้สิ” จอห์นยื่นมือมา ถูกปัดออก นัยน์ตาสีฟ้า กลับเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินเข้ม “อะไร? วันนี้นายทำอะไรมา” คำพูดเดินทางถึงปลายลิ้น เขากัดฟันแน่น มันดิ้นรนหาทางอื่น ซึมลึกผ่านลงทางเส้นเลือด เส้นประสาท สั่งการให้ยื่นมือออกไปแทน จอห์นดูจะแปลกใจที่เห็นมือนี้ยื่นออกมาจับเอง “คิม..” “คิมทำไม” คาดคั้นเหมือนจะบีบให้ตาย บรรยากาศคล้ายใต้ทะเล ถูกกวนวก ศูนย์กลางอยู่ที่จอห์น ความเงียบถูกเปลี่ยนเป็นก้อนพลังงาน จอห์นขมวดคิ้วจนรู้สึกคล้ายกับที่ตรงกลางหว่างคิ้ว เป็นที่อยู่ของเขา ถูกบีบอัด รัดแน่นจนเครื่องในบิด “บอกมาสิไผ่ คิมมาที่นี่งั้นหรอ?” โดยที่ยังไม่ได้คำตอบ ก็ถูกกระตุกแขน ถ้ามันหลุดออกไปข้างหนึ่ง ก็คงจะถูกดึงอีกข้างหนึ่งออก ทั้งขาทั้งแขน จอห์นเหมือนต้องการจะเด็ดมันทิ้งทั้งหมด สะสมผีเสื้อไร้ปีก วิปริต งดงาม “ไปกันเถอะ” “ที่ไหน?” “ฉันไม่รู้” จอห์นเดินนำ เมือกทั้งหมด แหวกตัวออก บรรยากาศน่าอึดอัด เมื่อความรู้สึกของจอห์นเปลี่ยน บ้านทั้งหลังก็พร้อมตอบรับ อากาศร้อน เผาไหม้รอบข้อมือที่ถูกกำ ผิวหนังสุก เลือดระเหย ได้กลิ่นคล้ายกลิ่นสัตว์ที่ถูกปรุง รถที่จอดอยู่หน้าบ้าน จำได้ว่าเป็นของพ่อจอห์น ประตูรถถูกเปิดออก “ขึ้นไปสิ” ลมพัดผ่านรอบตัว คล้ายภูเขาที่ต่างกลางหุบเหว เส้นคั่นบางๆ ด้านหลังคือหลุมลึก อาจจะเป็นบ่อที่ร้างแห้ง ชีพจรชีวิตเต้นอย่างไร้เรี่ยวแรงอยู่ในซอกลึก ด้านหน้า เป็นรถเที่ยวเดียว สู่นรกที่ดำมืด มือของขุมปีศาจ ผลักเขาเข้าไปในรถโดยที่ยังไม่ได้ตัดสินใจ ………………………….. …………………….. รถขับออกไป ไฟที่อยู่ด้านหน้า ตัดความมืดออกเป็นสองกรวย เสียงเครื่องยนต์ ไม่มีเพลงที่ถูกเปิด รถสะอาดเหมือนถูกจัดไว้เพื่อจุดประสงค์ที่เร้นไว้ P.M. บนแป้นนาฬิกา เปลี่ยนเป็น A.M. ตอนนั้น เป็นตอนที่รถจอดนิ่ง กลางถนนคล้ายในจินตนาการ ไม่มีรถคันอื่น จอดอยู่กลางช่องว่างระหว่างสองภูเขา ด้านหน้า ทางสามแพร่ง นอกรั้วกั้นของทางตรง ไผ่มองไม่เห็นอะไร ได้ยินเสียงของคลื่นน้ำ อาจเป็นหุบเหวไร้ก้นใต้ท้องทะเล ทางเข้าออกเดียวของนรก จอห์นไม่ได้เลี้ยวขวา หรือเลี้ยวซ้าย แต่จอดมันกลางทางที่ต้องตัดสินใจ “คิมพูดอะไรบ้าง?” “….” “ไผ่..นายเชื่อคำพูดของคิมหรือเปล่า?” มีอะไรถูกส่งออกมาด้วยกับคำพูดนั้น มันแผ่วบาง คิดจะจับเอาไว้ ก็แตกสลายในมือ “ฉันไม่รู้” “ตัดสินใจสิ” เหมือนกับทางตรงนี้ จะไปที่ไหนต่อ “ทำไมเราต้องเดินทางต่อ…” จอห์นหันหน้ากลับมา ฟัง “หยุดอยู่แค่ตรงนี้—“ “ไม่ได้ ไผ่ นายทำแบบนั้นไม่ได้” “….” “ฉันรู้ ฉันรู้ว่าถ้าเราหยุดตรงนี้ มันจะดีกว่า แต่ฉันไม่ได้ต้องการแบบนั้นหรอกนะ ไผ่” “แล้วต้องการอะไร…” “นั่นขึ้นอยู่กับนายตัดสินใจ” “จอห์น” ดวงตาคู่นั้นกลายเป็นสีดำ หลบอยู่ในกลีบเงาเมฆ “ทำไม….” “นายก็รู้คำตอบว่าทำไม” “ไม่…ฉันไม่รู้”“ฉันเป็นคนฆ่าซัน” เบาะรถยนต์ คล้ายกับล่องลอยในความมืด ไม่กล้าพอที่จะหันไปมองหน้าจอห์นในตอนนี้ ไม่มีความกล้านั่นเกิดขึ้นเลย แม้แต่ในความคิด “ฉันพยายามจะแย่งกรรไกรออกมาจากมือนาย แต่นายก็กำมันไว้แน่น ฉันเลยแทงเข้าไปทั้งแบบนั้น” จอห์นไม่ได้รอให้เขาพูดอะไรออกมา เพราะรู้ว่ามันไม่มี มันไม่เกิดขึ้น จอห์นกำลังพูดคุยกับตัวเอง ตกอยู่ในเมือกที่ถูกสร้างขึ้น สีของมันประหลาด หุ้มรอบตัวของจอห์นอย่างช้าๆ จอห์นสูญเสียสิ่งที่ปกป้องตัวเองมาโดยตลอดเอาฉันเข้าไปในโลกว่างเปล่าของนายสิ… ความว่างเปล่า ไม่เคยมีความปราณี มันนิ่งเงียบ ซุ่มอยู่ในความมืด โจมตีโดยไร้เสียง กลืนกินจิตใจคนลงไปอย่างตะกละตะกลาม ในขณะเดียวกัน ประณีต มันไม่เคยทำงานผิดพลาด เขารู้จักมันดี มากเกินกว่าใครจะรู้จัก “ฉันรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นที่บ้านของนาย ฉันได้ยินมาเยอะ แม้แต่พ่อฉัน ก็ยังรู้เรื่องนายกับซัน เพราะมันเป็นเรื่องจริง” พ่อ หน้าตาแบบไหนนะ พยายามเค้นนึก สมองปฏิเสธ ทุกอย่างห่างออกไป นึกย้อนมองดู คล้ายกับเฝ้ามองดูชีวิตของคนอีกคนหนึ่ง คล้ายตัวละครในภาพยนต์หดหู่ “ฉันไม่ได้เกลียดซัน ไม่เคยเกลียดเลย แต่ฉันทำ เพราะว่าต้องทำ” “ทำเพื่ออะไร..”“เพื่อปกป้องนาย” เสียงถอนหายใจ คล้ายเสียงลมหายใจสุดท้ายของคนจมน้ำ “ถ้าปล่อยซันอยู่ต่อไป ก็มีแต่จะทำร้ายนายเสียเปล่าๆ เพราะยังไง ซันก็ยังอยู่บนโลกใบนี้ อยู่ไปพร้อมกับนาย บางทีตอนนั้น ฉันคงคิดตื้นเกินไป” “กรรไกรอันนั้นใช้ตรวจรอยนิ้วมือไม่ได้ เพราะก่อนหน้านี้ มีคนจับอยู่ตลอด แล้วพวกเราก็เด็กเกินกว่าที่ใครจะคิดเกินคำว่าอุบัติเหตุ” ซันยืนอยู่ที่ตรงนั้น นอกตัวรถ ระหว่างไฟหน้าทั้งสองข้าง ยืนอยู่ในความมืด เฝ้าฟังอย่างพิจารณา บนหน้านั้น ไม่มีรอยยิ้ม “ฉันคิดจะรับผิด แต่พ่อฉันไม่ยอม ถ้าฉันสารภาพออกไป พ่อก็จะตกงาน โดนประณาม ส่วนฉัน ก็คงจะไม่ได้เจอนายอีก สิ่งที่ทุกคนเข้าใจ คือเรื่องที่เกิด เป็นเรื่องที่ไม่มีใครต้องการให้มันเกิดขึ้น พ่อเลยอาสาเป็นจิตแพทย์ให้นาย ในเมื่อเรื่องมันเกิดว่านายเป็นคนทำเข้าจริงๆ พ่อฉันเลยทำให้นายลืมทั้งหมดนั้นไป” เด็กผู้ชายห้าคน ตกเป็นเหยื่อ คนหนึ่ง ตาย สองคนเข้าใจผิด หนึ่งคนรู้ความจริง อีกหนึ่ง ฆาตกร ทุกคนมีเหตุผลของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นปกป้อง หรือเพื่อกลบเกลื่อน ทั้งหมดนั่น เริ่มต้นจากจุดจบของหนึ่งชีวิต เดินมาถึงจุดที่ย้อนกลับไปเป็นแบบเดิมไม่ได้อีก “ฉันถูกส่งไปที่อื่น ถูกดึงออกจากนาย ฉันต้องเล่าเรื่องทั้งหมดให้พ่อฟัง เพราะไม่ว่าใคร ก็โกหกต่อหน้าพ่อไม่ได้” “ทันทีที่ฉันกลับมา ฉันมาหานาย” จอห์นกำพวงมาลัยแน่น มันคือที่ยึดเหนี่ยวเดียวในเวลานี้ “ไม่เคยคิดเลย ว่าเรื่องจะมาถึงตรงนี้ได้ เพราะฉันไม่คิด ว่าคิมจะอยู่ใกล้พวกเราขนาดนี้” ความผิดพลาดเพียงการก้าวเดินของหมากเดียว ทำให้ทั้งตาราง พลิกผัน “คิมเคยถามนายใช่ไหม? ว่าจำได้หรือเปล่า?” เสียงของจอห์นไม่ชัดเจน เหมือนพูดอยู่ใต้น้ำ ความเย็นที่สัมผัสกับผิวหนัง ทำให้เผลอคิดไปว่าอาจจะเป็นเรื่องจริง “เพราะคิมไม่เคยรู้ ว่าหลังจากเหตุการณ์นั้นเกิดอะไรขึ้นบ้าง พวกเราแยกย้ายกันไปคนละทาง” ใคร? วิธีไหน? อะไรกันแน่ ที่เรียกว่าปกป้อง? สิ่งไหนกันแน่ ที่ถูกต้อง? คำถามผุดขึ้นมาสั้นๆ สลายตัวด้วยครึ่งชีวิตเพียงเสี้ยววินาที “แต่ฉันไม่อยากเห็นนายในสภาพนั้นเลย นายที่เหมือนตายไปแล้ว ไผ่ ตัวนายจริงๆ มันสว่าง สว่างกว่านั้นมาก” สว่างคล้ายพระอาทิตย์ ซัน สองคนที่คล้ายกัน จุดเริ่มต้นอยู่ที่ดีเอ็นเอ เวลาผ่านไปนาน ถูกทิ้งร้างในห้วงความเงียบงัน สงบราวกับโลกหลังความตาย “รู้ความจริงทั้งหมดแล้ว นายรู้สึกยังไงบ้างล่ะ?” ถามหาคำตอบจากสิ่งที่แตกสลาย พิงหัวกับกระจก ฟองอากาศลอยขึ้น ชนเพดานรถ “…ถ้าทั้งหมด มันไม่เกิดขึ้น” เสียงงึมงำ หันไปมองจอห์นที่หันหน้ามา “ก็คงจะดีกว่านี้” “มานี่สิ” ทำตามอย่างว่าง่าย จูบแลกถ่ายออกซิเจน ยาวนานกว่าครั้งไหนๆ เป็นจูบที่ไร้ซึ่งคำโกหกอยู่ในนั้น ความสิ้นหวังถูกนำมากองอยู่รวมกัน จอห์นเป็นฝ่ายผละออก ริมฝีปากยังเห็นเป็นรอยชื้น ขยับ “ไผ่ ฉันให้นายตัดสินใจ” ทำไมต้องเป็นทางตรงนี้… ทางที่ไม่รู้จัก ในเวลาที่มืดมิดที่สุด“ถ้านายรักฉัน” ดวงตาคู่นั้นมีแววสะท้อน หยดน้ำกลั่นตัว ควบแน่น เกาะอยู่ที่หางตา เมื่อตอนที่นัยน์ตาสีน้ำเงินนั่นหลุบลง ก็ดูคล้ายกับว่าหยดน้ำเหล่านั้นถูกจ้องมอง “ก็ไปกับฉันเถอะ” “…ไปที่ไหน?” “ที่ไหนก็ได้ ที่นายอยากจะไป ทุกที่” ฝนที่พรำ มุดตัวผ่านอะตอมของโครงเหล็กรถ รวมตัวกันที่ใบหน้าจอห์น “ฉันจะไปกับนาย ถ้านายขอมา” ลมเปลี่ยนทิศ เขารู้สึกทุกความชื้นที่แก้ม ไผ่ร้องไห้ออกมาด้วยตาซ้าย และคิดว่าบางที จอห์นอาจจะร้องไห้ด้วยตาขวาเพียงข้างเดียวเหมือนกัน ความว่างเปล่ายึดกินซีกข้างที่เหลือ เพียงลำพัง คงพูดไม่ได้อีกต่อไป ว่ายืนอยู่บนโลกใบนี้ในฐานะมนุษย์อย่างเต็มตัว ต้องพึ่งพา ทำร้าย ปลอบโยน เหยียบย่ำ ต่อประกอบ ทะนุถนอม ทำลาย เพื่อที่จะเป็นคนหนึ่งคน “ขอแค่เพียงนายรักฉัน ไม่ว่าอะไรก็ตาม ไผ่” ความรักที่เห็นแก่ตัว ความรักที่คล้ายกับใบมีด กรีดลึกลงไป ทิ้งรอยแผลไว้ให้ทุกคนที่ยื่นมือเข้ามา แต่ทุกคนก็เรียกร้องหามัน เป็นคำสั่งระดับยีนส์ ที่ฝังลึก สร้างความว่างเปล่า เพื่อให้ถูกทดแทน ไผ่มองไปยังทิศทางที่ถูกเลือก โน้มตัวเข้าไปหาจอห์น ในระยะครึ่งทางที่พบเจอกัน จูบกันราวกับเป็นจูบสุดท้าย “ไปสิ” “ฉันขอฟังคำนั้นก่อนได้ไหม?” “มันอาจจะว่างเปล่าถ้าพูดออกไป” “นั่นก็คือคำนิยามของเราไม่ใช่หรือไง?” ทั้งอึดอัด ว่างเปล่า ความรู้สึกที่คล้ายกับต้องดิ้นทุรนทุรายเพื่อหาความหมายของการดำรงชีวิต ทั้งหมดนั้น คำพูดนั้นดังขึ้นพร้อมเสียงเครื่องยนต์ที่ถูกจุดติดขึ้นอีกครั้ง ตัวรถเคลื่อนผ่านเงาของซัน เด็กผู้ชายคนนั้นหันมองตามรถที่ขับออกไป ยกมือขึ้น โบกมือลา พูด ‘แล้วเจอกัน’ ไผ่มองผ่านกระจกหลัง ร่างนั้นเลือนหาย ด้วยความมืดที่วิ่งตามหลังมา ภาพที่เคยอยู่ด้วยกัน ใต้น้ำเย็นยะเยือกในสระของโรงเรียน ผุดเข้ามาในหัว ภาพต่อภาพ คล้ายกับภาพเคลื่อนไหว จอห์นหันไปมอง เห็นรอยยิ้มของไผ่ที่ตอบกลับมา นั่นเป็นครั้งแรก ที่ได้เห็นรอยยิ้มนั้นอีกครั้ง หลังที่ไม่ได้เห็นมานาน สองมือจับเข้าหากัน …………………………….. …………………. [Complete] [28.7.56]
:3125: พ่อจอห์นเห็นแก่ตัว
:a5:
คือออออออออออออออ ช็อกกกกกกกกกก คือจบแล้วเหรอ ม่าย
ขอกลับไปอ่านอีกหลายๆๆรอบ เพื่อทำความเข้าใจก่อนนะ55555
:a5: อ่านรวดเดียวจบ มึน ตึง เครียด หม่น เศร้า จิต แต่สนุกโครต ลุ้นตลอด อารมณ์ไม่กระตุกเลยตลอดเรื่อง เป็นนิยายอีกเรื่องที่จะไม่ลืม
อะไร ยังไง ตกลงเข้าใจกันแล้วใช่ไหม :mew2:
อ่านจบแล้วถึงกับถอนหายใจ ฮู่วววว จบลงแล้วนิยายเรื่องนี้ อยากบอกว่าผิดคาดค่ะ ตามคุณคนเขียนไม่ทันเลย ฮ่าๆๆ ไม่คิดว่าจะกลายเป็นจอห์นตั้งใจทำแทนซะงั้น แต่อย่างน้อยก็จบโดยที่ทั้งสองคนตัดสินใจร่วมหัวจมท้ายไปด้วยกันแล้วนะคะ ถึงอ่านแล้วเราจะมึนๆอึนๆไปหน่อย แต่ก็ดีใจที่จบลงได้ด้วยดี ไม่ได้เกิดเป็นอีกโศกนาฏกรรมอะไรเทือกนั้น แอบลุ้นว่าจะมีตอนพิเศษรึเปล่าค่ะ ถ้ามีคงดีใจแย่เลย อิอิ
จบแล้ว...จบแบบมึนๆ มาผิดคาดมากเลย :katai5: :pig4:
แองกัส! พระเจ้า มันเป็นแองกัส! ปกติเมเจอร์ดีเพรสซีฟไม่มีอาการหลอนร่วมนะ ถ้าหลอนถือว่ามีอาการเดิมอยู่แล้ว พูดง่ายๆคืออาจจะพยามหนีจากโลกความจริงอยู่ กำฝังเจ็บปวดเรื่องครอบครัว แล้วเจอเหตุทำให้เพื่อนตายพอดี สมองเลยไม่ไหวแล่ว ว ว พอมาเจอจอห์น ยิ่งลิบิโดถูกกระตุ้น ธานาทอสก็ยิ่งตีขึ้นแรง สองสิ่งนี้ตีคู่กันมาเต็มๆ เป็นฟิคที่อธิบายฟรอยเดียนได้ดีที่สุด เพราะฟรอยด์เน้นอธิบายผู้ป่วย ไม่ใช่คนธรรมดา ว่าแต่ว่า ยาปกติถ้าดีเพรส หมอจะไม่ให้พกแวเลี่ยมเยอะนะ กลัวคนป่วยกรอกปากตัวเองเพราะพวกนี้แนวโน้มโอเวอร์โดส สูงอยู่ละ น่าจะเป็น ซาแน็กส์มากกว่า หรือถ้าไบโพลาร์มีไฮเปอร์ร่วมก็ลิเธียมคาร์บ ส่วนอีตาจอห์น สายเอส เน้นโดมิเนทนะ น่าจะเป็นเพราะออกกำลังหนัก เลยพอพยุง ถือว่าเพี้ยน ทรอม่า ไม่ถึงกับป่วย แต่ก็ดูไร้อำนาจ ดูจากแนวโน้มแล้ว ถ้าไผ่ไม่ดีขึ้น . . สักวันจอห์นคงกลับมาเจอไผ่ตายอยู่ในบ้าน . . . รักษาเยาวชนกลุ่มนี้ ยาตัวนึงที่ดีทค่สุดคือการมีความรัก ร่วมกับจิตบำบัดแบบกลุ่ม และการทำอาสาสมัครบำเพ็ญประโยชน์เพิ่มการมองเห็นค่าใจตัวเอนะ ให้เขารู้ว่าเขาไม่ใช่คนเลว แต่เป็นแค่คนที่เคยทำเรื่องเลวมา เท่านั้น อย่าลืมกินยาห้ามขาด ปรับขาตามกำหนดกำ้วย! เฮ้อ อ อ อ อ ไม่ค่อยอินเลยตู !
จบแล้ววว สรุปคือ ไปกันด้วยดีสินะ มึนๆ งงๆ แต่สนุกมากๆค่ะ บรรยายหม่นหมองดี :hao3: ขอบคุณสำหรับเรื่องดีๆค่ะ :pig4:
จิตตั้งแต่ต้นจนจบเลยอ่า
คลายปม :sad2:
อ่า มี 5 คนเหรอ ใครอีกคนเหรอ ก็มีไผ่ จอห์น คิม ซัน ใครอีกคนอ้ะ
เหอะ ๆ อ่านแล้วมึดมนดีจัง
เพิ่งจะเข้ามาอ่านตอนจบแล้ว อ่านต้นจนจบแบบวางไม่ลง อ่านไปก็กดดันไป :katai1: แต่ต้องยอมรับว่าคนเขียนเก่งมากสำหรับการวางโครงเรื่องสนุกดี o13 เพิ่งจะเคยอ่านจากมุมมองของตัวละครที่มีลักษณะแบบนี้บางทีก็แอบคิดว่า เอ คนเขียนเคยเป็นมาก่อนป่าววะ ทำไมดูเข้าใจตัวละครจัง 555 :laugh: จะตามอ่านเรื่องอื่นด้วยน้าาาาา ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆ จ้าาาาาาา :katai2-1:
เป็นเรื่องที่อ่านแล้วให้ควารู้สึกเหมือนชื่อเรื่องจริงๆ - -
เรื่องราวหนักหน่วง ในที่สุดก็จบลง เรื่องราว มันฝัง ลึกลงในจิตใต้สำนึกมากมายเกินไปจริงๆ ชอบมากๆค่ะ ยิ่งอ่าน ยิ่งคิดตาม ขอบคุณที่แบ่งปันกันนะคะ :กอด1:
อึมครึม เหมาะกับบรรยากาศฟ้าฝนช่วงนี้ซะเหลือเกิน อ่านรวดเดียวจบ ยังมึนๆไม่หาย ขอบคุณผู้เขียนค่ะ คุณเขียนเก่งมาก ^▽^
ให้ 3คำ เลย Dark เยี่ยม โดน มากกกกกกกกกกกกกก ชอบ ๆ เหมือนถูกดูดลงไปเรื่อย ๆ เลย กว่าจะคลานขึ้นมาได้นะ อินมากกกกก ขอบคุณสำหรับเรื่องราวสนุก ๆ นะฮ๊าฟฟฟ
dark จนหยดสุดท้ายจริงๆค่ะ ขอบคุณมากค่ะที่แต่งนิยายที่เราสามารถมีอารมณ์ร่วมได้ขนาดนี้ :hao5: :hao5: :hao5:
:pig4: มืดมน หม่นหมอง เศร้าสร้อย งงมาก?
อ่านแล้วงงค่ะ ไม่เข้าใจ :เฮ้อ: ไผ่เป็นจิตหลอน? โรคจิต? โรคประสาท? หรือโรคอะไร ไม่แน่ใจว่าจะนิยามยังไง เหมือนเป็นนิยายจิตวิทยาค่ะ เจอแนวนี้มาบางเรื่อง แต่เรื่องนี้งงสุด ไม่เข้าใจว่าไผ่ จอห์นต้องการอะไรเหมือนสองคนกำลังหนีความจริง? ไม่เข้าใจมากๆค่ะ..... แต่ยังรอเรื่องพี่หมอกมาอัพค่ะ :heaven
:katai1: อ่านจบบอกได้คำเดียว งงๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ โครตงง เม่ง.งง :katai1: :hao5: ขอตอนพิเศษไขความกระจร่างหน่อยเถอะคะ ไม่งั้นมันเงิบมากมาย :hao5:
สุดๆ :กอด1: :L2:
มันเป็นความอึมครึม กดดัน ตั้งแต่ต้นจนตอนนี้ บอกเลย แลความรู้สึกตัวเองตอนนี้กำลังตกในพวังของจิต สับสนก็ไม่เชิง แลดูหลอนๆเนอะ
:katai1: บอกอารมณ์ ตัวเองไม่ถูกเลยแหะ มันอึมครึม แบบ เหมื่อนฝนตกหนักๆเลยอ่ะ แต่ก็ชอบเรื่องนี้
เรื่องเดินมาไกลมาก นั่งอ่านแรกๆ ไม่คิดว่าเรื่องจะออกมาเป็นแบบนี้ เป็นเรื่องที่สะท้อนความดาร์กไซด์ของคนมาก คือมันตรงกับที่จอห์นพูดนะ ว่าคนทุกคนเป็นบ้า แค่ว่ามบกหรือน้อย แต่แบบป.4จอห์นรักไผ่ขนาดฆ่าใครได้เลยหรอ น่ากลัวนะ ความจริงถ้าตปนนั้นพ่อยอมให้จอห์นรับผิดเรื่องอาจไม่เป็นแบบนี้ ถ้าตอนนั้นคิมเข้ามาหาไผ่ก่อนก็คงไม่เป็นแบบนี้ อ่านแล้วขมุกขมัวมากกกก ภาษาเปรียบเทียบเยอะแอบอ่านยากอยู่ค่ะ ต้องมีสติหน่อย สนุกดีนะ แต่อย่าแต่งบ่อยนะเค้ากลัวคนแต่งเครียด 5555
ตอนอ่านแต่ละตอน เหมือนถูกดูดลงไปในโลกมืดๆเทาๆมัวๆ เดินลึกลงไปเรื่อยๆ ด้วยความอยากรู้ กดหน้าต่อไปๆๆ จนถึงตอนจบ โลกหายวับ! ตื่นจ้า!!!! 5555 สนุกมากค่ะ เหมือนอยู่อีกโลกนึงเลย <3 <3
คืออ่านจบแล้วแบบ ต้นตอทั้งหมดมันเกิดจากผู้ใหญ่ ถ้าพ่อของไผ่ไม่มีชู้ ไผ่ก็คงไม่เป็นแบบนี้ ถ้าพ่อของจอห์นไม่ขี้ขลาดก็ไม่ทำให้ไผ่เป็นแบบนี้เช่นกัน ไผ่เป็นคนทีมืดมนนะในสายตาเรา มีชีวิตแต่ไม่มีชีวิต ใช้ชีวิตวันๆไปกับความขี้ขลาด กักขังตัวเองไว้ในความมืด เรื่องนี้ชอบจอห์น ถึงแม้ว่าจอห์นจะทำแบบนั้น แต่ทำเพื่อไผ่ทั้งนั้น ถึงแม้ตอนแรกจะรุนแรงไปหน่อยแต่มันก็ได้ผลนะ เราโครตอึ้งเลยตอนที่รู้ว่าจอห์นเป็นคนฆ่า ซัน โหย ทำไมมันหักมุม ตอนสุดท้ายถ้าไผ่ไม่ต้องไปกับจอห์นนะอิฉันคงเฟลมาก ฮ่าๆ จอห์นรักไผ่ที่สุดแล้ว ซันและคิมก็เช่นกัน พวกเขาเป็นเพือนกันอ่ะนะ [งงทำไมมีเด็กห้าคนมีสี่คนไม่ใช่อ่อรึเราเบลอรึรวมคนที่ว่าไผ่ลูกชู้] เรื่องนี้ผูกปมได้ดี บรรยายก็แบบแอ็บสแตรกดี ต้องอ่านทุกตัวอักษร ถ้าไม่อ่านนี้มีได้งงทุกบรรทัด ชอบทุกอยางเลย นะ นักเขียนเขียนได้ดีมากค้าบบ ทึ่งเลยไม่ค่อยเจอคนเขียนแนวนี้:) o13
อ่านจบแล้ว ถึงกับ พูดไม่ออกบอกไม่ถูก แต่ก็ชอบนะ
อึดอัดมาทั้งเรื่อง ปมมาเฉลยเอาตอนท้ายๆ อืมสรุปแล้วเรื่องนี้ใครจิตปกติบ้างหละเนี่ย หายากแหะ + 1 ให้กับความเก่งของคนแต่งค่ะ
อ่านจนจบแล้วค่ะ... อึมครึมไปหมด ถ้าเราเข้าใจไม่ผิด สองคนนั้นจากไปแล้ว ตามซันไปแล้วใช่ไหมคะ? อาจดูเหมือนหนีปัญหา แต่ก็คงเป็นทางออกให้ปัญหาหลายๆอย่าง ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะ ถ้าเราอ่านแล้วเข่าใจผิดก็คงดี เราก็ไม่อยากให้เด็กๆจากไปนะ ฮึกกกก
มนุษย์ต่างมีด้านมืดอยู่ในตัวตนทุกคนแต่อยู่ที่ใครจะเผยด้านมืดนั้นออกมากัดกินจิตใจ จนไม่เหลือตัวตน เป็นเรื่องแรกที่ยอมรับว่าอ่านแล้วรู้สึกอึดอัดกดดัน..หน่วงๆในจิตใจ..จนอยากระเบิดออกมาจากอารมณ์เหล่านั้น..ไม่อยากอ่านต่อ แต่ก็อ่านต่อจนจบ...ขอบคุณสำหรับนิยายเรื่องนี้ค่ะ
อ่านจบพูดไม่ออก แบบว่าเกิดอะไรขึ้น ประมาณนั้น พยายามกลับไปอ่านทำความเข้าใจ แต่ก็ยังเข้าใจได้ไม่ทั้งหมด สุดท้ายเลือกที่จะจบชีวิตลงทั้งสองคน ? บอกได้คำเดียวค่ะว่า งง มากกกกก กลับไปอ่านกี่รองก็งง :z3:
เป็นเรื่องมีเกินบรรยายจริงๆ เป็นจิตวิทยาที่อ่านไปมึนไป เหมือนถูกหลอกล่อ เหมือนเปิดเผยความจริง ขอบคุณค่ะ สนุกมาก :)
เป็นการจบที่ไม่อยากให้จบ รู้สึกดีกับรู้สึกผะอืดผะอมไปพร้อมๆกัน ทำให้ระบบการหายใจติดขัดดีมาก แ่ต่เรียกแฮปปี้เอ็นดิ้งใช่มั้ย...ก็มีคนสองคนรักกันนี่นะ มีรอยยิ้มให้ด้วย เหอๆ...อัตวินิบาตกรรม ออฟ เลิฟ ที่แน่ๆ คิ้วคนอ่านยังไม่คลายขมวดเลยจ้า ไผ่ จอห์น คงเคลียร์แหล่ะ แต่เค้าม้ายยย เค้าโหวงมากตอนนี้ ขอบคุณมากๆเป็นเรื่องที่ดีจริงๆ อ่านแล้วได้กลิ่นตามไปด้วยทุกช่วงที่กล่าวถึงกลิ่น มันชัดมากๆ อบอวล ปล. ยังรออ่าน หมอก-ตี๋ อยู่นะคะ ฮี่ฮี่
:z3: <<< สำหรับทุกอย่างในเรื่อง ต้นเหตุคือปัญหาครอบครัวแท้ๆ พ่อแม่ของไผ่แย่มาก เรื่องนี้อึมครึมจนหยุดสุดท้ายจริงๆ แถมยังแอบหักมุมอีก... เหมือนโดนดึงให้เข้ามาในโลกสีเทา พอนิยายจบ ได้ยินเสียง กริ๊งงง ปลุกให้ตื่นขึ้นมา เป็นความฝันที่ขมุกขมัวชะมัด... :hao5: ตามผลงานของคนเขียนมาแทบทุกเรื่องเลย คุณเก่งมากๆค่ะ ยิ่งพอไปอ่าน Coin แล้วมาอ่านเรื่องนี้ แนวเรื่องคนล่ะแนวเลย ความกดดันตอนดราม่านี่สุดยอด ทั้งสองเรื่องเลยค่ะ แต่เรื่องนี้จะออกแนวดาร์ก หม่นๆ เป็นนิยายสีเทาของจริง ถ้าไม่ตั้งใจอ่านดีๆนี่ไม่เข้าใจ ต้องใช้สมาธิสูงมาก และพอใช้สมาธิมากก็ยิ่งอินมาก หายใจไม่ค่อยจะออกตอนนั่งอ่าน เหมือนกลายเป็นตัวละครซะเอง :katai1: นิยายเรื่องนี้สุดยอดจริงๆค่ะ!
ในที่สุดก็เจอ เรื่องยาวๆ ให้อ่านสักที ตามมาจากเรื่่องสั้นที่อ่านแล้ว ทึ้งหัว ตรูไปอยู่ไหนมา เพิ่งมาอ่านเอาตอนนี้ ขอไปอ่านก่อนนะค่ะ ไว้จะมาคุยด้วยใหม่
ทำไมอ่านไป ถึงหายใจได้ไม่ทั่งท้องก็ไม่รู้ กลัวแทนไผ่
อ่านตอนที่ 4 แล้ว เรากลับโล่งอก เฉลยมาเลยแบบนี้ดีกว่าเห็นๆ ไผ่จะได้หันหน้ากลับมาตั้งรับถูก ถ้ามันยังคลุมเคลือ จะเลว จะ ดี เอาสักอย่าง ไผ่คงไม่รู้จะรับมือยังไง เดินหน้าลุยเลยไผ่ ไม่มีไรจะเสียแล้ว เราต้องสู้อย่างเดียว
ยิ่งอ่าน ยิ่งกลัวแม่ กำลังคิดว่าแม่ น่าจะ.....มีปัญหาทางจิต
เป็นเรื่องที่ดาร์คมากจริงๆอ่านจบแล้วรู้สึกเหมือนจะมีอาการตามไผ่เลยทีเดียว สิ่งที่หล่อหลอมให้ไผ่กลายเป็นไผ่อย่างตอนต้นเรื่องนี่มันหนักมากจริงนะสำหรับเด็กป.4ที่ต้องรับรู้เรื่องครอบครัวตัวเองมีปัญหาอะไร คนที่เคยคิดว่าเป็นเพื่อนกลับเป็นอะไรมากกว่านั้น และสุดท้ายเรื่องที่ไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นและกลายเป็นตัวเองที่เป็นผู้รับเคราะห์ และจอห์นก็กลับเข้ามาในชีวิตไผ่ได้โหดร้ายเหลือเกินความคิดจอห์นเรื่องนี้ยังไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ ทั้งที่รักขนาดนั้นทำไมถึงทำให้เจ็บปวด เรื่องไผ่โดนขังในที่เก็บของนั่นอีกปมค้างคาใจสำหรับเราเยอะมาก แต่นิยายที่จบแบบค้างคาใจก็เป็นเรื่องที่มีเสน่ห์มากๆ แม้แต่ตอนสุดท้ายก็ยังค้างคาใจเลยว่าตกลงตายมั้ย แอบคิดว่าทั้งคู่อาจจะตัดสินใจตายจริงๆนั่นแหละ ถ้ามีรางวัลนิยายสุดดาร์คนี่ขอยกให้เรื่องนี้เลย ไผ่เล่าเรืองได้อึมครึมมาก คนเขียนเขียนได้ลึกซึ้งปีะหนึ่งมีประสบการณ์ตรงมาก ปรบมือ 55555
อึดอัดมาก! อาแล้วชวนเวียนหัวมากกับจินตนาการของไผ่ มาเข้าใจก็ตอนบทสรุปสามตอนสุดท้ายนี่แหละค่ะถึงบางอ้อกับเขา รู้สึกได้เลยว่าไผ่แบกอะไรไว้เยอะมาก เป็นการจบที่ไม่ค้างคา แม้จะไม่รู้ว่าคนที่อยู่ข้างหลังจะเป็นยังไงบ้าง แม่ของไผ่ พ่อของไผ่ คิม แม้แต่พ่อของจอร์น ตอนนี้คิดเพียงว่าอยากให้ทั้งสองคนมีความสุขจริงๆ เสียที
อ่านรวดเดียวจบเลย พออ่านจบแล้วนี่แบบ... หน่วงมาก ปวดหัวเลยทีเดียว OTZ :z3: :z3: :z3:
สรุปเป็นจอร์นซะงั้น แล้วไม่เข้าใจจะมาทำร้ายไผ่ทำไม ก็รักไผ่อยู่และนิ
เศร้าจับจิต...
:katai1:วิวนี่ไม่ได้จิตมานานแล้วนะเนั่ย แต่ตั้งแต่มาอ่านเรื่องนี้ ความรู้สึกเก่าๆที่แต่ก่อนไม่ค่อยจะปกติก็นึกขึ้นมาได้ทันที ยอมรับว่าเรื่องนี้นายเอกเราจิตมากๆอ่า น่าสงสารด้วย มันค่อนข้างเครียดมากอยู่
หน่วงจิตสุดๆ อ่านแล้วรู้สึกเหมือนเข้าไปอยู่จิตใจที่บิดเบี้ยวของไผ่เลยค่ะ ที่ไผ่เป็นแบบนี้เพราะสังคมรอบข้างคอยกดดันด้วยรึเปล่าคะ? คำพูดของเด็กที่อยู่รอบๆคอยว่าต่างๆนา มันซึมลึกเข้าไปในจิตใจนะ เกลียดเด็กที่เป็นแบบนี้มากๆ เด็กที่คอยล้อปมด้อยของคนอื่น น่ารังเกียจมากๆ :m31:
อ่านไปคิดว่าตัวเองเป็นไผ่ไป คือจะบ้าตามไปแล้ว 5555
บอกเลย.. อ่านจบแล้วก็ยังงง... รู้แต่ว่ามันเป็นเรื่องของจิตที่ซับซ้อนมาก..มันเป็นอะไรที่ไม่สามารถหาเหตุผลได้เพียงใช้แค่ "เหตุ" และ "ผล" ไม่มีรูปร่างตายตัว.. แปรผันไปตามสิ่งเร้าและสิ่งแวดล้อม.. แลดูลึกล้ำมาก.. และเราก็ไม่เข้าใจถึงแก่นจริงๆ รู้แต่เพียงว่า ผู้เขียนดำดิ่งไปถึงจุดนั้นได้อย่างน่ากลัว... ต้องขอชื่นชม. มันลึกล้ำเกินสมองและสติปัญญาของเราจะเข้าใจได้ ถ้านิยายเรื่องนี้ได้ถูกบรรยายอย่างละเอียดถึงวิธีการประมวลความคิดของคนในแต่ละช่วงแล้วละก็ คงจะมีประโยชน์ในด้านการศึกษาวิจัยเรื่องจิตวิทยา.. แต่เราผู้ซึ่งปุถุชนคนธรรมดา บอกเลยว่า... เข้าใจแค่ระดับตื้นๆ ... ถึงอย่างไรก็ต้องชื่นชมในความแตกต่างและการเรียงร้อยเรื่องราว.. ให้เป็นในแบบที่แฝงปริศนาอยู๋ตลอดเวลา ขอบคุณค่ะ
อ่านจบแล้วววว ยอมรับว่า งง ! แต่ก็สนุกดี :L2:
เป็นเรื่องที่อ่านแล้วรู้สึกอึดอัดมาก แต่ก็ยังอยากอ่านต่อไปเรื่อยๆ สุดท้ายก็แฮบปี้สินะ :z3: ขอให้จอร์นกับไผ่มีความสุขสักที :เฮ้อ:
ยอมรับว่าชอบสำนวนการเขียน....แต่ไม่เข้าใจเนื้อเรื่องเลยแม้แต่นิดเดียว :ling3:
รู้สึกมืดมนกับมีความสุขไปพร้อมกันแปลกแหะ คนเขียนเก่งมากค่ะ ขอบคุณสำหรับเรื่องดีๆนะคะ :L2:
งง...แต่อ่านจบ อ่านจบแต่ยัง งง อยู่ !!! นิยายแนวนี้หาอ่านยาก คนแต่งไม่ค่อยมี กลับไปงงต่อ :really2: :really2: :really2:
เพิ่งได้เข้ามาอ่านเรื่องนี้ รู้สึกเหมือนจมน้ำตลอดเวลาตั้งแต่ต้นจนจบ นึกว่าไผ่จะไม่รอดซะแล้ว ตกใจเรื่องซันนิดหน่อย ตัวละครทุกตัวดูมีปม ...เหมือนด้านมืดมนุษย์ คิดว่าจบแบบนี้ก็เข้ากับบรรยากาศเรื่องดี ระหว่างสองคนนี้ ให้ความรู้สึกว่า ยึดติด ดีจริงๆ เป็นความรู้สึกที่ไกลไปเกินกว่าคำว่ารัก เหนียวแน่นกว่า พันธนาการมากกว่า เอาว่าประทับใจในความดำมืดของตัวละครสุดๆ :katai2-1:
เราเพิ่งได้เข้ามาอ่านเรื่องนี้ คือจบไปนานมากกก >< เราไม่ชอบนิยายดาร์คๆเลยนะ มันอึดอัด แต่เรื่องนี้มันอึดอัด แต่ก็อยากรู้จะเป็นยังไงต่อ จนอ่านจนจบ คนเขียนๆดีมาก มันดาร์คไปหมด ต้องมีสติอยู่กับตัวตลอด 555 ขอบคุณนะคะ :)
ให้ความรู้สึกอึมครึมตลอดเรื่องเลยจริงๆ งงๆไปนิด แต่สนุกมากกกค่ะ o13
อึนทั้งเรื่องเลย หน่วงจิต บอกไม่ถูกจริงๆ สรุปว่าทั้งคู่ลาไปพร้อมกัน เศร้าแต่ต้นจนจบ ขอบคุณสำหรับเรื่องดีๆที่แบ่งปันขอรับ
อืม... ไร้คำบรรยายตั้งแต่ต้นจนจบ รู้แต่ว่าไม่สามารถละทิ้งได้แม้แต่บรรทัดเดียว คำจำคัดความสั้นๆที่ให้ได้ในความรู้สึกก็คือ "น่าหลงใหล" จิตก็จริงแหละ แต่มันมีอะไรอยู่เบื้องหลังความจิตนั้น แฝงลึกเข้าไปข้างในจนคนภายนอกไม่อาจรับรู้ แม้กระทั่งตัวละครเอง เราบอกแค่ว่า "รัก" ไม่ได้ เพราะมันมีมากกว่านั้น ทั้งหมดทั้งเรื่องเลยคำว่ารักไปมากโขแล้ว แต่ก็ไม่อาจบรรยายได้ว่าคืออะไร มันคืออะไรบางอย่างที่ไม่รู้จัก ไม่แน่ชัด ไม่แน่นอน ไม่อาจรับรู้ เพียงแต่ "สื่อ" ถึงมันได้เท่านั้น นิยายแบบนี้หาอ่านยากเหลือเกิน แอบหลงเข้ามาแล้วก็พบขุมทรัพย์ล้ำค่า... ขอบคุณคนแต่ง จอห์น ไผ่ และซัน รวมทั้ง คิม... มันมึนๆงงๆตอนอ่านน่ะนะ แต่พออ่านจบ มันก็กระจ่างทั้งที่ไม่มีแสง ขอบคุณเรื่องนี้มากจริงๆค่ะ อยากให้คนที่พอจะมีความรู้เรื่องจิตวิทยามาอ่านเรื่องนี้จัง :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:
โอ้ย เรื่องนี้ทำผมปวดหัวเลย จากการพยายามอ่านให้จบภายในวันเดียว... แต่ก็ชอบนะครับ ดาร์คสุดๆ
นิยายรักสีเทา ฮ่า อ่านแล้วปวดจิตปวดใจชะมัดเลย ไผ่คือน่าสงสารมาก เป็นอะไรที่อึมครึม มันดูโหดร้ายมาก แต่บทสรุปก็คือจอห์น โอเค อาจจะเลือกทางที่ผิด แต่ในเมื่อมันเกิดขึ้นแล้วก็ทำอะไรไม่ได้ ชอบนะคะ มันสนุกมาก ขอบคุณสำหรับนิยายสนุกๆค่ะ :pig4: :pig4: o13
อ่านรวดเดียวจบ ...รู้สึกอยากอ้วก... แต่ไม่ได้หมายความว่านิยายเรื่องนี้ไม่ดีนะคะ แต่อึดอัด ปวดหัวมาก เหมือนกับพยายามตะโกนให้คนอื่นได้ยินแต่เสียงมันสะท้อนก้องกลับมา เหมือนเราสื่ออะไรออกไปไม่ได้ เราคิดว่านิยายเรื่องนี้สะท้อนมุมมองของปัญหาที่เกิดขึ้นกับคนแบบเดียวที่ไผ่ได้เจอได้ดีทีเดียวเลยละคะ เราคิดเลยว่า "ถ้ามีลูก จะต้องทำให้ลุกมีพร้อมทุกอย่างให้ได้" ตอนจบไม่รู้ว่าจะเป็น happy end หรือ sad end ดี เพราะก็ดีใจที่ไผ่รู้ความจริงทั้งหมดแล้ว ความผิดไม่ใช่ของไผ่ แต่ยังไง ไผ่ก็ยังถูกตราหน้าว่าฆาตกรอยู่ดี เรื่องนี้สำหรับเรานะ ไม่ถึงกับดาร์กค่ะ แต่เทา ขอบคุณมากค่ะ
เรื่องนี้ในความคิดเราคนเขียนบอกว่าสังคมมันเสื่อมโทรมมากกก ในความคิดของไผ่ที่คนเขียนถ่ายทอด สังคมที่อยู่ดูเลวร้ายมากตอนแรกก็คิดว่าเป็นเพราะไผ่คิดไปเอง แต่พอมาอ่านในส่วนของซันที่เป็นคนมองโลกในแง่ดีก็ยังถ่ายทอดว่าสังคมมันเลวแค่ไหน ส่วนตัวเรากับชอบ ซันนะเพราะลักษณะนิสัย ดูสว่างมาก ประเด็นที่สงสัยคือ คิมบอกอะไรไผ่ ในเมื่อคิมไม่รู้ความจริง ในมุมของคิมคิดอย่างไง อยากรู้ มันต้องมีอะไรแน่ๆ
วิธีการบรรยาย หรือบรรยากาศจะคล้ายๆเรื่อง อาตี๋ของผม อยู่บ้างนะคะ แต่ต้องบอกว่าเรื่องนี้อึกอัดกว่ามากกกกก แน่นๆอ่ะ มวนๆในท้อง กดดันนะเวลาอ่าน แต่ก็ชอบ อยากอ่านต่อ เหมือนมาโซเลย 5555 ตอนแรกที่เข้าใจคือ การแสดงความรักของแต่ละคนไม่เหมือนกัน แม่ของไผ่เองก็ดูมีอะไรในใจ ไม่ค่อยมีสติเท่าไหร่ คล้ายๆไผ่ แต่อาการประสาทหลอนหรือความจิตนี่ต้องยกให้ไผ่ ภาพที่คุณเธอหลอนจนเห็นอะไรต่างๆนั่น น่ากลัวสุดๆ เราว่าภาพหลอนนั่นมาจากจิตใต้สำนึกนะ ก็ถ้าพ่อจอห์นเป็นคนสะกดจิต ทำให้ไผ่จำเรื่องราวที่เกิดขึ้นในวัยเด็กไม่ได้ แต่จิตสำนึกในส่วนลึก มันมักย้ำเตือนเสมอๆ ว่ามันเป็นเรื่องสำคัญ มีบางอย่างที่หลงลืมไป แต่นึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก เหมือนเดินหลงทางอยู่กลางแผ่นดินกว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา มองไม่เห็นอะไรเลย เดินไปก็เหมือนย่ำอยู่กับที่ พอทำท่าจะนึก มันก็เหมือนมีอะไรมากั้นเราไว้ ที่พอเข้าใจการบรรยายความรู้สึกของไรต์ เพราะเราเองก็เคยหลงลืมอะไรไปเหมือนกัน แม้ไม่สำคัญ แต่ก็ไม่อยากจะลืม มันฝังข้างใน จนยากจะเอาออก รู้สึกอึดอัด เวลาพยายามนึก แต่มันตีบตันจนน่าหงุดหงิด ที่ไผ่เป็นคนมืดมน ดูเก็บกด ไร้ชีวิตชีวา คงเป็นเพราะ อะไรบางอย่างข้างในนั่นแหละ ที่ทำให้เค้ารู้สึกไม่มั่นใจในตัวเอง จิตใต้สำนึกมันย้ำเตือนตลอดเวลา หวาดกลัวในสิ่งที่เคยเผชิญ จนไม่อยากจะสู้หน้าใคร อยู่ในมุมมืดๆก็สงบดี แต่พอจอห์นเข้ามา เหมือนค่อยๆมีเศษส่วนที่ขาดหายไป กลับมาต่อเติมมันอีกครั้ง (จริงๆมันบุกรุกความเป็นส่วนตัว จนจำเป็นต้องพยายามให้มันมีตัวตน) รู้สึกคุ้นใจแต่ไม่คุ้นเคย เหมือนเคยรู้สึกแบบนั้น แต่ใจอีกส่วนก็คอยค้าน อย่าไว้ใจๆ ความหวาดระแวงคงเกิด เพราะความกดดันทางสภาพแวดล้อมแล้วก็จิตใจของเจ้าตัวด้วยนั่นแหละมั้ง เหมือนที่พ่อจอห์นบอกว่า คนเราเป็นบ้ากันทุกคน เราว่าอันนั้นมีส่วนจริงอยู่นะ แต่มันก็อยู่ที่แต่ละคน จะจัดการกับสภาพอารมณ์นั้นของตัวเองยังไง เวลาเรามีอะไรอึดอัดใจ อยากจะระบายออก แต่ไม่มั่นใจ ขลาดกลัว และไม่กล้าที่จะพูด สภาพอารมณ์และจิตใจไม่คงที่ เกิดจากที่พ่อแม่ไม่ค่อยจะซักถามเรื่องลูก (คงกลัวจะมีอะไรไปกระทบกระเทือนจิตใจ แล้วมันบ้าขึ้นมา) หรือแสดงความห่วงใยอะไรมากนัก เราคลาดว่ามันคงเป็นเหตุมาจากอดีต ที่ทำให้ทั้งพ่อและแม่ของไผ่ยังอยู่ด้วยกัน แต่ไม่ใช่เพราะความรักที่มีให้กัน มันเหมือนเป็นหน้าที่ ที่คอยขับเคลื่อนตลอดเวลาเสียมากกว่า คอยจับตาดูพฤติกรรม อยากให้เค้าอยู่ในกรอบที่ตั้งไว้ ไม่ห่างไปจากสายตา คงกลัวว่าเหตุการณ์ในอดีตจะกลับมาอีก และส่วนหนึ่งคงเพราะรู้สึกผิดด้วยล่ะมั้ง อันนี้เราก็ไม่รู้นะ ว่าแม่ซันกับแม่ไผ่ ใครเมียน้อยเมียหลวง ถึงจะดูว่าแม่ไผ่เป็นเมียหลวงก็เถอะ แต่การที่ผู้ชายคนนึงจะมีเมียสองคนพร้อมๆ ไร่เรี่ยกันเป็นอะไรที่เลวชาติมาก เพราะถ้าไม่มีเมียสองคนพร้อมๆกัน ลูกๆก็คงไม่อยู่ในวัยใกล้เคียงกันหรอก แต่บางทีเรื่องพวกนี้ก็พูดยาก เค้าอาจจะไม่ได้อยากมีเมียทีเดียวสองคนก็ได้ อาจจะผิดพลาดทางเทคนิคอะไรก็ว่าไป(มึงยังเล่น = =) แต่เราว่าแม่ไผ่ดูจิตๆ ลูกเลยค่อนข้างเซนทิทีฟ(จิต)ตามแม่นะ คงเก็บกดบวกโรคจิตอ่อนๆ แล้วก็รุนแรงขึ้นพอมีอะไรมากระทบ อืมไม่รู้เค้าเรียกโรคอะไร แต่ทางที่ดี เห็นคนประเภทนี้ เราควรหลีกเลี่ยงเรื่องที่จะไปกระทบจิตใจเค้าจะดีกว่า ดูท่าแล้วคงคิดมาก และยากนานเสียด้วย คิดมากไม่เท่าไหร่ มันดันคิดเกินความจำเป็นนี่แหละ ที่ทำให้ไผ่แม่งเริ่มจิตจนกู่ไม่กลับ ส่วนจอห์นนี่ต้องขอชื่นชมในความรักอันนิรันดร์ แถมยังรู้เรื่องอะไรเยอะแยะไปหมด หล่อก็เงี๊ยะ(เกี่ยวมั้ย? - -) โดยรวมนี่ถือว่าดีสุดๆค่ะ บรรยายได้ดูจิตๆดี ชอบ 55555 :mew1: o13 :bye2:
สั้นๆ ง่ายๆ ผู้แต่งคุณสุดยอดมาก o13 ไม่อยากยาวเอาเป็นว่าเห็นชื่อผู้แต่งคนนี้แต่งเรื่องไหน จะพุ่งเข้าไปอ่านแน่นอน :laugh:
อ่านรวดเดียวจบแล้วหน่วงมากค่ะะ เรื่องนี้ไม่เศร้า ไม่น้ำตาคลอ แต่หน่วงๆในหัวใจ เป็นเรื่องที่เทามากๆ ไม่เคยอ่านแนวนี้มาก่อนนะคะ ชอบมากจริงๆ คือภาษาสวย ยิ่งอ่านยิ่งเทา ยิ่งเข้าใจความเป็นไปเรื่อยๆ ขอบคุณมากนะคะ ><
เบลอไปหมด
อืมมมมมมมมม มึนนนนนนนน o22 o22
ไม่รู้คนเขียนพยายามพาเราไปลึกถึงไหน แต่สัมผัสได้ถึง ...ฟรอยด์... ว่าเล่าเรื่องออกมาผ่าน จิตสำนึก จิตกึ่งสำนึก และ จิตใต้สำนึก โดยเฉพาะจิตใต้สำนึก ที่เข้าไปค้นถึงภายในจิตใจของไผ่... อึน มึน เมา แต่สนุกดีค่ะ...วนเวียนอยู่กับจิตใต้สำนึกเยอะมาก...ขอให้เด็กทั้งสองคนโชคดี :mew2:
อ่านแล้วเครียดอ่ะ จิตตกเลย !!!!!!! เรื่องนี้มันดาร์กมากจริงๆ
:mew5:ขอบคุณสำหรับนิยายค่ะ มันมึนยันจบเลย สรุปคืองงฮ่าๆๆๆ จอร์นเป็นคนฆ่า? ไผ่เป็นจิตไม่ปกติ? ซันเป็นวิญญานตามติดไผ่? คิมคงปกติอยู่คนเดียวานะ แล้วอีกคนนี่ใคร? จบแบบปมมัดคออยู่เลยอ่าาาา จะว่าสนุกก็สนุกจะว่าไม่ก็ไม่ มันค่อยข้างก่ำกึงอยู่ หรือเราติสไม่พอเลยออกจะมึนๆกะเรื่อง ยังไงก็แล้วแต่ถือว่าอ่านจบ ขอบคุณสำหรับนิยายค่ :mew6:
มันหน่วงจิตมากค่ะ :katai2-1: อ่านจบภายในไม่กี่ชั่วโมง เล่นเอามึน แต่กลับชอบอ่ะ คนแต่งเก่งมากค่ะ ชื่นชม :L2:
เกลียด เกลียดที่พระเอกมันชื่อจอห์น เบะปากมองบนแรงมาก เป็นเรื่องที่อ่านแล้วเหมือนดำน้ำ พอจะว่ายได้คลื่นก็ซัด ทีนี้ล่ะร่วงเลย ระหว่างร่วงก็เซตุปัดตุเป๋ไปด้วยในน้ำ ลอยตามคลื่นที่ซัดตีกันกลับไปกลับมาเหมือนความจริงในเรื่องที่ค่อยๆ เฉลย พอจบก็จบอ่ะ แบบหลับดีกว่า ปิ๊งงง ง o18 ที่สงสัยคือหลังจากนั้นทั้งคู่ไปไหน? แต่ไอ้ทางสามแพร่งนั่นน่ะ... คือมีซ้ายขวา ส่วนข้างหน้าคือเหวสินะ...? :ruready แต่ไผ่นี่ถ้าโตมาแบบปกติ มีความรู้สึกว่านางต้องฮ๊อตมาก หล่อมาก แซ่บลืม... โอ้ยยย พอ!
มีความหน่วง บางช่วงเหมือนได้โผล่มาหายใจบนผิวน้ำแต่ก็จมลงอีกครั้งอีกครั้งและอีกครั้ง :hao5:
ถูกดึงดูดด้วยเรื่องแนวนี้ตลอด เข้ามาอ่านทั้งๆ ที่รู้ว่าต้องปวดตับ ถึงบางช่วงเราจะยังไม่ค่อยกระจ่าง แต่ก็ยังชอบอ่านอยู่ดี ชอบการบรรยายความคิดของไผ่ มันสมจริงมากเลยค่ะ :ling3:
เหมือนแก้สมการอยู่ทุกๆตอน ลุ้นว่าต้องเจออะไรบ้างคิดคำตอบตรงไหนบ้าง ใครซักคนขุดขึ้นมา เพิ่งเห็นว่าต่อจบแล้ว
อ่านจบแล้ว หน่วงมาก จิตแบบอึดอัด เหมือนเรากำลังจมน้ำ ตอนจบนี่เราก็ไม่ได้รู้สึกว่าแฮปปี้เลยอะ เหมือนสองคนก็ยังแก้ปัญหาไม่ถูกหรือเปล่า ตอนนี้แหละตจอห์นคือคนที่ควรพบจิตแพทย์ไหม โอยยย บรรยายได้ดีมาก เปรียบเทียบได้สุดยอดเลยค่ะ ชอบมาก
:a5: :a5: o22 o22 รู้สึกงง สับสนมาก แต่ก็สนุกดีนะ :pig4: :pig4: :pig4:
เรื่องนี้อ่านแล้วอึดอัดมาก :ling1: :ling1: คนเขียนเขียนดีมากค่ะ o13 o13 หลายครั้งเราอยากให้ไผ่ตายไปเลยดีกว่าไม่ก็จำอะไรไม่ได้ไปเลย รู้สึกทรมานมากเลย :o12: :o12:
รวดเดียวจบ แค่เปิดเรื่องมาก็อึมครึมแล้ว อ่านมาเรื่อยๆด้วยความงงๆ จิตๆ ก็เข้าใจว่าเกิดจากเหตุๆเดียว ที่ทำร้ายจิตใจไผ่จนเป็นแบบนี้ แต่ก็ยังดีที่จอห์นช่วยไผ่ ทางที่ไผ่กับจอห์นเลือกคงเป็นทางที่ดีที่สุดแล้วล่ะ ขอให้ไผ่มีความสุขสักที อดีตแก้ไขไม่ได้ แตเราสามารถทดแทนด้วยความสุขได้ บรรยายได้ดาร์กมากมาย ขอบคุณคนเขียน
เหมือนจะเข้าใจ แต่ก็ไม่เข้าใจ อืมมมมม ปวดหัวแฮะ :ling3:
มืดมนจังเลย :serius2:
เพิ่งได้มาอ่านเรื่องนี้ ยอมรับง่าแรกๆบรรยายได้ชวนอึดอัด จนมวนท้อง แต่หลังๆเริ่มไม่เข้าใจ คนบรรยายนี่บรรยายจิตหลุดแบบสติไม่อยู่กะตัว ประสาทหลอนจริงๆ จนจสกอึนๆหน่วงๆ เป็นงงๆซะงั้น 55555 สรุปอะไรยังไง ท้ายๆก็ยังงงอยู่ รู้สึกติสไปหน่อย เข้าไม่ถึงคนประสาทหลอน (เคยเป็นแค่ซึมเศร้าง่ะ)
นิยาย ครึ้ม มืดมิด การสร้างบรรยากาศในนิยาย ดีจังครับ
รู้สึกอึดอัดขณะอ่านแต่หยุดอ่านไม่ได้เลย รู้สึกจิตใจหม่นหมอง ฮือ แต่พออ่านจบ อ้าวจบแล้วเหรอ ดาร์กมาก :sad4:
ไผ่ นะ ไผะ ยอมเค้าง่ายๆได้ไง วุ๊ย วัยรุ่นเซ็ง
เราตามอ่านตั้งแต่ตอนแรก อ่านไปก็อึนๆ หน่วงๆ มาตลอด ยิ่งตอนที่จอร์นมันมาทำดีด้วยแล้วมันก็หายหน้าไปแล้วก็กลับมาพร้อมกับความเลวระดับล้าน สงสารไผ่มาก ตอนนี้ก็ยังสงสารไม่หาย หนูไผ่ลูกไม่เข้าสังคม ลูกตีตัวออกห่าง หื้อออออ ชอบนะคะ บรรยายได้ดีมาก :hao5: :hao5:
ขอบคุณค่ะ
กว่าจะมาถึงตอนจบ เรียกได้ว่ารากเลือด คลี่คลายปมได้สุดยอดเลย ภาษาก็พาเราดำดิ่งไปสุดจริงๆ ฟู่ว ดิ่งจัด มาหายใจทั่วท้องก็ตอนจบนี่แหละ คุณคนเขียนสุดยอดไปเลย :katai1:
ขอบคุณมากๆค่ะ ไรท์ อยากบอกว่าไม่ว่าแนวไหนเราก็ชื่นชอบฝีมือไรท์มากๆ เราเห็นเรื่องนี้นานแล้วแต่เปิดค้างไว้ไม่ได้อ่านสักที ขอโทษ..เราตัดสินใจอ่านตอนตัวเองแย่มากๆ เพราะอยากร้องไห้แต่ร้องไม่ออก ได้ร้องไห้แล้วโล่งมาก ขอบคุณจริงๆนะคะ
รู้สึกเหมืนโดนดึงขายู่ใต้มหาสมุทร แทบจะขาดอากาศหายใจ ทรมานมาก แต่ก็อ่านจนจบ ปวดใจสุด ๆ เป็นเรื่องที่ดำดิ่งลงไปสุด ๆ จริง ๆ ค่ะ ขอบคุณสำหรับนิยายนะคะ :z10: :z10: :z10:
อ่านหน้าหนึ่งจบมาอ่านคอมเม้นสี่หน้าสุดท้าย ส่วนมากบอกอึดอัด มืดมน ดำดิ่ง บางคนบอกดี บางคนบอกดีเหมือนกันแต่งง อ่านต่อไม่ถูกเลยทีเดียวเพราะกลัวงงไปด้วย แต่ไผ่ดูย้ำคิดย้ำทำมากทีเดียวจากหน้าแรกเพราะงั้นผ่านก่อน เอาไว้สมองโปร่งค่อยเลี้ยวกลับมา นี่ปักไว้ก่อนละกัน
:pig4: