ตอนที่ 4ดรีมตื่นเช้า เนื่องจากวันนี้เขามีเรียน ก่อนจะไปร่างบางก็ไม่ลืมที่จะทำอาหารเช้าไว้ให้เผ็ด อาหารเช้าต้องเป็นอะไรที่หนักท้องพอสมควร แม่เคยบอกว่าจะทำงานได้มีประสิทธิภาพคือในช่วงเช้า ดังนั้นถ้าไม่กินอาหารเช้าก็จะทำให้หมดแรงได้ง่ายๆ ร่างบางจึงเลือกทำแซนวิชทูน่า พร้อมกับไข่ดาวอีกหนึ่งฟอง
“ทำอะไร”
“อุ้ย..คุณเผ็ด”
มาไม่ให้สุ่มให้เสียงเลยสักนิด อีกทั้งยังยืนช้อนหลังคนตัวเล็กที่กำลังจัดแจงแซนวิชใส่จานอยู่อีกต่างหาก พอดรีมเห็นไปถึงกับตะลึง แผงอกกำยำมีหยดน้ำเกาะประปรายเหมือนพึ่งอาบน้ำเสร็จ พร้อมกับผมเปียกที่ลู่ลงปิดหน้าหล่อเหลานั้นอีก พอมองต่ำลงไปก็เห็นผ้าเช็ดตัวสีขาวพันเอวไว้อย่างหมิ่นเหม่ เห็นแบบนี้แล้วใจสั่นเลยทีเดียว
บ้าน่ะ! ใจสั่นอย่างนั้นหรือ ของแบบนี้ก็เคยเห็นมาแล้วอย่างตอนอยู่กับภูริช อาจจะเป็นเพราะเผ็ดและดรีมยังเป็นคนแปลกหน้าอยู่ก็ได้
“คะ...คือผมทำแซนวิชไว้ให้น่ะครับ”
“มีเรียนเช้าหรือ”
“ใช่ครับ”
“แล้วเลิกกี่โมง” ร่างสูงถามทั้งๆที่ยังยืนเบียดชิดกับดรีมไม่ยอมไปไหน ส่วนคนตัวเล็กกว่าได้แต่ถอยหลังจนชิดเคาท์เตอร์ครัว
“สี่โมงเย็นครับ”
“อืม เดี๋ยวไปพร้อมกัน”
“คุณเผ็ดมีเรียนเช้าหรือครับ เอ่อ..ผมนั่งรถเมล์ไปก็ได้ ผมเกรงใจ”
“มี ไปกับกู...อย่าเรื่องมาก” เสียงทุ้มเริ่มมีเนื้อเสียงที่หงุดหงิด ดรีมจึงได้แต่พยักหน้ารับ
“ทำไมมีจานเดียว”
ร่างสูงเหล่มองจานแซนวิชที่มีอยู่เพียงจานเดียวบนเคาท์เตอร์ จริงๆแล้วดรีมตั้งใจจะทำให้เผ็ด แต่ไม่ได้ทำส่วนของตัวเองไว้ เนื่องจากคิดว่าจะไปกินที่โรงอาหารคณะตัวเอง จึงได้รีบตื่นแต่เช้า
“ก็ผมทำให้คุณเผ็ดคนเดียว เอะ...หรือว่าจะทำให้ลูกน้องคุณเผ็ดด้วยครับ”
“ไม่ต้อง แล้วมึงไม่กินหรือ”
“ผมว่าจะไปทานที่โรงอาหารคณะครับ”
“กินพร้อมกูนี่แหละ มึงกินรอเลย เดี๋ยวกูไปแต่งตัวก่อน”
ควรจะไปแต่งตัวตั้งนานแล้วไหมเนี่ย เดินโทงๆรอบห้องแบบนี้ไม่อายเขาบ้างหรือไร
พอถึงหน้าคณะเศรษฐศาสตร์ ดรีมถึงกับไม่กล้าลงจากรถ เพราะตอนนี้คนเดินขวักไขว่อยู่หน้าคณะเยอะมาก อีกทั้งพวกที่นั่งอยู่ม้าหินอ่อนอีก มองออกไปนอกกระจกรถ ดรีมก็พบว่าทุกสายตาจับจ้องมาที่รถปอร์เช่สีดำเงาคันที่เขานั่งอยู่ มีไม่กี่คนที่ขับรถรุ่นนี้ ทุกคนก็คงรู้แหละว่าเป็นรถของเสี่ยเผ็ดแห่งนิติศาสตร์
“จะนั่งอีกนานไหม” เสียงร่างสูงปลุกจากภวังค์
“เอ่อ...ขอโทษครับ แล้วก็ขอบคุณมากครับที่มาส่ง” ดรีมยกมือไหว้อีกคน ก่อนจะเอี้ยวตัวไปปลดเข็มขัดนิรภัย
“ห้าโมงเย็นรออยู่นี่ เดี๋ยวมารับ”
“ครับ”
พอร่างบางเปิดประตูลงจากรถ ทุกสายตาที่จับจ้องมาก่อนหน้านี้ ยิ่งจ้องตัวเขาที่พึ่งลงจากเดิน เกิดความเงียบเกิดขึ้น บางคนเริ่มหันไปซุบซิบกับกลุ่มเพื่อนตัวเอง
“ทำไมดรีมได้มากับเสี่ยเผ็ดวะ”
“เออนั้นดิ...หรือจะเป็นเด็กในสต็อกของเสี่ยเผ็ด”
“บ้าหน่า ดรีมมันคบกับภูนี่หว่า”
“หรือคบซ้อน”
เสียงซุบซิบนินทากระทบเข้ามาที่หูของดรีม มันทำให้ร่างบางรู้สึกอึดอัดไม่น้อย เจ้าตัวเลยรีบเดินดุ่มๆเข้าไปที่ตัวอาคารเรียน ไม่ทันได้ก้าวขึ้นบันไดก็มีมือมาดึงแขนดรีม แล้วลากไปยังด้านหลังอาคารเรียน ที่ไม่ค่อยมีผู้คนเดินผ่าน
“ควีน!” ดรีมร้องเสียงหลงเมื่อรู้ว่าคนที่ลากเขามาคือเพื่อสนิทของเขานั้นเอง
“ชู่ววว เงียบๆหน่อย” สาวสวยรูปร่างปราดเปรียวตรงหน้ายังคงลากเขาไปในที่ลับตาคน
“ไหนเล่ามาสิ ทำไมแกได้มากับเสี่ยเผ็ดแห่งนิติศาสตร์นั้นได้”
“อะ...เอ่อคือ”
“เล่ามาให้หมดเลยนะ ถ้าแกยังเห็นฉันเป็นเพื่อน”
ควีนชี้หน้าข่มขู่ เพราะเธอรู้ว่าเพื่อนเธอคนนี้เป็นที่ชอบเก็บอะไรหลายๆอย่างไว้คิดอยู่คนเดียว นี่แหละที่ทำให้เธอเป็นห่วงนักห่วงหนา เกิดบ้าสติแตกขึ้นมาสักวันจะทำยังไง
ดรีมเล่าเรื่องทุกอย่างให้ควีนฟัง ตั้งแต่ต้นที่ภูวิชเริ่มหันกลับไปเล่นพนันบอลจนเจ้าหนี้ต้องมาทวงเงิน พอหมดปัญญาก็เอาตัวเขาไปจำนำเหมือนสิ่งของเพื่อแลกกับเงินอีกก้อน พร้อมกับข่มขู่เขาด้วยคลิปวิดีโอบ้านั้น พอได้ฟังจากปากเพื่อนสนิท ควีนได้แต่กำมือแน่นด้วยความแค้นเคือง มันกล้าทำแบบนี้ได้อย่างไร ภูริชมันไม่ใช่คนแล้ว!
“แล้วแก...ต้องไปอยู่กับเสี่ยเผ็ดอย่างนั้นหรือ!”
“อืม...จนกว่าไอ้ภูมันจะหาเงินมาคืนจนหมด”
“ฉันจะไถ่ตัวแกเอง!” หญิงสาวพูดขึ้น
“ไม่ได้นะ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับควีน อย่าทำแบบนี้เลย มันเป็นกรรมของดรีมเอง”
ดรีมรู้ว่าควีนเองก็มีครอบครัวร่ำรวยมากพอสมควร แต่การที่เพื่อนช่วยปลดหนี้ให้มันก็ไม่ถูก ถ้าดรีมเป็นอิสระ ไอ้ภูริชมันรู้เข้ามันก็ได้ใจน่ะสิ แบบนี้ภูริชก็จะไม่เข็ดหลาบสักที คนแบบมันต้องโดนเข้าสักทางถึงจะรู้สึกตัว
“แกก็คิดอยู่แบบนี้ แล้วไปอยู่กับไอ้เสี่ยนั้น...เขาให้แกทำอะไรบ้าง”
“ทุกอย่างที่เขาต้องการ”
“อย่าบอกนะว่า...”
“ก็แบบนั้นด้วย” ชายหนุ่มได้แต่ถอนหายใจ พอคิดถึงเรื่องที่เผ็ดพูดเมื่อคืนแล้วก็กลัวขึ้นมา เมื่อคืนถือว่าเป็นโชคดีของเขาที่รอดมาได้ แต่เมื่อคืนนี้...และคืนต่อๆไปอาจจะต้องยอมอยู่ดี
“เจ็บใจชะมัด! ทำไมคนดีๆแบบแกต้องมาเจออะไรแบบนี้ด้วยวะ” หญิงสาวสบถออกมาอย่างหัวเสีย
“ช่างมันเถอะควีน...กรรมใดใครก่อเดี๋ยวคงได้สนองคืนเอง”
หลังจากเลิกเรียน ดรีมก็มานั่งอ่านหนังสือรออีกฝ่ายมารับ เขาจำได้ว่าเผ็ดเลิกห้าโมงเย็น วันนี้ดรีมเลิกเลทก็คงไม่ได้รอนานเท่าไหร่ ระหว่างที่นั่งอ่านหนังสือไปเพลินๆ ร่างบางก็ได้ยินเสียงเอะอะโวยวายมาจากหลังอาคาร ภาพที่เห็นคือมีชายฉกรรจ์หลายคนลากดึงใครบางคนเข้าไปที่หลังอาคาร ชายหนุ่มคนที่โดนลากคุ้นหน้าคุ้นตาซะเหลือ คงเป็นใครไม่ได้ถ้าไม่ใช่ภูริช
เจ้าหนี้คงมาดักรอทวงเงิน ถ้าไม่จ่ายก็คงเป็นอย่างที่เห็น ดรีมแอบเดินตามไปดูอย่างกล้าๆกลัวๆ แต่เสียงโวยวายนั้นเงียบลงไปแล้ว พอชะโงกหน้าไปก็พบกับร่างภูริชที่นอนอยู่ ร่างกายของร่างสูงมีแผลฟกช้ำไปทั่ว บริเวณเบ้าตาก็เขียวช้ำจนดูหน้ากลัว เลือดสีแดงสดไหลลงอาบทั้งหน้า จากหน้าตาหล่อเหลาก็มีแต่รอยบาดแผลฟกช้ำดูไม่ได้ ดรีมหันซ้ายหันขวาไม่เห็นพวกเจ้าหนี้ของมันแล้ว ร่างบางจึงย่องเข้าไปสะกิดภูวิชที่นอนอยู่
“ไอ้ภู...”
เหมือนกับว่าอีกฝ่ายจะไม่ตอบสนองแล้ว พอลองเอานิ้วอังจมูกก็รู้ว่ายังหายใจอยู่ แบบนี้ค่อยโล่งอกไปทีที่ไม่ได้เห็นมันตายไปต่อหน้าต่อตา ว่าแล้วร่างบางก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเตรียมจะโทรเรียกรถพยาบาล แต่กลับต้องชะงัก
มันทำกับเขาไว้เจ็บแสบแค่ไหน จำไม่ได้หรือ?
คนอย่างภูริชมันต้องโดนแบบนี้แหละถึงจะเข็ดหลาบ
ดรีมเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋า ก่อนจะค่อยๆลุกขึ้นมองภูริชด้วยสายตาที่เย็นชา มันสมควรแล้วที่จะโดนแบบนี้ ดรีมไม่ควรยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือคนแบบภูริชอีก จบกันแล้วก็คือจบ คิดได้แบบนั้นดรีมจึงเดินย้อนกลับไปนั่งรอเผ็ดมารับที่หน้าคณะเหมือนเดิม แต่ก็เจออีกฝ่ายยืนพิงรถปอร์เช่สุดหรูมองมายังที่เขา ดรีมจึงรีบเก็บกระเป๋าแล้ววิ่งไปหาร่างสูงที่ยืนรอ
“ขอโทษครับ พอดีผมไปเข้าห้องน้ำมา”
“อืม...กูหิวแล้ว”
“จะแวะทานอะไรก่อนไหมครับ”
“อยากกินฝีมือมึง”
“เอ่อ...งั้นช่วยแวะร้านสะดวกซื้อได้ไหมครับ พอดีผมเห็นว่าของในตู้เย็นหมดแล้ว”
“เออ”
เผ็ดแวะร้านสะดวกซื้อที่อยู่หน้ามหา’ลัย ร่างบางลงจากรถเพื่อไปเลือกซื้อของสดที่จะทำให้อีกฝ่ายตอนเย็น คิดไว้แล้วว่าจะทำอาหารไทยดู เพราะส่วนตัวแล้วดรีมชอบทานอาหารไทยมากที่สุด แต่ก็ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะชอบด้วยรึเปล่า ก็ต้องลองทำดู ระหว่างที่รอคิดเงินอยู่หน้าเคาท์เตอร์นั้นเอง ร่างสูงที่นั่งรออยู่ในรถตอนแรกก็เดินเข้ามาในร้านสะดวกซื้อ พร้อมกับกอดอกมองอะไรสักอย่าง
ดรีมเหล่มองอีกฝ่ายน้อยๆ เห็นว่าอีกฝ่ายกำลังยืนจ้องอะไร ร่างบางถึงกับหน้าร้อนวาบขึ้น
“ชอบกลิ่นสตอเบอร์รี่ไหม” ร่างสูงเอ่ยถาม
“อะ....เอ่อ....”
“แต่กูชอบฟีเธอร์ไลท์ มันบางที่สุด...”
ร่างสูงยังคงพูดต่อไปอย่างไม่อาย แต่กลับทำให้คนที่ยืนถือของอยู่อายแทบจะมุดแผ่นดินหนีอยู่แล้ว พอหันไปทางพนักงาน ดรีมก็เห็นว่าพวกเธอหัวเราะคิกคักแล้วมองมาที่พวกเขาสองคน
“คุณเผ็ด...กลับกันเถอะครับ” ร่างบางเว้าวอน อยากจะรีบหนีไปจากตรงนี้ให้เร็วที่สุดเลย
“ไม่เห็นหรือ ว่ากูเลือกถุงยางอยู่” คนตัวสูงหันมาชักสีหน้าใส่เขาก่อนจะหันไปเลือกถุงยางอนามัยอย่างจริงจัง
“อืม...เอาฟีเธอร์ไลท์นี่แหละ มีไซส์ฝรั่งไหมวะเนี่ย” พูดไปพลางหยิบกล่องถุงยางอนามัยมาเช็คดูขนาดไซส์
พอได้ยินแบบนั้นยิ่งทำให้ร่างบางร้อนวาบไปทั้งตัว อายก็อาย แล้วพอคิดถึงขนาดไซส์ถุงยางอนามัยของอีกฝ่ายยิ่งทำให้ดรีมตัวแดงเพราะความเขินอายไปทั้งตัว คืนก่อนไม่โดนแต่คืนนี้ก็คงไม่รอด ยิ่งคิดก็ยิ่งเครียดแถมหัวใจเจ้าตัวนี่เต้นแรงแทบจะเด้งออกมาอยู่แล้ว ดรีมอยากจะร้องไห้ออกมาซะตรงนี้เลย!
คุณเผ็ด...คนบ้าเอ้ย!
TBC.
talk ; เอาพี่เผ็ดมาส่งแล้วค่าาาาาา