บทที่ 8
เช้ามืดของวันต่อมา เมฆาตื่นแต่เช้าเมื่อหมอชัยเข้ามาปลุกเขา เมฆาอาบน้ำเตรียมตัวและสะพายกระเป๋าพวกอุปกรณ์รักษา เขาสวมเสื้อคลุมตัวไม่ใหญ่มากและกระชับมันให้แน่นขึ้นเมื่อออกมาจากที่พักแล้วเพราะอากาศข้างนอกตอนเช้าๆค่อนข้างจะหนาวเย็นไม่น้อย
เมื่อมองไปขอบฟ้าทางตะวันออกก็เห็นพระอาทิตย์กำลังขึ้น สีทองของแสงอาทิตย์นั้นค่อยๆทาบทับลงกับสวนกะหล่ำของชาวบ้าน นั่นเป็นภาพที่น่าดูไม่น้อยเลยทีเดียว
เมฆาเดินมารวมกลุ่มที่ยืนอยู่ไม่ไกล เห็นหมอชัยกำลังยืนคุยกับชาวบ้านคนหนึ่งอยู่ พี่พยาบาลที่จะไปด้วยเป็นคนบอกเมฆาว่าชาวบ้านคนนี้จะเป็นคนนำทางเราไปหมู่บ้านข้างล่าง
เมื่อเบนสายตาไปอีกไม่ไกลเมฆาก็เจอเพียงดินที่กำลังยืนมองออกไปอีกทางในมือมีแก้วกาแฟอยู่ แค่ท่ายืนก็ขี้เก๊กแล้ว ทำมาเป็นยืนเท้าสะเอว แล้วเสื้อหนังตัวหนาๆนั่นทำให้เมฆาอยากจะขำออกมา แต่ก็ยอมรับว่าไอ้พ่อเลี้ยงคอกวัวนี่ใส่ออกมาแล้วมันดูดีจริงๆ
เขาแอบเห็นสาวๆพยาบาลมองเพียงดินด้วยแววตาเคลิ้มฝัน นั่นทำให้เมฆาเบ้ปากออกมา เมฆาอยากจะเดินไปกระโดดถีบหมอนี่ตกเขาเสียจริง
“ป่ะ พร้อมแล้ว ออกเดินทางกันเถอะ” หมอชัยบอกทุกคน เมฆาขานรับก่อนจะเดินตามหมอชัยที่ออกตัวเดินนำไปพร้อมกับชาวบ้านที่นำทาง
ชาวบ้านที่นำทางแกชื่อลุงกือเลาะ แกบอกว่าหมู่บ้านข้างล่างชื่อหมู่บ้านสันติเป็นหมู่บ้านของชาวอาข่า เราต้องเดินเท้าเข้าไปราวๆหนึ่งกิโลเมตร เมฆาไม่มีปัญหากับการเดินอยู่แล้ว ดีเสียอีกเขาจะได้ซึมซับบรรยากาศบริสุทธิ์นี้ให้มากๆหลังจากอยู่แต่เมืองกรุงที่มีแต่หมอกควันมาทั้งชีวิต
ความจริงที่นี่ก็น่าอยู่ไม่น้อย เขาคิดว่าเขาชอบภูเขา ไม่อย่างนั้นคงไม่มาหาตะวันทุกปี และไม่แอบขอไปนอนกับภุมรินที่ไร่ บรรยากาศในไร่มันน่าอยู่จะตาย แต่ก็นะ เขาก็มีบ้านของเขา มีหน้าที่ที่ต้องทำ จะให้ไปเป็นคนงานในไร่น้ำรินก็คงจะไม่ไหว
“ถ้ากระเป๋ามันหนักให้ฉันช่วยถือก็ได้นะ เห็นแล้วสงสารว่ะ” แล้วบรรยากาศยามเช้าอันสดใสของเมฆาก็ต้องจบลงเมื่อคู่อริคนเดิมมาเดินข้างพร้อมกับพูดจากวนประสาท
“นี่นายเพียงดิน เลิกยุ่งกับฉันซักวันมันจะเป็นอะไรมั้ย” เมฆาหันไปว่า
พักหลังเขาเริ่มขี้เกียจเถียงเพียงดินแล้ว เพราะเขาคิดว่ามันไร้สาระ เหตุผลบ้าๆที่เพียงดินกล่าวหาว่าเขาไปชอบไอ้พี่รัชนั่นมันชั่งปัญญาอ่อนสิ้นดี เมฆาไม่สนใจแล้ว เพราะยังไงตอนนี้สิตางศุ์ก็เข้าใจเขาและไม่ระแวงเรื่องเขากับรัชพล และอีกอย่างเขากับรัชพลก็บริสุทธิ์ใจต่อกัน จะมีก็แต่ไอ้พ่อเลี้ยงคอกวัวนี่แหละ ที่เหมือนจะคิดไม่ซื่อกับสิตางศุ์
“อยากยุ่งด้วยตายล่ะ ไอ้เราก็แค่สงสาร เห็นตัวเท่าหมากระเป๋าต้องมาแบกกระเป๋าใบโตๆ กลัวจะตกเขาตายไปก่อน” เพียงดินว่า
ความจริงแล้วเขาคิดอยากจะช่วยเมฆาก็เท่านั้น แต่ปากมันดันพาหมาออกมาเดินเพ่นพ่านซะนี่เลยพูดออกไปแบบนั้น กระเป๋ามันใบไม่ใช่น้อยๆ เมฆาก็ตัวเท่าไหร่เองแบกขึ้นเขาลงเขาคงจะเหนื่อยอยู่เหมือนกัน เขาก็แค่อยากจะช่วย
เท่านั้นจริงๆ! ก็นะ ไอ้หมอเตี้ยเนี่ยวันๆเคยลำบากแบบนี้ที่ไหน เขานี่สิตากแดดในไร่ทั้งวัน เพียงดินคนนี้ก็มีน้ำใจพอที่จะช่วยหมากระเป๋าชื่อเมฆาถือกระเป๋ายาใบโต ไม่ได้มีอะไรนอกเหนือจากนั้น แม้ว่าเอวเมฆาจะน่ากอดก็เถอะ
เมฆาไม่ตอบอะไรเพราะขี้เกียจเถียงกับเพียงดิน เขาเลยเร่งฝีเท้าเดินนำหน้าเมฆาไปไกลไปเดินอยู่ข้างๆหมอชัย เพียงดินได้แต่มองตาม เพราะไม่อยากไปพูดจากวนประสาทเมฆาต่อหน้าหมอชัยอีก ทำให้ตลอดทางทั้งสองคนเดินแยกกันอยู่อย่างนั้น
ทางไปหมู่บ้านสันติเป็นทางลงเขาที่ค่อนข้างจะลาดชัน เมื่อลงไปข้างล่างแล้วก็ต้องเดินพื้นราบอีกครึ่งทาง เมฆาไม่คิดว่าการเดินเขาครั้งนี้มันเหนื่อยเพราะเขาคิดว่าเขาสนุกไปกับมัน ไร่กะกล่ำของชาวบ้านทอดยาวออกไป แสงแห่งเช้าวันใหม่กระทบจนมันกลายเป็นสีส้มจ้างๆ บริเวณรอบๆก็มีแต่ต้นไม้ เมื่อมองออกไปก็เจอหมู่บ้านสันติแล้ว
ใช้เวลาไม่นานทั้งหมดก็มาถึงที่ลานกว้างของหมู่บ้าน มีการกล่าวต้อนรับเล็กน้อยจากหัวหน้าหมู่บ้านก่อนทีคณะจากโรงพยาบาลจะไปจัดพื้นที่เพื่อตรวจสุขภาพ ชาวบ้านที่นี่ไม่เยอะเท่ากันที่หมู่บ้านผาตะวัน ทำให้เมฆาไม่เหนื่อยเท่าที่ควร
เพียงดินเองเมื่อลงมาข้างล่างแล้วก็เดินไปดูสวนกะหล่ำของชาวบ้าน เจออดีตคนงานไร่ของตัวเองที่ตอนนี้กลับมาทำไร่ที่บ้าน เขาเข้าไปทักทายนิดหน่อยพร้อมกับถามเรื่องการปลูกกะหล่ำ เพียงดินแค่สนใจแต่ถ้าให้มาปลูกเองคงไม่ไหว เขาคิดว่ากะหล่ำของชาวบ้านที่นี่ถ้าส่งขายน่าจะกำไรดี และชาวบ้านก็น่าจะมีรายได้ดีไม่น้อยเลยทีเดียว
พักกลางวันเป็นเวลาที่ได้หยุดพัก นั่นทำให้เพียงดินต้องมาเจอเมฆาอีกครั้ง จากเหงื่อที่ชื้นไรผมนั้นทำให้เพียงดินรู้ว่าคนตัวเล็กเหนื่อยมากแค่ไหน เขารู้ว่าอาชีพหมอมันเหนื่อยแค่ไหน แล้วยังจะต้องมาเดินเขาขึ้นๆลงๆอีก มองหน้าหมอเมฆ มองไปมองมาก็น่ารักไม่หยอก
ผมสีน้ำตาเข้มที่เกือบจะดำนั้นเข้ากับรูปหน้า ผิวดีๆของคนที่เคยอยู่ต่อในเมืองตอนนี้มันแดงระเรื่อจากไอแดดและการทำงาน จนหน้าหมอเมฆแดงเป็นมะเขือเทศสุกไปแล้ว ปากเล็กๆนั่นมันน่าจับมาบีบให้หายหมั่นเขี้ยว ชอบนักกับการด่าทอคนอื่นเนี่ย เด็กบ้าอะไรปากจัดชะมัด
มองไปมองมาเพียงดินก็แอบหัวเราะอยู่คนเดียว เขานี่ท่าจะบ้า บ้ามากๆด้วยที่มานั่งแจกแจงเมฆาถึงขนาดนี้ จนตอนนี้เขาเองก็ยังคิดว่าไอ้หมอเตี้ยนี่มันชอบคุณรัชอยู่
แน่นอนล่ะ การแสดงออกอย่างนั้นมันจะมีอะไรมากไปกว่าการแอบชอบซะอีก แต่บางทีนะ เพียงดินก็คิดอิจฉาคุณรัชที่มีคนชอบมากมาย แต่สุดท้ายคุณรัชเค้าก็เลือกคุณสิตางศุ์ อย่างไอ้หมอเตี้ยนี่ไม่เหมาะกับคุณรัชหรอก
“อะไรกันคุณดิน นั่งยิ้มอยู่คนเดียว” หอมชัยพูดขึ้นหลังจากเขากินข้าวกลางวันเสร็จแล้ว เพียงดินแอบสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนจะหันมายิ้มให้หมอชัย
“เปล่าหรอกครับ คิดอะไรไปเรื่อยน่ะ” เพียงดินตอบ
เมฆาที่กินข้าวอยู่หันไปมองเพียงดินที่เอาแต่ยิ้มกรุ้มกริ่ม เขารู้สึกได้ว่าเพียงดินแอบมองเขาอยู่ ไม่วายหมอนี่คงหัวเราะเยาะอะไรเขาอีกแน่ เมฆาไม่ได้พูดอะไรออกไป เพราะไม่อยากจะเถียงกับเพียงดิน เขาเหนื่อยมากแล้ว
“อ้อ เย็นนี้มีตลาดด้วยนะ ชาวบ้านแถวนี้เค้าจะมารวมกันที่นี่น่ะ พวกเราอยากไปมั้ย” หมอชัยพูดขึ้น เขาเพิ่งรู้จากลุงกือเลาะเมื่อครู่ว่าเย็นนี้มีตลาดของชาวเขาด้วย ก่อนกลับก็น่าจะแวะไปเสียหน่อย
“ไปค่ะ ทำงานทั้งวันน่าจะไปผ่อนคลายบ้าง” พยาบาลสาวพูดขึ้น
“ก็ดีเหมือนกันนะครับ ผมสนใจพวกผักที่ชาวบ้านปลูกมาก ในตลาดน่าจะมีสินค้าพวกนี้เยอะ ลองไปดูหน่อยก็ดี” เพียงดินเองก็สนใจ
“ถ้าอย่างนั้นก่อนกลับเราค่อยไปกัน แล้วหมอเมฆล่ะว่ายังไง” หมอชัยหันมาถามเมฆาที่เอาแต่นั่งนิ่งเงียบไม่ยอมพูดยอมจา
“ไปก็ไปครับ” เขาตอบเพียงเท่านั้น ความจริงเขาก็อยากลองไปเหมือนกัน ตลาดชาวเขาอย่างนั้นเหรอ มันก็น่าสนใจไม่น้อย แต่มันจะดีกว่านี้ถ้าไม่มีตัวกวนประสาทอย่างเพียงดินไปด้วย
แล้วเย็นวันนั้นก่อนกลับหมู่บ้านผาตะวัน ลุงกือเลาะก็พาทั้งหมดไปที่ตลาดซึ่งเป็นทางผ่านขึ้นกลับไปหมู่บ้านผาตะวัน
เมื่อถึงที่หมายพยาบาลสาวสองคนก็แยกกันไปอีกทางเพราะพวกเธอมีทีท่าสนใจชุดพื้นเมืองของชาวเขาเข้าแล้ว หมอชัยก็แยกไปเดินกับลุงกือเลาะทิ้งให้เมฆาเดินตามหา แต่เดินไปเดินมาทั้งสองคนก็ลับสายตาไปเสียแล้ว พอรู้ตัวอีกทีเพียงดินก็มาเดินด้วยข้างๆ นั่นทำให้เมฆาถอนหายใจอย่างปลงตก
เพียงดินที่เดินตามเมฆามาคว้าเอากระเป๋าเครื่องมือแพทย์มาถือโดยที่ไม่ถามเมฆาแม้แต่คำเดียว เขาก็แค่เห็นว่าเมฆาเหนื่อยมากแล้ว การเดินถือกระเป๋าหนักๆแบบนี้ก็กลัวว่าคุณหมอตัวเล็กจะเป็นลมล้มพับไปเสียก่อน
แต่ความหวังดีของเพียงดินนั้นเมฆากลับมองว่ามันเป็นการกวนประสาทของเพียงดินเสียมากกว่า คุณหมอตัวเล็กเลยตวัดสายตามาฟาดเพียงดินไปหนึ่งที
“นี่ วันนี้ฉันเหนื่อย หยุดกวนประสาทซักทีได้มั้ย เอากระเป๋าฉันคืนมา” เมฆาว่าพร้อมกับยื่นมือไปข้างหน้าเพื่อจะขอกระเป๋าของตัวเองคืน
“ถ้าอยากได้ก็เดินตามมาเอาเองแล้วกัน” เพียงดินพูดแค่นั้นก่อนจะเดินนำเมฆาไป ความจริงเขาแค่อยากจะช่วยเท่านั้นแหละ แต่ปากมันดันพูดดีๆไม่เป็นซะอย่างนั้นเมื่ออยู่ต่อหน้าเมฆา
ขายาวๆก้าวเดินนำมาเรื่อยๆ เมฆาก็เดินตามด้วยใบหน้าที่ไม่สบอารมณ์เท่าที่ควร เพียงดินพาเขาแยกเข้าไปในส่วนที่เป็นสินค้าพวกผักและผลไม้สด ซึ่งเรียงรายกันเป็นแถวยาว เมฆาคิดว่ามันจะเป็นเพียงแค่ตลาดเล็กๆเสียอีก แต่ที่ไหนได้ มันเป็นตลาดใหญ่ที่รวมสินค้าทั้งหมดไว้ต่างหาก
“อันนี้เค้าเรียกอะไรเหรอ” เมฆาหยุดเดินแล้วนั่งยองๆเมื่อเห็นว่ามีผลไม้หน้าตาประหลาดวางอยู่ เขาเลยถามเด็กหญิงคนหนึ่งที่แต่งตัวด้วยชุดพื้นเมือง
เด็กหญิงคนนั้นมองหน้าเมฆาแล้วเริ่มจะถอยหนี ไม่ยอมพูดยอมจาด้วย เมฆาถึงกับคิ้วขมวด ทำไมเด็กถึงทำท่าเหมือนกลัวเขาขนาดนั้นกัน
“หมอ” สำเนียงที่พูดไม่ชัดนั้นทำให้เมฆาเข้าใจถึงสิ่งที่เด็กขายของคนนี้คิด เขายังอยู่ในชุดที่ใครๆมองก็รู้ว่าทำอาชีพอะไร และแน่นอนว่าเด็กย่อมไม่ถูกกับคุณหมอ นั่นเป็นสิ่งที่เมฆาเจอตลอดตั้งแต่เริ่มรักษาคนไข้มา
“หึๆ อันนี้เค้าเรียกว่ามะหลอด เป็นผลไม้เมืองเหนือ ถ้าแก่แล้วมันจะลูกแดงๆ รสเปรี้ยวๆ” เมื่อแม่ค้าตัวน้อยไม่ยอมตอบเพียงดินที่ยืนดูอยู่ก็ตอบแทนพร้อมกับมานั่งอยู่ข้างๆเมฆา
“ใครถามกัน” เมฆาหันไปค้อน
“อ้าว ก็เห็นเด็กไม่ยอมตอบเพราะกลัวหมอ เกษตรกรดีเด่นอย่างผมก็ต้องตอบแทนสิครับ” เพียงดินพูดอย่างอารมณ์ดี
“นี่หนู ฉันอยากลองชิมน่ะ ขายยังไงเหรอ” เมฆาไม่สนใจคนที่นั่งข้างๆแล้วหันไปถามเด็กอีกรอบ
“ห่อละห้าบาทจ้า” แต่คราวนี้เป็นหญิงสาวคนหนึ่งที่ตอบแทน เธอเพิ่งเดินมานั่ง
เด็กหญิงโผเข้ากอดผู้หญิงคนนั้นอย่างแรก แอบหันมามองเมฆาบ้างแล้วก็มุดหน้าลงกับไหล่ของแม่ เมฆายิ้มน้อยๆให้กับความน่ารักนั้น ทำไมนะ ทำไมเด็กๆชอบกลัวหมอกันจัง
“อ่ะ” เพียงดินยื่นผลไม้สีแดงสดมาให้เมฆาที่มัวแต่นั่งยิ้ม
“อะไร” เมฆาถาม อะไรของเพียงดินอีก
“มะหลอดไง อยากลองไม่ใช่เหรอ ฉันซื้อมาแล้ว” เพียงดินว่า
คุณหมอเมฆเอาแต่นั่งแกล้งเด็กจนเขาซื้อมาแล้วถุงนึง ความจริงมะหลอดมันก็ออกได้ทั่วไป เพียงดินยังแปลกใจไม่น้อยที่มีขายด้วย แต่คนเมืองอย่างเมฆาคงยังไม่เคยกินผลไม้พื้นๆแบบนี้เท่าไหร่
“ฉันซื้อเองได้น่า” เมฆาหันไปเอ็ด เขาไม่ได้บอกให้ไอ้หมอนี่ซื้อให้ซะหน่อย เขาอยากกินเขาก็ต้องซื้อเองอยู่แล้ว ยุ่งไม่เข้าเรื่องจริงๆ
“ซื้อมาแล้วก็กินไปเถอะน่า อ่ะ” เพียงดินยื่นไปอีกรอบแต่เมฆาก็ยังนิ่ง นั่นทำให้พ่อเลี้ยงหนุ่มทนกับความดื้อของเมฆาไม่ไหวเลยยัดมะหลอดเข้าไปในปากเมฆาซะเลย
“อื้อ! ไอ้บ้า มันเปรี้ยว” เมฆาโวยลั่นเมื่อมะหลอดลูกแดงสุกเข้าไปในปาก
ทันทีที่รสเปรี้ยวๆนั้นแตะปลายลิ้นเขาก็แทบอยากจะคายทิ้ง มือเล็กนั้นพยายามจับมือของเพียงดินที่เอาแต่ยัดเจ้าผลไม้เปรี้ยวนั่นเข้าปากเขาอย่างพัลวัน เสียงหัวเราะของเพียงดินทำให้เมฆาเริ่มจะโมโห
“ฮ่าๆ ขอโทษๆ ไม่แกล้งแล้ว” เพียงดินหัวเราะลั่นเมื่อเมฆาทำหน้าเหยเก เด็กหญิงที่กลัวหมอเมฆเองก็หัวเราะตามไปด้วย
ความจริงมะหลอดมันไม่ได้มีแค่พันธ์ที่เป็นรสเปรี้ยว แต่พันธ์ที่เมฆากำลังกินคงจะเป็นพันธ์เปรี้ยว ซึ่งมันเปรี้ยวจี๊ดอย่าบอกใครเลย
“ยัดมาได้” เมฆาว่าเพียงดิน รสเปรี้ยวของไอ้ผลไม้นี่ยังคงติดลิ้นเขาอยู่เลย มันเปรี้ยวก็จริง แต่ถ้าลองเอาไปแช่น้ำปลาก็คงจะอร่อยไม่น้อยเหมือนกัน
“หึๆ” เพียงดินหัวเราะอย่างอารมณ์ดีเมื่อเห็นท่าทีของเมฆา
แล้วสายตาของเขาก็ไปกระทบกับมือของเมฆาที่ยังคงจับมือเขาไว้แน่น นายเหนือแห่งไร่เพียงระพีแอบยกยิ้มที่คุณหมอตัวเล็กยังคงจับมือเขาไว้อย่างนั้นโดยที่เมฆาไม่รู้ตัว
มือใหญ่ของเพียงดินแอบขยับแล้วสัมผัสมือของเมฆาให้มากกว่าเดิม มือเมฆาอาจจะไม่ได้นุ่มนิ่มเท่าผู้หญิง แต่แน่นอนว่ามันนุ่มน่าจับกว่ามือสากๆของชาวไร่ชาวสวนอย่างเพียงดินแน่นอน
เมฆาที่รับรู้ถึงแรงขยับที่มือก็หันมามอง พบว่าตัวเองยังคงจับมือเพียงดินอย่างนั้น คุณหมอตัวเล็กรีบสะบัดมือออกอย่างรวดเร็วแล้วลุกขึ้นยืน
เพียงดินหัวเราะเล็กน้อยแต่ก็ยังยิ้มไม่หยุด รอยยิ้มของเพียงดินนั้นมันชั่งกวนประสาทเมฆาเสียนี่กระไร คุณหมอเมฆตัวแสบเลยส่งค้อนวงงามไปให้เพียงดินหนึ่งทีแล้วรีบเดินหนีไปจากตรงนั้น เพียงดินก็ลุกขึ้นแล้วเดินตาม
ร่างเล็กๆที่เดินนำเขาไปนั้น ดูไปดูมาก็น่ารักไม่เบา
*********************************************************************************
ทำไมตอนนี้มันละมุนละไมผิดหลักกับพล๊อตเรื่องนิยายตีกันตายของพระนายคะ อิพี่ดินนี่มือไวใจเร็วมากแต่ปากหนักปากหมาไปหน่อย แล้วอย่างนี้พ่อพระเอกฉันจะได้แอ้มหมอเมฆเมื่อไหร่ล่ะยะ ฮ่าๆ เอาเป็นว่าฝากให้กำลังใจคุณพ่อเลี้ยงของเราด้วยนะคะ รักคนอ่านทุกท่านค่ะ