[END]►Episode 1 season 2◄ - ธงทัพxภูผาxนาวี [EPILOGUE] 28/10/18
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [END]►Episode 1 season 2◄ - ธงทัพxภูผาxนาวี [EPILOGUE] 28/10/18  (อ่าน 66121 ครั้ง)

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
 :pig4:

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
นาวีลู๊กกกกก ป้าจะร้องแล้วนะ

ออฟไลน์ MyLavenderLand

  • ฉันสุขใจ เมื่อได้ Log in เล้า
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1576
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-1
สงสารทั้ง 3 คน คือมันไม่สามารถมีความสุขได้อย่างแท้จริงในทุกๆทางจะเลือกต่อจากนี้เว้ยภูผา

1. กลับไปหาพี่ทัพ แก้วมันร้าวไปแล้วมันยากที่จะเชื่อใจได้เต็มหัวใจ ยิ่งรู้แล้วว่าปอคิดยังไง กลับไปรักกันเหมือนเดิมยากแล้ว
2 เริ่มต้นใหม่กับนาวี ดูเป็นทางที่เป็นไปได้มากสุด ทางสะดวกไม่มีอุปสรรคใดๆ ยกเว้นใจภูผา ว่ารักนาวีแน่จริงหรือ?
เราเสนอ ทางเลือกสุดท้าย แยกย้าย ทางใครทางมัน ภูผาจะยังเหลือเพื่อนและยังมีพี่ต่อไป  :hao5: :ling3:

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
ทีมภูผา ยังไงก็ได้ ขอให้น้องได้มีความสุขสักทีนะคะ  :hao5:

ออฟไลน์ เต้าหู้ไข่

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 192
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +279/-5
    • twitter
Episode 26


คุณทิ้งให้ผมอยู่กับน้ำตา
แล้วคุณก็พูดว่า
คุณเสียใจ




ธงทัพ :

 

"พี่ทัพ จะกลับบ้านหรือยัง"

"ยัง"

"พี่ยังไม่ได้กินข้าวเลยนะ พักกินข้าวก่อนไหม"

"ไม่หิว"

"งั้นพี่จะเอาอะไรไหม ผมจะไปซื้อมาให้"

"ไม่เอา"

"กินอะไรหน่อยเถอะพี่ เอาขนมจีบกุ้งไหม เดี๋ยวผมไปซื้อ..."

ผมถอนหายใจแล้วหันมองไอ้ปอที่กำลังคะยั้นคะยอให้ผมลุกไปหาอะไรกิน เพราะอดข้าวมาทั้งวัน เมื่อผมหันมองด้วยสายตาแข็งกร้าว มันจึงก้มหน้าแล้วหันกลับไปทำงานของตัวเองต่อ 

ผมเองก็หันกลับมาทำงานต่อ หมดเวลางานแล้วแต่ผมยังมีงานรอให้ทำต่ออีกสามสี่ชิ้น ตอนนี้ชีวิตผมยุ่งมากจนไม่มีเวลาคิดเรื่องอะไรเลย ไม่ได้คิดอะไรเลย...

จริงๆ นะเว้ย

"ไอ้ทัพ"

ผมเงยหน้ามองพี่แต้มที่เดินเข้ามาที่โต๊ะ ใช้สายตาแทนคำถาม คนที่เดินเข้ามาจึงพูดต่อ

"ทำไมไม่กลับบ้านวะ"

"งานยังไม่เสร็จ"

"มึงล่ะไอ้เป็ด"

"ใกล้เสร็จแล้วครับ"

พี่แต้มพยักหน้ารับไอ้ปอ แล้วก้มมาดูงานของผม

"งานมันก็ไม่ได้เร่งนี่ มึงจะรีบไปไหนวะ"

"จะได้เสร็จเร็วๆ ไง"

"มึงเป็นอะไรหรือเปล่า"

"เปล่า"

"มึงทำงานเป็นบ้าเป็นบอ ไม่กินข้าว ไม่กลับบ้าน ไม่หลับไม่นอนแบบนี้คิดว่ากูดูไม่ออกหรือไง"

"ไม่ได้เป็นอะไร แค่อยากให้งานมันเสร็จเร็วๆ"

"มึงก็หักโหมเกินไป เดี๋ยวก็ตายห่าคาออฟฟิศพอดี เก็บของแล้วไปกินข้าวก่อนไป มึงด้วยไอ้เป็ด"

"ครับ"

"ไปดิไอ้ทัพ"

"เสร็จนี่ก่อน"

"ทำไมมึงถึงได้ดื้อด้านแบบนี้วะ ไปเร็ว เดี๋ยวกูพาไปเลี้ยงข้าว"

"เลี้ยงเหล้าได้ไหม"

"นอนไม่พอยังเสือกชวนแดกเหล้า กลับไปนอนเหอะ"

"ไม่อยากนอน อยากเมา"

พี่แต้มถอนหายใจใส่เสียงดัง ก่อนตอบตกลง หลังจากกินข้าวเย็นเสร็จ จึงมานั่งอยู่ร้านเหล้า ไอ้ปอก็ถูกพี่แต้มลากให้ตามมาด้วย จากคนที่เคยปฏิเสธการดื่มเหล้ามาตลอด แต่วันนี้ผมยอมให้พี่แต้มรินเหล้าใส่แก้ว แล้วกรอกเข้าปาก ครั้งแล้วครั้งเล่า รู้ตัวว่าเริ่มเมาตอนที่สติขาดหายไปบางช่วง

"พี่ทัพ พี่เมาแล้วนะ"

"เออ กูรู้"

"พอก่อนไหมมึง กลับไปนอนได้แล้วมั้ง สภาพมึงนี่ไม่น่าไหวแล้วนะ"

"ไหวน่า"

"พี่โอเคหรือเปล่า ให้ผมโทรตามพี่ภูผาไหม"

ผมหันมองไอ้ปอที่พูดถึงชื่อนั้นออกมา เกิดความเงียบอยู่ครู่หนึ่ง กระทั่งผมตอบกลับไป

"กูไม่รู้ว่าภูผาอยู่ที่ไหน"

"อะไรนะครับ"

"กูไม่รู้ว่าภูผาไปไหน"

"พี่หมายความว่าไง ผมไม่เข้าใจ"

ในวินาทีที่ผมเก็บความรู้สึกนั้นเอาไว้คนเดียวไม่ไหว ความอัดอั้นทั้งหมดของผมที่มีจึงถูกเล่าออกมาจนหมด ผมรู้ว่าไม่มีใครช่วยผมได้ แต่ด้วยความเมามายผมก็ยังพร่ำเพ้อเรื่องของตัวเองไม่หยุด

"ภูผาทิ้งผม"

"..."

"ภูผาเลือกมัน"

"แล้วนี่มึงไม่รู้จริงๆ เหรอว่าภูผามันอยู่ที่ไหน"

"ไม่รู้"

"มึงเคยบอกว่าภูผามันก็ไม่ได้รู้จักใครที่ไหนไม่ใช่เหรอวะ มึงยังไม่ได้ตามหามันเลย แล้วก็มาบอกว่าไม่รู้ว่ามันอยู่ที่ไหน กูว่ามึงน่าจะลองโทรหาภูผามันดู ภูผามันคงกำลังคิดว่ามึงโกรธมันมาก"

"เป็นพี่ พี่จะไม่โกรธเหรอ ภูผาเอาปืนจ่อหน้าผม ตรงหน้าผมเลย! แล้วก็พาไอ้นาวีหนีไปด้วยกัน พี่จะให้ผมรู้สึกยังไง"

"มึงก็แค่โกรธ"

"แล้วผมไม่มีสิทธิ์โกรธหรือไง"

"ภูผามันอาจจะแค่สงสารไอ้นาวีก็ได้"

"แล้วไม่สงสารผมเหรอ พี่รู้ไหมว่าผมรักภูผามากขนาดไหน ผมอยู่กับมันมาแปดปี อยู่ดีๆ ไอ้นาวีมันกลับเข้ามา แล้วภูผาก็เลือกมัน! ความรู้สึกผมล่ะ! ไม่มีใครสงสารผมบ้างเหรอ!"

"ใจเย็นๆ พี่ทัพ"

ผมไม่ได้พูดอะไรต่อ นอกจากยกแก้วเหล้าเข้าปากไปอีก นั่งดื่มกันต่ออีกสักพัก ผมก็รู้สึกว่าควรพอ ฝืนกินต่อคงได้นอนที่นี่แน่ๆ หลังจากพี่แต้มชวนกลับ ก็ยอมลุกจากโต๊ะง่ายๆ   

"พี่ไหวไหมเนี่ย"

"ไหวดิ"

 ผมไม่คิดว่าตัวเองจะเป็นอะไร ทะนงตัวว่าแข็งแกร่งพอแต่ผิดคาด เมื่อเดินออกจากหน้าร้านไม่ถึงไหน ฤทธิ์แอลกอฮอล์ก็ทำพิษด้วยอาการมึนหัวแบบปุบปับ ดวงตาพร่าเบลอ หูอื้อจนไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย   

"พี่ทัพ!"

"..."

"พี่ธงทัพ!"

ผมกระพริบตาถี่ๆ ก่อนความพร่ามัวกลับมาเป็นปกติ หันมองไอ้ปอที่ตะโกนเรียกชื่ออยู่ข้างๆ 

"พี่เป็นอะไรไหม"

"ปวดหัวว่ะ"

"เป็นไงล่ะมึง ไหนว่าไหวไง" ผมเงยหน้ามองพี่แต้มแต่ไม่ได้โต้ตอบเพราะไม่มีอะไรจะเถียง ใครจะไปรู้ว่าร่างกายมันจะพังง่ายเหมือนของเล่นใส่ถ่านราคาถูกๆ แบบนี้วะ เมื่อร่างกายยอมแพ้ผมก็ต้องจำนน ยอมให้ไอ้ปอขับรถมาให้ แล้วหอบเอาร่างกายพังๆ ของผมขึ้นมาส่งถึงห้อง

"พี่ไม่เป็นอะไรแน่นะ"

"เออ ไม่เป็นไร"

"งั้นผมกลับก่อน พี่จะได้นอน"

ทั้งที่อดหลับอดนอนมาหลายชั่วโมง แถมยังเมาจนยืนไม่ติดพื้น แต่พอถึงที่นอนผมดันหายง่วง ไม่อยากหลับขึ้นมาซะเฉยๆ


เพราะว่าถ้าหลับตา...ก็จะคิดถึงภูผาทันที


ผมดึงมือไอ้ปอเอาไว้ก่อนที่มันจะเดินออกไป

"พี่เป็นอะไร"

"กูจะทำยังไงดีวะปอ"

"..."

"กูกลัว"

"..."

"ถ้าเกิดว่าภูผาไม่ต้องการกูแล้ว กูไม่รู้ว่าจะทำยังไง"

"ผมว่าพี่ภูเขาก็คงเสียใจ"

"กูก็เสียใจ"

"ผมรู้..."

ผมพูดเรื่องเดิมกับไอ้ปออีกครั้ง พร่ำเพ้อหาภูผาไม่หยุดแล้วพูดออกไปทุกอย่าง บอกให้มันรู้แม้กระทั่งว่า ตอนนี้ผมคิดถึงภูผาขนาดไหน

"พี่ทัพ พี่เคยบอกผมว่า พี่จะไม่ร้องไห้ต่อหน้าคนที่พี่ชอบ"

"..."

"แต่พี่ไม่ได้ชอบผม"

"..."

"พี่ร้องไห้กับผมได้นะ"

จบคำของไอ้ปอ ผมก็ไม่ได้พยายามที่จะกลั้นน้ำตานั่นเอาไว้เลย ผมคิดว่าตัวเองเก่ง ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นผมต้องรับมือได้ เพื่อให้ตัวเองได้เป็นที่พึ่งพาของภูผามาโดยตลอด แต่วันนี้ผมแพ้ราบคาบ ร้องไห้จนหายใจไม่ออก ฟูมฟายอย่างคนบ้า หมดปัญญาจะหาทางรอด ไม่เคยรู้เลยว่าเพียงหนึ่งวันที่ไม่มีภูผา จะเป็นหนึ่งวันที่ยาวนาน และทรมานขนาดนี้

 

หัวใจก็ยังเต้นอยู่ แต่ทำไมรู้สึกเหมือนตายไปแล้วก็ไม่รู้...

 

...

 

วันนี้ผมไม่ได้ไปทำงานเพราะตื่นขึ้นมาในตอนสิบโมงแล้วก็ยังคงเมาค้าง กว่าสติจะกลับมาครบถ้วนก็เสียเวลาชีวิตไปครึ่งวัน ผมไม่รู้จะทำอะไรดี ก็เลยจำเป็นต้องทิ้งตัวลงนอนอีกครั้ง ตอนนั้นผมหันไปเห็นโมเดลบ้านที่แตกกระจายอยู่ตั้งแต่วันนั้นและยังไม่ได้เก็บกวาด จึงลุกจากเตียงแล้วขยับไปหามัน  มีบางชิ้นส่วนแตกหัก บางชิ้นส่วนหายไป

เพราะว่าประกอบมันขึ้นมาเองกับมือและไม่อยากทิ้งขว้างมันเอาไว้แบบนั้น ผมจึงค่อยๆ ซ่อมมันทีละชิ้น แม้จะใช้เวลาอยู่นาน แต่สุดท้ายผมก็ประกอบกลับจนมันเกือบจะกลายเป็นบ้านหลังเดิมได้ ผมมองหาชิ้นส่วนสุดท้ายที่หายไป ก่อนเจอมันอยู่ในซอกเตียง ลุกขึ้นขยับเตียง มือข้างหนึ่งยกเตียงขึ้น อีกข้างหยิบชิ้นส่วนของโมเดลออกมา แต่เพราะไม่ทันระวัง มือข้างนั้นจึงกระแทกเข้าขอบเตียงพอดี

"โอ๊ย!"

ผมร้องลั่นพลางดึงมือเข้ามาเพราะว่าเจ็บแปลบที่ปลายนิ้ว สะบัดมือสองสามทีกระทั่งความเจ็บพลันหายไป ยกขึ้นมาดูก็พบว่าเล็บฉีกไปเลย 

"เจ็บชิบหาย"

ผมบ่นอยู่คนเดียว ก่อนเดินหาไปกรรไกรตัดเล็บ แต่ไม่รู้ว่าภูผาเอามันไว้ตรงไหน ภูผาเป็นคนจัดห้องนี้ โดยที่ผมแทบไม่รู้เลยว่าอะไรอยู่ตรงไหน ผมไม่ได้พยายามที่จะหาของที่ต้องการต่อ แล้วทิ้งตัวเองลงนั่งบนเตียง

ห้องมันกว้างเกินกว่าที่จะอยู่คนเดียว...ผมรู้สึกแบบนั้น

ไม่รู้เลยว่าภูผาพยายามมากแค่ไหนเพื่อจะให้เราได้อยู่ด้วยกัน ผมเป็นคนงอแงให้ภูผาย้ายมาอยู่ด้วยกันอย่างคนเอาแต่ใจโดยไม่สนว่าภูผาจะต้องลำบากแค่ไหนเพื่อที่จะตื่นแต่เช้าแล้วไปทำงาน แล้วผมก็ปล่อยให้เสาร์อาทิตย์ของภูผาเงียบเหงาอยู่ในห้องกว้างๆ นี้คนเดียว 

ผมต่างหากที่เป็นฝ่ายละเลย...

ผมไม่รู้ว่าภูผาต้องแบกรับบาดแผลอะไรที่ซ่อนอยู่ในใจ เพราะผมคิดถึงแต่ความรู้สึกของตัวเอง ผมปล่อยให้ความโกรธบดบังความเป็นจริง ละทิ้งภูผาโดยไม่รับฟังอะไรเลย

ผมต่างหากที่เป็นคนผิด...

 

"ครืด...ครืด..."

 

มือถือที่กำลังสั่นดึงผมออกจากความคิด ก่อนเห็นว่าเป็นแม่ จึงกดรับ

"ครับแม่"

(ทัพ อยู่กับภูผาหรือเปล่า ทำไมแม่โทรหาภูผาไม่ติดเลย)

"เปล่าครับ"

(แล้วน้องอยู่ไหน)

"..."

(ธงทัพ ภูผาอยู่ที่ไหน)

"..."

(นี่มีเรื่องอะไรกันหรือเปล่า ทะเลาะกันเหรอ)

"..."

(ตอบแม่สิ ธงทัพ!)

"ผมไม่รู้!"

(...)

"ผมไม่รู้ว่าภูผาไปไหน"

(ธงทัพ)

"ผมไม่รู้จริงๆ แม่ ผมไม่รู้จริงๆ"

น่าแปลกที่ผมยอมให้น้ำตาไหลออกมาอีกครั้งโดยไม่สนว่าจะดูอ่อนแอในสายตาใคร ผมนึกตำหนิตัวเองอยู่ในใจ ทั้งที่เคยรับปากกับพ่อและแม่ รวมถึงแม่ภูผาด้วยว่าจะดูแลภูผาให้ดี แต่ทำไม่ได้ ทั้งที่ใช้เวลาและพยายามขนาดไหน เพื่อทำให้ภูผาไว้ใจและยอมรับผม ผมไม่ได้ทั้งอดทนและพยายามอย่างเอาเป็นเอาตาย เพื่อมายอมแพ้ง่ายๆ ในตอนนี้ แต่กลับทำอะไรไม่ได้เลย 


ผมวางสายจากแม่ แล้วคว้ากุญแจรถเพื่อตั้งใจออกไปตามหาภูผา เป็นความจริงที่ว่าภูผาอาจจะไม่มีที่ให้ไปมากมายนัก แต่อีกความคิดก็โต้แย้งกัน หากว่าภูผาไปกับนาวี ผมก็ไม่รู้อยู่ดีว่าไปอยู่ที่ไหน แล้วถ้าหากว่า ภูผาไม่ต้องการผมแล้ว ผมจะทำยังไง


ไม่เป็นไร...

แค่ตามหาให้แน่ใจว่าภูผาจะปลอดภัยดีก็พอ จะเลือกนาวีหรือจะมีชีวิตต่อไปอย่างไรก็ตามแต่ใจภูผาเลย และถ้าหากว่ามีใครสักคนต้องรับได้รับความเจ็บปวด...ให้มันเป็นผมเอง

เมื่อผมเปิดประตูห้อง ทุกอย่างก็หยุดชะงักกลายเป็นภาพนิ่ง ดวงตาผมพร่ามัว อาจเพราะน้ำตาที่ยังไม่แห้งหายไป หัวคิ้วขมวดเข้าหากันเพราะอาการปวดหัวจู่โจมแบบปุบปับอีกครั้ง ผมคงเมาค้าง หรือไม่ก็ฝันอยู่...

ผมเห็นภูผายืนอยู่ตรงนี้

"ธงทัพ!"

 

"ฟึ่บ!"

 

เข่าผมทรุดลงกับพื้น แต่ภูผารับร่างผมเอาไว้ได้ทัน สองมือของผมยกขึ้นกอดภูผาเอาไว้โดยสัญชาตญาณ เสียงที่อื้ออึงอยู่ในหูค่อยๆ หาย กลายเป็นปกติ ผมหลับตาและลืมขึ้นช้าๆ เพื่อมองคนตรงหน้าให้ชัดๆ

"ภูผา"

"กูเอง"

ผมมองหน้าภูผาพร้อมกับความคิดที่วกวนอยู่ในหัว พอได้เห็นหน้าภูผา ผมกลับพูดอะไรไม่ออก จะว่าโกรธก็ไม่ใช่ จะเข้าไปกอดก็ไม่กล้า สติหลุดลอยเกินจะไขว่คว้า ผมจึงพูดอะไรบ้าๆ ออกไปหนึ่งประโยค 

"มึงกลับมาทำไม"

ไอ้บ้าเอ๊ย...พูดอะไร!

ผมตบปากตัวเองอยู่ในใจ

เพราะคำพูดของผม จึงทำให้คนตรงหน้านิ่งไป มือที่จับแขนผมเอาไว้ถูกดึงกลับไปช้าๆ น้ำตาที่คลออยู่นานก็พร้อมจะไหลออกมาเพียงแค่กระพริบตาเบาๆ ริมฝีปากสั่นเทาเอ่ยบางคำกับผม 

"ขอโทษ"

"..."

"ธงทัพ กูขอโทษ"

"..."

"กูเสียใจ"

"เสียใจแล้วไงต่อ มึงรู้ตัวไหมว่ามึงทำอะไรผิด"

"กูเอาปืนจ่อหน้ามึงแล้วก็หนีไปกับนาวี กูทำให้มึงเสียใจ กูทำลายความไว้ใจของมึง กูทำให้เรื่องทุกอย่างมันพัง กูทำให้มึงต้องเสียใจ กูทำให้มึงร้องไห้ กูผิดเอง"

ภูผาร่ายความผิดของตัวเองผ่านน้ำเสียงสะอึกสะอื้น   

"กูไม่ได้เลือกนาวี แต่กูไม่อยากเห็นมึงทำร้ายใครกูเลยพามันหนีไป กูไม่ได้รักนาวีแต่รักมึง กูไม่รู้ว่าคำว่ารักของกูจะทำให้มึงเชื่อได้อีกไหม...แต่ธงทัพ..."

"..."

"พี่ธงทัพ"

ผมกำหมัดแน่นตอนที่ภูผาเรียกแบบนั้น มีสองเวลาที่ภูผาจะเรียกผมว่าพี่ เพราะต้องการอ้อนและเวลาที่กำลังแสดงความจริงใจ   

"ภูรักพี่"

"..."

"พี่ไม่ต้องให้อภัยภูก็ได้ แต่ภูแค่อยากกลับมาขอโทษ"

"..."

"พี่จะไล่ภูไปไหนก็ได้ แต่ภูอยากให้พี่รู้เอาไว้...ว่าภูรักพี่"

ผมคลายหมัดออก เมื่อหลับตาลงช้าๆ น้ำตาก็ไหลลงมาในตอนนั้น ผมไม่เคยร้องไห้ต่อหน้าภูผาแต่เป็นอีกครั้งที่หยุดน้ำตาเอาไว้ไม่ได้

"มึงทำผิดมากกว่าที่พูด รู้ไหมว่าอะไร"

ภูผาส่ายหน้าเบาๆ

"มึงมันดื้อ"

"ขอโทษ"

"มึงมันนิสัยไม่ดี"

"ขอโทษ"

"มึงใจร้ายกับกู"

"ขอโทษ"

"มึงทำให้กูเป็นบ้า"

"ขอโทษ"

"มึงทำให้กูเป็นห่วง ทำให้กูคิดถึง...จนแทบจะขาดใจตาย"

จบคำนั้นผมจึงดึงภูผาเข้ามากอด เราแข่งกันร้องไห้ พลางขอโทษกันไปกันมา ความโกรธของผมจางหายไปในรอยน้ำตาที่สูญเสียไป

"ภูไม่รู้ว่าควรได้รับการให้อภัยไหม..."

"..."

"แต่ภูขอโทษนะ ขอโทษจริงๆ"

"ไม่เป็นไร"

"..."

"พี่ให้อภัย"

ผมไม่ได้ให้อภัยภูผา เพียงเพราะว่าคำขอโทษพวกนั้น แต่มันเป็นเพราะผมรักภูผามาก และไม่อยากให้ชีวิตของภูผาต้องบอบช้ำหรือแตกสลายไปอีกครั้ง  ภูผายังคงไร้เดียงสาและดูเหมือนเด็กในสายตาผม ตัวผมเองก็ยังอยากดูแล อยากเรียนรู้และเติบโตไปด้วยกัน จะเป็นเพื่อน เป็นพี่ และเป็นคนรักที่ดี

เมื่อวันก่อนมีดาวตกและผมมีโอกาสได้เห็น ผมไม่ค่อยเชื่อเรื่องพวกนี้ แต่วันนั้นก็อธิษฐาน ผมหวังว่าพรข้อนั้นจะเป็นจริง...

 

ผมขอให้ภูผามีความสุข

 

 

To be continued.

 

ชื่อตอนอย่างดาร์ก เนื้อเรื่องอย่างเด๋อ เธอเป็นอะไรของเธอน่ะ   :heaven :heaven :heaven
แต่เราบอบช้ำกันมามากพอแล้วเนอะ ภูผาก็น่าจะเจ็บพอแล้วแหละ ตอนหน้าก็จบแล้ว เพราะฉะนั้น เรามามีความสุขกับตอนที่เหลือกันเถอะค่ะ รักนะคะ

 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-10-2018 17:18:46 โดย รชา »

ออฟไลน์ suck_love

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 780
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
รักคุณรชาที่สุดดดด พี่ทัพ น้องภู ฮือออออ   :hao5:

ออฟไลน์ tasteurr

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 573
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0
 :เฮ้อ:
ดีใจ
อยากเดินเข้าไปกอดทั้งสองคนด้วย

เราจะมีความสุขกับตอนหน้าจริงๆใช่ไหมคะ รู้สึกหวาดระแวง  o6
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-10-2018 21:49:07 โดย tasteurr »

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
ปากนี่นะพี่ทัพ ถ้าถามว่าน้องกลับมาทำไมแล้วน้องวิ่งหนีเราจะสมน้ำหน้าให้ !!

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
 :pig4:

ออฟไลน์ yodyahyee

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 16
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
รอตอนจบ.........ขอบคุณนะคร้าบบบ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ►Episode 1 season 2◄ - ธงทัพxภูผาxนาวี [EP.26] 24/10/18
« ตอบ #309 เมื่อ: 25-10-2018 01:22:25 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ เนเน่

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 374
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
อย่าหักมุมนะคะคุณรชาไม่งั้นเราจะเอาหนังยางมาดีดคุณ

ออฟไลน์ Patsz

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 147
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
เข้าใจกันได้ซักที ขอให้ทั้งสามคนมีความสุข

ออฟไลน์ nut2557

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 112
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
คนเขียนใจร้ายกับคนอ่านอีกแล้ว ตอนที่แล้วก็ทำให้ร้องให้เพราะเสียใจ มาตอนนี้ก็ทำให้ร้องไห้เพราะดีใจอีก
แต่ก็รักนะ...จุ๊บจุ๊บ.. :L1:  :L1:

ออฟไลน์ kawisara

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1583
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-7
ถึงนาวีจะไม่เหลือใคร


 แต่นาวียังเหลือป้านะลูก


กอดนาวีคนดีที่โดดเดี่ยว

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
ทีมแม่นาวีด้วยคนค่ะ
สองคนรักกันก็ดีใจด้วย ส่วนนาวีป้าจะดูแลเอง

ออฟไลน์ เต้าหู้ไข่

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 192
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +279/-5
    • twitter
Episode 27

 

คุณเป็นความรักที่แสนธรรมดา
แต่ว่าผมไม่เคยเบื่อเลย




ภูผา :



ผมกลับมาที่บ้านหลังจากแยกกับนาวี เราหันหลังให้กันในตอนที่หยดน้ำตาแห้งหายกลายเป็นความเข้าใจ จึงไม่มีสิ่งใดติดค้างในความสัมพันธ์ที่เคยซับซ้อน เรื่องระหว่างนาวีจบลง แต่เรื่องของผมกับธงทัพ ยังคงสับสน

ผมไม่รู้จะกลับไปหาธงทัพดีไหม ธงทัพจะให้อภัยผม หรือว่ายังต้องการผมอยู่หรือเปล่า ความคิดผมวกวนอยู่อย่างนั้นไม่จบสิ้น

ความผิดที่ผมทำ ไม่อาจพูดได้เต็มปากว่ามันคือความพลาดพลั้ง แต่อีกด้านหนึ่งของความคิดก็กำลังอ้อนวอนขอความเห็นใจด้วยการโต้แย้ง...ว่าผมไม่ได้ตั้งใจ

เมื่อน้ำหนักของความลังเลมีมากกว่าความมั่นใจ ผมจึงปล่อยเวลาให้ผ่านไปกับการใช้ชีวิตอย่างผิดเพี้ยน นอนจมอยู่กับกองฝุ่น ไม่ได้ออกไปกินข้าว ไม่รู้เวลาเพราะเข็มนาฬิกาหยุดเดินไปนานแล้ว ผมขังตัวเองไว้กับการสำนึกผิดและความเงียบงัน

เริ่มโหยหาแสงสว่างก็ในตอนที่ความมืดเข้ามาแทนที่จนมองไม่เห็นอะไรเลย ผมจึงยอมลุกออกจากที่นอน ตั้งใจจะไปเปิดไฟ   

 

"แกรก..."

 

มือที่กำลังจะแตะสวิทซ์ไฟหยุดกะทันหันตอนที่ผมได้ยินเสียงประตูอีกบานจากด้านนอกกำลังถูกเปิด เสียงฝีเท้าใกล้ค่อยๆ ใกล้เข้ามา ขณะที่ผมยังคงอยู่กับที่ สิ่งเดียวที่กำลังเคลื่อนไหวน่าจะเป็นหัวใจที่เต้นเร็วจนผิดจังหวะ ผมกำลังจะเปิดประตูออกไป ในจังหวะเดียวกันกับที่คนข้างนอกเปิดประตูเข้ามา

"อย่าขยับ!"

ผมหยุดนิ่งตามคำสั่ง แสงไฟสลัวจากด้านนอกพอจะส่องสว่างให้มองเห็นว่าวัตถุสีเงินที่กำลังชี้อยู่ที่หน้าผมคือปลายกระบอกปืนที่อยู่ในมือของ...ลุงวุธ

"ภูผา!"

"ผมเองครับ"

"โธ่! ลุงก็นึกว่าใคร"

ลุงวุธลดปืนลงแล้วก้าวเท้าไปเปิดไฟ เมื่อแสงสว่างเข้ามาแทนที่ ผมจึงได้เห็นภาพตรงหน้าชัดเจน ร่างกายผมยังคงขยับไม่ออก นอกจากสายตาที่มองตามปืนกระบอกนั้นที่เมื่อครู่มันจ่ออยู่ตรงหน้าผม

"ภูผา ตกใจเหรอ ลุงขอโทษ"

สองขาผมพากันหมดเรี่ยวแรงจนทรุดลงต่อหน้าลุงวุธ ผมไม่ได้ตกใจ...แต่ผมกำลังเสียใจ

ไม่รู้เลยว่าการถูกปืนจ่อหัวมันจะน่ากลัวแบบนี้ แต่ผมเพิ่งจะทำ...

"ผมทำแบบนี้กับธงทัพ"

"ว่าอะไรนะ"

"ผมใช้ปืนขู่ธงทัพ ผมทำแบบนี้ ผมกล้าทำได้ยังไง! ทำลงไปได้ยังไง!" ผมกำลังร้องไห้และโวยวายไร้สติ ผมเพิ่งรู้ตัวว่าความผิดของผมมันร้ายแรงถึงเพียงนี้ ผมหันกระบอกปืนเข้าหาธงทัพแล้วก็หนีมากับนาวี ผมยังคาดหวังที่จะได้รับการให้อภัยหลังจากที่ทำให้ธงทัพใจสลายไปแล้ว...โคตรแย่เลย

เมื่อใจเย็นขึ้นแล้วผมจึงเอาปืนกระบอกนั้นคืนให้ลุงวุธ และค่อยๆ เล่าเรื่องทุกอย่างให้ลุงวุธฟัง ลุงวุธคือคนที่ไม่เห็นด้วยในความสัมพันธ์ของเรามาตั้งแต่แรก แต่ลุงวุธเป็นคนเดียวที่อยู่กับผมในตอนนี้ เรื่องที่อัดอั้นก็ถูกเล่าผ่านเสียงสะอึกสะอื้นและน้ำตาที่ไหลออกมาอีกรอบ 

"ผมรักธงทัพจริงๆ นะครับลุง"

"..."

"ผมขอโทษ"

สองมือของลุงวุธยกขึ้นจับไหล่ผม แล้วเอ่ยบางคำออกมาให้ผมฟัง

"ลุงเข้าใจแล้ว ภูผา"

"..."

"ลุงเข้าใจแล้ว"

น้ำตาทำให้ภาพตรงหน้าพร่ามัวแต่ผมก็มองเห็นรอยยิ้มของลุงที่ส่งมาให้ คำว่าเข้าใจของลุงวุธ หมายความเช่นไร...ความคิดของผมเต็มไปด้วยคำถาม พยายามหยุดร้องไห้แล้วพูดคุยกับลุงวุธให้รู้เรื่องกว่านี้ แต่น้ำตามันไม่ยอมหยุดง่ายๆ

"ไม่เป็นไร ภูผา ร้องออกมาเถอะ ไม่เป็นไร"

กอดของลุงวุธปลอบประโลมผมอย่างใจเย็น ผมใช้เวลาในการร้องไห้จนกระทั่งน้ำตาแห้งหายไปโดยไม่ได้พยายาม เมื่ออารมณ์กลับมาเป็นปกติ ลุงวุธยังคงอยู่ข้างๆ

"โอเคขึ้นไหม"

"ครับ"

"ไม่เป็นไรแล้วนะ"

ผมพยักหน้ารับอีกครั้ง อยากพูดเรื่องเดิมต่อ และคล้ายว่าลุงวุธจะอ่านใจผมออก จึงเป็นคนเปิดบทสนทนานั้นขึ้นมาเอง

"ลุงเข้าใจแล้ว เรื่องระหว่างธงทัพกับภูผา"

"ลุงเคยบอกว่าไม่เห็นด้วย"

"ลุงผิดเอง ลุงขอโทษ"

"..."

"ลุงแค่คิดถึงพิมมากเกินไป"

ผมหันมองลุงวุธที่พูดถึงแม่ขึ้นมา

"ลุงคิดแค่ว่า ถ้าหากพิมยังอยู่ ธงทัพกับภูผาก็น่าจะเป็นพี่น้องกันมากกว่า ภูผาก็เหมือนลูกอีกคนของลุง สถานะระหว่างธงทัพกับภูผา จึงไม่ควรเป็นแบบนี้ ลุงคิดว่าถ้าพิมยังอยู่ พิมก็จะเห็นด้วยกับลุง"

"..."

"แต่พิมไม่อยู่แล้ว ไม่รู้จริงๆ ว่าพิมจะกำลังรู้สึกยังไง..."

ผมเคยสงสัยมาตลอดว่าลุงยังรักแม่อยู่ไหม ผมได้คำตอบ จากหยดน้ำตาของลุงวุธที่ไหลออกมา เพื่อบอกกับผมว่า ลุงวุธก็ยังคงคิดถึงแม่เช่นกัน

"แต่ผมว่า ถ้าแม่ยังอยู่แม่คงดีใจนะครับ"

"งั้นเหรอ"

"แม่อยากให้ผมกับธงทัพเข้ากันได้มาตลอดเลย ถ้าแม่รู้ว่าผมกับธงทัพรักกันขนาดนี้ แม่คงจะดีใจ"

"นั่นสินะ" ลุงวุธยิ้มให้ผม

"แต่ลุงไม่ได้ไม่ชอบผมใช่ไหมครับ"

"แค่โมโหน่ะ"

"..."

"ก็ภูผาดื้อกับลุงก่อนนี่"

"ผมขอโทษครับ"

ลุงวุธยิ้มอีกครั้ง แล้วยกมือขึ้นตบไหล่ผมเบาๆ

"ลุงเองก็ต้องขอโทษที่ไม่เข้าใจ"

"ผมยังคงเป็นลูกอีกคนของลุงวุธอยู่ใช่ไหมครับ"

"ใช่สิ"

"..."

"จะเรียกพ่อก็ได้นะ"

ทั้งผมและลุงวุธหัวเราะออกมาพร้อมกัน

"กลับไปหาธงทัพไหม เดี๋ยวลุงไปส่ง"

"ผมกลัว..."

"กลัวอะไร"

"ผมไม่รู้จะอยู่ยังไงถ้าธงทัพไม่ให้อภัยผม"

"ธงทัพมันเคยบอกลุงว่าจะไม่มีวันปล่อยมือภูผา มันสัญญาเอาไว้แบบนั้นไม่ใช่เหรอ"

"..."

"ตั้งแต่ลุงเป็นพ่อมันมา ยังไม่เคยเห็นมันผิดสัญญาสักครั้งเลย"

ริมฝีปากของผมขยับเป็นรอยยิ้ม เพราะคำพูดของลุงวุธที่ทำให้ผมอยากกลับไปหาธงทัพ ไม่ว่าจะเป็นยังไง แต่อย่างน้อยที่สุด ผมต้องพาคำขอโทษของผมไปมอบให้ธงทัพด้วยตัวผมเอง

"ไปเถอะ ไปหาธงทัพกัน เดี๋ยวลุงไปส่ง"

"ครับ"

"แต่อย่าเพิ่งบอกธงทัพล่ะว่าลุงยอมแล้ว"

"ทำไมล่ะครับ"

"อยากแกล้งมันน่ะ"

ลุงวุธหัวเราะแล้วลุกขึ้นยืนก่อนยื่นมือมาฉุดให้ผมลุกขึ้นด้วย ลุงวุธยิ้มให้ผมอีกครั้ง ด้วยความรู้สึก ผมคิดว่ามันเป็นรอยยิ้มที่ดูใจดีเหมือนอย่างวันแรกที่แม่พาลุงเข้ามาในชีวิต

อบอุ่นและพึ่งพาได้

คล้ายว่าลุงวุธกำลังทำให้ผมยอมที่จะยกตำแหน่งหนึ่งซึ่งว่างเว้นเอาไว้มาตลอดชีวิตให้ลุงแต่โดยดี แม้จะเคอะเขินกับการเรียกขานแบบนั้นเป็นครั้งแรก แต่ผมก็อยากลองพูดมันออกไป...เป็นครั้งแรกในชีวิต

"ขอบคุณนะครับ"

"..."

"พ่อ"

 

...

 


ผมเกือบทำให้คนที่สำคัญเท่าชีวิตอย่างธงทัพต้องสูญหายไปจากชีวิต หากแต่ความผิดของผมได้รับการให้อภัยจากคนที่ใจดีกับผมมาตลอด คล้ายกับว่าธงทัพ ได้ต่อลมหายใจ ให้วันพรุ่งนี้ของผมยังคงมีความหมาย

หลังจากที่ความเข้าใจเข้ามาแทนที่ บรรยากาศในห้องนี้จึงกลับมาเป็นเช่นเดิม แต่สักพักหนึ่งแล้วที่ผมรู้สึกว่าธงทัพเอาแต่จ้องผมอยู่อย่างนั้น ผมหันไปกี่ทีก็เจอสายตาของมันที่ไม่ละไปไหน จึงต้องเอ่ยถาม

"มองอะไร"

"จริงๆ กูอยากจะกัดมึงสักที"

"ฮะ?"

"ลงโทษที่มึงดื้อไง มาให้กัดสักทีเถอะ"

"เฮ้ย!"

ผมร้องลั่นตอนที่มันขยับมาจับไหล่ผมกดให้อยู่กับที่ แล้วอ้าปากกัดเข้ามาจริงๆ ด้วยแรงที่มากพอจะทิ้งรอยฟันเอาไว้ตามร่างกาย ตรงนั้นที ตรงนี้ที

"เจ็บนะ! ธงทัพ! พี่ธงทัพ!"

"กัดให้ตายไปเลย!"

"ธงทัพโว้ย!"

ธงทัพเหมือนหมาตัวใหญ่ที่กำลังขยำลูกเป็ดอย่างผมให้จมเขี้ยว สู้แรงของมันไม่ได้เลยแม้พยายามจะดิ้นหนี กระทั่งมันหยุดไปเองเพราะหลุดหัวเราะออกมาเสียงดัง

"ไอ้หมาบ้า!"

ธงทัพนอนกลิ้งชักดิ้นชักงอเพราะหยุดขำไม่ได้ ผมไล่สายตามองเนื้อตัวที่แดงช้ำกับน้ำลายหมาที่เลอะไปทั้งตัว ก่อนยกมือทุบมันคืน

"ธงทัพ! กูเกลียดมึง!"

หยุดขำกะทันหัน ลุกพรวดขึ้นมามองตาขวางแล้วถามเสียงแข็ง   

"เกลียดกูเหรอ"

"กูล้อเล่น" ผมว่าพลางยกมือเกาะแขน แต่ถูกสะบัดทิ้งในทันที 

"ไม่ต้องมาแตะ" ธงทัพกระแทกเสียงใส่แล้วนอนหันหลังให้อย่างไม่ใยดี   

"โห่! อย่างอนดิ กูพูดเล่น"

"กูเพื่อนเล่นมึงเหรอ!"

"ขอโทษครับพี่"

"เขยิบไปเลย เกลียดกูก็อย่ามานอนใกล้กู"

"พี่ทัพ"

"ไม่ต้องมาอ้อน เขยิบไปไกลๆ เลย"

ธงทัพบอกให้ผมเขยิบออกไป แต่ผมทำกลับกันด้วยการยิ่งเขยิบเข้าไปใกล้  ยิ่งธงทัพบอกให้ไกลอีก ผมก็จะยิ่งใกล้อีก

"บอกให้เขยิบออกไป"

"ก็อยากอยู่ใกล้ๆ พี่"

"รำคาญ!" ปากบอกอย่างนั้นแต่ยอมยกแขนขึ้นกอดแล้วดึงผมไปนอนหนุนแขนนั่น เราจึงใกล้กันจนไม่มีระยะห่าง ผมกอดธงทัพเอาไว้ เคยมีบางคำที่ออกจากปากได้ยากเย็น แต่วันนี้พูดออกไปหลายครั้งจนนับไม่ถ้วน แต่ก็ยังอยากพูดอีก...

"ภูรักพี่นะ"

...อีกพันครั้งก็ยังได้

"ชอบเวลามึงเรียกพี่จัง เหมือนได้เป็นพี่มึงจริงๆ"

"พี่หมา"

ธงทัพหันขวับมองตาขวาง ก่อนยกมือเขกหัวเบาๆ ทีหนึ่ง เราหัวเราะออกมาพร้อมกัน

"พี่ทัพ"

"ฮึ?"

"เบื่อคำว่าขอโทษหรือยัง"

"..."

"อยากขอโทษอีกสักครั้ง"

เมื่อพูดจบ ผมกดริมฝีปากลงบนหน้าผากของธงทัพ ขยับไปที่ข้างแก้ม ก่อนจบลงที่ริมฝีปากของอีกฝ่าย รอยจูบแทนทุกคำขอโทษและบอกรักไปพร้อมๆ กัน จบรอยจูบนั้น เราต่างคนต่างยิ้มให้กัน ก่อนธงทัพบอกกับผม...

"ขอโทษเหมือนกันนะ"

"เรื่องอะไร"

"คืนนี้กูคงทำให้มึงร้องไห้อีกแล้ว"

อ่านความปรารถนาผ่านแววตาคู่นั้น ผมก็เข้าใจดี ก่อนทุกอย่างจะเป็นไปด้วยความต้องการของกันและกัน 

อุณหภูมิแอร์เย็นเฉียบเมื่อร่างกายเปลือยเปล่า แต่เราเอาชนะความหนาวด้วยโอบกอดที่อบอุ่นของกันและกัน ธงทัพแกล้งผมอีกครั้งด้วยการทำตัวเหมือนหมา แต่เปลี่ยนจากรอยเขี้ยวเป็นรอยจูบ ตรงนั้นที ตรงนี้ที...ทั่วเรือนร่าง

ฝังรอยแดงช้ำไว้อย่างชอบใจ เห็นทีว่าผมต้องเอาคืนบ้าง...ในแบบเดียวกัน 

ริมฝีปากของผมแตะเข้าทุกส่วนของร่างกายธงทัพ ก่อนสุดท้าย ผมฝากรอยจูบเอาไว้บนรอยสักรูปสามเหลี่ยมที่อกข้างซ้ายของธงทัพ ตำแหน่งเดียวกันกับหัวใจ ธงทัพบอกผม ที่เห็นนั่นคือภูเขา

พูดให้ถูกคือ...ภูผา

"ภูรักพี่ทัพ"

ผมพูดอีก

จะครั้งที่ร้อยหรือครั้งที่ล้านมันก็ยังเป็นความรัก ผมสาบานได้ ไม่ใช่แค่คำพูดแต่ความรักเกิดขึ้นและมีอยู่จริง ธงทัพรู้จักผมดี และรู้ใจผมมากกว่าใครในโลก แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังอยากย้ำให้เชื่อ...ว่าชีวิตที่เหลือผมจะยกให้ธงทัพคนเดียว

"ภูรักพี่จริงๆ นะ"

"รู้แล้ว"

ตอบกลับอย่างแผ่วเบา แล้วจูบผมอีกครั้ง ก่อนทุกสิ่งทุกอย่างเริ่มเคลื่อนไหว ทั้งร่างกายของธงทัพ การตอบสนองของผม ทั้งอารมณ์ ความรู้สึก และความรัก ทุกอย่างหลอมรวมเราเข้าด้วยกัน 

เราอบอุ่นด้วยผิวเนื้อของกันและกัน มอบรอยจูบที่ลึกซึ้ง สัมผัสที่คุ้นเคย เสียงบอกรักที่แหบพร่า พาเราดำดิ่งสู่ความปรารถนาด้วยความตั้งใจ ธงทัพทำให้ผมร้องไห้ แต่เป็นน้ำตาที่ไหลออกมา...ด้วยความรักและยินดี 

 

...

 

 

เที่ยงของวันเสาร์ เรามาอยู่ในร้านอาหารที่ลุงวุธนัดเรามาเพื่อกินข้าว ผมยังไม่ได้บอกธงทัพเรื่องที่ลุงวุธเข้าใจในความสัมพันธ์ของเราแล้ว คนข้างๆ จึงดูกังวลจนเห็นได้ชัด

"พ่อไม่มาสักที เราหนีไปกันเถอะ"

"บ้าดิ จะหนีไปไหน"

"ทำไมพ่อต้องอยากกินข้าวกับเราด้วยวะ จะมาหาเรื่องอะไรอีก"

ผมทำได้แค่ยิ้ม อีกคนก็บ่นไม่หยุดตามประสา

"แล้วทำไมช่วงนี้พ่อมากรุงเทพฯ บ่อยจังวะ ไม่ใช่ว่ามีเมียใหม่อยู่ที่นี่นะ"

"จะบ้าเหรอ!"

"ใครจะไปรู้ล่ะ ไม่มีงานมีการทำหรือไง ว่างเมื่อไรก็มาโผล่ที่นี่ตลอด น่าสงสัยจะตาย"

เพราะคำพูดเหล่านั้น ผมจึงนึกขึ้นมาได้ว่า มีคำถามหนึ่งที่เคยค้างคาในใจและไม่เคยได้ถาม จึงใช้โอกาสนี้พูดมันออกมา

"ถามจริงๆ ตอนที่ลุงวุธคบกับแม่กู มึงไม่โกรธแม่กูเหรอ"

"แม่มึงใจดีนะ ซื้อนมช็อกโกแลตให้กูกินด้วย"

"นมช็อกโกแลต?"

"อืม พอรู้ว่ากูชอบก็ซื้อมาให้กูตลอดเลย"

"รู้ไหมแม่ซื้อแต่นมรสจืดให้กู"

"จริงดิ น่าสงสาร"

"แม่ลำเอียงอะไรแบบนี้วะ"

ธงทัพหลุดหัวเราะ ก่อนหันบอกผม

"ถ้าให้พูดตรงๆ ตอนแรกกูโกรธแม่มึงเหมือนกันนะ กูคิดว่าถ้าไม่มีแม่มึง ครอบครัวกูคงไม่ต้องแยกกัน แต่พอเริ่มโตก็เข้าใจ ต่อให้ไม่มีแม่มึงมันก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนไป"

"..."

"กูก็เคยไม่เห็นด้วยกับพ่อ แต่ตอนนี้ก็เข้าใจ..." ธงทัพหยุดชะงักไปคล้ายกำลังใช้ความคิด นิ่งเงียบอยู่อย่างนั้นครู่หนึ่งก่อนผมเอ่ยถาม

"มีอะไรเปล่า"

"ไม่มีอะไร"

ผมพยักหน้ารับเบาๆ แม้จะแสดงละครไม่เก่งเท่าไรนัก แต่หน้าตาธรรมดาๆ ของผมคงเหมือนคนที่กำลังกังวลใจกับอะไรสักอย่างอยู่แล้วเลยไม่ยากนักถ้าจะแกล้งทำเป็นเครียดไปด้วย หวังว่าธงทัพจะไม่โกรธผม ถ้ารู้ว่าผมร่วมมือกับลุงวุธและป้าอรในการกลั่นแกล้งลูกชายในครั้งนี้ ไม่ทันได้พูดอะไรต่อ ลุงวุธกับป้าอรก็เดินเข้ามาในร้านพอดี

"แม่มาด้วยว่ะ ทำไมกูตื่นเต้นจัง" หันบอกกับผม ก่อนหันไปยิ้มให้แม่ตัวเอง ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น บทสนทนาทักทายเริ่มต้นขึ้น ก่อนความอึดอัดเข้าปกคลุมพื้นที่ ในตอนที่ธงทัพเริ่มเข้าเรื่องเลย   

"พ่อมีเรื่องอะไรจะคุยเหรอ"

"กินข้าวก่อนไหม"

"พูดเลยก็ได้"

ธงทัพเลื่อนมือมาจับมือผม ขณะสายตายังคงมองอยู่ที่ลุงวุธ

"พ่ออยากให้..."

"ผมรักภูผาครับ"

ธงทัพพูดโพล่งคำพูดขึ้นมา พร้อมยกมือที่จับกันไว้ขึ้นวางบนโต๊ะ เราทั้งหมดเงียบ เว้นแต่ธงทัพที่พูดต่อด้วยประโยคยืดยาวกล่าวถึงความในใจของตัวเอง

"ต่อให้พ่อจะไม่เห็นด้วย ก็เปลี่ยนความจริงไม่ได้ว่าผมกับภูผารักกัน พ่อไม่ชอบก็เรื่องของพ่อนะ แต่ผมเปลี่ยนใจไปจากภูผาไม่ได้ ผมไม่รู้จะทำยังไงให้พ่อเข้าใจ แต่ยังไงผมก็รักภูผาอยู่ดี ผมกับภูผาก็จะอยู่ด้วยกันแบบนี้ แล้ววันหนึ่งพ่อจะเข้าใจเอง ผมเชื่อแบบนั้น"

"แต่พ่อ..."

"พ่อไม่ต้องพูดเลย! ยังไงพ่อห้ามอะไรผมไม่ได้อยู่แล้ว ไม่รู้จะทำให้เรื่องมันยุ่งตั้งแต่แรกทำไม ทีแม่ยังไม่ว่าอะไรสักคำเลย ใช่ไหมแม่"

"ก็...จ้ะ"

"พ่อไม่รู้หรอกว่าผมรักภูผาขนาดไหน"

"..."

"ผมรักภูผาครับพ่อ"

เป็นความรัก เป็นโลกทั้งใบ เป็นทุกสิ่งทุกอย่างให้กัน ธงทัพเป็นอย่างนั้นมาตลอดหลายปี และผมเชื่อว่าลุงวุธกับป้าอรก็จะรับรู้ได้ พอๆ กับที่ผมได้รับรู้ ผ่านคำพูดเหล่านั้น ผ่านมือที่จับกันไว้แน่น ผ่านน้ำตาของธงทัพที่เคลื่อนผ่านแก้มทั้งสองข้างก่อนรีบเช็ดมันออกไปแล้วยืนหยัดคำเดิมด้วยความหนักแน่นอีกที   

"ผมรักภูผาจริงๆ ครับพ่อ"

รอยยิ้มของลุงวุธปรากฏชัด ก่อนป้าอรหลุดหัวเราะเป็นคนแรก หัวคิ้วของคนข้างๆ ขมวดเข้าหากัน มองหน้าพ่อกับแม่ตัวเองสลับกันไปมา

"ขำไรแม่"

"โทษทีลูก ทัพฟังพ่อก่อนไหม ว่าพ่อจะพูดอะไร"

"พูดมาดิพ่อ"

"เอาซะลืมเลยว่าจะพูดอะไร"

"ตลกป่ะพ่อ จะพูดอะไรก็พูดมา พูดเลย เอาเลย"

"พ่อแค่อยากให้ช่วยออกแบบสวนหน้าบ้านใหม่ให้หน่อย ทำไมต้องทำเหมือนพ่อเป็นคนใจร้ายขนาดนั้น"

ธงทัพนิ่งไปครู่หนึ่ง หลังจากเงียบเพื่อใช้ความคิดก็คงจะจับต้นชนปลายได้ พยักหน้าเบาๆ ด้วยความเข้าใจ ก่อนหันมองผม

"มึงรู้เรื่องกับเขาด้วยไหมเนี่ย"

"รู้"

สบถคำหยาบแล้วดึงมือออกไปด้วยแววตาขุ่นเคือง เมื่อรู้ตัวว่าถูกแกล้งก็โวยวายออกมาทันทีตามนิสัย

"ตลกกันมากไหมเนี่ย ฮะ?!"

"ไม่ร้องนะ"

"ร้องไปแล้วโว้ย! อะไรของพ่อกับแม่เนี่ย!"

"ออกแบบสวนให้พ่อหน่อย"

"มาจ้างดิ! ใครเขาจะทำให้ฟรีกัน! ภูผา มึงนี่มัน..." ธงทัพดูจะแค้นผมกว่าใคร จึงหันมองตาขวาง ก่อนยกมือขึ้นบีบแก้มผมแรงๆ ทีหนึ่ง         

"เจ็บ!"

"สมควร!"

ผมส่งเสียงไม่พอใจ ก่อนทำคืนบ้าง เหมือนเรากำลังแข่งกันว่าใครจะยอมก่อน สุดท้ายผมเป็นฝ่ายแพ้ เพราะกลัวว่าแก้มจะแตกคามืออีกฝ่ายจึงยกธงขาว

"ยอมแล้ว ยอม"

ผมปล่อยมือออกจากแก้มธงทัพ อีกคนยกมุมปากขึ้นยิ้มอย่างพอใจ ก่อนที่จะปล่อยมือออกจากแก้มไป ผมกำลังจะขยับปากด่า แต่ต้องหยุดชะงักเมื่อธงทัพยื่นปากมาชนปากผมทีหนึ่ง เป็นการกระทำเล็กๆ น้อยๆ แต่เพราะว่าอยู่ต่อหน้าคนอื่น ผมจึงเขินแทบมุดพื้นหนี 

"เอาเป็นว่าไม่โกรธพ่อแล้วนะ พ่อขอโทษ"

"ครับพ่อ"

ผมกับธงทัพตอบรับด้วยคำพูดเดียวกัน พี่หมาหูกระดิกตอนที่ผมเรียกลุงวุธว่าพ่อ หันขวับมามองแบบงงๆ ผมได้แต่ยักไหล่นิดๆ ก่อนรอยยิ้มของเราทั้งหมดจะปรากฏขึ้นพร้อมๆ กัน ไม่อาจละทิ้งความจริงที่ว่า เราไม่ใช่ครอบครัวที่สมบูรณ์แบบ แม้บางครั้งเราอยู่ด้วยกันเพียงชั่วคราว แต่ถึงอย่างไร เราก็ยังเป็นครอบครัว เป็นคนที่ยังเหลืออยู่ในชีวิตของผม นอกจากคำขอโทษ มีคำขอบคุณของผม ที่อยากส่งไปให้พวกเขา...มากมายเป็นพันๆ ครั้ง ก็ยังไม่เพียงพอ

 

...

 

ชีวิตผมกลับเข้าสู่ความเรียบง่ายอย่างที่เคยเป็นมา ตื่นแต่เช้าไปทำงาน บางวันธงทัพไปส่ง บางวันมันไม่แม้แต่จะรู้ตัวว่าผมออกมาทำงานแล้ว ยังคงมีบางอาทิตย์ที่ธงทัพทำงานหนัก อดหลับอดนอน พักผ่อนไม่เพียงพอ แม้เป็นเรื่องปกติ แต่ก็มีบางครั้งที่ผมไม่พอใจบ้าง ผมไม่อยากให้ธงทัพทำงานหนักเกินไป เพราะปวดใจทุกทีตอนที่เห็นมันไม่สบาย แต่ช่วยอะไรไม่ค่อยได้ นอกเสียจากอยู่ข้างๆ กันเพื่อเป็นกำลังใจ   

วันนี้ก็เป็นอีกวันที่ธงทัพจะกลับดึก เพราะบอกผมเอาไว้ตั้งแต่เมื่อเช้าแล้วว่ามีงานเลี้ยงที่ออฟฟิศ ผมไม่ได้ถามไถ่รายละเอียดอะไรมากนัก ช่วงหลังมานี้ธงทัพก็ไม่กลับไปแตะต้องเหล้าอีกเลย เวลาไปเที่ยวกับเพื่อนที่ทำงานก็มั่นใจได้ว่าจะไม่เมากลับมาให้เป็นห่วงแน่นอน

ช่วงนี้มีกิจกรรมหนึ่งที่ผมมักจะทำก่อนนอน คือผมเริ่มอ่านหนังสือที่ธงทัพให้ อาจใช้เวลานานหน่อยกว่าจะจบเล่ม แต่ก็จบลงจนได้ ค่อยๆ อ่าน ซึมซับเนื้อหาพวกนั้น แล้วเรียนรู้ไปอย่างช้าๆ ผมเพิ่งเข้าใจว่า การอ่านหนังสือก็เป็นเรื่องที่สนุกอยู่เหมือนกัน

 

"ครืด...ครืด..."

 

ผมละสายตาจากหนังสือแล้วหันมองมือถือที่กำลังสั่น เห็นว่าเป็นธงทัพจึงกดรับ

(ภูผา มารับหน่อยดิ)

"เมาเหรอ"

(เปล่า เมื่อเช้ากูไม่ได้เอารถมา ดึกแล้วไม่มีรถกลับ)

ผมหันมองนาฬิกาที่หัวเตียงเห็นว่าดึกมากแล้ว ผมเองก็ลืมเวลาไปเลยเหมือนกัน   

(มารับหน่อยได้ไหม)

"ก็ได้ รอก่อน"

ผมกดวางสาย แล้วเดินไปหยิบกุญแจรถ แล้วตรงไปรับธงทัพที่ออฟฟิศ ผมเดินเข้ามาในตึกที่ชั้นล่างถูกจัดให้เป็นงานเลี้ยงขนาดย่อม มีวงดนตรี และโต๊ะอาหาร เลื่อนสายตาผ่านแสงสีเสียงพวกนั้นเพื่อมองหาธงทัพ ก่อนต้องสะดุ้งเฮือกเมื่อได้ยินเสียงเรียกจากด้านหลัง

"พี่ภูครับ"

"อ้าว ปอ"

"พี่ทัพอยู่นู่นครับ ไม่เมา เพราะไม่ได้แตะเหล้าสักหยดเลยครับ"

ผมพยักหน้ารับปอที่ช่วยยืนยัน

"ว่าแต่ มีงานอะไรกันเหรอ"

"เลี้ยงส่งพนักงานครับ ออฟฟิศสาขาใหญ่ที่ซิดนีย์เขาให้พนักงานไปประจำที่นู่นสามคน ทางนี้เลยจัดงานเลี้ยงส่ง หรือไล่ส่งก็ไม่รู้นะครับ"

"อ๋อ"

"ผมเป็นหนึ่งในสามด้วยนะ"

"ฮะ?"

ปอพยักหน้ายิ้มๆ 

"เฮ้ย ดีใจด้วย เก่งว่ะ"

"ไม่เก่งหรอกเลยครับ แค่โชคช่วยต่างหาก" พูดด้วยความถ่อมตัว ก่อนเงยหน้าขึ้นมองผม ปรับสีหน้าเป็นปกติ

"พี่ภูครับ"

"ฮึ?"

"ผมขอโทษนะครับ"

"ขอโทษ? เรื่องอะไร"

"แค่อยากขอโทษน่ะครับ ผมคิดว่า...น่าจะต้องขอโทษพี่สักครั้งหนึ่ง"

ผมพลันคิด เรื่องที่เคยบังเอิญได้ยิน เรื่องที่ปอเคยบอกว่าชอบธงทัพ คำขอโทษน่าจะมาจากเรื่องนั้น ตอนนั้นผมก็ไม่เข้าใจ ความหึงหวงทำให้ความคิดผิดเพี้ยนไปบ้าง แต่ตอนนี้ผมเข้าใจแล้ว ปอไม่ได้ทำอะไรผิด ผมจึงโต้ตอบกลับด้วยรอยยิ้มที่จริงใจ ผ่านรอยยิ้มนั้นผมพูดซ้ำๆ...ว่าไม่เป็นไร 

"เออ พี่ภูครับ พี่รู้ไหมว่าพี่นาวีไปกับผมด้วยนะ"

ผมหันมองหลังจากได้ยินชื่อนั้น ในตอนนั้นเจ้าของชื่อก็มาปรากฏอยู่ในสายตา ในระยะไกลนั่น ผมเห็นนาวีที่กำลังยืนคุยและหัวเราะอยู่กับคนอื่น ไม่ทันได้พูดอะไร คนไกลๆ ที่ยืนอยู่ตรงนั้นก็หันมาเห็นผมเข้าพอดี 

ผมยิ้มให้นาวี นาวียิ้มกลับมา ผมขยับปากบอกโดยไม่มีเสียง

 

"โชคดีนะ"

 

นาวีตอบกลับในแบบเดียวกัน

 

"ขอบคุณ"

 

เท่านั้นก็เพียงพอ...

 

"ภูผา"

ผมหันมองธงทัพที่เดินเข้ามาหาพอดี คนตรงหน้ารีบอธิบาย

"กูไม่ได้เมานะเว้ย แต่กูไม่รู้จะกลับยังไง ตอนแรกว่าจะให้พี่แต้มไปส่ง แต่แม่งเมาเละ กูไม่อยากเอาชีวิตไปเสี่ยง"

"เออ รู้แล้ว ไม่ได้ว่าอะไรสักคำเลย"

"แล้วเมื่อกี้มึงพูดอะไรกับใคร"

"นาวี"

"..."

"แต่ไม่ได้คุยอะไรเลยนะ แค่บอกว่า..."

ธงทัพยกปลายนิ้วขึ้นแตะริมฝีปากผม

"ไม่ได้ว่าอะไรสักคำเลย"

"คิดว่าจะโกรธ"

"ไม่โกรธหรอก"

"..."

"ทะเลาะกันแล้วไม่มีความสุข"

ผมพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้ม ยกมือขึ้นเพื่อรอให้อีกคนมาจับ ก่อนเดินออกไปจากตรงนี้

เราต่างคนต่างผ่านเรื่องราวที่หนักหนามาด้วยกัน ล้มลุกคลุกคลาน ทั้งร้องไห้และเจ็บปวด ถ้าวันนั้นเราจับมือกันไม่แน่นพอ วันนี้ชีวิตผมคงหลุดลอยไปไกล ธงทัพไม่เพียงแต่ประกอบเศษเล็กเศษน้อยของชีวิตที่เคยแตกสลาย แต่ยังประคับประคองมันให้ปลอดภัยดีจนถึงทุกวันนี้ ที่ชีวิตผมยังคงเป็นชีวิต ก็เพราะว่ามีธงทัพอยู่ด้วย เหมือนเดิมอย่างที่เคยพูดไปจนไม่ได้นับว่ากี่ครั้ง ผมยังยืนยันคำเดิม ว่าสำหรับผม

 
ธงทัพยังคงสำคัญเท่าชีวิต...


 

To be continued.


ตอนหน้าเป็นบทส่งท้ายอีกตอนนะคะ ไว้เราไปบอกลากันตอนหน้านะคะ  :mew1: :mew1:


ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
ขอให้ทุกคนอยู่ดีมีความสุข

ออฟไลน์ tasteurr

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 573
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0
อบอุ่นหัวใจ
รักความรักของธงทัพจังเลย

 :pig4:

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
ขอบคุณลุงวุธที่เข้าใจน้องนะคะ พี่ทัพดูแลน้องดีๆ น้าาา แล้วก็นาวี ขอให้นาวีมีแต่ความสุขนะคะ จากนี้ไปก็ปล่อยวางอดีตแล้วมูฟออนได้แล้ว  :katai2-1:

ออฟไลน์ Patsz

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 147
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
ในที่สุดทุกคนก็เข้าใจกัน ตอนหน้าจบแล้ว อยากให้มีตอนพิเศษของนาวีจัง

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ►Episode 1 season 2◄ - ธงทัพxภูผาxนาวี [EP.27] 27/10/18
« ตอบ #319 เมื่อ: 27-10-2018 19:46:23 »





ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
ทุกอย่างลงตัว ครอบครัวชื่นมื่น
คนอกหักก็ดูแลกันไปนะ

ออฟไลน์ เนเน่

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 374
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ขอบคุณรชาจากหัวใจขอบคุณที่ไม่ทิ้งนิยายเรื่องนี้ไปไหนดีใจที่ได้ร่วมเดินทางมาจนถึงตอนสุดท้ายนะคะ

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
เข้าใจกันแล้ว.......... :mew1: :mew1: :mew1:

นาวี กับปอ มีความเป็นไปได้ไหมนะ  :กอด1:

ธงทัพ  ภูผา  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:


ออฟไลน์ ppreaww

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 30
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
อุ้ยๆ จะมีนาวีกับปอไหมนะ :impress2:

ออฟไลน์ เต้าหู้ไข่

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 192
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +279/-5
    • twitter
Epilogue

 

ไม่ว่าจะดีหรือร้าย
มันก็จะกลายเป็นความทรงจำ

 

 

ธงทัพ :

 


งานสัปดาห์หนังสือวนกลับมาอีกครั้ง ผมเพิ่งมีโอกาสได้มาเดินดูหนังสือเกือบวันสุดท้ายของงานเพราะเพิ่งจะว่าง ใช้เวลาอยู่นานในการเลือกซื้อหนังสือ รู้ตัวอีกทีก็มากมายจนหอบหิ้วแทบไม่ไหว มองหาภูผาที่มาด้วยหวังจะให้ช่วย แต่หายเงียบไปไหนแล้วไม่รู้ ทั้งที่บอกว่าให้รอตรงนี้ ผมกวาดสายตามองไปรอบๆ มองหาภูผาที่หายไปในจำนวนผู้คนมากมาย 

"อยู่นี่"

ผมหันขวับมองเสียงที่แทรกมาจากด้านหลัง

"นึกว่าหายไปไหน"

"เอาอีกแล้ว ทำเหมือนกูเป็นเด็กอีกแล้ว กูไม่หลงหรอก แค่ไปดูหนังสือตรงนั้นมา"

"ก็กูเป็นห่วงนี่"

"จับมือกันไหม"

"ฮะ?"

ภูผาตรงเข้ามาหยิบหนังสือไปจากมือผมส่วนหนึ่ง เมื่อมือข้างนั้นว่างก็สอดมือตัวเองเข้ามาให้ผมจับแล้วพาผมเดินต่อไป 

"เห็นมึงกำลังสนใจหนังสือ คิดว่าไม่ได้สนใจกู"

"มีตอนไหนที่กูไม่สนใจมึงด้วยเหรอ"

ภูผาเม้มริมฝีปากกลั้นยิ้ม ก่อนปั้นหน้าตึงแล้วถามกลับมา

"หนังสือกับกู มึงจะเลือกอะไร"

"มึง"

"คิดดีๆ นะ"

"มึงอยู่แล้ว ยังไงก็มึง"

"แต่หนังสือมันไม่ดื้อเหมือนกูนะ"

"ดื้อแต่จูบได้ ก็ดื้อไปเหอะ ยอม"

ภูผาขยับมุมปากเป็นรอยยิ้มก่อนผมจะจูงมือไปเลือกซื้อหนังสือต่อ กระทั่งความพอใจในการเลือกซื้อสิ้นสุดลงเมื่อยอดเงินคงเหลือในบัญชีสั่งให้เพียงพอ ล้มละลาย คล้ายว่าจะหมดตัว หน้ามืดตามัว เล่มนั้นก็ดี เล่มนี้ก็อยากได้ สุดท้ายก็ถังแตกอย่างที่เห็น ผมจึงชวนภูผากลับ เมื่อมาถึงห้อง ภูผาก็เริ่มบ่นทันที 

"ซื้ออะไรมาเยอะแยะก็ไม่รู้"

"ก็มันลดราคาไง บางเล่มนี่เจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์เลยนะ โคตรคุ้ม"   

"แล้วทำอย่างกับมีเวลาอ่านงั้นแหละ"

"ซื้อไว้ อุ่นใจดี"

"เดือนนี้รู้สึกว่าจะใช้เงินเกินความจำเป็นไปหน่อยนะ ไหนบอกว่าจะเก็บเงินสร้างบ้านไง จะสร้างจากหนังสือหรือไง เอาจริงๆ กูยังไม่ได้บ่นเรื่องตุ๊กตาวันพีชหน้าตาแปลกๆ ที่วางอยู่หน้าทีวีนั่นเลย ซื้อมาใหม่ใช่ไหม แอบไปซื้อมาตอนไหน ฮะ?"

"กินไอติมเร็ว เดี๋ยวละลาย"

ผมตัดบทด้วยการยื่นเค้กไอติมที่แวะซื้อมาด้วย เมื่อได้อยู่กับของที่ถูกใจ เสียงบ่นจึงกลืนหายกลายเป็นรอยยิ้มกว้างๆ แทน ผมตอบกลับด้วยรอยยิ้ม คิดอยู่ในใจ รอดตัวไปอีกหนึ่งงาน   

 

ชั้นหนังสือที่ภูผาซื้อให้ค่อยๆ เต็มไปด้วยหนังสือและของสะสมจนแทบไม่มีที่ว่าง ภูผาบ่นที่ผมมักจะซื้ออะไรไร้สาระเข้าบ้านอยู่ตลอด แต่ก็เป็นคนที่คอยจัดวางให้เข้าที่เข้าทางและเป็นระเบียบ ชอบเวลาที่จริงจังกับการจัดหนังสือ โทนสีเดียวกันก็จะต้องอยู่ด้วยกัน เล่มใหญ่แล้วไล่มาเล่มเล็ก ความละเอียดอ่อนนั่นทำให้ผมเผลอยิ้มออกมาทุกที

เสียงพูดคุยของเราค่อยๆ หายกลายเป็นความเงียบเข้ามาแทนที่ เมื่อผมจดจ่ออยู่กับหนังสือ ส่วนภูผาใช้เวลาอยู่กับเค้กไอติมเกมมือถือ ผมหันมองคนข้างๆ ที่กำลังหยิบสตรอว์เบอร์รี่ลูกโตเข้าปาก ผมคิดว่าลูกมันใหญ่เกินกว่าจะกินคำเดียวแต่ภูผาก็สามารถยัดมันเข้าไปทั้งลูก อัดอยู่ในพวงแก้มพองๆ แล้วค่อยๆ เคี้ยว สตรอว์เบอร์รี่หมดปากแล้ว แต่แก้มยังพองอยู่ เพราะแก้มนิ่มๆ นี่แหละมั้ง ที่ทำให้ความน่ารักของภูผาคงเส้นคงวาตั้งแต่เด็กจนโต

เมื่อภูผาเหลือบตาขึ้นมองผมหลังจากรู้ตัว ผมก็รีบเลื่อนสายตากลับไปที่หน้าหนังสือ แต่จำไม่ได้แล้วว่าอ่านถึงบรรทัดไหน ภูผาชะโงกหน้าเข้ามาอ่านหนังสือเล่มเดียวกับผม 

"หนังสือนี่มันน่าสนใจจังเนอะ เห็นมองซะนานเชียว"

"เออ น่าสนใจๆ"

"ขนาดนั้นเลย?"

"ใช่ดิ น่ารัก แก้มพองๆ"

"หนังสือ?"

"มึงนี่แหละ"

ภูผาส่ายหน้ายิ้มๆ ก่อนเดินไปเลือกหนังสืออีกเล่มมานั่งอ่านข้างๆ กัน ถ้าเป็นเมื่อก่อน ตอนที่อยู่กับหนังสือ จะไม่มีอะไรสามารถดึงความสนใจของผมไปได้เลย แต่ตอนนี้ไม่ใช่เลย ความสนใจทั้งหมดถูกเทไปที่ภูผาคนเดียว

ภูผาใช้เวลาอยู่กับหนังสือได้ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ก็ทำท่าจะว่าจะต้องหยุดเพราะความง่วง ใบหน้าดูงอแงกว่าปกติในตอนที่เริ่มง่วงนอน หาวสองสามรอบ ก่อนปิดหนังสือเล่มนั้นวางลงกับพื้น   

"ไม่อ่านแล้ว ง่วง"

"นอนนี่มา" ผมตบขาตัวเองเป็นเชิงบอกให้ภูผาใช้หนุน คนที่กำลังง่วงไม่ขัด ทิ้งหัวตัวเองลงบนตักของผม แล้วหลับไปอย่างง่ายดาย ส่วนตัวเองกลับไปอ่านหนังสือในมือต่อ

ผมยังคงไม่รู้ ว่าใครเป็นคนกำหนด ให้หนังสือหนึ่งเล่มต้องมีกี่บท ละครหนึ่งเรื่องต้องมีกี่ตอน หรือแม้กระทั่งว่า ตลอดกาลจะยาวนานได้สักเท่าไร ภูผาบอกผม หากปล่อยวาง ทุกอย่างจะไร้กังวล ผมเชื่ออย่างนั้น แค่จับมือกันแล้วไปข้างหน้า ปล่อยให้เมื่อวานเป็นเนื้อหาบทเก่าที่สวยงามอยู่ในความทรงจำ วันนี้เป็นบทเดิมที่วนเวียนซ้ำอย่างไม่รู้จักเบื่อ และผมพร้อมพลิกหน้าถัดไป เพื่อให้บทใหม่ได้เริ่มต้นในวันพรุ่งนี้

ใช้เวลาเท่ากับหนังสือหนึ่งเล่มที่ผมอ่านจบ ภูผาก็ตื่นพอดี ดวงตากลมๆ ค่อยๆ ลืมขึ้นอย่างช้าๆ หน้าตาตอนตื่นนอนดูงอแงแต่ก็น่ารัก แก้มพองๆ ขยับเป็นรอยยิ้มเมื่อลืมตาขึ้นมาเจอหน้าผม

ผมก้มหน้าลงไปใกล้แล้วเอ่ยปากบอก

"ลุกได้แล้ว"

"อือ"

ภูผาตอบรับ แล้วลุกขึ้นทันที ตอนที่ผมไม่ได้ขยับตัวหนี ตั้งใจให้ตำแหน่งของใบหน้าชนกันพอดีในตอนที่ภูผาลุกขึ้น ริมฝีปากทำงานได้อย่างถูกที่ถูกเวลา จูบสั้นๆ ทำให้ภูผาเขินม้วนจนต้องทิ้งตัวลงนอนที่เดิมอีกครั้ง หลุดยิ้มกว้างแล้วหลับตาหนี

"จะนอนต่อเหรอ"

"อือ"

"ตามใจ"

ผมบอก ก้มหน้าลงจูบหน้าผากภูผาเบา ย้ำให้แน่ใจผ่านรอยจูบนั้น ไม่ว่าภูผาจะตื่นมาอีกกี่ครั้ง ผมก็ยังจะอยู่ตรงนี้ ทุกทีที่ลืมตาก็จะได้เห็นหน้าผมอยู่เสมอ   

เปรียบภูผาเป็นเหมือนหนังสือเล่มโปรดของผม เป็นเล่มที่มีเนื้อหาเรียบง่าย ธรรมดา แต่น่าสนใจ เป็นเล่มที่หยิบมาอ่านตอนไหนก็ได้ไม่มีเบื่อ เป็นเล่มที่อยากให้มีภาคต่อไปเรื่อยๆ ไม่มีตอนอวสาน เป็นเล่มที่อ่านได้ยาวนาน...ทั้งชีวิตเลย



Next Episode , Forever.

 
จบจนได้ ฮือ ใช้เวลานานมากๆ เลยนะคะสำหรับเรื่องนี้ ปีกว่าๆ เลย นานที่สุดเท่าที่เคยเขียนมาเลยค่ะ ผ่านอะไรด้วยกันมาเยอะมากๆ เลยนะคะ แต่กว่าจะผ่านมา ก็มีช่วงเวลาที่ยากลำบากอยู่เหมือนกัน ตอนที่หายไปนานๆ คิดว่าจะไม่มีคนรออ่านแล้ว ขอบคุณจริงๆ ที่ยังรอและเชื่อใจนะคะ มาถึงตอนสุดท้ายจนได้ กว่าจะจบ อาจจะถอนหายใจแล้ว ถอนหายใจอีก หนักหน่วงกันมาแทบทุกตอนเลย ผ่านเรื่องร้ายๆ สุดท้ายเราก็ต้องการแค่ความสุขจริงๆ นะคะ ขอบคุณทุกคนมากเลย ขอบคุณที่อยู่เป็นเพื่อนกันจนถึงวันนี้ มีโอกาส คงได้พบกันในเรื่องหน้านะคะ 

 
ขอบคุณที่ร่วมเดินทางและขอให้ความทรงจำสวยงามนะคะ

รัก.   
   
:pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ suck_love

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 780
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
ละมุนนนนนนน

ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะ

เป็นเรื่องที่ทำให้เราร้องไห้งอแงตอนอ่านสะอึกสะอื้นสุดๆ
แต่ก็ยังเป็นเรื่องที่ทำให้เรายิ้มกว้างเช่นกัน

รอเรื่องถัดไปเราจะไม่พลาดแน่ค่ะ  :pig4:

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
ขอบคุณสำหรับนิยายภาษาดี ๆ อีกเรื่องค่ะ

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ andaseen

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 742
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +103/-1

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
จบอย่างอิ่มเอมใจจริงๆ   :o8: :-[ :impress2:

ธงทัพ  ภูผา   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
ขอบคุณไรท์มากกกกกกก
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด