Jewelry Design
#อัญมณีที่รัก
ผมออกแบบแหวนแต่งงานให้คนอื่นมามากมาย
คงมีแค่คนเดียวที่ผมจะไม่ได้ออกแบบแหวนแต่งงานให้
คนๆ นั้นก็คือตัวผมเอง…
- นพจินดา วรโชติเมธี –
CH. 14
Spinel
“ซึมเป็นคนป่วยเลย”
พอโดนทักขึ้นมาแบบนั้น คนที่นั่งเท้าคางมองวิวข้างนอกหน้าต่างอยู่ก็เลยหันมายิ้ม เจ้าของร้านขนมวางแก้วกาแฟกับทาร์ตไข่ของโปรดไว้ตรงหน้า แต่ดูท่าทางพอร์ชคงไม่ได้มาที่นี่เพื่ออยากกินขนมเท่าไหร่ และตัวพิมเองก็รู้ดีว่าพอร์ชจะคุยเรื่องอะไร ตั้งแต่วันนั้น..วันที่เกิดเรื่องพิมตกลงที่จะคุยกับกรณ์จนเข้าใจกันทั้งสองฝ่าย ตัวกรณ์เองพอเห็นเพื่อนสลบไม่ได้สติขนาดนั้นก็เริ่มรู้ตัวว่าทำอะไรลงไป
ก่อนพอร์ชออกจากโรงพยาบาลกรณ์เลยเข้าไปขอโทษและพอร์ชเองก็ให้อภัยมันอาจจะดูง่ายแต่ทั้งสองคนก็ไม่อยากจะให้เรื่องมันยุ่งยากไปมากกว่านี้ ถึงแม้ทั้งคู่จะไม่สามารถกลับมาเป็นเพื่อนกันได้เหมือนเมื่อก่อนแต่ก็ไม่มีอะไรที่ติดค้างกันอีก
ส่วนความรู้สึกของพอร์ชที่พิมเพิ่งได้รู้มันอาจจะเคยเกิดขึ้นจริง แต่พิมเองก็เข้าใจว่าความรู้สึกของคนเรามันเปลี่ยนกันได้ตลอดเวลาอยู่แล้ว พอร์ชเคยอาจจะชอบเธอแต่นั่นมันคืออดีต และพิมก็รู้ด้วยว่าที่พอร์ชพูดเรื่องจะดูแลเธอนั้นพอร์ชพูดไปเพราะด้วยความโมโหไม่ใช่อยากจะดูแลเธอต่อจากกรณ์อย่างที่ทุกคนเข้าใจ
“มีนบอกพอร์ชทำงานหนักมากตอนนี้”
“ตอนนี้โดนมันปิดประตูไม่ให้เข้าบริษัทด้วย”
“ดีแล้วคนบ้างาน”
“พิม เรื่องวันนั้น..”
“ตอนนี้พอร์ชไม่ได้รู้สึกกับพิมแบบนั้นหรอก พิมเข้าใจว่าพอร์ชโมโหกรณ์ถึงได้พูดออกไปแบบนั้น”
“เราเคยชอบพิมพ์จริงๆ ชอบตั้งแต่พิมมาขายทาร์ตไข่ไหม้ๆ ”
“โอ้โหรู้สึกสวยขึ้นมาทันทีเลยอบขนมไหม้ยังมีผู้ชายมาชอบ”
พอร์ชที่ยกกาแฟขึ้นมาดื่มยังต้องหัวเราะกับประโยคของพิม เขารู้สึกว่าตัวเองคิดถูกที่ตัดสินใจมาเคลียร์ทุกอย่างวันนี้ตอนแรกก็คิดอยู่นานว่าจะมาหาพิมดีไหมเพราะกลัวว่าจะเข้าหน้ากันไม่ติด แต่สุดท้ายแล้วมันก็ไม่ใช่อย่างที่พอร์ชคิดพิมบอกเองว่ารอให้เขาพร้อมก่อนแล้วมาเคลียร์ให้เรื่องมันจบสักที
“พอร์ชน่ะตั้งแต่เจอคุณทิมสายตาก็มีไว้มองแค่คุณทิมแล้ว”
“ดูออกตั้งแต่แรกเลยเหรอไง”
“ไม่หรอก ตอนแรกๆ พอร์ชมองคุณทิมแค่รู้สึกว่าคนนี้น่ารักดี แค่สนุกๆ แต่รู้ตัวไหมว่าหลังๆ มาสายตาพอร์ชเปลี่ยนไปพิมก็บอกไม่ถูก แค่คุณทิมยิ้มพอร์ชก็ยิ้มตามได้แล้ว”
“โห..”
“พอร์ชตามติดคุณทิมเป็นตังเมเลยรู้ตัวหรือเปล่าเถอะ”
“นี่พอร์ชเป็นถึงขนาดนั้นเลย”
“กุญแจบ้านที่รักเท่าชีวิตยังยกให้เขาได้พิมยังงงคนบ้าอะไรสลบไม่ได้สติแต่ในมือยังกำกุญแจบ้านไว้แน่น”“เจ็บมากผู้หญิงคนนี้”
“พอร์ช..อย่าเพิ่งยอมแพ้นะคุณทิมเองก็รักพอร์ชเหมือนกันพิมดูออก”
“ที่มาวันนี้ก็อยากจะเคลียร์กับพิมให้เราเข้าใจกัน เรายังเป็นเพื่อนกันนะพิม”
“แน่นอนเราเป็นเพื่อนกันมาตลอดอยู่แล้ว ในที่สุดพอร์ชก็เจอคนที่อยากให้อยู่บ้านที่พอร์ชออกแบบเองแล้วเนอะ”
พอร์ชไม่ได้ตอบอะไรพิมเพียงแค่ยกแก้วกาแฟขึ้นมาชนแก้วกับเจ้าของร้าน ที่ตอนนี้ดูจะสดใสมากกว่าทุกวัน พอร์ชเองก็รู้ว่าพิมก็ต้องเข้มแข็งเพราะเพิ่งจะผ่านเรื่องร้ายๆ มาเหมือนกัน หวังว่าต่อจากนี้พิมจะกลับมาร่าเริงได้เหมือนเดิมและวันข้างหน้าก็ขอให้มีคนดีๆ เข้ามาดูแลพิมไปตลอดชีวิตสักที
Jewelry Design
“ตอนบ่ายน้องทิมไม่มีนัดลูกค้าที่ไหนนะคะ แหวนหมั้นของคุณทอยแก้แบบเรียบร้อยแล้วพรุ่งนี้ช่างจะเอางานมาให้”
“………………………………………………………..”
“ส่วนสร้อยคอของคุณเมมี่เลื่อนนัดเป็นวันอังคารตอนสิบโมงค่ะ”
“…………………………………………………………..”
“แล้วก็..ตอนบ่ายนี้พี่พลอยพอลลีนและพี่เองจะไปสรุปงานของเจริญกิจธารา ในฐานะผู้ออกแบบเครื่องประดับทั้งหมดน้องทิมมีอะไรที่ต้องแก้อีกไหมคะ”
“…………………………………………………………..”
มีปฏิกริยาสักที…ปลายดินสอที่กำลังวาดรูปเล่นอยู่หยุดชะงักก่อนที่ดวงตากลมโตจะเงยหน้าขึ้นมามอง ต่ายยืนรอว่าเจ้านายตัวน้อยของเธอจะทำยังไงต่อแต่สุดท้ายก็ทำแค่ส่ายหน้าก่อนจะนั่งวาดรูปต่อ
“ผู้ชายบางคนเขาอาจจะไม่พูดว่ารักแต่การกระทำมันก็บอกได้นะคะ”
“พูดถึงใครครับ”
“คุณพอร์ชเหมือนจะอาจจะดูเล่นๆ แต่จริงๆ แล้วก็ใส่ใจ่น้องทิมมากๆ เลยนะ มากกว่าทุกคนที่เคยเข้าหาน้องทิม”
“หมายความว่าไงครับ”
“พี่น่ะเห็นคนเข้ามาจีบน้องทิมมากมายหลายคน ส่วนมากก็เอาใจแค่ช่วงแรกๆ ให้ของแพงของกินแพงๆ จานละห้าหกพัน พอน้องทิมไม่เล่นด้วย ไม่หือไม่อือก็ยอมแพ้ถอยออกไป”
“แล้วมันเกี่ยวกับพอร์ชตรงไหน”
“เรื่องนี้คุณพอร์ชต้องไม่เคยบอกน้องทิมแน่ๆ”
“เรื่อง?”
“เวลาที่น้องทิมทำงานดึกอาหารและขนมทุกอย่างคุณพอร์ชเป็นคนเอามาให้ค่ะ ถ้าไม่ได้มาเองก็จะให้คนเอามาส่งให้พี่ก็นึกว่าระดับทายาทเจริญกิจธาราคงจะต้องเป็นของแพงๆ แต่ก็ไม่ใช่”
“………………………………………………..”
“ก็อาหารทั่วๆ ไป ผัดไทยบ้าง ก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่ ขนมปังเยาวราชแต่ทุกอย่างเป็นของชอบของน้องทิมทั้งหมดเลยนะ”
“ทำไมพี่ต่ายไม่เคยบอกผมเลย”
“คุณพอร์ชเป็นคนบอกพี่เองว่าไม่ให้บอกน้องทิมค่ะ ยังเคยบอกเลยว่าถ้าคุณทิมสงสัยให้บอกว่าพี่เป็นคนสั่งเอง”
“………………………………………..”
“วันที่คุณทิมไม่สบายแต่ต้องออกมาแก้งานที่บริษัท คุณพอร์ชก็จอดรถรออยู่ข้างนอกนะคะ ถ้าพี่ไม่ออกไปเอางานที่ลืมไว้ที่รถก็คงไม่เห็นบอกให้เข้ามารอข้างในคุณพอร์ชเองฺก็บอกว่าไม่เป็นไร”
“เขาทำแบบนั้นทำไมครับ”
“เป็นห่วงมั้งคะคุณพอร์ชแค่กลัวว่าน้องทิมจะเป็นอะไรหนัก”
“พี่ต่าย”
“อาจจะไม่พูดความรู้สึกออกมาแต่การแสดงออกเต็มร้อยเลยค่ะ การกระทำทุกอย่าง ทั้งการสัมผัส สายตาที่มองถ้าไม่ได้รู้สึกอะไรคงไม่ทำให้ขนาดนี้”
“สายแล้วนะครับพี่ต่ายรีบไปเถอะ เดี๋ยวลูกค้าจะรอ”
ต่ายพยักหน้ารับก่อนที่ทิมจะขอตัวไปหาคินจังหวะเดียวกับที่พลอยเข้ามาช่วยต่ายเรื่องเอกสารของเจริญกิจธาราที่อยู่บนโต๊ะของทิม ต่างคนต่างมองหน้ากันเพราะไม่รู้ว่าต่อจากนี้ทั้งสองคนจะเป็นแบบไหน เพราะใกล้จะถึงวันที่ต้องปิดโปรเจคของเจริญกิจธาราแล้วก็เหลือแค่แหวนแต่งงานของคุณพอร์ชเท่านั้น
พลอยถอนหายใจก่อนจะเห็นสมุดเล่มสีน้ำตาลของทับทิมวางอยู่บนโต๊ะ นี่ไม่รู้ว่าเจ้าตัวลืมไว้หรือจะกลับมาเอาทุกทีเห็นเอาติดตัวไปด้วยตลอด พลอยเปิดสมุดดูไปเรื่อยๆ ยังกะไดอารี่สมัยประถมรูปวาดแปลกๆ เต็มเล่มไปหมด ก่อนที่เธอจะหยุดอยู่ที่หน้าสุดท้าย รูปวาดรูปนี้วาดเสร็จเรียบร้อยแล้วมีการลงลายเซ็นนพจินดาเป็นการปิดงาน พลอยยิ้มออกมาก่อนจะหยิบสมุดเล่มสีน้ำตาลใส่กระเป๋าไปด้วย
“วันนี้มากันหมดเลยคุณกาญจนาก็มา”
“ตั้งใจจะมาขอบคุณคุณหญิงเฟื่องฟ้าด้วยค่ะที่ไว้วางใจให้ Pure Jewelry ในการออกแบบเครื่องประดับครั้งนี้”
“ไม่เลือกของ Pure Jewelry แล้วจะเลือกของใครได้ล่ะสวยขนาดนี้”
“ตอนนี้เครื่องประดับทุกชิ้นเสร็จหมดแล้วนะคะเหลือก็แต่…แหวนของคุณพอร์ชทางเรากลัวว่าถ้าช้ากว่านี้จะทำออกมาไม่ทัน เราเลยพาพอลลีนที่ทำงานด้านการออกแบบเครื่องประดับของ Pure Jewelry เอาแบบมาให้คุณพอร์ชลองเลือกด้วยค่ะ”
ทันทีที่จบประโยคคุณย่าเฟื่องฟ้าก็หันมามองหลานชายที่นั่งอยู่ข้างๆ หลังจากที่เจ้าตัวร้องไห้ในวันนั้นก็เลยยอมเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟัง พอฟังจนจบเธอก็อยากจะเป็นลมเหมือนกันเด็กสมัยนี้ทำไมถึงเอาความรู้สึกมาเล่นเป็นเกมสนุกๆ แบบนี้กันได้แล้วผลเป็นยังไงเจ็บหนักกันทั้งคู่ เธอเองก็ไม่รู้ฝ่ายวรโชติเมธีรู้เรื่องมากแค่ไหนแต่อย่างน้อยก็ยังดีที่ไม่แตกหักกันไปซะก่อนไปทำหลานชายสุดที่รักเขาน้ำตาตกขนาดนั้น
“งั้นพอลลีนขอเสนอแบบเลยนะคะคุณพชร แบบแรกเป็นแหวนเพชร ในงานแต่งงานแหวนเพชรเป็นที่นิยมมากที่สุด ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับว่าคุณพชรชอบแบบไหนต้องการเพชรเม็ดเล็กเม็ดใหญ่ หรืออยากให้เป็นเพชรแบบฝังลงไปในแหวนเลย”
“……………………………………………………….”
“ส่วนอันนี้เป็นพลอยถ้าคุณพชรไม่ชอบความเรียบๆ ชองเพชรทาง Pure Jewelry เราเปลี่ยนให้ได้ตามที่คุณพชรต้องการเลยนะคะ”
“……………………………………………………….”
ไม่มีคำตอบจากคนที่นั่งนิ่งมองแบบแหวนตรงหน้าเงียบๆ ทั้งห้องอาหารไม่มีเสียงพูดคุยอะไรกันอีกและทุกคนต่างหันมามองหน้ากันเพราะไม่รู้ว่าหลานชายของเจริญกิจธารากำลังคิดอะไรอยู่ แต่ยังไม่ทันที่จะมีใครพูดอะไรออกมาพลอยก็หยิบสมุดสีน้ำตาลออกมาวางไว้ตรงหน้าพอร์ช
“นี่เป็นแบบแหวนแต่งงานที่ออกแบบโดย นพจินดา วรโชติเมธีที่จริงแบบแหวนอันนี้เราไม่ได้ตั้งใจที่จะเอามาให้คุณพอร์ชเลือกแต่ทางพลอยเองคิดว่าคุณพอร์ชน่าจะชอบแบบนี้”พอร์ชค่อยๆ เอื้ออมือไปหยิบสมุดเล่มสีน้ำตาลขึ้นมาดูใกล้ๆ
เขารู้จักสมุดเล่มนี้ดี
“ผมเห็นคุณทิมถือสมุดเล่มนี้ตลอดเลยบางครั้งก็เห็นคุณวาดรูปในนี้”
“เอาจริงผมชอบวาดในสมุดมากกว่าไอแพด เล่มนี้ผมวาดทุกอย่างที่สำคัญ ถ้าผมวาดอะไรลงไปในเล่มนี้แสดงว่ามันสำคัญ”
“สำคัญ?”
“ครับ อย่างเช่นผมไม่เคยคิดจะออกแบบแหวนแต่งงานตัวเองแต่ถ้าผมวาดลงไปในนี้แปลว่าผมรักคนที่เป็นเจ้าของแหวนมากๆ”
พอร์ชยังจำที่เขาเคยคุยกับคุณทิมได้ทุกอย่างและสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเขาตอนนี้คือแหวนทับทิมสองวงพอร์ชยกมือขึ้นมาลูบเบาๆ ตรงทับทิมสีแดงที่อยู่บนหัวแหวน ก่อนที่สายตาจะเห็นบางอย่าง
“แหวนของคุณมันจะต้องเป็นทับทิมแน่นอน แล้วก็ด้านในแหวนวงหนึ่งมีตัวอักษร P อีกวงหนึ่งตัวอักษร T”ตัวอักษร
P&T อยู่บนแหวนทั้งสองวง เขาไม่ได้โง่จนไม่รู้ว่าตักอักษรบนแหวนทั้งสองวงหมายถึงชื่อของใคร ความรู้สึกของพอร์ชตอนนี้เขาเองก็บอกไม่ถูกคนที่บอกว่าไม่เคยคิดจะออกแบบแหวนแต่งงานของตัวเองในวันนั้น…แต่สิ่งที่เขาเห็นวันนี้มันคือแบบแหวนแต่งงานที่สวยที่สุดเท่าที่เคยเห็นมา ขนาดเห็นมันเป็นแค่แบบแหวนมันยังสวยขนาดนี้เลย พอร์ชยิ้มออกมานับเป็นรอยยิ้มที่ออกมาจากใจเขาจริงๆ ในระยะเวลาสองอาทิตย์ไม่ใช่รอยยิ้มที่เขายิ้มไปวันๆ พอร์ชวางสมุดเล่มสีน้ำตาลลงกับโต๊ะแล้วเงยหน้าขึ้นมามองทุกคนที่รอฟังคำตอบเขาอยู่
“คุณพลอย”
“คะ”
“ผมขอถามคุณพลอยได้ไหมครับ”
“ได้ค่ะ”
“คุณพลอยทราบใช่ไหมครับว่าทับทิมใส่แหวนไซส์อะไร”ทันทีที่ทุกคนในห้องอาหารได้ยินประโยคนั้นต่างพากันโล่งอกเห็นคุณย่ากาญจนาถึงกับยกมือขึ้นมาพัดๆ พร้อมกับบ่นเบาๆ ว่าเด็กสมัยนี้ขยันทำให้คนแก่หัวใจจะวาย ท่าทางที่แสดงออกทำให้พอร์ชรู้ทันทีว่านี่คงรู้เรื่องเขากับคุณทิมกันหมดแล้วแน่ๆ ขนาดคุณย่าเฟื่องฟ้ายังหัวเราะตอนที่คุณต่ายกำมือร้องเยสออกมาอย่างลืมตัว พอร์ชเองก็ต้องเอ่ยขอโทษคุณพอลลีนที่ปฏิเสธอเรื่องแบบแหวนแต่เธอบอกว่าไม่เป็นไรเลย พอเห็นทุกอย่างเริ่มเข้าที่เข้าทางพลอยเลยขอเป็นฝ่ายสรุป
“เครื่องประดับชิ้นสุดท้ายของเจริญกิจธาราคือ แหวนแต่งงานของคุณพอร์ชซึ่งก็คือแหวนทับทิมที่ออกแบบโดย นพจินดา วรโชติเมธีนะคะ”
“ครับ แหวนแต่งงานของผมจะเป็นแหวนทับทิมที่ออกแบบโดย นพจินดา วรโชติเมธี และคนที่ได้สวมแหวนวงนี้ก็คือนพจินดา วรโชติเมธีครับ”บรรดาผู้ใหญที่นั่งอยู่พากันอมยิ้มเมื่อได้ยินคำพูดยืนยันชัดๆ พลอยเองก็อดที่จะขำไม่ได้วัยรุ่นนี่เวลาที่ตัดสินใจอะไรได้ก็มั่นคงหนักแน่นไม่หวั่นไหวเลยสักนิด พลอยเก็บสมุดสีน้ำตาลขึ้นมาถือไว้ก่อนจะนึกอะไรขึ้นมาได้แล้วหันไปมองคนที่นั่งยิ้มอยู่ฝั่งตรงข้าม
“สำหรับทางวรโชติเมธีทุกอย่างขึ้นอยู่กับทิม..แต่ขอเตือนคุณพอร์ชไว้หน่อยนะคะถ้าคุณทำทับทิม นพจินดาร้องไห้แล้วแก๊งลูกเพื่อนแม่คงไม่มีทางปล่อยคุณพอร์ชไปหาทิมง่ายๆ คุณพอร์ชจะสู้ไหวหรือเปล่า”
พอร์ชเคาะนิ้วกับโต๊ะเหมือนกำลังใช้ความคิดสำหรับเขาเรื่องนี้ก็เตรียมใจมาพอสมควร เขารู้ว่าตอนที่เขาเล่นเกมกับคุณทิมแก๊งลูกเพื่อนแม่ถือว่าออมมือให้เขาแล้วไม่งั้นเขาไม่มีทางได้เข้าใกล้คุณทิมขนาดนั้นหรอก แต่ครั้งนี้มันต่างกันและรู้ด้วยว่ามันง่ายขนาดนั้น พอร์ชยิ้มให้คุณพลอยก่อนจะตอบเสียงดังฟังชัด
“ถึงตายก็ยอมครับผมจะทำให้แก๊งลูกเพื่อนแม่รู้ว่าผมรักทับทิม”Jewelry Design
ประโยคเท่ๆ แบบพระเอกซีรีส์ในวันนั้นพอมาเจอของจริงนี่เท่ไม่ออก
แก๊งลูกเพื่อนแม่กลับไปเป็นเหมือนแก๊งมาเฟียที่เขาเคยบอกเมื่อตอนที่เจอแรกๆ
“กูให้มึงลาพักร้อนไปง้อคุณทิมแต่ทำไมสภาพมึงเหมือนไปรบมาเลยวะ”
มีนทักพอร์ชที่เดินโซเซมานอนแผ่ไปพื้น ท่าทางหมดสภาพไร้เรี่ยวแรงทำได้แค่นอนกะพริบตาปริบๆ จ้องเพดานอยู่อย่างนั้น ตั้งแต่อาทิตย์ที่แล้วมันเพิ่งจะรู้แจ้งหัวใจตัวเองว่าชีวิตนี้ไม่สารถอยู่ได้ถ้าไม่มีคุณทิม นพจินดาวันนั้นเห็นความมุ่งมั่นในแววตาว่าจะต้องไปคุยกับคุณทิมให้รู้เรื่องก็นึกว่าจะจบแฮปปี้เอนดิ้งแล้ว แต่...อาทิตย์ที่ผ่านมาพอร์ชออกจากบ้านตั้งแต่เช้าแล้วก็กลับมาตอนเกือบเที่ยงคืนทุกวัน
และก็กลับมาสภาพเหมือนซอมบี้อย่างที่เห็น
“นี่กี่โมงแล้ววะ”
“ห้าทุ่มครึ่ง”
“กูกินข้าวมื้อสุดท้ายตอนไหน”
“นี่ถามกูหรือมึงพูดคนเดียว”
“มีน..อาทิตย์ที่ผ่านมากูเห็นหน้าคุณทิมยังไม่ถึงห้านาทีเลยว่ะ”
พอร์ชนอนหนุนแขนมองเพดานอยู่อย่างนั้นก่อนจะหัวเราะเบาๆ เมื่อมีนหันมามองแล้วทำหน้าตาไม่เชื่อจนเขาต้องย้ำว่ามันคือเรื่องจริง หลังจากวันที่คุยกันเรื่องแหวนใจจริงอยากจะไปหาคุณทิมมันวันนั้นเลยด้วยซ้ำ แต่คุณย่าเฟื่องฟ้าบอกให้เขาคุยกับผู้ใหญ่ให้รู้เรื่องก่อน อย่างน้อยตอนนี้ก็มีคุณย่ากาญจนาที่รอให้เขาอธิบายเรื่องทุกอย่างอยู่ตอนนี้
ตอนแรกนึกว่าจะโดนคุณย่ากาญจนาด่า
แต่คุณย่าแค่บอกว่า..
“ย่าเลี้ยงทิมมาไม่เคยบังคับทิมเลยสักเรื่อง ส่วนเรื่องความรักก็ขึ้นอยู่กับทิมถ้ารักถ้าชอบกันย่าก็ไม่ได้ว่าอะไร”
ตอนแรกฟังแล้วใจชื้นขึ้นมาหน่อยแต่ประโยคต่อมา
“ถ้าผ่านด่านแก๊งลูกเพื่อนแม่มาได้แล้วค่อยมาคุยกับย่าอีกทีนะพอร์ช ตอนนี้ย่าอยู่ทีมคิน เบน และรามิล”
ถึงจะเตรียมใจมาแล้วแต่ก็ไม่คิดว่ามันจะขนาดนี้
ตอนเช้าวันรุ่งขึ้นพอร์ชขับรถมาที่บ้านของคุณทิมมาตั้งแต่เช้าตรู่ เตรียมคำพูด การง้อทุกวิธีทางที่สามารถทำได้ ยืนรอที่หน้าบ้านอยู่นานก็ไม่เห็นจะมีใครมาเปิดประตู แต่ประตูที่เปิดคือบ้านข้างๆ และคนที่ยืนกอดอกอยู่ตรงหน้าคือคุณ ภาคิน ที่ยังอยู่ในชุดนอน
“มาทำอะไร”
“มาหาคุณทิมครับ”
“มาหาทำไม”
“มีเรื่องจะคุยด้วยครับ”
พอร์ชก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงทำตัวเจี๋ยมเจี้ยมขนาดนี้ด้วยแต่น้ำเสียงและท่าทางของคุณคินพร้อมจะเตะก้านคอเขาได้ทุกเมื่อเลยต้องต้องทำตัวเรียบร้อยไว้ก่อน จากสถานการณ์ตอนนี้เดาได้เลยว่าเขาไม่มีทางที่จะได้เจอคุณทิมง่ายๆ แน่นอน..ก็เพื่อนเขาหวงขนาดนั้นแถมไปทำให้เขาเสียน้ำตาอีกตอนนี้ให้วิ่งไปกลับเชียงใหม่สิบรอบก็ยังได้
“ว่างไหม”
“ว่างก็ได้ครับ”
“สรุปว่างไม่ว่าง”
“ว่างครับ”
“ดี..มาตัดหญ้าให้หน่อย”
ฟังผิดป่ะวะ..แต่ก็มั่นใจว่าไม่ผิดเมื่อพอร์ชเดินเข้ามาในบ้านแล้วคุณคินยื่นอุปกรณ์ตัดหญ้า ตัดกิ่ง และอุปกรณ์ทำสวนสารพัดมาให้จัดเต็มมากๆ ทำไมถึงคิดว่าเขาจะทำได้วะขนาดแค่รดน้ำต้นไม้ที่บ้านเขายังไม่ทำเลยแต่พอเงยหน้าขึ้นมามองแล้วเห็นสายตาของคุณคิน พอร์ชเลยต้องถอดนาฬิกาเก็บลงกระเป๋ากางเกง
“ได้ครับ”
รู้...ว่ากำลังโดนทดสอบอยู่แต่ก็ไม่คิดว่าจะต้องมาทำอะไรแบบนี้ ก็นะบ้านใหญ่โตไฮโซอโลฮ่าต้องมีคนสวนไม่ก็จ้างบริษัทเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว พอร์ชยกมือขึ้มมาปาดเหงื่อบนหน้าผากหลังจากที่ก้มหน้าก้มตาถอนหญ้าอยู่นานสองนาน ส่วนเจ้าของบ้านนอนเอนตัวอยู่ตรงเก้าอี้ข้างสนามสบายใจเฉิบ พอเขาหยุดพักก็มีการหันมามองจ้องโอเค...
ตั้งใจมาง้อ(ว่าที่)แฟนแล้วทำไมต้องมาถอนหญ้าด้วยวะ
พอร์ชขยับตัวไปแถวกำแพงก่อนจะจัดการต้นหญ้าที่ขึ้นอยู่แถวๆ ริมรั้วก้มหน้าก้มตาทำอยู่อย่างนั้นจนรู้สึกว่าเหมือนมีสายตากำลังจ้อง พอเงยหน้าขึ้นมาก็เห็นดวงตากลมๆ กับแก้มขาวกำลังเกาะกำแพงมองเขาไม่รู้เหมือนกันว่ามาตั้งแต่ตอนไหน
“ทับทิ..”“ทิมเข้าไปข้างในเดี๋ยวกูไปหาที่บ้านเอง”
พอร์ชตั้งใจจะเรียกคุณทิมไว้แต่พอเห็นท่าทางของคุณคินก็เลือกที่จะเงียบลงสายตาที่คุณทิมมองเขาอยูตอนนี้ทำให้พอร์ชยืนนิ่งอยู่กับที่ไม่กล้าจะเอ่ยเรียก ทั้งๆ ที่เตรียมคำพูดมาอย่างดีแล้วแท้ๆ สุดท้ายคุณคินก็บอกให้คุณทิมเข้าบ้านไปพอร์ชมองตามหลังคนที่เดินกลับเข้าบ้านโดยที่ไม่คิดจะหันมามองเขาเลยสักนิด
“นี่แค่เบสิคนะนี่กูให้มึงได้เห็นหน้าทิมก็ดีเท่าไหร่แล้ว”
พอร์ชนั่งลงพิงต้นไม้ต้นใหญ่พอยกมือขึ้นมามองก็เห็นว่ามันเป็นรอยถลอกสีแดงๆ มันไม่ได้เจ็บอะไรเท่าไหร่มีแค่แสบๆ เท่านั้นมีแค่ตรงนิ้วโป้งทีเป็นแผลเยอะหน่อย แต่แค่นี้เขาจะอ่อนแอไม่ได้เขาจะพยายามจนทุกวิถีทางเพื่อจะได้เจอคุณทิมให้ได้
ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ หรอก
............................
..............................................................