โอ้ยย ปวดท้องคับ กระเพาะกิน
รักทุกคนที่มาเม้นเลยนะครับ
ว่าแต่อะไรนะๆๆๆ ใครชวนผมกินเหล้า
ตอนที่ 9 ฝนพรำ ผมกลับเข้าบ้าน แวะเข้าไปหาฟิวแต่ว่าห้องปิดไฟเงียบ สันนิษฐานเอาได้ว่าพี่สาวกูคงออกไปแรดก่ะเพื่อน คืนวันเสาร์อย่างนี้มันไม่เคยกลับบ้านหรอก พบเจอมันได้ตามสถานที่อโคจรในยามค่ำคืน
ผมถอดเสื้อโยนเข้าตระกร้าผ้า พร้อมกับเปิดประตูห้องนอน ไฟปิดเงียบ
ใจของผมยังเต้นเร็วไม่หาย ผมจับแก้มหลายรอบเหมือนกับมีอะไรมาติดแปะอยู่ ภาพของเป้หลับตาแล้วยื่นหน้ามาใกล้ๆ ยังติดอยู่ในความคิด ผมนั่งแหมะอยู่ที่โต๊ะทำงาน หลับตาแล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่
“มึงไปไหนมาวะ” ผมสะดุ้งโหยง
“ปิง!”
“เออ กูเองนึกว่าคนอื่นหรือไงวะ” เสียงของปิงนอยด์เต็มที่
“ทำไมยังไม่กลับบ้านวะ”
“แล้วหมาตัวไหนบอกวะว่าจะโทรหากู”
“นี่มึงจะหาเรื่องเหรอไง” ผมเริ่มมีน้ำโห
“ตกลง มึงไปไหนมา ไปก่ะใคร”
“กูไปเที่ยวมา ไปก่ะเป้”
ปิงอึ้งไป “เป้ไหน” เสียงของมันแหบพร่าแล้วก็สั่น ผมคิดว่ามันคงโกรธ
“เป้ไง เพื่อนมึง”
“.. ล..แล้วมึงไปกับเป้มันทำเหี้ยอะไร”
“ทำไมวะ กูไปไหนกูต้องขออนุญาตมึงด้วยเหรอ”
“ก็ได้! มึงไม่ต้องขอกูหรอก มึงไม่ต้องสนใจด้วยว่ากูจะรู้สึกยังไง”
ผมทั้งงง ทั้งสับสนกับคำพูดของปิง
ตอนนั้นผมไม่เข้าใจว่าทำไมปิงต้องโมโห ไม่เข้าใจว่ามันจะอะไรกับผมนักหนา ก็กูเป็นเพื่อนให้มึงแล้วยังไงล่ะ พอกูไปคบคนอื่น มึงก็จะมาอารมณ์เสีย เรียกร้องมากมายกับกู
“มึงกลับบ้านไปเหอะ”
“ไม่ต้องบอกกูก็ไป ไม่ต้องไล่กูหรอก” .... ผมทำอะไรลงไป ผมไม่รู้อะไรทั้งนั้น ผมรู้แต่ว่าผมโกรธ ผมสับสน
ปิงออกไปแล้ว ผมไม่เคยรู้สึกแย่อะไรแบบนี้มากก่อนเลย แม้ว่าเราจะทะเลาะกันหลายหนแต่ไม่เคยสักครั้งที่ปิงจะร้องไห้....
ใช่ครับ เหตุผลที่มันปิดไฟ เหตุผลที่เสียงของมันสั่น ปิงไม่ชอบให้ใครเห็นว่ามันอ่อนแอ ไม่แม้แต่เพื่อนที่สนิทที่สุดในชีวิตของมัน แว่บเดียวที่มันเดินผ่านผมไป แสงไฟจากนอกหน้าต่างที่พอจะมีบ้าง ทำให้ผมเห็นตาแดงก่ำของปิง
และนั่นก็เป็นแค่การเริ่มต้นของจุดแตกหักของความสัมพันธ์ระหว่างผมกับปิง
หลายอาทิตย์ต่อมา ปิงหายไปจากชีวิตของผม ด้วยอารมณ์ขุ่นเคือง และก็มีเป้มาคอยเติมเต็มช่องว่างของเวลาที่หายไป ทำให้ผมพอที่จะอยู่ได้ จะให้พูดจริงๆ คือตอนนั้นผมหลงเป้มาก หลงจนถึงขนาดลืมปิงได้
เม็ดฝนเริ่มเข้ามายึดน่านฟ้าสีเทาขมุกขมัวของกรุงเทพ ฤดูฝนเข้ามาถึงแล้ว ตอนนั้นคนส่วนใหญ่สงสัยผมกับเป้แล้วหล่ะครับ มีรุ่นพี่และก็เพื่อนหลายคนของผมเข้ามาถามว่าเป้เป็นใคร แล้วปิงหายไปไหน ผมคบกับเป้แล้วเหรอ ผมเป็นเกย์หรือเปล่า .. ผมทั้งเบื่อ ทั้งเอียนคำถามเหล่านี้ เป็นคำถามจากสังคม สังคมที่ตัดสินแล้วว่าสิ่งไหนถูกสิ่งไหนผิดโดยที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย
พวกเขาไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วผมก็ไม่ได้อยากเป็นแบบที่เป็นอยู่ แต่มันเป็นไปแล้วจะให้ผมทำยังไง
ไอ้เรื่องราวทั้งหมดที่ผมต้องเผชิญอยู่นี่มันก็เพราะว่าผมเป็นในสิ่งที่ผมไม่ควรจะเป็น ผมรู้สึกกับปิงในสิ่งที่ผมไม่ควรจะรู้สึกไม่ใช่เหรอ แล้วใครต้องเป็นทุกข์ ใครต้องทรมาน....ก็มีแต่ผมคนเดียวนี่แหละ ไม่เห็นมีใครสักคนที่จะยื่นมือมาช่วยเหลือผมเลย
แล้วคราวนี้ผมต้องทนอยู่อย่างโดดเดี่ยว เพื่อที่จะได้อยู่ในกรอบในกฎที่พวกเขาสร้างขึ้นมาอย่างนั้นหรืออย่างไร?
###### คืนนั้นเป็นคืนที่ฝนตกกระหน่ำอย่างหนัก ผมกับเป้พร้อมกับเพื่อนอีกหลายคนออกไปเที่ยวในค่ำคืน สิ่งหนึ่งที่ผมไม่รู้ก็คือปิงไปด้วย ผมไม่เคยบอกเรื่องทะเลาะกันระหว่างผมกับปิงให้เป้ฟัง และเป้คงเข้าใจว่าการที่ผมไม่ได้ติดต่อหรือไปไหนมาไหนกับปิงนั้นเป็นความตั้งใจของผมเอง
เสียงเพลงกระหึ่มดังจนอัดหน้าอกของผมจนหายใจไม่สะดวก แอลกอฮอล์หลากหลายรูปแบบถูกลำเลียงลงคอ ผมดื่มหนักมาก หนักกว่าปกติที่ผมเคยดื่มหลายเท่า อยู่ดีๆ ก็ปิงก็เข้ามาหา
“พอได้แล้ว” ปิงจับมือแล้วก็บีบมือผมแน่น
“ปล่อย!”
“กูบอกให้มึงหยุดกินได้แล้ว”
“ปิง กูบอกให้มึงปล่อย”
ผมพยายามจะสะบัดมือออก แต่ปิงใช้แรงดึงผมเข้าไปหา “กูมีเรื่องจะคุยกับมึง”
เป้ เข้ามาขวาง “ปิง นายจะทำอะไร”
“มึงอย่าเสือก”
ผมอึ้ง ไม่คิดว่าปิงจะพูดอย่างนั้น มันเปลี่ยนมาจับข้อมือของผมแล้วดึงออกไปนอกร้าน
“โอ้ย เจ็บ! ปิง ปล่อยกูนะ”
แต่ปิงไม่ฟังเสียงมันลากผมผ่านประตูร้าน แล้วก็สู่สายฝนด้านนอก มันเดินนำลิ่วออกไปไกล ผมถูกพลักชิดกับกำแพงตึก
“มึงเป็นอะไรของมึงโฟน มึงอยู่แต่กับไอ้เป้ มึงรู้ไหมว่าเป้มันเป็นอะไร”
“เป้มันเป็นอะไร”
“เป้มันเป็นเกย์นะไอ้เหี้ย”
ผมฉุนขาด ผมไม่คิดว่าปิงจะเป็นสังคม ผมไม่คิดว่าเพื่อนที่สนิทที่สุดของผมจะเหมือนกับคนพวกนั้น คนที่ตัดสิน คนที่ตราหน้าคนอย่างผมว่าเป็นคนไม่ปกติ
“ปิง กูเป็นเกย์”
“... ฟ .. โฟน”
“แล้วกูก็รักมึง เข้าใจไหมวะ กูรักมึงมาตลอด!!!!”
หยดน้ำแทรกซึมไปทุกอณูของร่างกาย หากเปรียบสายฝนเป็นเหมือนความเศร้า ตอนนี้ตัวผมก็เปียกปอนไปด้วยความเศร้าจนเต็มหัวใจ และมันก็ร่วงล่นมาเรื่อยๆ ไม่สนใจว่าผมจะทนต่อไปอีกไหวหรือไม่ ฝนยังคงตกลงมาหนักขึ้น และไม่มีท่าทีว่าจะหยุดเลย