นัทกำลังพยายามเอื้อมมือไปเก็บปากกาที่หล่นลงไปใต้โต๊ะ เอาเท้าเขี่ยก็แล้วแต่ไปไม่ถึง ก็แค่ใช้นิ้วควงปากกาเล่นแก้เซ็ง แล้วทำไมถึงได้กระเด็นไปซะไกล
“ฮึ่ยยยยย”
ยื่นเท้าไปจนสุด และพยายามจะเขี่ยปากกาให้เข้ามาหาให้ได้ ยิ้มและกำลังก้มลงเพื่อเอื้อมมือไปเก็บปากกาที่กลิ้งมาอยู่ที่เท้า
ดีใจที่ทำสำเร็จ และก็กำลังจะเอื้อมมือไปหยิบขึ้นมา
“อรุณสวัสดิ์คุณนัท”
ห๊ะ
“เฮ้ยยยยยยยยยยย”
เสียงร้องดังลั่นมาพร้อมกับเสียงดัง
"โครม" เพราะเก้าอี้ของนัทเสียหลัก และคนที่ควรจะอยู่บนเก้าอี้ก็หล่นลงมาอยู่บนพื้นด้วยสภาพก้นจ้ำเบ้า และหน้าแทบจะทิ่มลงไปกับพื้น
“โอ้ยยยยยยยยยย”
ยกมือขึ้นคลำที่ก้นของตัวเองด้วยความเจ็บ และฟ้าที่ถือถุงใส่ขนมปังและเปิดประตูเข้ามาก็ถึงกับชะงักค้าง
วางถุงที่หิ้วมาไว้บนโต๊ะ และก็ถึงกับ กลั้นเสียงหัวเราะไม่อยู่
“ฮ่า ฮ่า เฮ้ยยย คุณนัท”
อยากจะขำก็อยากจะขำ แต่มันก็จะเกินไปถ้าไม่คิดจะช่วยเหลือ
“ไม่เป็นไร คุณรัชชานนท์ ผมไม่เป็นไร ผมโอเค ผมดูแลตัวเองได้”
นัทรีบโบกไม้โบกมือเป็นการปฏิเสธความช่วยเหลือจากคนที่กำลังจะก้าวเท้าเข้ามาหาเพื่อช่วยพยุงให้ลุกขึ้น
ฟ้าชะงักค้างอยู่แบบนั้น และพยายามกลั้นเสียงหัวเราะตัวเองเอาไว้ไม่ให้ดังออกมา เพราะมันคือการเสียมารยาทอย่างรุนแรงที่หัวเราะกับสถานการณ์แบบนี้ แต่ใครจะไปกลั้นได้
นัทกำลังพยายามประคองตัวเองลุกขึ้นยืน และ.........
โครมมมมมมม เคร้ง แกร๊งงง ไม่ทันดูว่าหัวยังไม่พ้นโต๊ะ ลุกขึ้นและไม่ทันได้ยืนแต่หน้าผากก็ไปโขกกับโต๊ะ โขกแรงจนปากกาและดินสอที่วางอยู่บนโต๊ะหล่นลงมา
“เจ็บบบบบบบบบ”
มือหนึ่งคลำหน้าผาก มือหนึ่งแตะที่สะโพก เจ็บจนน้ำตาเล็ด และฟ้าก็ทนดูไม่ได้อีกต่อไป
“ผมช่วย”
ก้าวขาเข้าไปหา และพยุงคนที่ซวยซ้ำซ้อนตั้งแต่เช้าขึ้นไปนั่งบนเก้าอี้
“ขอบคุณมากคุณรัชชานนท์ ขอบคุณ ผมไม่เป็นอะไรมาก ผมยังโอเค”
สภาพแบบนี้ไม่น่าจะโอเค แล้วไม่ต้องบอกว่าดูแลตัวเองได้หรอกนะ เพราะเจ็บตัวซ้ำสองหนแบบนี้มันไม่เรียกว่าดูแลได้ แต่เรียกว่าทำร้ายตัวเองมากกว่า
มือยังกุมที่หน้าผาก และนัทก็รู้สึกเจ็บจนต้องเบะหน้า ก็มันเจ็บจริง ๆ เจ็บมาก เจ็บจนน้ำตาเล็ด
ทำไมมันซวยแต่เช้าแบบนี้วะ ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม และทำม้ายยยยยยยยยยต้องมาซวยตอนที่เจอคุณรัชชานนท์ด้วย
กูไม่เข้าใจเลยจริง ๆ โว้ยยยยย แค่นี้กูก็อายจนไม่รู้จะอายยังไงแล้ว ยังจะต้องให้มาเสียฟอร์มแต่เช้าแบบนี้อีก
โธ่โว้ยยยยยยยยยย เกิดเป็นไอ้นัทนี่มันจะซวยได้ซวยดีแบบนี้ไปถึงไหน ภาพพจน์ดี ๆ แทบจะไม่มีเหลือแล้ว
แบบนี้จะดูน่าเชื่อถือ และดูน่าไว้วางใจได้ยังไง
ฟ้าหยิบปากกาและดินสอที่หล่นอยู่บนพื้นขึ้นมาวางไว้ให้บนโต๊ะทำงานของคนที่กุมหัวป้อย ๆ ด้วยความเจ็บ รวมทั้ง.........
“กระจกดูเข้ากับคุณนัทดีนะครับ”
กระจก
หึ หึ หึ
กระจก
มองไปที่กระจกที่ว่า และนัทก็เพิ่งรู้ว่าการตกจากเก้าอี้และหัวโขกโต๊ะซ้ำมันไม่ได้มีอะไรน่าอายเลยสักนิด ถ้าเทียบกับกระจกสำหรับพกอันเล็ก ๆ ที่เป็นรูปตุ๊กตาเป็ดสีเหลือง ติดกิ๊บสีแดงที่หล่นลงไปกองรวมกับปากกาและดินสอด้วย
หึ หึ หึ
ก็แค่กระจก
มีอะไรน่าอายกันล่ะ ผิดหรือไง ที่ยัยหนิงซื้ออุปกรณ์กุ๊กกิ๊กน่ารักให้พี่ชายใช้แบบครบเซ็ท
แค่กระจกยังน้อย จะดูหวีที่ทำคู่มากับกระจกมั้ยล่ะ น่ารักอย่าบอกใครเลยล่ะคุณรัชชานนท์ เหอะ เหอะ เหอะ
อยากจะหัวเราะให้บ้ากันไปข้าง แต่ก็ทำได้เพียงแค่พยายามทำหน้าให้นิ่งเข้าไว้ พูดอะไรไม่ออกสักคำ
“คิดว่าคุณนัทคงยังไม่ได้กินอะไร แซนวิชและโกโก้ร้อน ๆ น่าจะดีกว่าหรือคุณนัทจะรับเป็นกาแฟ”
ห๊ะ ห๊ะ ห๊ะ อะไรก็ได้ครับ แล้วแต่คุณรัชชานนท์จะสรรหา คุณนัทไม่ได้ว่าอะไรอยู่แล้ว จะโกโก้กาแฟหรืออะไรยังไงก็จัดมา คุณนัทพร้อมแล้ว
“กาแฟหนึ่ง น้ำตาลสอง ไม่ใส่ครีม”
พยายามจะยืนยันคอนเซ็ปความดูดีที่เหลือน้อยของตัวเองด้วยการสั่งกาแฟและฟ้าก็พยักหน้ารับ
ตกลงว่าเป็นกาแฟ ได้ กาแฟก็กาแฟ กาแฟที่ไม่เหมือนกาแฟแบบนั้น มันไม่น่าเรียกว่ากาแฟ
“รอสักครู่ครับ”
ตอบรับทั้งที่ใบหน้ายังคงนิ่งเฉย แต่หล่อและดูดีเกินคน
นัทเหลือบสายตามองหน้าคุณรัชชานนท์ และก็พยักหน้ารับ
คนที่บอกว่าจะไปชงกาแฟให้เดินจากไปแล้ว และนัทที่พยายามปั้นหน้าให้นิ่งสนิท ก็มีอันต้องเบะหน้าด้วยความเจ็บ เหลือบสายตามองว่าอีกฝ่ายเดินออกไปจากห้องแน่นอนแล้ว นัทจึงค่อยยกมือขึ้นคลำหน้าผากอีกครั้ง
“โอ้ยยยยยยยยย เจ็บ เจ็บ เจ็บ ทำไมมันซวยขนาดนี้วะไอ้นัทเอ้ยยยย จะซวยไปถึงไหน เจ็บจะตายอยู่แล้ว หัวก็ปูด ฮือ ฮือ กูล่ะแม่งโคตรอยากจะฆ่าตัวตายจริง ๆ”
ใครบางคนยังคงบ่นและน้อยใจในโชคชะตาตัวเอง แต่คนที่กำลังจัดการทาครีมลงไปที่ขนมปัง กำลังยืนนิ่ง ๆ
แต่นิ่งได้ไม่นาน ใบหน้านิ่ง ๆ ก็แปรเปลี่ยนเป็นมีรอยยิ้มเล็ก ๆ
โง่ เซ่อ ซุ่มซ่าม อะไรที่จะนิยามสิ่งที่ไอ้เด็กนั่นเป็นได้
แล้วยังกระจกลายเป็ดสีเหลืองนั่นอีก แค่เมื่อคืนที่เจออยู่ในสภาพแบบนั้นก็รู้ว่าไอ้เด็กนั่นมันคงจะอาย
แล้วยังจะกล้าเอาของแบบนั้นมาใช้อีกหรือไง มันจะทำตัวตลก ๆ จนทำให้ขำไม่หยุดขนาดนี้อีกนานมั้ย
กาแฟหนึ่งช้อน และน้ำตาลสองก้อน ท่องเอาไว้ให้ขึ้นใจเพราะคงต้องชงกาแฟแบบนี้อีกหลายแก้ว ควรจะเอาไปเสริฟแล้ว แต่ฟ้าก็ยังไม่เอาไปเสริฟให้ เพราะยังไม่สามารถหยุดเสียงหัวเราะของตัวเองได้
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า บ้าเอ้ยยยย ไอ้เด็กนั่น....มันจะหัดทำตัวให้เหมือนชาวบ้านเขาบ้างไม่ได้เลยเหรอ แค่นี้ก็ทำให้ขำจะตายอยู่แล้วมันไม่รู้ตัวบ้างเลยหรือไงนะ”
หัวเราะคนเดียวเงียบ ๆ และยกหลังมือขึ้นปิดปากตัวเอง พยายามหยุดเสียงหัวเราะของตัวเองให้ได้ แต่ก็หยุดไม่ได้
หลายครั้งที่พยายามยืดตัวให้สูง และทำหน้าให้เป็นปกติแต่ก็ทำไม่ได้ สิ่งที่ฟ้ารู้สึกในเวลานี้คือกำลังสูญเสียความสามารถในการควบคุมหน้าตัวเอง
ควบคุมไม่ให้ยิ้ม หรือหัวเราะ ไม่ว่ากรณีใด ๆก็เคยทำได้ แต่ไม่เคยเจอแบบนี้
ไม่เคยเจอ ยิ่งคิดก็ยิ่งยิ้ม ยิ้มออกมา ด้วยความขำ และยังบอกกับตัวเองซ้ำ ๆ ไม่เลิก
“ไอ้เด็กนัทมันชอบทำให้หลุดขำอยู่เรื่อย ขืนยังควบคุมหน้าตัวเองไม่ได้แบบนี้ ต่อไปคงจะแย่จริง ๆ”
TBC.
Ps. เผื่อใครอยากอ่าน เรื่องของฝน น้องชายของฟ้า ปรัชญาช่างกล ปูกับฝน
และเรื่องของ นุชา แฟนเก่าของฟ้าRunning.....นุชากับซ้ง