เรื่องของนายกับคุณเลขา..... คุณนัทกับคุณรัชชานนท์ ตอน เป็ดน้อยนัท
ความอึดและอดทนอย่างเหลือเชื่อของใครบางคนที่ตอนนี้แทบไม่เหลือสภาพของเมื่อช่วงกลางวันให้ได้เห็นทำให้ฟ้าถึงกับทึ่ง
เหลือบสายตามองแล้วก็ขมวดคิ้วมุ่น ใช้ปลายนิ้วบีนวดคลึงที่ขมับและหัวตาทั้งสองข้าง เมื่อมองนาฬิกาแล้วก็ถึงรู้ว่าเวลานี้คือเวลา 02.24 น.
แบบนี้มันยิ่งกว่าบ้า บ้าอย่างไม่น่าเชื่อ ตลอดทั้งวันไอ้เด็กบ้านั่น อ่านแต่เอกสารที่กองพะเนินและแทบไม่ลุกไปไหนเลย นอกจากเข้าห้องน้ำสามครั้ง และไปต้มบะหมี่กินเมื่อตอนสี่ทุ่มครึ่ง
สภาพผมเผ้าที่เริ่มยุ่งเหยิง และใบหน้าที่มันเยิ้มบ่งบอกให้รู้ว่าคนที่นั่งขมวดคิ้วมุ่นอยู่กำลังจะหมดสภาพ เนคไทด์ถูกปลดออกแล้วพร้อมกับที่แขนเสื้อถูกพับขึ้นและกระดุมสองสามเม็ดก็ถูกปลดออก แล้วท่านั่งขัดสมาธิบนเก้าอี้ทำงานนั่นมันอะไร
“คุณนัท”
หมดความอดทนแต่เพียงเท่านี้ และนัทที่กำลังเพ่งสายตามองไปที่เอกสารก็ถึงกับสะดุ้ง
“ครับ อ่ะ ครับผม ว่า”
ทำหน้าเหรอหรา และก็เห็นว่าคนที่เรียกลุกขึ้นยืนแล้ว ในสภาพที่ แม้จะตีสองเกือบครึ่งก็ยังเท่ห์เหมือนเดิม
“คุณใช้ชีวิตแบบนี้มานานแค่ไหนแล้วคุณนัท”
คาดว่ามันคงจะเพิ่งเป็นวันนี้ เดาเอาว่าน่าจะใช่ ต้องการจะทดสอบความสามารถกันหรือยังไงวะ แต่แบบนี้ไม่คิดว่ามันเกินไปหน่อยหรือไง นี่มันเข้าเช้าวันใหม่แล้ว และมันถึงเวลาที่มนุษย์ปกติควรจะนอนหลับพักผ่อนเพราะอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้าก็ต้องตื่นแล้ว แต่ไอ้คุณนัท มันใช้ชีวิตผิดเพี้ยนและยังคงนั่งคร่ำเคร่งอ่านเอกสารไม่ยอมเลิก
“คุณมีอะไรให้ผมทำเพิ่มมั้ย ชงกาแฟ หรือถ่ายเอกสาร ผมทำให้ได้”
ไม่หรอก ดึกขนาดนี้แล้วนัทไม่กินกาแฟ แค่บะหมี่ที่กินไปเมื่อห้าทุ่มก็อิ่มจนถึงตอนนี้แล้ว
“คุณรัชชานนท์ ผมว่าคุณควรจะกลับบ้านไปพักผ่อนตั้งนานแล้ว ผมไม่เห็นประโยชน์อะไรที่คุณจะมานั่งหลังขดหลังแข็งกับผมแบบนี้”
อ่อ ชัดเจน ทดสอบความอดทนกันสินะ กวนประสาทใช้ได้
“ผมเป็นเลขา และหน้าที่ผมคือดูแลเรื่องความเรียบร้อยและคอยประสานงานให้กับงานของคุณไม่ให้มีอะไรขาดตกบกพร่อง ดังนั้นถ้าคุณยังทำงานไม่หยุด แม้จะไม่มีประโยชน์ที่จะนั่งอยู่ด้วย แต่ผมก็ต้องทำ เพราะมันคือจรรยาบรรณส่วนตัว”
ตอบกลับออกไปแล้ว ด้วยท่าทีนิ่งสงบ และนัทก็รู้สึกว่าเริ่มจะลำบากใจกับสิ่งที่อีกฝ่ายบอก
อีกไม่กี่วันจะต้องเปิดประชุมรอบแรก แต่นัทยังไม่เข้าใจที่มาที่ไปและระบบการทำงานของที่นี่เลย
เวลานัทเข้าประชุม นัทกลัวว่าจะไม่เข้าใจว่าผู้ร่วมประชุมกำลังพูดถึงอะไร นัทต้องการรู้ให้หมดทุกจุด และมองภาพโดยรวมให้ออก แต่ว่า.....นัทกำลังทำให้พี่ฟ้าลำบาก เพราะเรื่องเวลาที่ผิดเพี้ยนของนัทแบบนี้
“คุณกลับไปเถอะ ไม่มีประโยชน์ที่จะอยู่ด้วยหรอก นี่มันงานในส่วนที่ผมต้องเรียนรู้และเอาไปใช้ให้ได้ งานเลขาก็มีขอบเขตของตัวมันเอง ผมเข้าใจ”
เข้าใจ แต่ใบหน้านิ่งเฉยนั่นมันอะไร ร้ายนักนะ ไอ้เด็กนัทนี่มันยิ่งกว่าร้ายกาจ
“คุณทำงานมามากกว่าแปดชั่วโมงแล้ว แต่ผมไม่มีโอทีให้หรอกนะ เพราะขนาดตัวผมเอง ผมยังไม่ได้รับอนุมัติโอทีเลย ถ้าคุณทำเกินเวลามากเกินไป ก็เหมือนคุณทำงานฟรี คุณจะเอาแบบนั้นเหรอ”
ไม่ใช่จะเอาแบบนั้นหรือเอาแบบไหน แต่จะเอาแบบนี้ แบบที่เราต้องคุยกันให้ชัดเจนว่าขอบเขตการทำงานที่แท้จริงมันคืออะไร
“ผมมีสิทธิ์ดำเนินงานในฐานะเลขาของคุณได้ใช่มั้ย”
ก็... พี่ฟ้ามีสิทธิ์ทำแบบนั้นได้ ถ้าพี่ฟ้าต้องการจะทำ ถือว่านัทอนุญาต
“ผมให้สิทธิ์คุณเต็มที่คุณรัชชานนท์”
ตอบออกไปแล้ว และฟ้าก็พยักหน้ารับ วันนี้คงต้องพอแค่นี้ ไม่ใช่รบด้วยไม่ไหว แต่ไม่รู้ว่าไอ้เด็กนี่จะอยู่แบบนี้ไปถึงเมื่อไหร่แค่นั้น
“งั้นวันนี้ผมคงต้องขอตัวก่อน”
ฟ้าจัดการรวบรวมเอกสารเข้าแฟ้มเรียบร้อย และนัทก็แอบเหลือบสายตามองคนที่กำลังเตรียมตัวจะกลับบ้านแล้วก็ต้องลอบถอนหายใจ
ขอโทษจริง ๆ พี่ฟ้า นัททำงานจนลืมเวลา เลยทำให้พี่ฟ้าลำบากไปด้วย
“ผมกลับก่อนนะครับ”
เป็นคำบอกลาง่าย ๆ และนัทก็กล่าวอำลาอีกฝ่ายด้วยดี
“เชิญครับ”
คุณรัชชานนท์เลขาที่เพิ่งมาทำงานวันแรกก้าวขาเดินออกจากห้องไปแล้ว และคิดว่าตัวเองไม่น่าจะอดนอนได้นานขนาดนี้
ปกติไม่ใช่คนนอนดึก และวางระบบให้กับร่างกายตัวเองอยู่เสมอ แต่วันนี้เวลาที่ผิดเพี้ยนของใครบางคนที่ยังทำงานไม่ยอมเลิกมันทำให้ต้องกลับไปคิดทบทวนและคงต้องวางระบบร่างกายของตัวเองใหม่ เดินลิ่ว ๆ ออกไปที่ลานจอดรถ และไปหยุดยืนนิ่ง ๆ
ยังไม่ได้เปิดประตูรถ แต่หันกลับไปมองที่ห้องทำงานที่ชั้นสองที่ยังเปิดไฟสว่างโร่อยู่ห้องเดียว
ยืนมอง และครุ่นคิด
ไอ้เด็กนัทมันน่าโมโหเป็นที่สุด มันข่มขู่ด้วยคำพูด มันทำท่าทางทุเรศชวนคลื่นไส้ด้วยการเดินเข้ามาหอมแก้มเมื่อวันก่อน
มันพูดจาได้น่าสะอิดสะเอียนเรื่องที่อยากจะขอมีอะไรด้วย แลกกับเงินส่วนหนึ่งที่ขออนุมัติเพื่อใช้เป็นทุนสำรองของบริษัท
มันรู้ทุกสิ่งทุกอย่าง และแม้แต่น้องสาวของมันเองมันก็กล้าเอามาเป็นเครื่องมือต่อรอง
ร้ายกาจเกินไป ท่าทางหยิ่งยโสโอหัง พูดจาวางมาด
เคยคิดอย่างนั้น แต่ในเวลานี้ฟ้ากำลังคิดหนักกับสิ่งที่ตาเห็น คิดหนักกับสิ่งที่เคยคิดว่าใช่มาตลอด
เรื่องที่เกลียดยังไม่เปลี่ยนแปลง แต่ไม่เข้าใจว่าเพราะอะไรไอ้เด็กนั่นถึงได้มีพฤติกรรมประหลาดแบบนั้น
จะว่ามันเป็นคนแบบนั้นจริง ๆ ก็ไม่น่าจะใช่
แค่วันนี้วันเดียวที่ได้เห็นบางสิ่งบางอย่างแบบคาดไม่ถึง มันทำให้สิ่งที่เคยคิดว่าใช่มาตลอดชักจะเริ่มไม่ใช่ บางทีคงเพราะว่าดึกแล้ว และสมองเริ่มสับสนก็เลยประมวลผลผิดพลาด บางทีอาจเป็นเพราะนี่คือช่วงเวลาที่ไม่ต้องการที่สุดในชีวิตก็เลยอาจจะพยายามมองโลกในแง่ดีอยู่ก็เป็นได้
คิดไปก็เท่านั้น
ล้วงมือไปที่กระเป๋าเสื้อเพื่อหยิบกุญแจรถ แต่ปรากฏว่าไม่มี แตะไปที่กระเป๋ากางเกงและล้วงเข้าไปที่เสื้อสูทแต่ก็ไม่พบกุญแจรถ
ลืมไว้ข้างบนแน่ ๆ
เพราะว่ามัวแต่หงุดหงิดกับไอ้เด็กบ้านั่นก็เลยรีบจนลืมกุญแจรถสินะ ส่ายหน้ากับความขี้หลงขี้ลืมของตัวเอง และก้าวขาเดินกลับขึ้นไปบนอาคารอีกครั้ง ไม่ได้รีบ แต่ก้าวขาในจังหวะปกติ ก้าวขาเข้ามาในห้องทำงาน และพบว่าคนที่ควรจะนั่งอ่านเอกสารในเวลานี้หายไป
หายไปไหน
หายไป.....
ตอนนี้ทั้งที่ควรอยู่ แต่กลับไม่อยู่แล้วไอ้คุณนัทอะไรนั่นมันหายหัวไปไหน
ไป.....
มีคำถาม และเมื่อหันไปมองใครบางคนที่เปิดประตูเข้ามาก็ทำให้ต้องชะงักนิ่งค้าง
เมื่อพบกับ.......
เด็กหนุ่มวัยรุ่นคนหนึ่งที่เดินเข้ามา ใครบางคนที่ฟ้าไม่แน่ใจว่าใช่อย่างที่คิดหรือเปล่า
ดวงตากลมโตใสแจ๋วกำลังมองมาแล้วก็เบิ่งตากว้างขึ้น
บนหัวยังมีกิ๊บติดผมรูปเป็ดสีเหลืองตัวเล็ก ๆ ติดอยู่ เด็กหนุ่มคนนั้นสวมเสื้อยืดลายโดนัลดั๊กตัวใหญ่และเสื้อที่ควรเป็นสีขาวก็เปลี่ยนสภาพกลายเป็นสีเหลืองหม่นและเริ่มเปื่อยยุ่ย กางเกงนอนที่พับขา สั้นข้างยาวข้าง และเมื่อมองไปที่ไหล่ของเด็กคนนั้นก็มีผ้าขนหนูลายเป็ดสีเหลืองพาดเอาไว้
รองเท้าแตะที่เด็กคนนั้นสวมอยู่เป็นตุ๊กตาเป็ดสีเหลืองหัวโต กำลังทำหน้าประหลาด
อะไร ...........คืออะไร
นั่นมันคืออะไร............ สิ่งที่เห็นคือ.......
มองคนที่เข้ามาในห้องตั้งแต่หัวจรดเท้า และเท้าจรดหัว มองซ้ำจากบนลงล่างและล่างขึ้นบนอีกหลายครั้ง ก่อนที่ต่างฝ่ายก็ต่างอ้าปากค้าง
ไม่มีใครพูดอะไรออกมา จนฟ้าต้องเป็นฝ่ายเริ่มก่อน
“คุณนัท”
ใช่
ผมเอ๊งงงงงงงงงง ว่ายังไงล่ะคุณรัชชาน้นนนนนนนนนนน
นัทที่กำลังทำหน้าไม่ถูก ยิ้มก็ยิ้มไม่ออก ทำหน้าขรึมก็ทำไม่ได้ หัวะเราะสองสามที แต่เป็นการหัวเราะที่ฝืนเกินทน
โคตรอาย แบบนี้มันยิ่งกว่าอาย ไม่ได้มีรสนิยมชอบของกุ๊กกิ๊กน่ารักอะไรแบบนี้แต่คนที่ชอบคือน้องสาว และยัยหนิงก็เป็นคนจัดการหาเสื้อผ้าและของใช้พวกนี้มาให้ ด้วยเหตุผลที่ว่า
.......พี่นัทควรหาอะไรที่น่ารัก ๆ มาใส่บ้าง ควรเลือกเป็นสีสันสดใสเพื่อให้ชีวิตมีอะไรสนุก ๆ ไม่ใช่ทำงานแล้วเอาแต่เครียดจนไม่มีอะไรให้บันเทิงใจ......
แน่ล่ะมันไม่ได้บันเทิงใจอะไรหรอก แต่ที่ใส่ก็เพราะว่าใส่แบบไม่ได้คิดอะไร อยู่ที่นี่คนเดียว เวลาที่ไม่มีใครอยู่แล้ว จะเป็นยังไงหรืออยู่ในสภาพไหนก็ไม่มีใครรู้อยู่แล้ว เพราะเมื่อถึงตอนเช้า ก็กลายสภาพเป็นคุณนัทมหาโหดเหมือนเดิม
มันควรจะเป็นเหมือนเดิม มันควรจะเป็นแบบนั้น ไม่ใช่เป็นแบบนี้
“เหอะ เหอะ เหอะ ยังไม่กลับอีกเหรอครับคุณรัชชานนท์”
แล้วจะให้ทำยังไง ในเมื่ออีกฝ่ายเห็นสภาพชวนทุเรศแบบนี้เข้าไปแล้ว จะให้ร้องแหกปากโวยวายก็ไม่ใช่เรื่อง
ที่ต้องทำก็มีแค่เก็กหน้าขรึมเข้าไว้ แม้จะรู้สึกว่าโคตรอาย
อายยิ่งกว่าอาย
แต่ก็ยังพยายามจะปั้นหน้าให้ได้ และมันคงดูทุเรศทุรังเต็มทนในสายตาคุณรัชชานนท์
“ผมลืมกุญแจรถ ก็เลยกลับมาเอา”
เหรอครับ ลืมกุญแจรถเหรอ ก็เลยกลับมาเอาสินะ เหอะ เหอะ เหอะ
คุณรัชชานนท์แบมือให้ดูเพื่อให้รู้ว่ากลับมาเอากุญแจรถจริง ๆ ไม่ได้มีเจตนาจะมาดูสภาพน่าทุเรศแบบนี้ของคนที่กำลังทำหน้าไม่ถูก
เห็นแบบนั้นแล้ว นัทก็เกือบจะสบายใจ
เกือบจะสบายใจแล้วแท้ ๆ และกำลังจะก้าวขาเดินเข้าไปในห้องเล็กๆ ที่อยู่ด้านหลังที่ต่อเติมเอาไว้สำหรับนอน
“คุณนัท”
ครับ
หันกลับมาอีกครั้ง และนัทก็ถึงกับอยากบีบคอตัวเองให้ตาย ๆ ไปซะ เมื่อพบว่าพี่ฟ้าหน้าหล่อ เดินเข้ามาหาและใช้ปลายนิ้วแตะเบา ๆ ไปที่ข้างแก้มของนัท เหมือนกำลังลบรอยอะไรสักอย่าง และตอนนี้ก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าสิ่งที่อีกฝ่ายกำลังลบคือรอยอะไร
“เวลาทาแป้งแล้วทำขีดเป็นแมว แมวมันควรมีหนวดข้างละสามเส้น แต่คุณนัทวาดเกินมาเส้นหนึ่งนะ ผมว่ามันไม่ค่อยถูกต้องเท่าไหร่ ลบออกหนึ่งเส้นมันถึงจะพอดี”
หึ หึ หึ ลบออกหนึ่งเส้นถึงจะพอดีงั้นเหรอ
หึ หึ หึ ลบออกหนึ่งเส้นถึงจะพอดี
นัทยืนอึ้งตะลึงค้างอยู่อย่างนั้น และไร้เรี่ยวแรงจะพูดอะไรได้อีก
คุณรัชชานนท์ที่ลบแป้งออกจากหน้าของนัทเดินจากไปแล้ว และทิ้งให้นัทยืนอึ้งและกร่นด่าตัวเองในใจไม่ยอมเลิก
3.00 น.
ฟ้ากำลังขับรถเพื่อมุ่งหน้ากลับบ้าน สมองควรจะมุ่งมั่นกับการขับรถ แต่จิตใจกลับไปมุ่งนึกถึงใครบางคน
หน้าเอ๋อ ๆ ดวงตากลมโตใสแจ๋วที่เบิกค้าง พฤติกรรมบ้าบอของคนบางคนที่ได้เห็นในวันนี้คืออะไร
คิดแล้วก็ยิ้ม เผลอยิ้มออกมา ยิ้มและเริ่มกลายเป็นหัวเราะ
หัวเราะเล็ก ๆ กลายเป็นหัวเราะเสียงดังลั่น
หัวเราะเสียงดังลั่น และหยุดเอาไว้ไม่อยู่ เมื่อนึกถึงสภาพใบหน้าของคนที่อยู่ในห้องทำงานที่เพิ่งจากมา
ไอ้เด็กนัทนั่นมัน มัน.............
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า บ้าเอ้ยยยยย ทำไมไอ้เด็กนั่นมันตลกขนาดนี้วะ เกิดมาไม่เคยเจอใครตลกเท่าไอ้คุณนัทนี่เลยจริง ๆ”
TBC.
Ps. เผื่อใครอยากอ่าน เรื่องของฝน น้องชายของฟ้า ปรัชญาช่างกล ปูกับฝน
และเรื่องของ นุชา แฟนเก่าของฟ้าRunning.....นุชากับซ้ง