ซีรีย์หวานอมขม : ภาค Sex on the Beach กับ Whisky on the Rocks
ช็อตที่ 13
...หกวันเต็ม
สิริรวมเบ็ดเสร็จที่บินหลาใช้เวลาอยู่ในโรงพยาบาล
ถ้านานกว่านี้อีกนิดจะยึดมันเป็นบ้านแล้ว
แต่คงจะนานกว่านี้มาก ๆ ไม่ได้เพราะไม่มีปัญญาจ่ายค่าห้อง
โรงพยาบาลเอกชนอะไรวะถึงได้ราคาแพงระยับ
เปิดห้องนอนทีไม่ต่างอะไรจากโรงแรมเลย
ต้องโทษไอ้หน้ามึนคนเดียว
ตอนเขาเป็นลมเสือกไม่ไปพาไปส่งโรงพยาบาลรัฐ
ดันลากมาที่นี้ แล้วเขาจะมีปัญญาที่ไหนไปจ่าย
พอจะไปเคลียร์ค่าห้องกะขอผ่อนเขาซะหน่อย
เจ้าหน้าที่กลับบอกว่าไอ้หน้ามึนมันจัดการจ่ายให้หมดแล้ว
เออ ลืมไปว่ามันรวยนี่เนอะ
มีแฟนรวยเหมือนกูเป็นเด็กป๋าเลยวะ
ค่าห้องเป็นหมื่นจ่ายให้เรียบร้อยแบบนี้
ใจปล้ำมากเลยป๋า
แล้วดู...
ยังจะขับบีอัมดับบลิวคันโก้มาอวดศักดาจอดรออยู่หน้าโรงพยาบาลอีก
ไม่เห็นหรือไงว่าคนมองกันเต็มแล้ว
ไม่ใช่ว่าชมรถนะ แต่คงมองงง ๆ
ว่าทำไมถึงมาจอดรับคนเพิ่งหายป่วยหน้าตาสภาพโทรมยับเยินสวนราคารถได้ขนาดนี้
“บินขึ้นรถสิ”
ไม่ต้องตะโกนเร่งก็ได้
แค่นี้ก็เด่นจะตายห่าอยู่แล้ว
บินถอนหายใจหน่าย ๆ เปิดประตูรถเข้าไปนั่ง
ทันทีที่คาดเข็มขัดเรียบร้อย
เสียงคนขับก็ร้องถาม
“หิวรึยัง เดี๋ยวพี่พาไปกินข้าวนะ
บินอยากกินอะไรมั้ย”
“อะไรก็ได้”
ตอบกลับส่งเดชไปงั้น ๆ
เพราะเดี๋ยวมันก็ต้องพาบังคับไปกินนู้นนี้อยู่ดี
แล้วก็ผิดจากที่คิดไว้ที่ไหน
ระดับป๋าข้าวแกงข้างทางไม่มี ต้องกินข้าวบนห้างเท่านั้น
ไอ้หน้ามึนมันจอดรถเดินนำเขามาเรื่อย ๆ
ตอนแรกคิดว่าจะกินร้านอาหารญี่ปุ่นเหมือนเคย
แต่กลับเดินเลี้ยวเข้าเอ็มเคไปซะอย่างนั้น
“เอานี่แหละ บินเพิ่งหาย
กินอะไรที่มันต้ม ๆ ดีกว่า
สั่งได้เลยนะ เดี๋ยวพี่เลี้ยงเอง"
เลี้ยงอีกแล้ว
เอะอะเลี้ยงตลอด รู้แล้วว่าป๋าโคตรรวยเลย
แต่ป๋าควรจะเหลือส่วนที่เป็นศักดิ์ศรีให้กูบ้างได้มั้ย
“ไม่ต้องเลี้ยงหรอก กูช่วยหาร
แล้วค่ารักษา เดี๋ยวกูค่อยทยอยจ่ายให้นะ”
“ไม่ต้อง พี่เคยบอกแล้วไงว่าแฟนพี่พี่เลี้ยงได้”
“กูก็เคยบอกเหมือนกันว่า
กูไม่ชอบเป็นหนี้บุญคุณใคร”
คนฟังชะงักเงยหน้าขึ้นมาจากเมนูมองคนตรงข้าม
เงียบไปแป๊บหนึ่งก่อนพยักหน้าบอกเบา ๆ
“อืม งั้นก็ได้ ตามใจบิน”
โห อะไรวะเพิ่งเคยได้ยิน
มันบอกว่าตามใจเขา
ปกติต้องตื๊อไม่ยอมแล้ว
มาแปลกเว้ยวันนี้
แม้ในใจจะยังงง ๆ แต่เขาก็ก้มหน้าก้มตาสั่งอาหาร
โดยเลือกเมนูที่ไม่แพงมากตามงบในกระเป๋าตังค์
รู้งี้ตอนมันถามว่ากินอะไร ตอบออกไปว่าข้าวแกงเจ๊วรรณธรรมดาซะก็ดี
จะได้ไม่ต้องมาเสียตังค์แพง ๆ
...แม่ง ซวยเลยกู
คิดอย่างหงุดหงิดใจแต่ก็เลือกสั่งอาหารไปสี่ห้าอย่าง
เพียงไม่นานถาดสุกี้มากมายก็ทยอยมาวาง
ไกรศรจัดการเทของสดลงในหม้อ
ส่วนบินคว้าถ้วยน้ำจิ้ม เตรียมกระหน่ำใส่ปรุงให้แซ่บตามรสโปรด
แต่ยังไม่ทันได้เติมพริกกลับถูกใครบางคนดึงถ้วยเอาไว้
แล้วจัดการบีบมะนาว กระเทียม คนให้เสร็จสรรพ
โดยไม่มีพริกกระเด็นลงไปในถ้วยสักเม็ด
“มึงจะทำอะไรเนี่ย เอาถ้วยน้ำจิ้มกูคืนมาเลย”
“บินเพิ่งหายอย่ากินเผ็ดมากเลยนะ”
น่านไง...
ว่าจะดีอยู่แป๊บ ๆ มันกลับมาบังคับกันอีกแล้ว
“เรื่องของกู”
เขาตอบเสียงห้วน แต่อีกฝ่ายกลับไม่ยอมคืน
ซ้ำยังพูดเสียงอ่อนลงคล้ายจะวอนขออยู่ในที
“เชื่อพี่เถอะนะ”
ดวงตาคมสบมองร่างสูงนิ่ง
ซึ่งคนตรงข้ามก็มองตอบกลับมา
...ไม่รู้ว่าอะไรว่าคิดไปเองรึเปล่า
เขาถึงได้มองเห็นความห่วงใยสะท้อนอยู่ในแววตานั้นมากกว่าการบังคับขู่เข็ญ
จนท้ายที่สุดก็ต้องพยักหน้ารับด้วยความจำยอม
“เออ”
เพียงแค่นั้นคนฟังก็ยิ้มกว้าง ส่งถ้วยน้ำจิ้มคืน
แล้วหันไปกลับไปตักเครื่องที่ต้มสุกแล้วใส่ถ้วย
ส่งให้บินหลาที่นั่งรออยู่เฉย ๆ
...ทั้ง ๆ ที่มันเอาแต่ใจอย่างทุกที
แต่แปลกที่เขากลับยอมทำตามมันไปโดยไม่ฝืน
หรือเพราะรู้อยู่แล้วว่ามันหวังดี
ทุกการกระทำสัมผัสได้ว่ามันห่วงเขา
...เพราะอะไร?
หรือเพราะเขาทั้งคู่อยู่ในสถานะที่เป็น ‘แฟน’ กัน
“อ้าว ไม่กินล่ะบิน จะเอาอะไรเพิ่มมั้ย เดี๋ยวพี่ตักให้”
คนถูกทักหลุดจากภวังค์รีบส่ายหน้า
ก้มลงเทน้ำจิ้มลงในถ้วย
คนแล้วตักซดน้ำซุปเข้าปาก
ความจริงไอ้รสอ่อน ๆ แบบนี้ไม่ค่อยถูกใจเท่าไร
แต่พอลองเปลี่ยนดูบ้าง
...มันก็อร่อยดีอยู่เหมือนกัน
ใช้เวลาเกือบชั่วโมงกินสุกี้กันอิ่มหนำเรียบร้อย
แน่นอนว่ามื้อนี้บินต้องงัดเงินก้อนสุดท้ายมาจ่ายจนหมดกระเป๋า
ยังไม่ทันสิ้นเดือนเลย งบที่จำกัดไว้เล่นใช้ซะเกลี้ยงแล้ว
...หมดกันเงินเก็บกู
“บินจะไปไหนต่อรึเปล่า ดูหนังมั้ย”
“ดูได้ที่ไหน เนื้อตัวกูมีอยู่ยี่สิบบาทเนี่ย”
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวพี่เลี้ย....”
ประโยคถูกหยุดไว้แค่นั่น
เพราะคนพูดนึกขึ้นได้ว่าเจ้าตัวไม่ชอบให้คนอื่นจ่ายให้
แม้จะเสียดายแต่สุดท้ายร่างสูงก็ต้องตัดใจ
เอ่ยเลี่ยงเปลี่ยนเป็นตัวเลือกอื่นแทน
“งั้นไม่ดูก็ได้กลับกันเถอะนะ”
“ไม่ต้อง เดี๋ยวกูแวะธนาคารกดตังค์แป๊บหนึ่ง”
คำปฏิเสธสั้นๆ
ทว่า ไกรศรต้องหันมองอย่างไม่อยากเชื่อสายตา
...นึกว่าบินจะเบื่อเขา แล้วเลี่ยงขอกลับบ้าน
แต่ีที่ไหนได้...
กลับยอมออกเงินเองเพื่อมาดูหนังด้วยกัน
แบบนี้มันดีใจยิ่งกว่าที่เขาจ่ายค่าหนังให้บินเสียอีก
เพิ่งรู้ว่าคนมาเดทไม่จำเป็นต้องเลี้ยงอีกฝ่าย
แค่ช่วยแชร์ก็สุขใจได้ง่าย ๆ เหมือนกัน
ไกรศรมองซ้ายขวาเดินตามบินหาธนาคาร
จนเห็นมันเปิดอยู่ชั้นสองข้าง ๆ ร้านขายหนังสือ
เขารออยู่ข้างหน้าปล่อยให้บินเข้าไปกดตังค์
แต่ระหว่างนั้นเสียงของใครบางคนกลับเอ่ยทัก
“นั่นไกรศรรึเปล่า”
เจ้าของชื่อหันตามเสียงเรียก
ก่อนจะรีบยกมือไหว้เมื่อเห็นว่าคนที่ยืนอยู่เป็นใคร
“สวัสดีครับ ลุงภาคย์สบายดีเหรอครับ”
“อืม สบายดี ไม่ได้เจอตั้งนาน
โตขึ้นมากเลยนะเรา แล้วนี่เป็นไง
ใกล้บริหารแทนพ่อเรารึยัง”
“ยังหรอกครับ ฝีมือยังห่าง คงต้องรออีกหลายปี”
ร่างสูงยิ้มตอบรับญาติผู้ใหญ่ที่นับถือ
ก่อนจะรู้สึกถึงแรงสะกิดจากด้านหลัง
เขาหันกลับไปมองเห็นบินพึมพำพลางพยักเพยิดไปร้านข้าง ๆ
“กูไปรอในร้านหนังสือนะ”
“เดี๋ยวบิน....”
แม้คนถูกรั้งได้ยินเสียงเรียก แต่ได้ไม่ทันแล้ว
เพราะเขาเดินลิ่วเข้าร้านไปเรียบร้อย
เรื่องอะไรจะอยู่ให้เกะกะ เห็นอยู่ว่ากำลังคุยธุระ
สู้เข้ามายืนอ่านข่าวฆ่าเวลาอยู่ในร้านซะดีกว่า
คนรอหยิบนิตยสารขึ้นมาอ่านผ่านๆ
ทว่า ดวงตาคมกลับเหลือบมองผ่านกระจกใสออกไปหน้าร้านเป็นระยะ
โห คนคุยด้วยกับมันท่าทางอาเสี่ยไม่เบา
ไอ้หน้ามึนนี่รู้จักแต่กับคนรวย ๆ เนอะ
แต่ก็อย่างว่าแหละ ถ้าไม่มีความสามารถด้วยคงไม่ได้เงินมาง่าย ๆ
คราวที่แล้วไอ้เผือกยังชมว่ามันเก่งเรื่องหุ้นอย่างนู้นอย่างนี้
ทั้ง ๆ ที่อายุมันเหมือนจะห่างจากเขาไม่เท่าไร
แต่ดูท่าทางบุคลิกเป็นผู้ใหญ่มากกว่าเขาเยอะ
ดูเป็นผู้นำพึ่งพาได้ไปซะทุกอย่าง
...เพราะแบบนี้รึเปล่า
...พอรู้ตัวอีกที เขาถึงยอมปล่อยให้มันมาคอยมาดูแลอยู่ข้าง ๆ กาย
“พี่ค่ะ”
เสียงเรียกทำเอาคนคิดเพลิน ๆ สะดุ้ง
ดึงสติของตัวเองหันกลับมามอง
แล้วก็ต้องอึ้งเมื่อเห็นคนทัก
เด็กผู้หญิงผมตัดสั้นเท่าติ่งหู
ดูยังไงก็คงเรียนไม่พ้นมัธยมต้น
แต่ใส่เสื้อยืดตัวบางโชว์ชั้นในสีชมพูแป๊ด
กับกางเกงยีนต์ขาสั้นกุดล่อตาจระเข้
แต่สำหรับจระเข้อย่างบินแล้ว
ต่อให้เห็นเนื้อแบบนี้มาวางก็คงกินไม่ลง
ทว่า เขาก็ยังคงถามกลับไปตามมารยาท
“ครับ มีอะไรครับ”
“ขอเบอร์หน่อยได้มั้ยคะ
พอดีเพื่อนหนูเขาชอบอยากคุยด้วย”
สาวน้อยบุ๊ยปากสีแดงเหมือนเพิ่งไปดื่มเลือดสด ๆ
ไปยังเพื่อนสี่ห้านางที่ยืนแอบอยู่ข้างชั้นหนังสือไม่ไกล
ซึ่งลักษณะท่าทางก็หาได้แตกต่างจากยานแม่ตรงหน้า
มันยิ่งทำให้เขาไม่รีรอที่จะตอบกลับ
“ขอโทษนะ พี่มีแฟนแล้ว”
คนฟังเบิกตาที่กรีดอายไลเนอร์อย่างตกใจ
แต่ก็ไม่วายจะย้ำถามซ้ำให้แน่ใจ
“จริงเหรอคะพี่”
“จริงครับ”
...ใช่ เขามีแฟนแล้วชื่อพี่ศร
ถึงจะเป็นผู้ชายเหมือนกัน
แต่ไม่รู้ทำไมเขาถึงได้รู้สึกว่าไอ้หน้ามึนดีกว่าเด็กผู้หญิงกลุ่มนี้
ไม่ใช่ว่าจะดูถูกเรื่องมากหรืออะไร
เพราะเขาก็เคยถูกจีบอยู่บ่อย ๆ
เป็นนักร้องนำเล่นดนตรีในผับ
มีสาว ๆ เสนอตัวด้วยตั้งมากมาย
ถูกใจก็หิ้วกลับ วันไนท์แสตนเสร็จต่างคนต่างไป
แต่ไม่เคยมีใครคิดจะระบุสถานะว่าเป็นแฟนสักครั้ง
คงมีแต่ไอ้หน้ามึนนี่แหละ ไม่รู้ว่ามายังไง
พอรู้ตัวอีกทีก็กลายเป็นแฟนมัน
....แฟน
ที่เขาเองก็ยังไม่แน่ใจว่ามันใช่ความสัมพันธ์ตามความหมายรึเปล่า
หรือแค่เพราะถูกผูกมัดด้วยคำคำนี้เอาไว้
...เลยทำให้เราสองคนไปจากกันและกันไม่ได้เสียที
“ว้า...มีแฟนแล้วเสียดายจัง
งั้นไม่เป็นไรค่ะ หนูไปนะคะ
อีจุ๊บแจงงงง เขามีแฟนแล้วย่ะ
อดแดกเลยเมิงงงง!!”
ท้ายประโยคน้องสุดเปรี้ยวหันไปตะโกนบอกกลุ่มเพื่อน
ซึ่งส่งเสียงกรี๊ดกร๊าดอย่างไม่อายใคร
จนคนถูกจีบแทบจะอยากเดินออกนอกร้านเสียแทน
แต่ยังไม่ทันหมุนตัวกลับ ใครคนหนึ่งก็เดินมาหยุดด้านหน้า
“คนรู้จักหรอ”
ร่างสูงถาม ดวงตามองเลยไปยังกลุ่มสาว ๆ ที่ยังคงจับกลุ่มคุยกันไม่ไกล
“เปล่า เพิ่งเจอกัน เขามาขอเบอร์”
ไกรศรชะงักเมื่อได้ยินคำตอบ
ความรู้สึกบางอย่างตีตื้นขึ้นมาในใจ
...ก็รู้อยู่แล้วว่าบินดูดี ตาคม หน้าหล่อ
ขนาดใส่เสื้อยืดธรรมดา ๆ ยังเท่ห์ได้เลย
มันก็ไม่แปลกหรอกที่บินจะมีคนมาจีบ
บินมีเสน่ห์เสมอไม่ว่าจะร้องเพลงบนเวทีหรือว่ายืนอยู่เฉย ๆ
ยิ่งรู้จักก็ยิ่งประทับใจมากขึ้นเรื่อย ๆ
ทั้งอ่อนโยน ทั้งใจดี
จนเขากลัวว่าจะมีใครต่อใครมาแย่ง
...กลัวว่าประวัติศาสตร์เดิมมันจะกลับมาซ้ำรอยอีกครั้ง
“บินชอบเขามั้ย”
คำถามดังขึ้นไม่มีปี่มีขลุ่ยทำเอาคนฟังขมวดคิ้ว
“ห่ะ มึงบ้าเปล่า
ก็บอกว่าเพิ่งเจอกันเมื่อกี๊กูจะไปชอบได้ไง”
“ได้สิ ที่น้องเขาเจอบินเมื่อกี๊ยังชอบบินได้เลย”
คำอธิบายทำให้คนข้างกายต้องหันมอง
เริ่มหงุดหงิดกับสิ่งที่ได้ยิน
...ไอ้หน้ามึนมันพูดเพ้อเจ้อบ้าบออะไรวะ
ทั้ง ๆ ที่อุตส่าห์บอกน้องเขาไปว่ากูมีแฟนแล้ว
แฟนกูก็มึงยืนอยู่ทนโท่นี่ไม่ใช่รึไง
แล้วยังจะตื๊อถามอะไรอยู่ได้
หรือมันอยากจะให้เขาได้กับน้องคนนั้น
ถึงยัดเหยียดตรรกะปัญญาอ่อนมาแบบนี้
ตกลงจะมึงจะเอายังไงกันแน่วะ!!
แม่งงง น่ารำคาญโว้ยย!!
บินไม่ตอบคำ
แต่รีบก้าวพรวดออกมาจากร้านหนังสือทันที
จนไกรศรแทบจะเอ่ยรั้งถามไว้ไม่ทัน
“บินจะไปไหน”
“กลับหอ”
“อ้าว แล้วหนังล่ะ”
“ไม่เอาแล้ว กูจะกลับ”
เขาตอบเสียงห้วนอย่างหงุดหงิด
ไม่รู้ว่าหงุดหงิดเพราะอะไร
...เพราะตัวเอง
...หรือเพราะใคร
แต่ที่แน่ ๆ ตอนนี้เขาไม่อยากจะยุ่งกับมันแล้ว
บินเปิดประตูขึ้นรถ
ให้สารถีขับไปส่งโดยไม่ปริปากพูดอะไรออกมาสักคำ
เพียงไม่นานรถบีเอ็มคันหรูก็มาจอดนิ่งอยู่หน้าหอ
ไกรศรทำท่าจะเปิดประตูลงไป
แต่กลับมีเสียงห้ามเอาไว้
“มึงไม่ต้องตามขึ้นมาได้มั้ย”
คำที่ได้ยินทำเอาคนฟังใจร่วง
รีบร้องถามอย่างมึนงง
“ทำไมล่ะ บินโกรธอะไรพี่เหรอ”
“กูไม่ได้โกรธ”
“งั้นแล้วทำไม”
“กูแค่อยากอยู่คนเดียว”
“แต่ว่า...”
“โอยยย!!! อย่ามาถามมากได้มั้ยวะ
มึงจะตามกูมาตลอดเวลาเลยรึไง!!
แม่งง น่ารำคาญโว้ยยย!!”
สิ้นเสียงตะโกนอย่างหมดความอดทน...
...ภายในรถเงียบสนิท
ไกรศรนิ่งงัน
มองคนข้างตัวที่ยังคงเบือนหน้าหนี
ไม่หันกลับมาสบตาตนเองแม้เพียงนิด
“อือ พี่เข้าใจแล้ว”
คนตัวโตเอ่ยเพียงสั้น ๆ ปิดประตูรถให้เข้าที
รอให้อีกคนเดินออกไป ก่อนขับหายไปตามถนน
ปล่อยให้บินเดินขึ้นห้องตามลำพังอย่างโล่งใจ
...ดี ไปได้ซะก็ดีแล้ว
คราวนี้ เขาจะได้มีเวลาเป็นส่วนตัวซะที
บินหลาไขกุญแจเปิดประตูห้องที่ไม่ได้เข้ามาเกือบอาทิตย์
ทุกอย่างยังเหมือนเดิม โต๊ะ ตู้ เตียง
บรรยากาศเดิม ๆ
...นี่คือโลกใบเดิมของเขา
เปิดทีวีแล้วทิ้งตัวลงนอน
หยิบรีโมทขึ้นมากดเปลี่ยนช่อง
เปลี่ยนช่องไปเรื่อย ๆ จนครบกว่าร้อยช่อง
แต่กลับไม่เข้าหัวเลยสักเรื่อง
เพราะตาดูไป แต่สมองกลับคิดไปไกลถึงเรื่องอื่น
ตัดสินใจปิดมันดื้อ ๆ เพราะไม่มีอะไรน่าสน
ลุกขึ้นไปหยิบกีตาร์ที่วางพิงพนัง
ตั้งใจจะฝึกเพลงที่เพิ่งแกะ
แต่ก็เล่นเกาโน้ตไปได้นิดหน่อยก็วางทิ้ง
หยิบกระดาษมาจะแต่งเพลง
ทว่า กลับไม่มีอารมณ์เขียน
...เบื่อ
....ทำไมมันถึงได้น่าเบื่อแบบนี้วะ
เมื่อก่อนก็อยู่คนเดียวแต่ไม่เห็นว่ามันจะน่าเบื่อขนาดนี้
หรือเพราะเขาชินกับการที่ต้องมีใครมาอยู่ข้าง ๆ
แค่คิด...
หน้ามึน ๆ ของใครบางคนก็ลอยมาวนเวียนเข้ามาในหัว
...เมื่อกี๊พูดรุนแรงไปรึเปล่านะ
มันอุตส่าห์ขับรถมาส่งแต่ดันไล่กลับไปซะอย่างนั้น
ก็ความผิดมันนี่หว่า มาตามติดกันตลอดแบบนี้
มาทำตัววุ่นวายให้น่ารำคาญ ถูกเขาไล่มันก็สมควรแล้ว
เห็นมั้ย...
ขนาดตัวไม่อยู่ มันยังมาป้วนเปี้ยนในความคิดได้เลย
แล้วจะไม่ให้บอกว่ามันน่ารำคาญได้ยังไง
...แฟนที่ไหนเขาทำตัวกันแบบนี้กันบ้าง
...แฟนที่ไหนถึงมาทำให้อีกคนต้องคิดมากขนาดนี้
ช่วยบอกกูทีเถอะ...ไอ้พี่ศร
...มึงเป็นแฟนบ้าบอภาษาอะไรกัน
------------------------------------------------------------------------------------------------------
TBC