เรื่องของเก่ง กับ ตี๋ – ภาค 3 / ตอนที่ 4 : ตัดใจ ถอนใจ ... ยอมยกธง
เรื่องของเก่ง กับ ตี๋ – ภาค 3 / ตอนที่ 4 : ตัดใจ ถอนใจ ... ยอมยกธง
ในใจผมกังวลและสับสนกับเหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นยิ่งนัก ผมกลัวเป็นที่สุดว่า ผมจะต้องเสียไอ้ตี๋เล็กไปอีกครั้ง ทำไมนะเหตุการณ์ร้าย ๆ หลายอย่าง จึงได้เข้ามาในชีวิตของผม พร้อมกันแค่ในช่วงเวลาไม่กี่อาทิตย์นี่เอง ผมแต่งตัวอย่างรวดเร็วก่อนที่จะลงไปด้านล่าง เพื่อเผชิญหน้ากับแขกผู้มาเยือน
ผมเดินเข้าไปในห้องรับแขกและเป็นห้องนั่งเล่นของบ้านด้วย พ่อไอ้ตี๋นั่งอยู่บนโซฟา มีแม่ไอ้ตี๋ ไอ้เตย และไอ้พี่กลด ผมยกมือไหว้สวัสดีผู้ใหญ่ทั้งสอง แล้วหันไปมองหน้าไอ้เตยกับไอ้กลด มันทั้งสองคนทำหน้าซีด ๆ ก่อนที่ผมจะพูดอะไร ไอ้พี่กลดกับไอ้เตยลุกขึ้น
*เก่ง เดี๋ยวไปคุยกันข้างนอกก่อน* ไอ้กลดบอกผม
ผมพาทั้งสองเดินออกนอกบ้านไปนั่งที่แคร่ใต้ต้นมะม่วง อากาศข้างนอกกำลังเริ่มร้อน บรรยากาศตอนสายแก่ ๆ ทำให้ผมคิดในใจว่า น่าจะนอนต่อได้อีกสักพัก เราทั้งสามนั่งลงที่แคร่ ผมไม่หันหน้าไปมองไอ้พี่กลดและน้องเตยเลย
*พี่เก่ง เตยขอโทษ* ไอ้เตยพูดขึ้น
-เกิดอะไรขึ้นล่ะเตย ทำไมพ่อกับแม่แกมาที่นี่- ผมถาม
*ฟังกูให้ดีนะเก่ง ตี๋เล็กมันเล่าเรื่องการป่วยของมึงให้พวกกูฟังหมดแล้ว มันตัดสินใจไปบอกพ่อของมัน เพื่อที่จะขอคบกับมึงต่อไป เพื่อเป็นกำลังใจให้มึง คือว่าอย่างไรก็ให้เห็นแก่มนุษยธรรมก่อน* ไอ้พี่กลดบอก
-แต่ไม่สำเร็จพี่เก่ง พ่อกลับขอร้องพี่ตี๋แทนด้วยเหตุผลที่พี่ตี๋ไม่สามารถปฏิเสธได้ คือให้พี่ตี๋เป็นหัวหน้าครอบครัว ตัดใจจากพี่ไปซะ เริ่มต้นกันใหม่ หนูกับพี่กลดพยายามช่วยพูดแล้ว แต่เจอเหตุผลของพ่อ หนูกับพี่กลดไม่รู้จะพูดยังไง รวมทั้งพี่ตี๋ด้วย เขาก็พูดไม่ออก เมื่อพ่อไม่ดุด่าเขาเหมือนเคย พ่อพูดดีมากจนน่าสงสาร พ่อบอกให้เข้าใจเหตุผลของเขาด้วย* ไอ้เตยเสริม
*เก่ง มึงต้องเข้าใจความจำเป็นของไอ้ตี๋มัน มึงกับมัน มีภาระกิจที่แตกต่างกัน มึงเข้าใจที่กูพูดใหม กูเสียใจด้วยกับเรื่องการป่วยของมึง* ไอ้กลดพูด
ความเงียบเข้าครอบงำเราสามคนอยู่เนิ่นนาน ในท้องของผมปั่นป่วนเหมือนมีรถไฟวิ่งไปมาหลายสาย
-อือ ผมเข้าใจดีทุกอย่างพี่ ขอบคุณมาก เตยแกด้วยนะขอบใจมาก- ผมกล่าวออกมาในที่สุด
*อย่าคิดมากล่ะ รักษาตัวเองดี ๆ ยังไงมึงก็ยังเจอกับไอ้ตี๋ที่สถาบัน ไม่ได้จากกันไปใหนเลย*
-พี่เก่งดูแลตัวเองดีดีด้วยนะ-
ในวินาทีนั้น ผมคิดว่าทำไมผมจึงโชคดีได้รับเกียรติจากเบื้องบน ให้รับตำแหน่งผู้โชคร้ายแห่งปี ....... ผมสับสน หวั่นไหว และไม่เข้าใจในโชคชะตาของผมเลย ผมเคยทำผิดบาปอะไรไว้หนักหนา จึงต้องมาทนรับสภาพเช่นนี้ ผมรู้สึกเหมือนผมเป็นเด็กตัวเล็ก ๆ คนหนึ่ง ที่ไม่รู้จะเดินต่อไปทางใหนดี
ผมกล่าวขอบคุณทั้งสองคนอีกครั้ง อย่างน้อย มิตรภาพที่ดีงามระหว่างไอ้เตย พี่กลดและผม ก็ยังคงดีต่อกันในเวลาที่เลวร้ายแบบนี้
พ่อไอ้ตี๋เดินออกมาจากบ้านมายังแคร่ที่พวกผมนั่งอยู่
*กลด เตย เดี๋ยวพ่อขอคุยกับเก่งตามลำพังก่อน* ทั้งสองคนมองหน้ากันก่อนที่จะเดินเข้าไปในบ้าน
*เก่ง ลุงขอโทษเรื่องที่ลุงทำเก่งเจ็บตัวคราวนั้น*
-ไม่เป็นไรครับ ผมเข้าใจเหตุผลทุกอย่าง- ผมตอบเนือย ๆ
*เก่งเข้าใจก็ดีแล้ว กับตี๋เล็ก เป็นเพื่อนที่ดีต่อกันก็พอนะ ชีวิตของแต่ละคน มีทางเดินที่ไม่เหมือนกัน เก่งเข้าใจนะ*
-ผมเข้าใจดีทุกอย่างครับ ไม่ต้องเป็นห่วง เดี๋ยวไกล้จะเที่ยงแล้ว ทานข้าวบ้านผมสักมื้อก่อนกลับก็แล้วกันนะครับ จะได้พักผ่อนกันก่อนกลับด้วย- ผมบอกกับพ่อไอ้ตี๋
ผมเกณฑ์เพื่อน ๆ เข้ามาในครัวเพื่อช่วยกันทำกับข้าวรับแขกเป็นการด่วน เมนูถูกระบุออกมาอย่างรวดเร็วหลังจากที่ผมสำรวจวัตถุดิบแล้ว อาหารวันนี้ประกอบด้วยข้าวเหนียว ลาบหมู ปลาสมุนไพร ส้มตำมะละกอ ขนมจีนแกงเขียวหวานและทอดมันปลา ส่วนของหวานเป็นข้าวเหนียวมะม่วง ผมสั่งให้อีเก๋เอาใบเตยหลังบ้านมาตัดแล้วทำกระทงสี่เหลี่ยม ส่วนมะม่วงในครัวมีอยู่แล้ว ผมทำกับข้าวโดยไม่ได้พูดอะไรออกมาเลย เพื่อน ๆ ก็ดูเหมือนจะรู้ใจ เงียบปิดปากสนิท ไม่มีใครพูดกันเลยระหว่างนั้น
ไอ้เม่นบอกผมปรุงลาบก่อนที่มันยกออกไปพร้อมกับผักสด ผมตักปลาสมุนไพรที่คลุกกับน้ำจิ้ม มะพร้าวคั่วและถั่วลิสงใส่ในจานเปลใบใหญ่ใช้ใบมะกรูดทอดและพริกทอดโรยหน้า เส้นขนมจีนให้อีเก๋ไปเอาที่บ้านอาผมมา แล้วเอามาม้วนใหม่จากจับใหญ่ ๆ เป็นจับเล็ก ๆ กะจิริด ใส่ในกระจาดไม้ไผ่ บ้านนี้เขาทำเส้นขนมจีนขาย ผมบอกอีอุ๋ยช่วยชิมแกงเขียวหวานไก่ที่ผมปรุงเสร็จแล้ว ก่อนยกออกไปผมกำชับให้มันโรยใบโหระพา มะเขือพวงและพริกชี้ฟ้าก่อน
แล้วผมต่อด้วยส้มตำมะละกอโดยมีไอ้สนเป็นลูกมืออยู่ข้าง ๆ วันนี้ที่บ้านมีมะกอกป่าจากต้นหลังบ้าน มะเขือขื่นลูกกลาง ๆ กำลังดี ปูนาดองที่นึ่งสุกแล้ว ปลาร้าก็ต้มสุกเอาแต่น้ำ ที่บ้านผมไม่กินของดิบ อยู่บ้านนอกก็ดีแบบนี้ อะไร ๆ แทบไม่ต้องซื้อ
จากนั้นผมนั่งลงกับตั่งตัวเล็ก ๆ บนพื้น ใช้มือที่จุ่มน้ำเล็กน้อยปั้นทอดมันปลาเป็นก้อนเล็ก หย่อนลงในกะทะอย่างใจลอย กับข้าวจะอร่อยหรือเปล่าวะเนี่ย พ่อครัวไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่จะทำกับข้าวเลย ทุกคนมัวแต่สาละวนกับการยกกับข้าวออกไปในครัว ผมก็เร่งทอดมันปลาของผมงานชิ้นสุดท้ายเหมือนกัน
ผมใจลอยทอดมันปลาไปได้สักพัก เหลือบไปมองกระจกที่ตู้กับข้าวสะท้อนภาพกลับมา พ่อกับแม่ไอ้ตี๋นั่นเอง ผมหันไปยิ้มให้ สงสัยจะยืนมองเราใจลอยทำกับข้าวอยู่นานเหมือนกัน พ่อกับแม่ไอ้ตี๋ยิ้มบาง ๆ ตอบกลับมา
-ให้แม่ช่วยใหมลูก-
*ไม่ต้องหรอกครับแม่ กำลังจะเสร็จแล้ว เดี๋ยวถ้าไม่พอค่อยให้พวกนี้มันมาทอดเพิ่มใหม่ ยังมีเยอะอยู่ครับ*
-เก่งดูแลตัวเองดีดีนะลูก- แม่ไอ้ตี๋บอกผม พ่อไอ้ตี๋ยืนยิ้มเผล่อยู่ข้าง ๆ
*ขอบคุณมากครับ พ่อกับแม่ก็ดูแลตัวเองให้ดีนะครับ* ผมบอก
*เก่ง ๆๆ มีเรื่องอะไรกันหรือเปล่า เห็นไอ้อุ๋ยโทรหาพี่* เสียงพี่เต้ยพี่ชายผมกระหืดกระหอบวิ่งเข้ามา
-มี กินข้าวสิพี่ ของกินเสร็จพอดี มีงานปาร์ตี้นิดหน่อย- ผมพูดยิ้ม ๆ พี่เต้ยทำหน้างง ๆ
พ่อกับแม่ไอ้ตี๋ชมอาหารมื้อนี้อยู่ไม่ขาดปาก พ่อไอ้ตี๋บอกว่า คนทำกับข้าว เข้าใจทำของกินมาเอาใจ เพราะเขาเป็นคนท่ายาง จ. เพชรบุรี ขนมจีนเมืองเพชรจะกินกับน้ำจิ้มหวานและทอดมันปลา ไม่ได้หวังพึ่งแกงเขียวหวานหรือน้ำยา ข้าวเหนียวมะม่วงก็ตั้งใจทำ ทำกระทงใบเตยใส่เสียดิบดี สวยจนไม่กล้ากิน ผมกับอีอุ๋ย ไอ้เม่น ไอ้สน อีเก๋ มองหน้ากันโดยอัตโนมัติ ตบหัวแล้วลูบหลังนี่หว่า แบบนี้ ...........
อาหารกลางวันวันนั้นผ่านไป พวกเราลาพ่อกับแม่ไอ้ตี๋ ไอ้เตยและไอ้พี่กลดเสร็จ ทุกคนก็มาช่วยกันล้างทำความสะอาดจานชามที่ในครัว พี่เต้ยยืนพิงกรอบประตูครัวฟังผมเล่าเหตุการณ์ให้ฟัง
*อย่าคิดมากเลยว่ะเก่ง ชีวิตคนไม่มีทางเลือกอะไรมากมายหลายทางนักหรอก* พี่เต้ยบอก
-ผมจะพยายามพี่ ไม่รู้จะทำได้มากน้อยแค่ใหนนะ-
*พวกกูจะเป็นกำลังใจให้เอง* อีอุ๋ยกล่าวขึ้นในที่สุด
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
เอาไปน้อยๆจะได้อยู่กันนานๆ...อิอิ