6ตั้งแต่เช้ามืดวันนั้นจนถึงวันนี้ 1 สัปดาห์เต็มๆ แล้วที่ไมเคิลไม่มีโอกาสได้เห็นแม้แต่เงาของคุณคริส ถึงวันนี้ไมค์เข้าใจแล้วว่าพี่ๆ พวกนั้นรู้สึกอย่างไร หากคุณคริสไม่เรียกพบอย่าว่าแต่จะได้เขาใกล้เลย บางวันก็แทบจะไม่มีโอกาสได้เห็นหน้า เพราะในแต่ละวันสมาชิกทุกคนจะพร้อมหน้ากันที่โต๊ะอาหารเวลา 1 ทุ่มตรงเพียงมื้อเดียวเท่านั้น ส่วนมื้อเช้าและกลางวันตามอัธยาศัย วันไหนที่คุณคริสสั่งไว้ว่าจะกลับมาทานมื้อเย็น มื้อนั้นทุกคนจะต้องอยู่กันพร้อมหน้า แต่ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมานี้ คุณคริสออกจากบ้านแต่เช้าและกลับดึกทุกคืน มีเพียงไมค์คนเดียวเท่านั้นแหล่ะที่ไม่มีโอกาสได้เห็นคุณคริสเลย ส่วนคนอื่นๆ ผลัดกันขึ้นไปพบคนละคืน แม้คุณคริสจะกลับดึกขนาดไหน เวรใครคนนั้นก็มีหน้าที่คอย
วันนี้ไมเคิลตื่นแต่เช้ามืดตั้งใจมาดักรอพบคุณคริส ไม่ได้เห็นหน้าหลายวันแล้วบางทีคุณคริสอาจจะหายโกรธและทักทายกับไมค์บ้าง ไมค์นั่งดูน้าจอนทำความสะอาดรถอยู่หน้าตึก อยากเข้าไปช่วยแต่ถูกห้ามไว้บอกให้นั่งดูเฉยๆ จึงนั่งคิดอะไรเพลินๆ รู้สึกตัวอีกทีเมื่อน้าจอนนี่กุลีกุจอเปิดประตูรถ ก็รู้ว่าคุณคริสกำลังเดินลงมาจากตึกแล้ว
ไมเคิลลุกขึ้นและหันไปมองด้วยความดีใจ แต่แล้วก็ต้องผิดหวังเมื่อพบว่าไม่ใช่คุณคริสที่เดินลงมา คงจะเป็นเพื่อนหรือไม่ก็คงเป็นแขก ไมค์มองเข้าไปในบ้านไม่เห็นคุณคริสเดินตามออกมา และแขกของคุณคริสก็ยังไม่ยอมเดินไปขึ้นรถ เล่นยืนจ้องหน้าจนไมค์ทำอะไรไม่ถูกต้องยิ้มให้และกล่าวสวัสดีเป็นภาษาอังกฤษ เพราะแขกของคุณคริสเป็นฝรั่งเหมือนกัน
แขกทักตอบและถามว่ามายืนทำอะไรตรงนี้ พอไมค์ตอบว่ามารอคุณคริส เขาก็หัวเราะและเดินตรงไปที่รถ ไมค์มองตามด้วยความไม่ชอบใจที่ถูกหัวเราะโดยไม่รู้สาเหตุ และยิ่งรู้สึกไม่พอใจมากขึ้นเมื่อเห็นแขกก้าวขึ้นไปนั่งในตำแหน่งเดียวกับที่คุณคริสนั่ง คงจะเป็นคำสั่งของคุณคริสให้น้าจอนนี่ไปส่งแขก แต่ทำไมต้องใช้รถคันนี้ด้วยแล้วคุณคริสจะออกไปทำงานยังไง
เร็วเท่าใจคิด… ร่างเล็กวิ่งเข้าไปหานายจอนซึ่งกำลังก้าวขึ้นไปนั่งประจำที่เตรียมออกรถ
“น้าจอนนี่.. เดี๋ยวก่อนครับ”
“มีอะไรหรือครับ คุณไมค์”
“น้าจะไปส่งแขกหรือครับ แล้วเดี๋ยวคุณคริสจะออกไปยังไง น้าจะกลับมารับทันเหรอ… หรือว่าวันนี้คุณคริสไม่ไปทำงานครับ”
นายจอนอมยิ้มไม่รู้จะตอบคำถามไหนก่อน ชำเลืองมองกระจกส่องหลังและเอ่ยถามเบาๆ
“จะให้ตอบยังไงดีครับเจ้านาย..”
แขกคุณคริสลดกระจกลงไมค์จึงได้มีโอกาสเห็นใบหน้าเขาชัดๆ ถึงจะมีหนวดเคราเต็มหน้าแต่ก็ดูอ่อนโยนและใจดี โดยเฉพาะดวงตาสีน้ำตาลเข้มที่จ้องมองมาให้ความรู้สึกคุ้นเคยอย่างประหลาด แม้จะไม่เข้าใจที่นายจอนพูดแต่ไมค์ก็รีบถอยห่างออกจากรถพร้อมกับกล่าวขอโทษเป็นภาษาอังกฤษ เพราะนึกขึ้นได้ว่ากำลังทำให้แขกเสียเวลา
“ขอบใจนะที่เป็นห่วงกลัวฉันไปทำงานไม่ได้ ไม่เสียแรงที่อุตส่าห์ฝึกสอนมาเกือบ 3 เดือน เธอพูดได้แล้วนี่ไมเคิล ขอให้คุยกับพ่อให้สนุกนะ”
“คุณไมค์มายืนทำอะไรตรงนี้ครับ จะเอาอะไรหรือเปล่า”
ไมเคิลไม่รู้ว่าตัวเองยืนตะลึงอยู่นานแค่ไหน รู้สึกตัวอีกทีเมื่อนายชมมาเขย่าแขนและเรียกเบาๆ ไมค์ส่ายหน้าก่อนจะวิ่งกลับขึ้นไปบนตึกโดยไม่พูดอะไร ทิ้งให้นายชมยืนเกาหัวด้วยความงุนงง
ไมเคิลวิ่งกลับเข้ามาในห้องไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น คุณคริสคนเดิมของไมค์หายไปไหน ทำไมคุณคริสวันนี้มีหน้าตาแบบนี้ ไมค์ไม่อยากร้องไห้แต่กลั้นน้ำตาไม่อยู่รู้สึกเสียใจโดยไม่มีสาเหตุ หน้าตาของคุณคริสเปลี่ยนไปยังไงไม่น่าเกี่ยวข้องกับไมค์ แค่ไม่ได้เห็นหน้าพ่อผ่านใบหน้าของคุณคริสเท่านั้น ไมค์หลับฝันถึงพ่อเองก็ได้..
อาหารเย็นวันนี้เป็นมื้อใหญ่ในรอบ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา เพราะคุณคริสกลับมาร่วมโต๊ะอาหารด้วยทุกคนจึงอยู่กันพร้อมหน้า
สมาชิกในโต๊ะอาหารกำลังวิพากษ์วิจารณ์เจ้าของคฤหาสน์บริเจคส์กันอย่างสนุกสนาน เพราะวันนี้มิสเตอร์บริเจคส์อารมณ์ดีและเป็นคนเอ่ยอนุญาตให้วิจารณ์ได้
“เหมือน ฌอน คอนเนอรี่ เลยฮะ”
“อะไรกันทิมมี่.. ฉันแก่ขนาดนั้นเลยเหรอ”
“ผมว่าเหมือน เควิน คอสเนอร์ ตอนติดเกาะแล้วไม่ได้โกนหนวด” บอยกล่าวอย่างมั่นใจ
แฟรงค์ส่ายหน้ากับความเห็นไร้สาระของเด็กๆ
“เหลวไหล… ดูยังไงก็ยังเป็นคริส บริเจคส์ อยู่ดี โอ๊ะ! ไม่ใช่ซี ไม่เหมือนก็ตรงดวงตานี่แหละ นึกยังไงถึงเปลี่ยนโฉมซะขนาดนี้อ่ะ คริส ถึงขนาดเปลี่ยนสีของดวงตานี่ มันยังไงๆ อยู่นา.. เหมือนหนีใครยังงั้นล่ะ หวังว่าคงไม่ใช่ตำรวจนะ "
คริสแค่นยิ้มเมื่อได้ยินคำว่า "เหมือนหนีใคร"
“หึ!.. ก็แค่นึกเบื่อหน้าตัวเองขึ้นมา นายอยากเปลี่ยนตาของนายเป็นสีฟ้าบ้างมั้ยล่ะ”
“จริงด้วยฮะคุณแฟรงค์.. ลองเปลี่ยนดูซีครับผมว่าคุณต้องเหมือนจอห์น ทราโวลต้า แน่ๆ ”
“บ้าน่าแจ๊ค หุ่นนายแบบอย่างฉัน นายเอาไปเทียบกับทราโวลต้าได้ไง”
ทุกคนร่วมวงสนทนาและออกความเห็นกันอย่างสนุก ช่วยเพิ่มรสชาดให้อาหารมื้อนี้อร่อยขึ้น โอพูดน้อยที่สุดเพราะมัวแต่เฝ้าสังเกตุกิริยาของไมเคิลซึ่งนั่งอยู่ท้ายสุดฝั่งตรงข้าม รู้สึกสะใจที่เห็นเจ้าหนูนั่งหงอยก้มหน้าก้มตาไม่พูดอะไรสักคำ
“ข้าวบ้านเราคงอร่อยมากเลยนะครับคุณคริส ไมเคิลถึงกินข้าวเปล่าได้เกือบหมดจาน”
ข้อสนทนานี้เบนความสนใจให้ทุกคนหันมองไปหนุ่มน้อย ในขณะที่ไมเคิลกำลังจะตักข้าวเข้าปากเป็นคำสุดท้ายต้องรีบวางช้อนลงและหยิบแก้วน้ำขึ้นดื่ม
คริสจ้องมองไปที่เจ้าหนูของเขา ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าไมเคิลหงอยลงไปเป็นคนละคน แม้ที่ผ่านมาจะไม่พูดมากต่อหน้าคนอื่นแต่ก็ไม่นิ่งเงียบแบบนี้
“ไม่มีความเห็นกับเขาบ้างหรือไมเคิล.. ว่าฉันเหมือนใคร”
ไมเคิลมองหน้าคุณคริสแค่แว่บเดียวก็หลบสายตาลง คุณคริสวันนี้ไม่ใช่คุณคริสที่เขาเคยอยู่ใกล้ชิดด้วย
“เอ่อ.. ผมไม่ค่อยได้ดูหนัง ผมไม่รู้ครับว่าเหมือนใคร"
“ไม่จำเป็นต้องเป็นคนดังที่มีชื่อเสียงหรอกนะไมเคิล คนใกล้ตัวเธอ ใครก็ได้ที่เธอรู้จัก”
……เพียงแค่นี้เด็กชายก็รู้แล้วว่า คุณคริสจงใจถามเพราะต้องการให้ตอบว่า เขายังเหมือนใครในฝันของไมค์หรือเปล่า……
ไมเคิลส่ายหน้าและกลั้นใจตอบ
“ไม่ครับ ไม่เหมือนใครที่ผมรู้จัก”
“ดีมาก ไมเคิล..
เพราะฉันไม่ชอบเหมือนใคร และไม่ชอบให้ใครมาเหมือนด้วย”
คำพูดของคริสทำให้หนุ่มน้อยหน้าเสียและใจหาย
….สาเหตุที่คุณคริสเปลี่ยนไปเพราะเรื่องนี้นี่เอง…
แฟรงค์เรียกสาวใช้เก็บโต๊ะและให้เอาของหวานและผลไม้มาเสิร์ฟ เขาจงใจขัดจังหวะการสนทนาเพราะรู้สึกผิดปกติในคำพูดและน้ำเสียงระหว่างคริสและไมเคิล
ไมเคิลขอตัวไม่ทานของหวานเพราะหวังว่าจะได้ลุกออกจากโต๊ะ แต่คริสไม่อนุญาตถึงไม่ทานก็ต้องนั่งรอจนกว่าสมาชิกส่วนใหญ่จะทานเสร็จ อาหารเย็นมื้อนี้ไมค์จึงรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นส่วนเกิน สายตาหลายคู่จ้องมองมาที่ไมค์ด้วยความรู้สึกต่างๆ กัน แต่สายตาคู่เดียวที่ไมค์แคร์มากที่สุดในชีวิตกลับไม่สนใจมองมาที่ไมค์เลย
เสียงเคาะประตูทำให้ไมเคิลต้องรีบเก็บสมุดแบบฝึกหัดภาษาอังกฤษซ่อนไว้ด้วยความเคยชิน แม้ทุกคนจะรู้กันหมดแล้วว่าคุณคริสช่วยสอนภาษาอังกฤษให้ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา ไมค์เปิดประตูก็พบคุณโอและทิมยืนอยู่หน้าห้องด้วยสีหน้าไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไร
“นายบอกซีทิม..” โอให้ทิมพูด
“พี่แหล่ะเป็นคนพูด พี่เป็นคนเริ่มเรื่องก่อน”
“มีเรื่องอะไรหรือครับ” ไมเคิลรีบเอ่ยถามเมื่อเห็นทั้งสองคนเกี่ยงกันพูด
โอตัดสินใจบอกเรื่องที่ตั้งใจจะมาพูด
“คืองี้นะไมเคิล ทิมมี่เขาอยากได้ห้องของเขาคืน”
“เฮ้ย! ได้ไง ทำไมพูดเรื่องของผมก่อนล่ะ เรื่องของพี่มาก่อนนะโอ”
ทิมโวยหนุ่มโอเพราะไม่อยากให้ไมเคิลเข้าใจผิด เนื่องจากโดยส่วนตัวแล้วทิมไม่เคยมีปัญหากับไมค์ แถมยังพูดคุยถูกคอกันด้วยเพราะมีวัยไล่ๆ กัน
ไมเคิลพอจะเข้าใจว่าทั้งสองต้องการอะไร
“ฉันอยากได้ห้องของฉันคืน ไมเคิล.. และคุณคริสก็อนุญาตแล้วด้วย บอกให้พวกเราจัดการแลกคืนกันเอง ฉันจะย้ายกลับไปห้องเดิม และทิมก็จะย้ายกลับมาห้องนี้ ส่วนนายก็ต้องย้ายกลับไปที่ห้องของนาย”
“ห้องไหนเหรอครับ”
“ห้องเดิมที่นายเคยอยู่ไง จำไม่ได้หรือไมเคิล”
ไมค์ยิ้มให้แม้ในใจจะรู้สึกเจ็บช้ำ “ได้ครับ ย้ายตอนนี้เลยหรือเปล่า”
“ตอนนี้ได้ก็ดี” โออยากให้ย้ายเลยแต่ทิมขอให้ย้ายพรุ่งนี้เพราะคืนนี้ดึกแล้ว
ไมเคิลกลับเข้าห้องเก็บเสื้อผ้า 2-3 ชุดเท่าที่จำเป็นต้องใส่ และสมุดแบบฝึกหัดรวมทั้งหมด 5 เล่ม เตรียมขนไปไว้ห้องพักเดิมที่เคยอยู่พรุ่งนี้เช้า ไมค์ยอมย้ายห้องแต่โดยดี ไม่ได้เอ่ยถามว่าคุณคริสอนุญาตจริงหรือเปล่า ไมค์คิดว่าไม่มีใครกล้าเอาชื่อคุณคริสมาอ้างเล่น และเชื่อว่าคุณคริสคงรู้เรื่องทั้งหมด เพราะคุณคริสวันนี้ไม่ใช่คุณคริสคนเดิมของเขาแล้ว
ไมเคิลกลับมาเป็นเพื่อนข้างห้องนายชมอีกครั้ง กิจวัตรของไมค์ทุกวันนี้คือ ช่วยลุงชมทำสวนและตัดหญ้า ก่อนหน้านี้ไมค์แอบมาช่วยลุงชมทำสวนบ่อยๆ แต่ทุกครั้งถ้าคุณคริสรู้ไมค์ก็จะถูกดุ คุณคริสไม่อยากให้ไมค์หาเรื่องเหนื่อยและสกปรกเลอะเทอะมากกว่าเรื่องอื่น เมื่อไมค์ขออนุญาตจริงจังโดยอ้างว่าเป็นการออกกำลังกายและเป็นการทำตัวให้เป็นประโยชน์ดีกว่าอยู่เปล่าๆ คุณคริสก็เลยอนุโลมให้บ้าง แต่อย่าบ่อยหรือใช้เวลาอยู่กลางแดดนานๆ แต่เดี๋ยวนี้ถึงไมค์จะอยู่กลางแดดนานกี่ชั่วโมงคุณคริสก็คงไม่สนใจแล้ว
“เกิดอะไรขึ้นหรือคริส.. คุณมีปัญหาอะไรกับไมเคิลงั้นเหรอ..”
แฟรงค์เอ่ยถามเมื่อแน่ใจแล้วว่าคริสมีปัญหาอะไรบางอย่างกับไมเคิล ไม่ใช่แค่อาการเบื่อที่เคยเกิดขึ้นกับหนุ่มน้อยคนอื่นๆ ที่ผ่านมา ยิ่งรู้ว่าเจ้าหนูย้ายกลับไปพักในห้องเก็บของที่เรือนคนรับใช้ แม้คริสจะไม่ได้เป็นคนสั่งย้ายแต่เขาก็ไม่ทักท้วงอะไร กลับปล่อยให้หนุ่มแสบทั้งสี่คนทำตามอำเภอใจ
แฟรงค์ไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับปัญหาและเรื่องส่วนตัวระหว่างคริสกับเด็กๆ พวกนี้ เขารู้จักนิสัยคริสดีว่าไม่เคยรักหรือเกลียดใครจริงจัง เด็กทุกคนที่นี่ผ่านอารมณ์รักและเบื่อของคริสมาแล้ว บทจะเบื่อคริสก็หยุดเรียกหาเอาดื้อๆ เหมือนกับที่ไมเคิลถูกกระทำอยู่ทุกวันนี้ เขาจึงเห็นเป็นเรื่องธรรมดาที่จู่ๆ คริสก็กลับมาเรียกหาหนุ่มน้อยทั้งสี่คนใหม่
แต่ถึงกระนั้นเจ้าหนูไมเคิลก็เป็นหนุ่มน้อยคนแรกและคนเดียวที่คริสเอื้ออาทรผิดกับคนอื่นๆ จนบางขณะแฟรงค์เองก็ไม่แน่ใจว่าความรักที่คริสให้กับเจ้าหนูเป็นความรักแบบเดียวกับที่เขาให้หนุ่มน้อยคนอื่นๆ หรือเปล่า
“ไม่มีอะไร ก็แค่เบื่อ..”
คำตอบง่ายๆ ของคริสทำให้แฟรงค์ส่ายหน้า
“ไม่เอาน่าคริส ผมรู้ว่ามันไม่ใช่แค่เบื่อ.. คุณกำลังมีปัญหา ใจคุณไม่ปกติ”
“ให้ตายเถอะ ! แฟรงค์.. นายเป็นเลขาส่วนตัวที่เยี่ยมยอดจริงๆ รู้ใจฉันหมดทุกเรื่อง… ”
“คุณโกรธไมเคิลเรื่องอะไร” แฟรงค์เปลี่ยนคำถามใหม่
((ตั้งแต่คบกันมา ฉันจำได้ว่านายไม่เคยตั้งคำถามที่เกี่ยวข้องกับเรื่องส่วนตัวของฉันเลยนะ แฟรงค์..))
คริสกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบหากแต่ภาษาที่ใช้ทำให้แฟรงค์หน้าเสีย เพราะเป็นที่รู้กันว่าเมื่อไรที่คริสอยู่ในอารมณ์โกรธเขาจะไม่ใช้ภาษาไทย คริสเคยให้เหตุผลว่าบางครั้งเขาใช้คำพูดรุนแรงเพียงเพื่อต้องการระบายอารมณ์เท่านั้น ไม่อยากให้คนที่รับฟังตกใจและเสียใจกับคำต่อว่าของเขา
แฟรงค์กล่าวขอโทษ ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าเข้าไปวุ่นวายกับเรื่องส่วนตัวของคริสทำไม
“ผมเสียใจคริส ขอโทษที่ทำให้คุณเสียอารมณ์ ผมเพียงแต่ไม่เห็นด้วยที่ให้ไมเคิลไปพักอยู่ในห้องที่คุณเคยเรียกมันว่า “รูหนู” เท่านั้นเอง”
“แล้วไง นายอยากให้ไมเคิลพักที่ไหนล่ะ แฟรงค์..”
“ถึงผมอยากก็ไม่มีสิทธิ์หรอก บ้านของคุณ คุณสั่งให้ใครพักที่ไหนก็ที่นั่น”
คริสไม่พูดอะไรต่อ แฟรงค์จึงแหย่อีกประโยคลองใจ
“ในเมื่อคุณเบื่อแล้วผมขอนะ คริส..”
…ให้ตายเถอะ!!!... ! แฟรงค์เห็นดวงตาของคริสฉายแววโกรธเคืองทันทีที่เขาพูดจบ แต่เพียงแค่แว่บเดียวเท่านั้น.. ก่อนที่รอยยิ้มน้อยๆ จะปรากฏพร้อมคำพูดที่ทำให้แฟรงค์สะอึกอีกเป็นครั้งที่ 2
“อะไรที่เบื่อ.. ไม่ได้หมายความว่าไม่ต้องการนะ แฟรงค์..”
“คุณยังต้องการอีกหรือคริส คุณผลักไสเด็กไปอยู่ในรูหนูไกลตัวขนาดนั้น ผมไม่คิดว่าคุณยังต้องการเขาอีก”
“ฟังนะแฟรงค์.. ฉันจะไม่คุยกับนายเรื่องไมเคิลอีกแล้ว ถ้าเขาอยู่ในรูหนูนั่นไม่ได้ให้เขามาบอกฉันเอง”
เสียงเคาะประตูดังขึ้นขัดจังหวะ แฟรงค์ลุกขึ้นยืนเมื่อคิดว่าป่วยการที่จะท้วงติงอะไรอีก
“โอเค! คริส ผมขอโทษ ลืมมันซะ ถือว่าผมไม่ได้พูดอะไร”
แฟรงค์เดินไปที่ประตูและพูดต่อโดยไม่ได้หันมามองอีกฝ่าย
“มีภาษาไทยบางคำที่ผมเชื่อว่าคุณยังไม่รู้จัก คริส..”
แฟรงค์เปิดประตูออกพบทิมยืนตาปริบๆ มอง เขาหันกลับไปยิ้มให้คริส
“ไม่รู้ว่าคุณอยากรู้หรือเปล่า…แต่ผมอยากบอก
“หวงก้าง” คริส.. ถ้าอยากรู้ความหมายถามทิมมี่ดู..”
แฟรงค์เดินจากไปด้วยสีหน้าไม่คอยจอย หนุ่มน้อยทิมมองตามด้วยความงุนงงก่อนจะเดินเข้าไปหาคุณคริสที่มีสีหน้าไม่สบอารมณ์อยู่เช่นกัน
“เอ่อ.. คุณคริสอารมณ์ไม่ดี ผมกลับออกไปก่อนนะครับ”
หนุ่มใหญ่พยักหน้าให้ ไม่มีใครกล้าอยู่ใกล้เวลาที่เขากำลังโกรธหรืออารมณ์ไม่ดี
“เดี๋ยวก่อน ทิมมี่..”
คริสร้องเรียกเมื่อทิมกำลังจะก้าวออกจากห้อง หนุ่มน้อยหยุดชะงักและหันกลับมา
“ หวงก้าง… แปลว่าอะไร” อาหารค่ำวันนี้สมาชิกในโต๊ะอาหารส่งเสียงพูดคุยกันสนุกสนาน ไม่ต้องมีใครเกรงใจใครเพราะคุณคริสและคุณแฟรงค์ไม่ได้อยู่ร่วมโต๊ะด้วย และเพราะไม่มีแม้แต่คุณแฟรงค์ อาหารเย็นมื้อนี้ไมเคิลแทบต้องกินข้าวคลุกน้ำตาเพราะถูกกระเซ้าเย้าแหย่จากหนุ่มแสบทั้งสี่คน โดยเฉพาะโอและแจ๊ค..แหย่ด้วยคำพูดแรงๆ หลายครั้ง
“แจ๊ค ถ้านายติดอยู่บนเกาะร้างคนเดียว นายจะทำยังไง”
“จะทำยังไงเหรอ ฉันก็จะใช้ชีวิตแบบชาวเกาะ สร้างกระท่อมไม่ไผ่นอน ฉันคงไม่เข้าไปนอนในซอกหินหรอก อึดอัดตายชัก”
ไมเคิลกลืนข้าวแทบไม่ลงเมื่อได้ยินคำว่า “ซอกหิน” หลังจากที่ไม่ได้ยินมานานแล้ว เพราะช่วงที่คุณคริสดีกับไมค์ไม่มีใครกล้าพูดจาให้ระคายหู ไม่ว่าจะต่อหน้าหรือลับหลัง แต่วันนี้เมื่อไมค์ไม่เป็นที่เอ็นดูของคุณคริสแล้ว ไม่ใช่แค่คำว่า “ซอกหิน” เท่านั้นที่แสลงใจ แต่ทุกคำพูดของโอและแจ๊คทำให้หนุ่มน้อยเจ็บแปลบที่หัวใจจนนั่งทานต่อไม่ได้ ต้องลุกหนีออกจากโต๊ะอาหารกลางครัน
“เคยได้ยินประโยคที่ว่า
หัวเราะทีหลังดังกว่า มั้ยไมเคิล..” โอพูดด้วยน้ำเสียงกวนๆ แจ๊ครีบกล่าวเสริม
“แล้วคำว่า
ตกกระป๋อง เคยได้ยินมั้ย พวกฉันเคยตกกันมาแล้ว แต่สำหรับนายไม่ใช่แค่กระป๋องโว้ย ไมค์.. ของนายต้องเป็นตุ่ม เพราะนายตกลงไปมิดหัวเลยว่ะ ฮะ ฮะ..”
ไมค์นั่งทานข้าวไปเรื่อยๆ ไม่ได้พูดโต้แย้งสักคำ เพราะทุกเรื่องที่ได้ยินเป็นเรื่องจริงทั้งหมด หนุ่มโอกล่าวแดกดันต่ออย่างมันส์ในอารมณ์
“ตุ่มที่นายลงไปตอนนี้เป็นตุ่มเปล่าไม่มีน้ำ พวกฉันจะใส่น้ำลงไปทีละขันช้าๆ ถ้าไม่รีบลุกขึ้นมาตอนนี้ นายจะไม่มีโอกาสอีกเลยนะไมเคิล นายไม่ตายอยู่ในซอกหินแต่กลับต้องมาทนทุกข์ทรมานอยู่ในตุ่ม ช่างน่าสังเวชจังว่ะ ฮะๆ”
โอหัวเราะด้วยความสะใจ คนอื่นๆ ก็หัวเราะตามด้วย แต่สำหรับไมเคิลมือที่จับช้อนตักข้าวสั่นจนเมล็ดข้าวร่วงลงในจาน
บอยกล่าวขึ้นบ้างแต่ด้วยความรู้สึกที่ดีกว่าแจ๊คและโอ
“ถ้าฉันเป็นนาย ฉันจะไม่ขึ้นมาร่วมทานอาหารบนตึกหรอกไมเคิล ที่อยู่และที่กินควรจะเหมาะสมกัน”
ประโยคที่บอยพูดแสบไม่เบาสำหรับความรู้สึกของโอ แต่สำหรับไมเคิลมันคือคำแนะนำที่ดี…
ไมค์รวบช้อนส้อมทั้งที่ยังเหลือข้าวกว่าครึ่งและเอ่ยขอโทษก่อนจะลุกออกจากโต๊ะอาหารท่ามกลางเสียงหัวเราะเยาะอย่างสะใจไล่หลัง
ไมเคิลรีบลุกขึ้นยืนเมื่อเห็นคุณคริสเดินลงจากตึกตรงมาที่รถ ไมค์มาดักรอพบคุณคริสอีกครั้งในเช้านี้เพื่อจะขออนุญาตบางเรื่อง
“มีอะไรไมเคิล..”
คริสเอ่ยถามเสียงแข็ง หากแต่แฝงความอ่อนโยนไว้ภายใต้ดวงตาสีน้ำตาลเข้ม เมื่อเด็กชายเดินเข้ามาคุกเข่าตรงหน้า
“ผมมีเรื่องจะขออนุญาตครับ”
สายตาอ้อนวอนของเด็กชายทำให้คริสต้องเบือนหน้าหนี นึกถึงเรื่องที่พูดคุยกับแฟรงค์ เขายินดีจะเปลี่ยนห้องพักให้ถ้าไมเคิลเอ่ยปากขอ
“เรื่องอะไร”
“ผมขออนุญาตทานอาหารในครัวกับลุงชมและน้าจอนนี่ครับ”
คริสนิ่งอึ้งกับเรื่องที่ไมเคิลขอ ไม่คิดว่าเจ้าหนูกำลังเปลี่ยนตัวเองเป็นคนรับใช้ในบ้านไปแล้ว ดวงตาคู่สวยแฝงความไม่สบอารมณ์แทนความอ่อนโยนเมื่อครู่ เขาเอ่ยอนุญาตน้ำเสียงห้วน
“ตามใจ จะกินที่ไหนก็เรื่องของเธอ ถ้าคิดว่ามันเหมาะแล้ว”
ไมเคิลนั่งคุกเข่ามองดูรถของคุณคริสแล่นออกจากบ้านไป รู้สึกเสียใจทุกครั้งที่เห็นความเปลี่ยนแปลงของดวงตาและใบหน้าที่ไมค์เคยหลงรักและแอบมองอยู่ทุกวัน ต่อนี้ไปไมค์คงไม่มีโอกาสได้เห็นคุณคริสคนเดิมที่เป็นเหมือนตัวแทนของแด๊ดดี้อีกแล้ว…
ตั้งแต่คุณคริสอนุญาตให้ทานอาหารในครัว นับจากวันนั้นไมเคิลก็ไม่ได้ขึ้นไปบนตึกอีกแม้แต่บริเวณหน้าตึกก็ไม่ได้ย่างกรายเข้าไปใกล้ จึงไม่มีโอกาสได้พบปะพูดคุยกับสมาชิกคนอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นหนุ่มแสบทั้งหลายหรือคุณแฟรงค์ อย่างมากก็แค่เห็นเดินไปมาในระยะไกล ยิ่งคุณคริสด้วยแล้วไมค์ไม่มีโอกาสได้เห็นแม้แต่เงา แค่เห็นรถแล่นเข้าออกในบ้าน ได้รับรู้ว่าคุณคริสไปหรือกลับจากทำงานแล้วเท่านั้น
“คุณไมค์ คุณไมค์”
เด็กชายสะดุ้งตื่นลุกพรวดขึ้นนั่งและยิ้มแห้งๆ ให้นายชม เป็นเพราะเมื่อคืนฝันร้ายตกใจตื่นทำให้นอนไม่หลับทั้งคืน วันนี้ไมค์เลยเผลองีบหลับใต้ต้นไม้ทั้งที่บอกลุงชมไว้ว่าจะช่วยถางหญ้าให้
“ขอโทษฮะลุง ผมช่วยถางให้เดี๋ยวนี้เลย”
“ไม่ต้องแล้วครับ.. ลุงทำเสร็จแล้ว”
ไมเคิลมองออกไปที่สนาม พื้นหญ้าสีเขียวถูกถางสั้นเรียบร้อยแล้ว หนุ่มน้อยลุกขึ้นยืนกล่าวกับนายชมเสียงอ่อยๆ
“ขอโทษนะฮะ ผมเผลอหลับไป ทำไมลุงไม่ปลุกผมล่ะครับ”
“โธ่! คุณไมค์ ลุงจะกล้าปลุกได้ยังไงครับ นี่มันงานของลุง ไปพักผ่อนต่อที่ห้องเถอะครับ ดูท่าจะยังไม่หายง่วงล่ะซี”
“หายแล้วครับ ถ้างั้นผมช่วยทำอย่างอื่นก็ได้ แต่ขอไปเข้าห้องน้ำเดี๋ยวเดียว เดี๋ยวมานะครับ ลุง…”
นายชมมองหนุ่มน้อยวิ่งไปด้วยความรู้สึกเวทนา เมื่อรู้เรื่องทั้งหมดจากนายจอนว่าคุณไมค์ถูกคุณๆ ทั้งสี่คนไม่ชอบหน้าและแอบรังแกอยู่เสมอ ถึงขนาดต้องย้ายกลับมาอยู่ในห้องแคบๆ นี้ก็เป็นเพราะหนุ่มน้อยเหล่านี้ฉวยโอกาสในช่วงที่เจ้านายกำลังเบื่อคุณไมค์
TBC