[ 19 ] ไมเคิลผุดลุกขึ้นยืนเมื่อได้ยินเสียงรถแล่นมาจอดหน้าตึก
“คุณคริส.. คุณคริสกลับมา..”
“ไม่ใช่คุณคริสหรอกไมค์ น้าจอนนี่ต่างหาก สงสัยมาเปลี่ยนรถมั้ง” แจ๊คพูดโดยไม่เงยหน้าขึ้นจากแค้ตตาล็อกรถ
ตั้งแต่ไมเคิลกลับมาอยู่กับคริส สมาชิกหนุ่มน้อยทั้งสี่เพิ่งได้มีโอกาสขึ้นมาบนที่พักส่วนตัวของคริสขณะที่คริสไม่อยู่ ก่อนหน้านั้นทุกครั้งที่ขึ้นมาบนนี้ นั่นคือเวลาที่คุณคริสต้องการให้ปรนนิบัตรไม่ใช่เวลาที่จะมาชมสมบัติหรือสิ่งของในห้อง
แจ๊คกำลังให้ความสนใจกับแค้ตตาล็อกรถสปอร์ตหลายเล่มที่วางอยู่บนโต๊ะทำงานของคริส ไม่เข้าใจว่าคุณคริสเอาแคตตาล็อกรถมาดูทำไม หรือคุณคริสจะซื้อ ? ซื้อให้ใครกันนะ ? ของคุณแฟรงค์ก็ยังใหม่อยู่ หรือว่า…. แจ๊ครู้สึกตื่นเต้นเมื่อหวนนึกถึงคำพูดของคุณคริสเมื่อปีกลาย…..
คุณคริสเคยสัญญากับพวกเขาทุกคนว่าหากตั้งใจเรียนและทำตัวดีๆ จะมีรางวัลให้คนละหนึ่งอย่าง แจ๊คเป็นคนแรกที่บอกรางวัลที่ตัวเองต้องการกับคุณคริสต่อหน้าทุกคน ทุกคนอ้าปากหวอด้วยความตกตะลึงเมื่อแจ๊คบอกว่าอยากได้รถสปอร์ต แม้แต่คุณแฟรงค์ยังหัวเราะและบอกกับแจ๊คว่า กว่าเขาจะได้รถสปอตปอร์เช่คันนี้มาต้องอ้อนขอคุณคริสอยู่หลายปี แจ๊คคอตกเมื่อคุณคริสนิ่งเฉย รางวัลที่แจ๊คขอคงจะสูงมากเกินไปจริงๆ ทุกคนถึงนั่งอึ้งกันไปหมด แต่แล้วคำพูดของคุณคริสก็ทำให้แจ๊คและสมาชิกทุกคนตื่นเต้นดีใจ มีเพียงคุณแฟรงค์คนเดียวที่มีสีหน้าไม่ค่อยพอใจ
“ถ้าแจ๊คได้รถหนึ่งคัน ทุกคนก็มีสิทธิที่จะได้เท่ากับแจ๊ค แต่ถ้าบ้านนี้ต้องมีรถเพิ่มขึ้นอีก 4 คัน ก็คงไม่มีที่จอด เดือดร้อนจอนนี่ด้วย คนอื่นค่อยๆ คิดก็ได้ว่าอยากได้อะไร ไม่จำเป็นต้องเหมือนกันหรอก สำหรับแจ๊คอายุเธอยังไม่ครบที่จะทำใบขับขี่ได้เลย รอให้ถึงวันนั้นก่อนแล้วค่อยมาดูว่าเธอยังต้องการมันอยู่หรือเปล่า”
แจ๊คใจเต้นแรงด้วยความยินดีเมื่อลองคิดเล่นๆ ว่าคุณคริสอาจจะซื้อรถสปอร์ตให้ตน เนื่องจากแจ๊คจะมีอายุครบ 18 ปี ในอีกสองเดือนข้างหน้าแล้ว
“ว้าววว~ ~ ”
แจ๊คร้องครางด้วยความตื่นตะลึงเมื่อได้เห็นรูปรถสปอร์ตสวยถูกใจหลายคัน แต่เมื่อเห็นราคาแล้วก็คอตก คุณคริสคงไม่ยอมเสียเงินมากขนาดนี้เพื่อซื้อรถให้เขาหรอก ถ้าเป็นคุณแฟรงค์หรือไมเคิลก็ว่าไปอย่าง
“ไมค์.. มาดูรถคันนี้ซี นายต้องชอบแน่ถ้านายเห็น เอ่อ..”
แจ๊คใจหายเมื่อนึกขึ้นได้ว่าไมเคิลมองไม่เห็น รีบหันไปขอโทษ
“ขอโทษนะไมค์ ฉันลืม.. อ้าว!!.. ไมค์!!… ไมเคิล!!….”
แจ๊ควางแคตตาล็อกลงเมื่อหันมาไม่พบไมเคิล ทีวียังเปิดอยู่แต่หนุ่มน้อยไม่ได้นั่งอยู่หน้าทีวีทั้งที่เมื่อครู่ยังอยู่
“ไมเคิล!!.. อยู่ไหนอ่ะ ไมเคิล!!..”
แจ๊คใจหายวาบ ...จริงซี!!.. เมื่อสักครู่ไมเคิลถามหาคุณคริสนี่นา.. หรือว่า.. เร็วเท่าใจคิด ร่างเพรียวของหนุ่มน้อยวิ่งไปที่ประตูทันที
แจ๊ควิ่งตามออกมาพบไมเคิลกำลังจะก้าวลงบันได เด็กหนุ่มตาเหลือกด้วยความตกใจเพราะไม่เคยปล่อยให้ไมเคิลขึ้นลงบันไดเอง จะจูงมือหรือคอยระวังหลังให้ตลอด ไม่มีใครรู้ว่าไมเคิลสามารถขึ้นลงบันไดเองได้นอกจากแฟรงค์ เพราะวันไหนที่เป็นเวรแฟรงค์ดูแล เขาจะปล่อยให้หนุ่มน้อยขึ้นลงบันไดเองโดยคอยระวังอยู่ห่างๆ
“ไมเคิล!!.. หยุดอยู่ตรงนั้นนะ!!!!!..”
เสียงร้องของแจ๊คดังลั่นจนไมเคิลสะดุ้งตกใจหันขวับไปตามเสียง จังหวะเดียวกับที่กำลังก้าวเท้าลงบันไดทำให้หนุ่มน้อยกะจังหวะก้าวพลาดเสียหลักไถลลง หากสายตามองเห็นคงคว้าราวบันไดไว้ได้ทัน แต่เมื่อมองไม่เห็น….
...ภาพเจ้าหนูไมค์กลิ้งตกจากบันได ทำให้แจ๊คยืนช็อค!!!!...
F a t h e r h o o d …
แฟรงค์พยายามติดต่อคริสแต่โทรเท่าไรก็ไม่มีสัญญาณตอบรับ เขาไม่สามารถเบิกเงิน 3 ล้านได้ เพียงเพราะลายเซ็นต์ของคริสเพี้ยนไปเล็กน้อย แฟรงค์รู้ว่าเขาถูกผู้จัดการแบงค์หนุ่มโฮโมกลั่นแกล้งเพราะอิจฉาเขาซึ่งอยู่ในฐานะคู่ขาของคริส เขาเกือบวางมวยกับหมอนั่น ไม่ใช่เพราะเบิกเงินไม่ได้แต่เพราะคำพูดเยาะเย้ยและยั่วโทสะ
“เสียใจด้วยนะครับคุณแฟรงค์.. เราต้องรักษาผลประโยชน์ของลูกค้า ต่อให้นอนเตียงเดียวกัน ถ้าลายเซ็นมีปัญหาเราก็ให้เบิกไม่ได้”
RRRR~~~
เสียงสัญญาณเรียกเข้าดังแทรกขึ้นทันทีที่แฟรงค์ตัดสัญญาณโทรออก แฟรงค์รีบกดรับ ยังไม่ทันเอ่ยทักปลายสายก็ส่งเสียงละล่ำละลักมา
laugh: “คุณแฟรงค์!!.. ช่วยด้วยฮะ ไมเคิลตกบันได ผม.. ผมไม่รู้ว่าไมค์เดินออกมาจากห้องตั้งแต่เมื่อไร ผมวิ่งตามออกมาเรียกไว้แต่ไม่ทัน… เขาตกจากบันไดตอนนี้หมดสติไปแล้ว
คุณแฟรงค์ช่วยด้วย ทำไงดี ฮึออ~~~ ”
แฟรงค์ใจหายวาบ
...ให้ตายเถอะ! ทำไมเคราะห์กรรมของเจ้าหนูไม่จบสิ้นซะที รู้สึกโกรธแจ๊คที่ละเลยไมเคิลจนเกิดเรื่อง แต่ก็ไม่ใช่เวลาจะดุว่า เพราะขณะนี้หนุ่มแจ๊คเองก็ตกใจกลัวจนร้องไห้แล้ว
“โทรหาหมอบ๊อบให้ส่งรถพยาบาลมารับด่วน แล้วดูซิว่าไมเคิลมีเลือดออกตรงไหนหรือเปล่า”
เสียงแจ๊คบอกพ่อบ้านลูให้โทรหาหมอบ๊อบโดยด่วน นับว่ายังมีสติพอใช้ แม้ว่าน้ำเสียงจะตื่นตระหนกก็ตาม
“ไมค์มีเลือดออกที่คิ้วขวาฮะ ทำยังไงดีคุณแฟรงค์.. ผมไม่กล้าขยับตัวไมเคิล ผมไม่รู้ว่าไมเคิลกระดูกหักตรงไหนบ้างหรือเปล่า..”
“มีเลือดออกที่อื่นอีกไหม” แฟรงค์พยายามระงับอารมณ์ตัวเองให้เย็น ทั้งที่รู้สึกร้อนใจไม่น้อยเช่นกัน
“ไม่มีฮะ”
“โอเค! เช็คชีพจรซิว่าปกติหรือเปล่า”
“เช็คตรงไหนฮะ”
“โธ่เว้ย! แจ๊ค.. เรื่องง่ายๆ แค่นี้ทำไมไม่รู้ ตรงไหนก็ได้ที่ทำให้นายรู้ว่าไมเคิลยังหายใจปกติอยู่”
แจ๊คเงียบเสียงไปนานจนแฟรงค์ร้อนใจ สัญญาณไฟเขียวเปลี่ยนเป็นสีเหลืองที่สี่แยกหน้าทำให้แฟรงค์ต้องเหยียบคันเร่งแซงซ้ายรถคันหน้า 3 คัน ที่กำลังชะลอความเร็วลง BENZE S 600 COUPE ของเจ้าของคฤหาสน์บริเจคส์ฝ่าไฟแดงไปอย่างเฉียดฉิว ตำรวจจราจรยืนมองตาปริบๆ
“คุณแฟรงค์.. ไมเคิลยังหายใจอยู่ฮะ”
แฟรงค์ส่ายหน้า ถอนใจด้วยความระอา เจ้าตัวแสบพวกนี้ไม่มีใครได้เรื่องสักคน
“ฟังนะแจ๊ค ถ้าไมเคิลไม่หายใจ นายคงรู้นะว่าควรจะจัดการกับตัวเองยังไง ฉันจะไปถึงในอีก 5 นาที นั่งเฝ้าอยู่ตรงนั้นอย่าไปไหน!!…”
แฟรงค์โทรหาบ๊อบด้วยตัวเองอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ เพราะไม่อาจไว้ใจใครในบ้านได้โดยเฉพาะเรื่องสำคัญและร้ายแรงขนาดนี้ วางสายบ๊อบ.. แฟรงค์กดเข้ามือถือคริสอีกครั้งก็ยังไม่สามารถติดต่อได้ รู้สึกโล่งอกเพราะไม่รู้เหมือนกันว่าจะรายงานคริสยังไง เขาควรได้เห็นอาการไมเคิลกับตาก่อนจะดีกว่า
F a t h e r h o o d …
ไม่เคยมีช่วงใดในชีวิตที่คริสจะรู้สึกทุกข์ร้อนใจมากเท่านี้ ความรู้สึกขณะนี้ คือความทุกข์ใจอย่างแสนสาหัสเมื่อเห็นอาการบาดเจ็บของหนุ่มน้อยที่ยังนอนไม่ได้สติอยู่บนเตียง
คริสตกใจแทบช็อคเมื่อแฟรงค์โทรรายงานเรื่องที่เกิดขึ้น เขาคงไม่ทุกข์และกังวลใจมากเท่านี้หากไมเคิลมีร่างกายและจิตใจอยู่ในสภาพปกติเหมือนเด็กชายทั่วๆ ไป เคราะห์ร้ายที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่ากับไมเคิลทำให้คริสรู้สึกเจ็บปวดตามไปด้วย
“อย่ากังวลเลยคริส ไมเคิลไม่เป็นอะไรมาก คิ้วแตก แขนซ้ายหักและฟกช้ำตามตัวนิดหน่อยเท่านั้น”
คริสแค่นหัวเราะ
“สำหรับนายไม่มากหรอกแฟรงค์ แต่ถ้านายเป็นฉันจะไม่พูดอย่างนี้”
แฟรงค์ลอบถอนใจ คริสเปลี่ยนไปมากจากที่เคยเป็นคนอารมณ์เย็น มองโลกในแง่ดีเสมอ ตั้งแต่อยู่ในฐานะพ่อบุญธรรมของไมเคิล คริสมีแต่เรื่องทุกข์ใจ วิตกกังวล โดยเฉพาะเวลาที่เห็นหนุ่มน้อยเจ็บ
“นายว่าไม่เป็นอะไรมาก ทำไมป่านนี้ยังไม่รู้สึกตัว ไมเคิลหลับไป 10 ชั่วโมงกว่าแล้วนะแฟรงค์”
“ศีรษะไมเคิลกระแทกกับขอบบันได เขาอาจจะหลับนานหน่อย แต่รับรองว่าไม่เป็นอะไรมาก”
“แน่ใจหรือแฟรงค์.. เขาจะจำฉันได้หรือเปล่า” ดวงตาสีฟ้าคู่สวยหม่นหมองด้วยความทุกข์ แฟรงค์ขยับเข้าไปโอบไหล่ปลอบใจ
“จำได้แน่นอนคริส สาบานได้ว่าฉันไม่โกหก บ๊อบบอกฉันเองว่าได้ยินไมเคิลเพ้อหานายตอนเย็บแผลให้”
แฟรงค์ยืนยันคำพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังเพื่อให้คริสสบายใจ หากแต่ในใจแอบภาวนาขออย่าให้ไมเคิลมีปัญหาเกี่ยวกับความจำอีกเลย เขาไม่อยากเห็นคริสอยู่ในห้วงของความทุกข์ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
F a t h e r h o o d …
ร่างเล็กสะดุ้งเฮือกเจ็บปวดแทบขาดใจทุกครั้งที่แส้กระทบแผ่นหลัง แต่ก็ไม่สามารถดิ้นหนีไปไหนได้เพราะมือและเท้าถูกมัดติดกับขอบเตียง
“ได้โปรดอย่าทำผมเลย โทนี่.. ผมเจ็บ...ฮือ..” ไมเคิลพยายามอ้อนวอนขอร้อง แม้รู้ว่าไม่มีความหวังที่ชายผู้โหดร้ายและอยู่ในฐานะพ่อเลี้ยงคนนี้จะยอมใจอ่อน
“ฮะ ฮะ ฮะ ” เสียงหัวเราะด้วยความสะใจกับความเจ็บปวดที่เด็กชายได้รับ
“นี่คือสิ่งที่ฉันต้องการ ไมเคิล.. ฉันต้องการให้แกเจ็บปวด วิญญาณแม่แกจะได้ไม่เป็นสุข..”
ไมค์สะอื้นเมื่อนึกถึงแม่ แม่จากเขาไปอยู่ในที่ที่สบายแล้ว ไมค์ไม่อยากโกรธและเกลียดแม่หรอก แม่คงไม่ได้อยากมีสามีหลายคน และคงไม่ได้ต้องการให้สามีของแม่มาทำร้ายลูกตัวเองแบบนี้ คนที่ไมค์ควรจะเกลียดชังคือชายใจยักษ์คนนี้ต่างหาก
“คนใจร้าย แม่ทำอะไรให้คุณ.. ถึงต้องโกรธและเกลียดแม่ผมด้วย..”
ชายใจยักษ์ฟาดแส้ลงที่แผ่นหลังเด็กชายอีกครั้งเมื่อเจอคำถามแทงใจ ร่างเล็กสะดุ้งเฮือก ส่งเสียงร้องให้ช่วยด้วยความลืมตัว
“ฮือๆ …. แด๊ดดี้.. ช่วยด้วย…ฮือ.. โอ้ยยยย~~~”
ไมเคิลส่งเสียงร้องโหยหวน ครั้งนี้ไม่ใช่ความเจ็บปวดจากแส้แต่เป็นความร้อนจากน้ำตาเทียนหยดลงที่แผ่นหลัง
“อย่าเรียกแด๊ดดี้.. ให้ฉันได้ยินนะไอ้หนู ไม่ยังงั้นแกจะทั้งเจ็บทั้งร้อนแบบนี้”
โทนี่กัดฟันพูดด้วยความสะใจ ความโกรธแค้นเพิ่มขึ้นเท่าตัวเมื่อได้ยินหนุ่มน้อยร้องเรียกแด๊ดดี้ให้ช่วย เพราะรู้ดีว่าแด๊ดดี้ที่หนุ่มน้อยเรียกหาไม่ใช่เขาแต่คือคริส บริเจคส์ วิศวกรหนุ่มใหญ่ผู้มั่งคั่งแม้จะมีพฤติกรรมรักร่วมเพศแต่ก็มีเสน่ห์และสง่างามจนเขาเองยังรู้สึกอิจฉา และเหตุที่ทำให้เขารู้สึกโกรธไมเคิลมากขึ้นเพราะเจ้าหนูไม่ยอมเรียกเขาว่าพ่อ…
เสียงร้องโหยหวนของหนุ่มน้อยทำให้อารมณ์ของโทนี่รุนแรงมากขึ้น
“โอ๊ยยย~~~….. ฮือๆ โทนี่ ผมเจ็บ ผมกลัวแล้ว… ฮือๆ…” ไมค์สะอื้นไห้ ไม่กล้าส่งเสียงเรียกหาแด๊ดคริสอีก
“กลัวก็ดี.. จำไว้นะ!!.. อย่าเรียกไอ้หมอนั่นเป็นพ่อให้ฉันได้ยินอีก คนอย่างมันเป็นพ่อใครไม่ได้หรอก ทำตัวเป็นสุลต่านเปิดฮาเร็มเลี้ยงเด็กหนุ่มๆ มีพ่อวิปริตแบบนั้นสักวันจะต้องถูกมันกิน ฉันใจดีขนาดไหนแล้วที่รับทั้งแม่และลูกมาอยู่ด้วย แต่แม่แกกลับหลอกลวงปิดบังฉัน เพราะฉะนั้นแกต้องรับโทษแทนแม่แก ไอ้หนู...”
ชายใจยักษ์แสยะยิ้มอย่างบ้าคลั่ง เมื่อเห็นแผ่นหลังบอบบางของเด็กชายเต็มไปด้วยบาดแผลจากรอยแส้ เลือดไหลซิบทั่วแผ่นหลัง
ไมเคิลใจหายวาบเมื่อเห็นพ่อเลี้ยงใจยักษ์หยิบมีดพกขึ้นมา ความกลัวแล่นจับหัวใจแต่ในส่วนลึกก็รู้สึกเหมือนกำลังได้รับการปลดปล่อย... ไมค์หลับตานอนนิ่งแทนที่จะอ้อนวอนขอร้องชีวิตจากคนใจยักษ์ กลับส่งกระแสจิตอ้อนวอนขอร้องสวรรค์
...ผมอยากไปหาแด๊ดดี้คริส.. ช่วยพาผมไปหาแด๊ดด้วย..
.........
.........
ไมเคิลนอนคว่ำหน้าลืมตานิ่งอยู่ในความมืด เจ็บระบมและปวดแสบปวดร้อนที่แผ่นหลัง ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปกี่วันกี่คืนแล้วที่ไมค์ได้รับโทษจากพ่อเลี้ยงใจยักษ์ น้ำตาหนุ่มน้อยไหลพรากเมื่อนึกถึงใบหน้าของแด๊ดดี้คริส.. ผู้มีแต่ความเอื้ออารีและอบอุ่นเวลาได้อยู่ใกล้
“แด๊ดดี้.. แด๊ด.. ผมเจ็บ ฮือ ๆ … เราคงไม่ได้เจอกันอีกแล้ว”
ไมเคิลพึมพำเรียกหาคริสในลำคอ ไม่กล้าส่งเสียงดัง กลัวโทนี่ได้ยินแล้วเขาจะต้องเจ็บตัวอีก
F a t h e r h o o d …
ไมเคิลลืมตาขึ้นอีกครั้งพบตัวเองนอนอยู่ที่ไหนสักแห่ง ไม่ใช่ที่ที่ถูกกังขังและทรมานจากโทนี่ แต่ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนเขาก็ยังรู้สึกเจ็บ.. และสำนึกแรกที่ไมเคิลนึกถึงคือแด๊ดดี้คริส..
“แด๊ดดี้.. แด๊ดดี้..”
คริสสะดุ้งขณะกำลังจะเคลิ้มหลับ รีบลุกขึ้นถลาไปที่เตียงพบหนุ่มน้อยสะอื้นไห้ทั้งที่ยังหลับ แม้จะเป็นแค่เสียงพึมพำในลำคอแต่คริสได้ยินและรู้ว่าเป็นเสียงเรียกหาเขา
“แด๊ดดี้.. แด๊ด.. ฮือ~~ ”
คริสสวมกอดหนุ่มน้อยด้วยความยินดี เสียงทุ้มกระซิบปลอบอ่อนโยน
“แด๊ดอยู่นี่ ไมเคิล.. ไม่ต้องกลัวนะ ลูกไม่เป็นไรแล้ว”
หนุ่มน้อยรู้สึกตัวลืมตาขึ้น น้ำใสเอ่อคลอหยดเป็นทาง
“แด๊ดดี้คริสจริงเหรอ…”
คริสจับมือหนุ่มน้อยกุมไว้และจูบเบาๆ ดีใจที่ไมเคิลยังจำเขาได้
“จริงซีลูก.. รู้มั้ยว่าแด๊ดเป็นห่วงลูกแค่ไหน กลัวลูกตื่นขึ้นมาจำแด๊ดไม่ได้อีก”
คริสกระซิบปลอบและซับน้ำตาให้ สีหน้าและแววตาของไมเคิลฉายแววยินดีแต่แฝงไว้ด้วยความตื่นกลัว แขนข้างซ้ายถูกเข้าเฝือกไว้แต่หนุ่มน้อยพยายามยกขึ้นจะสวมกอดเขา
“แด๊ดดี้จริงๆ ผมคิดถึงแด๊ดทุกวันทุกคืนเลย ผมเจ็บ...ฮะ”
คริสใจหายเมื่อได้ยินไมเคิลบอกเจ็บ สงสารหนุ่มน้อยจับใจ
“เจ็บแขนหรือไมเคิล.. อดทนนะ อีกไม่กี่วันก็หาย”
“ผมเปล่าเจ็บแขน ผมเจ็บที่หลัง..”
“เจ็บที่หลังตรงไหนหรือไมเคิล เจ็บมากมั้ย”
คริสตกใจเมื่อรู้ว่าไมเคิลมีอาการเจ็บที่หลัง ขยับจะกดปุ่มสัญญาณเรียกพยาบาลก็ต้องชะงักกับคำบอกเล่าที่พรั่งพรูออกมา รู้สึกว่ามันไม่ใช่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนตกบันได
“ผมปวดแผลที่หลัง ผมขยับตัวไม่ได้ ผมคิดถึงแด๊ดทุกวันทุกคืนเลย ผมอยากโทรหาแต่ผมออกจากห้องไม่ได้”
ขณะเล่าสีหน้าหนุ่มน้อยตื่นกลัวและเจ็บปวดเหมือนอยู่ในเหตุการณ์ หัวใจคริสเต้นแรงเมื่อรู้สึกว่าความทรงจำของไมเคิลกำลังกลับคืนมา
“ทำไมถึงออกจากห้องไม่ได้ครับ หือ..”
“ผมถูกขังในห้องออกไปไหนไม่ได้ โทนี่ตีผมทุกวัน ผมถูกไฟลวกที่หลังด้วย ผมร้อน~~ ผมเจ็บมาก~~ แด๊ดดี้ผมเจ็บ~~”
หนุ่มน้อยสะอื้นด้วยความกลัว เหมือนเหตุการณ์เพิ่งเกิดขึ้นและผ่านมาไม่กี่ชั่วโมง
...โอ! พระเจ้า คริสบอกไม่ถูกว่าเขากำลังรู้สึกอย่างไร มันเป็นความสุขและความทุกข์ในเวลาเดียวกัน สุขใจและยินดีเมื่อรู้ว่าไมเคิลจำความทั้งหมดได้แล้ว พร้อมกับที่รู้สึกเจ็บจนหัวใจแทบจะสลายเช่นกันเมื่อได้รับรู้ถึงความทุกข์และความเจ็บปวดที่หนุ่มน้อยได้รับ
คริสช้อนร่างเล็กไว้ในอ้อมแขน และกระซิบปลอบอย่างอ่อนโยน
“ลูกไม่เป็นไรแล้วไมเคิล แด๊ดสัญญา.. จะไม่ยอมให้ใครมาแตะต้องหรือทำร้ายลูกอีก เราจะอยู่ด้วยกันตลอดไป ไม่จากกันอีกแล้ว ไม่ต้องกลัวนะ ไมเคิล..”
หลังจากปลอบโยนจนหนุ่มน้อยหายกลัวแล้ว คริสค่อยๆ เลียบเคียงถามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยเฉพาะเรื่องที่เกิดขึ้นกับลินดา คำบอกเล่าของไมเคิลตรงกับที่โทนี่เล่าว่าลินดาประสบอุบัติเหตุรถคว่ำเสียชีวิต และเรื่องที่ไมเคิลถูกทำร้ายร่างกายก็เป็นเรื่องจริงทุกเรื่อง แม้เขาจะรับรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นมาแล้วจากคำบอกเล่าของโทนี่ หากแต่คำบอกเล่าที่ออกจากปากไมเคิลเอง ก็ยังทำให้หัวใจของเขาแทบจะสลายตามไป
“โทนี่ไม่ยอมให้ผมออกไปไหน ไม่ยอมให้โทรหาแด๊ดด้วย ยิ่งพอแม่ตายเขายิ่งเกลียดผม เขาบอกว่าแม่หลอกเขา ผมต้องชดใช้แทนแม่~~ เขาขังผมในห้อง เอาแส้เฆี่ยนผม ผมเจ็บมาก ผมหลับฝันถึงแด๊ดทุกคืน~~อยากกลับมาอยู่กับแด๊ด~~ ”
หนุ่มน้อยบอกเล่าน้ำเสียงสั่นเครือ คริสรวบรวมกำลังใจกระซิบคำถามสำคัญด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
“เขาบอกรึเปล่าว่าโกรธแม่เรื่องอะไร นอกจากเฆี่ยนตีแล้วเขาทำร้ายลูกอย่างอื่นอีกมั้ย”
“เขาบอกแต่ว่าแม่หลอก ผมต้องชดใช้ ผมไม่รู้ว่าเรื่องอะไร เขาเอาเทียนหยดหลังผมด้วย แล้วเขาก็เอามีดขึ้นมา ผมคิดว่าผมต้องตายไม่มีโอกาสได้เจอแด๊ดอีกแล้ว..”
น้ำตาไหลนองแก้มเนียนขณะบอกเล่าเรื่องที่น่ากลัว ขณะที่ดวงตาสีฟ้าคู่งามของคริสเอ่อรื้นด้วยน้ำตา
“เขารังแกลูกหรือเปล่า ไมเคิล.. แด๊ดหมายถึงเขาทำร้ายลูกเหมือนตอนที่ลูกถูกทำร้ายที่เรือนคนรับใช้หรือเปล่า..”
คริสกลั้นใจฟังคำตอบที่จะได้รับ ไมเคิลนิ่วหน้าเหมือนกำลังนึกไปถึงเหตุการณ์ที่เขาถามถึงก่อนส่ายหน้าและให้คำตอบว่าจำไม่ได้..
คริสน้ำตาไหลพรากอาบแก้มด้วยความรู้สึกเจ็บปวดและโกรธแค้น สงสารหนุ่มน้อยที่ประสบชะตากรรมซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไมเคิลไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับแม่ ทำไมตัวเองต้องได้รับโทษ คำบอกเล่าของหนุ่มน้อยยืนยันความโหดร้ายใจยักษ์ของไอ้สารเลวโทนี่ ความหวังลางเลือนที่ไมเคิลอาจไม่เป็นโรคร้าย... หมอนั่นอาจพูดโกหกเรื่องการแพร่เชื้อให้เด็ก กลับกลายเป็นเรื่องที่เขาหลอกตัวเอง คำตอบที่ได้รับไม่ได้ทำให้เขารู้สึกโล่งใจ ไมเคิลจำไม่ได้ ไม่ได้หมายความว่าไม่ได้ถูกกระทำ และไม่ว่าจะด้วยวิธีไหน มันก็ไม่ได้ทำให้หัวใจที่แหลกสลายของเขากลับคืนเป็นปกติได้
คริสพาลโกรธตัวเองที่ปล่อยให้ไมเคิลกลับไปกับลินดา แทนที่จะใช้เงินอย่างที่แฟรงค์เสนอ ถึงวันนี้เงินทองมากมายของเขาไม่สามารถช่วยให้หนุ่มน้อยกลับเป็นปกติเหมือนเดิมได้แล้ว คริสไม่รู้ว่าตัวเองนิ่งเงียบไปนานแค่ไหน รู้สึกตัวอีกทีเมื่อถูกมือเล็กเช็ดน้ำตาที่กำลังไหลอาบแก้มเขา
“แด๊ดอย่าร้องไห้ซี ผมไม่เป็นไรแล้วไม่ใช่เหรอ..”
คริสจับมือหนุ่มน้อยกุมไว้และจูบเบาๆ ไมเคิลคงเห็นเขานิ่งเงียบไปนานและรู้ว่าเขากำลังเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
“ใช่.. ลูกไม่เป็นไรแล้วไมเคิล.. ที่ลูกได้รับมันมากเกินพอแล้ว แด๊ดจะไม่ยอมให้ใครหน้าไหนมาแตะต้องทำร้ายลูกได้อีก เราจะอยู่ด้วยกันตลอดไปไม่จากกันอีกแล้ว ลูกหายเร็วๆ แด๊ดจะพาไปจดทะเบียนรับเป็นบุตร เราจะได้เป็นพ่อลูกกันจริงๆ ซะที”
รอยยิ้มของไมเคิลทำให้อารมณ์ของคริสผ่อนคลายขึ้น ... วันนี้ดวงตาของหนุ่มน้อยแวววาวมีชีวิตชีวากว่าทุกวัน อาจเป็นเพราะน้ำตาที่เอ่อคลอ...
“ตาลูกสวยมากรู้มั้ยไมเคิล.. รอให้ลูกหายดีและแข็งแรงกว่านี้ แด๊ดจะให้หมอตรวจเช็คและรักษาดวงตาของลูกให้หาย ลูกจะได้เห็นว่าแด๊ดยังหล่อเหมือนเดิมรึเปล่า.. ”
หนุ่มน้อยมีสีหน้าข้องใจ กำลังจะเอ่ยถามก็ถูกคริสตัดบท
“แต่ตอนนี้ดึกมากแล้ว นอนดีกว่าไมเคิล พักผ่อนมากๆ จะได้หายเร็วๆ ตื่นเช้าเราค่อยคุยกันใหม่นะ”
ไมเคิลหลับตาลงอย่างว่าง่ายและเคลิ้มหลับไปภายในเวลาไม่นาน สีหน้ามีความสุขเพราะได้กลับมาอยู่ในอ้อมกอดของแด๊ดดี้ที่เขารักแล้ว หากแต่สีหน้าของคริสขณะนี้กลับทุกข์ใจอย่างหนัก สวรรค์ช่างโหดร้ายกับหนุ่มน้อยผู้นี้เหลือเกิน และไม่ปราณีต่อเขาด้วยเช่นกัน ให้เขาได้มาพบเจอต้องชะตาและรักเจ้าหนูอย่างลูกชาย แต่กลับมอบความทุกข์อย่างแสนสาหัสในฐานะพ่อให้เขา
“แด๊ดรักลูกไมเคิล.. รักหมดหัวใจเลย ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แด๊ดไม่มีวันทอดทิ้งลูก”
F a t h e r h o o d …
“จะไปจริงๆ หรือแจ๊ค”
โอเอ่ยถามขณะที่แจ๊คกำลังเก็บเสื้อผ้าลงกระเป๋า
“ฉันไม่กล้าอยู่ให้คุณคริสเห็นหน้าอีก” แจ๊คพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
“คุณคริสโกรธฉันมาก ไม่ยอมต่อว่าฉันสักคำ ไม่พูดด้วย ไม่แม้แต่จะมองหน้า ถ้านายเป็นฉันนายยังจะกล้าอยู่ที่นี่อีกหรือโอ..”
“แต่นายไม่ได้ตั้งใจ มันเป็นอุบัติเหตุนะแจ๊ค..”
“มันเป็นอุบัติเหตุที่เกิดจากความละเลยของฉัน..” แจ๊คน้ำตาคลอยิ้มให้เพื่อน
“ฉันยอมรับผิดและควรจะพิจารณาตัวเอง”
แจ๊คหยิบกีตาร์ไฟฟ้าตัวโปรดยื่นให้โอ..
“เก็บไว้กับนาย โอ.. มันไม่ใช่สมบัติของฉัน คุณคริสซื้อให้พวกเราแบ่งกันเล่น”
โอรับกีตาร์มาถือไว้ แจ๊คเป็นนักดนตรีประจำบ้าน เล่นเครื่องดนตรีได้เกือบทุกชนิด ในขณะที่บอยเล่นเป็นแต่คีย์บอร์ด ส่วนทิมกับเขาผลัดกันเป็นนักร้อง โอวางกีตาร์ลงบนเตียงและกล่าวท้วงการตัดสินใจของแจ๊คอีกครั้ง
“อย่าไปเลยแจ๊ค.. คุณคริสกำลังตกใจและเป็นห่วงไมค์ ไม่มีอารมณ์ต่อว่านายหรอก คุณแฟรงค์โทรมาบอกแล้วว่าไมค์ไม่เป็นอะไรมาก รอคุณคริสอารมณ์เย็นลงนายค่อยไปขอโทษ คุณคริสคงไม่โกรธมากถึงขนาดจะให้นายไปจากที่นี่หรอก ฉันเคยทำผิดต่อไมเคิลมาแล้ว คุณคริสยังยอมยกโทษให้เลย”
“เฮอะ! คุณคริสไม่ได้ยกโทษให้นายซะหน่อย จำไม่ได้หรือว่าคุณคริสไล่นายออกจากบ้าน ไมเคิลต่างหากที่ขอคุณคริสยกโทษให้นาย แต่สำหรับฉันไม่โชคดีอย่างนาย ความจำไมเคิลยังไม่ปกติ ตาก็มองไม่เห็น คงช่วยฉันไม่ได้ ฉันขอจากไปเองดีกว่าถูกคุณคริสไล่ออกไป”
แจ๊คปิดกระเป๋าเดินทาง น้ำตาร่วงผล็อยด้วยความเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
โอรู้สึกหมดหวังเมื่อไม่สามารถเกลี้ยกล่อมเพื่อนให้อยู่ต่อได้ แจ๊คไม่อยู่เขาคงเหงามากเลย ทุกวันนี้แต่ละชีวิตในคฤหาสน์ใหญ่โตหลังนี้แทบจะต่างคนต่างอยู่แล้ว ตั้งแต่ไมเคิลเข้ามาเป็นสมาชิกที่นี่ ความเป็นอยู่ของพวกเขาต้องเปลี่ยนแปลงไปตามพฤติกรรมของคุณคริส แม้แต่คุณแฟรงค์เองก็เปลี่ยนไป.. ถ้าไม่ยุ่งอยู่กับธุระของตัวเอง..ก็จะอยู่กับไมเคิลและคุณคริส ไม่มีเวลาแม้แต่จะนั่งคุยเล่นกับพวกเขาเหมือนเมื่อก่อนแล้ว..
F a t h e r h o o d …
TBC >>>>>