บทที่ 3
มาวิคเดินงัวเงียออกจากห้องตัวเองสู่โถงกลาง ห้องพักของเขามีลักษณะเป็นห้องชุด มีสองห้องนอนโดยมีโถงกั้นไว้อีกห้องหนึ่ง อันจะมีครัวเล็กๆ กับมุมนั่งเล่น ห้องฝั่งซ้ายเป็นของพวกหนุ่มๆ ประกอบด้วย มาวิค พรีมและโอซี่ ส่วนห้องฝั่งขวาเป็นข้องหญิงสาวผู้อาศัยหนึ่งเดียวนั่นคือเซีย แต่วันเสารนี้ภายในห้องดูเงียบงันเพราะ เซียกลับบ้าน พรีมก็เช่นกันโดยมีโอซี่ตามไปด้วย เดาว่าวันนี้คงเงียบทั้งเกาะเพราะนักศึกษาที่บ้านอยู่ในเดสเซนท์ ต่างพากันกลับไปเยี่ยมครอบครัว
ร่างสูงมองนาฬิกาที่ตอนนี้ชี้เลขสิบเอ็ด ชักหิวแล้วสิ พลางนึกถึงใครอีกคนที่คิดว่าคงยังอยู่ในอานิมาไม่ได้ไปไหน ว่าแล้วก็โทรหาดีกว่า
"ว่าไงมาวิค" เสียงใสดังจากปลายสาย
"ว่าจะชวนไปหาอะไรกินนะ"
"นึกว่านายกลับบ้านซะอีก" ฟาเรสสงสัย
"กลับไปก็ไม่มีคนอยู่หรอก" มาวิคบอกแบบเซง พ่อของเขาแท้จริงเป็นผู้ว่าของเดสเซนท์ส่วนแม่ก็เป็นเลขาของท่าน ทั้งสองจึงไม่ค่อยมีเวลาเพราะงานรัดตัวตลอด
"จริงๆ ฉันว่าจะทำอะไรกินเอง ซื้อของสดมาไว้แล้ว ขึ้นมากินด้วยกันไหมละ"
...กับข้าวฝีมือฟาเรส ก็น่าสนใจดี... "ได้ๆ นายอยู่ห้องไหนละ"
"ชั้นสามสิบเอ็ดห้อง 3108"
"โอเคขอสิบนาทีอาบน้ำก่อน แล้วเจอกัน" มาวิคหยิบผ้าขนหนูตรงเข้าห้องน้ำอย่างไว
ในวันแรกที่เขาเห็นฟาเรสท่ามกลางฝูงชน ไม่เข้าใจว่าทำไมสองเท้าจึงพาเดินเข้าไปทัก บรรยากาศรอบตัวของร่างโปร่งมันดูสงบแต่แฝงไปด้วยความอ้างว้าง ราวกับมีกำแพงบางๆ กั้นใครคนนั้นจากรอบด้านและเขาเองก็อยากจะทำลายกำแพงนั้น
ยิ้มของฟาเรสในยามแรกที่ได้พูดคุย แม้จะเป็นยิ้มตามมารยาทแต่ก็ดูเป็นมิตรดี เมื่อวันที่เพื่อนใหม่ไปดูเขาทดสอบที่คณะ รอยยิ้มของฟาเรสในวันนั้นดูช่างสดใสเพราะเป็นรอยยิ้มที่มาจากใจ
"เข้ามาเลย" เจ้าของห้องเปิดประตูให้เมื่อมาวิคเคาะเรียก "นั่งรอ เปิดโทรทัศน์ดูก่อนก็ได้"
ฟาเรสกลับไปยังเคาท์เตอร์ทำครัวก่อนจะลงมือหั่นผักต่อ เจ้าของห้องในชุดสบายๆ เสื้อยืดตัวบางยิ่งทำให้เห็นว่าคนตรงหน้าผอมเพียวกว่าที่คิด
"นึกว่าทำจะเสร็จแล้ว" ผู้มาเยือนถามยิ้มๆ
"แหะๆ ก็ เพิ่งจะเริ่มตอนนายโทรมานี่แหละ หิวแล้วหรอ"
"เริ่มหิวแล้วละ มาๆ ฉันช่วย" มาวิคว่าพร้อมลุกจากโซฟาไปร่วมวง "จะทำอะไรละ"
"เสต็กปลา กับสลัด" ฟาเรสบอกพลางพยักเพยิดไปทางเนื้อปลาสีส้มที่เอาออกมาละลายน้ำแข็งไว้ ก็ไม่ยากเท่าไหร่พอทำได้
"พริกไทยกับเกลือละ" คนสูงกว่ามองหาเครื่องปรุง
"ในตู้บนหัวฉัน" ว่าแล้วผู้ช่วยจำเป็นก็เอื้อมมือไปเปิดประตูตู้ "อ๊ะ"พอดีกับฟาเรสที่หันมาจะพูดบางอย่าง
ดวงตาสีครามสะกดมาวิคให้นิ่งงัน เมื่อได้มองใกล้ๆ บอกให้รู้ว่ามันช่างสวยเหลือเกิน และเหมือนฟาเรสเองก็ทำอะไรไม่ถูกพอกัน
"อะ เอ่อ แค่จะเตือนว่า อย่าใช้ไฟแรง" ริมฝีปากสวยเอ่ยติดขัด ก่อนเจ้าตัวจะหันกลับไปง่วนกับสลัดแต่ก็ไม่อาจปิดบังผิวหน้าที่ซับสีได้
"เชื่อมือได้เลย" มาวิครับคำเสียงใส แปลกใจที่ไม่อาจหุบยิ้มที่ระบายบนใบหน้าตน
มือเที่ยงดำเนินไปอย่างเงียบเชียบด้วยต่างคนต่างหิวจัดเพราะไม่ได้แตะข้าวเช้ากันเลย มาวิคจัดการทุกอย่างหมดในเวลาอันรวดเร็วผิดกับอีกคนที่ยังคงละเลียดกับอาหารบนจานช้าๆ ที่ยังเหลืออีกเกินครึ่ง
เมื่อนั่งว่างๆ มาวิคจึงมีโอกาสสำรวจคนตรงหน้าที่สนใจจานอาหารอย่างเต็มตา ฟาเรสเป็นคนที่ขาวมาก ยิ่งเมื่อรวมเข้ากับผมสีบรอนขาว ยิ่งทำให้คนตรงหน้าเหมือนเปล่งออร่าอยู่รอบตัว ไหนจะใบหน้าเรียวที่เรียบเนียนราวกับผิวเด็ก
"ถามจริงนายอายุเท่าไหร่" ชายหนุ่มถามสิ่งที่คิดในใจอยู่นาน
"ปีนี้ 16 แล้ว"
"ฮะ...จริงดิ เพิ่งสิบหก แล้วทำไมถึงเข้ามหาลัยได้ละ" คนโตกว่าถามอย่างแปลกใจ
"ฉันเรียนเองที่บ้านนะ ท่านพ่อให้อาจารย์มาสอน เลยจบขึ้นพื้นฐานไปตั้งแต่ 15" คนถูกถามอธิบายยิ้มๆ "คงไม่ต้องเรียกนายว่าพี่หรอกนะ"
"ไม่ต้องหรอก นายนี่มันอัจฉริยะจริงๆ" เอ่ยชมอย่างอดไม่ได้
"คนเราเก่งไม่เหมือนกัน"
หลังจากช่วยกันเก็บกวาดครัวและโต๊ะอาหารสองหนุ่มก็พากันมานั่งย่อยอยู่หน้าจอทีวี ดูข่าวสารบ้านเมืองกันไป
"ได้ยินมาว่า นายสนใจวิชาต่อสู้ในคณะฉันหรอ" ร่างสูงเปิดประเด็น เซียเล่าให้เขาฟังในวันที่มีการทดสอบ
"ก็แค่สนใจเรื่องการใช้พลังเวทย์แฝงนะ กับพวกการใช้อาวุทย์ที่มีเจม"
"ทำไมหรอ" มาวิคถามอย่างแปลกใจ คนที่ดูน่าจะชอบอยู่กับความสงบอย่างฟาเรสจะสนใจศาสตร์การต่อสู้ไปทำไม อีกทั้งพลังเวทย์แฝงยังเป็นศาสตร์ขั้นสูงที่ไว้ใช้ต่อกรกับพวกเหนือธรรมชาติต่างๆ ด้วย
ฟาเรสไม่ตอบแต่กับเหม่อมองไปข้างหน้าอย่างไร้จุดหมาย ดวงตาสีครามหม่นแสงลงทันใด ทำเอาคู่สนทนาพาลใจไม่ดีไปด้วย
...ต้องทำอะไรซักอย่าง สีหน้าแบบนี้ไม่ชอบเอาซะเลย... "อยากลองใช้เจมดูไหม" มาวิคเอ่ยทำลายความเงียบ ดึงคนข้างๆ ให้หันมอง
"อยากสิ นายจะสอนหรอ" ดวงตาที่กลับมาทอประกายทำให้เขาเบาใจ
"ใช่ จริงๆ ฉันฝึกเรื่องการใช้เจมมาตั้งแต่ก่อนเข้ามาเรียนแล้ว คงจะพอสอนได้นะ ไหนๆ วันอาทิตย์ก็ไม่มีอะไรทำอยู่แล้ว เอาไหม" คนฟังพยักหน้ารับพร้อมยิ้มให้...จะผิดไหม ถ้าเขาคิดว่ามันน่ารัก ชักรอพรุ่งนี้ไม่ไหวแล้วสิ
วันอาทิตย์ฟาเรสตื่นเช้าไม่ต่างจากวันเรียน แทบจะรอไปสนามฝึกไม่ไหว ใจจริงอยากโทรไปปลุก แต่เดาว่าอีกฝ่ายคงยังไม่ตื่น เกรงใจด้วยเพราะนี่วันหยุด แต่ไม่นานคนที่เขารอก็มาเคาะห้องเรียก เลยพากันไปหาอะไรกินร้านริมหาด ก่อนจะพากันไปสนามฝึกหลังคณะวิทยาการการทหารในช่วงสายๆ
"นายเคยฝึกอะไรมาก่อนหรือเปล่า" มาวิคถามพลางเดินนำไปข้างสนามที่มีอาวุธต่างๆ วางไว้
"ทุกอย่างแหละ พ่อฉันเป็นทหาร" คนฟังดูเหมือนไม่เชื่อ ฟาเรสจึงได้แต่ยักไหล่แบบปลงๆ
"ใช้เจ้านี่เป็นไง" มาวิคยื่นหน้าไม้ที่ตรงด้ามประดับเจมเม็ดเล็กๆ เรียงกันเป็นลายพันรอบด้ามจับ แล้วก็หยิบมาอีกอันสำหรับตัวเอง พร้อมลูก "เน้นการถ่ายพลังสู่เจมก่อนแล้วกัน"
ร่างสูงกดปุ่มตรงแผงควบคุมข้างๆ สนามก่อนเป้าที่ทำจากแผ่นเหล็กจะเด้งขึ้นมา เขาถือวิสาสะดึงมือลูกศิษย์ชั่วคราวมายืนกลางสนาม
"เอาละ รวบรวมสมาธิไปที่อาวุธในมือ ถ่ายทอดความรู้สึกไปที่มัน แล้วยิงแบบนี้"
ฟึบ!!ลูกดอกไม้ฟังเข้าไปตรงกลางแผ่นเล็กได้อย่างเหลือเชื่อ
"โหววว นึกสภาพถ้าเป็นหัวคนนะ คงทะลุ" ฟาเรสบอกอย่างตื่นเต้น
"เอ้า ตานายลองบ้าง"
ฟาเรสโหลดลูกดอกใส่หน้าไม้แล้วเล็งมันไปยังเป้าเหล็กตรงกลาง พยายามปล่อยทุกความรู้สึกให้ไหลสู้อาวุธในมือ แล้วยิง
ฟึบ!!! เคร้ง!!! "ฮ่าๆๆๆ" เสียงทุ้มหัวเราะลั่นกับสภาพลูกดอกไม้ที่แตกกระจายกองกับพื้น
"งื่อ...อย่าหัวเราะสิ ลองใหม่ๆ" ฟาเรสบ่นอุบพร้อมทำหน้ามุ่ย
ถ้าแค่นี้ทำไม่ได้เขาคงไม่มีวันต่อกรกับพวกไวด์โซลได้ เรื่องในคืนนั้น ไหลบ่าเข้ามาในหัว ราวกับตอกย้ำความเจ็บปวดที่เหมือนจะเลือนหายไปซักพัก แต่แท้จริงมันจังฝังอยู่ในใจเขาเสมอมา
ร่างโปร่งยิงลูกดอกออกไปซ้ำๆ เขาเกลียดความพ่ายแพ้ เกลียดคำว่าไม่มีทาง ทุกนัดที่ยิงออกไป แรงขึ้นๆ จนแผ่นเหล็กเริ่มเป็นรอย ก่อนลูกดอกไม้อาบพลังจะฝังลงบนแผ่นเหล็ก ดอกต่อมาถูกยิงซ้ำไปจุดเดิม ดอกแล้วดอกเล่า ราวกับสติได้สูญสิ้นไปแล้ว
"เอ่อ...ฟาเรส" มาวิคพยายามเรียกอีกคนที่เหมือนหลุดไปอีกโลกอย่างร้อนใจ นัยน์ตาสีครามที่เคยสดใส ดูเย็นชาและว่างเปล่า เป็นอีกด้านของฟาเรสที่เขาไม่เคยรู้
"เฮ้ ฟาเรส อย่าฝืนสิ" หยาดเหงื่อที่ไหลไปตามกรอบหน้าเนียน เตือนให้ร่างสูงต้องทำอะไรซักอย่าง
ฟึบ!!! ตูม!!!ดอกสุดท้ายที่ยิงออกไปอาบด้วยพลังสีแดงเพลิง ก่อนจะกระแทกกับเป้าเหล็กแล้วระเบิดตรงจุดนั้นจนเป็นรู
หน้าไม้ถูกทิ้งลงบนพื้นจากมือที่สั่นระริก เจ็มสีแดงเลือดค่อยๆ อ่อนสีลง มันร้อนเสียจนหญ้ารอบๆ ไหม้ตามไปด้วย
"มือนาย!!!" คนโตกว่าร้อนรนคว้ามือนุ่มขึ้นมาดู ฝ่ามือขาวมีรอยแดงพาดผ่านเป็นปื้นคล้ายโดนไฟลวก เขามองเป้าเหล็กที่ละลายเป็นหรูขนาดใหญ่ตรงกลางสลับกับคนตรงหน้าด้วยความพิศวง ยังมีอะไรที่เขาไม่รู้เกี่ยวกับคนๆ นี้อีกนะ
"ฉัน...ไม่เป็นไร" ริมฝีปากสวย ซีดเซียวจนยากจะเชื่อคำพูดนั้น "ต่อไหม"
"วันนี้พอแค่นี้เถอะ นายไม่ควรฝืนตัวเอง" มาวิคบอกอย่างอ่อนใจ พลางสำรวจฝ่ามือนั้น
คิ้วเข้มขมวดแทบจะชนกันพลางมองมือของฟาเรสอย่างกังวล ชวนให้เจ้าของมือรู้สึกผิดที่ทำเพื่อนของเขาไม่สบายใจ
ในมุมอับด้านบนอัฒจรรย์ สายตาคู่หนึ่งกำลังเฝ้ามองทั้งคู่ที่เดินออกไปจนลับตา ท่าทีเป็นห่วงเป็นใยที่มาวิคมีให้ร่างโปร่งบางตรงหน้าดูก็รู้ว่าเขาคิดอะไร
...หึ มันไม่ง่ายแบบนั้นหรอก... อาทิตย์ที่สองในชีวิตมหาลัย แม้จะไร้สาระไปบ้างในวันหยุดแต่ฟาเรสก็ทำรายงานที่ลุงเอเบรียนสั่งเสร็จเรียบร้อย เขาไม่ลืมที่จะถือชีทที่อาจารย์เคยให้ไว้ติดมือมาด้วยสองชุดเผื่อเพื่อนใหม่ที่จะเจอในวันนี้ ร่างโปร่งตรงไปยังโดมกระจกทันที เช้านี้อารมณืไม่ค่อยสดใสเท่าไหร่นักเพราะมือที่ระบม ปวดแสบปวดร้อนไปหมด
พอเข้าไปในตึกวิจัยใจกลางโดม มีใครอีกคนนั่งอยู่ก่อนแล้ว คงเป็นเพื่อนร่วมเอกของฟาเรสสินะ
"สวัสดี" ฟาเรสเอ่ยทัก อีกคนที่กำลังหันมองพืชพรรณด้านนอกอย่างสนอกสนใจ พลางวางกระเป๋าที่สะพายมาไว้บนโต๊ะ ใครคนนั้นหันแล้วเดินมาหยุดตรงหน้าเขา ได้ยืนใกล้ๆ แบบนี้ ทำให้รู้ว่าคนตรงหน้าสูงใหญ่กว่าเขาพอสมควร
....ตัวโตพอๆ กับโอซี่เลย... เรือนผมสีควันล้อมกรอบเครื่องหน้าสมบูรณ์แบบและลงตัวราวกับบรรจงสสร้าง จมูกโด่งรับกันดีกับริมฝีได้รูป เมื่อรวมกับนัยน์ตาสีอำพันคมกล้าดูทรงอำนาจจนฟาเรสรู้สึกอึดอัดเมื่อถูกมอง
"ผม ฟาเรส" เขายื่นมือออกไปหมายจะจับทักทาย แต่มันพันด้วยผ้าก๊อตทั้งมือ "เอ่อ ลืมไป"
"ไปโดนอะไรมา" ข้อมือบางถูกคว้าไว้ก่อนที่ฟาเรสจะทันได้หดกลับ
"ไฟลวกนิดหน่อย"
"ไม่นิดมั้ง" น้ำเสียงเหมือนไม่เชื่อทำให้ฟาเรสได้แต่ยิ้มแห้งๆ กลับไป "รอนี่"
"นายจะไปไหนนะ...
เฮ้ เดี๋ยว!!!" ฟาเรสร้องตามหลังร่างสูงที่เดินออกไปนอกห้องอย่างงงๆ ในเมื่อทำอะไรไม่ได้จึงยอมนั่งรออย่างที่เจ้าตัวบอก
ไม่นานร่างสูงก็กลับมาพร้อมสมุนไพรหน้าตาแปลกๆ สองสามอย่าง วางมันลงบนโต๊ะข้างๆ เก้าอี้ที่ฟาเรสนั่ง แล้วเดินขึ้นไปชั้นสองก่อนจะกลับลงมาพร้อมกาละมังสแตนเลสที่ใส่น้ำมาเกินครึ่งและกล่องพยาบาล เก้าอี้ถูกดึงมานั่งตรงหน้าคนเจ็บ ก่อนที่ของที่เหลือจะถูกวางรวมกับของเดิม
"ขอมือหน่อย"
"ฮะ...เอ่อ"
...ไม่ใช่หมานะเว้ย!!!... แต่ก็ยอมยื่นมือข้างที่เจ็บให้อีกฝ่ายแต่โดยดี ผ้าก๊อตถูกแกะออกช้าๆ เผยให้เห็นฝ่ามือที่เริ่มพองและแดงช้ำ
"ดูแย่กว่าที่คิด" แค่ถูกมองฟาเรสก็ได้แต่นั่งนิ่ง ไม่รู้ทำไมถึงเกรงหมอนี่นัก "ตุ่มพองค่อนข้างใหญ่ต้องเจาะหนองออกไม่งั้นจะอักเสบและติดเชื้อ"
"อืม...ยังไงก็ได้" อีกคนไม่ตอบอะไรเพียงแต่จับมือเล็กไปล้างในกะละมังที่เตรียมมาก่อนจะซับด้วยผ้าขาวจนแห้ง ก่อนเอาเข็มเจาะผิวหนังที่พองแล้วเอาสำลีซับน้ำเหลืองออกจนตุ่มพองเหล่านั้นยุบลง ทุกขั้นตอนถูกทำอย่างนุ่มนวลและแผ่วเบาจนคิดไม่ถึงว่าผู้ชายตัวโตๆ ตรงหน้าจะทำได้
"ซี๊ด...มันแสบ" ทันทีที่แอลกอฮอลถูกราดลงบนมือ ฟาเรสแทบชักมือกลับเพราะความแสบแต่ถูกอีกคนยึดไว้
"ทนหน่อย ใกล้เสร็จแล้ว" น้ำเสียงทุ้มนุ่มบอก
...แล้วทำไมต้องคล้อยตามด้วยเนี่ย... ทั้งๆ ที่เจอกันครั้งแรกแต่กลับรู้สึกวางใจคนตรงหน้าไม่รู้ทำไม
"นี่ นายยังไม่ได้บอกชื่อเลย" ฟาเรสถามขึ้นพลางมองอีกฝ่ายจัดการกับมือเขา โดยเอาสมุนไพรที่เกบมาขยี้จนออกน้ำแล้วประคบลงบนฝ่ามือ ความเย็นซึมผ่านไปทั่วจนเริ่มชา แล้วพันทับด้วยผ้าก๊อตอีกที
"เวลอร์ โมนาร์คา"
"ขอบใจนะเวลอร์" ฟาเรสบอกพลางสำรวจมือที่พันเสร็จเรียบร้อยด้วยรอยยิ้ม
"
ฟาร์!!! มือไปโดนอะไรมา" ผู้อำนวยการเอเบรียนเข้ามาเห็นสภาพหลานชายถึงกับร้องออกมาอย่างตกใจ
"เอ่อไฟลวกครับท่าน" ฟาเรสตอบเสียงแผ่ว
"ท่านเทิ่นอะไรกัน บอกให้เรียกลุงไงฟาร์ ลืมแล้วหรอ ฮึ" คนโดนดุหน้าถึงกับหน้าจ๋อย "ทีหน้าทีหลังก็ระวังนะเรา ฟาร่าลุกขึ้นมาบีบคอลุงข้อหาไม่ดูแลหลานทำไง"
"ขอโทษครับลุง"
"อ้าวเวร์ มาเรียนแล้วหรอ" ชายชราหันไปทักนักเรียนอีกคนที่แวบเอาของไปเก็บมาตอนพวกเขาคุยกัน
"สวัสดีครับ" ฟังจากที่เรียกเหมือนทั้งสองจะรู้จักกันอยู่แล้ว
"เอาละๆ มาเริ่มเรียนกันเถอะ วันนี้ลุงมาสายนะเนี่ย เดี๋ยววันอังคารกับพุธต้องไปดิเมียร์อีก" ท่านบ่นอุบ ก่อนจะกางตำราแล้วเริ่มสอน มีแววว่าวันนี้คงได้เรียนวันเดียว งี้แหละมีอาจารย์เป็นผู้อำนวยการตางรางงานมันยุ่ง
ฟาเรสปรึกษากับเพื่อนร่วมเอกเรื่องวิชาเสรีแต่ก็ไม่ได้อะไรเลย เพราะเวลอร์บอกว่าเรียนอะไรก็ได้ที่เขาลงรวมไปถึงวิชาทั่วไปที่เขาลงไว้ก่อนหน้าแล้ว เลยเลือกวิชาพลังเวทย์ประยุค ซึ่งเรียนรวมกับพวกการทหารในวันศุกร์ ซึ่งมันก็ดีในเมื่อตารางเรียนตรงกัน
ฟาเรสไม่ลืมที่จะพาเวลอร์ไปแนะนำให้ทั้งสี่สหายรู้จักซึ่งทุกคนก็ให้การตอบรับเป็นอย่างดีมั้ง พรีมก็ดูยินดี โอซี่ก็ดูโอเคกับเพื่อนใหม่ ส่วนเซียเองก็ชมเพื่อนร่วมเอกของเขาไม่หยุดปาก จะมีก็แต่มาวิคนี่แหละ ไม่รู้ทำไมเวลาสองคนนี้มองหน้ากันบรรยากาศมันมาคุแปลกๆ
...แต่คงไม่มีอะไรมั้ง...ฟาเรสคิด
...................................
-ฟาเรสนี่หนูบื้อจริงหรือแกล้งค่ะลูก
มาอัพให้แล้วเน้อ เปิดตัวเพื่อนร่วมเอง คิคิ