วันนี้เป็นวันเฉลิมพระชนมพรรษาของในหลวงและวันพ่อแห่งชาติครับ พ่อผมจากไปด้วยโรคมะเร็งตั้งแต่ผมอายุ 10 ขวบ ทุกวันนี้ได้คุณแม่เป็นทั้งแม่และพ่อในคนเดียวกัน เช้านี้ผมเลยตื่นขึ้นมาไหว้รูปพ่อในห้องพระ แล้วออกไปไหว้คุณแม่ตัวเป็นๆถึงห้องนอน(แม่ยังไม่ตื่นด้วยซ้ำ ฮา...) ตอนแรกว่าจะพาแม่ออกไปหาอะไรทานข้างนอก แต่พอนึกถึงปริมาณผู้คนตามห้างแล้ว อ้อนให้แม่ทำอะไรให้ทานน่าจะเป็นความคิดที่ดีกว่าครับ
นั่งดูถ่ายทอดพระราชพิธีตอนเช้า ได้เห็นในหลวงท่านทรงมีพลานามัยแข็งแรง พระพักตร์แจ่มใส รวมไปถึงพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์แล้วตื้นตันครับ คุณแม่สอนผมเสมอว่าให้เราภูมิใจที่ได้เกิดมาบนแผ่นดินไทย ใต้ร่มพระบารมีของพระองค์ท่าน ช่วงนี้เพลงฮิตของบ้านผมคงไม่พ้นเพลงผู้ปิดทองหลังพระ ที่ทีวีนำมาออกบ่อยๆนั่นแหละ แม่ผมร้องได้ทั้งเพลงแล้วด้วยซ้ำ
หลังอ้อนให้คุณแม่ผัดขี้เมา(แต่ไม่เมา)ทานเป็นอาหารกลางวันได้สำเร็จ เสียงโทรศัพท์มือถือของผมดังขึ้น หยิบขึ้นมาดู หน้าจอโชว์เบอร์มือถือ 10 หลักที่ไม่คุ้นเคย
“สวัสดีครับ”
“....” สวัสดีแล้วนี่หน่า ทำไมไม่ตอบวะ
“สวัสดีครับ”
“น้องปริ้นใช่ไม๊ครับ” ง่ะ... ใครวะ
“ใช่ฮะ นั่นใครอ่ะ”
“
พี่ซันนะ ที่เจอกันวันบิ๊กคลีนนิ่งที่ม.น่ะ” ห๊า......... ได้ข่าววันนั้นผมกับพี่แทบไม่ได้คุยกันเลย แล้วเอาเบอร์ผมมาจากไหนเนี่ย
“ครับพี่ซัน มีอะไรหรือเปล่า แล้วเอาเบอร์ผมมาได้ไงอ่ะ”
“พี่ขอข้าวสวยมา จะถามปริ้นว่าคืนนี้ไปไหนหรือเปล่า จะชวนไปถ่ายรูปที่ราชดำเนินด้วยกัน”
“เอิ่ม....” ถึงขั้นไปไม่เป็น พี่ซันที่ผมจำได้ เป็นผู้ชายเรียนภาษาที่หล่อมากกกกกก หุ่นดีแบบคนออกกำลังกายบ่อย เสียงนุ่มทุ่มต่ำ พูดน้อยแต่ยิ้มและหัวเราะบ่อยกว่า เสียอยู่สองอย่าง ชอบเก็กกับสูงน้อยไปนิด (ผมสูง 180 คิดว่าพี่เค้าน่าจะ 173-174 ได้มั้ง 555) นึกถึงวันบิ๊กคลีนนิ่งเดย์ที่ผมกับพี่เค้าคุยกันได้ไม่ถึงยี่สิบประโยคแล้วก็งง คิดยังไงถึงมาชวนผมกัน
“ถ้าปริ้นไม่ว่างก็ไม่เป็นไร พี่เห็นปริ้นชอบถ่ายรูปเหมือนกัน เลยจะชวนไปด้วย พี่ไม่มีเพื่อนไป” แล้วพี่ซันก็เผยคำตอบที่ผมอยากรู้ออกมา
“ไปวันนี้คนเยอะนะพี่” ผมติงนิดๆ ทั้งๆที่ในใจผมก็อยากไปวันนี้เหมือนกัน วันที่มีงานพิธี จะเป็นวันที่แสงสีจัดได้สวยงามที่สุด
“คนเยอะหน่อยแต่แสงสวย พี่ว่าคุ้มนะครับ” อืม... เอางั้นก็ได้นะ
“โอเคฮะ เจอกันกี่โมง ที่ไหนว่ามาเลยพี่”
นัดแนะเวลากันเป็นที่เรียบร้อย ผมวางโทรศัพท์ลง บอกคุณแม่ว่าจะออกไปดูไฟ เจอแม่ทำหน้างงใส่เพราะตอนแรกว่าจะไม่ไปคืนนี้ หยิบกล้องขึ้นมาทำความสะอาด เช็คความพร้อม ขาตั้งคงเอาไปไม่ไหว คนเยอะมากจนไม่น่าจะมีที่ให้ตั้ง
ผมฝ่ารถติดช่วงสาธร เจอแยกวงเวียนใหญ่ที่เปิดไฟเขียวแค่ 30 วิ ยังไม่ทันเลื่อนเกียร์เลยแม่งแดงแล้ว(ฟ่นไฟๆ) ตรงไปโรงพยาบาลศิริราช ใช้บัตรเจ้าหน้าที่ของคุณแม่ผ่านเข้าไปจอดรถ ตอนนั้นเป็นเวลาหกโมงครึ่งพอดี รู้สึกหิวนิดๆเลยเดินออกไปหาหาของกินเล่นที่วังหลัง หกโมงห้าสิบผมยืนรอเรือข้ามฟากที่ท่าน้ำวังหลัง ยกกล้องขึ้นมาถ่ายมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ฝั่งตรงข้าม ช่วยพยุงคุณยายขึ้นเรือแล้วก้าวเท้าไปยืนด้านท้ายของเรือ แบ่งพื้นที่ยืนให้กลุ่มเด็กม.ปลายที่คงจะข้ามฝั่งไปดูงานเหมือนกัน เรือกลับลำตัวมุ่งหน้าไปท่าพระจันทร์ ในขณะที่กำลังจะยกกล้องถ่ายสะพานปิ่นเกล้าและสะพานพระราม 8 ก็มีมือดีมาสะกิดที่ไหล่
“ไง ถ่ายรูปเพลินไม่เห็นพี่เลยนะ” เป็นพี่ซันหล่อ(น่า)ลากคนเดิม พี่เค้าสวมเสื้อเชิร์ตสีชมพูอ่อนปลดกระดุมสองเม็ด(วันนี้ทุกคนใส่สีชมพูครับ ผมก็ใส่) ยีนส์เดฟสีเทาเข้ม คล้องคอด้วย D5100 ข้างตัวมีกระเป๋ากล้องสีเขียวเข้มลายพราง ข้างในคงเป็นของจุกจิกและเลนส์อีกตัวเหมือนกระเป๋าสีดำของผมเป็นแน่ ขึ้นฝั่งแบบทุลักทุเล(คนเยอะ+คลื่นสูง) จนพี่ซันต้องสละแขนให้ผมเกาะขึ้น ผมมองหน้าพี่ซันอย่างแปลกใจว่าทำไมถึงทรงตัวได้เก่งขนาดนี้
“โรงเรียนเก่าพี่อยู่ริมน้ำ ต้องขึ้นโป๊ะท่าสะพานพุทธฯทุกวัน เรือด่วนมันโหดกว่านี่เยอะ”
ไหลตามฝูงชนมาเรื่อยๆจนถึงสนามหลวง อยากเดินเข้าไปถ่ายรูปในธรรมศาสตร์แต่ก็ต้องเปลี่ยนใจ ทุ่มนิดๆใกล้กับเวลาที่จะจุดเทียนชัยถวายพระพรแล้ว คนเยอะจนแทบจะไม่มีที่เดิน ยังดีที่ตัดสินใจมาเจอกันที่ท่าพระจันทร์แล้วเดินขึ้นมา ช่วงกึ่งกลางสนามหลวงคนไม่เยอะเท่าช่วงที่ติดกับวันพระแก้วซึ่งเป็นบริเวณงาน หยุดรับเทียนจากพี่เจ้าหน้าที่แล้วเดินเข้าไปยืนกับคนอื่นๆ ร่วมพิธีจุดเทียนชัยถวายพระพรเสร็จแล้วไหลแบบงงๆตามผู้คนที่เดินออกจากสนามหลวงข้ามฝั่งมาซื้อน้ำกินแถวๆหน้าวัดมหาธาตุ
“ปริ้นยังไหวหรือเปล่า”
“หืม??? แค่นี้ชิวๆพี่ ทำไมหรอ”
“งั้นเดินรอบสนามหลวงกัน ปะ” ห่ะ? เอาจริงดิ ไกลเป็นกิโลเลยนะเพ่!!!
พี่แกไม่รอบคำตอบ คว้าแขนผมข้ามถนนแล้วออกเดินไปตามฟุตบาทของสนามหลวงทันที เอ้า... เดินก็เดิน ไหนๆก็มาแล้ว พี่ซันชี้ชวนผมถ่ายรูปไปตลอดทาง ทำให้ผมได้รู้ว่า พี่เค้าเป็นคนที่ถ่ายรูปเก่งมากกกกกกกกกกกกกกกก วัดแสง ตั้งค่าf มุมกล้อง ทุกอย่างครับ มาวันนี้เหมือนพี่ซันเป็นครูสอนถ่ายรูปผมเลย จากที่ถ่ายแมนนวลเป็นแค่เฉพาะวันฟ้าใสแดดแรงๆ วันนี้ผมถ่ายไฟยามค่ำคืนเป็นแล้วนะ
เดินมาจนถึงหน้าศาลหลังเมือง ข้ามฝั่งไปถ่ายปืนหน้ากระทรวงกลาโหม แล้วข้ามถนนสนามไชยมาวัดพระแก้ว เดินเลี้ยบวัดมาเรื่อยๆ ขอบอกว่าคนเยอะมาก(ผมอยากร้องไห้) เดินเบียดกับคนเข้าไปในวัดพระแก้ว ไฟสวยมากครับ พี่ซันชี้ชวนให้ผมถ่ายไปเรื่อยๆ ตัวพี่เค้าเองก็ยกกล้องขึ้นมาเหมือนกัน ส่วนมากพี่เค้ากับผมจะถ่ายกันคนละมุม แบ่งๆกันไปรูปจะได้ไม่ซ้ำกันมาก ด้านในของวัดพระแก้วและพระบรมหาราชวังยามค่ำคืนสวยมากครับ ยิ่งเป็นคืนปลอดเมฆ เห็นดาวบนฟ้าด้วยแล้ว อยากเชิญชวนทุกคนให้มาอยู่ตรงนี้ด้วยกันจริงๆครับ
เบียดคนออกมาหน้าวัด ผมกับพี่ซันตกลงกันว่าจะหาข้าวกินกันก่อนกลับ แต่เดินวงรอบท่าช้างแล้วยังหาร้านนั่งไม่ได้ซักที พี่ซันเลยตัดสินใจให้ว่าข้ามฝากไปวังหลังน่าจะง่ายกว่า ลงเรือคราวนี้ไม่ต้องพึ่งพี่ซันแล้วครับ ขาลงน่ะชิวๆ
“พี่ซันคิดไงชวนผมมาดูไฟ” ผมเอ่ยถามพี่ซัน
“ก็ปริ้นอยากดูไฟไม่ใช่หรอ พี่เลยชวนมาไง” พี่ซันลดกล้องที่กำลังถ่ายวัดระฆังมาสบตากับผม แววตาพี่เค้าวาวเหมือนผมพูดอะไรถูกใจเค้าเข้า
“ขำแล้ว พี่ต่างหากที่อยากดู”
“ปริ้นไม่อยากดูหรอ พี่นึกว่าเราสนุกซะอีก ถ้าไม่อยากมาพี่ก็ขอโทษนะ”
“เห้ยปล่าวพี่ ได้ทริกถ่ายรูปไปตั้งเยอะ ทำไมจะไม่สนุก แค่อยากรู้ว่าทำต้องเป็นผมเท่านั้นเอง” ผมจ้องตาพี่ซัน พยายามค้นหาคำตอบจากดวงตาคู่นั้น พี่ซันคล้องกล้องไว้ที่คอ เอื้อมมือมาจับแขนผมที่กำลังพาดไปกับราวท้ายเรืออยู่
“ไม่มีเหตุผล พี่แค่อยากมากับปริ้น... ไม่ได้หรอครับ”
“
จะจีบผมหรอพี่?” ผมเลิกคิ้ว ถามพี่ซันออกไปตรง ถึงจะดูตรงไปตรงมาแล้วดูเข้าข้างตัวเองไปมาก แต่จะให้ทำไงได้ ก็อยากรู้นี่ครับ อยากรู้ก็ต้องถาม ผมผิดตรงไหน
“
ได้ป่ะล่ะ?” นั่นไง แววตาระยับเชียวพ่อคุณ
“คิดว่าจะจีบติดหรอพี่ ผมยังชอบผู้หญิงอยู่น่า”
“พี่ก็ยังชอบผู้หญิง... แต่พี่ก็ชอบปริ้นด้วยเท่านั้นเอง ไม่ลองก็ไม่รู้...” พี่ซันเลื่อนหน้าเข้ามาใกล้ ปัดริมฝีปากผ่านแก้มผมไปนิดแล้วกระซิบที่ข้างหู
“จริงไม๊ล่ะครับ”
ผมยิ้มรับคำตอบนั้น
----------------------
“ฮิฮิ คิคิ หุหุ หึหึ”
“เป็นบ้าไรของมึงข้าวสวย”
“ในที่สุด มึงก็ได้เมียเป็นผู้ชาย ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า”
“ยังโว้ย”
“อั๋นแน่... เมื่อก่อนล่ะบอกว่าไม่มีทาง ตอนนี้บอกว่ายังโว้ย แน๊ะๆ มึงยังไม่ได้เล่าให้กูฟัเลยนะว่าขอจีบน้องเค้าไปแล้วเป็นไงต่อ”
“มึงไม่รู้ซักเรื่องได้ไม๊ข้าว”
“สันดานนนนนนนนนนนนนนนนน มีอย่างที่ไหน มาขอเบอร์เค้าจากกูเพราะอยากชวนเค้าไปดูไฟ ไอ่สตอเบอร์รี่”
“น้องเค้าเล่นกล้องเหมือนกู แล้วกูก็ไม่มีเพื่อนไปดูด้วยต่างหาก”
“ไอ้เพื่อนเลว กูนี่ไง DSLR กูก็มี กล้องกูก็เล่น ชวนมึงปากเปียกปากแฉะแล้วมึงก็ไม่ยอมไป อยากแดกเด็กก็บอกมาเห้อ”
“None of your business”
“ไอ้เชี้ยยยยยยยยยยยยยยย เออ!!! กูไปถามน้องเค้าเองก็ได้ ไอ้หล่อเลว ไอ้ควาย ไอ้#@$^*@$@WS!@~#&(+#%&”
มันคงเป็นความรัก ที่ทำให้ตัวฉัน ยังยื่นอยู่ตรงนี้... มันคงเป็นความรัก ที่ทำให้ใจฉัน ไม่ยอมหยุดเสียที“เย้ดดดดดดดดดดดดดดดดดด หมั่นไส้ไอ้คนอินเลิฟ ให้ว่องนะมึง ได้เวลาเรียนแล้ว”
ผมเดินออกมาจากซุ้ม หลีกหนีเสียงโว้ยวายของข้าวสวย แล้วกดรับโทรศัพท์จากเบอร์ที่คุ้ยเคย
“ครับปริ้น”
“พี่ซัน วันนี้มากินข้าวบาร์วิดวะนะ ปริ้นเอาการบ้านมาส่ง ไม่รุ้จะกินได้หรือเปล่า”
“หืม... บลูเบอร์รี่ชีทพายที่พี่ให้สูตรไปเมื่อวันก่อนน่ะหรอ กินได้สิ พี่ว่าสูตรที่ให้ไปมันก็เป๊ะแล้วนะ กินไม่ได้ก็ไม่รู้จะพูดยังไงแล้วฮ่าๆ”
“ไอ้พี่ซัน จะบอกว่าปริ้นทำห่วยงั้นเด้ เดี๋ยวคะแนนตก เดี๋ยวเหอะ”
“หว๊า... อย่าเพิ่งตัดคะแนนพี่สิ งั้นเที่ยงเจอกันนะครับ พี่ไปเรียนแล้ว”
“ครับผม เที่ยงเจอกันฮะ”
ผมกดตัดสาย หน้าจอ HTC Design เปลี่ยนเป็นหนุ่มวิดวะในชุดนิสิตที่ยิ้มตาปิดงับช้อนไอซ์มอนเตอร์มองมาที่กล้อง
คนน่ารักกำลังส่งยิ้มให้ผมครับ
--------------------------
กอดคนอ่านทุกคน
อยู่ดีๆพล็อตนี้ก็วิ่งเข้ามาในหัว
อย่าเพิ่งทวงเรื่องหึหึ หึหึ นะคะ กำลังพยายามแต่งเต็มที่ค่ะ
ช่วงนี้สมาธิไม่ค่อยมี จะรีบเรียกสติแล้วแต่งต่อค่ะ
เจอกันเรื่องหน้าค่ะ