Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 40 P.12 @11/11/20
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล | นิยาย Y ตอนที่ 40 P.12 @11/11/20  (อ่าน 44008 ครั้ง)

ออฟไลน์ suikajang

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 813
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0
ตีกันจนไม่มองว่าพี่เอกแฟนสุดหวงกำลังฟินได้ยืนข้างสาวสวย  :m20:

ออฟไลน์ จากต้นจนอวสาน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +103/-3
    • จากต้นจนอวสาน
Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล

ตอนที่ 26 ความลับไม่มีในโลกหรอกนะเอกภพเอ๋ย

             ความตั้งใจแรกของผมคือ ไม่อยากให้คุณต่อเปิดเผยเรื่องที่เราคบกันกับที่ทำงาน เพราะยังไงคุณต่อก็มีหน้าตาในสังคม อีกทั้งยังต้องรักษาความน่าเชื่อถือของตัวเองกับลูกน้อง การที่มาคว้าผู้ชายเป็นแฟนก็ว่าเกินความคาดหมายแล้ว แต่ยังพ่วงด้วยอาชีพพนักงานขับรถของเจ้านายอีก ... สมภารกินไก่วัดขนาดนี้ ... ทั้งออฟฟิศจะต้องลุกเป็นไฟแน่ๆ

             แต่ความลับไม่มีในโลกหรอกครับ เพราะนิตยสารที่ทางบริษัทซื้อมาติดออฟฟิศประจำนั้นก็มีข่าวเกี่ยวกับงานเปิดตัวสินค้าที่พวกเราไปร่วมงานเป็นสกู๊ปใหญ่สามหน้า รูปในงานก็เป็นหลักฐานอย่างดีว่าผมกับคุณต่อไปด้วยกัน นั่งติดกัน ถ่ายรูปร่วมเฟรมไม่แยกกันสักรูป ถ้าจะบอกว่าไปในฐานะคนขับรถก็คงอ้างไม่ขึ้น เพราะว่ากระผมนั้นแต่งตัวในชุดสูทแบบจัดเต็ม ทำทรงผมที่ไม่เคยทำมาก่อนอีกด้วย หนำซ้ำใบหน้ายังเรียบเนียนราวกับว่าหลุดมาจากโรงเรียนสอนแต่งหน้าอีกด้วย...ดูดีๆก็หล่ออยู่นะ

“หืมมม พวกแกร๊ ชั้นตกข่าวอะไรไปรึเปล่าเนี่ย” กลุ่มแม่บ้านทหารบกจับตัวกันแล้วจ้า นี่ตั้งวงกันโดยไม่ได้สนใจเลยว่าไอ้เอกภพที่แต่งตัวมอซอยืนในซอกชงกาแฟอยู่ คงเพราะสภาพผิดกับในนิตยาสารลิบลับคนเลยไม่สังเกต ... เว่อร์ไป จริงๆมันเป็นซอกคล้ายๆระเบียงยื่นออกไปครับ ถ้ามาหลบมุมนี้จะไม่มีคนเห็นถ้าไม่สังเกต

“นี่ไงแก ชั้นว่าแล้วว่ามันตะหงิดๆ ปกติคุณต่อน่ะนะเปลี่ยนคนขับรถบ่อยจะตาย”

“ใช่ๆ แต่กับพี่เอกเนี่ย ยืนหนึ่งมาตั้งแต่ต้นปีจนจะปลายปีแล้ว”

“ทีแรกก็นึกว่าแค่เจ้านายลูกน้องที่สนิทกัน เห็นหยอกล้อกันนึกว่าคุณต่อเป็นกันเองกับลูกน้องซะอีก”

“ใช่แก ที่ไหนได้ ... หืมมม ไม่อยากจะคิด อิจฉาพี่เอกอยู่นะ” สาวๆครับ ผมอยู่ตรงนี้

“ชั้นว่าชัวร์ ยังไงคู่นี้ก็ต้องมีซัมติง”

“โอ๊ย เพื่อนขา พากันออกงานขนาดนี้ คงแค่คนขับรถหรอกค่ะ แต่ อื้อหือ พี่เอกแต่งเต็มนี่ก็หล่อมากนะเว้ย”

“ใช่ๆ หล่อมาก ผิดกับตอนมาทำงานยังกะคนละคน” หึหึหึ ไอ้ภูมิใจก็ภูมิใจหรอกนะ แต่มันก็ยังไงๆอยู่

“ดาร์ก ทอลล์ แอนด์ แฮนด์ซั่ม...ไม่น่าเสร็จคุณต่อเลยอะแกร๊”

“นี่ เบาๆสิ เก็บความเสียดายไว้ค่ะ คนเค้ารักกันพวกเราต้องตัดใจนะคะ...”

“ชั้นรู้สึกอกหักดังเป๊าะเลยแก อุตส่าห์อ่อยคุณต่อมาตั้งสองปี” หนึ่งในกลุ่มสาวโสดบ่น

“อิจฉา....”

“อิจฉาใคร”

“ชั้นอิจฉาทั้งคู่แหละ อิจฉาพี่เอกที่ได้คุณต่อเป็นแฟน แล้วก็อิจฉาคุณต่อด้วย...ดูดิ พี่เอกน่ากิ๊น น่ากิน”

“ย่ะ นังหื่น ไปเร้ว เลิกเม้าก่อน ไปทำงานๆๆๆ” ผมที่ยืนหันหลังนั่งฟังเหงื่อแตกพลั่ก...อานุภาพของสาวๆในออฟฟิศนี่มันรุนแรงเหลือเกิน



             ทุกอย่างมันควรเป็นไปตามปกติ ยกเว้นระยะหลังมานี้ที่คนในออฟฟิสดูจะเกรงใจผมมากขึ้นจนน่าแปลกใจ แถมยังมีขนมนมเนยมาฝากมากกว่าแต่ก่อนจนเกรงใจสุดๆ ไอ้เราน่ะพอจะเข้าใจนะว่าเป็นเพราะอะไร ถึงแม้คุณต่อกับผมไม่ได้ออกมาประกาศตัวว่าคบกัน แต่ภาพที่ออกมาและการที่เราอยู่ด้วยกัน 24 ชั่วโมงขนาดนี้ก็ย่อมเป็นที่จับสังเกตได้ไม่ยาก

“พี่เอก วันนี้นาวซื้อขนมหม้อแกงจากเพชรบุรีมาฝาก” น้องมะนาวคนสวยนมใหญ่

“คุณเอกครับ พอดีผมไปเที่ยวตลาดน้ำมา เลยซื้อน้ำตาลโตนดเจ้าดังมาฝาก...” คนนี้ใครหว่า ปกติไม่เคยเห็นหน้า

“คุณเอกขา บังซื้อไข่เค็มไชยยามาฝาก...” บังดำเอ๊ย สุภาพขึ้นเยอะเลย แถมไม่กล้าแซวผมด้วย

“สวัสดีครับพี่บัวคำ”

“อุ๊ย น้องเอก สวัสดีค่ะ ไม่ต้องยกมือไหว้พี่ก็ได้” พี่บัวคำหน้าเจื่อนตอนที่ผมยกมือไหว้

“แหมพี่ อย่าพูดแบบนั้นสิครับ ผมน่ะอายุน้อยกว่าพี่นะ ไม่ไหว้พี่ก็เหมือนคนไม่มีสัมมาคาราวะน่ะสิ”

ฯลฯ

....

“ฮ่าๆๆๆๆ ขนาดนั้นเลยเรอะ” นี่ไง ปฏิกิริยาแรกของเจ้านายหนุ่มหลังจากได้ฟังที่ผมเล่า

“ไม่ตลกนะคุณต่อ ผมล่ะอึดอัด ไม่ชินเลยที่มีแต่คนนอบน้อมใส่”

“พี่เอกอย่าคิดมากน่า” ไม่พูดเปล่า สองแขนใหญ่ก็ลากตัวมานอนในอ้อมกอดอย่างคุ้นเคย “ดีแล้วไง ที่เป็นแบบนี้ แฟนของรองประธานบริษัทเชียวนะ”

“อย่าลืมสิคุณต่อ ผมเป็นแค่คนขับรถเองนะ”

“แล้วคนขับรถเป็นแฟนต่อพงษ์ไม่ได้เหรอ” สะอึกสิครับงานนี้

“ผมไม่สนใจหรอกว่าพี่เอกเป็นใคร พี่เอกคือพี่เอกคนที่ผมเลือกแล้ว” หวานนนน

“ผมไม่สนใจหรอกว่าใครจะมอง จะคิดยังไง ผมสนใจแค่ตอนนี้ผมได้อยู่กับพี่ แค่นี้ก็พอแล้ว”

ใจละลายเลยไอ้เอก...จากที่ไม่ชิน กลับกลายเป็นว่าเคลิ้มไปหมด

             ที่ไม่ให้คิดมากน่ะ ผมเข้าใจนะ แต่ถ้าไม่ให้คิดเลยมันก็เป็นไปไม่ได้ปะ คนเรามันมีที่มาต่างกัน มันยากที่จะระบุได้ว่าคนไหนชื่นชมความสัมพันธ์ของเราแบบจริงใจ หรือคนไหนแค่แสดงออกเพื่อเอาหน้า ผมมาจากระดับรากหญ้า ไม่เคยคิดว่าวันหนึ่งตัวเองจะโดนฉุดให้โผล่หัวชูคออยู่ตรงนี้ก็ย่อมปรับตัวได้ลำบากหน่อย...ไม่หน่อยละ ลำบากมาก ... แต่พอเห็นท่าทางหนักแน่นของแฟนหนุ่มตัวเองก็ยอมแต่โดยดี นิสัยของเรามันไม่ต้องปรับตัวเข้าหากันแล้ว เพราะต่างฝ่ายต่างรู้ว่าเป็นคนยังไง ทำงานด้วยกันมาขนาดนี้ เห็นไส้เห็นพุงกันหมดแล้ว ก็เหลือแค่ฐานะทางสังคมเท่านั้นที่ต้องปรับกันอีกขนานใหญ่

“คิดอะไรอยู่เนี่ย ป้อนคำหวานไปตั้งเยอะ ดันมาเงียบใส่” นั่นไง แค่คิดอะไรเพลินๆนิดเดียวเอง

“เปล่าครับ คิดเรื่อยเปื่อยน่ะครับ ... เรื่องสอบด้วย”

“เออ จริงสิ พี่เอกใกล้สอบแล้วนี่นา อ่านหนังสือรึยัง”

“อ่านบ้างแล้วครับ เมื่อกี้ก็อ่านอยู่ แต่ใครก็ไม่รู้ลากมานอนตรงนี้” ผมผละจากอ้อมอกแกร่ง เนื้อตัวร้อนผ่าวของคุณต่อชวนให้น่านอนเป็นอย่างมาก แต่ก็ต้องลุกมาให้ได้ ไม่งั้นคงไม่ได้อ่านหนังสือ ผมลงทะเบียนเรียนต่อแล้ว แต่ไม่ได้ไปเข้าเรียนที่มหา’ลัยเลย แค่ทำงานตามที่อาจารย์สั่งทางอีเมล์ และไปสอบตามตารางที่คณะจัดมาเท่านั้น

“พูดซะผมรู้สึกผิดเลย พี่เอกเอาหนังสือมาอ่านตรงนี้ได้มั้ย” คุณต่อตบที่นอนข้างๆตัว ผมล่ะระอาใจจริงๆ

“ไม่ครับ ขืนมาอ่านตรงนี้ก็ไม่มีสมาธิอ่านหรอก”

“ทำไมล่ะครับ” ถามแล้วยิ้มแบบนี้ ยิ้มแบบกวนๆจนผมหน้าแดง นึกถึงครั้งก่อนที่เชื่อคำ เอาหนังสือมานอนอ่านข้างๆ ผลปรากฎว่าไอ้คุณแฟนเนี่ยทั้งมากอด ออเซาะ นัวเนีย จับจูบจนผมสติกระเจิดกระเจิงไปเลย...

“ยังจะถามอีก ผมไปอ่านหนังสือดีกว่า...” ผมรีบพุ่งตัวไปที่ห้องทำงานของคุณต่อที่เพิ่งเปลี่ยนสภาพห้องเก็บของเมื่อไม่นานมานี้ เดิมทีคุณต่อไม่ต้องหอบงานมาทำที่บ้าน แต่พอผมเรียนต่อตามที่เค้าอยากให้ทำ ก็เลยลงทุนทำห้องให้ใหม่สำหรับทำรายงานและอ่านหนังสือ ... โดยให้เหตุผลคือ ไม่อยากให้พี่เอกไปที่อื่น กลัวมีคนมาจีบ

...เห็นรึยัง ว่าไอ้เอกคนนี้ก็มีเสน่ห์นะเว้ยยยยยย



ก๊อกๆ

             ผมหันไปมองที่ประตูห้องทำงานตามเสียงเคาะ พลันตกใจที่คนที่เปิดเข้ามาไม่ใช่คุณต่อเหมือนที่คิดไว้ แต่กลับเป็นน้องชายสุดหล่อของคุณแฟนที่เดินหน้ามุ่ยมา

“พี่เอก พี่บล็อกเบอร์ผมเหรอ” หืม มาถึงก็จัดชุดใหญ่เลย

“ปะ เปล่านี่ครับ ผมจะบล็อกเบอร์คุณตงได้ไง ผมยังไม่มีเบอร์คุณตงเลยนะ” ผู้มาเยือนนิ่ง ท่าทางครุ่นคิด

“ก็จริง แต่ผมมีเบอร์พี่เอกไง พยายามโทรหาหลายรอบแล้วก็เหมือนสายไม่ว่างตลอด เมื่อกี้ก่อนเข้ามาก็ลองโทรอยู่ ก็เหมือนเดิมทั้งๆที่มือถือพี่ก็วางข้างๆ”

“หืม” ผมหยิบมือถือตัวเองมา ไม่มีเบอร์ใครโทรเข้าสักคน “ไม่เห็นมีสายเข้าเลยครับ”

“แปลก แปลกมาก ผมขอดูมือถือพี่เอกหน่อยสิครับ” ผมปลดล็อกและยื่นมือถือให้

“นี่ไง ว่าละ มีคนบล็อกเบอร์ผมจริงๆด้วย” อืม ผมรู้เลยว่าฝีมือใคร เพราะตอนที่คุณตงเอื้อมมือมาโอบเอวผมในงานวันก่อน คุณต่อก็ดูเคืองน้องชายตัวเองไม่น้อย

“ว่าแต่ คุณตงโทรหาผมทำไมเหรอครับ ให้ผมช่วยอะไรหรือเปล่า” ผมตัดบท ตอนนี้สมองกำลังแล่น

“คือ มะรืนนี้ผมกับไอ้หนึ่งไอ้โทจะไปเที่ยวทะเลกันน่ะครับ เลยว่าจะชวนพี่เอกไปด้วย ทริปนี้คิดว่าจะเมากันเลยไม่อยากขับรถไปเอง”

“อ่า คือ...”

“ไม่ต้องห่วงนะครับ เดี๋ยวผมขอพี่ต่อให้ รับรองว่าไม่มีปัญหา...”

“มี” ผมชะงัก หันไปมองคนตัวสูงที่ยืนพิงประตูด้วยใบหน้ายู่ยับ

“มีปัญหาอะไรพี่ต่อ”

“มีสิ พี่เอกเป็นคนขับรถส่วนตัวของพี่ และเป็นแฟนพี่ด้วย อยู่ๆจะมาขอให้ไปขับรถให้เราไปเมาน่ะเหรอ ไม่มีทาง”

“แต่ทริปนี้พวกน้องๆพี่เอกไปด้วยนะ ผมเลยอยากจะมาชวนแกไปด้วย”

“แล้วไงล่ะ คนขับรถที่บ้านก็มี ก็ให้พาไปสิ”

“พี่ต่อขี้หวง ใจคอพี่จะไม่ถามพี่เอกสักคำเลยเหรอว่าอยากไปหรือเปล่า” อ้าว โยนภาระมาทางนี้ซะงั้น

“เอาสิ พี่เอก ว่าไงครับ พี่อยากไปหรือเปล่า” น้ำเสียงที่ถามน่ะ จะเข้มไปไหน แถมท่าทางแบบนั้น ไม่เป็นมิตรต่อคำตอบอีกด้วย

“คือ จริงๆพี่ก็อยากไปนะคุณตง...”

“นั่นไง เห็นปะ ผมบอกแล้วว่าให้ถามพี่เอกก่อน” คนน้องได้ทีก็แทรกเลยครับ

“แต่ผมคงไปไม่ได้อะครับ ขอโทษด้วยนะครับคุณตง”

“อ้าว ทำไมล่ะ” เสียงเปลี่ยนเลยจ้า จากที่ร่าเริงร้อยแรงม้าเหลือแค่ระดับเพิ่งสตาร์ทเครื่อง

“กูตอบให้ก็ได้ พี่เอกมีสอบวันมะรืน ตอนนี้กำลังอ่านหนังสืออยู่ ไม่มีเวลาพาไอ้เด็กขี้เมาไปเที่ยวหรอก” พอได้ที คนพี่ก็ใส่ยับเลย

“แล้วตอนนี้ เอ็งมารบกวนเวลาอ่านหนังสือพี่เอกอยู่ ดังนั้น ออกไปได้แล้ว”

“อะ...อ้าว” คุณตงที่ตัวเล็กกว่าถูกพี่ชายร่างสูงใหญ่ฉุดแขนให้ลุกขึ้นพลางดันตัวให้ออกไปจากห้องทำงานนี้ ผมมองภาพนั้นอย่างขบขันกับท่าทีของสองพี่น้องที่ตีกันตลอด ประตูห้องปิดสนิท แต่ยังพอได้ยินเสียงโวยวายของคุณตงอยู่บ้าง จับใจความได้ว่ากำลังต่อว่าคนพี่ที่หวงแฟน...

...ลองคุณต่อไม่หวงดูสิ ไอ้เอกก็คนหล่อคนหนึ่งนะครับ อย่าลืมนะ

...อ่านหนังสือต่อดีกว่า ต้องรวบรวมสมาธิอีกรอบแล้ว เห้อ!

RRRRRR

“ว่าไงวะ โทรมาทำไมดึกดื่น”

[โหพี่ นี่สมควรเป็นคำทักทายน้องตัวเองมั้ย] เสียงไอ้โทบ่นออกมาจากปลายสาย

“ก็ปกติมึงเคยโทรมามั้ยล่ะ แถมนี่โทรมาดึกดื่นอีกต่างหาก มีอะไร”

[ไม่มีอะไรพี่ เห็นไอ้ตงบอกว่าพี่ต่อไม่ยอมให้พี่ไปทะเลกับพวกผมเหรอ]

“อื้อ”

[โหย ไรวะ หวงแฟนชิบหาย รู้งี้ไม่เชียร์ให้คบกันหรอก]

“เกี่ยวกันมั้ยเนี่ย” ผมตอบความกวนบาทาของน้องชายไป “สรุปว่าโทรมาบ่นแค่นี้เรอะ”

[แค่นี้แหละ จะแค่ไหน คอยดูนะเจอพี่ต่อคราวหน้าผมจะจัดให้หนัก]

“ตัวยังกะชิวาว่าจะไปทำอะไรคุณต่อเค้าได้ห๊ะ แล้วคุณตงบอกเหตุผลมั้ยว่าทำไมคุณต่อถึงไม่ให้กูไป”

[ไม่อะ มันบอกแค่ว่าพี่ต่อไม่ให้พี่ไป แล้วก็บ่นๆๆๆๆ]

“เออ สมแล้วที่เป็นคุณตง กูน่ะไปไม่ได้อยู่แล้ว วันมะรืนมีสอบ เนี่ยกำลังอ่านหนังสืออยู่”

[อ้าว เหรอ... ไรวะ ไอ้ตงแม่ง ฤาษีแปลงสาร]

“ไม่มีอะไรก็แค่นี้นะ กูรีบอ่านหนังสือก่อน ง่วง”

[ง่วงหรืออยากไปกอดแฟนกันแน่] มันแซวมาครับ ผมนี่อยากจะฟาดก้านคอมันจัง ไอ้น้องเวร!

ออฟไลน์ BitterCucumber

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 136
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
รักต่างชนชั้นนี่มันยากจัง เป็นกังวลเรื่องสังคมเค้า สังคมเรา ดีนะไม่มีดราม่า ไม่งั้นพี่เอกเครียดแน่

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
ชอบสาวๆ ในออฟฟิศเม้ามอยกันมาก อย่างว่านะต่างคนต่างหล่อแล้วมากินกันเองใครๆ ก็ กรี๊ดดดดดด
 :impress2: :impress2:

ออฟไลน์ t2007

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2400
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-5
ลุงเอก น่ารักที่สุด

ออฟไลน์ แก่ เหี่ยว เคี้ยวยาก

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 174
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ลุงเอก   มาแล้ว

ออฟไลน์ seaz

  • รักอยู่ไหน...ใจเรียกหา
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5383
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +381/-9
อ่านหนังสือไปสอบก่อนนะครับพี่เอก เดี๋ยวคุณต่อพาไปเที่ยวเองแหละ

ออฟไลน์ fay 13

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5635
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +286/-44

ออฟไลน์ วายซ่า

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-6
ออฟฟิตนี้ใครเป็นสาววายบ้าง ยกมือขึ้นจ๊ะ.

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Dee^daY

  • ไม่เคย ทำให้ใครเดือดร้อน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +330/-6
แค่ 2 คน ที่เข้าใจ ก็ OK แล้ว

ออฟไลน์ จากต้นจนอวสาน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +103/-3
    • จากต้นจนอวสาน
Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล

ตอนที่ 27 การปรับตัวของต่อพงษ์ [ตอนพิเศษ #2]
             หลังการสอบที่เหนื่อยแสนเหนื่อยไอ้เอกภพก็ไม่มีเวลาพักเลยล่ะครับ ยิ่งเป็นช่วงใกล้สิ้นปีจะต้องมีการเร่งทำยอด เจ้านายหนุ่มในคราบแฟนก็ต้องเทียวไปเทียวมาประชุมกับลูกค้าหลายต่อหลายที่ ไอ้เหนื่อยมันก็เหนื่อยอยู่หรอก แต่ในความเหนื่อยนั้นยังมีข้อดีอยู่บ้าง นั่นก็คือผมไม่ต้องเข้าออฟฟิศต้องนั่งที่นั่นนานๆให้เป็นเป้าสายตาคนอื่น ถึงแม้จะผ่านมาสักพักแล้วก็ตาม พนักงานหลายคนยังมีการพูดถึงเรื่องนี้ไม่ขาดปาก บางคนที่อาวุโสหน่อยยังอดไม่ได้ที่จะออกปากถามกันซึ่งๆหน้า ช่วงแรกก็อึกอักครับ ไม่รู้ว่าควรจะตอบยังไงดี จนแฟนผมสอนให้ตอบไปว่า “เรื่องนี้คุณต่อบอกให้ไปถามเจ้าตัวเองครับ”...แค่นี้แหละ คนตั้งคำถามก็ไม่กล้าซัก

             เวลาล่วงเลยมาจนถึงช่วงเดือนสุดท้ายของปี หลายจังหวัดในประเทศไทยเข้าสู่ฤดูหนาวกันแล้ว ผิดกับเมืองบางกอกที่มีแค่ฤดูร้อน ฤดูร้อนมาก ฤดูร้อนมากที่สุด... แค่นี้ ไอ้ครั้นลมหนาวมาเยือนก็เหมือนซองในถุงขนมแหละครับ วูบเดียวก็จางไปจนแทบไม่รู้สึกระคายเนื้อหนัง วันนี้ผมตื่นนอนตามปกติ รู้สึกเมื่อยคอเพราะโดนแขนล่ำสอดมาที่ท้ายทอยเพื่อนกอดแทบทั้งคืน

“พี่เอก อาทิตย์นี้หยุด 3 วันนะ” แฟนสุดหล่อนั่งจิบกาแฟในตอนเช้าก่อนออกจากบ้านพูดขึ้นมา

“คุณต่อต้องไปตีกอล์ฟหรือไปงานเลี้ยงที่ไหนรึเปล่าครับ พี่จะได้พาไป”

“อืม ไม่มี ผมยกเลิกหมดละ ว่าจะทำอย่างอื่นแทน” พอถึงคำว่าอย่างอื่นเนี่ย เจ้านายหนุ่มก็ส่งยิ้มแบบเจ้าเล่ห์มาให้พลางเลียขอบปากแบบกามๆ

“อย่างอื่นอะไรคุณต่อ..” จะเขยิบหนีก็ไม่ใช่ทีเพราะนั่งเก้าอี้คนละฝั่งกัน

“ฮ่าๆ พี่เอกทำไมต้องทำท่าทางกลัวกันแบบนั้นล่ะ ผมหมายถึงจะไปทำอย่างอื่นที่ไม่เกี่ยวกับงานน่ะ”

“อ๋ออออ” หึ...จงใจแกล้งกันชัดๆ “แล้วคุณต่อจะไปไหนครับ”

“เชียงใหม่”

“หืมมมม”

“ผมถามแม่อ่อนว่าพี่ชอบอะไร แกก็บอกว่าแต่ก่อนพี่ชอบไปกางเต็นท์ต่างจังหวัด ผมไม่เคยไปเลยอยากลองดูบ้าง” นี่แอบไปสืบกับแม่ผมมาเชียวรึ

“คุณต่อแน่ใจเหรอครับ มันไม่ได้สะดวกสบายเลยนะครับ แถมไปเชียงใหม่ กว่าจะขับรถไปถึง ต้องเลยไปโน่น เชียงดาว ฝางหรือไม่ก็ไชยปราการเลยนะครับ แค่ 3 วันไม่พอหรอก”

“อืมมมม งั้นที่ไหนดีล่ะ” นี่จริงจังแล้วใช่ปะ ต้องไปจริงๆใช่มะ

“คุณต่ออยากไปจริงๆเหรอครับ” ผมถามย้ำ ไอ้อยากก็อยากแหละ เพราะตั้งแต่มาทำงานกับเจ้านายหนุ่มยังไม่เคยไปสักครั้ง ผิดกับตอนที่ขับแท็กซี่ ถึงแม้รายได้จะน้อย แต่เราสามารถกะเกณฑ์ได้ว่าวันไหนเราจะขับ วันไหนเราจะหยุด ยิ่งช่วงไหนที่ขี้เกียจมากๆก็ขับแท็กซี่นี่แหละขึ้นเหนือเลย ไกลสุดก็ถึงเชียงรายเพื่อหาที่กางเต็นท์เอาตามที่สะดวก

“จริงสิ ผมยังไม่เคยไปทำอะไรแบบนี้เลยสักครั้ง” ไม่แปลกใจหรอกครับ คุณหนูซะขนาดนี้ ว่าแต่ว่า ... จะไหวจริงๆเหรอเนี่ย

“งั้นไปกาญฯกันมั้ยครับ มันมีน้ำตกสวยๆเยอะ ใกล้ และไปง่าย” สุดท้ายแล้ว ผมเลยกะจะพาแฟนหนุ่มมาเที่ยวแบบใกล้และง่ายก่อน ขืนพาไปปีนเขาคงจะไม่ไหว ถึงแม้จะออกกำลังกายกันตลอด แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าร่างกายจะพร้อมสำหรับการเดินขึ้นลงแบบชันๆ

“หืม แค่กาญเองเหรอ” นั่นไง น้ำเสียงแบบนั้น

“คุณต่อ” ผมถอนหายใจ เบื่อกับการไม่ขัด แต่ก็ไม่ตกลงแบบนี้จัง



             ตอนนี้เราเดินมาจากทางขึ้นที่ตั้งอยู่ด้านข้างของที่ทำการอุทยานมาได้ประมาณ 400 เมตร แต่มันเป็นระยะที่โคตรเหนื่อย จากที่ใส่กางเกงขายาว เสื้อแขนยาวเพราะอากาศในยามเช้าหนาวเหน็บและมีหมอกปกคลุมไปทั่ว แต่เหงื่อกาฬที่ไหลหยดจนตัวเปียกทำให้ต้องถอดกางเกงก่อนตั้งแต่ 200 เมตรแรก จนระยะถัดมาก็แทบจะปาเสื้อกันหนาวทิ้งเข้าป่า เจ้านายหนุ่มนั่งเหงื่อผุดเต็มตัว ใบหน้าแดงก่ำเพราะความร้อน หมวกแบบปีกรอบสีเขียวหม่นแบบชุดทหารมีสายคล้องคอคล้ายจะไม่ช่วยอะไรในยามนี้ สองขายาวที่เต็มไปด้วยขนหยุบหยับเหยียดเต็มที่ ขวดน้ำในมือถูกกระดกจนเกลี้ยง

“เบาๆสิครับคุณต่อ เดี๋ยวจุก” ผมก็ไม่ค่อยต่าง แต่เพราะทำงานหนักมาตลอด และคุ้นเคยกับการมาเที่ยวแบบนี้เลยยังไหว มองภาพแฟนหนุ่มที่หอบแฮ่กจนต้องแลบลิ้นแล้วก็ขำ คนปากดีที่บอกว่าจะขนของทั้งหมดขึ้นไปเองไม่ต้องจ้างลูกหาบตอนนี้ต้องใช้ไม้ที่หาได้ข้างทางค้ำยันเวลาเดินไปทีละก้าวอย่างน่าสงสาร

“ม่ายหวาย ไหนบอกว่าไม่ไกลไง นี่แค่ 400 เมตรเอง” โถๆๆๆๆ คุณต่อผู้น่าสงสาร

“มันไม่ไกลจริงๆนะครับ จากข้างล่างจนถึงข้างบนก็แค่ 2 กิโลเมตรเอง” ผมโกหกไป จริงๆแล้วมันเกือบ 4 กิโลเมตรเลยครับ

“หึ แค่นี้ผมแทบจะทรุดแล้ว” เจ้านายหนุ่มวางเป้ขนาดย่อมวางกับแคร่ไม้ไผ่และหันไปเติมน้ำที่ทางอุทยานจัดไว้เป็นจุดๆ กล้องถ่ายรูปแบบ DSLR ตัวใหญ่แขวนที่คอซึ่งตอนแรกบอกว่าไม่หนักก็เหมือนจะรั้งจนคอแทบหัก ยังดีที่ข้าวของผมมีไม่เยอะเลยยัดใส่เป้เดียวกันได้ จะมีก็แต่เต็นท์ใบใหญ่ที่คุณต่อลงทุนไปซื้อมาเพื่อทริปนี้โดยเฉพาะที่ผมแบกอยู่ตอนนี้ รวมไปถึงถุงนอน 2 ถุง อุปกรณ์ทำครัวเช่น เตาแก๊สปิกนิก กระทะ ทัพพี ช้อน ส้อม จาน ชาม และเครื่องปรุงพร้อมของสดที่ไปหาซื้อมาก่อนจะออกตัว

“มา พี่ช่วย” พอออกปากก็รีบคว้าเป้ของแฟนหนุ่มมาโดยไว ไม่อย่างนั้นคนแถวนี้จะไม่ยอม ผมน่ะเหนื่อย แต่ไหว ถึงแม้อายุจะเลข 3 แล้วก็ตาม ผิดกับคนที่อายุน้อยกว่าที่นั่งเหมือนคนใกล้เป็นลมที่ปากดีแต่ร่างกายไม่อำนวย

“พะ พี่เอก” คุณต่อเรียกและรีบจ้ำฝีเท้าตามมาตอนที่ผมออกตัวเดินนำไปก่อน เสียงฝีเท้าหนักๆและไม้ค้ำกระทบพื้นบ่งบอกว่ามีคนเดินตามมาเป็นระยะ ทั้งตัวมีแค่กล้องถ่ายรูปและขวดน้ำขนาด 600 มิลลิลิตรเท่านั้น ที่เหลือผมแบกมาจนหมด

             วันหยุดแค่ 3 วันกับโจทย์ที่บอกว่าอยากไปกางเต็นท์บนเขาทำให้ผมต้องจำกัดระยะขับรถและระยะทางขึ้นลงให้น้อยที่สุด ตัวเลือกที่ดีที่สุดในเวลานี้คือ เขาหลวง ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติรามคำแหง อำเภอคีรีมาศ จังหวัดสุโขทัย เพราะการเดินทางไม่ใกล้ไม่ไกล การเดินขึ้นลงไม่อันตราย(?) และไม่ต้องใช้เวลามากนัก แค่ 2 วัน 1 คืนก็เที่ยวได้ครบ ยังเหลือเวลาพักขาอีก 1 วันเต็มๆอีกด้วย

“อีกไกลมั้ยพี่เอก” เจ้านายหนุ่มถามด้วยน้ำเสียงไม่สู้ดี

“ไม่ไกลแล้วครับ คุณต่อไหวมั้ย” ถามไปงั้นแหละครับ เพราะรู้ว่าไม่ไหวแน่ๆ

“ขอพักแป๊บ” ร่างใหญ่นั่งบนแคร่ไม้อย่างหมดแรง แขนขาเต็มไปด้วยผื่นแดงและรอยเกา

“คุณต่อโดนยุงกัดเหรอครับ” ผมจับแขนใหญ่มาดู จ้ำใหญ่ผุดขึ้นทั่วไปหมด

“อื้อ ยุงเยอะชิบ”

“แล้วทำไมไม่บอก พี่เอายากันยุงมาด้วย” ผมรีบวาง 2 เป้ลงบ้าง ความเบาโหวงกลับมาทันที จะว่าไม่หนักเลยก็คงเกินไป คนนะ ไม่ใช่ยอดมนุษย์ที่จะไม่รู้สึกอะไรเลย แต่คนที่มาด้วยดันทำตัวน่าสงสารจนไอ้เราก็ทนไม่ไหวเช่นกัน สองแขนถูกผมยกให้ยืดออกมาเพื่อทาครีมกันยุงให้ทั่ว เจ้านายหนุ่มไม่ตอบอะไร เราสบตากันไปมาก่อนจะพบกับรอยยิ้มหล่อละลายที่ส่งให้จนหลบสายตาแทบไม่ทัน ผิวพรรณของเจ้านายหนุ่มโคตรขาวและเนียนละเอียด ผิดกับมือสากๆที่ถูไถไปมาของผมลิบลับ

“ยิ้มอะไรคุณต่อ” ผมถามตอนที่เดินวนด้านหลังและทาครีมที่คอขาวและหลังใบหูที่เป็นผื่นเช่นกัน

“ก็ยิ้มให้พี่เอกไง”

“นั่นแหละ ยิ้มทำไม” ผมถามนะ แต่ก็แอบอมยิ้มตามไม่หยุด ยังดีที่ตอนนี้เป็นท่านั่งยองๆเพื่อทาครีมที่ขาใหญ่ล่ำ เนื้อตัวคุณต่อเหนียวเหนอะ ทั้งจากเหงื่อไคลและครีมกันยุงกลิ่นฉุน(ที่โฆษณาว่าหอม) กล้ามเนื้อแน่นขนัด จับตรงไหนก็กล้ามราวกับรูปปั้น

“ก็ยิ้มให้แฟน ไม่ได้รึไง”

“คุณต่อ” ผมรีบห้าม ถึงแม้จะอยู่กลางป่ากลางเขา ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีคนเดินผ่านไปมานะครับ นักท่องเที่ยวก็มีประปราย คงเพราะวันนี้เป็นวันพฤหัสฯ คนเลยน้อย พวกเราขยับวันเดินทางให้เร็วขึ้น 1 วันเพื่อเลี่ยงมวลมหาชน จะได้ไม่ต้องแย่งกันกินแย่งกันใช้ กระนั้นก็ไม่ควรพูดเสียงดังแบบนี้ ลูกหาบเอย หรือคนทั่วไปเอยก็ผ่านมาเรื่อยๆ หลายคนที่ออกตัวทีหลัง ตอนนี้ก็แซงพวกเราไปไกลแล้ว

“ขอโทษ” ใบหน้านั้นไม่ได้สำนึกหรอก แต่เอาเถอะ ... จะพยายามชิน

“เอายาดมมั้ยครับ”

“หืม พกมาด้วยเหรอ”

“ผมเอามาหมดแหละ ยาดม ยาแก้แพ้ ยาพารา ยาแก้ท้องเสีย ยา...”

“พอๆๆๆ รู้แล้วว่าพี่รอบคอบ” คุณต่อส่งเสียงห้าม เหยียดสองแขนไปด้านหลังเพื่อค้ำตัวไว้

“แล้วจะเอายาดมมั้ยครับ”

“เอาก็ได้” แหม่! ตอบยังกะว่าเราบังคับ

             ระยะทางทั้งหมดประมาณ 3,700 เมตร นั้นเป็นทางธรรมชาติเต็มไปด้วยโขดหิน แมลงต่างๆ รวมไปถึงยุง และต้นไม้น้อยใหญ่นานาชนิด ระยะ 100 เมตรแรกที่ออกตัวนั้น คุณชายตื่นตาตื่นใจไปหมด ถ่ายรูปไม่หยุด แต่พอผ่านไป กล้องถ่ายรูปกลายเป็นหินที่หน่วงต้นคอเฉยๆไม่มีการหยิบยกมาถ่ายอีก

แชะ!

“หืม ถ่ายอะไรคุณต่อ”

“ก็ถ่ายพี่เอกไง”

“หึ คนไม่หล่อแบบพี่ไม่ต้องถ่ายเยอะหรอกครับ เปลืองเมมเปล่าๆ” ผมตอบและนั่งลงข้างๆคนอ่อนแรง

“หล่อไม่หล่อ แต่ผมก็รักของผมนี่นา” โว้ยยยยย อารมณ์ไหน จู่ๆมาบอกรักกันในป่า “พี่เอกเขินเหรอ หน้าแดงเชียว”

“ขะ เขินอะไร ร้อนต่างหาก” ผมใช้มือใหญ่พัดใบหน้าเพื่อกลบเกลื่อน เป็นใครก็หวั่นไหวแหละครับ

“ฮ่าๆๆๆ” แน่ะ พูดแล้วหัวเราะ น่าหักคอหมกป่าชิบ พอหายเหนื่อยไปบ้าง มือใหญ่ก็เตาะแตะๆมาจนนิ้วเราชนกัน ผมรีบลุกขึ้นก่อนที่อีกคนจะมาทำรุ่มร่าม มองใบหน้าจ๋อยที่แสดงออกมาเพื่อให้สงสารอย่างเหม็นเบื่อ

             ช่วงใกล้ถึงยอดเขาที่สูงจากระดับน้ำทะเล 1,200 เมตร ทางก็ชันกว่าเก่า ต้องใช้ไม้ค้ำยันและเดินให้ระมัดระวังที่สุด ผมชะลอฝีเท้าเพื่อรออีกคนที่หอบตัวโยน ตามทางจะมีเชือกหรือไม่ก็เป็นไม้กั้นก็เอาไว้จับเพื่อประคองตัวให้เดินไปได้เรื่อยๆ ไหล่ชาไปหมดเพราะความหนักของสิ่งที่หอบหิ้วมา แต่ก็ไม่พูดอะไรเพราะรู้ว่าอีกคนก็ไม่ไหวแล้วเช่นกัน ระยะนี้ผมเลยต้องมาระวังหลังให้ กลัวจะลื่นหรือล้มก้นจำเบ้า มองแผ่นหลังกว้างเดินอย่างมั่นคง สองขาล่ำก้าวช้าๆ บางครั้งก็แทบจะยกไม่ไหวผมก็ต้องใช้ไหล่ตัวเองดันบั้นท้ายกลมกลึงเป็นแรงส่งให้ขึ้นไปได้

             ระยะสุดท้าย...ไม่มีที่เติมน้ำ เท่ากับว่าเราต้องทนคอแห้งและรีบจ้ำให้ไวที่สุด เรี่ยวแรงเฮือกสุดท้ายหมดไปตั้งแต่ 100 เมตรที่แล้ว ตอนนี้เดินไปแบบซังกะตายกันทั้งคู่ จนถึงยอดเขาก็บ่ายสองโมงครึ่ง... “ถึงซะที”

“อื้อออออ” เจ้านายหนุ่มเดินแข้งขาอ่อนโดยไม่สนใจบรรยากาศไปที่ศาลาไม้ที่ตั้งอยู่ไม่ไกลและปล่อยตัวให้นั่งแผ่ ผมเดินสำรวจเพื่อหาสถานที่กางเต็นท์ซึ่งยังว่าง มีเต็นท์แค่ 2-3 หลังเท่านั้นที่จับจองที่ราบตรงกลางติดกับลานกองไฟที่มอดไปแล้ว คงจะเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มาด้วยกันหลายสิบคนแน่ๆ เพราะใช้เต็นท์หลังใหญ่มาก ถัดไปก็มีเต็นท์กางแล้วประปราย น่าจะมาเที่ยวกันไม่กี่คน สายตาผมจับจ้องไปที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ที่ยังว่างไร้คนจับจองและเดินไปสำรวจตรงนั้น พื้นดินราบเรียบมีหญ้าเขียวปกคลุมไม่แข็งจนเกินไป เหมาะกับการกางเต็นท์

“ผมช่วยมั้ยพี่เอก” คุณต่อเดินมาตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้อาสาจะช่วย ผมพยักหน้าก่อนจะหยิบเต็นท์ออกมากาง หนุ่มหล่อร่างสูงเหมือนจะไม่เคยทำมาก่อนก็ได้แต่เก้ๆกังๆเสียบเสาเต็นท์ผิดบ้าง หรือไม่ก็หาสมอบกไม่เจอบ้าง เรียกได้ว่าเป็นภาระมากกว่าจะมาช่วย

“เสร็จแล้ว” ผมพูดเมื่อกางเต็นท์แบบทุลักทุเลได้สำเร็จ เจ้านายหนุ่มยืนท้าวสะเอวแบบนายแบบและยักคิ้วให้ราวกับภาคภูมิใจในผลงานชิ้นเอก ฟลายชีทกางคลุมหลังคาเพื่อกันน้ำค้างสวยงามไร้ที่ติ ยังดีที่ผมไม่ลืมเอาผ้าใบรองเต็นท์มาด้วย ไม่อย่างนั้นคงได้นอนหนาวเพราะไอดินพุ่งขึ้นมาในยามดึกได้

“เก็บของกันก่อนครับคุณต่อ เดี๋ยวผมจะเตรียมมื้อเที่ยงให้” คนที่ถูกเรียกชื่อพยักหน้าและช่วยลำเลียงข้าวของใส่ด้านใน เสียงรูดปิดเต็นท์ดังมาจากด้านหลังเหมือนสำรวจความปลอดภัยทำให้ผมหันไปหา “ปิดเต็นท์ทำไมครับ”

“ลองดูเฉยๆ” เจ้านายหนุ่มเขยิบตัวมาใกล้ ผมวางเป้และรื้อเอาของจำเป็นออกมา ... หมับ...

“คุณต่อออออ ทำไรครับ”

“ก็กอดไง”

“โอย ร้อนนนน” ผมบ่น ตั้งแต่มายังไม่ได้พักขาเลย แถมโดนแฟนหนุ่มคว้าไปกอดจนแน่นไปหมด

“ขอกอดหน่อย นะนะนะ” อ้อนเอาไรฟระ

“ไม่ได้ อึดอัด” ผมดิ้นขลุกขลักจนหลุดออกมาจากอ้อมอก หันหน้าไปเผชิญ ส่งตาดุไปให้

จุ๊บ... ไม่ได้ผลครับ คุณต่อส่งริมฝีปากมาขโมยจูบเป็นที่เรียบร้อย โว้ยยยยยยยยยยยย!

             ผมพุ่งตัวออกมาข้างนอก ปล่อยให้อีกคนปูถุงนอนเองเพราะไม่อยากจะโดนทำรุ่มร่าม ข้าวเหนียวหมูปิ้งที่ซื้อมาจากตลาดแถววัดในตอนเช้าเย็นชืด แต่กลับอร่อยเหาะในยามหิวโซเช่นนี้ สองหนุ่มนั่งพื้นหญ้าและละเลียดมื้อเที่ยงง่ายๆกันอย่างเงียบเชียบ บรรยากาศที่เคยร้อนอบอ้าวแปรเปลี่ยนไปเมื่อเม็ดเหงื่อแห้งสนิท ไอเย็นบนเขาปะทะผิวเนื้อชวนให้สดชื่น พอหนังท้องตึง หนังตาก็หย่อน ผมคลานไปนอนข้างในเต็นท์โดยมีอีกคนตามมาติดๆ ไม่สนใจเลยว่าจะปิดเต็นท์หรือยัง ลืมไปด้วยว่าหลับไปตอนไหน ไม่รับรู้ว่าโดนกอดไปตั้งแต่เมื่อไหร่...รู้แต่ว่า เหนื่อย เมื่อยขา และอยากนอนสักงีบ...

แต่เป็นงีบที่อุ่นมาก...เหมือนเช่นทุกวัน

ออฟไลน์ BitterCucumber

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 136
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
เดี่ยวตื่นมาต้องคันและเหนียวตัวมากแน่ๆ 5555

ออฟไลน์ Dee^daY

  • ไม่เคย ทำให้ใครเดือดร้อน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +330/-6
บรรยากาศ น่าจะดี

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

น่าสงสารนะ  คนออกกำลังกายมีกล้ามสวยงามแต่ไม่ได้คุ้นชินกับความอึดถึกทนในสถานการณ์จริงตอนอากาศเบาบางขณะขึ้นเขาที่มีความสูง

ออฟไลน์ วายซ่า

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-6
นี่มาเดทหรือมาทดสอบความอึดกันน่ะ  :laugh:

ขนาดฟิตเนตทุกวัน กล้ามแน่นขนาดนี้ คุณต่อยังหมดแรงเลย แต่พี่เอกน่าจะรอดเสียตัวจากทริปนี้อีกเช่นเคยนะจ๊ะ

ออฟไลน์ bun

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2374
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-5
คุณต่อคงหมดแรง ไม่มีแรงทำอะไรแล้ว หลับยาว

ออฟไลน์ t2007

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2400
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-5
ลุงเอก ทำให้น้องต่อ หลงมากขึ้นอี๊ก

ออฟไลน์ จากต้นจนอวสาน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +103/-3
    • จากต้นจนอวสาน
Personal Driver : คนขับ(รัก)ส่วนบุคคล

ตอนที่ 28 กลางป่ากลางเขายังไม่เว้นเลยนะเจ้านาย [ตอนพิเศษ #3]


             ผมตื่นขึ้นมาเพราะไอเย็นจนหนาว ประตูและหน้าต่างของเต็นท์ไม่ได้ปิดเลยรับความเย็นเต็มที่ มิน่าล่ะถึงไม่มีใครมากางเต็นท์ตรงนี้ มันเป็นทางลมนี่เอง มองร่างใหญ่ที่นอนแผ่อย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาวก็ต้องอมยิ้ม ไม่เคยคิดว่าชีวิตนี้จะมีแฟนเป็นผู้ชายเลยสักครั้ง ไม่เคยแลผู้ชายหน้าไหนมาก่อนเช่นกัน แต่กลับถูกเจ้านายหนุ่มรุ่นน้องก่อกวนจนตกหลุมพรางกลายเป็นแฟนเสียได้ ... ชีวิตของเอกภพคงไม่มีอะไรพลิกผันไปจากนี้อีกแล้วล่ะ ... คุณต่อนอนหงายโชว์กล้ามท้องเนื่องจากชายเสื้อเลิกขึ้น ผิวขาวเนียนเคลื่อนไหวราบเรียบสม่ำเสมอ ยิ่งมองก็ยิ่งแปลกใจว่าทำไมรสนิยมของคนๆนี้พิสดารยิ่งนัก มาตกหลุมรักไอ้คนอย่างกระผมได้

หงึก หงึก... หืมมมมมมมมมมมมมม ไอ้คุณต่อ ไม่ต้องผงกต่อน้อยอันเบ้อเริ่มให้ขนาดนี้ก็ได้มั้ย!!!

“คุณต่อ คุณต่อ” ผมเขย่าร่างใหญ่เบาๆให้ตื่น คนโดนปลุกลืมตางัวเงีย

“มีอะไรพี่เอก ผมง่วงอ่า”

“สี่โมงเย็นแล้วคุณต่อ ไปดูพระอาทิตย์ตกกัน”

“จำเป็นด้วยเหรอ ขอนอนก่อนได้ปะ” น้ำเสียงของคนขี้เซาอ้อน แถมยังเลื้อยมากอดเอวผมไว้แน่น

“ไม่ได้ รีบลุดเลยครับ ไหนบอกอยากมาเที่ยวไง” สิ่งที่ยากกว่าการชวนคือการพยายามสลัดแขนไอ้คนขี้เซาออกจากตัวต่างหาก

“ฮื้ออออ พี่เอกแกล้งผม พาผมเดินจนขาลากไปหมดแล้วเนี่ย” นอกจากจะไม่รีบแล้วยังอ้อนเป็นเด็กน้อยไปได้

“สม รีบออกมาครับ เราต้องเดินไปอีกนะครับ”

“ห๊ะ ต้องเดินอีกเหรอ” เจ้านายหนุ่มทำหน้ามุ่ยตอนที่ลุกมานั่งแล้ว ท่าทางโยเยไม่น้อย

“ใช่ครับ เปลี่ยนชุดด้วยนะครับ ใส่ขายาวไป” ผมแอบเปลี่ยนเรียบร้อยแล้วครับ ขืนรอเปลี่ยนพร้อมกันคงโดนทำรุ่มร่ามอีก

             พวกเราเดินตามทางที่มีป้ายบอกไปเรื่อยๆ คุณต่อที่อิดออดในตอนแรกกลับเป็นฝ่ายตื่นเต้นยิ่งกว่าผมเสียอีก เพราะหยิบกล้องถ่ายรูปมาถ่ายไม่ยั้ง แม้กระทั่งใบไม้สีเหลืองที่ตกพื้นก็ไม่เว้น เนื่องจากผมวางแผนว่าจะลงเขาพรุ่งนี้ เลยต้องจัดคิวดูพระอาทิตย์ตกดินตั้งแต่วันนี้เสียเลย ถึงแม้สองขาจะล้าจนสั่นไปหมดแต่ใจสู้ไม่ถอย ผมเคยมาที่นี่ตั้งแต่ปี 2551 ตอนนั้นยังไม่เจริญเท่าตอนนี้ ระบบอะไรก็ยังไม่ดีเท่า พอมาถึงมันก็คุ้ม เพราะเจอธรรมชาติเต็มๆไม่มีอะไรเจือปน ...แม้เวลาจะผ่านไป แม้จะมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้าง แต่อากาศบนนี้ยังดีอยู่เสมอ พวกเราเดินลัดเลาะตามทางมาเรื่อยๆจนมาถึงจุดที่สวยที่สุด

             ยอดเขาภูกา คือจุดหมายปลายทางในวันนี้ เป็นจุดชมวิวพระอาทิตย์ตกดินที่ได้รับความนิยมมากที่สุดและเป็นสถานที่ที่ต้องมา ไม่อย่างนั้นจะถือว่ามาไม่ถึงเขาหลวง เจ้านายหนุ่มเพลิดเพลินกับวิวและการถ่ายรูปเดินตามมาอย่างไม่บ่นสักคำ ระยะทางกว่า 2 กิโลเมตรนั้นดูสั้นและใช้เวลาไม่นานเท่าตอนที่เดินขึ้นเขามา

             ยอดเขาจะมีโขดหินอยู่ ผมปล่อยให้คนกรุงที่กำลังตื่นเต้นใช้เวลาถ่ายรูปให้ทั่ว หลายครั้งที่โดนเรียกไปถ่าย หรือไม่ก็ไหว้วานคนแถวนั้นให้ช่วยถ่ายรูปคู่ไปหลายรูป แต่คุณต่อก็ยังไม่เลิกเห่อบรรยากาศของยอดเขา ลมโชยเย็นจับใจ มองไปด้านล่างเห็นแต่ยอดเขาที่ปกคุลมไปด้วยสีเขียวครึ้มลดหลั่นเป็นขั้นบันไดที่ไร้ระเบียบ แต่กลับดูสวยงามและมีมนต์สะกดให้ตกอยู่ในภวังค์ หมอกหนาและก้อนเมฆที่ลอยเอื่อยนั้นเกือบจะหลอมรวมตัวเข้าหากัน รูปร่างของมันหลากหลายตามจินตนาการ ยิ่งลอยมาใกล้ก็ยิ่งคล้ายกับว่าตอนนี้เราอยู่บนสวรรค์บนดิน “คนเยอะจัง”

“นั่นสิ” ผมรับคำ นึกว่าคนจะไม่เยอะ ที่ไหนได้ กลุ่มคนที่คิดว่าน่าจะเป็นเจ้าของเต็นท์ใหญ่หลายหลังมาออกันตรงนี้เสียหมด “งั้นย้ายไปดูวิวที่เขาแม่ย่ากันมั้ยครับ ตรงนั้นก็สวย”

             ที่ยอดเขาหลวง จะมีจุดให้ชมวิวที่ยอดเขาอีก 3-4 ที่ ได้แก่ ผานารายณ์ ที่อยู่ใกล้กับลานกางเต็นท์ที่สุด ตามแผนที่คือเดินไปทางขวามือ เป็นจุดสำหรับชมวิวพระอาทิตย์ขึ้น ถัดไปเป็นเขาพระแม่ย่า จบที่เขาภูกาไล่กันไป ตอนนี้เราเดินมาจุดที่ไกลที่สุดแล้ว แต่อีกจุดที่ผมจะไม่ไปวันนี้คือเขาพระเจดีย์ เพราะคงไปไม่ทัน สองขาพาเดินมาจนถึงที่หมาย วิวสวยสุดลูกตาทำให้ความเหนื่อยที่สะสมมาหายไปจนเกลี้ยง เมฆหมอกยังบดบังท้องฟ้าสีใสที่กำลังจะเปลี่ยนโทนเป็นสีเข้มระบายขอบฟ้าในยามเย็นย่ำ แฟนผมถ่ายรูปจนเบื่อก็มานั่งชิดบนโขดหินข้างกัน มีนักท่องเที่ยวคนอื่นๆเดินมาสมทบอีกหลายคน

“หมอกเยอะจัง จะเห็นพระอาทิตย์ตกดินมั้ยเนี่ย”

“โหพี่เอก ทำเป็นไม่เคยเห็นพระอาทิตย์ตกดินไปได้” สุดหล่อแซว ผมได้แต่ถลึงตาใส่ อีกฝ่ายก็กระแซะเข้ามาใกล้แทนคำตอบ

“ยังปวดขาอยู่มั้ยครับ” ในเมื่อทำอะไรไม่ได้ ก็เปลี่ยนเรื่องเอาละกัน ท่าทางโอดโอยของคนที่นั่งข้างๆเมื่อตอนบ่ายน่าสงสารไม่น้อย

“ตอนนี้ไม่รู้สึกแล้วครับ” สองมือใหญ่เอื้อมไปบีบนวดปลีน่องตัวเองยกใหญ่

“ดีแล้วล่ะ”

“ไม่ได้หมายความว่าหายปวด มันปวดจนไม่รู้สึกแล้วต่างหาก เนี่ยจิ้มไปยังไม่สะท้าน” กำปั้นใหญ่ทุบไปที่หน้าขาแกร่ง ผมได้แต่อมยิ้มแหละ คิดแต่จะสมน้ำหน้าคนปากดีที่อยากมาเปลี่ยนบรรยากาศ

“สม”

“โหย พี่เอก แทนที่จะสงสารกัน ชิ” นั่นไง ยังกะเด็กมัธยม

“เดี๋ยวคืนนี้นวดให้”

“หืม จริงนะ” เบื่อสายตาแบบนี้จังเลย มองมาทีไรใจสั่น แถมยิ้มแบบนี้อีก ยิ้มแบบโลกสว่างสดใส...งื้อ ไม่ไหวแล้ว

“นั่นๆ เมฆหายไปละ” ผมชี้ไปที่สุดขอบฟ้า พระอาทิตย์ยามอัศดงเผยโฉม ดวงกลมเด่นลิบๆไกลสุดตาฉายแสงส้มทอฟ้าหม่นลดระดับลงไปตามกาลเวลา เราทั้งคู่ยืนขึ้นเมื่อไหร่ไม่รู้ ต่างกอดอกเพื่อหวังให้คลายหนาว เสื้อแขนยาวที่สวมมาเหมือนจะต้านแรงลมไม่ได้ แสงสุดท้ายลับขอบฟ้า เหลือเพียงสีส้มแดงระบายไปทั่ว รอบทิศราวกับสงบนิ่งเมื่อความมืดเคลื่อนตัวมาอย่างฉับพลัน

“สวยจัง” เสียงคนตัวสูงพึมพำ ทำเอาคนมาพาอมยิ้มไม่หยุด “ขอบคุณนะครับที่พามา”

“ไว้จะพามาอีก” ผมตอบแบบนี้

“สัญญานะ”

“อื้ม เอานิ้วก้อยมาทำไรเนี่ย” แม้จะมืด แต่ก็พอเห็นภาพคนข้างหน้ายื่นแขนออกมา

“เกี่ยวก้อยสัญญาไง”

“ตลก อย่าบอกใครนะครับว่าเป็นผู้บริหารระดับสูงของบริษัทน่ะ”

“ทำไมอะ ผู้บริหารเกี่ยวก้อยสัญญากับแฟน ผิดตรงไหน” คำก็แฟน สองคำก็แฟน หน้าผมชาไปหมดละเพราะคนที่นั่งชมวิวพื้นที่ใกล้เคียงส่งเสียงคิกคัก

“เกี่ยวก้อยเค้าหน่อยค่า เดี๋ยวเค้าน้อยใจนะ” เหมือนภาพของผู้ชายตัวใหญ่สองคนทำท่าเขินใส่กันจะมีคนเห็นจนได้

“นั่นสิ ไม่ต้องอายหรอก สมัยนี้ไม่ใช่เรื่องแปลกแล้ว” เสียงคนแซวทำให้ผมยิ่งเขิน นอกจากจะปัดมือทิ้งแล้วยังพุ่งตัวลงไปเดินตามทางโดยมีเสียงฝีเท้าหนักๆวิ่งตามมาไม่ห่าง แสงจากไฟฉายแล้วกลุ่มนักท่องเที่ยวที่ล่วงหน้าไปก่อนทำให้พวกเราไม่หลง

“พี่เอก เขินเหรอ”

“ชิ” ผมได้แต่เดิน แต่ถูกร่างใหญ่ล็อกคอและลากกลับทางเดิม “คุณต่อ ปล๊อย จะรีบกลับไปทำกับข้าว”

“ผมยังไม่หิว อย่าดิ้นสิ” เรี่ยวแรงจะเยอะไปไหนฟระ

“หวัดดีค่ะ / ครับ” เสียงนักท่องเที่ยวเดินสวนมาทักทาย พวกเราก็ทักกลับตามมารยาท พอรู้ตัวอีกทีก็กลับมายืนบนโขดหินเดิมซะงั้น

“พาผมกลับมาทำไมเนี่ยคุณต่อ” ถึงแม้จะถามคนที่ยืนประจัญหน้า แต่สายตาผมเฉไปมองวิวมืดมิดแก้เขิน สายลมหนาวพัดหวีดหวิวทำให้ปากแห้งไปหมด

“ก็อยากอยู่ด้วยกันอีกสักหน่อย”

“ก็อยู่ด้วยทุกวันแล้วนี่ครับ” ผมย้อน

“ไม่เหมือนกันสิ อยากอยู่สองต่อสองตรงนี้ ไม่มีคนอื่นมาทำให้พี่เอกเกร็ง”

“แต่มันมืดแล้วนะ”

“ยิ่งดีสิ ผมจะได้กอดพี่ถนัดๆหน่อย”

“อื้อ คุณต่อ ปล่อยก่อน รัดแน่นไป๊” ผมห้ามและดิ้นไปมา ไม่ได้ผลหรอก รายนี้แรงเยอะยังกะช้างสาร

“อุ่นจัง” ใจคอไม่ฟังกันเลยใช่มั้ยเนี่ย “พี่เอกอุ่นไหม”

“...” เรื่องอะไรจะตอบ ขืนตอบก็เข้าทางน่ะสิ แต่ความอบอุ่นนี้มันก็ดีต่อใจจริงๆนะ เหมือนลมหนาวถูกภูเขาลูกใหญ่บดบังจนตัวหายสั่น

“อยากจูบอะ”

“หืม” ก่อนจะประท้วงอะไรออกมาได้ มือใหญ่ก็เชยคางผมขึ้น ริมฝีปากเย็บเยียบของคนร่างสูงกดทาบลงมาแผ่วเบา เสียงลมหวีดหวิวผ่านช่องว่างระหว่างหน้าอกเราไปอย่างหนาวเหน็บ แต่ภายในโพรงปากผมกลับอบอุ่นและหอมหวานจนแข้งขาสั่น ลิ้นสากวนเวียนคอยบดเบียดให้เกิดน้ำลายหวานหยดส่งผ่านกันไปมาระหว่างเราทั้งคู่ แขนแกร่งของคนตัวสูงกระชับเอวของผมให้แน่นและรั้งไปแนบชิดกัน จังหวะหัวใจเต้นตึกตักของคุณต่อเหมือนจะตีกระทบอกข้างขวาของผมให้รับรู้ถึงความรุนแรงของมัน มือที่เคยปล่อยลงอย่างไร้เรี่ยวแรงกลับมากอดคนตัวสูงอีกครั้ง คราวนี้ไม่ต้องสนใจแล้วว่าจะมีใครหันมามองไหม ในความมืดเช่นนี้ ผมกำลังดื่มด่ำกับความรักที่ส่งผ่านเข้ามาราวกับร่างกายกำลังล่องลอยไปตรงขอบฟ้าที่ครั้งหนึ่งมีดวงอาทิตย์ทอแสงอยู่ตรงนั้น

             สิ่งหนึ่งที่คุณควรเรียนรู้ในการมาทริปกางเต็นท์บนดอยที่มีหมอกหนาและอากาศหนาวคือ ‘ควรอาบน้ำก่อนพระอาทิตย์ตกดิน’ ถึงแม้ว่าเราจะใช้แรงมากแค่ไหน เหงื่อจะออกมากเพียงใดในช่วงกลางวัน แต่พอหมดแสงอาทิตย์ ความหนาวก็ทำให้รูขุมขนหด ร่างกายที่เคยแฉะไปด้วยเม็ดเหงื่อแห้งสนิทและพ่วงความขี้เกียจอาบน้ำมาอีกด้วย

“ไม่เอา ไม่อาบ”

“อย่าดื้อสิคุณต่อ เดี๋ยวสิวขึ้นนะครับ”

“ช่างมันสิ หนาวอะ” หลังจากหุงหาอาหารแบบง่ายๆโดยมีคุณต่อช่วยอยู่เฉยๆตามที่ผมขอร้องได้สักครึ่งชั่วโมง พวกเราก็ต้องมาอาบน้ำตรงห้องน้ำที่ตั้งอยู่มุมตรงข้ามกับเต็นท์พวกเรา แสงไฟติดๆดับๆเหมือนบ้านผีสิงทำให้คนตัวใหญ่โอดครวญไม่กล้าอาบ แต่อุปสรรคใหญ่หลวงกว่านั้นกลับเป็นความหนาวเหน็บที่ทำให้คุณต่อกำลังงอแงอยู่เช่นตอนนี้

“ไม่ได้ วันนี้เหงื่อออกมาทั้งวันแล้วนะครับ”

“เปลี่ยนชุดเอาก็ได้ ไม่อยากอาบอะ นะนะนะ พรุ่งนี้เช้าค่อยอาบ”

“คุณต่อคิดว่าน้ำมันจะอุ่นขึ้นชั่วข้ามคืนเหรอครับ ดีไม่ดีน้ำเย็นกว่าตอนนี้อีก”

“งั้นค่อยกลับไปอาบที่กรุงเทพนะ”

“ไม่ได้” ผมเสียงแข็ง มองคนร่างสูงที่โดนฉุดแขนงอแงเป็นเด็ก

“แม่ๆ ลุงคนนั้นไม่อาบน้ำ ไม่เก่งเลย” เสียงเด็กน้อยที่คิดว่าอายุไม่น่าจะเกิน 10 มากับครอบครัว เป็นหนึ่งในสมาชิกของเต็นท์กลุ่มใหญ่ที่ลานกองไฟพูดดังมา เจ้านายหนุ่มจ้องไปที่ต้นเสียง ภาพเด็กน้อยที่ตัวเปียกเดินออกมาจากห้องน้ำผู้หญิงโดยมีผ้าขนหนูผืนใหญ่คลุมทั่วตัวทำให้ต้องเงียบ

“ใครไม่อาบ ลุงอาบแน่นอน” นั่นไง เกิดอายเด็กขึ้นมาซะอีก

“ขอโทษด้วยนะคะ พอดีหลอกแกไปว่าใครไม่อาบน้ำเป็นคนไม่เก่ง” ผู้เป็นแม่เอ่ยคำขอโทษที่ลูกชายตัวเองโพล่งออกมา

“ไม่เป็นไรหรอกครับ ดีซะอีกคนแถวนี้จะได้หมดข้ออ้าง” ผมตอบรับ คนเป็นแม่หัวเราะรับและขอตัวพาลูกไปแต่งตัวในเต็นท์ ความเงียบสงบเลยเข้ามาแทนที่ ห้องน้ำชายต้องเดินไปอีกหน่อย บรรยากาศเงียบสงัดคงเพราะว่าเราเป็นคู่สุดท้ายที่มาอาบน้ำ

“รีบอาบนะครับ ไม่งั้นอายเด็กเอา”

“ไม่ต้องแซวเลย ไหนอะสบู่” อ้าว...เอามาก้อนเดียวด้วย

“ไม่ได้เตรียมมาเผื่อผมเหรอ”

“คุณต่อเอาไปใช้ก่อนก็ได้ อาบเสร็จแล้วผมค่อยใช้”

“ไม่ต้องหรอก” พรืดดดดดดดดด “อาบด้วยกันนี่แหละ”

“ห๊ะ ไม่เอาคุณต่อ อย่าสิ” ไม่ทันละครับ เมื่อตัวใหญ่ดันร่างผมเข้ามาในห้องน้ำขนาดย่อมที่ยังพอมีที่ว่างสำหรับยักษ์สองตัวนี้ พอจะเปิดประตูก็โดนร่างใหญ่ขวางทางซะงั้น

“ถอดเสื้อผ้าสิ”

“ไม่เอา” ผมกลายเป็นงอแง

“จะถอดเองหรือให้ผมถอดให้” โว้ยยยยยยยยยยย ตูล่ะเบื่อ ได้แต่มองภาพคนตัวใหญ่ถอดเสื้อผ้าจนล่อนจ้อน หืมมมมม...ไม่เคยเห็นภาพอะไรแบบนี้มาก่อนเลย หัวใจจะวายไปหมดแล้ว คนอะไรใหญ่ไปซะทุกส่วน กล้ามก็สวยชิบ

“มองแบบนี้จะกินผมรึไง”

“ปะ เปล่าครับ” น่าอายชะมัด ดันไปใช้สายตาชื่นชมเรือนร่างคุณต่อซะได้ ต้องแก้เก้อโดยการหันหลังถอดเสื้อผ้าจนล่อนจ้อนเหมือนกัน หวังว่าจะกลบเกลื่อนหน้าแดงๆได้นะ

             แต่ผิดคาด พอหันมาแค่นั้นแหละ ร่างใหญ่ประชิดพร้อมจู่โจมเต็มที่ ผมจะผงะก็ไม่ทันเพราะห้องน้ำมันค่อนข้างแคบ แถมช่วงท้องโดนของแข็งขนาดมหึมาจี้มาอีก จนมุมเลยครับ ...

“คะ คุณต่อ” ผมกลืนน้ำลายเอื๊อกใหญ่ ถึงแม้จะเป็นแฟนกันแล้ว แต่พวกเรายังไม่ถึงขั้น xxx กันเลยสักครั้ง ถ้าจะมีอารมณ์ก็ไม่ควรจะเป็นเวลานี้มั้ย กลางป่ากลางเขา แถมในห้องน้ำรวมอีกต่างหาก

“อื้อ พี่เอกโคตรเซ็กซี่”

“อุ๊บ อื้อ” ไม่ทันสิครับ คุณแฟนตัวโย่งกดปากมาจูบกระทันหัน ดูดคว้านจนตัวอ่อนเป็นขี้ผึ้ง มือใหญ่ไล้ไปทั่วตัวก่อนจะผละริมฝีปากโลมเลียที่ติ่งหูและไล้ราวนมจนเม็ดสีน้ำตาลแข็งขึ้นเป็นไต ลิ้นเย็นฉกเลียวาบหวาม แก่นกายชูชันอย่างห้ามไม่ได้เมื่อแรงดูดเฟ้นของปากใหญ่ส่งความสำราญจนต้องพิงหลังไปกับผนังไม้ ปล่อยให้หัวของคนที่อยู่เบื้องล่างเคลื่อนไหวเข้าออกเป็นจังหวะจนขาเปลี้ยไปหมด

“อื้อ เจ็บ” นิ้วมือใหญ่ควานเข้ามาในตัวจนสะดุ้ง มันฝืดคับไปหมด

“ผมรักพี่เอกนะ” น้ำเสียงหอบโยนและแววตาฉ่ำเยิ้มของคุณต่อเผาสติผมจนแหลกไปหมดแล้ว ปล่อยให้เขาพลิกร่างผมให้หันหลังโดยมีสองแขนค้ำยันติดผนัง สองขาถูกแหกกว้าง ความกลัวเกาะกินใจแต่กลับไม่กล้าจะส่งเสียงห้าม นี่กูจะเสียตัวจริงๆเหรอวะ.... เอาจริงดิ ... จะไหวเหรอวะ ... ยิ่งคิดก็ยิ่งใจสั่น จากที่คิดจะสมยอมกลับกลัวจนแทบเป็นลม

“ให้ผมเข้าไปนะครับ” คุณต่อส่งผ่านของแข็งขนาดใหญ่จ่อที่บั้นท้าย ความคับตึงแทรกมาทีละน้อย

“โอ๊ย” ผมร้องลั่นเมื่อมีความคับแข็งผ่านเข้ามา แม้จะน้อยนิดแต่เจ็บจนทรุดตัวลงไปนั่งจนดาบทู่ที่เพิ่งเข้ามาไม่ถึงนิ้วหลุดออก

“เจ็บเหรอพี่เอก ผะ ผม ขอโทษ”

“อื้อ เจ็บมาก” ต้องตอบความจริงไปละครับ แค่จะมีอะไรกัน มันเจ็บได้ขนาดนี้เลยเหรอวะเนี่ย “ไม่ทำแล้วได้มั้ยอะ” ผมอ้อน

“ครับ ไม่ทำแล้ว ผมขอโทษ”

“ไม่เป็นไรครับ” ใจหนึ่งก็กลัว อีกใจหนึ่งก็อยาก แต่ตอนนี้พักก่อน แค่ส่วนแรกก็น้ำตาจะไหลละ ดีที่คุณแฟนยังรับฟัง

“อาบน้ำกันเถอะเนาะ”

“อื้อ อื้อ อื้อ” ปากพูดว่าอาบน้ำ แต่กลับมาจูบกันเฉยเลย หมายความว่าไงเนี่ย....

สุดท้ายแล้ว พวกเราต่างก็ผลัดกันส่งอีกคนถึงฝั่งอย่างชุ่มโชก พอสบายตัวแล้วก็รู้สึกร้อนขึ้นมา ทำให้การอาบน้ำในค่ำคืนนี้ไม่ได้หนาวอย่างที่คิดไว้เท่าใดนัก...

ออฟไลน์ t2007

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2400
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-5
อ้ายๆๆ จะระบะฮึ่มๆๆ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ BitterCucumber

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 136
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
น้องต่อน่ารักมาก พอบอกเจ็บก็ยอมที่จะไม่ใส่เข้าไป

ออฟไลน์ seaz

  • รักอยู่ไหน...ใจเรียกหา
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5383
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +381/-9
หูยยยยย พอหายหนาวอยู่เนอะ ^^

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

อิคุณต่อ  ไม่เกรงกลัวว่าจะมีใครมาได้ยิน มาเห็น กิจกรรมเข้าจังหวะบ้างเหรอนั่น?

ออฟไลน์ แก่ เหี่ยว เคี้ยวยาก

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 174
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
หืออออ   กลางป่า กลางเขา

ออฟไลน์ วายซ่า

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-6
บรรยากาศอุตส่าห์เป็นใจ แต่คุณต่อใจร้อนไปหน่อย พี่เอกเลยรอดไปอีกครั้ง  :laugh:

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
อ้าว ลุงเอกจะโดนจิ้มซะแล้ว ต่อไปไม่รอดแน่  :hao6:

ออฟไลน์ จากต้นจนอวสาน

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +103/-3
    • จากต้นจนอวสาน
ทำไมไม่เห็นมีใครสงสารลุงเอกบ้างเลยอะ

ออฟไลน์ Ac118

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 609
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-0
เกือบไปแล้วพี่เอก ดีนะที่ยอมหยุด
น้องต่อ หื่นดูสถานที่ด้วยเซ่! ครั้งแรกต้องเตรียมความพร้อมให้ลุงเขาหน่อย คนมันไม่เคย มันกลัว จะจับลุงทำเมีย เลือกที่ดีๆหน่อย :ling1:

ออฟไลน์ Dee^daY

  • ไม่เคย ทำให้ใครเดือดร้อน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +330/-6
ว๊าย ไม่เก่ง .. หมายถึง อาบน้ำนะ

ออฟไลน์ JanTi

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 146
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
คุณต่อหื่นได้ทุกที่ทุกเวลาเลย :z1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด