ปฏิญญาที่ ๑๕
การมาเยือนต่างถิ่นของดารกา
เหมือนดั่งพาอัมฤตให้สุขี
น้ำตานองอาบหน้าหมดเปรมปรีดิ์
วอนเจ้าพี่ฟังคำน้องอย่าโกรธา
นับได้ว่าฟังยังมีตา บันดาลให้คำสั่งของผู้เป็นเจ้าแห่งอุษณกรสำเร็จในเร็ววัน ดวงจันทราที่แสนจะบอบช้ำจึงได้กลับอยู่อ้อมอกของสหัสรังสีอีกครา
ร่างเล็กเอนหลังพิงแผงอกแกร่งของคนรักอย่างอ่อนแรง แขนเรียวอุ้มลูกน้อยวัยสิบเดือนเอาได้ด้วยความรัก ความคะนึงหา แม้ว่าจะได้พบกันอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน
แต่ค่ำคืนที่ตกอยู่ใต้อ้อมกอดของผู้อื่นนั้นช่างยาวนาน เวลาไหลไปอย่างเชื่องช้า ตอกย้ำความเจ็บช้ำในหัวใจของศีตภายิ่งนัก
“อย่าร้องไห้เลย ศศิน”สุริยภาสวรกระชอบอ้อมแขนให้แน่นขึ้นเพื่อปลอบโยนคนตรงหน้า “เจ้าไม่ผิด เรื่องนี้คนที่ผิดมีเพียงเสด็จพ่อและเสด็จพี่...”
“เรา...”เสียงแหบแห้งสั่นเครือ “เรา... ภาสวร เรา...”
“เจ้าไม่ต้องขอโทษแล้ว ศศิน”โอษฐ์อุ่นกดจูบที่ขมับชื้นเหงื่อเบา ๆ “ไม่ต้องขอโทษแล้ว ข้าได้ยิน ได้รับทุกคำขอโทษของเจ้าทุกคืนค่ำ”
“เหตุใดเสด็จพ่อของท่านจึงทำกับเราเช่นนี้... เหตุใดกัน”คำถามที่วนซ้ำในหัวของพระองค์อยู่ทุกคืนวัน เหตุใดต้องทำร้ายพระองค์เช่นนี้ด้วย
“เรื่องนั้น... ข้าจะเล่าให้เจ้าฟัง”ภาสวรเอ่ยด้วยเสียงที่แผ่วเบาราวกับเสียงกระซิบ “กัลยา เจ้าพาองค์ชายสุริยมาสไปนอนก่อน”
เมื่อได้ยินรับสั่ง แม่นมสาวก็คลานเข้ามาพาองค์ชายน้อยที่นางได้รับเกียรติให้น้ำนมแก่พระองค์ไปเข้าบรรทมอย่างเงียบเชียบ
ย้อนไปเมื่อหลายเดือนก่อน หลังจากที่ศศินต้องทนทุกข์อยู่ในอ้อมกอดของผู้เป็นเชษฐาแห่งสวามีไปได้เดือนเศษ
จิตใจของสุริยภาสวรนั้นร้อนรน เจ็บปวด และเต็มไปด้วยความเคืองแค้น เคืองโกรธพระเชษฐา และพระบิดายิ่งนัก ที่ทำร้ายครอบครัวของพระองค์เช่นนี้
ทรงกัดฟันทน ทน ทน แต่ทำนบที่สูงลิ่วนั้นก็ได้พังทลายลงเมื่อได้เห็นน้ำตาของศศิธรผู้เป็นที่รัก ที่ไหลรินออกมาเงียบ ๆ ในสวนลึก ซึ่งเป็นที่ ที่พระองค์มักจะพาศศินมานั่งเล่นเสมอ
ความเจ็บปวดนั้นทบทวีคูณเข้าไปอีก เมื่อเห็นร่างกายที่ซูบผอมลงไปของดวงใจของพระองค์ แม้นจะเพียงน้อยนิดก็ตามที
วินาทีนั้น องค์สุริยภาสวรมิสนใจหน้าอินทร์ หน้าพรหมอีกต่อไป เสด็จบุกเข้าห้องทรงอักษรของพระบิดาของพระองค์ด้วยความโกรธาที่สุมอยู่ในอก
“เสด็จพ่อ เหตุใดพระองค์จึงทรงทำกับลูก กับศศินเช่นนี้”เสียงที่เอ่ยออกมานั้นฟังดูร้าวราย และเจ็บปวดยิ่งนัก “พระองค์ทรงทราบบ้างไหมว่าลูกกับศศินเจ็บปวดแค่ไหน... จะทรงทราบบ้างไหมว่าศศินต้องเสียน้ำตาไปมากมายเท่าไรแล้ว ทรงทราบบ้างไหมพะยะค่ะ”
“พูดพอหรือยัง ภาสวร”ผู้เป็นพ่อตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “นับว่าเจ้าเป็นผู้ใหญ่ขึ้นไม่น้อย ที่เก็บอารมณ์มาได้เป็นเดือนเช่นนี้”
“เสด็จพ่อ”
“หยุด และฟังพ่อ”สุรเสียงที่ตรัสนั้นเริ่มเข้มขึ้น และทรงอำนาจ “เจ้ารู้นิสัยของพี่เจ้าดีมิใช่หรืออย่างไร ถ้าไม่ให้โดยตรง สักวันพี่เจ้าก็จักต้องลักพาตัวศศินคคนานต์ไปกกกอดอยู่ดี”
“...”ใช่ เสด็จพี่ต้องทำเช่นนั้นแน่ ถ้าทรงหลงมัวเมา ต้องการคนรักของเขามากขนาดนั้น... แต่...
“อีกทั้งยังมีคำทำนายของท่านโหราจารย์ที่ผ่านมาที่เมืองท่าอีก เจ้าอยากให้นครของเราล่มสลายหรืออย่างไร สุริยภาสวร”
“คำทำนาย... คำทำนายอะไรอีกเล่า ท่านโหราของเราคดค้านการกระทำเช่นนี้ของเสด็จพ่อมิใช่หรือพะยะค่ะ”จ้าวสุริยาสูดปัสสาสะลึก ควบคุมอารมณ์ให้มั่นคง
“มิใช่ผู้นั้น ท่านโหราจากต่างแดนต่างหากเล่า ท่านทำนายไว้ 2 เรื่องด้วยกัน เรื่องแรกได้เป็นจริงขึ้นแล้ว คือการเกิดสงครามขึ้น และเราจะเป็นผู้กำชัย ส่วนอีกเรื่อง ท่านทำนายถึงเรื่องนี้เอาไว้”กระดาษสีเหลืองโทรม ๆ แผ่นหนึ่งถูกยื่นมาให้ตรงหน้าองค์ชายหนุ่ม
ยามใดที่สุริยานั้นแก่นแย่ง
จุดเปลี่ยนแปลงจะใกล้เข้ามา
ด้วยเหตุจากผู้รับพรจากจันทรา
เพลงกามาจะลุกโชนดั่งเปลวไฟ
หากอาทิตย์แดนดินเริ่มเกรี้ยวกราด
เริ่มวิวาทให้รู้สึกปั่นป่วนใจ
หาไม่ตามคำเขานั้นแล้วไซร้
แผ่นดินจะลุกไหม้ล่มจมดับสิ้น
“อาทิตย์แดนดินคือพี่เจ้า รพีธรณิน เจ้ารู้ พ่อรู้ ทุกคนรู้ ถ้าพี่เจ้าโกรธ จะเป็นอย่างไร คราแรกพ่อก็มิเชื่อคำทำนายนี่ดอก แต่มันเป็นเรื่องจริง และเกิดขึ้นจริง เจ้าคิดว่าพ่อควรจะปล่อยให้แผ่นดินนี้ล่มสลายหรืออย่างไร”องค์อินทัชสบเนตรกับโอรสของพระองค์นิ่ง
ใช่... รพีธรณิน เป็นผู้ได้รับพรจากพระเพลิง ยามใดที่เกรี้ยวกราดถึงขีดสุด แผ่นดินจะแห้งแล้งดุจถูกเพลิงลุกไหม้อย่างไม่ปรานี
ส่วน สุริยภาสวร เป็นผู้ได้รับพรจากดวงอาทิตย์ ให้เป็นแสงนำทางสว่างแก่ทุกคน
คำทำนายที่ติดตัวมาตั้งแต่แรกเกิด นั้นเป็นเรื่องจริงแท้ และเคยสำแดงเดชมาก่อนหน้า
“เจ้าไม่ต้องห่วงไปนักหรอก เมื่อใดที่พี่เจ้าถอดใจ เมื่อนั้นทุกอย่างก็จบ”คำที่ฟังดูปัดความรับผิดชอบยิ่ง แต่ก็มิอาจที่จะเถียงได้ “อีกอย่าง อีกไม่นานพนคุณก็จะเดินทางกลับมาแล้ว”
“นพคุณหรือพะยะค่ะ”ภาสวรทวนชื่ออย่างประหลาดใจ “เขายังมิตายหรือพะยะค่ะ เสด็จพ่อ”
“ยัง เขายังมีชีวิตอยู่ แต่ข่าวคราวที่เขาพยายามส่งมาหาเรานั้นมิมาถึง จนกระทั้งได้รับบาดเจ็บจากฝีมือของชนกลุ่มน้อยในป่า จนได้สุริเยนทร์ไทวะ เชษฐาของศศินช่วยเขาเอาไว้ แต่บาดแผลนั้นสาหัสนัก เพิ่งจะดีขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ และถ้าดีขึ้นพอที่จะเดินทางได้แล้ว เขาจะกลับมา”
สวรรค์ สวรรค์เป็นใจให้กับพระองค์แล้ว เมื่อนพคุณกลับมา หลังจากที่หายออกไปหลายปี จนนึกกว่าสิ้นใจไปแล้ว บุคคลที่รพีธรณินรักยิ่งชีวิต
ความทุกข์นี้คงอีกไม่นาน จะได้รับการปัดเป่าเสียที
“นพคุณหรือ...”ศศินทวนคำของคนรักเบา ๆ ก่อนจะนึกได้ และขยับกายไปหยิบเอาจดหมายฉบับหนึ่งออกมา “เช่นนั้นแล้ว อีกเดือนเศษเขาคงจะมาถึง”
“เจ้ารู้ได้อย่างไรกัน หืม เจ้าจันทร์น้อย”
“เจ้าพี่สุริเยนทร์ทรงส่งข่าวมาว่าเจ้าพี่ศรวิษฐาจะทรงเสด็จมายังอุษณกรแห่งนี้เพื่อร่วมงานฉลองครอบรอบ 1 ปีของสุริยมาศ”มือเรียวคลี่จดหมายในมือให้ภาสวรได้อ่านดู “เจ้าพี่หญิงคงกริ้วไม่น้อยถ้าได้รู้...”
“เช่นนั้นเจ้าควรห่วงตัวเองเสียมากกว่า ที่รัก”เสียงรำพึงเบา ๆ ลอยเข้ากรรณ ทำให้ทรงนึกได้ว่าในตอนนี้ พระองค์มิได้มีตัวคนเดียว...
แต่มีลูกน้อยอีกคนในครรภ์ที่แม้จะไม่ได้เกิดจากความรัก แต่เขาก็ถือกำเนิดขึ้นมาให้ได้ชื่นชมแล้ว
ในที่สุดขบวนเสด็จของเจ้าหญิงแห่งวสุนธราก็มีถึง ประชาชนชาวอุษณกรไม่น้อยออกมารับเสด็จ ด้วยหวังจะได้ชื่นชมพระบารมีของเจ้าหญิงต่างถิ่น
แน่นอนว่าไม่ผิดหวัง เมื่อเจ้าหญิงแสนงามนั้น ทรงออกมาประทับนอกเกวียนที่ประทับให้ได้แอบเหลือบยลโฉมไปตลอดทาง
ผิวขาวผุดผาด ริมฝีปากอิ่ม สองปรางนวลแดงระเรื่อด้วยอากาศที่อบอุ่น อันมิเคยได้สัมผัสบ่อยนัก ด้วยพระองค์นั้นถือกำเนิดในเมืองหนาว
“อุษณกรยินดีต้องรับ องค์หญิง”องค์อินทัชตรัสด้วยรอยยิ้ม เมื่อเจ้าหญิงศรวิษฐาเสด็จมาเข้าเฝ้า “ได้ยินคำล่ำลือถึงความงามของเจ้มาเนิ่นนาน วันนี้ได้พบ นับว่ามิผิดจากคำกล่าวลือนั้นเลยจริง ๆ”
“ทรงชมหม่อมฉันมากเกินไปแล้วเพคะ”เสียงอันอ่อนหวายตอบกลับอย่างนอบน้อม “หม่อมฉันเองก็ได้รับฟังคำร่ำลือถึงพระบารมีของพระองค์มามากนัก และที่หม่อมฉันได้พบเห็นนั้น ก็มิต่างจากคำคนเลยเพคะ”
ต่างคนต่างยกยอกันเอง สร้างความพึงใจให้แก่กันและกันไม่น้อย
“เจ้าเดินทางมาเหนื่อย ๆ คงอยากพักผ่อนแล้ว เราจะให้คนนำทางไปยังตำหนักรับรองแล้วกัน”เมื่อทรงได้ยลโฉมนงเยาว์แล้ว พระองค์ก็ทรงส่งสัญญาณให้กับข้าราชบริพารที่ตั่งท่ารอรับพระบัญชา
“หม่อมฉันอยากพบอนุชาของหม่อมฉันเพคะ”องค์ศรวิษฐาตรัสทะลุกลางเป้า พระนางอยากรู้ให้ไวที่สุดว่าข่าวที่สายสืบที่พระนางแอบส่งมานั้นเป็นจริงหรือไม่
“ได้สิ ข้าจะให้เขาไปพบเจ้าที่ตำหนัก”
หลังจากได้รับคำแล้ว พระนางก็ทรงเสด็จตามข้าหลวงคนหนึ่งไปยังตำหนับรับรองด้วยความร้อนลุ่มในใจ
“นพคุณ เจ้าก็ไปพบรพีธรณินเสียสิ เดี๋ยวเราค่อยมาสนทนากันก็ได้”
“พะยะค่ะ ฝ่าบาท”
ศศินคคนานต์ก้าวไปยังตำหนักรับรองของเจ้าพี่ของพระองค์อย่างรวดเร็ว เท่าที่ผู้ที่ตั้งครรภ์สี่เดือนเศษจะทำได้ โดยมีน้อย นางกำนัลรับใช้คอยประคองอยู่ไม่ห่าง
เมื่อมาถึงตำหนัก องค์ศศินทรงเสด็จเข้าไปเพียงลำพัง และให้นางกำนัลทั้งหมดออกมา เพื่อนที่จะได้พูดคุย สนทนากับผู้เป็นพี่อยากสบายใจ
“เจ้าพี่ เจ้าพี่ศรวิษฐา”เสียงนุ่มเอ่ยเรียกพระภคินีของพระองค์ด้วยน้ำเสียงที่เปี่ยมไปด้วยความปลื้มปีติ “เจ้าพี่ทรงสบายดีไหมพะยะค่ะ”
“เป็นอย่างที่เล่ากันมาจริง ๆ สินะ”คำที่ตอบกลับมานั้นช่างเยียบเย็นยิ่งนัก เสียดลึกเข้าไปในหัวใจของจ้าวจันทรา “เจ้าอุ้มลูกขององค์ชายรพีจริง ๆ สินะ ศศินคคนานต์”
“เจ้าพี่...”ทรงทราบได้อย่างไรกัน ทั้งที่ประกาศออกไปว่าพระองค์ทรงตั้งครรภ์บุตรคนที่สองของภาสวรแท้ ๆ ด้วยท่าทีอึกอักของผู้เป็นน้องนั้นเอง ทำให้พระนางได้รู้ชัดแล้วว่าสิ่งที่พระนางต้องการทราบนี้เป็นความจริง
ความโกรธเคืองที่สั่งสมมันจุกรวมที่อุระ ความผิดหวัง น้อยใจ ถาโถมเข้ามาไม่หยุด พระนางไม่ได้อะไรเลย แต่เหตุใดอนุชาที่โง่เง่ากลับได้ทุกอย่าง
ทุกอย่างที่ทรงต้องการ
“เจ้าคิดว่าข้าเป็นแค่ผู้หญิงคนนึง ไม่มีความคิด ไม่มีเส้นสาย ไม่มีปัญญาจะทำอะไรนอกจากนั่งรอให้ใครสักคนมาของแต่งข้าออกไปหรืออย่างไรกัน”องค์หญิงศรวิษฐาตวาดลั่นด้วยแรงอารมณ์ ดวงเนตรที่หวานฉ่ำจ้องมองมาที่ร่างของอนุชาอย่างดุร้าย “เจ้าแย่งทุกสิ่งทุกอย่างของข้าไป ข้าควรจะปล่อยเข้าเอาไว้อีกเช่นนั้นหรือ”
มีดสั้นถูกดึงออกมาจากปลอก ขาเรียวย่างก้าวเข้ามาใกล้น้องชายเรื่อย ๆ ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีถูกปัดปลิวทิ้งไปอย่างไม่รู้ตัว
“เจ้าคิดว่าข้าควรให้ก้างขวางคอในชีวิตข้า มีชีวิตต่อไปได้อย่างมีความสุขเช่นนั้นหรือ... เจ้าได้ทุกอย่าง ในขณะที่ข้าไม่ได้อะไรเลย เจ้าน้องธรพี”สุรเสียงถูกกดให้ต่ำลงสร้างความกดดันให้กับคนตรงหน้า วินาทีนี้พระนางอยากจะฉีกดวงจันทร์ตรงหน้าให้เป็นชิ้น ๆ ไม่ให้อยู่รกหูรกตาอีกต่อไป
“เจ้าพี่... เจ้าพี่ฟังน้องก่อน น้องมิได้อยากให้เรื่องราวเป็นเช่นนี้จริง ๆ น้องมิอาจเลือกได้...”ฝ่ายศศินพยายามให้น้ำเย็นเข้าลูบ หวังจะได้ผล ขอแค่เจ้าพี่ของตนฟังตนสักน้อยก็ยังดี “น้องมิได้คิดอะไรเกินเลยกับองค์รพีจริง ๆ”
“ไม่คิด ไม่คิดอย่างนั้นหรือ แล้วเด็กในท้องนั่นมันจะเกิดมาได้อย่างไร ไอ้น้องวิปริต”ดารกาแห่งวสุนธราแค่นเสียงอย่างดูถูก พร้อมส่งสายตาเหยียดหยามให้กับน้องชายของพระนาง “เป็นบุรุษอยู่ดี ๆ ริจะตั้งครรภ์เยี่ยงสตรี น่ารังเกียจนัก คนอย่างเจ้าไม่สมควรมีชีวิตอยู่ด้วยซ้ำ”
“...”หยาดน้ำตาไหลรินลงมาจากดวงตาคู่สวย คำต่อว่าบาดลึกเข้าไปในหัวใจของผู้รับฟังยิ่งนัก... “ถ้าน้องเลือกได้... น้องขอตายตั้งแต่วินาทีแรกที่เหยียบเข้ามาในนครแห่งนี้เสียดีกว่าต้องมาเป็นเช่นนี้...”
“แล้วทำไมเจ้าไปตายไปเสียล่ะ”
“ภาระ หน้าที่ ทุกอย่างบีบบังคับ ทุกอย่างโถมเข้ากดดันมาที่น้อง น้องหมดทางไปแล้ว ถ้าน้องหยามเกียรติเขาด้วยการตาย เจ้าพี่คิดว่าเขาจะยอมปล่อยเราไปอย่างนั้นหรือ”
“ตอนนี้ก็ยังไม่สายที่เจ้าจะตาย”หัตถ์เรียวโยนมีดที่ถือเอาไว้มาตรงหน้าผู้เป็นน้อง “ข้าอยู่ที่นี่แล้ว ข้าเป็นตัวประกันแทนเจ้าได้”
“...”ศศินมองมีเล่มสวยตรงหน้าอย่างสะเทือนใจ เขาค่อย ๆ เอื้อมมือไปหยิบมันขึ้นมา “ถ้าชีวิตของน้อง และบุตรในท้อง ซื้อเป็นนัดดาของเจ้าพี่ จะทำให้เจ้าพี่มีความสุขได้ น้องขอยอมตาย”
วินาทีนั้น เมื่อองค์หญิงศรวิษฐาได้สดับฟัง และทอดพระเนตรเห็นน้ำตาของผู้เป็นน้อง สติก็พลันคืนกลับมา น้องชายที่คอยช่วยเหลือพระนางเสมอ น้องที่คอยแอบเอาสิ่งต่าง ๆ มาให้ยามพระนางถูกกักบริเวณ น้องที่ยอมสละทุกอย่างเพื่อให้พระนางและพระเชษฐามีความสุข น้องที่พระนางเคยปฏิญาณว่าจะรักและคอยดูแลตลอดไป แล้วทรงทำแบบนี้ได้อย่างไร พระนางรีบวิ่งไปปัดเอามีดที่จะแทงเข้าไปในอกของอนุชาที่คลานตามกันออกมาคนเดียวของพระนางทิ้ง และกอดร่างโปร่งเอาไว้แน่น
“พี่ขอโทษ พี่ขอโทษ ศศิน พี่ขอโทษ”อัลสุชลไหลรินออกมาจากดวงตาคู่โต พระนางทำเช่นนี้ลงไปได้อย่างไรกัน “พี่มันแย่ พี่ให้ความหึงหวง ความโลภเข้าครอบงำจิตใจ พี่มันเลว พี่.. พี่...”
สองพี่น้องกอดกันร่ำไห้
คนหนึ่งหลังน้ำตาด้วยความโศกเศร้าที่ทำให้เกือบเสียอนุชาอันเป็นที่รักไป
อีกคนหนึ่งหลั่งน้ำตาด้วยความปีติที่ได้ภคินีคนเก่า ครั้งที่ยังเยาว์คืนมา
ความรักช่างน่ากลัวนัก ยามที่มันบังตา ทำให้คน ๆ หนึ่งสามารถบ้าคลั่ง หมายมั่นจะสังหารได้แม้แต่พี่น้องที่ผูกพักกันมาเนิ่นนานได้ เพื่อจะครอบครองคนอีกคนหนึ่งที่ผ่านเข้ามาในชีวิต
ผ่านมา... และผ่านไป
++++++++++++++++++
มาต่อแล้วค้าา รอบนี้มาไวแล้วน้าา เข็นตอนใหม่มาอย่างว่องไว... กำลังใจล้นมาก TT อยา่าเพิ่งทิ้งกันไปหมดนะคะ
คู่ของรพีกับมาแล้ววว
จริง ๆ คนเขียนเป็นคนที่ไม่ชอบเรื่องดราม่า... แต่ทำไมยิ่งแต่งยิ่งหน่วงก็ไม่รู้ TT ไม่เป็นไร ท้าย ๆ ศศินจะมีความสุขแล้วล่ะค่ะ
ปล. เรื่องของคู่รพี ไม่มีตอนยาวนะจิ๊ มีออกแค่สั้น ๆ นะคะ 555 // ถ้าไม่ขี้เกียจเขียน ก็อาจจะมีคู่เขาให้ได้อ่านกัน... มั้ง