บทที่ 29.1
หลังจากนั้นพวกนาฏยก็ขอตัวกลับก่อน ก่อนจะไปเห็นมะปรางหน้าซีดเผือดเมื่อเห็นเขาจูงมือเล็กแน่นไม่ปล่อย เจ้าตัวเม้มปากก่อนจะหันหน้าหนี
นาฏยคิดว่าเธอคงเดาอะไรเป็นอะไรได้บ้างแล้ว จันทร์เจ้าเห็นหญิงสาวไม่มองมาที่เขาอีก เขาก็คิดว่าอาจจะโดนเกลียดก็ได้ แต่ว่าอย่างนี้ดีแล้วเรื่องมันจะได้จบไป
พี่นาฏยเป็นคยเงียบๆทุกคนรู้ และเจ้าขาก็รู้ดีว่าพี่นาฏยเป็นคนทำจริงยิ่งกว่าใคร
เรือของซีซีกรุ๊ปแล่นกลับเข้ามาเทียบฝั่งเรียบร้อย ร่างสูงใหญ่ที่ขับเรือมานวดไหล่ตัวเองคลายความเมื่อย
รถตู้ที่เมื่อขามาจอดทิ้งเอาไว้ที่จอดรถแถวๆท่าเรือ
“คุณนาฏยจะเอารถกลับเลยไหมครับ?” คนงานดูแลท่าเรือถาม
ท่าเรือแถวนี้ส่วนใหญ่ก็เป็นกิจการของที่บ้านบางส่วน ทั้งเรือท่องเที่ยวและเรือประมง ช่วงแรกๆก็มีแค่เรือประมงแต่ว่าพอการท่องเที่ยวที่เริ่มคึกคักในหลายสิบปีมานี้ รุ่นปู่และพ่อเขาก็เริ่มพัฒนาเรือท่องเที่ยวควบคู่กันไป
ตอนนี้กิจการเรือท่องเที่ยวก็ทีเฮียเนตรดูแล ส่วนเฮียนโมจะรับผิดชอบงานทางด้านการประมงมากกว่าเพราะจบจากคณะเดียวกับเขามา
“อูย แสบ” เสียงเล็กร้องเมื่อเพื่อนสนิทจับแขนแดงๆของตัวเอง
“มึงนี่ผิวบอบบางจริงๆ” อชิระบอก “บางไม่เหมือนหน้าเลย”
คนฟังขมวดคิ้ว ฟังดูทะแม่งๆ
“อ้าว ไอ้ห่า ด่ากูทำไม” คุยกับไอ้อัชต้องสถุลเข้าสู้ครับ ไม่งั้นแพ้
ร่างสูงของอชิระหัวเราะเสียงดังเมื่อกวนเพื่อนตัวเองได้
“หึ…” พี่นาฏยก็หัวเราะเขา อยากจะงอนอะ
“งื้อ” ทำปากเบ้ใส่
นาฏยพาเพื่อนกลับมาเดินตลาดเล่นๆแล้วค่อยเข้าบ้านตอนเย็นไปปิ้งบาร์บีคิวทีเดียว ตอนนี้ให้เดินหาอะไรรองท้องพอหอมปากหอมคอ ส่วนใหญ่เลยซื้อพวกขนมกินเล่น
“แดกไหม?” อชิระถือลูกชิ้นปิ้งมาให้หนึ่งไม้ เขาอ้าปากงับมาสองลูกเพราะลูกเล็ก ไอ้อัชเอาที่เหลือไปกินจนหมดไม้
“พี่นาฏยกินลูกชิ้นไหมครับ เจ้าขาไปซื้อให้” เขาหันไปบอก แต่ร่างสูงพยักหน้าให้ดูพี่เอ็ดกับพี่นิวเหมือนไปเหมาร้านลูกชิ้นมาเลย
“ทำไมซื้อมาเยอะแยะวะ” พี่เตเตพึมพำ ไอ้เอ็ดมันเอาหน้าฝรั่งๆแต่พูดไทยปร๋อของมันไปหลอกแม่ค้ามาเขาเลยแถมให้มาเยอะ
“พี่นาฏย…” จันทร์เจ้าเรียกชื่อคนรักแต่ดันมีเสียงทักดังๆแทรกขึ้นมา
“เฮ้ย ไอ้นาฏย!” ชายหนุ่มรูปร่างใกล้เคียงกับนาฏยตบบ่าแข็งสองที
“อ้าว ไอ้บี…” นัยน์ตาคมดุฉายแววแปลกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นคนเรียก
ไอ้บี ไอ้จอม ไอ้แมท สามคนมันเป็นเพื่อนเขาในโรงเรียน เขาเรียนที่นี่จนชั้นมัธยมปลายก่อนจะย้ายเข้ากรุงเทพฯไปเรียนมหาลัย
ไอ้บีกับไอ้จอมไปเรียนเชียงใหม่ ส่วนไอ้แมทไปเรียนที่อเมริกา พวกมันถือเป็นกลุ่มเดียวกันสมัยเรียน เพียงแต่เขาไม่ค่อยได้เล่นโซเชียลเท่าไรนักเลยไม่ค่อยได้คยเท่าไร แต่ก็ยังทักพวกมันไปบ้างตามโอกาส ถามไถ่สารทุกข์สุขดิบเท่านั้น ล่าสุดที่เคยคุยกันนน่าจะหลายเดือนก่อนเพราะต่างคนก็ต่างยุ่งกับการเรียนของตัวเอง
“แม่ง หายไปนานเลยนะเว้ย” ไอ้แมทเขามาทำมือทำไม้อย่างที่พวกเขาเคยทำกันสมัยเรียน “What’s up dude?”
“I am good Man!” นาฏยตีมือกลับพร้อมตอบด้วยสำเนียงชัดเจน ด้วยความที่พวกเขาบางครั้งไปซัมเมอร์ต่างประเทศด้วยกันเลยชอบจะพูดภาษาอังกฤษด้วยกันเพื่อเป็นการฝึกภาษาจนติดมาจนทุกวันนี้
“เป็นไงบ้างวะ กลับบ้านมาเที่ยวหรอ?” ไอ้จอมถาม เขาพยักหน้าให้ พวกมันก็คงกลับบ้านเหมือนกัน
“ว่าแต่...” บีเหล่ตาไปที่ร่างเล็กๆที่ยืนหลบอยู่หลังแผ่นหลังกว้าง นัยน์ตากลมโตมองเขาตาไม่กระพริบพอเขาจ้องกลับก็สะดุ้งแล้วหลบหลังเพื่อนเขาต่อ
“Who is with you?” ไอ้จอมถามขำๆ สมัยเรียนอยู่ไอ้นาฏยค่อนข้างป๊ปปูล่าในบรรดาเหล่าผู้หญิงในโรงเรียน ทั้งชั้นเดียวกันและรุ่นพี่รุ่นน้อง รวมถึงยังมีพวกผู้ชายที่มาให้ความนใจเช่นกัน แต่ว่ามันกลับไม่สนใจใครทั้งสิ้น บอกว่าไม่อยากสร้างภาระให้ตัวเอง “your boyfriend?”
ร่างสูงไม่ได้ตอบอะไร จันทร์เจ้ากลั้นหายใจ นี่เป็นครั้งแรกที่เจอคนมาถามโต้งๆว่าเป็นแฟนกับพี่นาฏยหรือเปล่า พวกเขาไม่ได้คบกับแบบปิดบังแต่ก็ไม่ได้ป่าวประกาศให้คนรับรู้
ร่างเล็กเหลือบตามองร่างสูง เขาก็แอบอยากรู้ว่าพี่นาฏยจะตอบคนอื่นอย่างไรว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาเป็นคืออะไร ใจเล็กๆเต้นตึกๆอย่างตื่นเต้น เจ้าตัวค่อยๆทำใจให้สงบก่อนจะก้มลงมองมือใหญ่ค่อยๆกระชับมือเขาแล้วดึงให้มายืนข้างกัน
“อืม...” เสียงตอบสั้นๆแต่หนักแน่น มันฝังไปถึงใจเล็กๆของคนฟัง ใบหน้าขาวขึ้นสีเรื่อ มือเล็กๆกระชับมือใหญ่ก่อนจะช้อนตามองร่างสูงที่ยิ้มบางๆให้เขา พี่นาฏยเป็นคนเงียบๆไม่ค่อยพูดแต่เขาใช้การกระทำเป็นตัวบอกทุกอย่าง
“ว้าว เซอร์ไพรซ์สุดๆ” จอมยักคิ้ว “พี่ชื่อจอมนะ นี่ไอ้บี กับแมท” เขาแนะนำตัวเองเผื่อแผ่ไปถึงเพื่อนอีกสองคนด้วย
กระต่ายแคระก้มหัวให้อย่างนอบน้อมไม่ได้ไหว้เนื่องจากมือยังโดนกุมเอาไว้ “ผมชื่อเจ้าครับ”
“คบกันมานานยัง?”
“ไม่กลัวไอ้นาฏยหรอ ไอ้นี่นะ ตอนเรียนไม่มีใครกล้าเข้าใกล้ หน้าดุอย่างกับหมา”
“แล้วนี่...ได้กันยังอะ”
ฮื้ออออออ เจ้าขาจะบ้า คำถามอะไรเนี่ย ใบหน้าเล็กๆกัดริมฝีปาก หนีไปหลบข้างหลังคนพี่เหมือนเดิม
“พอ!” เสียงเข้มดัง “ถามเชี่ยอะไรของพวกมึงวะ” นาฏยสบถเบาๆในลำคอ ไอ้เพื่อนพวกนี้นิสัยแม่งปากไม่มีหูรูดเหมือนเดิม สันดานเหมือนไอ้เอ็ดไม่มีผิด เอ็ดมันด์อยู่เฉยๆก็ผิดได้นะบอกเลอ
“แล้วนี่เพื่อนมึง?” จอมพยักเพยิดไปที่กลุ่มคนด้านหลัง
“เออ เพื่อนกูที่มหาลัย” นาฏยค่อยๆแนะนำเรียงคนไป
“ดีๆ” ผู้ชายไม่ต้องพืธีรีตองอะไรมาก โบกมือโบกไม้สองสามทีก็เป็นเพื่อนกันได้ละ
สุดท้ายเพื่อนสมัยเรียนของชายหนุ่มก็ติดสอยห้อยตามกลุ่มกลับบ้านไปด้วยเพราะว่าเจ้าของบ้านชวนไปปาร์ตี้ด้วยกัน แน่นอนว่าปิ้งย่างและเครื่องดื่มมึนเมาใครก็ปฏิเสธไม่ลง
“คุณนาย...สวัสดีครับบบบบบ” ไอ้สามตัวนั่นมันประจบสอพลอแม่เขาใหญ่
“อ้าว...บี ไม่ใช่หรือเนี่ย จอมกับแมทด้วย” คุณหญิงของบ้านตกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นเพื่อนสนิทของลูกชายที่ไม่ได้เจอหน้ากันมานาน เมื่อก่อนสามหนุ่มาเที่ยวเล่นที่บ้านบ่อยๆ
“คิดถึงคุณนายมากเลยครับ” พอพวกมันมาทีไรก็ชอบฉอเลาะแม่เขาทุกที แม่ก็ปลื้มมาก
“ไม่แวะมาเที่ยวบ้างเลยนะ” คุณหญิงบ่นเล็กน้อย
“เอาไว้จะมาหาบ่อยๆครับ”
คุณหญิงไล่ต้อนเด็กๆให้เข้าบ้านไปอาบน้ำล้างตัวอีกรอบหลังจากไปเล่นทะเลกันมา
“อูย...” ผิวขาวๆของจันทร์เจ้าเริ่มทำพิษเพราะว่ามันโดนแดดเผาจนแสบไปหมด
“แสบหรือ?” นัยน์ตาคมมองรอยแดงขึ้นเป็นปื้นบนแขนขาวๆ “มานี่มา” จูงมือร่างเล็กแยกไปที่ฝั่งห้องนอนของตัวเอง
“ฮือ แสบ...” เสียงเล็กร้องครางเบาๆ
“ไปอาบน้ำก่อนนะ อาบน้ำอุ่นๆอย่าให้ร้อนเกินนะ เดี๋ยวจะยิ่งแสบ” ยื่นผ้าขนหนูผืนใหญ่พับเก็บเรียบร้อยไปให้
“แต่เสื้อผ้าเจ้าขาอยู่ห้องนู่น” เขาไม่ได้เอาเสื้อผ้ามาด้วยนี่นา
“ไม่เป็นอะไรใส่ของผมไปก่อน” มือใหญ่เผิดตู้ ไม่สิ ห้องเสื้อผ้าเลยดีกว่าก่อนจะหยิบกางเกงผ้ายืดเนื้อนิ่มสีเทาขาวจั๊มพ์กับเสื้อยืดออกมาให้ “แสบแค่แขนใช่ไหม?”
“ครับ...” โชคดีว่าใส่เสื้อเล่นเลยมีแค่แขนที่โดนแดดเผา
“ไป อาบน้ำเดี๋ยวออกมาค่อยทาครีม”
จันทร์เจ้าพยักหน้าแล้วเข้าห้องน้ำไปอย่างไม่อิดออด ภายในห้องน้ำใหญ่แบ่งโซนที่อาบน้ำกับห้องน้ำอย่างเรียบร้อย บนเคาเตอร์อ่างน้ำมีแปรงสีฟันสีน้ำเงินวางอยู่ในแก้ว ถัดไปมีที่วางที่โกนหนวดและครีม รวมถึงเจลใส่ผมและสเปรย์ แก้มกลมๆป่องเพราะอมยิ้ม
...นี่คือข้างของเครื่องใช้ของพี่นาฏย...
ยังมีขวดสบู่และแชมพูกลื่นประจำที่เขาได้กลิ่นจนชิน พี่นาฏยใช้แบรนเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลย เป็นกลิ่นที่เขาคุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูก
ร่างเล็กๆทำธุระส่วนตัว หลีกเลี่ยงการสัมผัสโดนช่วงแขนสีแดงปื้นของตัวเองอย่างมาก โดนน้ำก็ต้องสูดปากเพราะความแสบ เขาเลยไม่ทาสบู่ตรงแขนด้วย
เช็ดตัวเรียบร้อยใส่เสื้อผ้า ปัญหาเหมือนเดิมคือเสื้อผ้าที่นาฏยตัวหลวมโคร่งจนเขาเหมือนเด็กประถมขโมยเสื้อพ่อมาใส่เหมือนเดิม ยังดีว่ากางเกงยังเป็ขาจัมพ์ไม่งั้นสงสัยต้องมานั่งพับขาไม่รูกี่ทบ แค่นี้กางเกงก็ลงไปกองกับข้อเท้าแล้ว
“เสร็จแล้วครับ...” ร่างเล็กโผล่หน้าออกไปปะทะกับแอร์เย็นๆที่เปิดทิ้งไว้ เห็นร่างสูงกึ่งนอนกึ่งนั่งดูทีวีอยู่บนเตียง มือใหญ่กวักให้เข้าไปนั่งข้างกัน
ร่างเล็กเดินย่องๆกระดึบๆเข้าไปอย่างกล้าๆกลัวๆ ทรุดตัวลงนั่งริมเตียงแล้วค่อยคลานเข้าไปนั่งคุกเข่าข้างๆร่างสูง
“พี่นาฏยไม่อาบน้ำหรอ?”
“ตอนนี้ยัง...” นาฏยหยัดตัวขึ้นนั่งก่อนจะส่งหลอดครีมไปให้ “เอ้าทาครีมก่อน”
“ครับ” คราวนี้เขารับมาอย่างเต็มใจแม้จะไม่ค่อยชอบก็ตาม เนื้อครีมเย็นๆถูกทาลงบนแขน ปากเล็กยู่ร้องเสียงเบาเพราะแสบๆแต่ก็กลั้นใจทาจนเสร็จ
นาฏยยืดแก้มกลมๆจนเป็นซาลาเปา “ไม่งอแง เก่งมาก”
กระต่ายแคระยิ้มแผล่ “มีรางวัลไหมครับ” เอียงคอถามอย่างอารมณ์ดี
นัยน์ตาคมกริบมองร่างเล็กด้วยสายตาวาววับ คนโดนมองเริ่มรู้สึกถึงรังสีอันตรายบางอย่าง เลยรีบกระเถิบหนีแต่ก็โดนตะปบหมับเข้าเสียก่อน
“เหวอ!” ร่างเล็กลอยหวือลงไปนอนกับเตียงนุ่ม
“อยากได้รางวัลหรือ?” เสียงทุ้มติดดุแต่ตอนนี้ฟังดูเจ้าเล่ห์อย่างไรก็ไม่รู้ “ว่าไง เจ้าขาอยากได้อะไร?”
“งื้อ...” ส่ายหน้าหนีพัลวัน หลับตาปี๋เมื่อใบหน้าคมก้มเข้ามาใกล้จนรู้สึกถึงลมหายใจอุ่นๆ “พี่นาฏย...”
“ว่าไงครับ...เจ้าขาตัวน้อยอยากได้รางวัลอะไร?” เสียงทุ้มเจือแววขบขัน นัยน์ตาคมประกายแพรวพราว ยิ่งเห็นใบหน้าขาวๆขึ้นสีเรื่อจางๆ ริมฝีปากเล็กขบกัน กระต่ายกำลังเขินหนักมาก ส่งเสียงร้องขู่แง้วๆว่าอย่าเข้ามาใกล้ ยิ่งงเห็นแล้วยิ่งอยากจะฟัดให้จมเขี้ยว
แงงงง พี่นาฏยอย่ามาคงมาครับน้า เจ้าขาเขินจริงๆนะ
“ฮื้อ...ไม่เอาแล้ว” เขาไม่อยากได้อะไรทั้งนั้นแหละ
“แต่ผมอยากให้รางวัลเด็กดีสักหน่อย”
เด็กดีส่ายหน้าหวือ ไม่เอาอะไรทั้งนั้นแหละ รางวัลอะไรก็ไม่รู้
“อื้อ...” เสียงเล็กร้องเมื่อโดนฟันคมงับเบาๆที่ปลายจมูก ก่อนจะลามลงมาที่ปากเล็กๆ เสียงจุ๊บๆเบาๆที่ริมฝีปาก เจ้าของยอมเปิดปากให้อีกฝ่ายส่งลิ้นอุ่นๆเข้ามา จันทร์เจ้ารู้สึกเหมือนโดนดูดอากาศหายใจไปหมด เขาหายใจไม่ทัน ซึ่งนาฏยรู้ว่ากระต่ายยังต้องฝึกอีกเยอะ ยอมถอนปากออกมา ปากเล็กๆเริ่มตุ่ยๆเพราะเขาดูดเม้มเบาๆ
จันทร์เจ้าเหมือนเด็กน้อยไม่ประสีประสาแต่ก็ทำให้เขาควบคุมตัวเองได้ลำบาก อยากจะครอบครองทั้งหมดแต่ก็ต้องค่อยๆเป็นค่อยๆไป
แต่วันนี้เขาอยากจะให้รางวัลกระต่ายแคระของเขาสักหน่อยที่ทำตัวน่ารัก ไม่ดื้อ ไม่งอแง ริมฝีปากหนาจุ๊บเบาๆที่ต้นคอขาวผ่องแล้วค่อยๆดูดเม้ม ช้าๆ แต่หนักหน่วงจนร่างเล็กร้องคราง ย้ายจากต้นคอไปหยุดที่ไหปลาร้าไล้เลียเบาๆ
จันทร์เจ้ารู้สึกถึงความหยุ่นนุ่มพร้อมความชื้นที่ต้นคอ ไม่ได้รังเกียจสักนิดกลับรู้สึกดีจนน่าแปลกใจ
“โอ๊ยยยย เจ็บ” รู้สึกเจ็บแปล๊บเมื่อโดนฟันคมขบเนื้ออ่อน “พี่นาฏย...เจ้าขาเจ็บ...”
“ไม่ร้องนะ” ลิ้นอุ่นชื้นเลียเพื่อคลายความเจ็บให้ นัยน์ตาคมมองร่างข้างใต้อย่างรักใคร่ เสียดายที่เจ้าตัวไม่เห็นเพราะมัวแต่หลับตา แต่ว่าก็ดีแล้วละ ไมงั้นนาฏยคงจะเห็นเด็กระเบิดตัวเองเพราะความเขินก็เป็นได้
“ฮื้อ...” มือขาวกำไหล่เขาแน่น ใบหน้าแดงเถือกเหมือนลูกมะเขือ จนอดไม่ได้ที่จะงับแก้มป่องเป็นของแถม
ร่างสูงใหญ่จับร่างเล็กให้ขึ้นมานอนทับตัวเอง ตากลมๆเบิกกว้างอย่างตกใจเพราะการกระทำอันรวดเร็วนั่น ไม่ได้บอกกล่าวกันก่อนเลยนะพี่นาฏย จันทร์เจ้าพยายามตะกายลงบนจากร่างสูงใหญ่แต่ก็โดนกอดแน่น
“ชู่ว...นิ่งๆนะ เด็กดี ผมขอนอนพักหน่อย” เสียงระโหยจนคนฟังใจอ่อน ยอมนอนนิ่งๆบนตัวอีกฝ่าย ใบหน้าเล็กซบลงบนแผ่นอกแกร่ง เสียงหัวใจเต้นอย่างเป็นจังหวะดังอยู่ข้างหู
“เจ้าขานอนข้างล่างดีกว่าไหม?” เขาอยากให้พี่นาฏยนอนสบายๆ พี่นาฏยดูล้าๆเพราะว่าต้องขับเรือมาทั้งวัน แดดก็ร้อนเปรี้ยง คงทำให้ร่างกายแกร่งล้าได้เหมือนกัน
“ไม่เป็นอะไร” เสียงพึมพำเบาๆจากคนปิดตาอยู่ มือใหญ่ลูบแผ่นหลังเล็กๆก่อนจะตบก้นกลมนิ่มเบาๆเหมือนกล่อมนอน
ลมหายใจสม่ำเสมอของร่างสูงทำให้ร่างเล็กผงกหัวขึ้นมามอง มือที่ตบสะโพกกลมหยุดไปแล้ว นัยน์ตากลมโตมองสันสมูกโด่งสวยอย่างนึกอิจฉา ค่อยขยับร่างของตัวเองเบาขึ้นไปใกล้ๆใบหน้าคม คางบึกบึนมีไรหนวดขึ้นจางๆ นานๆทีจะเห็นไรเขียวๆเพราะพี่นาฏยรักสะอาดไม่ชอบให้หนวดขึ้นยาวๆ ขึ้นเมื่อไรก็รีบโกนทิ้งทันทีไม่ปล่อยให้เขียวครึ้ม
จันทร์เจ้ามองนิ่งๆให้แน่ใจว่าอีกฝ่ายหลับไปแล้วจริงๆ ก่อนจะกลั้นหายใจรวบรวมความกล้า ริมฝีปากเล็กจุ๊บลงเบาๆที่คางบึกบึน
“ฝันดีครับ...” แล้วซบหน้าลงกับซอกคอหอมกรุ่นของอีกฝ่าย
เปลือกตาขยับขึ้น นัยน์ตาคมดุทอดมองร่างเล็กบนตัวเขาก่อนจะระบายยิ้มบางๆ
...กระต่ายแคระจอมซน...
...กล้าลักหลับเขาหรือไง?...
++++++++++++++++++50%++++++++++++++++++++
มาแล้วววววว คนเขียนกลับมาแล้ววววววววว อิอิ
มานับถอยหลังกันนน เหลืออีกแค่หนึ่งตอนครึ่งเท่านั้น
ตอนนี้มาแค่ครึ่งตอนก่อนเพราะว่าครึ่งหลังยังไม่เสร็จสมบูรณ์เท่าไรหนัก เลยขอเวลาอีกเล็กน้อยค่า
ตอนนี้ฟินมากบอกเลอ ใครอ่านแล้วฟินจิกหมอนขาด มาคอมเม้นบอกเราได้น้าาาาาาา อิๆ
ปล.หนึ่ง. หลังจากจบแล้วเราจะเอาตอนพิเศษมาเซอวิสนักอ่านกัน แต่ว่าจะเป็นตอนพิเศษแบบไหนจะมาบอกข่าวอีกที
ปล.สอง. เรื่องนี้มีการรวมเล่มแน่นอนค่า แต่รายละเอียดนั้นคนเขียนจะแจ้งอีกทีนะคะ ตอนนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนการคุยกับทาง สนพ.(ใครรักพี่หมีและต่ายแคระเก็บเงินรอไปก่อนได้เลยค่า ขอมาถามอีกครั้งหนึ่งด้วยว่ามีใครสนใจจะซื้อบ้าง ฮาๆๆ คนเขียนอยากรู้มากๆ)
ขอบคุณทุกการติดตามค่า
เยิฟ
ปล. อีกหนึ่งเรื่องของคนเขียน วณิพกพเนจร ไปตามได้
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=55317.0
และเรื่องที่สองคือ HEAVY WEIGHT รัก ▪️ หนัก ▪️ มาก
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=59114.0
ปล.สอง. แวะเวียนไปคุยกันได้นะค่า
ขอฝากไปกดไลค์เพจเฟสบุ้คกันได้นะครับบบบ เพราะว่าส่วนใหญ่เราจะอัพเดทเวลาที่เรา
หายไปนานๆ หรือว่าติดธุระอะไร เราจะไปอัพเดทไว้ในเฟส หรือว่าบางครั้งจะมีเขียนโมเม้นน่ารักของอีพี่กะน้องเอาไว้เล่นๆที่ไม่
ได้เอามาลงหน้านิยายนะครับ เลยอยากให้ไปพูดคุยในเฟสกันเลยยยย ถ้าคนเขียนหายไปตามจิกในเฟสจะเจอเราเร็วมากเพราะ
เราเล่นประจำ
https://www.facebook.com/airin.arpo/?fref=ts
ปล.สาม. เรื่องรักตามสั่งเป็นเรื่องสบายๆคลายเครียด ฟีลกู๊ด น่ารักๆ การดำเนินเรื่องอาจจะเรื่อยๆเอื่อยๆไปบ้าง ขอต้องขออภัย
คนอ่านที่ชอบความตื่นเต้นหรือเรื่องที่ซับซ้อนนะค่า เรื่องนี้เราตั้งพลอตไว้แบบเป็น สไลด์ออฟไลฟ์ อยากให้ทุกคนได้สัมผัสถึง
ชีวิตตัวละครจริงๆ เวลาเขียนเราค่อนข้างใส่ความรู้สึกของมนุษย์จริงๆเข้าไป
คืออยากให้ลองนึกว่าพี่นาฏย น้องเจ้าและตัวละครทุกตัวเป็นคนจริงๆ ใช้ชีวิตอยู่เหมือนพวกเรานี่ละค่ะ เวลาเราเขียนเรานึกถึงว่าถ้าพี่นาฏยเป็นเพื่อนเรา น้องเจ้าเป็นน้องชายเรา เขาจะรู้สึกแบบไหนกันนะตอนนี้ เราเขียนให้ตัวละครเราค่อนข้างเป็นเพื่อน เป็นพี่ เป็นครอบครัวที่ใช้ชีวิตอยู่กับเรา เพราะฉะนั้นเนื้อเรื่องเลยจะเป็นการดำรงชีวิตของคนคนหนึ่งนะค่า
ปล.สี่. อยากจะให้ทุกท่านติดตามชีวิตของพี่นาฏยกับน้องเจ้าไปด้วยกันกับเรานะค่า