ตอนที่ 27
“ตั้งทัพ! นั่งลง!”ผมบอกเป็นรอบที่สามให้คนที่ยืนสงบนิ่งอยู่ข้างโต๊ะอาหารทำตาม แต่คำตอบที่ได้ก็ยังคงเป็นเหมือนเดิม
“ไม่ดีกว่าครับคุณภาม มันไม่เหมาะ”
“ก็แล้วมันจะไม่เหมาะอะไรเล่า คนเหมือนกันไหม? นั่งลงแล้วกินข้าวด้วยกันเลย”ผมชักจะโมโหแล้วนะ
“ก็....”
“ไอ้ทัพ! คุณภามบอกให้ทำอะไรก็ทำไปเถอะน่า!”นายยอร์ชที่ตอนนี้นั่งอยู่หัวโต๊ะต้องเอ่ยออกมาเมื่อทนฟังไม่ได้ในที่สุด
“ครับ”แน่ะ! ทีคราวนี้หล่ะว่าง่ายเชียวนะ นายทัพรับคำโดยเสียเวลาคิดอยู่เล็กน้อยก่อนจะสอดตัวเข้ามานั่งบนเก้าอี้ว่างตัวที่อยู่ถัดจากผม
“ทีนี้คงกินกันได้เสียทีนะ”นายยอร์ชว่า และแล้วการทานอาหารเช้าก็ได้ฤกษ์เริ่มในที่สุด
“ผมขอร่วมโต๊ะแค่วันเดียวนะครับ ถ้าคุณท่านกลับมาจะไม่เหมาะ”ตั้งทัพสะกิดผมแล้วแอบกระซิบเบาๆ หลังจากเริ่มกินข้าวไปได้ครู่เดียว
“เอาน่าๆ อย่าคิดมากไปเลยๆ”ผมบอกขำๆ ก็คนเหมือนกันนี่นา จะอะไรนักหนา
“ไอ้ทัพ!!!”
“คะ...ครับ!”นายทัพสะดุ้งสุดตัวก่อนจะขานรับคนหัวโต๊ะที่เสียงดังขึ้นมาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย
“แกมากระซิบกระซาบอะไรกับเมียฉัน!”โอย.....จะให้ได้ขายหน้ากันตลอดเวลาเลยใช่มั้ยเนี่ย
“ปะเปล่าครับ!”ตั้งทัพตอบละล่ำละลัก นายยอร์ชมองตาขวางอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยเสียงเรียบเย็น
“อย่าให้รู้นะว่ามีอะไรในกอไผ่ ไม่งั้นแก.....”เขาหยุดพูดไว้แค่นั้นแล้วยกนิ้วทำท่าปาดคอตัวเองให้ดู เรียกความสยองจากทุกคนบนโต๊ะด้วยท่าทางและน้ำเสียง
“ภามไม่ต้องไปทำงานในแผนกกราฟฟิกแล้วนะ”หลังจากขู่ตั้งทัพเสร็จก็เปลี่ยนอารมณ์กันซะง่ายๆ ขนาดนั้น พิลึกคนจริงนายคนนี้
“ก็กำลังคิดว่าจะไปเก็บของอยู่ ดันไปตบหน้าลูกชายเจ้าของบริษัทนี่นะ ถูกไล่ออกแล้วหล่ะสิ”ผมว่าเรียบๆ ไม่ได้รู้สึกเสียดายอะไร ออกจากที่นี่ก็ไปทำที่อื่นก็ได้
“ใครบอก…….ที่บอกว่าไม่ต้องทำที่นั่นแล้วคือจะให้ภามมาเป็นเลขาพี่แทนต่างหาก”
“บ้า! ไม่เอาหรอก ภามเรียนสถาปัตย์มานะ จะให้ไปเป็นเลขาเนี่ยนะ เสียเวลาเรียนหมด”ผมปฏิเสธโดยไม่ต้องคิด
“เถอะน่า นะครับ พี่จะได้เห็นหน้าภามตลอดไง”แหวะ เสี่ยว จะเอาไอ้เหตุผลแค่นี้เนี่ยนะมาบอกให้ผมไปเป็นเลขาเขา ได้ยินเสียงเฮียยอร์คกับเยลหันไปหัวเราะคิกๆ กันสองคน ส่วนนายทัพก็เอาแต่นั่งเงียบๆ
“ตกลงไม่ไล่ออกใช่ไหม?”ผมถามย้ำอีกที
“ใครจะกล้า”นายยอร์ชยกมือทำท่ายอมแพ้
“ดี.....งั้นวันนี้ภามไปทำงานนะ”
“จะไปทำไม ก็พี่ยังไปทำงานไม่ได้ ภามเป็นเลขาไม่ต้องไปหรอก”
“ใครว่าจะเป็น ก็จะทำอยู่ที่เดิมนั่นแหละ แล้วห้ามมาสั่งย้ายด้วย”ผมบอกเอาจริงเอาจัง
“ภาม!”
“ห้ามโต้แย้ง!”
“ไม่ได้!”
“ยอร์ช!!!”
“เออ! ก็ได้ แต่วันนี้ยังไม่ให้ไป!”ในที่สุดเขาก็ยอม แต่ยังท่ามากอีก อะไรกันนักนะ
“ทำไมอีกเล่า! ภามเป็นพนักงานไม่ใช่ลูกเจ้าของบริษัทนะ!!”
“ก็แต่งเข้ามาแล้วไง เป็นมาตั้งนานแล้ว ภามนั่นแหละมัวแต่ไปปลอมตัวทำงานกับพนักงานอยู่ได้!”
“นี่!”
“ไม่รู้หล่ะ พี่ไม่ไว้ใจ! ภามอย่ามาพูดนะว่าไม่รู้ว่าไอ้แอ้มมันคิดยังไงกับภาม แค่มันมองภามพี่ก็รู้แล้ว!”
“นี่รู้ด้วยหรือ?”อะไรกัน หูไวตาไวจริง
“เออสิ! ผู้ชายด้วยกันทำไมจะมองไม่ออก”
“แล้วภามไม่ใช่ผู้ชายเหมือนกันหรือไง!?!”
“ไม่รู้! ไม่สน! ไม่ให้ไปคือไม่ให้ไป!”หนอย....... สั่งใช่มั้ย ดี! แล้วจะได้เห็นดีกัน!
“เฮียยอร์ค อิ่มแล้วใช่มั้ย”ผมหันไปถามก็เห็นเขาพยักหน้าหงึกๆ คงกินไปเรียบร้อยระหว่างที่ผมกำลังเถียงกัน
“ดี....งั้นไปทำงานกันได้แล้ว!”ว่าแล้วผมก็เดินอ้อมโต๊ะไปคล้องแขนเฮียยอร์คให้ลุกขึ้น ถึงเขาจะทำหน้างงๆ แต่ก็ยอมเดินตามผมที่ลากไปหน้าบ้านเร็วๆ แต่โดยดี นายยอร์ชที่คงพอจะรู้แล้วว่าผมจะทำอะไรรีบพยุงตัวเองให้ลุกขึ้น แต่ก็นะ....คนขาไม่ดีแบบนั้นจะมาทันผมได้ยังไง
“พี่ภาม กุญแจรถครับ”น้องเยลวิ่งมาหาผมด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าราวเทวดาน้อย ในมือควงกุญแจรถเบนซ์สีหน้ามีความสุขมาให้
“โอเค ขอบใจมากน้องเยล ทีนี้ก็ไปกันได้แล้วเฮีย!”
“ภามมมมมมมมม.....!!!”เสียงโหยหวนของนายยอร์ชดังไล่หลังมาแต่ไกล ช่วยไม่ได้ คนขาไม่ดีก็แบบนี้แหละ หึหึหึหึหึหึ........
แปลก......วันนี้ดูเหมือนที่บริษัทจะมีอะไรแตกต่างไปจากเดิม ไม่ใช่ว่าเพราะ รปภ. หน้าประตูวิ่งเข้ามาเปิดประตูให้ผมเมื่อมาถึงหน้าบริษัท เพราะมันคงไม่แปลกที่ผมซึ่งเดินมาพร้อมกับเฮียยอร์คจะมีคนมาเปิดประตูให้ แต่หมอนั่นดันโค้งให้ผมซะงดงามเหมือนๆ กับทำให้เฮียยอร์คนี่สิ มันทะแม่งๆ อยู่
ถึงแม้ผู้คนในบริษัทจะยังคงดำเนินชีวิตกันแบบเดิมๆ แต่ในความที่เป็นสิ่งเดิมนั้นผมก็ยังรู้สึกได้ถึงความแตกต่างที่ไม่เหมือนกับวันอื่นๆ ตั้งแต่ห้องโถงกลาง ทางเดิน หรือในลิฟท์ ทำไมกันนะ? อะไรกันที่มันแปลกๆ?
มาพร้อมกับความงงในที่สุดก็เดินมาถึงโต๊ะทำงานจนได้ นี่ก็เหมือนกัน........แปลก.......แทนที่จะส่งเสียงเฮฮากันเหมือนทุกวัน แต่ทุกคนในแผนกของผมกลับนั่งตั้งหน้าตั้งตาทำงานกันแบบขยันเต็มที่ เรียกว่าไม่มีวอกแวกกันเลยทีเดียว
ผมนั่งถอนหายใจกับความรู้สึกที่ไม่ค่อยคุ้นเคยนักเงียบๆ แต่ไม่นานความเงียบนั้นก็ถูกทำลายลงโดยมือที่ยื่นแหวนทองคำขาวสะท้อนแสบตาเข้ามาข้างหน้าผม ผมมองไล่จากมือนั้นจนไปหยุดอยู่ที่ใบหน้าของเจ้าของมือ.....พี่แอ้มนั่นเอง
“พี่เอามาคืนให้.........เมื่อวานมันคงหลุดจากมือภามตอนที่ภามเข้าไปตบบอส”พี่แอ้มพูดด้วยเสียงจริงจังต่างจากทุกวัน แม้แต่สีหน้ายังบ่งชัดว่าพยายามทำให้นิ่งสนิท ผมรับแหวนวงนั้นคืนมาช้าๆ ตัวหนังสือที่สลักอยู่บนเรือนแหวนคงจะทำให้พี่แอ้มรู้แล้ว ประกอบกับเหตุการณ์เมื่อวานมันยิ่งทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างชัดเจนเข้าไปใหญ่
“ภามขอโทษ....พี่แอ้ม ภามไม่ได้คิดจะปิดพี่”ผมเงยหน้าไปสบตากับพี่แอ้มด้วยสีหน้าลำบากใจ เขาเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะถอนหายใจแล้วบอกผม
“พี่ลองนั่งทบทวนดู มันทำให้พี่เข้าใจ ภามคงมีปัญหาอะไรสักอย่างกับบอส ซึ่งถ้าให้คนอื่นรู้มันก็คงไม่ดี”
“พี่แอ้มโกรธภามไหม?”ผมถามออกไปตรงๆ
“โกรธ? จะให้พี่โกรธภามเรื่องอะไร?”พี่แอ้มถามน้ำเสียงสงสัย หากแต่ใบหน้าก็เพียงแค่แสดงความสงสัยออกมาเล็กน้อย
“ก็......ตลอดเวลาที่ผ่านมา ภามไม่เคยคิดที่จะปฏิเสธพี่ไปตรงๆ มัน.....มันเหมือนกับภามไปให้ความหวังพี่แอ้มน่ะ”ผมบอกด้วยความสำนึกผิด ถึงผมจะไม่ได้แสดงท่าทีอะไรต่อพี่แอ้มมาก แต่การที่ผมไม่พูดอะไรมันก็แย่อยู่ดี
“ถ้าเป็นเรื่องนั้นพี่ไม่โกรธหรอก บางที.....บางทีนะ พี่เคยดูละครมา เขาบอกว่าถ้าหากว่าคนๆ หนึ่งเกิดมาเพื่อเป็นคู่กับเราแล้ว ถึงยังไงเขาก็จะต้องมาเป็นคู่ของเราอยู่ดี แต่จากเมื่อวาน พี่มาลองคิดดู บางทีภามอาจจะไม่ใช่ก็ได้นะ”พี่แอ้มว่ายิ้มๆ แล้วนั่งลงบนโต๊ะทำงานของผม
“พี่แอ้ม.....ภามขอโทษ”ผมรู้สึกแย่จริงๆ นะตอนนี้ ยิ่งได้ฟังคำพูดของพี่แอ้มแล้วผมก็ยิ่งรู้สึกไม่ดีมากขึ้นไปอีก รู้สึกว่าตัวเองเป็นคนที่แย่เหลือเกิน.....
“บอสเป็นคนดีมากนะภาม ถึงจะชอบแสดงนิสัยป่าเถื่อนบ่อยๆ ก็เถอะ ถ้าภามได้เป็นคู่ครองของบอสพี่ก็ดีใจ”พี่แอ้มหัวเราะเบาๆ ก่อนจะเอื้อมมือมาลูบหัวผม
“เขาก็เถื่อนเหมือนพี่แอ้มหล่ะ”ผมบอกยิ้มๆ ก็คนพูดก็พอกันเลยนี่นะ
“ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เออ...จะว่าเหมือนก็เหมือน ว่าแต่ดีกันหรือยัง?”
“ก็........อืม”
“ดีแล้วแหละ พี่ดีใจด้วยนะ ภามไม่ต้องคิดมากหรอกเรื่องของพี่ ยังไงเราก็ยังเป็นพี่น้องที่ซี้ปึ้กของแผนกเหมือนเดิม ฮ่าๆๆๆๆๆ”พี่แอ้มว่าแล้วหัวเราะโชว์ฟันขาว ผมเห็นพี่แอ้มเป็นแบบนี้ก็รู้สึกเบาใจ อย่างน้อยความรู้สึกผิดในใจผมก็ลดลงไปได้เยอะเหลือเกิน
“แล้วทำไมวันนี้ทุกคนดูขยันทำงานกันจังเลยพี่?”ผมถามอีกปัญหาที่ยังค้างคาใจ
“ไอ้พวกนั้นน่ะนะ? จะตั้งใจทำงานก็ไม่แปลกหรอก ถึงบอสจะไม่ได้ตามมาคุมเองแต่ก็เหมือนมา”พี่แอ้มว่าแล้วหัวเราะอีกครั้ง
“ทำไมครับ?”ผมถามงงๆ
“เอ้า! ก็เมียบอสมาอยู่นี่ ก็เหมือนบอสมาเองแหละ”
“พี่แอ้ม!”ผมว่าเขาดุๆ แต่เขาก็ยังคงหัวเราะอารมณ์ดีต่อไป นอกจากจะไม่สนใจแล้วยังเรียกคนอื่นๆ เข้ามาอีก
“เฮ้ย! ซูเปอร์บอสเรียกพบทุกคนโว้ย!”เท่านั้นหล่ะ ทุกคนในแผนกรีบวิ่งกรูเข้ามายืนล้อมโต๊ะผมกันอย่างเป็นระเบียบ นี่ดีนะที่ผู้จัดการพี่เอกทำงานอยู่อีกห้องนึง
“เอ่อ.... มีอะไรให้พวกเรารับใช้คะ?”พี่จูนถาม
“เมื่อก่อนถ้าผมทำอะไรไม่ดีต้องขอโทษด้วยนะครับ อย่าไล่ผมออกเลยนะ ตัดเงินเดือนก็ไม่เอา”พี่มาร์คที่เอามือกุมไว้ด้านหน้าเหมือนนักบอลยืนรักษาประตูรีบพูด มีพี่โชคยืนพยักหน้าหงอยๆ อยู่ข้างๆ
“ทุกคนเป็นอะไรกันหมดครับเนี่ย?”โอย.......... ไม่ไหวแล้วนะ ผมเจอแต่ความรู้สึกนี้ตั้งแต่เดินเข้าบริษัทมาแล้ว
“ก็แหม.....มีซูเปอร์บอสอยู่ด้วยแบบนี้ก็ต้องเกร็งกันเป็นธรรมดาแหละค่ะ”แล้วกัน! พี่รัตน์ก็เป็นไปด้วย
“ทุกคนครับ!”
“ครับ/คะ!!!”แหม ตอบรับกันพร้อมเพรียงอย่างกับฝึกทหาร!
“ช่วยกลับมาเป็นพี่ๆ ที่น่ารักของภามเหมือนเดิมด้วยครับ ภามขอร้อง”ผมวิงวอนด้วยสีหน้าเหนื่อยหน่ายเต็มประดา ผมน่ากลัวขนาดนั้นเลยหรือไงกัน?
“แหม......รอคำนี้อยู่เลยค่ะ”พี่จูนรีบบอก แล้วทุกคนก็ถอนหายใจออกมาพร้อมกันอีกระลอก หลังจากหายเกร็งกันได้แล้วทุกคนก็รีบมานั่งล้อมผมแล้วถามโน่นถามนี่เหมือนสอบปากคำทันที ซึ่งผมก็ตอบไปเท่าที่ตอบได้ เฮ้อ......อย่างน้อยผมก็กำจัดปัญหาออกไปได้แล้ว ถึงจะแค่ในวงแคบก็เถอะ แต่ก็ใช่ว่าจะรู้กันทั้งบริษัทนี่นะ คนอื่นจะคิดยังไงก็ช่างเถอะ แค่ผมสนใจพี่ๆ ในแผนกก็พอแล้ว
“อยากรู้อะไรมาถามฉันนี่!”อยู่ๆ เสียงที่ผมมั่นใจว่าทุกคนในนี้คุ้นเคยกันดีก็โพล่งขึ้นมา
“ว้าย! บอส! ไปทำอะไรมาคะนั่น!”พี่รัตน์ทำเสียงตกใจเมื่อหันออกไปนอกวง ได้ยินแค่คำว่าบอสเท่านั้นแหละทุกคนก็แตกฮือกันเปิดทางให้บอสตัวจริงเสียงจริงได้เข้ามา
“ตกบันได!”นายยอร์ชที่นั่งบนรถเข็นที่มีตั้งทัพคอยเข็นให้ทำหน้ายุ่งๆ ก่อนจะมองเลยมาที่ผม
“อ้าว! แล้วกัน.....แล้วบอสมาบริษัททำไมครับเนี่ย?”พี่แอ้มถามขำๆ
“เมียหนีมาบริษัท จะมาเฝ้า!”อีกแล้วนะ! นายคนนี้นี่! ผมมองปฏิกิริยาของทุกคนเมื่อเขาพูดจบ แต่ละคนถ้าไม่พยายามกลั้นหัวเราะก็อมยิ้มกันแก้มตุ่ย มีเพียงพี่แอ้มที่กลั้นไม่ไหวแอบหัวเราะคิกๆ เบาๆ
“ขำอะไรกัน! เดี๋ยวก็ตัดเงินเดือนมันให้หมด!!!”
“ไม่ขำครับไม่ขำ นี่ครับบอส เก้าอี้ครับ เชิญนั่งเฝ้าได้ทั้งวันเลยครับ”พี่โชครีบวิ่งไปยกเก้าอี้มาเอาใจเจ้านายเต็มที่ ส่วนคนอื่นๆ ก็ไปหาน้ำหาขนมมาต้อนรับกันแบบดีที่สุดเท่าที่จะหาได้ นายยอร์ชขมวดคิ้วมองหน้าผมแต่ไม่พูดอะไร พอผมจะพูดด้วยดันสะบัดหน้าหนีไปซะอย่างนั้น งอนอีกหล่ะสิแบบนี้
“แอ้ม มาร์ค โชค”อยู่ๆ นายยอร์ชก็เรียกขึ้นมา
“ครับ!”
“พวกนายไปหาโต๊ะทำงานมาให้ฉันชุดนึง เอามาตั้งข้างๆ ภามนะ ช่วงที่ขายังไม่หายฉันจะลงมาทำงานที่นี่ชั่วคราว”เห็นสามคนนั้นหันมามองหน้ากันเลิกลั่กแต่ก็รีบทำตามคำสั่งแต่โดยดี
“บอสขี้เกียจเดินขึ้นเดินลงหล่ะสิท่า”พี่แอ้มพูดขำๆ
“เออ! รู้แล้วก็รีบไปหามา!”
“คร้าบๆ จัดให้ครับบอส”พี่แอ้มหัวเราะร่าก่อนจะวิ่งไปทำตาม
“คราวนี้ก็ได้กินข้าวกลางวันด้วยกันทุกวันแล้วนะภาม”เมื่อเสร็จจากการสั่งงานแล้วนายยอร์ชก็เปลี่ยนเป้าหมายมาหาผมอย่างฉับไว ถึงเสียงจะถูกทำให้ดูร่าเริงแต่ผมสัมผัสได้...... ก็คิ้วยังกระตุกอยู่เลยนี่นา!
“แหะๆๆ ดีๆ”ผมรับคำได้เท่านั้น ก็ไม่รู้จะว่ายังไงนี่นะ เฮ้อ................
To be continued
____________________________________________
ใครหวังให้ตอนนี้เอ็นซีมั่ง ยอมรับมาซะดีๆ
ไอ้คนแต่งก็งี้แหละ มาทำให้อยากแล้วจากไป
ปล. โดนเลื่อนเปิดเทอมแหละ
เค้าอยากเปิดเทอมแล้ววว เบื่อออ อยากทำงานนนโต้รุ่ง(ซาดิส 5555)
ขอบคุณทุกเม้นจ้า ที่ฟังเราบ่น 555
นัท