[IX] Plan (1.)
(N.) a detailed proposal for doing or achieving something.
ผมเดินออกมาจากห้องน้ำพร้อมกับกระปุกครีมกลิ่น Banana Milk ที่จะทำให้การนอนหลับพักผ่อนของผมสบายขึ้น
“บรูค!!! นายเข้ามาได้ไง” ผมเอามือทาบกับอกตัวเองตอนที่บรูคปรากฏตัวที่หน้าประตูห้องน้ำ หลังจากที่ผมเพิ่งก้าวขาออกมา “พระเจ้า...ฉันตกใจแทบแย่”
“คุณมากกว่าที่ทำผมตกใจ”
“งี่เง่าจริง ๆ เลย แล้วนี่ขึ้นมาตั้งแต่ตอนไหน ไม่ใช่แอบฟังฉันคุยโทรศัพท์ส่วนตัวหรอกนะ” ผมว่าและกอดอกมองเขา
“รู้มั้ยว่าคุณไม่ควรกล่าวหาใครแบบนั้น ผมแค่เอาแชมเปญผิดกฎหมายตามที่คุณสั่งมารีน่าขึ้นมาให้”
“มันถูกกฎหมาย และอย่างที่สองคือฉันดื่มได้ นายเลิกทำหน้างี่เง่าแบบนั้นสักที” ผมกลอกตาและเดินผ่านอีกฝ่ายไปยังเตียงนอนขนาดใหญ่
“ให้ตายเถอะ ถ้าไม่ติดว่าถูกพ่อสั่งกักบริเวณฉันคงได้ไปปาร์ตี้เจ๋ง ๆ กับเพื่อนแล้ว"
"วันเสาร์ของคุณที่สมกับเป็นเด็กอายุสิบหกคือการนอนดูหนังอยู่บ้านน่ะถูกแล้ว"
"ฟังที่นายพูดเข้าสิ วันเสาร์ของฉันกับหนังเห่ย ๆ ...ไม่เข้าใจจริง ๆ ว่านายคิดได้ยังไง”
ผมถอนหายใจและพึมพำประโยคนั้นกับตัวเอง อันที่จริงแล้วถ้าพ่อไม่สั่งลงโทษผมด้วยการกักบริเวณ ป่านนี้ผมคงไปปาร์ตี้บิกินีที่ริมสระของครอบครัวทิมเบอร์ตันแล้ว ถึงแม้ว่าผมจะไม่ชอบลูกชายของพวกเขา แต่ต้องยอมรับเลยว่าพวกทิมเบอร์ตันจัดปาร์ตี้ได้สุดเหวี่ยงและมีรสนิยมเอามาก ๆ
“เอาเถอะครับ คุณตัดพ้อไปก็เท่านั้น”
“ฉันพูดกับตัวเองไม่ต้องมายุ่ง”
“ผมก็พูดกับตัวเองเหมือนกัน”
“พูดอะไรเมื่อกี้! ฉันได้ยินนะ” ผมหันไปมองค้อนผู้ชายที่ยืนทำหน้านิ่งพร้อมกับถือถังและขวดแชมเปญไว้ในมือ ก่อนจะทิ้งสะโพกนั่งลงบนเตียงและเปิดฝาครีมขึ้นมาทาผิวตัวเอง
"กลิ่นบานาน่ามิลค์?"
"แล้วนายมายุ่งอะไรด้วย" ผมเหลือบตาขึ้นและแค่นเสียงใส่อีกฝ่าย "ไม่ต้องมามองฉันเลย คิดจะลวนลามฉันงั้นสิ"
"ผมไม่ได้คิด แต่คุณนั่นแหละที่คิด ไม่งั้นคงไม่ทากลิ่นโลชั่นกลิ่นโปรดของผมหรอก"
"เหอะ พูดออกมาได้ยังไงน่ะ" ผมถามเสียงแข็งในขณะที่อีกฝ่ายทำเพียงส่งยิ้มล้อเลียนมาทางผม ให้ตายเถอะ บรูค ปาร์คเกอร์ นายชักจะหลงตัวเองเกินไปแล้ว
"ใครเขาจะอยากทำให้นายพอใจกัน ทุเรศ..."
"ครับ ๆ ผมมันคนทุเรศ แต่คุณก็มาขอจูบผม"
"ฉันจะฆ่านายถ้านายไม่หุบปาก"
ผมว่าอย่างเหลืออดก่อนจะปากระปุกครีมใส่อีกฝ่าย ไม่น่าหลบทันเลยผมจงใจจะปาใส่หัวคนพูดจาไม่เข้าหูแล้วแท้ ๆ
“แล้วนั่นจะยืนให้น้ำแข็งละลายเลยมั้ย? ระหว่างแชมเปญที่นายจะเปิดกับคริสต์มาสอะไรจะมาก่อนกัน”
“ผมกำลังทำให้อยู่นี่ไงครับ...”
"ให้ตายเถอะ...วันอะไรของฉันนะ" ผมกลอกตาใส่อีกฝ่ายและพึมพำเบา ๆ ในขณะที่ผละสายตาจากการนวดครีมที่แขนและมองไปทางผู้ชายที่ตัวเองไม่เคยคิดว่าวันหนึ่งจะอนุญาตให้ขึ้นมาในบริเวณพื้นที่ส่วนตัวของผม
แต่เอาเถอะ เรื่องบางเรื่องคิดมากไปก็เท่านั้น
“มารีน่าบอกผมว่าปกติคุณไม่ดื่ม...วันนี้ทำไมคุณถึงดื่ม”
“เรื่องของฉันน่าปาร์คเกอร์”
“อีกแล้วนะ...” บรูคพูดขึ้น สีหน้าของเขาเหมือนกำลังไม่พอใจ “เรียกผมแบบนั้นอีกแล้ว เมื่อวันก่อนคุณพึ่งจะ...”
“เงียบไปเลย ถ้านายพูดมากฉันจะไล่นายลงไปห้องของนาย”
ผมโวยวายใส่อีกฝ่ายและบรูคก็ทำสีหน้าเหมือนกับช่วยไม่ได้ ก็จะยอมเงียบปากไปในที่สุด
“ผมแค่สงสัยเฉย ๆ ครับ" เขามองมาทางผมด้วยแววตาที่...ไว้ใจไม่ได้ "ที่ว่าจู่ ๆ ก็อยากดื่มคงไม่ใช่เกิดอยากจะมอมเหล้าผมขึ้นมาเหรอนะ”
“บ้าหรือไง หยุดพูดจาบ้าบอได้แล้ว!!”
ผมมองค้อนอีกฝ่าย ก่อนจะเหลือบไปเห็นว่าบรูคเอาแชมเปญวางตั้งไว้จากถังน้ำแข็ง “นายไม่ควรเอาแชมเปญออกจากถังนะปาร์คเกอร์ นายจะต้องเสิร์ฟแบบเย็น ๆ ที่อุณหภูมิประมาณ 6 องศาเซสเซียส”
“งั้นเหรอ...”
ให้ตายเถอะ...มีใครซื่อบื้อกว่าเขาอีกมั้ยเนี่ย
“ใช่ไง ที่ทำแบบนั้นเพราะมันจะจะทำให้ฟองแชมเปญทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ”
“ความรู้ใหม่นะเนี่ย”
“ยินดีที่ทำให้นายฉลาดขึ้น!” ผมประชดและฉีกยิ้มใส่อีกฝ่าย แล้วลุกขึ้นไปฉวยเอาขวดแชมเปญจากมือเขาก่อนจะยัดมันลงถังน้ำแข็ง เชิดหน้าและเบ้ปากใส่คนที่กำลังยิ้มยียวนอยู่ตรงหน้า!
ยิ้มบ้ายิ้มบออะไรกัน
“กลิ่นบานาน่ามิลค์จากคุณหอมมันมากเลยรู้มั้ย..."
"เลิกคิดเรื่องบ้า ๆ นะไม่งั้นฉันจะจัดการนายแน่ ๆ ไม่ต้องสงสัย!"
เมื่อได้ยินแบบนั้น บรูคก็ไม่ทำอะไรนอกจากระบายยิ้มงี่เง่าส่งมาให้ผม และสิ่งเดียวที่ผมรู้สึกคือ ขายหน้า... จะบอกว่าผมรู้ว่าเขาขอบกลิ่นนี้ก็ไม่เชิง...และผมไม่ได้พยายามจะมีกลิ่นตัวบานาน่ามิลค์แบบที่เขาพูดหรอกนะ!
“นี่ฟังนะ กลิ่นโลชั่นนี่มันก็แค่...ฉันทาเป็นประจำ ไม่ได้เอากลิ่นที่นายชอบมาท่า อย่ามาเพ้อเจ้อโอเค๊?”
“แต่ผมไม่เคยได้กลิ่นนี้เท่านั้นเอง”
“นั่นเพราะกลิ่นนี้ทาเฉพาะวันเสาร์ตอนกลางคืน!!” ผมทำทีอ้างไปเรื่อยก่อนจะเดินไปใกล้เขาและคีบนิ้วมือกับปลายเสื้อยืดสีขาวลายการ์ตูนด้วยนิ้วสองข้าง “นี่อะไรกัน ชุดนอนนายเหรอ?”
“ปกติไม่ใช่ ทุกวันผมไม่ใส่เสื้อผ้านอน แต่ถ้ามาด้วยชุดแบบนั้น คุณอาจจะทำใจไม่ได้”
“นายหยุดพูดจาโรคจิตสักนาทีได้มั้ย ให้ตายเหอะ!” ผมชกไปที่ไหล่อีกฝ่ายและเดินกลับไปยังเตียงนอน “ว่าแต่นายจัดชุดอาหารที่ทานคู่กับแชมเปญมาแล้วใช่มั้ย มันจะต้องเป็นอาหารรสไม่จัดเช่น ชีส ขนมปังรวมถึงคาเนเป้”
“เรียบร้อยครับ พ่อบ้านหยางจัดมาให้”
“เขาน่าจะมานั่งตรงนี้มากกว่านาย!”
เห็นได้ชัดว่าพ่อบ้านหยางรู้เรื่องพวกนี้ดีกว่าบรูคด้วยซ้ำ
“งั้นผมจะไปตามเขามาให้”
“ตลกหรือไง ปาร์คเกอร์!”
ผู้ชายคนนี้มันยียวนที่สุด บรูคยิ้มมองผมในขณะที่ผมขยับออกห่างไปจากปลายเตียง เขาอาจจะสังเกตเห็นขาสวย ๆ ของผมโผล่พ้นกางเกงขาสั้นสีดำตัวจิ๋ว
ไม่ปลอดภัยสักนิด!
“นายจะดื่มด้วยกันมั้ยล่ะ” ผมทำเป็นถามเรื่องอื่นเพื่อเลี่ยงสายตาที่เขากำลังจ้องมองมา ด้วยตาที่ทำให้ผมรู้สึกกลัว แต่มันเป็นความกลัวที่ไม่ได้ชวนขนลุก มันเป็นความกลัวที่อธิบายไม่ถูก...
“นี่คุณกำลังชวนผม?”
"แล้วทำไม นายเลิกทำหน้าแบบนั้นสักที มันก็แค่มารยาท เข้าใจมั้ย!”
ผมหยิบแก้วแชมเปญจากชุดแก้วที่อยู่ตรงปลายเตียง ซึ่งถูกจัดวางไว้บนโต๊ะสี่เหลี่ยมผืนผ้า ตรงหน้าของผมเป็นทีวีขนาดใหญ่ และด้านหน้าถัดจากทีวีคือพื้นที่ว่าง ๆ ก่อนจะตามด้วยโต๊ะไม่ขนาดความยาวเท่ากับปลายเตียงของผม
“ไม่คิดว่าคุณจะมีน้ำใจน่ะสิ”
“เชื่อเถอะนะว่าฉันก็ไม่ได้อยากมี แต่ไหน ๆ ชีวิตฉันก็เฮงซวยไปหมดแล้ว จะนั่งดื่มแชมเปญกับคนขับรถในห้องนอนตัวเองก็ไม่ทำให้ชีวิตแย่ไปมากกว่านี้หรอก”
“เหมือนหนังโป๊ที่ดูในเว็บออนไลน์งั้นสิ”
“นายมันเป็นคนประเภทไหนกัน คนทุเรศตลอดเวลางั้นสิ”
บรูคหัวเราะทิ้งท้ายก่อนจะเดินเข้ามารินแชมเปญให้ผม ผมเผลอกัดริมฝีปากตอนที่ได้กลิ่นความเป็นอัลฟ่าจากเขา และนี่ออกจะเซ็กซี่ไปหน่อยนะ!
“เราจะเปิดหนังเลยมั้ย?”
“ฉันไม่ดูหนังโป๊!” ผมหันไปถลึงตาใส่อีกฝ่าย
“คุณหนูครับ คุณคิดอะไรอยู่ ผมหมายถึงนี่ต่างหาก”บรูคยิ้มมุมปากและชี้นิ้วไปทางกองดีวีดีที่เป็นคนหอบขึ้นมาด้วย บรูคเดินกลับไปยังบริเวณหน้าทีวี “ผมหมายถึงว่าคืนนี้เราจะดูหนังเรื่องอะไร แต่ถ้าคุณคิดว่าเป็นหนังพวกนั้นแล้วอยากดูก็ได้นะ”
“ฉันเปล่านะ จะไปรู้ได้ยังไงล่ะ ก็นายมันหื่นขนาดนั้น”
“ผมเหรอ ไม่ยักรู้นะว่าเป็นแบบเดียวกับคุณ” บรูคหันมายักคิ้วกวนประสาทใส่ผม ผมหยิบหมอนมาปาใส่อีกฝ่าย และโชคดีครั้งที่สองที่เขารับมันไว้ทัน
“นายนั่นแหละหื่น พนันได้ว่าแค่เห็นขาอ่อนของฉัน นายก็แข็งตั้งขึ้นมาแล้ว”
“เหมือนตอนที่ผมกับคุณจูบกันที่โรงจอดรถ”
“พรืด!! แค่ก ๆ พระเจ้า...นะ...นายพูด แค่ก ๆ” ผมถึงกับสำลักแชมเปญเมื่อได้ยินอีกฝ่ายพูดแบบนั้นด้วยสีหน้าเรียบเฉย ไม่กระดากอายสักนิด คนน่าด้าน!! "พูดบ้าอะไรของนายเนี่ย"
“ถึงกับสำลักเลยเหรอ ผมแค่แซ็วเล่นเองนะ เอานี่ผ้า”
ผมกระชากผ้าเช็ดปากจากมืออีกฝ่ายก่อนจะหันไปส่งสายตาขุ่นเคืองให้แก่เขา มีอย่างที่ไหนเอาเรื่องน่าอายนี้มาล้อเลียนผม ดูก็รู้ว่าเขาหวังให้ผมอับอาย
“นายมันคนโรคจิตและวิปริตที่สุดเลยรู้มั้ย!"
“ถือว่าเป็นคำชมนะ” เขาว่าและชี้นิ้วไปทางด้านหลัง “สรุปคุณจะดูเรื่องไหน บอกได้นะผมเอาหนังมาเยอะแยะเลย”
“นายจะหอบมันมาทำไมกัน ฉันใช้ลิงก์กับโทรศัพท์ก็ดูได้ทุกอย่างบนโลกได้แล้ว”
นี่ยังมีคนดูหนังแผ่นอีกเหรอ เชื่อเขาเลย ยุคสมัยแบบนี้แค่กดคลิกเข้าเว็บดูหนังออนไลน์ที่จ่ายค่าสมาชิกรายเดือนเราก็ได้ดูหนังที่ยากดูแบบไม่จำกัด แถมยังไม่ต้องมานั่งเสียเวลาเปลี่ยนแผ่นอีกด้วย
“ดูเหมือนคุณจะไม่เข้าใจรสชาติของการดูหนังที่แท้จริงในคืนวันหยุด”
“รสชาติ? เกิดอยากจะละเอียดอ่อนไหวกับการดูหนังขึ้นมางั้นสิ”
“ไม่หรอก มันก็แค่เป็นสิ่งที่ให้อารมณ์ที่แตกต่าง” บรูคว่าพร้อมกับหยิบแก้วของผมไปรินแชมเปญให้ก่อนจะส่งมันคืนให้กับผม “หนังที่มีเสน่ห์อาจจะมาจากหนังยุคเก่าที่ไม่สามารถหาดูได้แบบในตอนนี้”
“เหรอ...”
ผมเหลือบมองไปทางเขา และดูเหมือนว่าสายตาสีฟ้าคู่นั้นกำลังโลมเลียผมอยู่ ผมไม่ได้คิดไปเองแน่ ๆ เพราะขาอ่อนของผมน่ะน่ามองที่สุดเลย ผมภูมิใจจะตายไป ...
เราจะต้องดูแลผิวพรรณเราเป็นอย่างดี รวมถึงการแว็กขนขาด้วย ผมแว็กขนทุกสัปดาห์ พร้อมทั้งบำรุงด้วยโลชั่นและอาหารเสริมหลายชนิด รวมถึงการรับยาฮอร์โมนบางตัวที่จะทำให้ผมดูมีน้ำมีนวลขึ้น เพราะโอเมก้าเพศชายบางคนก็ยังมีฮอร์โมนของเพศชายอยู่เยอะกว่าเพศหญิง แม้ว่าพวกเราจะมีมดลูกที่ฝังอยู่ด้านในและสามารถตั้งครรภ์ได้ในช่วงฮีทก็ตาม
“มองอะไร?”
“ดูเหมือนคุณจะช่างสังเกตขึ้นนะ หรือว่าเพราะผมดูเย้ายวนใจคุณ”
“เหอะ ปาร์คเกอร์อย่างนายน่ะ ไม่ใกล้เคียงคำนั้นหรอก และคำว่าเย้ายวนน่ะมันเหมาะกับฉันมากกว่า” ผมว่าและเชิดหน้าขึ้น
“คุณอาจจะไม่รู้นะคุณหนู แต่คุณทำแบบนั้นกับผมไม่สำเร็จหรอก”
“ฉันทำได้สำเร็จมาแล้วรอบหนึ่ง”
ผมเชื่อว่ามันจะมีครั้งต่อไป อำนาจของราชินีไม่ใช่แค่ทำตัวให้โดดเด่นและสวย แต่ผมมักจะใช้ความงามเป็นอำนาจในการต่อรองและล่อลวงคนอื่นเสมอ...
“งั้นคุณก็ลองอีกรอบสิ”
“นายกำลังท้าทายฉัน อย่าคิดว่าฉันจะโง่เชื่อนายนะ” ผมว่าในขณะที่อีกฝ่ายทำเพียงยิ้มมุมปากตอนที่ผมกระดกแชมเปญหมดแล้ว “ไม่ว่านาจะพยายามมอมฉันด้วยแชมเปญนี้แค่ไหน...แต่มันไม่สำเร็จหรอก เอามาอีกแก้วสิ!”
“ฮ่า ๆ เกือบแล้วเชียว”
บรูคจัดการรินแชมเปญให้กับผม ก่อนจะหันกลับไปสนใจกับหนังในแผ่นซีดีที่เขาเก็บไว้อย่างดี ดูเหมือนมันจะเป็นของสะสมของเขาเลยนะนั่น
“ผมว่าเรื่องนี้ก็โอเคนะ คุณเคยดูมั้ย About Time”
“หนังรักตลกที่สร้างเรื่องการย้อนเวลาไปแก้ไขตัวเองในอดีตกับคนรัก คิดว่าฉันไม่เคยดูหนังน้ำเน่านี้หรือไง”
ผมพอจะจำพล็อตของมันได้คร่าว ๆ แต่เพราะไม่ประทับใจเท่าไหร่ สำหรับหลายคนอาจจะชอบ แต่ผมไม่ใช่คนที่ชื่นชอบหนังรักโรแมนติก มันก็แค่ความเพ้อฝันในวัยรุ่นเท่านั้น
“งั้นคุณให้กี่คะแนนสำหรับเรื่องนี้”
“ฉัน? สองก็พอแล้ว” ผมว่า
“ทำไมล่ะ มันออกจะยอดเยี่ยม”
“อย่างหนึ่งที่ทั้งนายและคนคลั่งหนังรักย้อนอดีตควรรู้ คือเราไม่มีทางย้อนเวลากลับไปแก้ไขสิ่งที่ผ่านมาแล้วได้” ผมว่าและโคลงแก้วแชมเปญในมือ ขณะที่สายตาสื่อสารกับอีกฝ่าย “นั่นเพราะอะไรรู้มั้ย เพราะให้เราย้อนเวลากลับไป มนุษย์ก็เลือกที่จะทำแบบเดิม คนเราควรทิ้งอดีตเพราะแบบนั้นฉันถึงได้มองว่าหนังรักพวกนี้งี่เง่า”
“คุณเหมือนแม่ผมเลย” หลังจากที่บรูคเงียบไปชั่วอึดใจ เขาก็พูดขึ้น
“ฉันเหรอ...เหมือนตรงไหน”
“แม่ของผมไม่เชื่อเรื่องความรักจากหนังโรแมนติก เวลาที่พ่อกับแม่ดูหนังในเย็นวันศุกร์ พวกเขาจะถกเถียงกันในเรื่องของความรักที่ดูไม่สมเหตุสมผลในหนังรักโรแมนติกสักเรื่อง...” บรูคนั่งขัดสมาธิอยู่ที่พื้นด้านล่าง และใช้ดวงตาสีฟ้าคู่นั้นสบตากับผมที่ตั้งใจฟังเขาพูด “แม่บอกว่าความรักเหล่านั้นเป็นเพียงความฝันที่ไม่ควรเชื่อมั่น เพราะมันทำให้เราคาดหวังกับความรักมากเกินไป”
“แม่นายคงเป็นมนุษย์ที่น่าศรัทธามากคนหนึ่ง ถ้าเธอเชื่อแบบที่ฉันเชื่อ”
“อันที่จริงแล้ว เขาเป็นโอเมก้าเพศชายน่ะ...”
สิ่งที่ผมได้ยินทำให้ผมเผลอทำหน้าตกใจเล็กน้อย “งั้นเหรอ...ฉันพึ่งเคยได้ยินนะเนี่ย ปกติสังคมเราไม่ค่อยให้โอเมก้ากับอัลฟ่าเพศเดียวกันแต่งงาน แต่ในครอบครัวเราก็มีอาเลียมกับอาเดเมี่ยน แล้วก็ลุงของฉันอีกคนที่นายคงไม่รู้จักน่ะนะ”
“อ๋อ ใช่ เลียม แก๊บบี้ แฮร์ริงตัน”
“จริงสิ ฉันว่าจะถามนายอยู่พอดี” ผมเท้าคางกับตักแล้วหันเหความสนใจไปทางคนด้านข้าง “นายสนิทกับอาเลียมแค่ไหนกัน มาวันแรกฉันเห็นนายดูเหมือนจะสมิทกันมานาน”
“อันที่จริงจะใช้คำว่าผมสนิทกับเขาก็คงไม่เหมาะ”
ผมเลิกคิ้วเล็กน้อยแต่ไม่ได้แย้งอะไร
“พ่อของผมเป็นลูกน้องเก่าของเขาเท่านั้นแหละ พ่อทำงานให้คุณเลียมมาตั้งแต่ก่อนที่พ่อจะแต่งงานกับแม่ พวกเขาต่างสนิทสนมกัน และผมก็เจอคุณเลียมบ่อย ๆ เวลาที่เขามาหาพ่อที่บ้าน”
“เพราะแบบนี้เองสินะ เขาถึงได้กำชับกับพ่อของฉันดูแลนายอย่างดี”
ชิ! เพราะสนิทกันถึงขนาดนี้เลยได้ฝากฝังบรูคไว้กับพ่อของผม ดูเหมือนเขาจะกลายเป็นคนโปรดของพ่อไปแล้วด้วย ผมว่าจะหาเวลาว่าง ๆ ไปเยี่ยมอาเลียมและส่งช่อดอกคาเนชั่นที่เขาไม่ชอบไปให้เขาด้วย
เขาจะได้รู้ว่าเวลาเราอยู่กับสิ่งที่ไม่ชอบน่ะมันเป็นยังไง!
“คุณว่าเรื่อง The Notebook เป็นไง”
“ฉันชอบพระเอกเรื่องนี้ แต่ไม่เอาด้วยหรอก หนังมันน้ำเน่าในคืนวันเสาร์มันคงจะดูเศร้าเกินไปหน่อย...”
“คุณคงไม่ชอบความโรแมนติกของโนอาร์และเอลลี่ แต่ผมเสพติดหนังรักมาก ๆ เลยแหละ”
“ฉันก็ชอบหนังโรแมนติกนะ แต่ขอทีเถอะกับเรื่องรักต่างชนชั้นเนี่ยนะ มันฟังดูเป็นไปไม่ได้สุด ๆ ” ผมยักไหล่ใส่กับหนังรักที่เขาเสนอ “ฉันไม่มีวันรักคนที่ต่างชนชั้นกับฉัน”
“อ๋อนั่นสิ...”
และความเงียบก็เกิดขึ้น ผมไม่ได้คิดไปเองแน่ ๆ ว่าบรูคมีท่าทางนิ่งขรึมขึ้นหลังจากที่ประโยคนั้นจบลง ผมไม่ชอบให้เขาเงียบแบบนี้เลย สู้ให้เขาพูดเรื่องไร้สาระยังจะดีเสียกว่า...
“ว่าแต่นายล่ะ คิดยังไงกับเรื่องรักต่างชนชั้นล่ะ”
“ผมเหรอ?” บรูคเหลือบตาขึ้นข้างบนเหมือนกำลังใช้ความคิดกับคำถามอยู่ครู่หนึ่ง “ถ้าผมรักใครเรื่องพวกนั้นก็ไม่สำคัญหรอก ถ้ารักใครมากพอเราจะมองข้ามบทบาทที่เขาเป็น และรักในสิ่งที่เป็นตัวตนของเขา”
“ฮ่า ๆ โรแมนติกจังนะบรูค ปาร์คเกอร์ พนันได้ว่าคงมีสาว ๆ หลงคารมนายแน่ ๆ”
บรูคทำท่าจะพูดอะไรแต่แล้วผมก็เป็นฝ่ายเปลี่ยนประเด็นไปเรื่องอื่น “แล้วนายจะตกหลุมรักคนแบบไหน”
“ผมเหรอ? น่าจะเป็นใครสักคนที่ผมชอบมองเวลาเขากินอาหารอร่อย ๆ ใครสักคนที่ร้องเพลงเพี้ยนแค่ไหนแต่ผมก็ยังยิ้มให้กับเขา ใครสักคนที่แม้ว่าเขาจะทำตัวแย่แค่ไหนผมก็จะไม่ปล่อยมือของเขา คนที่ดูสนุกเหมือนกับหนังเรื่องโปรด คนที่เหมือนกับแอร์เย็นฉ่ำในฤดูร้อนอันอบอ้าว”
เขานิยามความรักแบบนั้นเองสินะ...
“ว่าแต่คุณล่ะ คุณ...ตกหลุมรักคนแบบไหน”
บรูคยิ้มกับคำถามนั้น ซึ่งดูเหมือนว่ารอยยิ้มบนใบหน้าของบรูคกำลังทำให้ผมหน้าร้อนผ่าวขึ้น และดูเหมือนว่าดวงตาสีฟ้าขุ่นของเขามีอิทธิพลต่อผมเหลือเกิน
ไม่เคยมีใครตั้งคำถามแบบนี้กับผมเลย เอาจริง ๆ ผมไม่เคยตกหลุมรักใครแบบที่บรูคพูดหรอก นิยามความรักของผมเหรอ คงจะขอแค่เป็นใครสักคนที่คล้ายกับเจ้าชาย และผมก็รู้สึกถึงความยิ่งใหญ่พวกนั้นจากใครเลย
มันเป็นเรื่องยากที่เราจะตกหลุมรักใครด้วยความรู้สึกลึกซึ้งใช่มั้ยล่ะ...
“สำหรับฉันใครก็ได้ที่เขารักและเทิดทูนฉันเหมือนกับเจ้าชาย ยกย่องให้เกียรติฉันราวกับฉันคือสิ่งเดียวในชีวิตของเขาที่มีค่า ฉันไม่ได้ต้องการลูกเศรษฐีที่ไหนและไม่ต้องการคนร่ำรวยแต่ไม่เข้าใจคำว่ารัก...”
สำหรับผมรักมันจะต้องเป็นอะไรที่มีพลัง...สัมผัสได้ว่ามันรุนแรงและมีค่ามากกว่าสิ่งอื่นใด
“สำหรับใครจะมองความรักเป็นยังไงฉันไม่รู้หรอก แต่ฉันจะเป็นคนเดียวบนโลกที่ไม่มีวันรักใครมากกว่าตัวเอง เห็นได้ชัดว่าการรักคนอื่นทำให้ชีวิตของเราพังพินาศ”
“ก็ถูกของคุณ”
“ฉัน...ฉัน...ขอเลือกหนังเองแล้วกัน” ผมว่าและลุกขึ้นเดินไปหาบรูค เขาเขยิบเพื่อเปิดทางให้ผมนั่งลงข้าง ๆ เขา
“10 things i hate about you”
“นี่นายด่าฉันเหรอ” ผมถามเสียงฉงน
“ไม่ใช่ ผมหมายถึงชื่อหนังน่ะครับคุณหนู” บรูคกลอกตาก่อนจะโชว์แผ่นหนังที่ถูกเก็บอย่างดี ราวกับแผ่นใหม่ ผมได้ยินว่ามันคือของสะสมของเขา
ดูท่าหมอนี่จะเป็นแฟนคอหนังโรแมนติก ผมนั่งขัดสมาธิและเอาตุ๊กตาเอลโม่สีแดงตัวใหญ่มาปิดขาตัวเองไว้ เผื่อเขามองผมด้วยสายหื่นกามผมจะได้ปลอดภัย
“ดูนี่สิ หนังพวกนี้นี่มันอะไรเนี่ย”
“หนังสนุก ๆ สำหรับคืนวันหยุดไง”
“สิ่งหนึ่งที่ทำให้ชีวิตนายน่าเบื่อคือการที่นายเสพติดหนังรักพวกนี้” ผมยกแผ่นDVDขึ้นก่อนจะเบ้ปากใส่ แต่บรูคดันยิ้มโดยไม่ได้โต้เถียงอะไร “นายเป็นคอหนังโรแมนติกหรือไงนะ...แต่ละเรื่องฉันเห็นแล้วจะอ้วกออกมาเป็นสารพัดของกุ๊กกิ๊ก!”
“อันที่จริง ผมไม่มีข้อจำกัดเรื่องหนังเท่าไหร่หรอกครับ ผมชอบเรื่องไหนก็เก็บสะสมไว้”
“แล้วเรื่องที่นายเปิดมันเกี่ยวกับเรื่องอะไร? ชีวิตรักวัยรุ่นในไฮสคูลงั้นสิ”
ขอเดาว่าน่าจะใช่ เพราะแค่จังหวะดนตรีตอนเปิดเรื่องที่มาพร้อมกับฉากของเด็กสาวที่เดินวุ่นวายไปในรั้วโรงเรียนก็ทำให้รู้ว่าคงจะต้องเป็นหนังแนวนั้น
“จะว่างั้นก็ไม่เชิง แต่มันเป็นภาพยนตร์รอมคอมที่ดัดแปลงมาจากบทประพันธ์ของ William Shakespeare เรื่อง The Taming of the Shrew โดยผู้กำกับ Gil Junger”
“ฉันไม่ได้อยากรู้ขนาดนั้น” ผมถอนหายใจและเอื้อมมือหยิบแก้วแชมเปญที่ดื่มกี่ทีก็ชื่นใจ ตลกชะมัดเลยเหมือนพวกเราสองคนกำลังปาร์ตี้ชุดนอนในคืนวันเสาร์
แต่จะว่าไปการอยู่กับคนช่างพูดแบบบรูคก็ไม่ได้เลงร้ายเสียทีเดียว มันไม่ได้แปลว่าดีหรอกนะ!
“ถ้าคุณดูคุณอาจจะชอบ”
“งั้นเหรอ” ผมหยิบแผ่นหนังเรื่องนั้นขึ้นมาพลิกไปพลิกมา จะว่าไปแล้วมันก็ดูเป็นสูตรหนังรักธรรมดา ๆ เลยนะ ไม่น่าจะมีอะไรเป็นพิเศษหรอก
“อีกอย่างนะมันตัวละครที่คล้ายกับคุณด้วยนะ แต่เธอแค่ไม่ได้อาละวาดชกหน้าคนไปทั่วแบบคุณ” บรูคส่งยิ้มกว้างมาทางผม และนั่นทำให้สังเกตเห็นว่าผู้ชายคนนี้มีรักยิ้มน่ามองขนาดนี้...
ผมต้องเสียสติไปแล้วแน่ ๆ
“คล้ายยังไง ฉันมีคนเดียวบนโลก ไม่มีใครเหมือนหรอก”
“แค่เปรียบเปรยเท่านั้นเอง” บรูคว่าและหยิบหมอนขึ้นมากอด
เราจัดที่นอนให้หันไปคนละทางในแนวนอน โดยมีหมอนข้างกัดระหว่างเรา ผมอยู่หน้าเตียงนอนขนาดใหญ่ ในขณะที่บรูคนั่งอยู่ด้านข้างจอทีวี
“ไหนลองบอกมาสิว่าทำไมเราถึงต้องดูเรื่อง10 Things I Hate About You นายช่วยพรีเซนต์ให้ฟังทีสิ” ผมยืดตัวขึ้นและทำทีเป็นสนใจหน้าจอแก้วมากกว่าจะมองหน้าอีกฝ่าย
ทำไมเขาทำให้ผมรู้สึกว่าดวงตาสีฟ้าของเขา มันเต็มไปด้วยความน่าสนใจ มันดึงดูเสียจนผมแทบไม่มีสมาธิเลย!
“มันก็หนังรักทั่วไปน่ะนะ เริ่มต้นที่คาเมรอนหนุ่มวัยสิบเจ็ดที่เพิ่งย้ายมาใหม่และเขาเผอิญไปตกหลุมรักสาวในฝันอย่าง เบียเอก้า เด็กสาวที่กำลังค้นหาความหมายคำว่า "รัก" แต่โชคร้ายที่เธอโดนกฎคุณพ่อขี้หวงที่ว่าถ้าเคทพี่สาวของเธอไม่ยอมเดท เธอก็ห้ามเดท”
“ฟังดู...งี่เง่าชะมัด”
“เพราะความงี่เง่าของบางตัวละครที่ทำให้หนังดำเนินเรื่องไปได้ ผมว่าถ้าพ่อของเขาปล่อยลูกสาวเดทง่าย ๆ นั่นก็ไม่มีเรื่องตื่นเต้นให้กับคนดู”
“เป็นนักวิเคราะห์หนังหรือไงนะ” ผมหัวเราะก่อนที่บรูคจะลุกขึ้นและถือถังป๊อปคอร์นมานั่งลงด้านข้างผม
“เดี๋ยวนะปาร์คเกอร์...ใครอนุญาตให้นายมานั่งตรงนี้”
“ผมแค่จะแบ่งป๊อปคอร์นให้เท่านั้นเอง” เขายิ้มทะเล้นและยื่นถังส่งมาให้ผม
“นายนี่มันเจ้าเล่ห์ชะมัด”
“เล่าต่อนะ” เขาเขี้ยวขนมและพูดต่ออย่างหน้าตาเฉย แต่ที่น่าแปลกก็คือผมยอมให้เขาทำแบบนั้นได้โดยไม่รู้สึกอึดอัด ปกติแล้วผมค่อนข้างจริงจังกับความเป็นส่วนตัวเลยทีเดียว
“เคทคือคนนี้”
“ถ้านี่คือการสปอยล์หนังให้ฟัง งั้นก็อย่าเปิดมันเลย” ผมประชดและยอมเอื้อมมือไปหยิบป๊อปคอร์นที่บรูควางไว้อยู่ด้านข้างกั้นกลางระหว่างเรา
“คิดว่าคุณจะให้เล่าให้ฟังทั้งหมดเสียอีก”
“เอาเป็นว่าฉันจะตั้งใจดูก็แล้วกัน!”
เขาพยักหน้ารับ และหลังจากนั้นพวกเราก็ทิ้งสิ่งรอบข้างและใช้สมาธิไปกับการนั่งดูหนังรักวัยรุ่นเรื่องนี้ไปเรื่อย ๆ อันที่จริงผมแทบไม่เคยได้ใช้เวลากับการนั่งดูหนังอย่างจริงจังเลย นอกเสียจากเวลาที่จะต้องไปดูที่โรง แต่นาน ๆ ครั้งกว่าผมจะไป
ผมไม่ค่อยชอบดูหนังเท่าไหร่ถ้าเทียบกับการไปขี่ม้า ตกปลาและว่ายน้ำนั่นยังเป็นสิ่งที่ผมทำบ่อยกว่า และกิจกรรมดูหนังแทบจะเป็นอย่างสุดท้ายเลยด้วยซ้ำ ทั้งผมและบรูคในตอนนี้เราต่างก็ตั้งใจดูหนัง มันก็มีบ้างที่ผมถามเขาเล็กน้อยในตอนที่ตัวละครหนึ่งโผล่เข้ามาในซีนแต่ผมลืมว่าเขามีบทบาทอะไรในตอนนั้น
-----------------------------
์NEXT (2)