ตอนที่17- Shame pulses through my heart from the things I've done to you ..-“อืม..”ผมพูดเสียงงัวเงีย เอื้อมมือไปกดไฟนาฬิกาข้างเตียงเพื่อดูเวลาก็ตีหนึ่งกว่าแล้ว ผมพึ่งจะหลับลงเป็นครั้งแรกในรอบสองอาทิตย์ แล้วพรุ่งนี้เช้าไอรักต้องไประยองนะให้ตายสิ!
‘เฮ้ยๆๆๆ มันรับแล้วโว้ย สัด อย่าเพิ่งสะกิดกูดิวะ เฮ้ยนี่ไอรักใช่ปะวะ ตอบหน่อยๆ!’
“หืออ อะไร ใครครับเนี่ย” ผมลากเสียงอย่างหงุดหงิด ยกโทรศัพท์มาดูเป็นเบอร์เกียร์ ก็สะดุ้งตื่นนั่งตัวตรงขึ้นทันที
‘กูพัตโว้ยย มึงไม่ต้องนอนแล้ว มาดูผัวมึงด่วน!’
“หัว?”ใครหัวแตกตอนตีหนึ่งวะ เจริญล่ะทีนี้
‘ผัวโว้ยผัว ไอ้เชี่ยเกียร์แฟนมึงไง มึงเลิกงงได้แล้ว ตื่นโว้ย! ก่อนที่พวกมันจะต่อยกันตายเสียก่อน พวกกูปวดกระบาลจะตายแล้วเนี่ย เฮ้ยยยย เหี้ย!’ เสียงเจี้ยวจ๊าวดังลอดสาย เหมือนกำลังชุลมุนกันอยู่
อ่าวเหรอ งืมๆ เกียร์แฟนผม อืม....ต่อยกัน .....ต่อย..........งั้นเหรอ
เห้ยยยยยยยยยยยยย
“ที่ไหนครับ!”
‘ร้านหยีๆๆ’
‘หมีโว้ย’ เสียงใครวะ
‘เออๆๆ สัด ลิ้นพัน กูผิดจริงไม่ได้เล่นมุขใดๆ ร้านหมี หมีนะมึงหมี’
“ครับๆ เดี๋ยวผมรีบไป” ผมรีบพูดแล้วหยิบกุญแจรถออกไป
“ฮัลโหล พี่พัช ที่ร้านมีเรื่องกันเหรอพี่.....ครับๆ....พี่ ผมฝากดูหน่อยได้ไหมอะ เดี๋ยวผมรีบตามไป...เพื่อนครับ...ครับๆ ขอบคุณครับ”ผมโทรไปหาพี่พัชพี่ของไอ้พิช ที่เป็นเจ้าของร้านที่นั่น
“ไอรัก มึงๆๆทางนี้”พัตวิ่งหน้าตื่นออกมาจากหน้าร้านพอดี
“กะ เกียร์ แฮ่กๆ เกียร์ล่ะครับ” ผมถามเสียงหอบ
“อยู่หลังร้าน มาๆ ตามกูมา” มันพูดแล้วก็รีบดึงไปหลังร้าน ผมเห็น เน สา มัด ยืนอยู่มุมมืดสีหน้าไม่สู้ดีนัก เยื้องห่างออกไปเล็กน้อยคือพี่พัชยืนกอดอกพ่นควันบุหรี่ กับการ์ดของร้านสามคน มองสองชายร่างใหญ่ต่อยกันอย่างไม่ยอมแพ้
“เกียร์!” มันชะงักแล้วหันมามองด้วยสายตาที่เปลี่ยนไปมากจากเมื่อครู่ โฟ่เห็นจังหวะ ต่อยเข้าไปที่หน้าเต็มๆ มันหันไปตามแรงมือ แต่ยังไม่ละสายตาไปจากผม เพื่อนรอบวงตกใจ แต่ไม่กล้าเข้าไปห้าม
“โอ้ย ไอสัดไอรัก!!” ผมวิ่งเข้าไปถีบตัวโฟ่ที่หมายจะเข้ามาต่อยมันอีกครั้ง โฟ่ถไลล้มลงไป มันเงยขึ้นมามองผมด้วยความโมโห
“มันเกิดอะไรขึ้น! ทำไมต้องลงไม้ลงมือกันด้วย...ครับ” ผมถามมองหน้าโฟ่อย่างเคร่งเครียด ก่อนจะหันไปต่อว่าคนที่ผมหลบหน้ามาตลอดเมื่อมันมาดักเจอ แต่เสียงตอนท้ายแผ่วลง
แต่แวบแรกที่เห็น ทำผมน้ำตาแทบร่วง เกียร์ในระยะใกล้กันเพียงเอื้อมมือ ดูซูบลงจนใจผมสั่นไปหมด เหมือนคนไม่ได้กินไม่ได้นอนคนอื่นอาจบอกว่าเพียงนิดเดียว แต่ผมอยู่กับมันทุกวัน ทำไมผมจะไม่รู้ว่ามันแย่ลงมากเสียเหลือเกิน อาทิตย์สองอาทิตย์ที่ผ่านมามันกินอยู่อย่างไร หลับสนิทบ้างไหม ทั้งๆที่ผมควรรู้ก่อนใคร แต่กลับไม่รู้อะไรเลย มันรวบตัวผมเข้าไปกอดแน่น
“ไอรัก……ไอรัก.......ไอรัก” ใจผมแทบขาดเมื่อมันเรียกชื่อผมเสียงสั่นซ้ำไปซ้ำมา
“มึงมาทำไม! มึงมาทำให้เพื่อนกูรักทำไม! ไอ้เหี้ย!!”ยังไม่ทันที่ผมจะสองแขนยกขึ้นกอดตอบ โฟ่ตะโกนลั่นพร้อมปรี่จะเข้ามาซัดแต่โดนการ์ดของผับสาดน้ำใส่จนตัวเปียกไปด้วยน้ำ
“คุยกันดีๆ เอาให้เคลียกันสักทีดิ๊” พี่พัชบอกเสียงเย็น ทิ้งบุหรี่ขยี้มันจนดับสนิทส่งสัญญาณบอกการ์ดไม่ให้เข้าไปยุ่ง
“มีเรื่องอะไรกันครับ” ผมถามเสียงอูอี้อยู่บนอกมัน
“เมา” เกียร์พูดข้างหูแบบไม่ค่อยใส่ใจ
“หะ?”
“มึงไม่บอกมันไปล่ะ ว่าเรื่องของแมร่งนั่นแหละ!”
“เรื่องผมเหรอ” ผมผละออกจากอ้อมกอดแน่น มองหน้าโฟ่แล้วพูดขึ้น
“เออ! มึงไงที่ทำให้กูกับมันต้องต่อยกัน เพราะมึงไง!” มันตะโกนสุดเสียงสายตาที่มองมามีแต่ความโกรธ
“กูไปทำอะไรให้มึงนักหนาวะ เป็นเหี้ยอะไรก็โทษกูอยู่ได้ กูถามหน่อย มึงชอบเกียร์หรือไง” ผมอดไม่ไหวที่จะระเบิดความในใจออกมา ผมไม่อยากจะผิดใจกับโฟ่ ยังไงมันก็เป็นเพื่อนเกียร์ แต่ผมก็ไม่อยากให้ผมกับเกียร์ต้องผิดใจกันอีก นานวันเรื่องเริ่มแรงขึ้นเรื่อยๆ มันไม่จบไม่สิ้นเสียที
“ถุย ไอ้สัด!อย่ามาเหมารวมกับกู กูไม่ใช่เกย์เหมือนมึง!” มันทำท่าเหมือนจะเข้ามา แต่การ์ดคุมเชิงอยู่ จึงได้แต่ยืนหงุดหงิดอยู่อย่างนั้น
“แล้วทำไมต้องมายุ่งเรื่องของกูกับเกียร์ขนาดนี้ด้วยกูไม่เข้าใจว่ะ”ผมเริ่มหัวเสีย ไอ้โน่นก็ไม่ใช่ ไอ้นี่ก็ไม่ใช่
“กูเกลียดเกย์โว้ย”
“เกลียดแม้กระทั้งพ่อตัวเองสินะ”
เงียบ
ผมหันไปมองคนข้างๆอย่างไม่เข้าใจ
“หมายความว่าไงวะไอ้เกียร์” พัตถามขึ้น มือเกียร์ยังเกาะเอวผมอยู่ แต่สายตาไม่ละไปจากโฟ่เลยสักนิด
“มะ มึง! อย่าพูดนะ มึงรู้ได้ไง” โฟ่รีบพูดอย่างละล่ำละลัก
“หึ”
“หรือว่าพ่อมึงเป็น..เอ่อ เกย์ แล้วมึงฝังใจ?? ไม่มั้ง นิยายไปเปล่าวะ” พัตพูด
“มึงหยุดพูดเดี๋ยวนี้! ไม่! กูไม่มีพ่อเป็นเกย์! กูมีแม่คนเดียว!!”โฟ่โมโหพยายามเหวี่ยงตัวให้ออกจากเงื้อมมือของการ์ดทั้งสองคน
“กูพอเข้าใจละ มึงห่วงเพื่อนมากไปมั้งไอ้ก้ามปูน้อย” พี่พัชพูดขึ้น
“อะไรของมึง!”
“หึ ริอาจปีนเกลียวกับกูเหรอ” พี่พัชเดินเข้าไปจับบุหรี่จ่อใกล้แก้มด้านขวาของโฟ่ มันชะงัก สายมองบุหรี่ตื่นตระหนก พี่พัชมองหน้าโฟ่ครู่ใหญ่ เห็นว่ามันนิ่งไปก็ลดมือลง
“บางเรื่องมึงก็ไม่ควรเอาเรื่องส่วนตัวของตัวเองมาปะปนกับคนอื่นให้เขาเดือดร้อนหรอกนะ มันจะรัก จะชอบก็ไม่ใช่เรื่องที่มึงต้องเข้าไปยุ่งวุ่นวายมากไปกว่าดูอยู่ห่างๆ หัดปล่อยวางบ้าง เพื่อตัวมึงแล้วก็คนอื่นด้วย ไม่ดีกว่าหรือไงหืมก้ามปูน้อย” พี่พัชทิ้งบุหรี่แล้วขยี้จนดับสนิท ก่อนพูดขึ้นอย่างจริงจัง แล้วตบบ่าโฟ่แรงๆเป็นครั้งแรกที่ผมเห็นพี่พัชพูดสีหน้าจริงจังขนาดนี้
“มีอะไรก็พูดไปเหอะ ยังไงนั่นก็เพื่อนมึงทั้งนั้น” พี่พัชพูดขึ้นอีกที
“…..กูไม่มี” โฟ่เสตาหลบไปด้านข้าง ปากเม้มเข้าหากันแน่น
“มึงแน่ใจ?”
“...........”
“ความลับของมึงกำลังทำร้ายความรักของเพื่อนมึงอยู่ ไม่รู้ตัวบ้างหรือ?” พี่พัชเริ่มพูดกดดัน
“…….…”
“มิตรภาพคือภาพที่พวกมึงวาดด้วยกันมา แต่มึงกำลังจะทำลายภาพด้วยอดีตของมึงงั้นเหรอ หึ มันดีแล้วหรือไง”
“.....สัดเอ๊ย..............มึงเลิกชอบกันไม่ได้เหรอวะ เพื่อตัวพวกมึงเอง” มันสบถแล้วเอ่ยบอกเสียงอ่อนลง
“ตัวมึงหรือตัวกู” โฟ่สะอึกกับคำพูดและน้ำเสียงนิ่งเฉยของเกียร์
“ทำไมถึงอยากให้พวกกูเลิกชอบกันนักหนา ..คือกูไม่อยากให้เราผิดใจกัน กูอยากเป็นเพื่อนที่ดีกับมึงนะ บอกกูหน่อยได้ไหม” ผมพูดด้วยท่าทางที่อ่อนลงเช่นกัน
ผมอยากใช้ความจริงใจเป็นกุญแจไขความลับของมัน
“.......กู......ก็กูไม่อยากให้พวกมึงต้องลงเอยแบบ..พ่อกู” โฟ่ยืนก้มหน้านิ่งอยู่นานพูดขึ้น
“ทิ้งแม่กับกูไปหาไอ้เหี้ยนั่น ครอบครัวกูไม่เป็นสุขเหมือนก่อน สุดท้ายก็โดนมันทิ้งไปจนไม่เป็นผู้เป็นคน จุดจบก็คือตรอมใจตาย กู...กูไม่อยากให้เพื่อนกูต้องเจออะไรแบบที่กูเคยเจอ”
“แต่ผมไม่ได้มาหลอกเกียร์นะ”ผมรีบแย้งขึ้น
“กูรู้! แต่..เหี้ยเอ๊ย ก็กูกลัว! กูเคยเจอเรื่องเหี้ยๆแบบนี้มา พวกมึงไม่เข้าใจความรู้สึกกันหรอก!อีกอย่างไอ้ไอรักแมร่งก็โคตรป๊อบ มึงไม่รู้หรอกว่าคนอื่นเขาอยากได้มึงขนาดไหน ถ้ามึงนอกใจเพื่อนกูขึ้นมา มันก็แย่ดิวะ”
อ้าว เหี้ยละ โยนขี้ให้กูตอนคับขันอีกแล้วไง เดี๋ยวกูเตะผ่าหมากให้ไก่มึงไม่ขันเลยนิไอ้เชี่ยโฟ่ ไอรักจะหาทางแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินยังไงดีวะ โอ๊ย ไอ้มือที่จับเอวไอรักไม่ปล่อยเริ่มบีบแรงขึ้นแล้วไงครับ
“มันไม่ใช่จะเกิดเรื่องแบบนี้กับทุกคนหรอกนะไอ้ก้ามปูน้อย อีกอย่างไอรักกับพ่อมึงไม่ใช่คนเดียวกัน ไม่ลองเปิดใจยอมรับมันบ้างวะ ตัวใหญ่ฉิบหายแต่ใจแมร่งเท่าแมงกระจั๊ว เดี๋ยวพ่อซัดให้เยินซะเลยดีไหม” เอ่อก็จริงครับ ตัวโฟ่เกือบๆเท่าพี่พัชเลยล่ะ แต่โฟ่เตี้ยกว่าบางกว่านิดหน่อย
“........เออ!....ขอกูทำใจก่อนเหอะว่ะ” มันก้มหน้าตอบ
“ทำตัวอย่างกับไปสมรภูมิรบ เหอะ” โฟ่หันมาค้อนพี่พัชทันที ส่วนพี่พัช ฮีแกก็ตีหน้ามึนๆ หัวเราะเยาะมุมปากตามภาษาคนกวนตีน
“กริ๊ดดด มึงดีกันแล้วเหรอไอ้เพื่อนเวร กูเลี้ยงฉลองเลยวันนี้ คิกๆๆ” สามาจากไหนไม่รู้ วิ่งเข้ามาจะกอดโฟ่ แต่โดนมัดที่วิ่งตามมาดันหน้าไว้เสียก่อน เออเนอะ ลืมสองคนนี้ไปเลย สงสัยพี่พัชให้มัดกันสาไม่ให้ออกมาเห็นอะไรไม่ดีล่ะมั้ง ถึงยังไงสาก็เป็นผู้หญิงล่ะนะ
“กูกลับล่ะ” เกียร์พูดแล้วเกี่ยวเอวผมหนีบกลับไปด้วย เอ่อ ผมบอกหรือเปล่าว่าจะกลับด้วย?
“เดี๋ยว!” ผมกับมันชะงัก หันไปมองโฟ่ที่เสมองด้านข้าง มีอะไรน่ามองวะ ถังขยะสีเหลืองที่มีถุงขยะสีดำกองพะเนินเทินทึกล้นออกมา
“กู...คือ.....กู...”
“อะไรของมึง อ้ำๆอึ้งๆ เดี๋ยวกูตบเลยนะคะ ติดอ่างนัก” สาพูด
“เงียบไปไอ้อ้วน ฟังไอ้โฟ่พูดดิ”พัตผลักตัวสาเบาๆ แต่หญิงสาวแทบปลิวเลยครับ
“อ๊ายยยยยย...” ยังไม่ทันจะเถียง ก็โดนเนอุดปากไปทั้งคู่ รู้สึกเงียบขึ้นดีนะครับ
“ว่าไงครับ” ผมถาม
“กู.....ขอโทษ” มันพูดไปก้มมองเท้าเขี่ยฝุ่นไป เออสรุปมึงขอโทษตีนเหรอ
“หึ ..อึก” ไอ้น้ำแข็งทำเสียงในลำคอไม่ใส่ใจอย่างเสียมารยาท จนผมต้องเอาศอกไปกระทุ้งหน้าท้องมัน
“ครับ หวังว่าจะยอมรับพวกผมได้ไวๆนะ” โฟ่เงยหน้าขึ้นมา ผมยิ้มให้มันอย่างจริงใจ
ผมไม่เคยเกลียดมันเลยนะครับ ถึงผมจะไม่ได้สนิทสนามกับมันเหมือนกับพวกไอ้เนมที่คบกันมาตั้งแต่เล็กแต่น้อย
แต่ยังไงมันก็คือเพื่อนผมคนหนึ่งล่ะนะ
“อะ เอ่อ เออมึงไปยิ้มไกลๆเหอะ” มันบอกแล้วรีบหันหลังกลับไปในร้าน อะไรของมัน งึกๆงักๆ
“แล้วจะกลับกันหรือยังครับ” ผมหันไปถามคนอื่น
“ยังค่ะ วันนี้สายินดีเลี้ยงเหล้าไอรักด้วยนะคะ อยู่ก่อนน้า” สาจะเข้ามาออดอ้อน แต่โดนเจ้าเดิมกันท่าเอาไว้ เลยหันไปทำหน้าเหม็นเบื่อใส่
“ยัยอ้วน เขามีแต่ผู้ชายเลี้ยง แต่อีนี่ดันจะไปเลี้ยงผู้ชายเขา ปล่อยไอรักไปเหอะเค้าจะไปสวีทกัน มึงนี่ก็นะ” มัดขยี้หัวสาเบาๆ
“อะไรยะ เจ้าชายอยากจะไปกับกูจะตาย ถ้าไม่ติดอิเกียร์หน้านิ่งนะ ป่านนี้ ..โฮ๊ะๆๆ เสร็จฉันล่ะ” สาทำท่าหัวเราะเหมือนแม่มดร้าย เธอมาแรงจริงๆครับคนๆนี้
“เฮ้ยๆ ชะนีเริ่มทวงสิทธิ์แล้ว ไปเลยมึง เดี๋ยวไอ้โฟ่มันจะรอนาน” พัตพูดแล้วผลักลากสาที่มองผมด้วยสายตาอาลัยอาวรณ์แล้วโดนมัดลากเข้าไปในร้าน
“เออกูฝากมึงดูแลไอ้เกียร์มันด้วยนะ อาทิตย์สองอาทิตย์เป็นห่าไรนักหนาไม่รู้หงุดหงิดแมร่งทั้งวัน จนคนอื่นไม่กล้าเข้าใกล้ แล้ววันๆไม่กินข้าว แต่เสือกซื้อนมเอาไว้ในห้องทำห่าอะไรไม่รู้เยอะแยะสงสัยจะต่อวงจรไฟฟ้าบ่อยจนเพี้ยนขึ้นทุกวัน” พัตพูดขึ้นผมหันไปมองคนที่กระตุกมือมาตั้งแต่เมื่อกี้ละ มันทำเป็นไม่สนใจคำพูดพัต แต่ทำปากขยับให้ผม‘ง่วงแล้วๆ’
เฮ้ออออ ลูกกูคนนี้ เมื่อไหร่จะหย่านม
“ครับ ขอบใจมากนะ อ้อแล้วก็ขอบคุณพี่พัชด้วยนะ” เสือกชื่อเหมือนกันอีก ไอรักเริ่มสับสนแล้วนะ ผมหันไปขอบคุณ พี่พัชผงกหัวตีหน้ามึนๆตามสไตล์
เห็นอย่างนี้พี่พัชก็เป็นอาจารย์สอนจิตวิทยาในมหาลัยเชียวนะครับ ดูปราดเดียวก็รู้ถึงจิตใจโฟ่ ไม่ธรรมดาจริงๆ
“เออ ช่างเหอะ ไอ้พิชมันบ่นเรื่องมึงเช้าเย็น พวกมึงรักกันให้ดีเหอะ จะได้ไม่ต้องเดือดร้อนกูอีก” ผมว่าที่พี่พัชไม่ตกใจเรื่องที่ผมมีแฟนเป็นผู้ชาย ก็คงเพราะปากไอ้พิชนั่นแหล่ะ มันรักษาความลับเก่งมาก ไม่ใช่เรื่องของมัน มันจะไม่พูด แต่กับครอบครัว แม้แต่เรื่องเสียตัว(ให้ผู้หญิง)ครั้งแรกตอนไหนยังบอกทั้งครอบครัวมันเลย
แต่ตอนนี้แรงกระตุกมันเริ่มแรงขึ้นแล้วครับ......ก่อนที่ไอรักจะโดนตีน ขอกราบลาพี่พัชเลยดีกว่า
“เอ่อ นั้นผมกลับแล้วนะพี่พัช สวัสดีครับ” พร้อมไหว้มือข้างเดียวอย่างงามๆไปทีหนึ่ง
“แล้วนี่เอารถมาหรือเปล่าครับ” มันพยักหน้าหงึกหงัก แล้วจูงผมไปลานจอดรถมอเตอร์ไซค์ มันมีแบ่งรถยนต์กับมอเตอร์ไซค์น่ะครับ แต่อยู่ติดกันนี่แหล่ะ
“นั้นผมส่งแค่นี้แล้วกัน” ผมแกล้งแงะมือออกแล้วหันหลังทำเมินไปลานจอดรถ
“ไปไหน”
“กลับบ้านไง”
“บ้านไหน” โหพูดเหมือนไอรักมีบ้านเล็กบ้านน้อยเลยนะครับคุณผัวหลวง
ห้ะ?? เมื่อกี้ผมพูดอะไร? ใคร? ใครผัว? ไม่มี๊
ผมนี่แหล่ะสามี! ลูกผู้ชายตัวจริง!!!
“บ้านผมสิ”
“กลับด้วยกัน” มันเริ่มเสียงแข็ง
“ไม่ได้หรอก ผมต้องกลับไปห้องตัวเอง เกียร์ก็ไปห้องเกียร์ไง” ผมหันไปทำตาใสซื่อใส่ ฮิ_ฮิ อยากให้ง้อ
“กลับบ้านเรากันเถอะ...นะ” มันรีบเดินมากอดแล้วพูดเสียงนิ่งติดอ้อนหน่อยๆ ทำใจผมกระตุกเลย
“หืม.. ผมเอารถมานะครับ อีกอย่าง..เกียร์มั่นใจแล้วงั้นเหรอ” ผมถาม
“มั่นใจ”
“แต่ผมไม่มั่นใจ”ผมพูดสวนขึ้นทันที มันคลายกอดแล้วมองผมนิ่งๆ แต่เหมือนผิดหวังอยู่ข้างใน ก่อนจะหันไปถอยรถตัวเอง อ้าวเฮ้ย ง้ออีกหน่อยไม่ได้หรืองายยยอาการแบบนี้เขาเรียกว่า...งอน....หรือเปล่า
“เดี๋ยวสิ! ก็ผมไม่มั่นใจแล้วว่าชอบนั่งขับรถมีแอร์มากกว่านั่งเฉยๆเอาหน้าตากลมแบบนี้หรือเปล่า” ว่าแล้วก็รีบกระโดดไปกอดร่างใหญ่ๆของมันให้หายคิดถึงแน่นๆ แล้วจุ๊บลงบนซอกคอมันสองสามที มันหันมาทำตาวิบวับ ผมรีบหลบตาแล้วซบหน้าบนไหล่กว้าง ก็ดูมันมองผมสิ! ล้อกันชัดๆ แง่งง
“หึ”
สรุปว่าใครโดนใครแกล้งกันแน่เนี่ยย
“โอ๊ะ โอ” ผมร้องเสียงปัญญาอ่อน(จำมาจากเทเลทับบี้ที่ไอ้น้ำแข็งเคยเปิดดูบ่อยๆ)
“นี่มันเป็นลังเลยนะเกียร์” ผมชี้ไปชี้มือสั่นๆไปยังตู้เย็นที่อัดแน่นไปด้วย ....นมช็อคโกแล็ต
ว๊าวว...ดินแดนแห่งนมช็อค
“อืม” มันเงยหน้าขึ้นมาตอบแล้วก็จมหายไปในซอกคอผม ได้โปรดสนใจกันหน่อยเหอะไอ้น้ำแข็ง
“ซื้อมาอาบเหรอครับ” เห็นแล้วอดไม่ได้ที่จะจิกกัดว่าแล้วก็หยิบมาเจาะดูดแล้วเดินไปที่โซฟา โดยมีหมาน้ำแข็งตัวผู้เกาะติดไม่ห่าง
นี่ผมต้องมีลูกเป็นลิงจริงๆเหรอ ไม่อยากจะเชื่อ
“อาบก็ได้ แต่อาบด้วยกันนะ”
-____-
อะไรของมึง
อาบน้ำนม(ช็อคโกแล็ต) โรแมนติดที่สุดอะไรสุด
“อ๊ะ ขอผมดื่มอย่างมีความสุขเถอะครับ”ผมแกะมือแล้ว สะบัดตัวแล้ว อะไรก็แล้วแต่ไอ้มือปลาหมึกตกมันล้วงจ้วงจับจูบอยู่แถวสีข้างผมไม่ห่าง
“ก็กินไปสิ” ไอ้หอก แล้วกูจะกินแบบปกติได้ไงล่ะ!
“อื้อ...อย่าสิ” มันชะงักมือที่กำลังเอานิ้วกลางวนถูช่องหลังผ่านอันเดอร์แวร์สีขาวกับลิ้นที่เลียลงซอกคอชวนสยิว
เมื่อกี้ถ้าไม่ห้าม ผมต้องเสียหนุ่ม(?)แน่ๆ
มันจับผมนั่งกลางหว่างขา กอดผมไว้หลวมๆ
“อย่าห่างกันอีกนะ”มันก้มกระซิบข้างหูแล้วเลื่อนมาคลอเคลียข้างแก้ม
“ทำไมอะ” ผมแกล้งถาม
“.......” มันทำหน้าประมาณว่า มึงรู้คำตอบอยู่แล้ว ยังจะถามอีก
“บอกให้ผมฟังหน่อยไม่ได้เหรอ” ผมทำตาปริบๆ ติดอ้อนๆไปให้มัน มันก็มองนิ่งๆแล้วก้มลงจุ๊บปากผมเบาๆไปทีหนึ่ง
“……….”
“ทำไมเดี๋ยวนี้ใจร้ายจัง” ผมแกล้งทำเสียงตัดพ้อใส่ แล้วหันหลังให้ มันจับผมให้หันมานั่งคล่อมมันทั้งตัว หารู้ไม่ว่าเมื่อกี้ผมกลั้นยิ้มแทบตายอยู่แล้ว
“ก็ใจมันโหวงๆ”
“’งืม” ไม่เอาอีกแล้วล่ะ แค่ครั้งเดียวก็เกินพอแล้ว ผมกอดแล้วซุกลงไหล่ มันคงไม่รู้ว่าผมก็ไม่ได้รู้สึกต่างไปจากมันเท่าไรหรอก แต่เพียงทิฐิ เอาแต่คิดว่าตัวเองเป็นคนขอห่างไปเอง หากไปก็กลัวจะเสียหน้า หลบหน้าเสียยังดีกว่า จนทำให้ต่างฝ่ายต่างรู้สึกแย่ลงไป
ไม่มีเกียร์ ก็เหมือนมีใครกระชากดวงใจผมออกไปเหมือนกัน
“แล้วเรื่องโฟ่ คุณรู้มาก่อนหน้านี้เหรอ” ผมเอ่ยถาม
“อืม”
“เล่าให้ผมฟังหน่อยสิ” ผมพูดแล้วมองตามันตรงๆ
“หึหึ แมวน้อยอยากรู้อยากเห็นจังนะ” อ้าว มึงด่ากูทำไมอะ มันด่าผมอะ ไม่ยอม แงง
“อะไรอะ ไม่อยากรู้ก็ได้” ผมหน้าบึ้ง แล้วเงียบใส่
“หลังจากวันที่เราแยกกันนอน เกียร์ก็คิดว่ามันต้องแก้ถึงต้นเหตุ เลยไปหา จนเจอเรื่องนี้นี่แหล่ะ” เห็นไหมล่ะ ผมชิ่งเงียบ มันก็จะเล่าเอง เอาเป็นว่า แผนนี้สำเร็จ! ผมหัวเราะฮ่าๆๆๆ(ในใจ)
“แล้วเจอได้ไงอะ อย่าบอกนะว่าคุณไปขโมยเรซูเม่จากฝ่ายทะเบียนประวัตินิสิต” ผมทำตาโตใส่มัน
“อยากให้โดนจับนักเหรอ พอดีวันนั้นเจอแม่มันแถวห้าง เลยถามไปตรงๆ” มันเล่าไปไซ้คอไป แต่ตอนนี้ผมไม่สนอะไร สนแต่เรื่องที่คุยอย่างเดียว
“อ๊ะ ถามไปว่าอะไรอะครับ”
“มันเป็นเกย์เหรอ อืม..”
“เอ้ยย ไปถามอย่างนั้นได้ยังไงเกียร์ แล้วแม่เขาว่ายังไงบ้างอะ” ผมกระเด้งหลังตรงแล้วถามเสียงหลง
“เขาก็ตกใจแล้วดูซึมๆลง บอกเกียร์ ไม่มีทางหรอก แล้วก็เล่าให้ฟังว่ามันฝังใจขนาดไหน จะถามอะไรอีกไหม”
“ไม่แล้วๆ เอ๊ะ แล้วทำไมถึงผอมลงแบบนี้ล่ะ พัตบอกว่าคุณไม่ทานข้าว ดื้ออีกแล้วใช่ไหม” ผมหยิกแก้มคนหน้ามุ่ยเหมือนเด็กโดนจับได้
อาการแบบนี้ สงสัยมีแค่ผมคนเดียวที่ได้เห็นล่ะมั้ง แอ๊บแม๊วชะมัด
“กินตั้งแต่เมื่อวานแล้ว”
???
“หิวไหมครับ”ผมถามเสียงห่วงใยเพราะรู้ว่ามันคงพูดจริง มันก็ถามย้อนผมอย่างห่วงใยเช่นกัน
“ไอรักจะทำให้กินเหรอ” ก็รู้ว่าไอรักทำไม่เป็น ยังจะทำหน้าซื่อๆกวนบาทาผมอีกนะครับ เดี๋ยวมึงจะไม่ได้กินข้าวทั้งชีวิต
“ซื้อไง”
“หึ ไม่ต้องหรอก” ผมเลยลุกไปกดน้ำร้อนลงในมาม่าคัพ โดยที่มันมองตามไม่ห่าง
“อ่ะ ผมทำเป็นแค่นี้อะ” ผมตอบอายๆ ยื่นให้มัน อีกมือเกาแก้มแก้เก้อ มันนิ่งไปก่อนจะกระตุกยิ้ม หอมแก้มแทนคำขอบคุณก่อนรับไปทาน
ผมเดินไปอาบน้ำ ตอนแรกมันบอกให้รอด้วย กลัวผมหายหรือไงไม่รู้ แต่ผมบอกให้รีบๆกินเถอะ จะไปอาบน้ำ จะได้นอนเสียกัน พอออกมาจากห้องน้ำก็เห็นมันนั่งอยู่ปลายเตียง พอเห็นผมออกมามันก็เดินหน้า(ด้าน)นิ่งๆแล้วจุ๊บปากผม ก่อนคว้าผ้าเช็ดตัวเข้าไปอาบต่อ ปล่อยให้ผมยืนเขินหน้าแดงอยู่คนเดียว
ผมรีบทาครีมแล้วนอนดูโทรทัศน์ในห้องนอนรอมันไปเรื่อย คือมันเป็นคนอาบน้ำไวมากๆนะ แต่วันนี้ ขอเถอะ ไอรักง่วงจริงจังครับ ตาจะปิดแหล่ไม่ปิดแหล่อยู่แล้ว สักพักมันก็เดินออกมาแต่งตัว ..หุ่นดีว่ะ เอ้ยย ไอ้ไอรัก มึงหื่นไปแล้ว เก็บอาการด่วน ฮึ้บบบ!
โอเค พอแต่งตัวเสร็จก็ล้มตัวลงนอนข้างๆ ผมเลยจัดการปิดโทรทัศน์แล้วนอนขดตัวอยู่ข้างแขนมัน เกียร์หันมากอดด้วยความเคยชิน
“อ๊ะ ไม่เอาครับ ผมง่วงแล้วนะ” มันกอดรัดแล้วซุกลงคอ
“ก็..มันคิดถึง” มันบ่นงึมงำก่อนจะถอนหายใจแล้วผละมานอนกอดหลวมๆ
“อ้าว ลืมทายาให้เลย ลุกขึ้นนั่งดีๆก่อนครับ” ผมจับมันพิงหัวเตียง แล้วไปเอากระเป๋าใส่เครื่องมือแพทย์
เดินไปรินน้ำมาให้ จัดแจงยายัดใส่มือมัน แล้วนั่งทำแผลให้มันเงียบๆ แผลมันมีไม่กี่จุดครับ ช้ำตรงแก้มขวา ตอนที่ผมเรียกแล้วมันหันมามองตามเสียงนั่นแหละ แล้วก็เขียวตรงแขนประมาณสอง-สามจุด ถ้าเทียบกับสภาพโฟ่ที่โดนมันต่อย เกียร์ถือว่าน้อยมากแล้วล่ะ
“อะ เสร็จแล้ว..” ผมเงยขึ้น เจอตาคู่เฉี่ยวมองอยู่ก่อนแล้ว เลยทำให้เราสบตากันโดยไม่ตั้งใจ มันเลื่อนหน้าเข้ามาใกล้เรื่อยๆ จนแทบจะได้ยินเสียงหัวใจคนตรงข้าม ปากใกล้กันจนแทบจะสัมผัสกับอีกฝ่าย
“..เกียร์..เอ่อ...” แล้วก็เป็นผมที่ได้สติก่อน เอ่ยเสียงแผ่ว ตอนนี้คงหน้าแดงไปเรียบร้อยแล้ว
“….เราลองมาเล่นบทหมอกับคนไข้หน่อยไหม”
ผั๊วะ!!!!
แล้วก็เป็นผม........ที่ทำร้ายร่างกายมันก่อน
แต่ เอ... เหมือนผมลืมอะไรไปอีกอย่างนะ
TBC------->>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>
โอ้ตายๆๆๆ วันๆนั่งอยู่หน้าคอมนี่แหละ ไม่ได้ทำอะไรนอกจากลุยโปรเจคที่คั่งค้างมาเป็นเวลานาน อาจารย์ตีกลับมาหลายครั้งด้วยความรักความเอ็นดูโซ่สุดใจขาดดิ้น
แต่มาต่อให้แล้วนะคะ เราชอบอ่านคอมเม้นต์นะ มีกำลังใจดี ถึงจะดูน้อยๆ แต่ก็มีล่ะนะ T^T
แอบน้อยใจ
แล้วพบกันใหม่จ้า
..โซ่♥