บทที่ 34
กองละครเข้ามาในไร่เรียบร้อยแล้ว เพียงดินไม่ได้ไปยุ่งเท่าไหร่ เขาให้เม้งดูแลตรงส่วนนั้น ส่วนตัวเองช่วงนี้ว่างเลยไปวนเวียนกวนใจเมฆาบ่อยๆ เมฆาต้องไล่อยู่หลายรอบเพราะเขาเองต้องทำงาน
“บ่ายนี้มีออกหน่วยที่อำเภอเหรอ ไปด้วยได้มั้ย” เพียงดินถามเมื่อถึงช่วงเวลาพักของเมฆา
“ฉันห้ามนายด้วยเหรอ” เมฆาว่า บางทีเขาคิดว่าเพียงดินควรหาอะไรทำที่มีประโยชน์มากกว่าการมานั่งแล้วเดินๆทั่วโรงพยาบาลอย่างนี้
“หึหึ ถ้าอย่างนั้นไปกินข้าวกัน” เพียงดินช่วยเมฆาเก็บของก่อนจะลากเมฆาออกไปข้างนอก แล้วค่อยไปที่อำเภอในช่วงบ่ายอีกที
ช่วงนี้งานงๆค่อนข้างเสถียร ทั้งงานที่ตลาดของตะวันและงานที่ไร่ของเพียงดินและรัชพล เลยทำให้ทุกคนไม่เครียดเหมือนช่วงก่อน และก็ยังมีเวลาเยอะแบบนี้ด้วย
เรื่องเด็กทีตอนนี้ก็เหมือนจะเปิดเทอมแล้ว ไม่มีเวลามายุ่งกับเมฆา แต่ก็ยังมีส่งข้อความมาหาบ้าง โอดครวญเรื่องนู้นเรื่องนี้จนเมฆาอ่านบ้างไม่อ่านบ้างแล้วแต่อารมณ์ ราตรียังคงไม่ทำอะไร ช่วงนี้เธอหายไปจนเมฆาแปลกใจ ทั้งๆที่คนอื่นก็ค่อนข้างจะรู้แล้วว่าเมฆากับเพียงดินอยู่ในสถานะไหน แพรบอกว่าปกติเธอต้องเหวี่ยงลืมโลกไปแล้ว และพะพาย สาวน้อยน่ารักที่ตอนนี้อยู่ในไร่ของเพียงดินเรียบร้อยแล้วนั้นก็ยังคงไม่สร้างปัญหาให้เมฆา แต่เมฆาเชื่อแน่นอนว่าเธอคนนี้ไม่มีทางอยู่นิ่ง
หลังจากทานอาหารกลางวันเสร็จเพียงดินก็พาเมฆามาส่งที่อำเภอ เป็นหน่วยที่ให้ความรู้เรื่องโรคที่กำลังเกิดในช่วงนี้สำหรับเจ้าหน้าที่
“รออยู่นี่แล้วกัน” เมฆาสั่งเพียงดิน เขาต้องทำงานเพราะฉะนั้นให้เพียงดินนั่งปั้นจิ้มปั้นเจ่อรออยู่กับคนอื่นๆน่ะถูกแล้ว
“ครับผม” เพียงดินเองก็ว่าง่าย เขานั่งรออย่างที่เมฆาต้องการ
การบรรยายเริ่มไปเรื่อยๆ เพียงดินมองเมฆาแล้วยิ้มอยู่คนเดียว ร่างสูงรู้สึกเหมือนตัวเองเพิ่งจะอายุสิบสี่ เป็นเด็กที่เพิ่งหัดรักยังไงอย่างนั้น ทั้งๆที่เคยมีความรักมาตั้งเท่าไหร่แล้ว
ติ้ง!
เสียงข้อความที่เข้ามานั้นทำให้เพียงดินละสายตาออกจากเมฆาก่อนที่จะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา เป็นพะพายที่ส่งข้อความมาให้ เพียงดินเปิดอ่านแล้วต้องขมวดคิ้ว
‘อยู่ไหนคะดิน พายไม่เห็นเจอที่ไร่เลย’
‘อยู่ในตัวเมืองน่ะ พายยมีอะไรเหรอ’
เพียงดินตอบกลับไป พะพายมีธุระอะไรกับเขารึเปล่าถึงได้ส่งข้อความมาหาแบบนี้ พะพายไม่ตอบกลับมาแต่ไม่นานเสียงโทรศัพท์ของเพียงดินก็ดังขึ้น มันดังจนทำให้เมฆาที่บรรยาอยู่ต้องหยุดชะงักแล้วหันมามอง พร้อมกับสายตาคนอื่นๆอีกด้วย เพียงดินก้มหัวเป็นเชิงขอโทษก่อนจะเดินออกไปข้างนอก เมฆามองตามก่อนจะหันไปทำหน้าที่ตัวเองต่อ
“มีอะไรเหรอครับพาย” เพียงดินออกมาข้างนอกแล้วรับสายพะพาย
“ดินเข้าไปในตัวเมืองทำไมไม่บอกพายคะ เสียดายจัง พายว่าจะขอติดรถไปด้วยซะหน่อย” เสียงปลายสายมีท่าทีเสียดายอย่างที่เจ้าตัวพูด
“แล้วพายจะเข้าตัวเมืองทำไมเหรอ ที่กองไม่มีคนมาส่งหรือไง เดี๋ยวดินให้คนที่ไร่มาส่งเอามั้ย” เพียงดินว่า ไร่เพียงระพีนั้นถ้าหากจะลงมาต้องใช้รถอย่างเดียว ซึ่งแน่นอนว่ารถมอเตอร์ไซค์ก็ค่อนข้างจะลำบากพอตัว ส่วนใหญ่เลยใช้รถยนต์ พะพายคงมีธุระที่อยากจะเข้ามาในตัวเมือง แต่ที่กองคงไม่มีใครเข้ามาด้วย
“ไมรบกวนดีกว่าค่ะ เดี๋ยววันหลังถ้าดินเข้าไปในตัวเมืองอีกพายค่อยตามไปด้วย ว่าแต่ดินจะกลับเมื่อไหร่คะ พายอยากให้ดินพาทัวร์ไร่เสียหน่อย ดินเคยสัญญากับพายไว้นะว่าจะพาเที่ยวไร่เพียงระพี” สาวเจ้าทวงสัญญาเมื่อครั้งที่ยังเคยคบกันอยู่
“คงเย็นๆน่ะ ได้สิ เดี๋ยวดินพาเที่ยวเอง” เพียงดินตอบกลับไป เขาเคยชวนพะพายมาเที่ยวที่ไร่ของเขาบ่อยครั้งแต่เธอก็ปฏิเสธทุกครั้ง กว่าเธอจะได้สัมผัสไร่เพียงระพีก็ผ่านมาห้าปีแล้ว และความสัมพันธ์ของเขาและเธอก็ไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว แต่เพียงดินก็ยินดีทำตามสัญญา เพราะเขาไม่เห็นว่ามันจะเป็นเรื่องเสียหายอะไร และจะได้ลดช่องว่างระหว่างเขาและพะพายที่มันห่างไกลในช่วงตลอดเวลาห้าปีที่ผ่านมา เขาเสียคนรักอย่างเธอไป แต่เพียงดินก็ยังอยากรักษาเพื่อนอย่างเธอไว้
“ดีใจจัง แล้วพายจะรอนะคะ” พะพายพูด
“ครับ” เพียงดินพูดแค่นั้นก่อนจะกดวางสาย
ร่างสูงถอนหายใจก่อนจะเดินเข้าไปข้างใน ก็เจอเมฆาที่บรรยายเสร็จแล้วและกำลังยืนคุยกับนายอำเภอ พ่อของราตรีอยู่ เขาเข้าไปหาคนตัวเล็กแล้วไปยืนข้างๆ
“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะครับพ่อเลี้ยง” ท่านนายอำเภอทักขึ้น ชายวัยกลางคนมีท่าทางเกร็งๆและยิ้มเจื่อนให้เพียงดิน เพราะเรื่องของราตรีนั้นสร้างปัญหาให้กับเพียงดินไม่น้อย นั่นทำให้เขาค่อนข้างจะเกรงใจเพียงดินในหลายๆเรื่อง
“ท่านสบายดีนะครับ” เพียงดินยิ้มให้ ท่านนายอำเภอเป็นคนดีมากคนหนึ่ง แต่เพียงแค่เลี้ยงราตรีมาแบบผิดๆ ทำให้เธอเป็นคนแบบนั้น
“สบายดีครับ วันนี้ผมต้องขอตัวก่อน หวังว่าจะมีโอกาสเจอกันอีกนะครับ” ท่านนายอำเภอยิ้มให้แล้วกล่าวขอตัว เพียงดินพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะแยกกันตรงนั้น
เพียงดินพาเมฆาออกมาข้างนอกแล้วขึ้นรถเพื่อกลับไปที่โรงพยาบาลเหมือนเดิม เมฆามองเพียงดินจนเพียงดินจับสังเกตได้ คนตัวโตกว่าหันมามองแล้วเลิกคิ้ว
“มองทำไมนักหนาเตี้ย รู้น่าว่าฉันหล่อ” เพียงดินหัวเราะแล้วออกรถ
“เหอะ” เมฆาเบ้ปาก เขาแค่อยากรู้ว่าเพียงดินโทรคุยกับใครก็แค่นั้น แต่ไม่อยากถามออกไป เพราะจะเป็นการจู้จีเรื่องส่วนตัวของอีกคนมากเกินไป
“วันนี้มีเข้าเวรรึเปล่า ไปที่ไร่กับฉันมั้ย” เพียงดินชวน เมฆาไม่ค่อยได้ไปเที่ยวที่ไร่ของเขาเท่าไหร่ช่วงนี้ ว่าจะชวนอีกคนไปขี่ม้าเล่นเสียหน่อย
“ไม่ได้เข้าเวร แต่ดูก่อนว่าจะไปรึเปล่า” เมฆาว่า วันนี้ตอนเย็นเขาว่าง แต่ก็อยากจะพักผ่อนเหมือนกัน
“ไปเถอะน่า เดี๋ยวพาไปขี่ม้า พายก็จะไปด้วย ฉันสัญญาไว้น่ะว่าจะพาเธอเที่ยว” เพียงดินตบไฟเลี้ยวเข้าไปในโรงพยาบาล เมฆาขมวดคิ้วเล็กน้อย
พะพาย สงสัยคงจะเริ่มแล้วสินะ
“ไปสัญญากันตอนไหน” เมฆาทำเสียงเข้ม
“นานแล้วน่า อย่าหึงเลยครับเตี้ยครับ จะไปไม่ไป ไม่ไปก็จะมาลักพาตัวถึงที่เลย” เพียงดินว่าก่อนจะหยุดรถ
“ไปก็ไปสิ ตอนเย็นมารับด้วยนะ ส่วนตอนนี้จะไปไหนก็ไป” เมฆาเปิดประตูรถแล้วเดินออกไปอย่างรวดเร็ว
“รับทราบครับผม” เพียงดินตะโกนตามหลังแล้วหัวเราะ ตอนแรกเมฆาเหมือนจะไม่ไป พอพูดถึงพะพายเข้าหน่อยคนตัวเล็กก็ตอบตกลงซะอย่างนั้น
เชื่อฉันเถอะนะเมฆา ตอนนี้ฉันมีนายแค่คนเดียว
และเย็นนั้นเพียงดินก็มารับเมฆาอย่างที่บอกไว้ เมฆามีท่าทีตื่นเต้นเพราะเขาอยากขี่ม้ามาก ไม่ได้ขี่มานานแล้ว แต่พอนึกถึงเรื่องที่จะมีพะพายร่วมด้วยเมฆาก็รู้สึกเซ็งอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน
รถของเพียงดินเข้ามาในไร่ก่อนจะจอดที่ประจำ เพียงดินพาเมฆานั่งมอเตอร์ไซค์ไปที่ฟาร์มแล้วแวะไปหาพะพายที่อยู่ไม่ไกลจากฟาร์มเท่าไหร่ กองถ่ายตอนนี้กำลังเตรียมสถานที่หลายอย่าง จะเริ่มถ่ายอีกทีก็พรุ่งนี้
พะพายยิ้มกว้างเมื่อเจอเพียงดินแต่ก็ต้องหุบยิ้มเมื่อพบว่าเมฆามาด้วย
“น้องหมอเมฆมาด้วยเหรอคะเนี่ย” พะพายพูด เธอกระชับหมวกใบโตของตัวเองเพื่อที่มันจะได้ไม่ต้องปลิวตามลมในไร่
“พอดีดินเค้าชวนมาขี่ม้าน่ะครับ ผมมาที่นี่ประจำ ซี้กับงอกกับเม้งด้วย ใช่มั้ยเม้ง” เมฆายิ้มให้พะพาย ประโยคหลังหันไปพูดกับเม้งที่ยืนอยู่ไม่ไกล
“ชะ... ใช่ครั้บ คุณหมอมาที่นี่บ่อยๆ ชอบมาขี่ม้ากับพ่อเลี้ยงน่ะครับ” เม้งตอบรับเมฆานั่นทำให้เมฆาพอใจเป็นอย่างมาก ตอนนี้เหมือนเขาจะมีแต้มเหนือกว่าพะพายไม่น้อยเหมือนกัน
“ดีจังเลย พายอยากขี่ม้าบ้าง แต่พายขี่ม้าไม่เป็น ดินช่วยสอนได้มั้ย” พะพายที่ทำหน้าไม่สบอารมณ์ในตอนแรกกลับเปลี่ยนมายิ้มหวานให้เพียงดินแทน
“อื้อ ได้สิ เดี๋ยวดินสอนให้” แล้วเพียงดินก็ตอบรับอย่างว่าง่าย พะพายยิ้มกริ่ม เธอเผื่อแผ่ยิ้มนั้นมาให้เมฆาด้วย เมฆารู้สึกเซ็งคนรักไม่น้อย นี่อย่าบอกนะว่าอิตาพ่อเลี้ยงนี่ซื่อบื้อจริง
“ถ้าอย่างนั้นไปเลยดีกว่าค่ะ พายอยากลองขี่ม้าแล้ว” พะพายเข้ามากอดแขนเพียงดินตามความเคยชินเหมือนครั้งที่คบกัน เพียงดินเองก็ไม่ได้ว่าอะไร เขาพาทั้งพะพายและเมฆาไปที่ส่วนของคอกม้า
เมฆาเลือกม้าตัวเดิมที่เขาเคยขี่ประจำ ส่วนพะพายกับเพียงดินก็เลือกม้าอีกตัว เพียงดินช่วยดันพะพายขึ้นไปบนม้า เธอมีท่าทีเก้ๆกังๆ นั่นทำให้เมฆารู้ว่าเธอขี่ม้าไม่เป็นจริงๆ เหอะ เลยใช้เรื่องนี้มาอ้างสินะ แล้วดูเพียงดินสิ ตานี่ก็ตามน้ำเขาไปเรื่อย เมฆาเบ้ปากใส่เพียงดินก่อนจะขึ้นคร่อมม้าของตัวเอง
“พายจะตกมั้ยดิน” พะพายกำเชือกแน่น เธอไม่เคยขี่ม้าและไม่คิดจะขี่มันด้วยซ้ำ มันชั่งเป็นเรื่องบ้าๆเสียจริงที่เธอกันพูดว่าอยากจะขี่ม้า เปลี่ยนใจตอนนี้คงไม่ทัน เพราะตอนนี้เธอมานั่งอยู่บนหลังสัตว์สี่ขาน่ากลัวสำหรับเธอตัวนี้แล้ว
“ไม่ตกหรอก เดี๋ยวดินจะคอยดูอยู่ตรงนี้” เพียงดินค่อยๆจูงม้าออกมาเพื่อเตรียมไปในทุ่งหญ้ากว้าง
เมฆามองภาพนั้นอย่างขัดใจ แต่ก็ไม่อยากจะทำอะไรตอนนี้ ร่างเล็กเลยกระตุกม้าแล้วเตะเพื่อออกตัวไปก่อน เพียงดินอยากทำอะไรก็เรื่องของเพียงดินเถอะ
เพียงดินมองตามเมฆาที่ออกตัวไปก่อนอย่างไม่พูดไม่จา รู้ว่าโดนอีกคนโกรธเข้าแน่ๆ แต่เพียงดินก็ยังแอบยิ้มได้เพราะช่วงนี้เมฆาทำท่าทางเหมือนหึงหวงเขาบ่อยๆทั้งๆที่ก่อนหน้าทำวางมาดมาตั้งนานนะคุณหมอ
“สวยจังเลยดิน” พะพายมองไปรอบๆ ทุ่งหญ้าสีเขียวทอดยาวปะทะกับแสงแดดยามเย็นมันสวยมากสำหรับคนที่ไม่เคยเห็นอย่างพะพาย ส่วนเพียงดินนั้นเขาเห็นจนชินแล้ว
เพียงดินไม่สนใจพะพายที่พูดอยู่คนเดียว เขามองตามแผ่นหลังของเมฆาที่อยู่บนหลังม้า จังหวะม้าวิ่งและสายลมปะทะทุ่งหญ้า รวมกับแสงแดดที่สาดส่องลงมา ทำให้เมฆาตอนนี้เป็นภาพที่งดงามสำหรับเพียงดิน อยากไปนั่งซ้อนข้างหลังแล้วโอบเอวบางนั้นไว้ คงจะดีไม่น้อย
“คิดถึงตอนนั้นจังเลยเนอะดิน ดินชวนพายมาหลายรอบ แต่พายก็ไม่ยอมมาซักที กว่าจะได้มาอีกทีก็ตอนเลิกกันไปแล้ว” พะพายว่า เพียงดินหันไปมองใบหน้าที่เปื้อนยิ้มของเธอนั้น
“ก็พายเป็นคนบอกเลิกเราเอง แต่เราก็ยังเป็นเพื่อนกัน พายก็มาในฐานะเพื่อนไง” ความทรงจำเกี่ยวกับพะพายยังคงงดงามสำหรับเขาเสมอ แต่ตอนนี้เขาและเธอคงเหลือไว้เพียงแค่มิตรภาพที่ดีต่อกันเท่านั้น
“เรายังคิดถึงดินนะ คิดถึงตอนนั้นด้วย” น้ำเสียงที่จริงจังนั้นทำให้แววตาของเพียงดินวูบไหว เขารู้ว่าพะพายหมายถึงอะไร
“ตอนนี้ดินมีเมฆาแล้ว พายก็ควรจะมีชีวิตของพายเหมือนกัน” คำปฏิเสธกลายๆนั้นทำให้พะพายยิ้มเจื่อนลง แต่เธอก็ยังปั้นยิ้มตอบ พยักหน้าให้เป็นเชิงว่าเธอเข้าใจ แต่ภายในใจนั้นกลับร้อนรุ่ม
พะพายเชิดหน้าไปอีกทาง เจอเมฆาที่ขี่ม้วนกลับมาพอดี นั่นทำให้เธออารมณ์ไม่ดี มีเมฆแล้วอย่างนั้นเหรอ ความสัมพันธ์แบบนี้จะไปได้นานแค่ไหนกันเชียว
ม้าของพะพายวิ่งเหยาะๆโดยมีเพียงดินขอจูงอยู่ บทสนทนาของทั้งสองคนนั้นส่วนใหญ่เป็นเรื่องราวเดิมๆที่พะพายเป็นคนชวนพูดเสียมากกว่า เมฆาขี่ม้าเข้ามาใกล้เรื่อยๆ พะพายยกยิ้มเมื่อเธอคิดอะไรดีๆออก
ร่างเล็กปล่อยมือจากเชือกที่ตัวเองถืออยู่แล้วแสร้งทำตัวเอนเอียงเหมือนกับว่าจะตกม้าพร้อมกับตะโกนลั่น
“ดิน!” พะพายเรียกเพียงดิน เพียงดินหันขวับเมื่อเห็นว่าพะพายกำลังจะไถลลงจากหลังม้า เพียงดินกำลังจะคว้าตัวเธอไว้ แต่อยู่ๆม้าก็เกิดตกใจซะก่อน มือของเพียงดินที่ปล่อยเชือกแล้วนั้นไม่ทันจับทำให้ทั้งม้าและพะพายทะยานออกไป
“พาย!” เพียงดินตะโกนลั่น เมฆาที่เห็นเหตุการณ์ก็ตกใจไม่น้อยเหมือนกัน เขารีบขี่ม้าตามแล้วพยายามคว้าม้าตัวนั้นไว้ พะพายที่เกาะหลังม้าตัวสั่นงก
ใครคิดว่ามันจะวิ่งจริงแบบนี้เล่า!
เมฆาไปถึงแล้วพยายามคว้าตัวพะพายไว้ ร่างเล็กของสาวเจ้าไถลตกลงสู่พื้นพร้อมกับม้าสีน้ำตาลที่วิ่งไป เมฆารีบลงมาดูเธอย่างรวดเร็ว
“คุณพะพายเป็นอะไรมั้ยครับ” เมฆาถามด้วยความเป็นห่วงจริงๆ
“พาย” เพียงดินวิ่งมาแต่ไกล ก่อนจะมายืนอยู่ข้างๆเมฆา
“ดิน พายเจ็บเท้า” พะพายทำหน้าตาน่าสงสาร เพียงดินเข้าไปหาหญิงสาว พะพายเจ็บจริง แต่มันก็ไม่มากเท่ากับท่าทีที่เธอแสดงออกมา
ร่างเพรียวระหงส์นั้นขยับเข้าไปใกล้เพียงดิน เพียงดินเองก็แสดงว่าทีเป็นห่วง พะพายเหยียดยิ้มให้เมฆา ความสงสารที่เมฆามีให้เมื่อครู่หายไป กลายเป็นควาไม่พอใจเข้ามาแทน
“เดี๋ยวผมดูให้ครับคุณพะพาย ผมเป็นหมอ” เมฆาว่าก้มลงจับข้อเท้าของเธอขึ้นมา เขาจับข้อเท้าสวยขยับไปมา
“โอ้ย!” พะพายร้อง มันเจ็บจริง ยิ่งขยับมันยิ่งเจ็บ
“เจ็บหน่อยนะครับ” เมฆาว่าอีกรอบแล้วขยับแรงขึ้นก่อนจะบิดให้มันเข้าล๊อค
และมันก็จบด้วยรอยยิ้มของเมฆาที่ยิ้มให้พะพายบ้าง และเสียงร้องของดาราสาวที่ดังลั่นทุ่งเพราะเจ็บจริงไม่ได้ใช้ตัวแสดงแทนเหมือนในละครของเธอ
ไอ้หมอบ้านี่!
อย่าคิดจะสู้กับเมฆของเจ้นะจ้ะ หุหุ