หักเหลี่ยมรักซาตาน
บทที่ 5
แรงจากฝ่ามือเรียวนั่นแรงน่าดู แต่ทินภพก็แค่ยกมือลูบใบหน้าตนเองที่อาจขึ้นเป็นรอย ปักบุญคงโกรธเขาจริงๆถึงได้ตบเสียแรงจนหน้าสั่น แปลกที่ทินภพกลับไม่ได้โมโหเท่าที่ใจคิด หากเป็นสถานการณ์ก่อนหน้านี้เขาอาจจะโกรธเจ้าของรอยมือจนหัวร้อน แต่ในวินาทีนี้ทินภพกลับอารมณ์ดีพอที่จะหัวเราะได้
กลิ่นกายของปักบุญยังกรุ่นๆอยู่ตรงจมูก มันไม่ได้หอมยวนใจเหมือนสาวๆที่เขาควงไปไหนมาไหน แต่ก็ไม่ได้เหม็นเหงื่อเหมือนพวกผู้ชายอื่นที่เขาเคยรู้จัก เรียกได้ว่าเป็นกลิ่นกายเฉพาะของปักบุญก็ว่าได้ รสชาติของบทพิศวาสบนเตียงเป็นประสบการณ์ใหม่ ทินภพเองก็เพิ่งเคยลิ้มรสเพศเดียวกันก็ครั้งนี้ ไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คิด มันก็ทำให้เขาสุขสมได้ ทินภพกังวลเพียงอย่างเดียวว่าเขาเป็นพวกชอบเพศเดียวกันหรือเปล่า หรือว่าเฉพาะแค่ปักบุญที่เขาต้องการเอาชนะ
นึกถึงใบหน้าตัดพ้อนั่นแล้วใจก็อดสงสารไม่ได้ อันที่จริงปักบุญก็ไม่ได้รู้เรื่องอะไร มิหนำซ้ำต้องมารับผิดชอบในสิ่งที่พี่ชายตนเองทิ้งภาระไว้อีก
“เฮ้ย ไอ้เหี้ยทินภพ มึงจะสงสารไม่ได้ นั่นมันคนของไร่ชมจันทร์”
เขาด่าตัวเองที่รู้สึกเช่นนั้น เขาไม่ควรเห็นใจน้ำตาของทายาทของตระกูลที่สร้างความอับอายให้ครอบครัวของเขา ทินภพเตือนตัวเองให้โกรธ เกลียด ชิงชัง เขาจะต้องทำให้คนพวกนั้นรู้สึกอัปยศอดสูจนถึงที่สุด
ความคิดของเขาสะดุดลงเมื่อได้ยินเสียงโทรศัพท์มือถือ เมื่อคว้ามันขึ้นมาดูหน้าจอเขาก็รีบกดรับสาย
“ว่าไงครับพ่อ”
“อยู่ไหนทิน ในเมืองหรือเปล่า นี่แอบนัดสาวไปออกกำลังกายอีกแล้วใช่ไหม”
ทินภพหัวเราะ พ่อรู้จักเขาดี แต่ที่ยังไม่ได้บอกไปคือวันนี้เขาชวนหนุ่มมาออกกำลังกายบนเตียงต่างหากเล่า
“ลูกพ่อนี่นา เชื้อไม่ทิ้งแถวหรอกครับ ว่าแต่มีอะไรด่วนหรือเปล่า”
“ไม่มีหรอก แต่บ่ายๆไปรับแมงปอที่โรงเรียนด้วย พ่อจะใช้เจ้าดำขับรถไปธุระสักหน่อยอาจจะกลับค่ำๆโน่นแหละ”
เด็กหญิงแมงปอเรียนอยู่โรงเรียนอนุบาลเอกชนชื่อดังในตัวเมือง โดยปกติแล้วจะมีคนขับรถมารับในตอนเลิกเรียน แต่ถ้าคนขับรถมีธุระต้องทำงานอื่นทินภพก็จะมารับลูกเอง
“ได้ครับ รับทราบ เดี๋ยวผมไปรับแมงปอเอง พ่อก็อย่าหักโหมล่ะ ออกกำลังกายเบาๆหน่อย”
“โว้ย ไอ้ลูกคนนี้”
นายทูลส่งเสียงโวยวายก่อนตามด้วยเสียงหัวเราะแล้วค่อยวางสาย ทินภพจึงทิ้งกายนอนต่ออย่างอารมณ์ดี ในจินตนาการกลับปัดสีหน้ายามเร่าร้อนของปักบุญออกไปไม่ได้เลย
“ปักบุญ แสบนักนะ”
เขาสบถเบาๆเมื่อเฝ้าแต่คิดถึงใบหน้าของคนที่เขาชิงชังมาตั้งแต่จำความได้
นั่งซึมอยู่ในรถขณะจอดอยู่ข้างถนนเนิ่นนานจนน้ำตาแห้งเหือด ปักบุญเจ็บใจที่เขาต้องสิ้นศักดิ์ศรีไปเพราะผู้ชายคนนั้น ผู้ชายที่ใช้ข้อได้เปรียบมาบังคับข่มเหง ปักบุญรู้ดีว่าทินภพเป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้น พ่อกับแม่เคยเล่าให้เขาฟังเรื่องในอดีต ที่อาของพ่อพาย่าของทินภพหนีไปและฆ่าตัวตายพร้อมกัน
“คนพูดกันไปทั้งจังหวัด เรื่องมันดังมาก ตอนนั้นพ่อเองก็ยังเด็กอยู่เลย แต่ทางไร่เชิญตะวันเขาก็เกลียดเรานับตั้งแต่บัดนั้นทั้งที่เขตไร่ติดกัน เขาเอารั้วลวดหนามมากั้นแบ่งอาณาเขตเลยนะ ทางเราก็ไม่รู้จะทำยังไง บ้านเขาใหญ่กว่า ฐานะดีกว่า ไอ้เรามันไร่เล็กๆจะไปสู้ไปเถียงอะไรเขาได้”
ปักบุญรู้เรื่องนี้ดีตั้งแต่เด็กๆ ตอนเข้าเรียนโรงเรียนมัธยมประจำจังหวัดที่มีทินภพเป็นรุ่นพี่ เขาได้แต่เดินตัวลีบหลีกหนี ไม่อยากเผชิญหน้ากับสายตาชิงชังคู่นั้น แต่บางทีทินภพก็ช่างแกล้งเตะลูกบอลมากระแทกปักบุญที่นั่งอ่านหนังสืออยู่บ้าง หรืออย่างอื่นที่ปักบุญได้แต่นิ่งเงียบมองกลับด้วยความโมโห
ใครจะนึกว่าวันนี้ทินภพจะแกล้งเขาได้อย่างเจ็บแสบที่สุดด้วยการช่วงชิงศักดิ์ศรีของเขา แม้ปักบุญจะไม่มีพรมจรรย์เหมือนอิสตรีแต่เขาก็มีศักดิ์ศรี ทินภพได้พรากมันไปแล้ว ปักบุญได้แต่กล้ำกลืนความเจ็บช้ำลงไป
“เลิกคิดฟุ้งซ่านเถอะน่า เสียแค่ครั้งเดียวแลกกับน้ำในไร่ ไม่มีใครรู้เรื่องนี้ด้วย”
เขาสะบัดหน้าขับไล่ความรู้สึกเหล่านั้น ชีวิตต้องดำเนินต่อไปไม่ใช่แค่วันนี้ หากจะรอแต่ผลผลิตในไร่ รายได้คงไม่เพียงพอ ปักบุญคงต้องหางานอื่นทำไปด้วยแต่เขาจะไปหางานที่ไหนที่ได้เร็วๆล่ะ
“กานติมา เป็นเจ้าของโรงเรียนอนุบาลนี่นา”
ยิ้มด้วยความยินดี เพื่อนสนิทคนหนึ่งตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมปลายเป็นทายาทของเจ้าของโรงเรียนอนุบาลชื่อดัง ปักบุญยังติดต่อกับเพื่อนอยู่เป็นระยะ ลาออกจากเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยแล้วลองมาสอนเด็กอนุบาลบ้างก็ไม่เลว
คิดได้ดังนั้นปักบุญจึงสำรวจตัวเองจากกระจกรถ เขาเช็ดคราบน้ำตาจัดผมให้เข้าทรง เหลือบเห็นรอยแดงที่คอผลงานของทินภพแล้วก็ต้องถอนหายใจก่อนใช้เสื้อเชิ้ตปิดบังมัน จากนั้นเขาจึงขับรถไปที่โรงเรียนของเพื่อน โชคดีที่กานติมาอยู่ที่โรงเรียนวันนี้
“ปักบุญ ว้าย หล่อเหมือนเดิมนะแก”
กานติมาส่งเสียงวี้ดว้ายด้วยความดีใจที่ได้พบเพื่อนเก่า หญิงสาวต้อนรับเพื่อนในห้องทำงานพลางพูดคุยถึงความเป็นอยู่
“อ้าว ลาออกแล้วเหรอแก แล้วป.โทของแกล่ะ”
กานติมาเอ่ยถามด้วยความแปลกใจเพราะรู้ว่าเพื่อนยังเรียนพร้อมกับสอนหนังสือไปด้วย
“เหลือสอบวิทยานิพนธ์อีกรอบเดียวก็จบแล้ว ที่ลาออกมานี่เพราะเกิดเรื่อง”
ปักบุญเล่าเรื่องที่ปองชัยพี่ชายทำเหตุจนเขาต้องกลับมาที่นี่ กานติมาได้แต่มองอย่างเห็นใจ
“โธ่ ไม่น่าเลยแกเอ๊ย”
“เรามาของานเธอน่ะกาน มีตำแหน่งครูให้เราทำบ้างไหม เราไม่อยากทำไร่อย่างเดียว”
“ไอ้มีมันก็มีนะปัก แต่แกจะสอนเด็กอนุบาลได้เหรอ มันไม่เหมือนสอนระดับมหาวิทยาลัยนะ เงินเดือนก็ไม่มากด้วย”
ปักบุญยิ้มด้วยความดีใจ
“ได้สิ เราเข้ากับเด็กได้อยู่แล้ว”
“งั้นก็ดีเลย เริ่มงานพรุ่งนี้เลยนะ”
ปักบุญพยักหน้า เขาอยู่พูดคุยกับกานติมาเรื่องแนวทางการสอนและหลักสูตรของโรงเรียนจนถึงช่วงใกล้โรงเรียนเลิก ปักบุญจึงได้กล่าวลาเพื่อนและเดินออกมาตรงหน้าโรงเรียน ช่วงระยะเวลาที่ผู้ปกครองกำลังขับรถมารับบุตรหลานการจราจรหน้าโรงเรียนค่อนข้างจอแจ ทันใดนั้นปักบุญก็ต้องตกใจสุดขีดเมื่อเห็นเด็กหญิงตัวเล็กที่กำลังเดินไปทางร้านค้ากำลังจะถูกรถจักรยานยนต์ที่ขับแฉลบมาชน
“ระวัง!”
เขาปรี่เข้าไปอุ้มร่างป้อมได้ทันควัน รถมอเตอร์ไซค์เฉียดไปแค่นิดเดียวก็เกือบจะชนแล้ว เด็กหญิงร้องไห้จ้าด้วยความตกใจ
“เด็กบ้า เดินระวังรถหน่อยสิวะ”
คนขี่หันมาตวาด เด็กหญิงยิ่งร้องไห้สะอึกสะอื้น ปักบุญวางร่างป้อมลงกับพื้นพลางลูบผมอย่างอ่อนโยน
“ไม่เป็นไรแล้วนะครับคนเก่ง หยุดร้องเถอะ น้ำตาเลอะหมดแล้ว”
เสียงนุ่มของปักบุญทำให้เด็กหญิงคลายสะอื้นลงได้ ปักบุญยิ้มอย่างเอ็นดู
“หนูจะมาซื้อขนมหรือคะ อยากกินอะไรเอ่ย”
“หนูอยากได้อมยิ้มค่ะ”
เสียงเล็กตอบโต้แม้จะยังมีเสียงสะอื้นปนมาแต่ก็เบาบางไปเยอะ ปักบุญจูงมือน้อยไปที่ร้านพลางช่วยเลือกขนมจนพอใจก่อนจะจูงมือกลับไปที่โต๊ะหินอ่อนใกล้รั้วโรงเรียน
“อร่อยไหมคะ น้องอะไรนะ อายังไม่รู้จักชื่อเลย”
“หนูชื่อแมงปอค่ะ อยู่อนุบาลสอง แล้วคุณอาใจดีชื่ออะไรคะ”
เด็กหญิงแมงปอยิ้มจนหน้าพอง ถูกชะตากับคนที่มาช่วยไม่ให้เจ็บตัว คุณอาใจดียิ้มตอบพลางโยกหัวแมงปอเบาๆ
“อาชื่อปักบุญ เรียกว่าอาปักก็ได้ แต่พรุ่งนี้อาจะมาเป็นคุณครูที่โรงเรียนนี้แล้ว ถ้าเจอกันแมงปอต้องเรียกว่าคุณครูแล้วนะ”
แมงปอตาโต เกาะแขนเพื่อนใหม่ไว้แน่น
“โห ดีจัง อาปักต้องเป็นคุณครูใจดีแน่ๆเลย”
“แล้วนี่ แมงปอรอผู้ปกครองมารับใช่ไหมเอ่ย”
“ใช่แล้วค่ะ รอลุงดำมารับ อ้าว พ่อ”
เด็กหญิงตัวป้อมเอ่ยทักข้ามไหล่ของปักบุญไปเมื่อเห็นบิดามารับ ก่อนวิ่งถลาไปหาให้ผู้เป็นพ่ออุ้มไว้
“พ่อจ๋า ตะกี้แมงปอเกือบถูกรถชน แต่มีคุณอาใจดีมาช่วยไว้”
ทินภพตกใจ เขาสำรวจร่างกายลูกสาวเมื่อไม่เห็นร่องรอยบาดเจ็บจึงเบาใจ
“ต่อไปแมงปอต้องระวังนะลูก แล้วไหนคุณอาใจดีที่ช่วยไว้ พ่อจะไปขอบคุณเขาสักหน่อยที่ช่วยลูกสาวพ่อ”
“ทางนี้ค่ะพ่อจ๋า”
ทินภพปล่อยแมงปอลงเดิน เด็กหญิงจูงมือบิดาให้ก้าวเร็วๆมาทางโต๊ะที่นั่งอยู่
“นี่ไงคุณอาใจดี คุณอาปักขา นี่พ่อของแมงปอค่ะ”
ปักบุญหันไปตามเสียงเรียก รอยยิ้มที่ค้างอยู่บนใบหน้าพลันเลือนหายเมื่อเห็นคนที่แมงปอจูงมืออยู่ หน้าขาวยิ่งซีดลงไปอีก ไม่ต่างจากทินภพที่ยืนอึ้งเมื่อรู้ว่าคนที่ช่วยแมงปอไว้คือคนที่เขาเพิ่งฝากรอยประทับไว้เมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมานี่เอง
“คุณ...”
ปักบุญตะลึงงัน ทินภพมีลูกสาวแล้วแสดงว่ามีครอบครัวแล้ว แต่กลับมามีความสัมพันธ์กับเขา ช่างน่ารังเกียจเป็นที่สุดกับผู้ชายที่นอกใจภรรยาตนเอง
“ปักบุญงั้นหรือ”
โลกกลมเกินไป ใครจะนึกว่าคนที่ช่วยแมงปอไว้คือปักบุญ ท่าทางลูกสาวของเขาจะชอบปักบุญมากเสียด้วย ทินภพยกยิ้มที่มุมปาก
“ยังไงก็ขอบใจนะที่ช่วยแมงปอ แต่ว่า...” เขาพูดโดยไม่ให้แมงปอได้ยิน “มันก็ลบล้างเรื่องทั้งหมดไม่ได้”
ปักบุญโมโหจนหน้ามืด ประกอบกับที่เครียดสะสมมาหลายวัน อาหารก็ยังไม่ตกถึงท้องตั้งแต่เช้าแถมยังต้องมาเสียพลังงานไปกับการถูกทินภพข่มเหง แดดยามบ่ายคล้อยก็ยังแรงจนในที่สุดเขาก็ยืนไม่อยู่ ก่อนที่ร่างของปักบุญจะฟาดพื้นเขารู้สึกได้ว่ามีวงแขนมารับไว้ได้ทัน
“พ่อ อาปักเป็นอะไร พ่อช่วยอาปักเร็วเข้า”
นั่นเป็นเสียงสุดท้ายที่ปักบุญได้ยินก่อนสติจะดับวูบลง
มีต่ออีกนิด....