บทพิเศษ
-วันว่าง-
1
โปรดเตรียมใจก่อนอ่าน... ‘เจอแล้วค่ะ แฝดกู’ โลกนี้นี่ประหลาด ไม่ว่าผู้คนจะมีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง หน้าแบบตัวเอง ตาแบบตัวเอง ทุกอย่างเป็นตัวเองสูงมาก แต่ยังไง๊ยังไง มันก็ยังจะมีใครมาเหมือนอยู่ดี ไม่รู้ว่าเราเหมือนเขา หรือเขาเหมือนเรา ประเด็นคือความเหมือนนี่เหมือนประเภทไหน ความชอบเหมือนกัน อันนี้คือมีเยอะแยะถมเถไป ยกตัวอย่างตบตีแย่งผู้ชายกัน คือตัวอย่างก็ดราม่าเกิน 555 สูงขึ้นไปอีกหน่อย บุคลิกภาพภายนอกเหมือนกันสุดขั้ว เออ ก็แปลกไปนะ สูงขึ้นอีกนิด บุคลิกภายในเหมือนกัน นี่คือยากที่จะเจอนะ เอาจริงๆ สูงสุดคือ หน้าเสือกเหมือนกันทั้งๆที่ไม่ใช่แฝดที่เกิดท้องพ่อท้องแม่เดียวกันแบบในตัสที่เขากำลังอ่านแบบอึ้งหลายตลบนี่ คือช็อค ไม่สามารถมีคำบรรยายใดๆมาเอื้อนเอ่ย
หน้าเหมือนกันมากถึงมากที่สุด ประมาณแอบคิดเหมือนในหนังละคร
สองคนนี้…เป็นพี่น้องที่พัดพรากกันมาเป็นแรมปีป่ะวะ เหมือนเกิ๊น
E’Nod เฮ้ย ยกนิ้วให้เลยค่ะ เหมือนจริงอะไรจริง สรุปมึงทั้งคู่เป็นพี่น้องกันเหอะ
Neeranach มันคือดีงามใช่มั้ย จะมีคนเหมือนกูบ้างป่ะนี่
โบธ โบธ เหมือนมึงนี่คือโชคร้าย
Neeranach กรี๊ดดดดดด อิโบธอิคนเลว
สรุปคือตัสนั้นเป็นของเพื่อนอักษรเอกเดียวกับเขาคนนึงที่โพสต์เมื่อยี่สิบวิที่แล้ว มันเพิ่งขึ้นเหนือเช็คอินที่เชียงใหม่ไม่กี่ชั่วโมง นี่คือเจอสิ่งมหัศจรรย์รวดเร็วปานจรวดรีบโพสต์ให้เพื่อนอิจฉาแทบไม่ทัน ส่วนถามว่าตอนนี้เขาเล่นเฟสอยู่ ณ แห่งหนใดในโลก ตอบเลยว่าที่มอ มานั่งหน้าตึกอักษรนี่เลย ยัง ยังหมายรวมถึงพวกแองเจิลที่แม้จะจิตใจห่อเหี่ยว แต่ก็ยังมีแรงเม้นตัสเพื่อนอยู่ด้วยกัน
คำถามที่สอง ถามว่าเรามาทำไมกันที่มอ
เขาจะตอบให้กระจ่างชัดว่า ในขณะที่ทุกคนสนุกสนานรื่นเริงหยุดเที่ยวส่งท้ายปีเก่าเช่นนี้ซึ่งก็รวมถึงผองเพื่อนชาวอักษร และคณะข้างกันถัดๆๆๆๆๆๆไป แต่พวกเขาทั้งหมดกลับต้องมาชดใช้กรรมเก่าที่เคยโดดเรียนคลาสของอาจารย์ประสิทธิ์ไปเมื่อครั้งกระโน้น โดยการมาช่วยนางแพ็คเอกสารบลาๆ เพื่อเติมเต็มหมึกปากกาของนางในการพิจารณาว่าควรขีดถูกลงช่องเช็คคาบเรียนของพวกเขาดีหรือไม่… ใช่แล้ว พวกเขา มีคาบเรียนไม่พอในวิชาของนาง สรุปคือ ต้องติดเอฟไปถ้าไม่แก้เสียแต่เนิ่นๆ เมื่อผลอะไรต่อมิอะไรออกมา นางบอกขี้เกียจมานั่งฟังเราร้องห่มร้องไห้เสียใจทีหลัง
แต่นี่มันช่วงเทศกาลตามแก้งานรึก็ไม่ นี่มันช่วงหยุดยาวปีใหม่นะเออ อยากถามว่าอาจารย์ประสิทธิ์ นางไม่พงไม่พักเหนื่อยป่ะให้ทาย
“กูอยากไปเที่ยวโว้ยยยยยยยย”
จู่ๆ นดก็เงยหน้าจากหน้าจอแท็บนางขึ้นมาตะโกนร้องกู่ก้องสุดเสียง จนคนแถวนั้นนี่หันมามองตามๆกัน คือเข้าใจป่ะว่ามอตอนนี้มันเงียบสงัดดุดมีใครมากดปิดปุควบคุมเสียงก็ไม่ปาน และคนเหลืออยู่น้อยมาก ส่วนใหญ่พบชะตากรรมแบบพวกเขา คือ แก้งาน เพราะงั้นเดาว่าเสียงนดเมื่อครู่มันดังมากพอจะกระทบเข้าโสตประสาทหูของผู้ฟังได้ไกลเท่ากี่ร้อยหลา แม้กระทั่งคนเสียบหูฟังยังถอดแล้วหันมามองเลย
“อินี่ เบาๆสิมึง” นีห้ามปราม
“เออๆ ลืมไป”
“…”
“มึงว่ามั้ย อิเจ๊สิดยานี่ก็เหลือเกิน เกินทนกูมาก นี่คือจงใจกะจะแกล้งใช่มั้ย แม่ง คนอื่นโดดคาบนางสามสี่คาบไม่เห็นคาบเรียนไม่พอแบบพวกเรามั่ง นี่อะไร โดดหนีสองคาบคือจะติดเอฟ ฟวยไม่มีใครเกินค่ะ”
นดบ่นออกมาอย่างเหลืออด ทุกคนในโต๊ะคือคิดตามนะ มีเหตุการณ์แบบนางว่าจริงทุกอย่าง คนพวกนั้นก็รอดทุกครั้ง สงสัยจะโทษความคุ้นหน้าคุ้นตากันดีระหว่างนดกับนาง หรือจะเพราะความหมั่นไส้จนต้องฉะฝีปากกันทุกครั้งไปในคาบระหว่างอาจารย์ประสิทธิ์เจ้าแม่ฝีปากคมและนดปากกล้า อันนี้ก็ไม่รู้เหมือนกัน
“ก็มึงอ่ะ ทำนางจำหน้าได้” โบธเปิดประเด็นโยนความผิดให้นดไป
“อินี่ กล้ากล่าวหากู ก็ถ้ามึงไม่หล่อจนนางจำได้ก็จะดี”
ข้อกล่าวหาถูกโยนกลับไปให้โบธ
“พอเถอะค่ะ สรุปผิดกันทั้งคู่ กูต้องมานั่งรับกรรมด้วยอีก เพลีย” นีบ่นบ้าง
“แหม อินี มึงนี่ตัวดี มึงจำไม่ได้เหรอ กรี๊ดกับโทรศัพท์กลางห้องคาบแรกๆที่เรียนกับนางนี่คือนางจำไม่ได้ ดี๊ดีเนาะ”
ฉะกันไม่มียั้ง นีกระโจนพ่นฝีไม้(น้ำ)ลายปากกับทั้งสามจนโต๊ะเราดังสุดแล้วตอนนี้
“ชู่ เบาๆมึง”
ขิมที่คงจะเห็นความเป็นไปแบบเขาจุ๊ปากให้ทุกคนคุยกันเงียบๆ ตอนนี้คือคนมองกันมากมาย สายตาหลายคู่เริ่มไม่มีแววนิ่งเฉยแต่ปรากฏแววรำคาญมาแต่ไกล
“นั่นสิ พอๆ” เขาเอ่ยปรามบ้าง
“มึงแหละตัวดี” นดสวนกลับเบาๆ
“ฮะ?” เขาตีหน้างง
“นี่ถ้ามึงฉุดพวกกูกลับกรุงเทพ พวกกูก็ไม่ต้องมาลำบากเจออิสิดยาโขกสับแบบนี้” คำกล่าวหานี้เป็นของนด
“ใช่แล้วอิมิว อิคนติดผัว แหมๆ อยากอยู่เที่ยวงานวัด” นี นั่นพวกมึงชวนต่างหาก สรุปเขาจะไม่มีปากเสียงใดๆ เขากำลังโดนรุม
“และมึง เกือบทำกูเสียตัวอีกแล้ว” โบธนั่นมันคนละเรื่องมั้ย ถ้ามันไม่ไปแก้ผ้าล่อตะเข้อย่างกวินซี่ อะไรๆมันคงจะดีกว่านี้ แต่ทำไมเขาขำประเด็นนี้
“เฮ้ยมึง เงียบๆ นั่น” เป็นขิมที่ช่วยชีวิตเขาไว้
“อิเจ๊สิดยานี่”
เราทั้งหมดหันไปมอง สายตาปะทะเข้ากับผู้ชายวัยกลางคนอ้วนท้วนชนิดเกินความสมบูรณ์มาแบบหลายเท่าตัว ผมที่สั้นแต่ไว้ทรงหน้าม้าประหน้าผาก แล้วหวีให้เรียบแปล้ คิ้วกรีดอายไลน์เนอร์ชนิดเข้มจนแม้ไกลหลายเมตรยังเห็นเส้นโค้งที่เด่นหรามากกว่าส่วนอื่นบนใบหน้า ทุกอย่างรวมตัวเป็นอาจารย์ประสิทธิ์ สาวประเภทสองที่คงร่างชายไว้อย่างลงตัว ด้วยความสวยงามที่นางพร่ำเพ้อบอกเหล่านิสิตทุกวันจนทุกคนในที่นี้ตะลึงงันราวต้องมนตร์สะกดในลวดลายการก้าวเดินประหนึ่งนางแบบสาวบนเวทีแคทวอร์คก็ไม่ปาน ใบหน้ารึก็เชิดขึ้นมองฟ้า มือจับไว้ที่เอวข้างหนึ่ง อีกข้างถือโทรศัพท์แนบหูนำเสนอโปรดักต์ได้เป็นอย่างดี ภาพรวมคือโก้เก๋
“นางดูรีบๆนะมึง” นดกระซิบกระซาบในกลุ่ม
“พอเหอะ นางกำลังมาทางนี้” นีบอกให้ทุกคนรู้
คาดคะเนจากตำแหน่งและทิศที่นางมุ่งหน้ามา ละติจูดมันตรงกันมากมาย แต่ท่าทางรีบร้อนคุยโทรศัพท์ไปเหน็บประเป๋าไว้ใต้รักแร้ไป เดินตรงมาทางนี้ไป ทุกอย่างสรุปคือรีบร้อนหมดไม่สมกับเป็นอาจารย์ประสิทธิ์มาดเคร่งขรึมแต่กินเด็ก(?) คนนี้เลย
“อาจารย์ประสิทธิ์ กราบสวัสดียามเช้าค่ะ” นดและพวกเรายกมือไหว้เมื่อนางเดินมาถึงโต๊ะ
อาจารย์ประสิทธิ์กดวางสายแล้วเก็บโทรศัพท์มือถือกลับใส่ไว้ในช่องใส่โทรศัพท์ข้างกระเป๋าที่นางแอบมาคุยโวกับนิสิตหัวดำทั้งหลายว่านางนี่คือเดินซื้อแทบพลิกแผ่นดินหา สรุปไปได้กระเป๋าสารพัดประโยชน์แบบนี้ที่แคนาดา แต่นดฟันธงลับหลังแฉทุกประเด็นไปแล้วว่า อย่างเก่งจ้างช่างแถวบ้านแน่นอน ปิดตำนาน ประสิทธิ์เจ้าแฟชั่นไป
“พอๆ ไม่ต้องพิธีรีตองมากมาย”
แกยกมือปรามๆพวกเราให้ลดมือลง
“เข้าเรื่องเลยนะเด็กๆ อาจารย์ต้องขอโทษพวกเธอๆด้วยนะที่มากันวันนี้ แต่พอดีเมื่อกี้สายเข้ามา คาดว่าตัวเองคงจะติดพันกับธุระส่วนตัวเสียแล้ว ประเดี๋ยวอาจารย์จะให้พวกเธอมากันใหม่…”
“ไม่นะคะจารย์ขา พวกหนูยังต้องมาวันอื่นอีกเหรอ”
นดแทบร้องห่มร้องไห้ ไม่ต่างอะไรกับทั้งหมด แสดงว่าหยุดยาวปีใหม่นี้พวกเขาจะชวดเวลาพักเต็มอิ่มสุดอิ่มจริงไป มันไม่มีอะไรเลวร้ายที่สุดไปกว่านี้แล้วจริงๆ
“ฟังให้จบก่อนค่ะนิสิต ประเดี๋ยวของอาจารย์คือจะยกยอดไปในเทศกาลที่พวกเธอเรียกว่าเทศกาลวันตามแก้งานนั่นแหละ สรุปคือ ยกยอดไปเดือนเมษาค่ะ ทีนี้ร้องกันให้พอ”
นางกอดอก แต่คือตอนนี้นดโผเข้ากอดนางไปแล้ว พวกเราในโต๊ะเฮฮาดีใจใหญ่มาก ประหนึ่งพึ่งตื่นจากความฝันเลวร้าย ปลดปล่อยเสียงร้องดังๆออกมาด้วยความดีใจ
ดังให้ฟ้ามันถล่มกันไปเลย…
ลาพักหยุดยาวปีใหม่ยังทันใช่มั้ย ?
“กูนี่จะก้มกราบทีนนางอยู่แล้ว เป็นคนดีก็วันนี้แหละ วันนี้กูเห็นอาจารย์สิดยาเป็นนางฟ้า”
นดคุยจ้อไม่หยุด ยกย่องอาจารย์ประสิทธิ์ดีอย่างงั้น อาจารย์ประสิทธิ์ดีอย่างงี้ นี่ขนาดมานั่งกินข้าวเที่ยงกันในร้านยังไม่หยุดบ่นรอข้าวอ่ะคิดดู
“แต่ก็ยังต้องแก้อยู่ดี เพียงแต่เลื่อนไป ถูกมั้ย” เขาตอกย้ำความจริงจนทั้งหมดสะอึกไปตามๆกัน
“ค่ะ” ทีงี้ไหงพูดพร้อมกันเชียว
“ว่าแต่ ผัวหายหน้าหายตาไปไหนคะ”
นดถามหาหมอ หมดเรื่องแล้วคือเตรียมเสือกเรื่องของเพื่อนว่างั้นเหอะ
“ไปรับคุณพ่อคุณแม่ บ่ายโมงมันจะมารับกูกลับ”
“อุ๊ยตาย คุณพ่อ…คุณแม่…”
ให้มโนว่ามันลากเสียงยาวตรง พ่อ… แม่… ที่สุดแห่งความยียวนคืออินด
“เพื่อนก็เรียกมั้ย” เขาตบบ่านดไป
“เจ็บๆ เขินแรงมาก อิมิวเขินแรง อิมิวคนติดผัว”
ตกลงคือขณะรออาหารมานี่ล้อเขาใหญ่ใช่มั้ย โอ๊ย ไม่โดนรุมมั่งให้รู้ไป
ตึ๊ง
“อุ่ย ผอผัวมั้ยคะนั่น”
เขาหยิบไอโฟนขึ้นมาดู
หมอ หล่อ : มึงไปถึงช้านะ เครื่องดีเลย์
Thanakorn’X : อ่าว งี้ต้องรอกี่ชั่วโมงอ่ะ
หมอ หล่อ : รอไปดิวะ บ่นๆ ถ้ารอไม่ได้ก็กลับเอง
อ้าว ไหงงั้น
เขาขมวดคิ้วเป็นปมใหญ่ เพื่อนนี่คือเห็นเควสชั่นมาร์คขนาดใหญ่แปะที่หน้า
หมอโกรธอะไรเนี่ย?
ครืด ครืด
ไอโฟนในมือสั่น
หมอโทรมา
[มิว ที่คุยกับมึงในแชทไม่ใช่กูนะ
…หมอ ไปบอกมิวทำไม ไอ้ลูกคนนี้นี่ เสียแผน]
มีเสียงผู้หญิงดังแทรกมา เควสชั่นมาร์คพลันสลายหายไป เกิดเป็นความเอือม
ขี้แกล้งไม่มีใครเกิน…คุณพ่อคุณแม่
กินข้าวเที่ยงกันจนพุงยื่นแบบอิ่มสุดอิ่มจนกระเพาะจะระเบิดก็ยังไม่หยุดกิน เพราะนดชวนทุกคนมาเวิ่นเว้อที่ร้านน้ำปั่นเปิดใหม่ข้างมอ อะไรคือวกไปแล้วก็วกกลับ สาเหตุคงต้องโทษหมอทั้งหมด เพราะพาคุณพ่อคุณแม่แวะทานข้าวเที่ยง ตอนแรกก็ชวนเขาแต่เขาบอกไปว่ากำลังกิน สรุปคือต้องรอหมออีกประมาณชั่วโมงกว่า ก็ชิวๆไป
“กูจะบอกว่าเจ้าของร้านคือหล่อมาก ประมาณเรียกพ่อค้าแซ่บได้เลย”
นดคุยโวมาตลอดเส้นทางเดินไป จนทุกคนนึกอยากเห็นโฉมหน้าของพ่อค้าร้านน้ำปั่นว่าจะแซบบาดใจขนาดไหนเร็วๆจากเดินช้าๆเวิ่นๆ ก็กลายเป็นเดินเร็วไปเฉยเลย
“ขนาดนั้นนี่คืออยากเจอแล้ว” นีปาดน้ำลายไปอีกคน
“ถึงแล้วค่ะ ร้านน้ำปั่น His Green กูจะบอกว่า His นี่เพิ่งมาเปลี่ยนนะมึง ตอนนั้นร้านชื่อ Green tea เปิดใหม่ยังไม่ถึงสามเดือนได้เลย คำว่า His นี่มาพร้อมพ่อค้าแซ่บคนนั้นเลยค่ะ”
เรามาหยุดยืนพิจารณาชื่อร้านที่ทำด้วยไม้แกะสลักเป็นคำภาษาอังกฤษ His ถูกทาด้วยสีดำ ส่วน Green ละเลงด้วยสีเขียวอ่อน ชื่อร้านดีงามมากจนเรายืนมองนานมาก คนผ่านไปมาคิดว่าบ้า เพราะยืนตากแดดกันเงยมองชื่อร้านอ่ะ 555
กรุ๊งกริ๊ง
เสียงดังรื่นหูเหมือนร้านทั่วไป พอเข้ามาลมแอร์ปะทะหน้าเย็นชื่นใจ เหล่าแองเจิลกวาดตามองหาพ่อค้าแซ่บแบบชนิดเราดาร์จับการเคลื่อนไหว
“มีอะไรให้ช่วยมั้ยครับ”
เราทั้งหมดหันหลังไปมอง
พบกับ…ผู้ชายคนหนึ่งสวมกันเปื้อนสีชมพู ยิ้มหวานมาให้เรา
“เอ่อ โต๊ะไหนว่างบ้างคะ”
“ถ้าคุณลูกค้าอยากได้ที่นั่งชมวิวข้างทาง ขอแนะนำว่าเชิญที่โต๊ะแปดเลยครับ เหลือโต๊ะชมวิวแค่โต๊ะเดียวแล้ว”
พวกเราพยักหน้าไม่ลืมจะยกมือไหว้ขอบคุณพี่พนักงานคนนั้นไป เพราะเห็นว่าน่าจะอายุมากแล้ว เปล่าดูที่หน้านะ แต่สังหรณ์มันบ่งบอกได้
ตอนแรกก็งงว่าอะไรคือชมวิวข้างทาง พอเยี่ยมหน้าออกไปถึงรู้ว่า ดอกทิวลิปสีชมพูปลิวไสวในกระจกที่ติดไว้กับข้างร้านสวยมากมาย ที่บอกว่าชมวิวนี่คือให้อารมณ์เหมือนทุ่งดอกทิวลิปงามบานสะพรั่ง เหมาะแก่การมานั่งจิบไป นั่งมองไป
“มึง ไหนบอกพ่อค้าแซ่บ ที่เห็นนี่คือ พ่อค้าน่ารัก กรี๊ด”
ขิมกรี๊ดเบาๆ
“พี่พนักงานตะกี้คือน่ารักมาก ยิ้มแบบ โอ๊ย ใจละลาย”
นีเอาด้วย
“แต่วันนั้นกูยังเจออยู่เลยนะ ร้านนี้เขาเข้าทำงานเป็นกะรึเปล่ามึง”
นดชักแม่น้ำหาข้ออ้างมาพูด
สักพักพี่พนักงานคนเดิมก็เดินมาที่โต๊ะเรา
“นดขอไวท์มอลต์ปั่นค่ะ”
จากนั้นเราก็สั่งน้ำปั่นกันไป จนพี่เขาวกกลับมาเสิร์ฟอีกที
“พี่คะ” คราวนี้นดไม่ปล่อยโอกาสให้หนีหาย คว้าแขนพี่พนักงานตัวเล็กคนนี้ไว้
“คนวันนั้นไม่มาเหรอคะ หรือเขาลาออกแล้ว” นดยิงคำถามปั้ง พี่เขาดูงงมาก
“คนวั้นนั้น? อ๋อ ของเขาเหรอ”
หืม พ่อค้าแซ่บชื่อของเขาเหรอ
“…”
“ไปแก้งานน่ะครับ สักพักก็กลับมาแล้ว” พี่เขาตอบยิ้มๆ
กรุ๊งกริ๊ง
สักพัก ประตูร้านก็ถูกผลักเปิดออก ไม่ทันไรคือน้องผู้หญิงแถวนั้นก็กรี๊ดกร๊าดกันเบาๆ
“มาแล้ว นั่นไง” พี่เขาพยักพเยิดไปยังบุคคลที่เปิดประตูเข้ามา
นาทีนั้นคือเขาลงความเห็นตามนดไปอย่างไม่มีเงื่อนไข
ของเขา…เป็นผู้ชายที่หล่อมาก
พี่พนักงานละจากเราเดินตรงไปหาพ่อค้าแซ่บฉายาที่นดแอบตั้งให้ เขาคุยกันอะไรสักอย่าง สักพักของเขาก็ทำหน้าหงุดหงิด คือจะต่อยกันมั้ย แต่ท้ายสุดร่างสูงก็จับผ้ากันเปื้อนสีชมพูพี่เขาแล้วดึงหลุดติดมือมา เอาไปสวมซะเอง
“โอ๊ยยยยยย ไม่อยากให้กรีนทำงานหนักก็บอก”
“ของเขาน่ารัก พี่กรีนหลงเลย”
“หึหึ กูว่ามึงชวดพ่อค้าแซ่บแล้วล่ะอินด” นีหัวเราะขำ
“ไปถามหาผัวเขาแบบนั้นนี่ดีนะเขาไม่ไล่ตะเพิดมึงออกจากร้าน 555” โบธแขวะอีก
แล้วพวกเราก็ระเบิดหัวเราะกันเบาๆ
ผ่านไปประมาณสิบวิ หลังจากเฝ้ามองคู่รักของร้านสวีทกันเบาๆที่โต๊ะแปด นดก็เปิดประเด็นพาเที่ยวส่งท้ายปีเก่าขึ้นมา
“ทุกคนที่อยู่ที่นี่คะ เราลงเรือลำเดียวกันแล้ว ไปเที่ยวไหนก็ไม่ทันคนอื่น จะอยู่บ้านนอนหลับตีพุงก็สบายเกิน สนใจจะสมัครลงชื่อทริปไปทะเลกันมั้ยคะตอบ”
“ก็ดูโอเคดีนะ กูกะจะนอนอยู่หอพอดี ไปเผาผลาญเศษเงินหน่อยก็ดี”
นีบอก คือทุกทริปนางมักจะไปเผาเศษเงินเล่นจริงๆนะ เศษเงินที่ว่าคือเศษเงินจริงๆ เศษนิดๆ เผาเงินตัวเองแค่นิดเดียว นอกนั้นเกาะเพื่อนกิน 555
“ว่าไงว่าตามกัน” โบธเอาด้วย ช่วงนี้เหมือนความเจ้าชู้ลดๆไป
“ขิมชอบทะเล”
“แล้วมึงล่ะ อิมิว”
“…”
“ถามผัวสินะคะ!!!” รู้จริง
หลังจากเลิกกับเพื่อนไปเมื่อบ่าย ความจริงคือหมอมารับพอดี เขาถูกหมอขับรถพามาที่ห้อง เราแต่งตัวกันแบบสบายๆไม่มีพิธีรีตองใดๆเพื่อเตรียมไปทานข้าวเย็นที่บ้านมัน ทุกวันนี้คือบังคับวันศุกร์ต้องแวะเวียนไปหาคุณยายบ้าง อีกอย่างทุกทีเขาจะเป็นคนบังคับหมอ เพราะว่าอุทาหรณ์ที่เกิดกับตัวก็มีมาแล้ว อยู่กับคนที่รักให้มากที่สุด ว่างก็รีบไปหา ก่อนจะไม่มีโอกาสแบบนั้นในวันที่สายไป ทุกวันนี้เขาก็ยังทำใจเรื่องคุณยายตัวเองอยู่ มีหลงๆกดเบอร์เก่าท่านโทรออกไป ผลที่ได้คือโทรไปหาคนไม่รู้จักจนต้องบอกโทรผิดทุกครั้งไป ไม่ด่าสาดนี่ก็ดีถมมากเพราะหลุดโทรไปหาบ่อยเหมือนรู้จักกันมาชาติเศษมาก
“หนูมิวเดี๋ยวอยู่ดูหนังกับยายก่อนนะ” คุณยายพูดดักไว้ก่อน ท่านหันไปยิ้มเหยียดใส่หมอ
“นอนนี่เลยมั้ย”
นี่แหละสองยายหลาน กัดกันมาก กัดกันแย่งเขาเนี่ย
“ได้ก็ดีนะ ยายเง้าเหงา มานอนบ้านนี้ทุกวันเลยได้มั้ย”
“เฮ้ย ได้ไง”
หมอเข้ามาโอบกอดเขาไว้ เด็กจริงอะไรจริง
“ตาหมอ มิวหายใจไม่ออกแล้วนั่น มาหาแม่นี่มา” คุณแม่อ้าแขนรับ
“มิวมาหาพ่อเร็ว พ่ออยากกอดให้หายคิดถึง”
ทุกคนในบ้านเป็นอะไรกันไปหมด แกล้งหมอกันนี่สนุกใช่มั้ย
สนุกมาก 555
ตกลงคืนนี้เราจะนอนกันที่บ้านใหญ่จริงๆ หมอบอกว่าขี้เกียจขับรถมาก ความจริงคือละครจบก็ดึกมากแล้ว คุณยายท่านเลยเป็นห่วงพ่วงด้วยคุณพ่อคุณแม่ที่รั้งให้เราอยู่ต่อ รู้สึกเหมือนเขาแต่งงานกับหมอแล้วแยกไปอยู่กินกันคนละบ้านเลย ฟีลมันเป็นแบบนั้นจริงๆ 555
“หมอ”
เขาตะโกนชื่อมันแทบไม่ทัน คือเล่นใหญ่มาก โยนบ๊อกเซอร์ใส่แล้วมาโปะหัวเขา
“หอมมั้ย กลิ่นกู”
“เหม็นมาก” จริงๆนะ
“แหงดิ วันนี้ขับรถไปรับพ่อแม่ เจออากาศร้อนเหงื่อก็เลยออกอ่ะ”
แล้วมันกงการอะไรที่ต้องมาให้เขาดม เข้าเรื่อง เอาจริงคือ กงการอะไรที่ต้องมาแก้ผ้าเดินโทงๆไปมาตรงหน้าเขากัน อ่อยใช่มั้ยตอบ
“ไปๆ วันนี้งดเลย” เขาพูดบอก
“ง่ะ”
“หมอ ให้เกียรติสถานที่หน่อย กูจะไม่ทำตอนมี พ่อ แม่ คุณยาย อยู่ในบ้านเด็ดขาด” เขาย้ำชัดถ้อยคำ
“…”
“อีกอย่าง มึงต้องขับรถไปทะเล ลืมแล้วไง”
หลังจากที่เขากับพวกแองเจิลคุยกันว่าจะไปทะเลเสร็จสรรพ ตัวเขาที่ไม่เหมือนใครเพื่อนเพราะต้องโทรขออนุญาตประหนึ่งมีแฟนเป็นพ่ออีกคนก็โทรไปหาหมอ คำตอบที่ได้คืออนุญาตจ้า
สำหรับหน้าที่ขับรถคงเป็นใครไปไม่ได้ นอกจากชายแท้ผู้มาดแมนสองคนบนรถ หมอ และ โบธ หน้าที่นั้นจึงตกไปเป็นของพวกเขาโดยปริยาย
“งั้นไปทำที่ทะเลก็ได้”
“…”
“ตรงชายหาด”
ความคิดจัญไรนี้ได้แต่ใดมา
ปาหมอนใส่มันแทบไม่ทัน หมอหัวเราะดังๆเข้าห้องน้ำไป อี๋ เปิดปากกว้างน่าเกลียด
‘พบกันโดยบังเอิญ ไม่ใช่แฝดแน่หรือ เหมือนกันขนาดนี้”
“ดูอะไรอยู่ ฮึ”
หมอที่อาบน้ำเย็นสบายกายออกมาพร้อมพันผ้าเช็ดตัวสีขาวที่เอว ก็ยังดีกว่าตอนเข้าไป
มันดันร่างตัวเองมากระแซะเบียดเข้าใกล้เขา แล้วโอบกอดข้างหลังกลายๆ
“ข่าวน่าสนใจมาก”
เขายื่นไอโฟนให้มันดูเนื้อหาข่าว
“กูว่าพี่น้องชัวร์”
“คือเหมือนกันมากเนอะ แต่ขอโทษ มึงได้อ่านเนื้อหามั้ย เขาไม่ได้มีสายเลือดเดียวกัน”
“กูง่วง”
“ง่วงทำไมมาลูบอะไรตัวกู”
ปากเขาพูดมือเขาก็ปัดมือปลาหมึกหนุบหนับที่ปัดป่ายไปมาแถวๆหน้าท้องเขาไป บอกเลย หมอหื่นมาก ทุกที่ ทุกเวลา ไม่รู้อะไรไปกระตุ้นความอยากมัน
“หมอ พรุ่งนี้ขับรถ”
มีเสียงจิ๊ปากดังขึ้นในความมืด
แล้วร่างสูงก็ล้มตัวลงนอน หันหนีไปอีกทาง
“หมอ โกรธกูเหรอ”
เขาล้มตัวลงนอนข้างกัน แล้วขยับไปกระซิบข้างหูหมอ
“กูแค่ไม่อยากให้มึงเหนื่อย”
“…”
“หายโกรธนะ นะ นะคร้าบ”
“…”
“หมอหายโกรธมิวนะ”
มีเสียงพ่นลมหายใจแรง แล้วร่างสูงก็พลิกตัวมา ลำแขนแกร่งเกี่ยวกระหวัดเอวเขาเข้ามาแนบชิดหน้าท้องแน่นของมัน ใกล้ขนาดนี้จึงรับรู้ถึงการตื่นตัวของหมอน้อย สัมผัสถึงของแข็งที่ดึงดันภายใต้กางเกนนอนตัวหนา
“หมอ…”
“หลับซะ ก่อนที่มึงจะโดนปล้ำ”
“…”
“กูรักมึงนะ” หมอบอก
“อืม เหมือนกัน” เขาตอบรับเบาๆ
ในความมืด เราหลับไปในอ้อมกอดของกันและกัน อย่างเช่นทุกคืน…
-มีต่อนะ-