ตอนสุดท้ายส่งท้ายแล้ว
ตอนนี้คุณฟรานออกโรงแล้วววววว นิดหน่อย 555555 ตอนพิเศษส่งท้าย
ขยันทำให้ห่วงจริงๆ แม้แต่ในวันนี้ ที่เป็นวันเกิดของผม
เด็กน้อยของผมยังคอยชะเง้อคอมองไปที่หน้าประตูทางเข้างานเลี้ยงเสมอ คงจะลุ้นว่าเมื่อไหร่คุณพ่อคุณแม่ของเจ้าตัวจะมาเสียทีสินะ
กับทางที่บ้านของกรีนผมได้มีโอกาสไปพบแล้วครั้งหนึ่งแต่ไม่ได้บอกเจ้าตัว ไม่แปลกใจสักนิดเลยว่าคุณพ่อคุณแม่ของกรีนจะรู้จักผมอยู่ก่อนแล้ว เพราะธุรกิจครอบครัวของกรีนก็เป็นรีสอร์ทขนาดกลางที่ทันสมัยพอสมควร หลังจากทำความรู้จักกันบ้างแล้ว ผมก็เชิญทั้งสองท่านมาร่วมทานมื้อเย็นกัน ก่อนจากกันผมก็ถือโอกาสถามถึงลูกๆของท่านขึ้นมา และทิ้งประเด็นสงสัยไว้ เพื่อที่จะคุยกันอีกครั้งในมื้อเย็น
กรีนมีรูปร่างหน้าตาออกไปทางคุณแม่ ซึ่งท่านจะมีรูปร่างบอบบาง ส่วนคุณพ่อจะมีรูปร่างสูงและหนา คงจะมีเชื้อทางยุโรปอยู่บ้าง คุณแม่ของกรีนเป็นผู้หญิงที่น่ารักจริงๆ ทั้งรูปร่างหน้าตาและกิริยามารยาท แต่ถ้าจะมองว่าสวยก็คงไม่ผิดเช่นกัน
เมื่อถึงเวลานัดก็เป็นไปตามคาดตลอดมื้ออาหารคุณแม่จะพูดถึงลูกๆ ตลอด ยิ่งเมื่อรู้ว่าผมรู้จักกับกรีนแล้วก็ยิ่งชวนคุย ผิดกับคนเป็นพ่อที่ออกจะเงียบๆ ไปบ้าง แต่ก็ไม่ทิ้งมาดของนักธุรกิจ คงเป็นเพราะว่าท่านทั้งสองทราบแล้วว่าอาหารมื้อนี้ไม่ได้เป็นทางการอย่างที่ควรเป็น
หลังมื้ออาหารเราทั้งสามจึงได้มีโอกาสคุยกัน ผมไม่ลังเลที่จะบอกว่าผมหลงรักลูกชายคนเล็กของท่าน เพราะหลังจากที่ได้คุยกันมาเป็นเวลาหลายชั่วโมง ผมจึงสรุปได้ว่า...คำพูดตรงๆ นี่แหละเหมาะกับท่านทั้งสองที่สุดแล้ว ท่านทั้งสองเงียบไปและก็สามารถวางตัวได้อย่างไร้ที่ติจริงๆ ผมจึงถือโอกาสเชิญท่านทั้งสองมาร่วมงานวันเกิดของผมที่จะจัดขึ้นที่กรุงเทพ
เพราะว่าไม่ใช่เพียงแค่งานวันเกิดธรรมดา แต่เป็นงานเลี้ยงเพื่อการค้าไปในตัวด้วย จึงมีผู้คนมาร่วมงานหลายระดับ ผมไม่ชอบงานเลี้ยงเพราะมันเป็นอะไรที่น่าเบื่อหน่ายจริงๆ แต่หลายๆงานมันก็เลี่ยงไม่ได้ ดังนั้นนอกจากจะไปร่วมงานของคนอื่นแล้ว บางครั้งเราก็ต้องจัดงานเลี้ยงที่เราเป็นเจ้าภาพด้วย
“สุขสันต์วันเกิดครั้งที่สอง” คนมาใหม่มาพร้อมกับรอยยิ้มกว้าง
“นาซร์!! ดีใจจริงๆ ที่ยอมมา”
‘นาซร์’ หรือ ‘เจ้าชายนาซิม’ บุตรชายคนที่ห้าของกษัตริย์ผู้ปกครองประเทศแห่งหนึ่งในแถบทะเลทราย ก่อนวันเกิดผมได้เดินทางไปฉลองวันเกิดล่วงหน้ากับครอบครัวที่อิตาลี ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องทำทุกปี พร้อมกับต้องไปรายงานผลประกอบการของธุรกิจครอบครัวฝั่งเอเชียที่ผมรับผิดชอบด้วย และเจ้าชายนาซร์ก็มาร่วมงานวันเกิดนั้น จึงได้มีโอกาสคุยกัน และรู้ว่าช่วงนี้เจ้าชายเพื่อนรักคนนี้กำลังอยู่ในช่วงพักร้อน ผมจึงตัดสินใจชวนมาเที่ยวเมืองไทยอีกครั้ง ที่ต้องบอกว่าอีกครั้ง เพราะก่อนหน้านี้เคยชวนแล้วแต่ยังไม่สะดวกเดินทางมาเสียที
เจ้าชายนาซร์กับผมเป็นเพื่อนนักเรียนที่เรียนไฮสคูลมาด้วยกัน และที่เราเป็นเพื่อนกันได้ นั่นเพราะความที่เรามีหลายๆอย่างที่เหมือนกัน
“เด็กน้อยของนายน่ารักใช่ย่อยนะ” นาซร์!!
“ต่อให้นายเป็นเจ้าชายฉันก็ไม่ไว้หน้าหรอกนะ” ผมพูดนิ่งๆ
“โอ้...หวงแบบนี้ คนนี้ท่าจะตัวจริง หึหึ”
“.....หึ....”
เด่นจริงๆน่ะแหละ วันนี้กรีนอยู่ในชุดสูทราคาแพงสีเทา ที่ช่างเข้ากันกับนัยน์ตาสีเทากลมโตนั่นจริงๆ และเนื่องจากผมต้องคอยรับแขก ผมจึงให้โทนี่กับดีนคอยดูแลกรีน
ไม่แปลกใจเลยที่เจ้าชายนาซิมจะรู้จักกรีน เจ้าชายเพื่อนรักคนนี้จัดว่าเป็นเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวที่ผมไว้ใจเท่านั้น กับนาซร์ก็คงไม่ต่างกัน ในธุรกิจน้ำมันนั้น ไม่มีใครไม่อยากรู้จักกับเจ้าชายหนุ่มคนนี้เป็นแน่ นั่นเพราะนาซร์เป็นคนกุมบังเหียนที่จัดว่ามีอำนาจมากคนหนึ่งเลยล่ะ อีกทั้งเป็นถึงเชื้อพระวงศ์ด้วย
.....และการที่นาซร์จะรู้จักกรีนก็คงหนีไม่พ้นนิสัยส่วนตัวบางอย่างของเจ้าตัวนั่นแหละ บอกได้คำเดียวว่า...ผมดีใจที่ได้เป็นเพื่อนกับเขามากกว่าเป็นศัตรูจริงๆ
ตลอดตั้งแต่เดินเข้ามาในงานและกล่าวขอบคุณแขกทั้งหลายก็มีคนเดินเข้ามาทักทายผมไม่ขาดสาย และทุกคนที่เข้ามาต่างก็มีจุดประสงค์ที่แตกต่างกัน
“เอ่อ...ขอโทษนะครับ ผมขอถ่ายภาพท่านทั้งสองได้มั้ยครับ” บุคคลที่มาใหม่นั้นกล่าวกับเราทั้งสองด้วยภาษาอังกฤษ
คงไม่มีใครคาดถึงว่าเจ้าชายนาซร์จะพูดภาษาไทยได้แน่ๆ นั่นเพราะนาซร์เป็นบุคคลที่เรียกได้ว่าอัจฉริยะทางภาษาเลยก็ว่าได้ เพราะเพียงเวลาไม่นานที่ผมได้คุยกับเขา เจ้าชายนาซิมคนนี้สามารถพูดภาษาไทยได้ด้วยการสอนแบบทีเล่นทีจริงของผมแล้ว
“.....ได้สิ” นาซร์ยิ้มตอบเป็นภาษาอังกฤษในขณะที่ผมเงียบ
“ขอบคุณมากครับ” คำพูดมาพร้อมกับรอยยิ้มกว้างๆ ที่ดูจะสว่างไสวขึ้นมาทันตา
จะเรียกว่าเสียมารยาทก็ใช่ แต่นักข่าวที่เข้ามาขอถ่ายภาพคนนี้ก็หน้าตาดีใช่ย่อยเลย แต่ถึงอย่างนั้นสำหรับผมกรีนก็ยังคงสะดุดตามากกว่า
แต่พอได้ยินคำตอบรับพร้อมรอยยิ้มเหมือนจะพอใจที่มาจากนาซร์แล้ว เด็กคนนี้คงจะถูกใจเพื่อนรักของผมมิใช่น้อยเลย
“....หึ!”
ผมส่งเสียงในลำคอหลังจากเด็กหนุ่มนักข่าวคนนั้นเดินจากไปแล้ว และนาซร์ก็มองตามหลังเล็กๆ นั้นไปอย่างสนใจ แบบนี้คงไม่พลาดแล้วล่ะ
เจ้าชายนาซร์กับผมมีสิ่งที่เหมือนกันอีกอย่างคือ...เราเบื่องานเลี้ยง แต่ที่เพื่อนคนนี้ยอมมางานเลี้ยงในค่ำคืนนี้ก็คงหนีไม่พ้นว่าเป็นงานของผมเท่านั้น
“คงมีอะไรให้นายแก้เบื่อแล้วสินะ” ผมยิ้มบอกอย่างรู้ทัน
“หึหึ” ยิ้มร้ายๆแบบนี้ คงหนีไม่พ้นแล้วล่ะ....
“คุณฟราน”
“หืม....”
“เอ๋...??”
“อ้อ...นี่เพื่อนของฉัน เจ้าชายนาซิม”
“.........” เงียบแล้วก็ทำตาปริบๆ กรีนมองนาซร์อึ้งๆ ก่อนจะหันมามองผมและ......
“คุณฟราน...ผมต้องแทนท่านว่าฝ่าบ่ามั้ย แล้วเขาจะฟังภาษาไทยได้ไหม”
“หึหึ ไม่เป็นไรฉันอนุโลมให้เธอเป็นกรณีพิเศษ” ก่อนที่ผมจะตอบนาซร์ก็ชินตอบซะก่อน แล้วยังหันมายิ้มให้ผมอีก
“อ่ะ...โหหหห...คุณเก่งจังเลย คุณรู้ไหมว่าคุณเด่นมากๆเลยล่ะครับ” ผมยิ้มในใจ กรีนก็ยังเป็นกรีน
“หึหึหึ” แต่นาซร์กลับขำออกมาเสียอย่างนั้น เลยทำให้เด็กน้อยตรงหน้าหน้าแดงระเรื่อขึ้น
“.........” ผมเงียบและอยากขำขึ้นมา ใบหน้านี้มองไม่เคยเบื่อเลยจริงๆ
“อ่ะ...ผมชื่อกรีนครับ เอ่อ....ผม..” จะพูดก็ไม่พูดแล้วยังมองหน้าผมแบบนี้ นี่มันน่าแกล้งจริงๆ
“...เป็นภริยาของเซฟราน” แล้วก็เป็นนาซร์ที่ช่วยต่อประโยคให้
“....เห...(แปร๊ดดดด)....” ผลที่ได้น่ะหรอ ใบหน้าเหวอๆ ก่อนที่จะแดงแปร๊ดดดขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้
“หึหึ” ผมจึงอดไม่ได้ที่จะขำออกมาเบาๆ
“..........” แต่เจ้าตัวก็คงได้ยิน ก่อนจะยิ่งหน้าแดงมากกว่าเดิม คงพูดอะไรไม่ออกแล้วตอนนี้
สำหรับกรีนแล้ว เวลาเจ้าตัวหน้าแดงจัดมากๆ ดวงตาสีเทานั้นจะสั่นระริกเหมือนจะร้องไห้เสียอย่างนั้นเลย
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า เธอนี่น่ารักจริงๆด้วย” ดูเหมือนเจ้าชายนาซร์จะถูกใจกับเด็กน้อยของผมจริงๆ
“คุณ!!.....เอ่อ....คุณฟรานครับคุณพ่อคุณแม่ท่านมาแล้วนะครับ และผมก็จะไปนั่งกับท่านทั้งสองนะครับ” เกือบไปแล้วไหมล่ะ
คำแรกนั้นกรีนคงจะอยากต่อว่านาซร์มากๆ ก่อนจะเบนเข็มมาทางผม พร้อมทั้งหน้าแดงๆที่บูดบึ้งขึ้นเล็กน้อย แต่ผมกลับมองว่าน่ารักขึ้นด้วย หึหึ
“อืม...เดี๋ยวฉันตามไป” ผมยิ้มเล็กน้อยก่อนตอบ
“แล้วเจอกันนะ” นาซร์ยังจะแกล้งอีกนะ
“....(ยิ้มนิดๆ)...งั้นเจ้าชายอย่าชมผมอีกนะครับ เพราะผมยังไม่อยากเป็นศัตรูกับเจ้าชาย” เห็นไหมล่ะ เจ้าตัวเงียบก่อนที่จะตอบกลับ ยอมซะที่ไหน
“หึหึ” ผมจึงอดไม่ได้ที่จะขำออกมาเบาๆ
“ฮะฮะฮะ เธอนี่ร้ายจริงๆ”
“.........” กรีนไม่ตอบ แต่ยิ้มรับอย่างหน้าชื่นตาบาน ก่อนจะโค้งให้ผมกับเจ้าชายนาซร์และเดินไปที่โต๊ะที่จัดไว้ให้
อันที่จริงจะให้ลูกน้องมารายงานก็ได้ แต่เห็นแบบนี้แล้วผมก็คิดว่าเจ้าตัวคงไม่อยากรับหน้าคนเดียวนานนัก
“นายยิ้มมากขึ้นนะ” นาซร์เอ่ยออกมาเรียบๆ
“คงอย่างนั้น” ผมบอกก่อนยิ้มมุมปากเล็กๆ
“...........”
“.....ไปสิ”
หลังจากเงียบกันไป ผมก็มองไปตามสายตาของนาซร์ ก็ปรากฏว่านักข่าวคนเมื่อกี้นี้กำลังถูกแขกในงานเชิญชวนให้ดื่มเครื่องดื่มอยู่ และดูเหมือนเจ้าตัวจะพยายามปฎิเสธด้วย
“....หึหึ ไม่ล่ะ” หืม? ปฎิเสธ
“ถ้าเข้าไปช่วยมันก็ไม่น่าสนใจน่ะสิ” นั่นสิ
ปฎิเสธแบบนี้ไม่ใช่ว่าไม่สนใจแล้วล่ะ แต่คงอยากรู้ว่าเด็กคนนั้นจะเอาตัวรอดอย่างไรมากกว่า
“งั้นฉันไปที่โต๊ะก่อนล่ะ”
“อืม...”
โชคดีนะ...
..........เด็กหนุ่มผู้โชคร้าย............จบเรื่องหนึ่งและเริ่มอีกเรื่องหนึ่ง
ฝากเรื่องใหม่ด้วยนะ
พระเอกร้ายกว่าเดิม ด้านกว่าเดิม หื่นกว่าเดิม (หรือเปล่า?) 5555
รับรองสนุกแน่นอน
ส่วนที่เหลือของหนุ่มวายก็ไปพบกันต่อในเล่มนะ
ขอบคุณคนอ่านทุกคนที่ติดตามมาจนถึงตอนจบ
ตอนจบ...จบแล้ว จบจริงๆ
ขอบคุณจากใจจริง
uri ปอลอปอลอ
ชื่อเรื่องต่อไป 55555555 ลืมบอก
^____^ ปาปารัสซี่กับเจ้าชาย ^____^