@@รักเกิดในอู่ซ่อมรถ (เต๋อ กับ ช่างวินัย) ตอน ช่วงเวลาน้อยนิด
น้องเต๋อเป็นเด็กน่ารัก
เด็กน่ารักชื่อน้องเต๋อ
น้องเต๋อทำหน้างอน
เวลาน้องเต๋อทำหน้างอน น้องเต๋อจะน่ารัก
จงพิสูจน์ข้อความดังกล่าว
“เฮ้ยยยยยยยยยย”
วิธีการพิสูจน์ของช่างวินัยไม่มีอะไรมาก
แค่ยื่นหน้าไปใกล้ ๆ แล้วหอมแก้ม “น้องเต๋อ” คนที่ว่าไปหนึ่งทีแล้วก็โดนน้องเต๋อมันผลักออกอยู่นี่ไง
“อะไร”
ยื่นหน้าเข้าไปหาอีกเล็กน้อยและเต๋อก็พยายามผลักช่างวินัยให้ออกห่าง
“ไม่เอา”
อย่ามาทำเสียงงอแงใส่แบบนี้ เดี๋ยวมันจะพาลให้อดใจไม่ไหว
“ไม่เอาอะไร ตอนเอาก็เอาไปแล้ว แต่ตอนนี้ยังไม่ได้เอา ยังไม่ได้ทำอะไรเลย มาร้องว่าไม่เอาซะแล้วไม่สู้เลยวะเอ็งเนี่ยะ ห๊ะ ไอ้เต๋อ”
โดนล้อ และช่างวินัยก็สังเกตเห็น แก้มของคนที่โดนล้อ เริ่มขึ้นสีแดงเรื่ออีกแล้ว เห็นแล้วช่างวินัยก็เลยยิ้มกว้าง มึงน่ารักเกินไปแล้วไอ้เต๋อ
ช่างวินัยวางมือไว้บนพนักพิงเบาะรถข้างที่นั่งคนขับที่”น้องเต๋อ” ของพี่นัย นั่งอยู่
และเต๋อก็ใช้หลังมือขัดถูที่แก้มของตัวเองไปมา และไม่รู้จะทำหน้ายังไง ความร้อนที่แก้มเพราะแรงสัมผัสของช่างวินัยยังคงอยู่และเต๋อก็พยายามลบความรู้สึกออก แต่ยิ่งลบยิ่งขัดถูไปที่แก้มมากเท่าไหร่ ช่างวินัยยิ่งส่งยิ้มหวาน ๆ มาให้มากเท่านั้น
“จะเช็ดทำไมวะ”
ทำไมต้องถามด้วยว่าเช็ดทำไม มันมีอย่างอื่นให้ทำได้มากกว่านี้หรือไง
“ทำมากกว่านี้ พี่ก็เคยมาแล้ว”
ตอกย้ำกันเข้าไป
และเต๋อก็ยิ่งใช้หลังมือขัดถูที่แก้มของตัวเองเพิ่มขึ้น
แต่ยิ่งเช็ดความรู้สึกยิ่งเพิ่ม
ไม่ใช่แค่ที่แก้ม
แต่เหมือนความรู้สึกบางอย่างกำลังตามมาเล่นงาน
จากแก้ม ไปที่ริมฝีปาก หน้าผาก คิ้ว คางซอกคอ และไล้เรื่อยลงมาจนถึงไหล่ แผ่นอกและลงมาที่หน้าท้อง
ไม่ลืม
ไม่เคยลืม
เพียงแค่ไม่กล้าจดจำมากกว่า ความรู้สึกแรกที่ได้แตะต้องและเป็นของกันและกัน
มันไม่ได้จางหายไปจากความรู้สึกง่าย ๆและในเวลานี้ดูเหมือนมันกำลังเพิ่มขึ้น และมากขึ้นเรื่อย ๆเมื่อเต๋อเผลอเงยหน้าขึ้นและสบสายตากับดวงตาของช่างวินัยที่มองมา และไม่คิดจะปิดบังความรู้สึกที่อยู่ในใจ
“เอ็งใจร้ายมากเต๋อ ทิ้งพี่ไปตั้งนาน ไม่สนใจกันเลยว่าพี่จะเป็นยังไง จะรู้สึกยังไง”
เรื่องนั้น
เรื่องที่ไม่ยอมอยู่บ้านพักใหญ่เพื่อหลบหน้าช่างวินัย จนช่างวินัยทนไม่ไหวต้องมาตามเต๋อกลับบ้าน
เรื่องนั้น..........เพิ่งผ่านไปได้ไม่นาน
“ตอนเอ็งไป เอ็งคิดถึงใจพี่บ้างหรือเปล่าเต๋อ”
โดนตัดพ้อต่อว่า และช่างวินัยก็แตะฝ่ามือเบา ๆที่เส้นผมของเต๋อ
อาการสะดุ้งน้อย ๆ เพราะไม่คุ้นชิน ทำให้ช่างวินัยชะงักนิ่งค้างไปเล็กน้อยและเกือบจะดึงมือกลับ
แต่เมื่อลองแตะฝ่ามือลงไปอีกครั้ง
และเต๋อก็เหลือบสายตามองหน้าของช่างวินัยแบบกล้าๆ กลัว ๆ
ช่างวินัยถึงเพิ่งรู้สึกตัว
เรา.....แทบไม่เคยถึงเนื้อถึงตัวกันเลย
ไม่เคยแสดงความรู้สึกรักใคร่แบบนี้ และเต๋อก็ไม่ชินกับการที่ถูกทำแบบนี้
ไม่แปลกที่จะไม่ชิน ไม่แปลกที่จะทำท่าคล้ายปฏิเสธ
ไม่แปลกที่จะลังเลใจ
และช่างวินัยมีหน้าที่เดียวเท่านั้น
ต้องทำให้เต๋อคุ้นเคยกับสัมผัสแบบนี้ แตะต้องด้วยความรู้สึกอ่อนโยน ทำให้รู้ว่ารู้สึกยังไง ในทุกครั้งที่พอมีโอกาส ทุก ๆ ครั้งที่เราพอมีเวลาอันน้อยนิดที่เราจะได้อยู่ใกล้ชิดกันบ้าง
“กลัวพี่จริงๆ เหรอเต๋อ”
กลัวมั้ย
ก็ไม่ใช่ว่ากลัว
แค่ ไม่ชินเวลาที่ถูกสัมผัสด้วยความอ่อนโยนแบบนี้
“เฮียบัสดีกับผมนะ ใคร ๆ หลาย ๆ คนก็ดี แต่ว่า.....”
เข้าใจ
ช่างวินัยเข้าใจดี
เต๋อดึงมือของช่างวินัยออก และช่างวินัยก็นิ่งมองใบหน้าที่แฝงไปด้วยความกังวลใจของเต๋อ
“ไม่รู้สิ มันอธิบายไม่ได้”
เต๋อไม่มีพ่อ
ใคร ๆ ก็รู้เรื่องนั้น
มันจะแปลกอะไรที่เต๋อจะโหยหาความรู้สึกของการถูกปกป้องและเอาใจใส่จากคนที่เข้มแข็งกว่า
แม่ปกป้องให้รู้สึกว่าปลอดภัยได้ แต่บางครั้งก็อยากได้รับความความเข้มแข็งจากใครสักคนบ้าง
แค่ที่เคยได้รับ เต๋อรู้ ในใจลึก ๆ แค่นั้นมันยังไม่มากพอ
และนั่นทำให้เต๋อในวัยเด็กติดช่างวินัย และเอาแต่เดินตามต้อย ๆ
พยายามเลียนแบบพฤติกรรม พยายามแสดงออกถึงลักษณะบางอย่างเพื่อให้ได้เข้าใกล้ช่างวินัย
“พี่ไม่ใช่พ่อเอ็งนะ แล้วเฮียบัสก็ไม่ใช่”
เรื่องนั้นก็รู้
มันดูน่าทุเรศและอ่อนแอมาก ถ้าใครจะได้รู้ความรู้สึกโหยหาแบบนี้
“เต๋อ”
เรียกชื่อของคนที่ก้มหน้านิ่ง ๆและเต๋อก็ถอนหายใจยาว
“มีพ่อหรือไม่มี เอ็งก็โตมาได้ เอ็งก็เข้มแข็งมาได้ เอ็งก็อยู่มาได้
กลัวอะไร กังวลอะไร เวลาที่โหยหา อยากให้กอด อยากให้รัก อยากให้เอาใจ เอ็งก็ทำแบบนั้นกับพี่ได้ เต๋อเอาแต่ใจกับพี่ได้นะ”
ได้เหรอ
แบบนั้นน่ะ
มันทำได้ที่ไหน
“ไม่ได้หรอก”
ทำไมถึงไม่ได้ล่ะ
“ได้”
ได้เหรอ
ทำแบบนั้นได้จริง ๆ เหรอ
ไม่ได้หรอก
ยังไงก็ทำ..........ไม่ได้.......
การนิ่งเงียบคือคำตอบ และช่างวินัยก็ดึงมือของเต๋อมากุมเอาไว้
เขย่ามือของเต๋อเล่น และลูบไล้แผ่วเบาที่หลังมือ
ไม่ได้เต็มไปด้วยความรู้สึกต้องการในแบบที่ร้อนแรง
แต่อ่อนโยนและเต็มไปด้วยความห่วงใย และปรารถนาดี
“พี่ไม่น่าปล่อยเต๋อทิ้งไว้แบบนั้นตั้งนาน พี่ทำตัวโง่ ๆ ไม่สมกับเป็นคนที่โตกว่า ขอโทษที่ทำให้เราต้องห่างกัน ผิดที่พี่เองที่ทำให้เต๋อรู้สึกไม่ดีมาตลอด...........ขอโทษที่ไม่เคยรู้ว่าทำให้เต๋อต้องเป็นแบบนี้..........เพราะพี่แกล้งทำเป็นไม่สนใจไยดีเต๋อก่อน”
ช่างวินัยเพิ่งรู้เมื่อไม่นานมานี้ว่าเพราะอะไรเต๋อถึงเมินเฉยและไม่ยอมคุยด้วย ไม่ยอมเข้าหา ถอยห่าง และตั้งแง่กับช่างวินัยอยู่ตลอดเวลา
ไม่ใช่เพราะว่าโดนแกล้งแต่เป็นเพราะช่างวินัยที่ตีตัวออกห่างก่อน เต๋อถึงต่อต้านและพยายามตั้งแง่กับช่างวินัยในทุกๆ เรื่อง
“ไม่เอาแล้วนะ แบบเมื่อก่อน มีอะไรก็พูดก็คุยกันตรงๆ อยากจะงอแงงี่เง่ากับพี่ เต๋อก็ทำเถอะ พี่รอให้ทำอยู่ตลอดตั้งแต่เล็กจนโต”
แบบนั้นเรียกว่าการโอ๋และยอมให้เอาแต่ใจหรือเปล่า
เต๋ออยากจะแปลความหมายแบบนั้น อยากจะให้มันเป็นแบบนั้น
อยากให้เป็นแบบนั้นไปตลอด
“ทำไม่เป็น”
ทำไม่เป็นก็หัดทำ หัดทำเยอะ ๆ
“ทำสิ หัดทำ เช่นตอนนี้มองหน้าพี่แล้วทำที่อยากทำก็แค่นั้น ทำไมต้องคิดมาก”
ทำไมต้อง........คิดมาก
เต๋อเงยหน้าขึ้นและมองหน้าของช่างวินัยตรง ๆ มองนิ่ง ๆ และไม่รู้ว่าควรทำยังไงดี
ไม่รู้ว่าควรทำยังไง.......
สิ่งที่ทำได้และรู้สึกอยากทำมาตลอดคือการยื่นมือไปหาและค่อย ๆ แตะฝ่ามือไปที่ข้างแก้มของช่างวินัยด้วยท่าที กล้าๆ กลัว ๆ
สุดท้ายเป็นช่างวินัยที่จับมือของเต๋อเอาไว้และดึงให้ไปแตะที่ข้างแก้มของตัวเอง
รอยยิ้มหวาน ๆ ที่ช่างวินัยส่งมาให้ ทำให้เต๋อต้องรีบดึงมือกลับและรีบเมินหน้าหนีไปนอกหน้าต่างรถ
“กลับบ้านเถอะ”
หาทางเลี่ยงกันอีกแล้ว หาทางเลี่ยงกันแบบเห็น ๆ อยากอยู่ด้วยกันอีกสักหน่อย แต่ช่างวินัยก็จำใจต้องหมุนกุญแจเพื่อสตาร์ทรถ
ที่จริงควรถึงบ้านนานแล้ว แต่อยากจะมีเวลาเพื่อพูดคุยกันหน่อยมันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะมีเวลาอยู่ด้วยกันแบบนี้
เว้นแต่ว่าต้องหาเหตุให้ได้อยู่ด้วยกัน เช่นวันนี้ที่ช่างวินัยไปรับเต๋อกลับบ้าน ถึงได้พอมีเวลาอยู่ด้วยกันบ้าง ได้คุยกันบ้าง หลังจากที่แทบไม่ได้คุยกันแบบตรง ๆ แบบนี้มาหลายวัน
“ไม่อยากกลับเลยวะ กลับไปเต๋อก็ไม่พูดกับพี่อีก”
ช่างวินัยบ่นพึมพำให้คนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ได้ยินและเต๋อก็หันมามองหน้าของช่างวินัยและแกล้งเมินเฉย ทั้งที่รู้สึกดีใจแม้จะขัดเขินอยู่บ้าง แต่มันก็ดีกว่าเมื่อก่อนที่ต้องทำเป็นเมินเฉย
อยากจะยิ้มแต่ก็ต้องฝืนเอาไว้ อยากจะพูดหรือทำอะไรก็ต้องเก็บเงียบเอาไว้
ช่างวินัยทำหน้าเครียด แกล้งตีหน้าขรึมและทำเสียงฮึดฮัดในลำคอให้เต๋อได้ยิน และในเวลาไม่นานก็อมยิ้มและแอบเหลือบสายตามองหน้าของเต๋อหลายครั้ง
อารมณ์ดี มีความสุข และช่างวินัยคิดว่าตัวเองไม่น่าโง่ที่ปล่อยเวลาทิ้งไปอย่างไร้ค่ามาตลอด
น้องเต๋อเป็นเด็กน่ารัก
เด็กน่ารักชื่อน้องเต๋อ
น้องเต๋อชอบทำหน้างอน เวลาน้องเต๋อทำหน้างอน น้องเต๋อจะน่ารัก
แต่เวลาทำหน้าเขิน น้องเต๋อจะน่ารักเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่า
จงพิสูจน์ข้อความดังกล่าว
และช่างวินัยพิสูจน์แล้ว
มันเป็นจริงตามข้อความข้างต้นทั้งหมด.........ที่ระบุมา
TBC.