2. แรกพบสบตา
ช่วงหลังสอบก็เป็นเวลาของการทำรายงานแต่ละวิชา บางวิชาวีร์ก็ได้อยู่กลุ่มเดียวกับเพื่อนๆซึ่งมีคุณกระต่าย ศศิทัศน์เป็นที่พึ่ง แต่บางวิชาอาจารย์เป็นคนจับกลุ่มให้ ก็ตัวใครตัวมัน ส่วนเขานั้นบังเอิญได้อยู่กลุ่มเดียวกับแพรพรรณทำให้รอดตัวไปได้ จากช่วงเวลาพักกลางวันเดิมทีเป็นเวลานั่งเล่นพูดคุยสนุกสนาน ก็ต้องเอามาเป็นเวลาปั่นรายงานกันให้เสร็จก่อน
“ไอ้ตี๋เล็ก ไอ้ตี๋เล็ก มานี่ดิ” เสียงใครบางคนดังขึ้นที่ประตูหน้าห้อง เป็นเพราะว่าตั้งแต่ย้ายมาเรียนที่นี่วีร์ยังไม่เคยได้ยินใครเรียกเพื่อนให้ห้องเช่นนั้นมาก่อน เขาจึงเงยหน้าขึ้นและหันไปมองใครคนนั้นที่ยืนอยู่ที่นอกประตู สายตาจึงประสานกันโดยไม่ได้ตั้งใจ ต่างคนต่างมองกันไปมาอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่เขาจะละสายตาออกก่อนแล้วก้มหน้าทำรายงานตามเดิม แต่แล้ว
“อ้าวเฮีย มีไร” เป็นศศิทัศน์ที่ตอบกลับแล้วรีบลุกขึ้นเดินไปหน้าห้อง
จะว่าไปแล้ววีร์เองก็ไม่รู้เคยว่าพี่ชายของศศิทัศน์ชื่ออะไร รู้เพียงแค่ว่าเขามีพี่ชายเรียนอยู่ชั้น ม.6 นอกจากนั้นแล้วก็ไม่รู้อะไรไปมากกว่านั้นอีกเลย วีร์จึงมุ่งความสนใจกลับไปเรื่องที่สำคัญกว่า ก็คือรายงานที่ต้องรีบทำส่งให้เสร็จต่อไป
“ก็เรื่องที่เฮียบอกลื้อไง ได้รึยัง เพื่อนเฮียตามยิกๆแล้ว” เสียงพูดคุยเบาลงเมื่อคู่สนทนาเดินเข้าไปใกล้แล้ว แต่ยังจะพอจะจับใจความได้อยู่บ้าง
“เฮ้ยเฮีย เพิ่งบอกเมื่อวานเองไม่ใช่หรอ จะรีบไปไหน”
“อ้าวไอ้ตี๋เล็ก ลื้อไม่ได้มีอยู่แล้วหรอวะ”
“ไม่ได้สนิทกันขนาดนั้นปะละ”
“ไหนลื้อบอกว่าหาให้ได้ไง เพื่อนเฮียก็ดีใจเก้อสิวะ”
“อั้วไม่ได้สนิท เพื่อนอั้วโน้นที่สนิทด้วย กะว่าจะขอผ่านให้”
“อ้าว!” เสียงร้องของบุคคลที่สามดังแหวขึ้นมา
“เฮ้ย! เฮียหมู ถ้าอยากได้เร็วๆขนาดนั้น ก็เดินเข้าไปขอเขาเองเลยไป ไหนๆอุตส่าห์เดินมาถึงนี้แล้ว”
ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ตั้งใจฟังจนรู้เรื่องโดยละเอียด แต่วีร์คิดว่าเขาพอจะเดาออกว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น คนที่มาเรียกเป็นพี่ชายของศศิทัศน์ที่อยู่ชั้นม.6 หน้าตาละม้ายคล้ายออกมาจากพิมพ์เดียวกัน ขาวตี๋ ขวัญใจสาวกโอปป้าเฉกเช่นเดียวกับคนน้อง กับคนที่ถูกพูดถึงอีกคนคงจะเป็นเฮียหมู หรือคุณสุกร หรือชื่อจริงๆก็คือคุณกร ที่เป็นหัวข้อสนทนาของพวกเขาเมื่อหลายสัปดาห์ก่อน คงอยากจะได้อะไรสักอย่างของแพรพรรณเป็นแน่
“นั่นดิมึง กล้าๆหน่อยดิวะ อยากได้มันต้องรุก มันต้องบุก เท่านั้น”
“ถ้ากูกล้าตั้งแต่แรก กูจะขอให้มึงช่วยมั้ย ไอ้สาด”
“แล้วมึงกลัวอะไรหนักหนาวะ”
“ก็ถ้าเกิดกูขอแล้วเขาไม่ให้ละมึง จะทำไง”
“ก็ตื้อขอใหม่สิวะ ยากอะไร”
คนถูกยุได้แต่ทำหน้าแหยงๆ ส่วนผู้เป็นเพื่อนก็ได้แต่ถอนหายใจ แล้วก็ทำหน้าคิดไปคิดมาอยู่สักพัก
“เอางี้ มึงดูกูนะ”
ทันใดนั้นเฮียสุดที่รักของอาตี๋เล็กต่ายก็หายใจเข้าเต็มปอดก่อนจะพ่นลมฮึดออกมา แล้วจึงเดินเข้าไปในห้อง จุดมุ่งหมายอยู่ตรงหน้าโต๊ะที่วีร์และแพรพรรณนั่งทำรายงานกันอยู่ เพียงแต่ว่าจุดที่เขาหยุดยืนอยู่นั้น ไม่ได้อยู่ตรงหน้าเด็กสาว
“ขอโทษครับ น้องวีร์ใช่มั้ยครับ”
วีร์เงยหน้าขึ้นมองตามที่ถูกเรียก ตัวเขาเองไม่ทันคาดคิดจริงๆว่าจะเป็นคนที่ถูกเรียก จากเดิมที่คิดไว้ว่าจะเป็นแพรพรรณเสียอีก
“ครับ”
“พี่ก็ชื่อวีนะครับ เราชื่อเหมือนกันเลย พี่เป็นพี่ของต่ายอะครับ”
“อ๋อ ครับ” วีร์ตอบรับสั้นๆ เพราะไม่รู้จะตอบอะไรไปมากว่านี้ และยังไม่เข้าใจจุดประสงค์ที่แน่ชัดว่าทำไมพี่ชายของเพื่อนถึงเข้ามาคุยกับเขา
“คือว่าจะรังเกียจมั้ยครับ ถ้าพี่จะขอแอดไลน์น้องวีร์อะครับ”
“หะ... เอ่อ...” เมื่อเจอเข้ากับตัวซึ่งๆหน้าแบบนี้ แม้แต่วีร์เองก็ไปไม่เป็นเหมือนกัน
“ว่ายังไงครับ ได้หรือเปล่า” หน้าตาพี่วีดูยิ้มแย้มแจ่มใส ไม่สะทกสะท้านกับสายตาคนรอบห้องที่กำลังมองมาอยู่ในขณะนี้ เสียงกระซิบกระซาบเริ่มดังขึ้นมา
“เห้ย! เฮีย เอาจริงเหรอ” ศศิทัศน์ที่เดินตามหลังมาติดๆ ก็ดูจะอึ้งๆกับพฤติกรรมของพี่ชายตัวเองอยู่เหมือนกัน
“อืม ก็เอาจริงสิ เนี่ยเฮียรอน้องวีร์แอดไลน์ให้อยู่” ดูท่าทางแล้วคนพี่จะดูเปิดเผยกว่าคนน้องอยู่มากนัก พูดแล้วก็ยื่นโทรศัพท์ของตัวเองให้คนที่นั่งอยู่ตรงหน้า “ว่าไงครับ ได้ใช่มั้ยครับ”
วีร์มองดูโทรศัพท์ในมือตรงหน้า ที่พร้อมเปิดหน้ารอสแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อเพิ่มชื่อไว้แล้ว แล้วเขาก็หันไปมองแพรพรรณที่นั่งอยู่ข้างๆ เหมือนพยายามถามความเห็น แพรพรรณก็ได้แต่ยักไหล่ตอบกลับพร้อมกับแซวด้วยร้อยยิ้ม วีร์คิดอยู่ในใจว่าเขาจะตัดสินใจอย่างไรดี เพราะคนตรงหน้าคือพี่ชายของเพื่อนซึ่งน่าจะไว้ใจได้ว่าไม่ได้คิดจะเอาไลน์ของเขาไปทำอะไรเสียหาย และก็คงอยากจะสร้างความมั่นใจให้เพื่อนของพี่เขาเองเท่านั้น หรือว่าเขาควรจะปฎิเสธไปดีกว่าเพราะว่าอีกฝั่งหนึ่งคือคู่แข่งของเพื่อนใหญ่ของเขาเอง ก่อนที่เขาจะเงยหน้าขึ้นมองรุ่นพี่ตรงหน้าอีกครั้ง
วีผู้พี่ก็ยิ้มให้และพยักหน้าเล็กน้อยเชิงคำถามว่าตัดสินใจได้หรือยัง
แล้ววีร์ผู้น้องก็ตัดสินใจหยิบโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมาพร้อมกับเปิดแอพพลิเคชั่นไลน์ และเข้าไปที่หน้าแสดงคิวอาร์โค๊ด ให้เครื่องของเฮียวีสแกนไป
“ขอบคุณครับ แล้วเดี๋ยวพี่ทักไปนะครับ” เฮียวีพูดจบพร้อมยิ้มให้อีกครั้ง แล้วจึงเดินออกไปหาเพื่อนเขา “เอาไงมึง กูทำให้ดูแล้ว เห็นมะ ยากตรงไหน”
“ก็กูไม่กล้า” เฮียหมู หรือคุณกรก็ยังคงกล้าๆกลัวๆอยู่เหมือนเดิม
“เรื่องของมึงละกัน จะเอาไงก็รีบๆเข้า กูได้ของกูแล้ว กูไม่รอมึงละนะ” ว่าแล้วพี่วีก็เดินกลับออกไปเลย ส่วนเพื่อนเขายืนเก้ๆกังๆอยู่ที่หน้าห้องต่อไปได้ไม่นานก็รีบตามเพื่อนรักไปโดยที่ยังไม่ได้อะไรติดมือกลับไปเลย
วีร์หันกลับมามองหน้าแพรพรรณ
“ไม่ต้องแซว”
ส่วนแพรพรรณก็ได้แต่ยิ้มขำๆไป
*****
วีรมาตุ ราวัณ:น้องวีร์ครับ
อยู่กับไอ้ตี๋เล็กรึป่าวครับ
VeeraVorra:
กำลังเล่นบาสอยู่ด้วยกันครับ
วีรมาตุ ราวัณ:งั้นพี่ฝากบอกไอ้ตี๋เล็กให้หน่อย ว่ารับไลน์คอลของพี่ด้วยครับ
VeeraVorra:
ได้ครับ เดี๋ยวบอกให้
วีรมาตุ ราวัณ:ขอบคุณครับ
(emoticon smile)
*****
“ไอ้ต่าย เฮียมึงบอกให้รับไลน์คอลด้วย” วีร์ตะโกนบอกเพื่อนที่กำลังเล่นบาสเก็ตบอลกันอยู่ ส่วนตัวเขาขอออกมานั่งพักเหนื่อยอยู่ก่อนแล้ว เป็นจังหวะพอดีกับมีข้อความจากพี่ชายของเพื่อนส่งผ่านมาทางแอพพลิเคชั่นไลน์
“ไรว๊า เดี๋ยวนี้จะตามน้องนุ้ง ต้องฝากแฟนมาบอกด้วยหรอเนี่ย” ศศิทัศน์เดินมาหยิบโทรศัพท์ของตัวเอง แล้วจึงเปิดดูข้อความเก่าๆ ก่อนที่จะกดไลน์คอลกลับไปหาพี่ชายตัวเอง
“เดี๋ยวเถอะมึง มึงกับกูมาต่อยกันสักทีดีมั้ย แซวกูดีนัก”
“หูย กูไม่กล้า ต่อยกับอาซ้อมีแต่แพ้กับแพ้”
“ไอ้เชี่ยนี่ วอนสักหมัดนะมึง” วีร์ทำท่าจะลุกขึ้นยืนจริงๆ จนเพื่อนของเขาต้องรีบวิ่งหนีออกไปก่อน
ส่วนคนอื่นๆที่เหลือ ก็เดินตามมานั่งพักเหนื่อยกันบ้าง
“สรุปว่ายังไงมึง เฮียวีตามจีบมึงหรอ” แฝดนรกผู้อยากรู้อยากเห็นไปทุกเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องของคนอื่น “กูว่าใช่แน่ๆ” “ใช่มั้ยมึง” “ใช่มั้ย”
วีร์หรี่ตามองเพื่อนคู่แฝดประมาณว่า ‘พวกมึงจะหาเรื่องกับกูอีกคนใช่มั้ย’
“มึงก็ตอบมาดิว้า พวกกูจะได้เลิกถาม” “ใช่ ก็แค่ตอบมา จีบก็คือจีบ ไม่ก็คือไม่ กูจะได้ไปเสือกเรื่องอื่นต่อ เร็วๆ”
“แบบตอนที่พวกมึงช่วยกันเสือกเรื่องกูกับแพรอะนะ” วีร์รื้อฟื้นความหลังที่ผ่านไปไม่นานนัก ที่เขาต้องตอบคำถามเดิมๆเป็นร้อยๆครั้ง แต่พวกเพื่อนๆเขาก็ยังจะถามกันอยู่นั่นจนกว่าจะได้คำตอบที่พวกเขาพอใจ
“ไม่เหมือนกันปะวะ อยู่ๆมึงกับแพรก็สนิทกันจริงจัง” “ใช่ๆ ไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด” “มันกระตุ้นต่อมความอยากรู้อยากเห็นของกูตลอดเวลา” “เรียกง่ายๆว่าต่อมเสือก” “มึง ไว้หน้าพี่น้องมึงมั่งนะ” “หรือมึงไม่อยากเสือก” “เออกูอยากเสือก แล้วจะทำไม” “ก็ไม่ทำไม” “หรือมึงไม่อยากเสือก” “กูอยากเสือกกูก็ยอมรับว่ากูเสือก” “เห็นมะ มึงก็....”
“โว้ย! พอ! หยุด! ทั้งคู่เลย กูรำคาญ” วีร์ถอนหายใจ “กูตอบแล้ว”
“ก็แค่นั้น” แล้วแฝดนรกก็ยกมือขึ้นตบเข้าด้วยกัน
“เอางี้ สำหรับกูนะ กูไม่ได้รู้สึกว่าพี่เขาจะมีท่าทีจะจีบหรืออะไรกับกูเลย นับตั้งแต่วันที่ขอไลน์กูไปก็แทบจะไม่ได้ทักอะไรกูมาสักเท่าไหร่ จะมีก็แบบเมื่อกี้ที่พี่เขาติดต่อไอ้ต่ายไม่ได้จริง เขาก็จะลองถามมาทางกู ก็เท่านั้น”
“แล้วมึงจะหงุดหงิดอะไรนักวะ” สุรศักดิ์ถาม
“เขาไม่คุยมาสักทีก็เลยหงุดหงิดว่างั้น” “แหม อยากจะเติมม.ม้าให้ยาวไปถึงดาวพลูโต” ฝาแฝดเริ่มจะรุมเล่นงานวีร์ต่ออีกครั้ง
“มันหงุดหงิดเรื่องอะไรวะ” ศศิทัศน์ที่คุยกับพี่ชายเสร็จแล้วก็เดินกลับมารวมกลุ่มกับเพื่อนๆ
“กูไม่ได้หงุดหงิด กูรำคาญเสียงสองเสียงสามของไอ้พวกแฝดนรกเนี่ย เซ้าซี่กูอยู่ได้” วีร์ทำท่าเอือมระอากับพฤติกรรมของเพื่อนคู่แฝด “ส่วนกับพี่เขากูเฉยๆก็ไม่ได้คิดอะไร จะคุยด้วยหรือไม่คุยกูไม่ได้ใส่ใจ ส่วนที่ว่าพี่เขาจะคิดยังไง ถ้าพวกมึงที่รู้จักคนพี่มาก่อนกูยังไม่รู้ ก็ลองถามคนน้องดูเอาเองสิวะ”
“หมายถึงอาเฮียกูหรอ” ศศิทัศน์ถาม
“เออ อาเฮียของมึง กูยังงงจนถึงทุกวันนี้อยู่เลยว่าเขาจะมาขอไลน์กูแต่แรกทำไมวะ” แต่ท่าทีของเพื่อนของเขาที่ดูน่าสงสัยขึ้นมาในทันทีทำให้ต้องถามต่อ “หรือมึงมีอะไรไม่บอกกู พูดมา”
เพื่อนๆต่างหันไปมองคนที่กำลังมีท่าทางเหมือนเด็กถูกจับได้ว่าแอบกินลูกอมกลางดึก
“ว่าไงมึง ปกปิดอะไรกูอยู่” วีร์หรี่ตาจ้องหน้าเพื่อนตัวดีของเขา
“ก็ แบบว่าๆ ก่อนหน้านี้เฮียมาสืบข่าวเรื่องแพรให้เฮียหมูตามปกตินั่นแหละ ถามไปถามมาว่าแพรสนิทกับใครบ้าง เลยต่อเนื่องยาวมาถึงมึง ว่ามึงกับแพรอะไรยังไงกันรึเปล่า กูก็ยืนยันไปว่าไม่มีอะไร แต่แบบเฮียไม่เชื่อไง ซักกูอยู่นั่นจนกูหลุดปากไปว่ามึง... ก็ แบบว่าๆ... ไม่ได้ชอบผู้หญิง แหะๆ” ศศิทัศน์ยิ้มเจื่อนๆพร้อมกับทำตัวเองให้ดูตัวเล็กตัวน้อยที่สุด
“นั่นไง กูว่าแล้ว” วีร์ได้แต่ส่ายหน้า
“แล้วเฮียมึงเป็นเกย์ด้วยหรอวะ” “เออ นั่นสิ ก็เลยมาตามจีบไอ้วีร์มันได้” “ต้องใช่แน่ๆ” “ใช่มั้ยมึง”
“อันนั้นกูก็ไม่รู้จริงๆวะ ว่าเฮียกูเป็นไม่เป็น” ศศิทัศน์เองก็จนใจจะตอบคำถามนี้ได้
“แต่เฮียมึงเป็นคนมาขอไลน์ไอ้วีร์ไปเองนะ” พระยศหันไปถามเพื่อนของเขา
“แต่กูว่าเฮียเขาแค่กะจะขอไลน์กูเป็นตัวอย่างให้เพื่อนเขาดูมากกว่า ก็ดูท่าทางพี่แกจะป๊อดซะขนาดนั้น” วีร์พูดจบแล้วก็หยักไหล่
“แล้วกับแพรละ” “นั่นสิแล้วกับแพรละ... แต่... แล้วเกี่ยวอะไรกับแพรอีกวะ” ตอนนี้ฝาแฝดเริ่มจะตีกันเองอีกแล้ว
“เดี๋ยวๆ พวกมึงหยุดตีกันก่อน มึงจะถามเรื่องอะไรห๊ะ ไอ้กิ่ง”
“มึงอย่าเพิ่งขัดกูสิ ไอ้เชี่ยก้าน... เรื่องแพร กูแค่อยากรู้ว่าตอนนี้คิดยังกับไอ้หมู วันนั้นมันก็เห็นๆกันอยู่ว่าพี่มันตั้งใจจะมาขอไลน์แพร แต่ไม่ได้ไป” “เออใช่ๆ ว่าไง”
“ก็ไม่ว่ายังไง ก็เหมือนเดิม ในเมื่อไม่กล้าไปขอเอง ไม่มีโอกาสได้พูดคุยได้รู้จัก จุดเริ่มต้นมันไม่มี แล้วจะให้สานต่อยังไง ใช่มั้ยมึง” วีร์ถามทั่วๆไป แต่หันหน้าตรงไปทางสุรศักดิ์เต็มๆ ส่วนตัวสุรศักดิ์ได้ยินดังนั้นก็ได้ก้มหน้า เพราะตัวเขาเองก็ยังไม่กล้าอยู่เหมือนกัน ส่วนแฝดนรกก็จะพอมองดูพากันสะกิดไปมาให้ดูเพื่อนของพวกเขา
“สรุปว่าเพื่อนสนิทเฮียกูไม่มีอะไรให้หวังว่าเลยว่านั้น” ศศิทัศน์ถาม วีร์ได้แต่ยักไหล่ตอบ “งั้นก็ช่างมัน กูก็รำคาญแม่งเหมือนกัน ทุกวันนี้ยังมาตามตื้อให้กูไปขอไลน์แพรให้อยู่เลย กูละเบื่อ”
“เออเลิกพูดถึงพี่มันเถอะว่ะ ว่าแต่มันกี่โมงกี่ยามแล้วเนี่ย” วีร์พูดขึ้นพลางควานหาโทรศัพท์เพื่อดูเวลา
“เกือบ 5 โมงแล้ว มึงรีบกลับหรอ” ศศิทัศน์ที่มีโทรศัพท์ถืออยู่ในมืออยู่แล้ว แค่พลิกดูแล้วตอบเพื่อนไป
“ป่าว วันนี้พี่กูทำโอ กลับดึก เลยบอกให้กูหาอะไรกินไปเลยก่อนกลับ กูว่าจะแวะไปกินที่ร้านมึงนะไอ้ใหญ่”
“ก็ อืมม เอาสิ พวกมึงไปด้วยมั้ย จะได้เดินออกไปพร้อมกันเลย”
“ไม่รู้ว่ะ กูกับไอ้กิ่งกำลังคิดจะไปแวะร้านเกมก่อนกลับ” ชัยทิศก็ทำมือเหมือนกำลังบังคับคอนโซลเกม
“แล้วมึงเอาไง ไอ้พระยศ ไอ้ต่าย” สุรศักดิ์ถามสองคนที่เหลือ
“กูไปไม่ได้วะ วันนี้ผู้กำกับฯออกเวร เดี๋ยวกูต้องรีบกลับบ้าน” พระยศบ่นปนเสียดายเวลาสังสรรค์กับเพื่อนๆ
“ของกูก็ไม่ได้เหมือนกัน วันนี้อาม่านึกคึกลงครัวเอง เมื่อกี้เฮียก็บอกให้รีบกลับบ้านได้แล้วอย่างด่วน โทษทีวะ” วันนี้อาตี๋ก็โดนเรียกตัวเหมือนกัน
“เฮ้ย! ไม่เป็นไร ตามสบายเลยพวกมึง ไว้คราวหน้าก็ได้ ร้านไอ้ใหญ่ยังไม่รีบย้ายไปไหน” ว่าแล้ววีร์ก็ลุกขึ้นยืนพร้อมทั้งหยิบกระเป๋าเป้ของตัวเอง “งั้นเดี๋ยวกูไปก่อนนะ”
“เดี๋ยว!” ศศิทัศน์ร้องเสียงดังขึ้นจนเพื่อนๆทุกคนหันไปมอง “ทุกคนหยุดอยู่กับที่ ห้ามขยับไปไหน”
เพื่อนแต่ละคนได้แต่มองหน้ากันไปมา เพราะไม่มีใครเข้าใจว่าเพื่อนตี๋ของเขาต้องการอะไรถึงได้ส่งเสียงร้องห้ามออกมาแบบนั้น โดยที่เจ้าตัวหันรีหันขวางมองซ้ายทีขวาทีเหมือนกำลังมองหาอะไรสักอย่างหนึ่ง
“ฟ่าง” ศศิทัศน์ตะโกนเรียกใครสักคนที่อยู่ในสนามบาสเก็ตบอลติดกัน “ไอ้ฟ่าง ช่วยอะไรกูหน่อย”
ผู้ถูกเรียกเดินเข้ามาหาอย่างงงๆ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้สนิทสนมคุ้นเคยกันแต่ก็พอจะรู้จักผ่านหน้าผ่านตากันบ้าง
“มีไรวะ”
“ถ่ายรูปให้พวกกูหน่อย” ศศิทัศน์บอกพลางยื่นโทรศัพท์มือถือให้คนที่เพิ่งมาใหม่ คนถูกไว้วานก็รับมาอย่างงงๆ แต่ก็ช่วยทำตามที่ได้ถูกร้องขอ “เอาท่านี้เลยนะ” ศศิทัศน์บอกกำกับทั้งคนถ่ายรูปและคนถูกถ่าย
“พร้อมนะ 1... 2... 3... อีกรูปนึง” แล้วเขาก็ถ่ายรูปซ้ำอีกครั้งให้ไว้สำหรับเผื่อเลือก “อื้อหือ เรียงตามสีผิวเลยหรอมึง” เขาถามก่อนจะคืนโทรศัพท์ให้เจ้าของเครื่องไป
“ใช่ๆ มันบังเอิญได้พอดี แต้งกิ้วหลายๆ” ศศิทัศน์กล่าวขอบคุณแล้วก็โบกมือลาให้กับที่มาช่วยให้ภารกิจเฉพาะหน้าอย่างเร่งด่วนของเขาลุล่วงไปได้ด้วยดี ก่อนที่เขาจะเดินกลับไปรวมกลุ่มกับเพื่อนของเขาเอง
“ไหนๆ เอามาดูดิ” “เออ.. เอามาดูด้วย” สองแฝดเข้ารีบมารุมดูรูปในทันที
เป็นรูปพวกเขาที่เรียงตามลำดับ โดยเป็นศศิทัศน์ที่ยืนอยู่ซ้ายสุด ตามมาด้วยสองแฝดนพชัยชัยทิศและพระยศที่นั่งอยู่ที่เก้าอี้ม้านั่งยาว จากนั้นจึงเป็นวีร์และสุรศักดิ์ที่ยืนอยู่ขวาสุดของรูป
“ส่งให้พวกกูด้วย”
“ได้ๆ”
“กูไปได้ยัง” วีร์ถามท่านผู้กำกับการถ่ายรูปประวัติศาสตร์ในครั้งนี้
“ตามสบาย กูก็จะไปแล้วเหมือนกัน”
“เออ งั้นไว้เจอกันพรุ่งนี้” แล้ววีร์ก็ได้ทิ้งระเบิดลูกใหญ่ไว้ก่อนไป “ไอ้ใหญ่มึง เดี๋ยวเจอกันที่ร้าน กูจะไปรับแพรที่ห้องสมุดก่อน กินเสร็จแล้วเดี๋ยวพ่อเขาจะมารับกลับบ้านด้วยกัน”
“อืมได้... ห๊ะ อะไรนะ!” สุรศักดิ์ดูรุกรี้รุกรนขึ้นมาทันที
“กูให้เวลามึงกลับไปอาบน้ำเปลี่ยนชุด เตรียมตัวเป็นพ่อครัวรอต้อนรับ แต่อย่าช้านะมึง”
“เดี๋ยวๆ ไอ้วีร์ จริงหรอ เรื่องจริงใช่มั้ย ไอ้วีร์” สุรศักดิ์ตะโกนไล่หลังวีร์ที่เดินไปห้องสมุดแล้ว
*****
“มาแล้ว มาแล้ว ข้าวหมูแดงหมูกรอบ พร้อมน้ำซุปกระดูกหมูของมึงนะไอ้วีร์ แล้วก็เกาเหลาทะเลลูกชิ้นปลาของแพร” สุรศักดิ์ยกถาดใส่อาหารใบใหญ่มาเสิร์ฟ แล้วจัดแจงวางลงบนโต๊ะตามที่สั่งของแต่ละคน “เรียบร้อย จะเอาอะไรเพิ่มบอกได้เลยนะ ไม่ต้องเกรงใจ” เขายิ้มให้ และกำลังจะเดินออกไป
“อ้าว! แล้วของมึงอะ ไม่มากินด้วยกันเลยวะ” วีร์ถามเพื่อนซี้ของเขา
“วันนี้ไม่ได้ว่ะ กูต้องดูร้าน แม่กูนอนป่วยอยู่ข้างบน กูต้องอยู่ช่วยพ่อกูก่อน”
“อ้อ เหรอ เออๆ เสียดายวะไม่ได้นั่งคุยกัน”
แล้วสุรศักดิ์ก็โบกไม้โบกมือบอกไม่เป็นไร ก่อนจะเดินกลับไปทำงานต่อ วีร์นึกเสียดายที่ผิดไปจากแผนที่วางไว้ไปสักหน่อย มันเป็นเหตุสุดวิสัยช่วยไม่ได้จริงๆ แต่อย่างน้อยเขาเลือกที่จะนั่งด้านนี้ซึ่งมองไปทางด้านหลังร้าน แล้วให้แพรพรรณนั่งอีกฝั่งซึ่งหันหน้าไปทางหน้าร้าน ที่ตั้งของโต๊ะเตรียมอาหารที่สุรศักดิ์กำลังเดินกลับไปทำงานต่อ โดยอ้างว่าถ้ารถของพ่อแพรพรรณมาถึงจะได้เห็นได้ทันที และอย่างน้อยแพรพรรณก็จะได้เห็นอีกมุมหนึ่งของสุรศักดิ์ ที่ตั้งใจทำงาน และทำจริงๆแถมยังทำได้ดีอีกด้วย
“ชามะนาว กับนมเย็นค่ะ” เด็กหญิงตัวเล็กๆ เอาน้ำมาเสิร์ฟให้ทั้งสองคน
“ขอบใจจ๊ะหนูเล็ก แล้ววันนี้ใครไปรับกลับละ” วีร์ถามไถ่น้องนุชคนสุดท้องของบ้านนี้ เขาแวะมากินอาหารที่นี่บ่อยจนคุ้นเคยกับคนบ้านนี้ทั้งบ้าน โดยปกติถ้าไม่ใช่คุณพ่อก็จะเป็นคุณแม่ที่ไปรับสิริศักดิ์กลับ แต่วันนี้ผู้เป็นแม่ไม่สบายผู้เป็นพ่อก็ติดภาระดูแลร้านอีก
“พี่กลางไปรับกลับมาค่ะ ตอนหนูเล็กเห็นพี่กลางยืนรออยู่ก็ตกใจเลย คิดมีใครเป็นอะไรร้ายแรงแน่ๆ พอพี่กลางบอกว่าแม่ไม่สบายก็รีบกลับกันมาเลย”
“แล้วนี่แม่เป็นไงบ้างแล้วละ”
“ก็นอนพักอยู่ข้างบน จริงๆแม่ก็บอกนะว่าดีขึ้นแล้วนะ แต่พ่อไม่ยอมให้ลงมา เลยให้นอนพักต่อ”
“แล้ววันนี้หนูเล็กช่วยทำอะไรบ้างละหืม”
“ก็เหมือนปกติชงน้ำ แล้วก็ช่วยพี่กลางเสิร์ฟ เก็บจานเช็ดโต๊ะ ทำหมดยกเว้นชุดใหญ่ยังไม่กล้าเข้าไปทำ” น้องเล็กตอบอย่างแข็งขัน แต่ก็ทำเสียงอ่อยๆในช่วงท้าย
“อ้าวทำไมละ”
“โอย ไม่ไหวอะพี่วีร์ หม้อต้มร้อนมาก ไม่กล้าเข้าใกล้เลย” สิริศักดิ์ลากเสียงยาวย้ำเป็นหนักเป็นแน่นว่าไม่แน่นอน
“หนูเล็ก! มารับออร์เดอร์หน่อยเร็ว” เสียงคุณพ่อเรียกเมื่อเห็นว่ามีลูกค้าใหม่เข้ามาในร้าน
“ค่า... หนูเล็กไปทำงานต่อนะพี่วีร์”
“จ๊ะ เอาเลย อ้อ เดี๋ยว!” วีร์เรียกตัวเด็กน้อยเอาไว้ก่อน “พี่ลืมไป นี่พี่แพรนะ เพื่อนพี่ เรียนอยู่ห้องเดียวกันกับพี่แล้วก็พี่ใหญ่ด้วย”
“สวัสดีค่ะ” “สวัสดีค่ะ”
“งั้นหนูเล็กไปก่อนนะ ถ้าว่างแล้วเดี๋ยวมานั่งคุยต่อ” วีร์พยักหน้าและยิ้มให้
“บ้านนี้เลี้ยงลูกเก่งเนอะ เป็นงานกันหมดทุกคนเลย” แพรพรรณมองดูแต่ละคนในร้านต่างช่วยกันทำงาน
“ใช่ ขยันขันแข็งกันทุกคน ใหญ่มันก็ช่วยตั้งแต่เช้าทุกวันก่อนไปโรงเรียนนะ ที่เห็นว่ามันไปสายบ่อยๆทั้งๆบ้านมันอยู่หน้าโรงเรียนก็เพราะเหตุนี้แหละ ช่วยจนนาทีสุดท้ายถึงจะหยิบกระเป๋าแล้ววิ่งข้ามฝั่งไป ทันบ้างไม่ทันบ้าง” วีร์ค่อยๆเขี่ยเนื้อหมูที่ติดซี่โครงกระดูกออก เพราะมันเปื่อยอร่อยถูกใจเป็นที่สุด “อันที่จริงลูกจ้างลูกหาบเขาก็มีนั่นแหละ แต่พ่อแม่เขาฝึกลูกเขามาดี ให้รู้จักทำงานกันตั้งแต่เด็กๆ ขนาดชั้นยังอายเลย เมื่อก่อนแค่อยู่บ้านเฉยๆก็ไม่ค่อยได้ทำอะไร แต่ว่าตอนนี้มันไม่ได้ เพราะอยู่กันแค่สองคนพี่น้อง ถ้าไม่ลงมือทำกันก็ไม่มีใครทำเลย” วีร์พูดแล้วก็นึกขำตัวเอง “เป็นไง อร่อยอย่างที่บอกมั้ย”
“อืมม อร่อย ไม่น่าเชื่อเนอะ ชั้นอยู่มาตั้งนานแต่ไม่เคยแวะกินที่นี่เลย แกมาไม่กี่เดือนรู้จักแถวนี้ดีกว่าชั้นซะอีก”
“ก็พ่อแกไปรับไปส่งตลอดเลยนิ มันไม่แปลกหรอก”
“นี่ถ้าไม่ได้แกนะ อย่าว่าแต่มานั่งกินอย่างนี้เลย ชั้นจะไปเดินห้างเองก็ไม่มีทางได้ไป นอกจากพ่อจะพาไปเอง”
“พ่อแกบางทีก็ดูแปลกนะ จะไปเที่ยวเฉพาะผู้หญิงด้วยกันเองก็ไม่ให้ไป กลัวจะเกิดอะไรขึ้นแล้วจะดูแลกันเองไม่ได้ จะให้ออกไปกับผู้ชายก็ยิ่งไม่ได้เข้าไปใหญ่อีก สรุปไม่ให้ออกไปกับใครเลย”
ทั้งสองคนได้แต่ยักไหล่กับความคิดของผู้เป็นพ่อ
“จะว่าไป เขาก็คงหวงของเขานั่นแหละ ตามประสาผู้ชายเจ้าชู้มาก่อนเลยรู้ดีกว่าใคร กลัวกรรมจะมาตกกับลูกสาวตัวเอง” แล้วทั้งสองคนก็ยิ้มให้กัน เป็นอันตกลงว่าเข้าใจตรงกัน
ไลน์! … ไลน์! ไลน์!
เสียงเตือนว่ามีข้อความไลน์เข้ามา ทั้งสองจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู เครื่องของแพรพรรณนั้นไม่มีอะไร จึงหันไปมองที่เครื่องของวีร์ ซึ่งยังเห็นกล่องข้อความลอยอยู่ ชื่อของ ‘วีรมาตุ ราวัณ’ เห็นเด่นชัดมาแต่ไกล วีร์เห็นเช่นนั้นก็เก็บโทรศัพท์กลับเข้าที่เดิม ไม่ได้เปิดดูข้อความแต่อย่างใด
ไลน์!
แพรพรรณได้แต่นึกขำเพื่อนตัวเอง “ไม่คิดจะเปิดอ่านจริงๆหรอ ส่งมารัวๆขนาดนั้น อาจจะมีเรื่องสำคัญละมั้ง”
“ไม่หรอก ตอนนี้บ้านนั้นคงจะยุ่งๆกันอยู่ ไม่มีเรื่องด่วนอะไรอื่นหรอก” วีร์ตอบพลางก้มหน้าตักอาหารกินไปพลาง แต่เมื่อเงยหน้ามาก็เห็นแพรพรรณจ้องมองดูเขาอยู่ “ทำไมหรอ”
“มีความรู้เรื่องในบ้านเขาดีอีกนะ” แพรพรรณเอ่ยแซวเพื่อนตรงหน้า
“ก็ไอ้ต่ายมันบอกเองว่าต้องรีบกลับบ้านไปให้พร้อมหน้าครบทุกคน เพราะวันนี้อาม่าเป็นคนลงมือทำอาหารเอง ห้ามใครมีธุระอื่นเด็ดขาด” วีร์อธิบายพร้อมยักไหล่ หมายจะแสดงเหมือนว่าเป็นเรื่องทั่วไปที่เพื่อนคนไหนก็รู้เหมือนกัน เขาไม่ได้รู้เรื่องอะไรพิเศษไปมากกว่าคนอื่น
“อะจะ ก็ไม่ได้ว่าอะไรนิ” แพรพรรณตอบกลับพร้อมอมยิ้ม
“อย่าแซว”
*****
วีรมาตุ ราวัณ:อยากกินข้าวหมูแดงหมูกรอบจังเลย
จะมีใครชวนไปกินบ้างมั้ยเน้อ
ฮัลโหล ฮัลโหล ไม่ตอบกลับเลย น้อยใจนะเนี่ย
พี่แซวเล่นขำๆ ไม่ต้องคิดมากนะ 555555
*****
[อ่านต่อด้านล่าง]