ตอนที่ 58 ไก่ย่างถูกเผา
“อืม..... อา....อื๊อ....”
เสียงยาวๆ แผดออกจากลำคอเป็นการปลดปล่อยความเมื่อยขบ..... ขณะที่ร่างกายเหยียดออกจนเกือบเกร็ง.... จนทำให้คนที่นอนข้างๆ คลายอ้อมแขนแล้วพลิกกายไปอีกทาง....
“อือ... อือ...” หนูยังครางหงิงๆ กระพริบตาอย่างไม่เต็มใจนักยกมือควานหาที่มาของเสียงที่ก่อกวนการนอนมากดหยุด “โทรศัพท์ปลุก” ให้เงียบลง
อ่านะ อันว่าเสียงประหลาดทั้งหลายแหล่ที่กล่าวมาข้างต้นนั้นหาใช่เสียงครางอย่างหวานแต่อย่างใด ขอวอนบรรดาพี่ป้าน้าหลานที่เกาะขอบเตียงทั้งหลายเลิกทำตาโตกันได้แล้ว เพราะความจริงมันคือเสียงในลำคอที่เปล่งออกมายามเช้าตอนหนูบิดขี้เกียจต่างหาก คริคริ ผิดหวังกันล่ะสิ หนูว่าคุณๆ ท่านๆ อย่าอยากรู้อยากเห็นกันนักเลยว่าพี่โต้งแกง้อหนู “อีท่าไหน” บ้าง หนูถึงลืมเรื่องบาดหมางทั้งหมดทั้งสิ้นว่องไวปานฉะนี้ ขืนเล่าให้ฟังหมดทุก “กระบวนท่า” น่ากลัวน้องฐาอาจจะมีคู่แข่งเพิ่มเติมให้ปวดกระบาลมากกว่านี้ ควรข้ามๆ ไปเสียบ้างก็คงจะดี
เช้าแล้ว... หนูบิดขี้เกียจอีกครั้ง ยืดแขนขาออกสุดตัวภายใต้ผ้าห่มผืนนุ่มหันไปหาพ่อไก่โต้งตัวโปรดที่ยังหลับสนิทแล้วลูบปลายผมของพี่เขาอย่างเอื้อเอ็นดู นานๆ จะเห็นพี่โต้งตื่นทีหลังหนูสักที สงสัยจะเพลียจัดมั้งนะ ขนาดนาฬิกาปลุกดังลั่นยังไม่ยอมตื่นเลย แต่ก็ดีแล้วล่ะ ขืนตื่นขึ้นมาก่อน หนูคงโดนบ่นจนหูชาเป็นแน่ที่ลืมยกเลิกการตั้งปลุกทั้งๆ ที่สอบเสร็จและเข้าสู่ช่วงปิดเทอมแล้วแบบนี้ อย่ากระนั้นเลยไหนๆ ก็ตื่นก่อนแล้วหนูควรจะทำตัวเป็นภรรยาที่ดีออกไปหาข้าวหาปลาให้สามีทานจะดีกว่า...
โอ้.. ช่างเป็นภรรยาที่ประเสริฐแท้....
หนูเดินออกมาจากห้องนอนก็เห็นว่าพี่ปอนด์ยังคงนอนหลับสภาพเดิม กำลังว่าจะเดินไปที่ครัวเสียงโทรศัพท์ก็ดังลั่นขึ้น... หนูชะงักเท้ายกมือขึ้นขบข้อนิ้วชั่งใจว่าจะเอายังไงดี
“พี่ปอนด์คะ... โทรศัพท์” พยายามเขย่าตัวอีกฝ่ายเบาๆ อย่างหวาดๆ เพราะกลัวว่าจะเกิดเหตุการณ์สยองขวัญขึ้น เพราะผู้ชายบางคนปฏิกิริยาตอบสนองไวเกินคาด ถ้าไปยุ่งเวลานอนแล้วเกิดเส้นกระตุกฟาดงวงฟาดฟาดเหวี่ยงแขน เหวี่ยงขาเข้าใส่ก็ยังมี เลยต้องระมัดระวังตัวเป็นพิเศษ
ในที่สุด...โทรศัพท์ก็หยุดดัง หนูก็กะว่าจะเลิกสนใจเข้าครัวไปตามความตั้งใจเดิม... แต่แล้วไม่นานนัก เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นมาอีก...
พี่ปอนด์โคตรของโคตรความขี้เซา...โทรศัพท์ก็ดังลั่น(เป็นครั้งที่สอง) แต่พี่ก็ยังไม่รู้สึกรู้สา เรียกก็แล้ว เขย่าก็แล้วยังไม่มีทีท่าว่าจะตื่นแต่อย่างใด อะไรพี่จะนอนตึปานนั้นคะ? น้องฐาล่ะรำคาญแทน
ปอนด์ขยับตัวพลิกกายตะแคงไปอีกฝั่งจนโทรศัพท์ที่ว่าเลื่อนตกจากกระเป๋าลงมา และเสียงเรียกเข้าเงียบลง น้องฐาขมวดคิ้ว....
บางทีเสียงโทรศัพท์ที่ว่าอาจไม่ใช่เพราะใครโทรมา แต่เป็นนาฬิกาปลุกก็เป็นได้... คิดได้ดังนั้นน้องฐาเลยถือวิสาสะแอบหยิบโทรศัพท์พี่ปอนด์ขึ้นมาด้วยความปรารถนาดีว่าจะช่วยปิด “โทศัพท์ปลุก” ให้ แต่กลายเป็นว่าได้ยินเสียงบางอย่างเล็ดลอดออกมาจากเครื่อง และหน้าจอที่สว่างมีนาฬิกาจับเวลากำลังเดิน
หนูลองยกมือถทอขึ้นแนบหู ได้ยินเสียงห้าวๆ ส่งมาตามสาย
“ฮัลโหล....ๆ ” แป่ว... สาบานได้ว่าหนูไม่ได้กดรับแต่อย่างใด พี่ปอนด์เป็นคนกดรับด้วยบั้นท้าย หรือไม่ก็โทรศัพท์มันบังเอิญตกลงมาโดนโซฟาพอดีอะไรเทือกนั้น
“ฮาโหล....” หนูตอบกลับ เพราะไหนๆ มันก็รับไปแล้วจะให้วางสายไปโดยไม่พูดก็เสียมารยาทไปหน่อย ใช่ไหม?
“.........” ปลายสายถึงกับเงียบกริบไปชั่วขณะ ซึ่งคาดว่าอาจจะคิดว่าโทรผิดแล้วลองดูเบอร์ซ้ำ หรือกำลังสับสนอะไรบางอย่างหรือเปล่า
“เอ่อ...... พี่ปอนด์หลับค่ะ หลับสนิทมากๆ ด้วย ปลุกเท่าไรก็ไม่ตื่น เอาไว้สายๆ ค่อยโทรมาใหม่นะคะ หรือไม่เดี๋ยวถ้าพี่เขาตื่นแล้วเดี๋ยวหนูจะบอกให้โทรกลับนะคะ” หนูเป็นฝ่ายอธิบายยาวยืดเพื่อจะบอกว่า คุณไม่ได้โทรผิด และไม่ควรโทรมาซ้ำอีกเพราะเจ้าของโทรศัพท์กำลังหลับสนิทมากๆ เอาไว้ตื่นแล้วเดี๋ยวค่อยว่ากันเน้อ....
“มึง....เป็น....ใคร” ชัดถ้อยชัดคำ น้ำเสียงโหดเอาเรื่องจนจินตนาการหน้าคนพูดได้ว่าอาจจะกำลังถือไม้หน้าสามเตรียมฟาดหัวใครสักคนเป็นแน่
เอิ่ม..... เจอคำถามแบบนี้ ด้วยน้ำเสียงแบบนี้แล้วรู้สึกขนลุกขนพองสยองหนังศีรษะเหลือประมาณ
“เอ่อ...” หนูเกิดอาการอึ้งกิมกี่ไปสิบวินาที แล้วลดโทรศัพท์ลงดูชื่อคนโทรเพื่อความมั่นใจ แต่ปรากฏว่า ไม่มีชื่อเมมเอาไว้ มีแต่แต่เบอร์โดดๆ โธ่ถังกะลังข้างฝา แทนที่จะมาถามว่าหนูเป็นใคร หนูต่างหากที่ต้องเป็นฝ่ายถาม เพราะมีแต่เบอร์ไม่มีชื่อแบบนี้คงไม่ใช่คนรู้จักหรือสนิทสนมเป็นแน่ ดีไม่ดีจะเป็นพวกนักเลงหรือพวกตามทวงหนี้อะไรอย่างนั้นก็ได้...
หนูล่ะหวั่นอกหวั่นใจนักว่าหากพูดมากกว่านี้อาจจะเป็นเรื่องเป็นราวใหญ่โตได้ อย่ากระนั้นเลย จำเราจะต้องรีบวางสายอย่าได้ช้า...
“แคร่ก... แคร่ก ... อะไรนะคะ สัญญาณไม่ดีเลยค่ะ ฮัลโหล โหล.... ตื๊ด ตื๊ด ตื๊ด...”
ตัดสายไปเรียบร้อยแล้ว หวังว่าจะไม่โทรมาอีกนะคะ
จ้องมือถือพี่ปอนด์อย่างวิตกจริตอยู่สามนาทีเต็มก็ไม่มีทีท่าว่าจะมีสายเข้ามาอีก สงสัยคำอธิษฐานจะเป็นจริง... เฮ้อ...ค่อยโล่งอกหน่อย อาจจะโทรผิด หรือไม่ก็ล้มเลิกความคิดที่จะตามทวงหนี้แล้วก็เป็นได้...
หนูเลิกสนใจโทรศัพท์พี่ปอนด์แล้วลุกขึ้นเดินเข้าครัวอีกครั้งเพื่อจะทำกับข้าว....
ถึงจะพูดอย่างนั้นก็เถอะ... แต่ได้ข่าวว่าในตู้เย็นมันว่างโล่งซะไม่มีล่ะ ก็ช่วงที่บรรยากาศมันอึมครึมมาตั้งหลายวันหนูก็ไม่มีอารมณ์จะทำกับข้าวใช่ไหมล่ะ ก็เลยไม่ได้ซื้ออะไรมาทิ้งไว้ จะมีก็แต่พวกน้ำผลไม้นิดหน่อย แต่ตอนเช้าพี่โต้งก็ไม่ค่อยกินอะไรหรอก มักจะกินกาแฟกับแครกเกอร์มากกว่า หนูก็เลยตัดสินใจต้มน้ำร้อนชงกาแฟแทน ระหว่างที่รอน้ำเดือด หนูก็จัดแจงตักกาแฟใส่ถ้วยรอไว้
“ทำอะไรอยู่เหรอ?” หนูหันไปตามเสียงก็พบว่าพี่ปอนด์ตื่นนอนเรียบร้อยแล้ว.. น่าแปลกใจพิลึกที่ตื่นขึ้นมาได้ เห็นนอนหลับสนิทขนาดนั้นนึกว่าไหลตายไปแล้วเสียอีก... จะว่าไปแล้วตาปรือๆ บวกหัวยุ่งๆ ก็ทำให้ดูเซ็กซี่ดีเหมือนกันนะ คริคริ....
“อ๋อ กำลังจะชงกาแฟน่ะค่ะ พี่ปอนด์จะเอาสักแก้วไหมคะ?”
“อื้อ... ก็ดี” เมื่ออีกฝ่ายรับคำ หนูก็หันไปหยิบแก้วกาแฟมาเพิ่ม เปิดฝากระปุกกาแฟออก
“รสไหนล่ะคะพี่ ใส่น้ำตาลใส่ครีมกี่ช้อน”
“เอ... กินเหมือนโต้งก็ได้” พี่ปอนด์ทำท่าคิดแล้วตอบอย่างขอไปที นัยว่าเป็นคนไม่เรื่องมาก..
“แล้วพี่โต้งแกกินรสไหนล่ะคะ หนูก็ไม่เคยชงให้ซะด้วยสิ”
“อ้าว... เหรอ?” พี่ปอนด์ถามกลับมาอย่างแปลกใจจนหนูเองก็ยังรู้สึกเสียเซลฟ์ ที่ดันไม่รู้เรื่องอะไรของคุณอฟนบ้างเลย เสียหน้าหมด...
“ค่ะ ปกติพี่โต้งแกตื่นเช้ากว่า แล้วก็เป็นคนชงกาแฟ หาของกินให้ หนูจะทำกับข้าวก็เฉพาะวันหยุด หรือนึกครึ้มเท่านั้นแหละค่ะ”
“อืม.. นั่นสินะ ลืมไปว่ามันเป็นพวกชอบดูแลคนอื่นแบบนี้มาตั้งนานแล้ว ถึงจะมีแฟนเป็นกะเทยก็ไม่ค่อยมีประโยชน์เลยน่ะสิ” พี่ปอนด์พึมพำกับตัวเองเบาๆ แล้วหยิบเอาถ้วยกาแฟในมือหนูไป
จะว่าไปแล้วไอ้นิสัยที่ชอบดูแลคนอื่นเป็นนิสัยนี่ หนูก็เป็นนะคะ แต่คงเพราะอยู่กับพี่โต้งมากไปหน่อยก็เลยลืมหน้าที่นั้นไปเลย คงโดนดูแล โดนตามใจมากจนเคยตัวล่ะมั้ง คิดๆ ดูแล้วถ้าไม่นับรวมข้อที่พี่โต้งเซย์โนไม่เอาชะนี แล้วลองเทียบกันดู ทั้งนิสัยขี้งอน งอแงเป็นเด็ก ตามโลกไม่ทัน แถมยังไม่ค่อยทำตัวให้มีประโยชน์แบบนี้ มันดูด้อยๆ ค่ายังไงก็ไม่รู้สิ...
โฮ ม่าย...จริง.... คงไม่ถึงขนาดนั้นมั้ง...
“น้ำตาลสองครีมหนึ่งมั้งถ้าจำไม่ผิด” พี่ปอนด์ว่า แต่ตักน้ำตาลลงถ้วยกาแฟถึงสามช้อนเตรียมจะกดน้ำร้อน
“อย่าเพิ่งค่ะพี่... น้ำยังไม่ร้อนเลย” หนูรีบรั้งมือพี่ปอนด์ไม่ให้กดน้ำร้อนเพราะใส่น้ำลงไปมากโขอยู่คงต้องรออีกพักแหละกว่าจะเดือด
“เออจริงด้วย ขอบใจนะ คนเพิ่งตื่นก็อย่างงี้แหละ เมาขี้ตา เลยอึนไปหน่อย”
หนูพยักหน้ารับแล้วยิ้มหวานให้พี่ปอนด์หนึ่งที
ผลั่ว!! ตามมาด้วยเสียงตบกะบาลอีกหนึ่งทีเพราะพี่โต้งโผล่มาตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้ ยังดีที่คนโดนไม่ใช่หนูแต่เป็นพี่ปอนด์แทน...
“โอ๊ย...ไอ้ห่า... แม่ง ...ตบมาได้ ไม่เอาค้อนทุบเลยล่ะหัวกูจะได้แยกไปเลย ไอ้......” พี่ปอนด์ร่ายยาวคำด่า ที่มากันทั้งสวนสัตว์ หนูจึงทำการตัดทอนเซ็นเซอร์ให้เป็นที่เรียบร้อย คาดว่าจะนำเผยแพร่ออกสู่สาธารณชนได้
“ถ้ามีของแบบนั้นอยู่ในห้องก็ว่าจะทำอยู่ มีอย่างที่ไหนมายืนป้อเมียชาวบ้านเขาอยู่ได้ แบบนี้ มันยิ่งกว่าตีท้ายครัวอีกนะเว้ย”
“ชิชะ!! แค่นี้ทำเป็นหวง มึงไม่ไว้ใจกูเหรอ” พี่ปอนด์ย่นจมูกส่งสายตากวนๆ ไปให้อีกฝ่ายที่เหมือนจะพยายามสงบสติอารมณ์อยู่
“ใครจะไปไว้ใจ ไอ้พวกต่อมจิตสำนึกทางเพศติดลบอย่างมึงลง” พี่โต้งทำหน้านิ่งเนียนเข้ามาโอบไหล่หนูไว้
“เออ!! พ่อคนดี พ่อสุภาพบุรุษ รักครอบครัว ถุย!! อย่าให้พูดเลย...” พี่ปอนด์ทำหน้าตาเป็นต่อที่ทำให้พี่โต้งถึงกับจิ๊ปากไม่พอใจ
“อะไร? พูดอะไร เอาให้ดี ถ้าพูดไม่ดีมีเรื่องแน่...” พ่อไก่โต้งมีการข่มขู่เบาๆ แต่ดูท่าว่าพี่ปอนด์จะทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้
“หือ... กูกลัว กูโคตรกลัวเลย ...สาด.....แต่เอาเถอะไม่พูดก็ได้.... ไม่อยากทำลายอนาคตเพื่อน เชิญสวีตกันไปตามสบายเลยแล้วกันนะ อ้ะ... ขอกาแฟด้วยแก้วนึงด้วย” พี่ปอนด์ยัดแก้วกาแฟใส่มือพี่โต้งแล้วโบกมือให้ ล่าถอยออกจากมุมครัว
อะไรอ่ะ? ลองมาพูดแบบนี้ มันยิ่งทำให้อยากรู้ไม่ใช่เหรอ?
ทำแบบนี้มันไม่ต่างกับทิ้งระเบิดเอาไว้เลยนะคะ
“ที่พี่ปอนด์พูดมันหมายความว่ายังไงคะ” หนูหันไปทำสีหน้าคาดคั้น เบะปากแล้วเตรียมบีบน้ำตาเต็มที่
“โธ่น้องฐา จะไปเอาอะไรกับไอ้ปอนด์ มันก็มั่วไปเรื่อย.... มันก็แค่อยากจะแกล้งพี่เท่านั้นแหละ หนักแน่นเข้าไว้ อย่าเชื่อคนง่ายแบบนี้สิ”
พี่โต้งยืนยันหนักแน่นขึงขังพลางเขย่าไหล่หนูไปด้วย แต่ยิ่งพูดมันก็ยิ่งน่าคิดนะคะ ณ จุดนี้
“ไม่จริงอ่ะ ถ้ามันไม่มีอะไรทำไมพี่โต้งไม่ยอมเล่าอะไรให้หนูฟัง แถมพี่ปอนด์ก็ทำเหมือนมีลับลมคมในอีก... ฮือ......”
พี่โต้งทำหน้าสลดแต่ก็ไม่มีคำอธิบายอะไรออกมาอีกตามเคย หนูทำเสียงฮึดฮัดในลำคอเบาๆ ก่อนจะเดินออกจากครัวแล้วทิ้งพี่โต้งยืนเฝ้าครัวไปคนเดียว....
.........................................................
ขออภัยถ้าหากตอนนี้สั้น แต่ขอลงซะหน่อยก่อน เนื่องจากหายไปนาน เดี๋ยวคนลืม...
ตอนนี้ไม่มีมาม่านะคะพี่น้อง... ขนมปังปอนด์แค่แกล้งพี่ไก่เล่นเท่านั้นเอง ไม่ได้จะเข้ามาแทรกแซงอะไร ส่วนน้องฐานั้นก็วิตกจริตไปตามประสาซื่อ แต่ก็อย่างที่รู้ๆ กันว่า งอนง่ายหายไวสุดๆ (ขอวอนคนอ่านอย่าเพิ่งเบื่อเลยเน้อ เพราะมันคงทะเลาะกันไปได้อีกไม่นานแล้วล่ะค่ะ)
ตอนหน้าอาจจะมาไวนิดนึงนะคะ กลัวคนอ่านจะตกอกตกใจไปเกินเหตุ เผลอๆ อาจจะมีพ่อกระต่ายน้อยแพลมๆ มาแจมเป็นแขกรับเชิญ ก่อนจะเตรียมตัวเข้าสู่เนื้อหาหลักที่คุณๆ ท่านๆ รอคอยกันสักที
รักนะจุ๊บๆๆ