คดีรักนักดูดวง
บทที่ 6
กว่าจะกลับมาถึงห้องแถวของพาลีก็เย็นจนเกือบค่ำ สุดเขตแจ้งเหตุกับสมบัติเจ้านายของเขาเรื่องอุบัติเหตุและจัดแจงเรื่อง
ประกันรถในขณะที่พาลียังยืนอึ้งกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รถยนต์ของพาลีถูกนำไปอู่ที่สุดเขตไว้ใจเพื่อตรวจสอบสภาพรถว่ามีการตัดสาย
เบรกจริงหรือไม่ หลังจากนั้นสุดเขตจึงพาเขาไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลทั้งที่พาลีบอกว่าไม่ได้เป็นอะไรสุดเขตก็ยังไม่ยอม
“ไม่ได้เป็นเหี้ยอะไร หน้าผากมึงกระแทกกับกระจกรถดังโครมขนาดนั้น ถ้าความโง่ของมึงรั่วออกมาเป็นมลพิษต่อสิ่ง
แวดล้อมจะทำยังไง”
ในที่สุดพาลีก็ต้องยอมให้สุดเขตลากไปโรงพยาบาลและกลับมาพร้อมยาคลายกล้ามเนื้อ เขาคิดมากเรื่องที่สุดเขตบอกว่า
เขาถูกปองร้ายจนใบหน้ามีแต่ความเคร่งเครียด สุดเขตมองอย่างนึกเห็นใจ
“ทำใจดีๆโว้ย อย่าเพิ่งตาย”
“สัส ไปไกลๆเลยไอ้เขต”
พาลีอยากจะประเคนฝ่าเท้าให้สุดเขตเสียเหลือเกินแต่เขาก็ยกเท้าไม่ไหว ความปวดเมื่อยร้าวระบมมาเยือนจนแทบจะขยับ
ตัวไม่ได้แม้จะไม่ได้มีบาดแผลสักแห่งนอกจากรอยเขียวช้ำที่หน้าผาก
“เป็นไงบ้างวะ”
สุดเขตถามด้วยน้ำเสียงห่วงใยอย่างไม่รู้ตัว เห็นสภาพที่พาลีขยับตัวช้าๆพร้อมกับนิ่วหน้าก็พอจะเดาอาการได้ว่าตอนนี้พาลีคง
ขัดยอกไปหมดทั้งร่าง
“ปวดไปหมดจนไมกล้าขยับ กูก็ไม่ได้มีแผลตรงไหนทำไมแม่งระบมแบบนี้วะ”
“แรงกระแทกของรถตอนชนไงมึง ไม่มีแผลแต่ก็ทำให้กล้ามเนื้อบาดเจ็บ นี่ดีนะว่าเป็นกูขับ ถ้าเป็นมึงขับแบบเงอะงะแล้วสาย
เบรกถูกตัดจริง ป่านนี้ไปเฝ้ายมบาลแล้ว”
พาลีไม่กล้าเถียง เขาเห็นด้วยกับสุดเขตในเรื่องนี้เพราะพาลีขับรถยนต์ไม่แข็ง สุดเขตรู้ได้จากตอนที่พาลีขับรถไปโรงพักใน
ช่วงเช้า
“รีบไปกินยาแล้วนอนพักดีกว่าว่ะไอ้ลี แต่ว่ามึงจะเดินขึ้นไปบนห้องนอนไหวไหมวะสภาพแบบนี้”
พาลีกะพริบตาปริบๆขณะประเมินร่างกายตนเอง เขายันกายลุกขึ้นยืนจากเก้าอี้อย่างยากลำบาก เสียงโอดโอยลอดออกมา
เบาๆจนสุดเขตนึกสงสาร
“ทำท่าแบบนี้พรุ่งนี้ก็ขึ้นไปไม่ถึงหรอก มานี่ ขี่หลังกูไปดีกว่า”
พาลีชะงักเมื่อสุดเขตก้าวมายืนอยู่ตรงหน้า เขารีบละล่ำละลักปฏิเสธ
“เฮ้ย ไม่เป็นไร กูว่ากู่ค่อยๆเดินขึ้นไปเองก็ได้ เราไม่ใช่เด็กกันแล้ว”
“มึงอย่าหยิ่งหน่อยเลย”
สุดเขตส่ายหน้า
“แค่กูช่วยเหลือมึงไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรสักหน่อย ขึ้นมาขี่หลังกูเร็วๆเข้าไอ้ผู้ใหญ่ลี”
พูดจบสุดเขตก็หันหลังให้พาลีและย่อตัวลง พาลีมองแผ่นหลังกว้างก่อนจะตัดสินใจโน้มตัวลงไปบนแผ่นหลังนั้นพร้อมกับใช้
แขนสองข้างโอบคล้องเกี่ยวกันรอบคอสุดเขต รอจนสุดเขตลุกขึ้นยืนจึงค่อยใช้ขาเกี่ยวไปรอบเอวสุดเขตกันตก ส่วนสุดเขตก็ใช้มือยึด
ต้นขาของพาลีไว้และพาเดินขึ้นบันได
พาลีปล่อยให้สุดเขตพาขึ้นชั้นบนของตัวตึกไปอย่างเงียบๆ เขาได้แต่ลอบมองท้ายทอยตลอดจนหลังหูของสุดเขตแล้วยิ้ม
โดยไม่ให้สุดเขตเห็น เหตุการณ์วันนี้ทำให้พาลีรู้ว่าในช่วงเวลาคับขันที่เขายังตกใจอยู่สุดเขตกลับควบคุมอารมณ์และช่วยแก้ไข
สถานการณ์ได้อย่างรวดเร็ว รวมถึงความมีน้ำใจที่สุดเขตมีให้เขา
บางทีพาลีอาจจะต้องมองสุดเขตในอีกแง่ดีขึ้นโดยไม่ปล่อยให้อคติมาบังตา
“เอ้า ถึงแล้ว เห็นตัวผอมๆเสือกหนักชิบหาย”
สุดเขตวางพาลีลงใกล้เตียงนอน
“ไปอาบน้ำแล้วแดกยาแก้ปวดซะจะได้นอน อ้าว แล้วทำไมหน้าแดงอีกแล้วล่ะ หรือว่าคราวนี้เป็นไข้”
“กูไม่ได้เป็นไข้”
พาลีก้มหน้าพูดเสียงเบาจนสุดเขตส่งเสียงดุ
“อย่าดื้อสิวะ มานี่ซิ”
สุดเขตดึงแขนพาลีที่ทำท่าจะหนีเขาให้เข้ามาใกล้ เขาหลังยกมืออังหน้าผากพาลีและพูดราวกับตนเองเป็นผู้ใหญ่กำลังดุ
เด็กดื้อ
“ตัวมึงรุมๆเหมือนเป็นไข้จริงๆด้วย อย่าอาบน้ำเลยเดี๋ยวอาการหนัก”
“ไม่อาบได้ไง ทั้งเหงื่อทั้งกลิ่นควันรถ เหม็นตายห่ากูนอนไม่ลงหรอก”
พาลีพยายามค้านแต่กลับถูกฝ่ามือหนาของสุดเขตผลักให้เสียหลักไปบนเตียง
“กูเช็ดตัวให้มึงเอง”
สุดเขตตัดสินใจในขณะที่พาลีตาเหลือก
“เหี้ย ไม่ได้โว้ย มึงจะเช็ดตัวให้กูเนี่ยนะ”
“ทำไมจะไม่ได้ เกิดสะดิ้งขึ้นมาอีกล่ะมึง อยู่เฉยๆอย่าลีลา”
สุดเขตเท้าเอวมองอย่างระอา
“ไหน ผ้าขนหนูเช็ดตัวมึงมีหรือเปล่า บอกกูมาว่าเก็บอยู่ตรงไหน”
พาลีมองสุดเขตตาคว่ำแต่สุดเขตมองกลับด้วยสายตาคาดคั้นเขาจึงยอมบอก สุดเขตเดินไปค้นในตู้เสื้อผ้าตามที่พาลีบอก
ก่อนจะเดินไปยังห้องน้ำด้านนอกและกลับเข้ามาพร้อมกะละมังใส่น้ำ
“กูเช็ดเองก็ได้”
พยายามแย่งผ้าขนหนูผืนเล็กที่สุดเขตบิดน้ำจนหมาดแต่ก็ไม่สำเร็จ สุดเขตส่ายมือหนีจนพาลีต้องยอมแพ้
“ถอดเสื้อกับกางเกงออกสิวะ ยิ่งช้าไข้ยิ่งสูงนะมึง”
สุดเขตบังคับ เขาเอื้อมมือมาปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตของพาลีออกอย่างรวดเร็วและคาดคั้นให้พาลีถอดมันออกรวมทั้งกางเกงจน
เหลือแต่กางเกงชั้นในสีขาวตัวเดียวที่ยังปกปิดสายตา สุดเขตใช้ผ้าขนหนูเช็ดใบหน้า ลำคอ แขนขาและลำตัวให้พาลีในขณะที่พาลีนั่ง
เงียบมองการกระทำของสุดเขตที่ทำให้กำแพงในหัวใจของเขาแทบจะพังทลายไปหมดสิ้น
“เฮ้ย”
พาลีสะดุ้งจากภวังค์ เขารีบหยุดมือของพาลีที่ทำท่าเหมือนจะยกขอบกางเกงในของเขาขึ้น
“ทำเหี้ยอะไรไอ้เขต”
“อ้าว ก็เช็ดจู๋มึงไง”
สุดเขตเลิกคิ้วหน้าตาใสซื่อ
“ไม่เช็ดมันหมักหมมเชื้อราแดกตายห่า”
“เอาผ้ามานี่ ตรงนี้กูเช็ดของกูเอง”
พาลีหน้าแดงก่ำโดยไม่ใช่เพราะไข้แน่ๆ เลือดลมพากันตีวนอยู่บนใบหน้าจนรู้สึกได้ชัดเจน เขาดึงผ้าขนหนูจากมือของสุด
เขตแล้วล้วงเข้าไปเช็ดเจ้าน้องชายลวกๆก่อนจะโยนผ้าใส่กะละมังน้ำ
“สาแก่ใจมึงหรือยังไอ้เหี้ยเขต”
สุดเขตหัวเราะเบาๆ เขานึกเอ็นดูใบหน้าง้ำที่มองเขาตาคว่ำ ดูออกว่าอีกฝ่ายคงขัดเขินที่ต้องมาโป๊ต่อหน้าเขา ทั้งที่สุดเขต
ชินเสียแล้วจากการที่ต้องอยู่กับเพื่อนผู้ชายสมัยเรียนตำรวจ
“มึงจะเช็ดหน้าอีกรอบไหมวะเดี๋ยวกูบิดน้ำให้”
“เช็ดพ่องง” พาลีด่า
“มีมึงคนเดียวในโลกมั้งที่เอาผ้าที่เช็ดจู๋แล้วกลับมาเช็ดหน้า ไป มึงเอาน้ำไปทิ้งเดี๋ยวนี้”
สุดเขตหัวเราะลั่นอย่างห้ามไม่อยู่ เขายกกะละมังน้ำออกไปนอกห้อง พาลีรีบฉวยโอกาสนั้นรีบหาชุดนอนจากตู้เสื้อผ้ามาใส่
จากนั้นเขาก็รีบกลับมาคลุมโปงหนีหน้าสุดเขตอยู่บนเตียง
ได้ยินเสียงสุดเขตเปิดประตูกลับเข้ามาแต่พาลีก็ยังนอนนิ่งอยู่ในโปงจนกระทั่งสุดเขตดึงผ้าห่มออก
“อย่าเพิ่งนอน ลุกมาแดกยา”
“กูไม่ชอบกินยา”
“จะแดกดีๆหรือต้องให้กูลงมือดัดขามึงอีกสักท่อนหือไอ้ลี”
นั่นแหละพาลีจึงได้ยอมลุกขึ้นมารับยากับแก้วน้ำที่สุดเขตส่งให้ เขากลืนยาลงคอเหมือนเด็กที่ถูกผู้ปกครองบังคับให้กินยา
ขม ดื่มน้ำหมดแก้วเขาก็กระแทกแก้วคืนใส่มือสุดเขต
“กูแดกแล้ว มึงก็ไปไกลๆตีนกูเหอะ กูจะนอน”
พูดจบพาลีก็หนีหน้าสุดเขตด้วยการล้มตัวลงนอนซุกกายในผ้าห่มอีกครั้ง เขาหลับตาหนีจึงไม่ทันได้เห็นความห่วงใยที่ฉาย
อยู่ในดวงตาคมของสุดเขตจนกระทั่งพาลีหลับไปด้วยฤทธิ์ยา
หลับไปนานเท่าใดพาลีก็ไม่รู้ รู้แต่เขาตื่นขึ้นมาท่ามกลางความมืดมิดของห้องเพราะเสียงตุ๊บเหมือนเสียงของหนักๆร่วงหล่น
พาลีปรับสายหน้าให้ชินกับความมืดแล้วจึงผงกหัวขึ้นมองไปรอบๆห้อง เขาเห็นสุดเขตกำลังนอนหน้านิ่วอยู่บนพื้นห้องข้างๆโซฟานั่นเอง
แอบยิ้มอยู่ในความมืด พาลีลุกจากเตียงด้วยความสบายตัวมากขึ้น อาการปวดระบมบรรเทาไปบ้างแล้วเมื่อเขาลุกจากเตียง
ก้าวเดินไปหาสุดเขต
“นอนยังไงให้ร่วงได้วะ”
สุดเขตแยกเขี้ยวใส่พาลีที่ยืนค้ำหัวเขาอยู่พลางดันกายขึ้นนั่ง
“โซฟาแม่งเท่าแมวดิ้นตาย มึงลองมานอนดูบ้างไหมล่ะ”
พาลีเห็นใจสุดเขตขึ้นมาครามครัน เขานึกถึงน้ำใจที่สุดเขตช่วยเขาเมื่อหัวค่ำจึงเอ่ยปากออกไปอย่างลืมตัว
“ไปนอนบนเตียงกับกูก็ได้”
“พูดแล้วห้ามคืนคำนะมึง”
สุดเขตทำตาโต เขารีบคว้าหมอนและผ้าห่มไปที่เตียงของพาลีอย่างรวดเร็วราวกับกลัวพาลีจะเปลี่ยนใจ ส่วนพาลีนั้นเมื่อรู้สึก
ตัวว่าพูดอะไรออกไปก็นึกอยากจะกัดลิ้นตัวเองนักที่เป็นฝ่ายเปิดโอกาสไปสู่ความใกล้ชิดที่เขาเองเป็นคนตั้งกำแพงไว้ แต่ในเมื่อพูดไป
แล้วพาลีก็ไม่อยากเสียคำพูดจึงทำได้แค่เดินกลับไปล้มตัวลงนอนยังฝั่งที่เขานอนอยู่และยกเท้าเขี่ยสุดเขตเบาๆ
“นอนคนละฝั่ง ห้ามล้ำแดน”
“โอ๊ย ไอ้คนหวงถิ่น มึงไม่เยี่ยวรดแสดงความเป็นเจ้าของเสียเลยล่ะวะ นอนได้แล้วกูง่วง”
สุดเขตหันมาต่อว่าไม่จริงจังก่อนจะหลับตาลง พาลีเม้มปากแน่นก่อนจะตะแคงกายหันหลังให้สุดเขตและหลับตาลงตาม
มีต่ออีกนิด...