บทที่16
“ไอ้สัด!มึงโกหก”
“รับไม่ได้ก็กลั้นใจตายซะสิมึง” จ้องหน้าคนที่กำลังยืนตัวสั่นกำมือของมันแน่นอย่างอดกลั้นอยู่บนนั้น บนเวทีที่มันเป็นเจ้าของงาน เห็นแล้วอดไม่ได้ที่จะยิ้มเหยียดออกมา จริงๆ ไม่ได้ตั้งใจให้สีหน้าบ่งบอกว่าสมน้ำหน้าขนาดนี้ แต่บางทีคนเราก็มักจะแสดงออกตามความรู้สึกมากกว่าที่จะควบคุมมันเอาไว้ ยิ่งเวลาที่เห็นสีหน้าเจ็บใจเหมือนฟ้าถล่มจะเป็นจะตายแบบนั้นแล้วยิ่งห้ามมุมปากของตัวเองไม่ให้ยกขึ้นไม่ได้เลยจริงๆ
“มึงโกหกกู! ไอ้สมุทร ไอ้เหี้ยนี่มันโกหกใช่ไหม มึงพูดสิวะ” ขายาวๆ ของมันที่ก้าวลงมาจากเวทีแล้วเดินตรงมาผลักอกกันแรงๆ ได้ยินเสียงฮือฮาดังมาจากคนรอบข้างแล้วยิ่งชอบใจ มองเห็นมือถือของคนในงานที่ยกขึ้นมาถ่ายเอาไว้
ดี ถ่ายไว้เยอะๆ หลังจากนี้ไอ้ยอร์ชจะได้เห็นว่าเวลามันเสียใจ มันน่าสมเพชแค่ไหน ... สมน้ำหน้ามึง
“เห้ยๆ ไอ้ยอร์ชใจเย็น” เพื่อนของมันที่ผมจำได้ดีว่าชื่อไอ้ทอยวิ่งเข้ามาก่อนใคร ดึงแขนไอ้ยอร์ชเอาไว้แต่ดูเหมือนมันจะไม่ฟัง เพราะสะบัดแขนออกจากเกาะกุมของเพื่อนมันเต็มแรง
“ทำไมวะ เพราะกูได้อัยย์มึงเลยไม่พอใจหรอวะ”
“ไอ้ยอร์ชมึงพอ” เป็นเสียงไอ้อาทิตย์ดังขึ้นมาจากด้านหลังของผม มันที่เดินแทรกตัวมาอยู่ตรงหน้าระหว่างผมกับไอ้ยอร์ชเอาไว้
“กูไม่พอ พี่มึงมันเหี้ยแพ้แล้วพาล ถ้ามึงอยากได้อัยย์มันมากก็มาเอาไปดิวะ กูไม่เอาแล้ว!”
“ไอ้สัด อัยย์ไม่ใช่สิ่งของที่มึงจะมายกให้ใครเมื่อไหร่ก็ได้”
เลือดขึ้นหน้า รอยยิ้มที่ก่อนหน้านี้มีประดับใบหน้าหายไปพร้อมๆ กับที่มือกับเท้าของผมไปไวกว่าความคิด เอื้อมมือไปผลักอกไอ้อาทิตย์ให้หลบออกไปแล้วซัดหมัดเข้าหน้าไอ้ยอร์ชเต็มๆ แรง มันไม่มีสิทธิมาพูดถึงอัยย์แบบนี้ มันมีสิทธิอะไรมาดูถูกคนที่รักมันขนาดนั้น
‘ผลัวะ’ ไอ้ยอร์ชที่เซถอยหลังล้มหน้าคว่ำไปลงโต๊ะทางด้านหลังมันล้มคว่ำไปหลายตัว ผมที่ก้าวขายาวๆ เข้าไปคล่อมตัวมัน ยกหมัดซ้ำกระแทกใส่หน้ามันอีกสองสามหมัดแบบที่มันลุกมาสวนไม่ทัน
‘ตุบ ผลัวะ!’
“คนแบบมึง คนแบบมึงมันไม่สมควรได้ความรักจากใครหรอกไอ้สัด” จ้องหน้าคนที่อยู่ใต้ตัวแล้วง้างหมัดกว้างๆ อีกครั้ง แต่มันที่ตั้งตัวได้ทันแล้วรับหมัดนั้นได้ซะก่อน ก่อนที่มันจะยกเข่าขึ้นมากระแทกสีข้าง แล้วเปลี่ยนมาคล่อมตัวผมแทนด้วยแววตาเดือดดาล
“มึงคิดว่ากูจะยอมโดนฝ่ายเดียวหรอไอ้สัดพระจันทร์! แค่ก็กูอยากจะมีความรักดีๆ สักครั้งทำไมมึงต้องมาเสือกด้วยวะ!”
‘ผลัวะ!’
มันตะคอกออกมาแบบนั้น พร้อมๆ กับหมัดที่สวนมาแบบไม่ทันได้หลบ เซถอยหลังพร้อมๆ กับแรงหมัดของมันที่กระแทกมาโดนที่มุมปากของตัวเองเต็มๆ
“พอไอ้สัดพอได้แล้ว!” เป็นไอ้อาทิตย์กระชากตัวของผมออกมา และทางด้านไอ้ยอร์ชเองก็เห็นเพื่อนของมันอีกสองคนที่มาล็อคตัวมันไว้ไม่ต่างกัน ผมแค่นรอยยิ้มออกมาพร้อมมองเหยียดมันตั้งแต่หัวจรดเท้า ก่อนถุยเลือดตรงมุมปากทิ้งไป
“ความรักดีๆ หรอ ถุย” ว่าออกไปแบบนั้นพร้อมหันมองไปรอบๆ งานที่ตอนนี้พังเละเทะไม่เป็นท่า โต๊ะแถวนั้นถูกล้มคว่ำกระจาย สีหน้าของคนในงานที่ดูตื่นตกใจทั้งชายทั้งหญิงที่ดูจะตกใจกับเหตุการณ์นี้ ...แต่ถึงแบบนั้นก็ยังยกกล้องมาจับภาพเหตุการณ์เอ้าไว้อยู่ดี ผมหันกลับมามองหน้าไอ้ยอร์ชอีกครั้ง คนที่ครั้งนึงมันเคยเป็นเพื่อน
“มึงวิ่งตามหาความรักดีๆ ทั้งๆ ที่มึงเองก็มีอยู่แล้ว กูถามจริงๆ เหอะ ถ้ามึงไม่อยากรักแต่แรกมึงเอาไปทำเหี้ยอะไร!” จ้องมองตามันที่วูบไหวไปวูบนึง ก่อนสายตาของมันจะเปลี่ยนเป็นนิ่งสบตากับผมอีกครั้งเหมือนว่าไม่รู้สึกอะไร มันไม่พูดอะไรออกมาอีกสักคำ และผมถือว่านั่นเป็นคำตอบของความเหี้ยทั้งหมดของมัน
“พวกมึงเลิกทะเลาะกันด้วยเรื่องนี้สักทีเหอะว่ะ พวกมึงเป็นเพื่อนกันนะไอ้สัด” ไอ้ทอยพูดออกมาแบบนั้นทั้งๆ ที่มันยังล็อคตัวไอ้ยอร์ชเอาไว้
“กูก็ไม่มีเพื่อนเหี้ยแบบมัน! ตอนที่กูบอกว่ากูชอบอัยย์ มึงทำได้ไงถึงแอบไปมีอะไรลับหลังกู!” ผมตะคอกออกไปอย่างเดือดดาล ความรู้สึกเก่าๆ วนกลับมาเหมือนกับว่าเรื่องมันพึ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน
หักหลังเพื่อน นอกใจแฟน แล้วตอนนี้จะยังมาตามหาความรักดีๆ จากใครอีก ทั้งๆ ที่มันไม่เคยคิดจะรักษาแล้วจะอยากได้ไปทำเหี้ยอะไร
“แน่จริงมึงก็ตอบกูมา! คนเหี้ยๆ แบบมึงที่หักหลังเพื่อนแบบกู ทำได้ไงวะ! คนแบบมึงอย่ามีเพื่อนอีกเลยเถอะใช่ชีวิตนี้!!”
‘ผลัก!!’
หงุดหงิดจนสะบัดไอ้อาทิตย์หลุดออกจากตัวอีกรอบก่อนจะกระโดดถีบไอ้ยอร์ชเต็มแรง จนทั้งมันทั้งเพื่อนมันล้มหงายไปกับพื้น
“ต่อให้มึงเจ็บแค่ไหน มันก็เจ็บได้ไม่เท่ากับความเสียใจของกูที่โดนเพื่อนแบบมึงหักหลังหรอก!”
“ไม่ว่าเรื่องตอนนั้นมันจะเป็นยังไง แต่แล้วยังไงวะ ครั้งนี้กูจะมีความรักดีๆ บ้างไม่ได้หรือไง!” ไอ้ยอร์ชค่อยๆ เกาะโต๊ะแล้วลุกขึ้นยืนช้าๆ ท่าทางของมันที่ดูจะช้ำไปทั้งตัวจนยืนแทบไม่อยู่ แต่ปากยังดีที่สามารถตะคอกใส่ผมได้ แต่ผมทำแค่แค่นยิ้มตอบกลับไปหลังจากได้ยินคำพูดของมัน ... ความรักดีๆ หรอ
“คนแบบมึงมันไม่สมควรจะมีความรักดีๆ ครั้งนั้นกูพลาด แต่ครั้งนี้กูจะไม่ยอมให้มึงได้ไอ้สมุทรไป กูจะไม่ยอมให้มันต้องเข้าไปอยู่ในชีวิตคนเหี้ยๆ แบบมึงหรอก!” ยกมือชี้หน้ามัน จ้องตามันอย่างจริงจังว่าทุกคำพูดไม่ได้ล้อเล่น ไอ้ยอร์ชที่กำมือตัวเองแน่นๆ หน้าตาช้ำพร้อมกับเสื้อสีขาวที่มันใส่อยู่มีรอยเท้าอยู่กลางเสื้อ จากฝ่าเท้าของผมเอง ยกยิ้มใส่มันอีกทีก่อนจะหันหลังกลับมา เดินตรงไปคว้าข้อมือของไอ้สมุทรที่ยืนทำอะไรไม่ถูกอยู่ตรงนั้น สีหน้าของมันที่เรียกได้ว่าไม่สู้ดี ตากลมๆ หลังกรอบแว่นตาหนาเตอะของมันช้อนมามองหน้าผม พร้อมคิ้วสวยที่ยังขมวดเข้าหากันไม่เลิก มันที่ทำท่าอยากจะพูดอะไร แต่สุดท้ายก็ถูกผมตัดบท
“ไป”
“แต่กูรักมัน กูรักมึงสมุทร!”
“มึงยังไม่จบใช่ไหม!” หันหน้ากลับมามองคนที่แค่ยืนยังลำบาก แต่เสือกปากดีตะโกนออกมาแบบนั้น ในจังหวะที่ผมตั้งใจจะก้าวเข้าไปซ้ำมันให้หายหงุดหงิดอีกสักที ก็ติดตรงฝ่ามือของใครบางคนกระชากแขนของผมไว้ซะก่อน
“ทำอะไร!”
“..........”
“จันทร์ทำยอร์ชทำไม!”
‘เพียะ’
เสียงตะคอกจากคนคุ้นเคยที่มาพร้อมกับสีหน้าบิดเบี้ยวอย่างเจ็บปวด คำพูดเดิมๆ ที่ผมคุ้นชินมันดีและฝ่ามือที่ผมเคยสัมผัสแต่ไม่มีสิทธิได้กอบกุม วันนี้มันกระแทกเข้าหน้าของผมอย่างจังจนหน้าหัน และซีกหน้าด้านขวาขึ้นรอยมือ
“เห้ย! อย่ามาทำพี่พระจันทร์นะ!” ไอ้สมุทรที่ยืนอยู่ข้างตัวผม มันก้าวเข้ามาขวางและผลักอัยย์ให้ออกไปไกลๆ สีหน้าท่าทางเอาเรื่องที่มันตั้งท่าจะเข้าไปสวนกลับแบบจริงๆ ทำให้ผมคว้าข้อมือเล็กๆ นั่นไว้
“สมุทรอย่า”
“แต่เค้าตบพี่!” มันจ้องตาผมเขม็ง สีหน้าเอาเรื่องที่ผมไม่เคยได้เห็นและเป็นครั้งแรกที่มันกำลังโกรธ
“ตบแค่นี้ยังน้อยไป ทำไมจันทร์ต้องทำยอร์ชด้วยวะ ทำไม ทำทำไม!” โวยวายออกมาเสียงดังแล้วมองมาที่ผมอย่างคนผิด สายตาคาดโทษที่บอกผมว่าจะไม่ยอมให้อภัย ทั้งๆ ที่ผมเองก็เจ็บ ปากผมกำลังแตกและเลือดไหล แต่อัยย์ก็เป็นแบบนี้ทุกที เค้าไม่เคยเห็น ไม่เคยมองเห็นความเจ็บปวดของผม สายตาของเค้าเอาแต่มองไปที่เดิม คนที่อัยย์กำลังวิ่งเข้าไปกอดประคอง
“ยอร์ช เจ็บตรงไหน อัยย์พาไปหาหมอนะ” อัยย์ที่ถามมันออกไปแบบนั้น สายตาสวยที่มีน้ำตารื้นปริ่มขอบตาเอาแต่จ้องไปทั่วตัวของไอ้ยอร์ชอยู่แบบนั้น มันที่ก้มหน้ามองอัยย์แค่แว๊บเดียวเท่านั้น ก่อนจะยื่นมือมาดันให้ออกห่าง
“มาทำไม หลบไป!”
“เห้ย มึงจะทำเกินไปแล้วนะไอ้ยอร์ช!” ผมก้าวขาเดินกลับไปทันทีในตอนนี้ จับตดินกลับไปทันทีในตอนนี้ จับตัวประคองอัยย์ไว้ได้ทันก่อนที่เจ้าตัวจะล้มลงไปเจ็บตัว
“แล้วไง กับอัยย์กูก็จบกันไปนานแล้ว”
“ยอร์ช ไม่จริงอ่ะ เราจะจบกันได้ยังไง” ฝ่ามือเล็กๆ ที่ผลักผมออก ก่อนจะเอื้อมไปคว้าเข้าที่แขนแกร่งของคนตรงหน้า ไอ้ยอร์ชที่ขมวดคิ้วแล้วหันมามองหน้าอัยย์นิ่งๆ สายตาที่ผมเข้าใจดีว่ามันหมายความว่ายังไง
สายตาของคนที่หมดใจ คนที่ไม่ได้รู้สึกอะไรต่อกันอีกแล้ว
“แล้วทำไมมันจะจบไม่ได้วะอัยย์ เราเลิกกันไปเป็นปีแล้วเหอะ”
“ตอนเราคบกัน ฮึก...เราก็ตกลงกันสองคนอ่ะ แล้วทำไมตอนเราเลิกกัน มันถึงเป็นแค่ยอร์ชที่ตัดสินใจคนเดียวอ่ะ อัยย์ยังไม่ตกลงด้วยสักคำ แล้วแบบนั้นเราจะเลิกกันได้ยังไง ฮื่ออ”
“อัยย์ พอเหอะ” ผมเอื้อมมือไปดึงแขนคนที่เอาแต่พยายามเบียดตัวไปกอดไอ้ยอร์ชไว้แน่นๆ พร้อมน้ำตาที่ไหลลงมาเป็นสาย
“อย่ามายุ่ง! ฮึก เราขอให้จันทร์มายุ่งหรอ!!” แขนเล็กๆ นั่นสะบัดแขนผมออกมาอีกครั้งพร้อมหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตามองหน้าผม เสียงใสๆ ที่กำลังเสียใจตะคอกใส่ผมเต็มหน้า ...เหอะ กูนี่แม่ง
“พอเหอะอัยย์ ยอร์ชมีคนอื่นที่ชอบแล้ว” ไอ้ยอร์ชพูดออกมาแบบนั้น พร้อมทั้งสายตาของมันที่มองตรงมาหาคนที่ยืนอยู่ด้านหลังของผม ทุกๆ สายตาหันไปจับจ้องไอ้สมุทรที่ยืนอยู่ตรงนั้นไม่เว้นแม้แต่อัยย์ที่กำลังมองมันด้วยน้ำตานองหน้า
“มันหรอ...” อัยย์ที่ก้มหน้าลงต่ำถามออกมาเบาๆ ไหล่เล็กๆ ที่กำลังสั่นไหวนั่นเสียใจเท่าไหร่ผมไม่รู้
“มันหรอ! มันหรอที่ทำให้ยอร์ชเปลี่ยนใจอ่ะ!” อัยย์ที่เงยหน้าขึ้นมาตะคอกออกมาเสียงดัง สายตาที่ผมไม่เคยเห็นกำลังมองมาทางสมุทร ขาเรียวในชุดกางเกงยีนส์ก็ก้าวฉับๆ ตรงไปหาสมุทรอย่างเอาเรื่อง เห็นแบบนั้นก็เลยมาขวางเอาไว้ก่อนที่ฝ่ามือเรียวนั่นจะฟาดเข้าที่หน้าของไอ้สมุทรเต็มแรง
‘เพี้ยะ’
“เห้ย! พี่พระจันทร์ครับ” ไอ้สมุทรที่ผวาตัวเข้ามาหาผม มือเล็กๆ นั่นเอื้อมมาเกาะแขนของผมเอาไว้ แต่ผมดันตัวมันไปไว้ข้างหลัง ส่งสายตาให้ไอ้อาทิตย์มาดึงมันไปยืนไกลๆ จากตรงนี้ ก่อนจะหันหน้ากลับมามองหน้าคนที่พึ่งเพิ่มรอยช้ำที่หน้าให้กันอีกแผล
“จันทร์! อย่ามาขวาง!!”
“เราเจ็บแค่ไหน อัยย์ไม่ถามเลยหรอ”
“พร่ามอะไรของจันทร์ หลบไป!” จ้องหน้าผมตาเขม็ง สายตาของเค้าไม่ได้โฟกัสรอยมือที่อยู่บนหน้าผมด้วยซ้ำ เอาแต่พยายามดันตัวผมให้หลบไปอยู่แบบนั้น
“ทั้งๆ ที่อัยย์ทำเราเจ็บ อัยย์ก็ไม่เคยคิดจะสน ว่าคนที่โดนมันเจ็บไหม”
“ถ้าไม่อยากเจ็บก็อย่ายุ่งดิ จันทร์เข้ามายุ่งทำไม ทุกเรื่องเลย อัยย์ขอหรอ! แต่ตอนนี้สิ่งที่อัยย์ขอคือขอให้จันทร์หลบไปไง แล้วจันทร์จะมาขวางทำไม ไหนบอกว่าทำให้อัยย์ได้ทุกอย่างไง!!” ผลักอกผมแรงๆ อีกที มือของอัยย์ที่เอาแต่ทุบลงมาบนอกของผมอย่างโกรธๆ สายตากลมใสที่แดงก่ำเพราะว่าร้องไห้หนักมองผมอย่างเอาแต่ใจ ความเสียใจบนหน้ามีมากจนสังเกตได้ แต่มันไม่มีสักเสี้ยวที่จะเสียใจที่เค้าทำให้ผมเจ็บ
“ถอยไป! อัยย์จะไปจัดการมัน”
“อย่ายุ่งกับสมุทร!” ไอ้ยอร์ชพูดขึ้นมาแบบนั้น มันที่เดินตามเข้ามากระชากแขนของอัยย์ไปหามันจนตัวปลิว
“ยอร์ชปกป้องมันหรอ! ทั้งๆ ที่อัยย์ยืนอยู่ตรงนี้เนี่ยนะ”
“ตอนนี้ยอร์ชชอบสมุทร” มันพูดออกมาด้วยน้ำเสียงหนักแน่น สายตาที่ไม่มีแววล้อเล่นและไม่ได้สนใจคนตรงหน้าที่กำลังน้ำตาร่วงลงมาอีกเป็นสายในตอนที่มันบอกออกมาแบบนั้น
“ถ้ายอร์ชชอบมัน ฮึก ไม่รู้สึกอะไรกับอัยย์แล้วจริงๆ งั้นยอร์ชมาเอาอัยย์อีกทำไมอ่ะ!” เสียงเล็กๆ ที่ตะโกนถามมันอย่างเจ็บปวด ไอ้ยอร์ชจ้องหน้าอัยย์นิ่งๆ มันเงียบอยู่หลายนาทีก่อนจะถามกลับออกมาใหม่
“อัยย์ถามมาแบบนี้ มั่นใจแล้วหรอว่าจะทนฟังคำตอบได้”
“ยอร์ช!” อัยย์ตะโกนใส่มันเสียงดัง แต่อีกคนทำแค่ถอนหายใจใส่อย่างรำคาญ สีหน้าและท่าทางของมันบอกคนทั้งงานได้เป็นอย่างดี
“ฮึก พระจันทร์ถอยไป!!”
“คนนี้ไม่ได้” ผมบอกออกไปแบบนั้นและยืนขวางทางอัยย์แบบไม่ขยับ จ้องหน้าอีกฝ่ายโดยที่ไม่ยอมหลบสายตาที่มองตรงมาสักนิด
“....จันทร์....อะไร”
“คนนี้จันทร์ไม่ยอม อย่ามายุ่งกับสมุทร ถ้าอัยย์ไม่พอใจมาก ก็ไปล่ามคนของอัยย์นู้น บอกมันว่าอย่ามายุ่งกับคนของเรา”
“ใครคนของมึงไอ้สัด ไอ้สมุทรไม่ใช่คนของมึง!”
“ยอมรับไม่ได้มึงก็ใจขาดตายไปดิ”
“อะไร นี่มันอะไร พระจันทร์พูดบ้าอะไรไปอีกคน! เป็นบ้ากันไปหมดแล้วหรอทั้งยอร์ชทั้งจันทร์” สายตาสับสนที่มองผมสลับกับไอ้ยอร์ชทั้งน้ำตา มองหน้าผมแบบไม่เข้าใจกับคำพูดนั่น แต่ผมไม่เหลืออะไรให้อธิบาย ความรู้สึกผมเองมันก็พังลง พังลงซ้ำๆ เฝ้าถามตัวเองว่า มึงจะเป็นไอ้พระจันทร์ลูกป๊าทัพที่น่าสมเพชไปได้อีกนานแค่ไหน ...
“พี่พระจันทร์”
“กลับกันเถอะ งานเหี้ยนี่ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเราอีกแล้ว” เดินมาตรงหน้าไอ้สมุทร เด็กที่มองมาที่ผมด้วยแววตาสั่นๆ ผ่านเลนแว่นอันใหญ่ของมันเหมือนอย่างเคย สายตาที่เอาแต่มองไล่ไปตามใบหน้าของผมอย่างเป็นห่วงและกังวล มือของมันที่เหมือนอยากจะเอื้อมมาจับกันแต่ก็ไม่กล้าทำนั่นทำให้ผมต้องเอื้อมมือไปจับมันเอาไว้เอง
“เดี๋ยวจันทร์ อย่าไปนะ!”
“มึงจะไปไหน กลับมาคุยกันก่อนไอ้เหี้ยพระจันทร์”
“ยอร์ชจะไปไหน จะตามมันไปหรอ อัยย์ไม่ให้ไป!”
“หลบไปสิเว้ย อัยย์หลบ!!
“ไม่!”
เสียงวุ่นวายจากทางด้านหลังของผมสภาพเป็นยังไงผมไม่รู้ เลือกที่จะทิ้งมันไว้ที่ตรงนั้น กับความรู้สึกของผมที่โดนเหยียบซ้ำๆ แต่ก็ไม่เข็ดไม่จำมันเลยสักที
...
“อัยย์ ปล่อยดิวะ ยอร์ชจะไปตามสมุทร!” ผมมองภาพตรงหน้าด้วยความสมเพชปนระอาใจ อดจะส่ายหัวออกมาไม่ได้แถมยังต้องเบ้ปาก ความสัมพันธ์ยุ่งเหยิงที่จบไม่ลงแต่เสือกอยากจะเพิ่มเชือกมาพันเพิ่ม ไม่รู้ว่าต้องเรียกว่าเป็นคนแบบไหน ระหว่างใจกล้า กับไม่มีสมอง
“ไอ้เหี้ยเอ๊ย เรื่องนี้แม่งวุ่นวายฉิบหาย” ไอ้จิมกระซิบผม มันที่มองภาพตรงหน้าอย่างขยาด ส่วนผมทำแค่ยักไหล่ ละสายตาจากไอ้เจ้าของงานและแฟนเก่าตัวปัญหาที่เมื่อกี้เกือบจะเข้ามาตบไอ้หมุดอยู่แล้ว เชื่อเค้าเลยนึกว่าละครสมัยเก่า เค้าไม่เอาแต่ก็ยังดึงดัน
“กลับกันเหอะไอ้สัด กูอิ่มละ” เป็นไอ้เฮงที่พูดออกมาพร้อมเสียงเรอที่ไม่เบา ไม่มีความจำเป็นที่คนแบบมันจะต้องรักษาภาพพจน์ เพราะมันไม่เคยมี
“ไอ้มาร์ช เอาไงกลับเลยป่ะ” ไอ้จิมหันมาหาผมที่ก็พยักหน้าตอบรับ ไม่รู้จะอยู่ต่อทำไมในเมื่องานมันเละเทะขนาดนี้ แถมเจ้าของงานก็ยังฉุดกระชากกับแฟนเก่าไม่เลิกสักที
“งั้นไปกันมึง”
“ไปดิ” ผมตอบรับพวกมันสองคน แล้วเดินตามมันลงไปที่ชั้นล่าง สายตาเหลือบไปเห็นคนคุ้นเคยที่นั่งกระดกเหล้าอยู่คนเดียวที่หน้าบาร์
“มีอะไรวะ” ไอ้จิมหันมาถามอย่างงงๆ ในตอนที่มันไม่เห็นว่าผมเดินตามไป ไอ้เฮงเลิกคิ้วมองกันอย่างตั้งคำถาม
“พวกมึงสองคนเอารถมาใช่ไหม”
“กูไม่ได้เอามา ตั้งใจกลับกับไอ้เหี้ยเฮง”
“งั้นดี พวกมึงกลับกันไปก่อนเลย”
“แล้วมึงจะอยู่เพื่อ” ไอ้จิมขมวดคิ้วมองกัน ท่าทางเหมือนแม่ที่ตั้งใจจะมาจิกหัวลูกให้กลับบ้าน ติดตรงที่ไอ้เฮงที่หันมาจ้องตากับผม มันที่ยกยิ้มมุมปากหน่อยๆ แล้วส่ายหน้า ก่อนจะเอื้อมมือไปคว้าเอาคอไอ้จิม
“ช่างแม่งเหอะ เสือพี่มาร์ชเค้าคงเจอเหยื่อ”
“ปัดโถ่ พวกใช้Kเปลือง”
“บ่นเหี้ยไร พาเมียมึงกลับไปดิ๊ไอ้เฮง”
“ได้ครับ โชคดีไม่เจอผัวเค้าที่ห้องอีกล่ะมึง” ไอ้เฮงยักคิ้วใส่กันพร้อมยิ้มมุมปาก มืออีกข้างของมันก็ปิดปากไอ้จิมเอาไว้ เพราะมันตั้งท่าจะอ้าปากด่ากัน ผมพยักหน้าส่งพวกมันตอนที่ไอ้เฮงลากตัวไอ้จิมออกไปแล้ว
“ขอโทษนะ พี่นั่งด้วยได้ไหม” เดินเข้าไปนั่งลงข้างๆ คนที่ก็หันกลับมามอง
“พี่มาร์ช” เสียงอ้อแอ้ที่ดังออกมาจากปากคนเมา แต่ก็ยังจำกันได้ทำให้ผมหลุดยิ้มออกมา
“ดีใจที่มินจำกันได้” พยักหน้าบอกพนักงานให้เอาเครื่องดื่มมาให้แก้วนึง ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งอย่างเนียนๆ
“จำได้ดิ ลีลาพี่มาร์ชดีฉิบหาย ผมจะลืมลงได้ไงก่อน”
“แล้วถ้าลืมไม่ลง คืนนี้มาเพิ่มความทรงจำด้วยกันอีกรอบดีไหมครับ” ก้มหน้าลงไปกระซิบข้างหู ในตอนนั้นที่สายตาก็เหลือบไปเห็นคนคุ้นหน้าที่เดินหัวฟัดหัวเหวี่ยงลงมาจากชั้นบน ตามมาด้วยร่างเล็กๆ ของแฟนเก่ามันที่วิ่งตามมันไปที่ฝั่งซ้ายของร้าน ที่จะเป็นทางออกไปนอกร้าน
“จะไปหรอ ได้ดิ แต่ขอไปเข้าห้องน้ำก่อนน้า” น้องมินเด็กคนละมหาลัยที่เคยดีลกันได้จากแอปนัดเยแล้วดันคลิก ลีลาดีน่ารักพูดน้อย มาเจอกันครั้งนี้ไม่ไปต่อก็โง่สิวะ ... เค้าเดินโซซัดโซเซไปเข้าห้องน้ำที่ฝั่งขวาของร้าน ผมยิ้มมองตาม ก่อนที่สายตาจะหันกลับไปมองทางฝั่งซ้ายอย่างอดไม่ได้ คนสองคนที่ยืนเถียงกันหน้าดำหน้าแดง ได้ยินชื่อของไอ้สมุทรหลุดออกมาจากปากของพี่อัยย์อีกครั้งอย่างจับใจความไม่ได้จนต้องขมวดคิ้ว
อะไร
อดไม่ได้จนสุดท้ายก็ลุกตามออกไป คิดว่าเดี๋ยวขอไปเสือกสักครั้งแล้วค่อยมารับน้องมินก็ได้ ... ผมเลือกการเสือกเป็นอย่างแรก เดินตามออกไปที่ด้านนอกร้าน ที่ประจำสุดฮิตของสิงลมควัน หรือแม้กระทั่งพวกที่จะต่อยตีก็ชอบมามีเรื่องกันแถวนี้ตลอด และก็เป็นอย่างที่คิด ไอ้พี่ยอร์ชกับพี่อัยย์ยังยืนเถียงกันอยู่ตรงนี้
“พอสักทีได้ไหมวะอัยย์!”
“อัยย์ไม่พอ ทำไมอัยย์ต้องพอ”
“ก็เพราะเราเลิกกันไปแล้วไงวะ” ไอ้พี่ยอร์ชพูดออกมาอย่างหัวเสีย คำๆ นี้ผมได้ยินมันพูดมาหลายครั้งแล้ว เอาตรงๆ ถ้าผมเป็นพี่อัยย์คงไม่ทนเซ้าซี้ให้ดูโง่อยู่แบบนี้หรอกเอาจริงๆ
“แต่อัยย์ไม่เลิก ฮึก อัยย์รักยอร์ช!”
“พอเหอะอัยย์ ...ยอร์ชไม่อยากพูดงี้นะ แต่อัยย์เคยรักใครจริงด้วยหรอวะ”
“ยอร์ช! ก็อัยย์รักยอร์ช!”
“ถ้าอัยย์รักยอร์ช เรื่องมันคงไม่เป็นแบบนี้หรอกว่ะ เราเลิกกันไปตั้งนานแล้วนะเว้ย ยอร์ชบอกกับอัยย์ตั้งแต่ที่เราไปกันไม่ได้ว่าจบกันนะ แต่อัยย์ก็ไม่ฟัง อัยย์เอายอร์ชไปพูดว่านอกใจ ทั้งๆ ที่เราเลิกกันแล้ว ยอร์ชยังไม่เคยด่าอัยย์สักคำเลยนะเว้ย!”
หื้ม ความรู้ใหม่ที่ได้จากการเสือกของกู
“ก็อัยย์ไม่เลิกอ่ะ อัยย์มีแค่ยอร์ชอ่ะ มีแค่ยอร์ชคนเดียวที่เป็นของอัยย์ ยอร์ชก็รู้นี่ ฮึก” พี่อัยย์พุ่งเข้าไปกอดตัวของไอ้พี่ยอร์ชไว้แน่นๆ แต่มันก็ดึงคนที่เกาะมันไว้ออกอยู่ดี สายตาท่าทางที่มันมอง บอกได้ชัดว่ามันไม่ไหวและไม่แคร์กับคนตรงหน้านี้อีกแล้ว ผมว่าใครมองมาก็รู้ดี มีแค่คนเดียวในตอนนี้ที่ยังไม่รู้ก็คงจะเป็นพี่อัยย์
“อัยย์ไม่ได้มียอร์ชคนเดียวเว้ย อัยย์มีไอ้พระจันทร์”
“แต่อัยย์ไม่ได้รักพระจันทร์!”
“ถ้าไม่ได้รักมันแล้วดึงมันไว้กับตัวทำไมอ่ะ ตอนที่คบกันกับเรา เวลาทะเลาะกันก็วิ่งไปหามันไม่ใช่หรอ ทั้งๆ ที่ก็รู้ดีนี่ว่ามันคิดกับอัยย์ยังไง ลดบ้างได้ไหมนิสัยเห็นแก่ตัวของเธออ่ะ”
“ก็พระจันทร์เต็มใจ ฮึก...”
“อัยย์เคยเป็นคนน่ารักกว่านี้นะรู้ตัวป่ะ” ไอ้พี่ยอร์ชจ้องหน้าแฟนเก่าของมัน สายตาเหนื่อยล้าและอ่อนใจกำลังมองจ้องไปในตาสวยที่น้ำตาไหลจนตาแดง
“เพราะเราไม่น่ารัก ยอร์ชเลยอยากเลิกหรอ อัยย์ต้องทำยังไง ต้องทำยังไงถึงจะเป็นคนน่ารักคนนั้น”
“ไม่ใช่เพราะอัยย์ไม่น่ารักเราเลยเลิก แต่เป็นเพราะว่าเราฝืนคบกันต่อไปไม่ได้แล้วต่างหาก”
“ไม่จริง!” ผมถึงกับกรอกตาตอนที่ได้ยินเค้าเถียงออกมาแบบนั้น ต้องยอมรับว่าพี่ยอร์ชมันก็เก่งที่คุยกับกำแพงมาได้นานขนาดนี้นะ
“จริง ... จุดเริ่มต้นของเรามันผิดพลาด ต่อให้พยายามมากแค่ไหนมันก็ไม่มีเส้นชัยหรอก”
“มันไม่ได้ผิดพลาด! มันก็แค่เมา แต่พวกเรายังรู้เรื่อง ถ้าจะโทษใครผิด ยอร์ชโทษอัยย์ก็ได้ อัยย์ผิด อัยย์ตั้งใจให้เกิดเรื่องคืนนั้นเอง”
“อืม อัยย์ทำ แต่เราก็วิ่งลงไปเล่นกับอัยย์ด้วย แล้วสุดท้ายเราต้องเสียเพื่อน ไอ้จันทร์มันเป็นเพื่อนเรา แต่เราก็เลือกหักหลังมันเพื่อเลือกเธอ แต่มันต้องพอแล้วว่ะอัยย์ ไม่ใช่เราไม่พยายาม แต่เรารักกันไม่ได้ แค่ความผิดพลาดคืนนั้น ไม่ใช่ว่าเราไม่อยากรับผิดชอบป่ะ แต่พอคบกันแล้วมันไปไม่รอด จะให้ทำยังไง”
“ไม่ต้องทำยังไงหรอก ทำใจเหอะ” ผมก้าวเท้าออกไป แสงไฟจากไฟส่องลานจอดรถสาดใส่เต็มหน้า ไม่รู้เพราะอะไรถึงก้าวเดินออกไปแบบนั้น อาจเพราะรำคาญล่ะมั้งถึงยอมเดินออกมาตรงนี้
“ไอ้มาร์ช”
“นี่ใครอีก มายุ่งไรด้วย” พี่อัยย์หันมาเห่าใส่ ผมกรอกตาอีกหนึ่งที ... คนเราจะมีความรักน่ะได้ แต่ต้องมีสติด้วย
เห็นแบบนั้นเลยยกแขนคล้องแขนไอ้พี่ยอร์ชที่มองมาทางผมด้วยสีหน้าเหวอๆ
“เมียไอ้เหี้ยพี่ยอร์ช”
“ห๊ะ!”
“นี่มึงเล่นเหี้ยอะไร” เสียงเข้มใกล้ๆ กระซิบลงมาที่ข้างใบหู ผมกัดฟันแล้วตอบกลับมันไปเบาๆ
“หุบปากแล้วตามน้ำ”
“พี่อัยย์พูดถูก ไอ้เหี้ยพี่ยอร์ชมันตอแหล มันไม่ได้ชอบไอ้สมุทรหรอก เพราะคนที่มันคบอยู่ด้วยตอนนี้คือผมจ้า”
“ไม่จริง!”
“ไม่จริงๆๆๆ พูดแต่คำนี้มาทั้งวันไม่เบื่อหรอครับถามจริง พี่รู้ตัวไหมว่าทำตัวได้ไร้ค่าฉิบหาย และขืนยังทำแบบนี้ต่อไป พี่จะไม่เหลือใครในชีวิตเลยนะ”
“แล้วมาเสือกอะไรด้วย ปล้วก็ปล่อยยอร์ชซะ”
“คนที่ต้องปล่อยไอ้เหี้ยพี่ยอร์ชน่ะคือพี่ ปล่อยอดีตไปสักทีเหอะ แต่ถ้าพี่คิดจะมาตบผมแบบไอ้สมุทรล่ะก็ บอกก่อนนะไม่ทนเว้ย กูจะสอยให้ดั้งยุบเลย มาเดะ!” ยกกำปั้นขึ้นขู่แล้วชูไปที่หัวพี่อัยย์ที่หลบวูบลง ดวงตากลมใสสั่นด้วยความตกใจ สายตาที่หันมาหาพี่ยอร์ชอย่างขอความช่วยเหลือ ผมเหลือบไปมองหน้าพี่มันที่ถอนหายใจออกมาอย่างปลงๆ
“นี่มาร์ชเมียรักยอร์ช อัยย์พอเหอะถ้าไม่อยากหน้าพัง หมัดกับตีนมันหนักนะ เชื่อยอร์ชเหอะ”
เออกูเอง เมียจำลองของไอ้เหี้ยนี่...
(มีต่อ)