SUMMER KISS THE SEA ☀ฤดูร้อนของทะเล☀
ตอนที่ 2
ร้อนเลคเชอร์
[/size]
คิมหันต์ไลน์ไปหาเจ้าของสมุดเล่มสีเหลืองตั้งแต่วันก่อน วันนี้ก็ยังเงียบ ไม่แน่ใจว่าไอดีไลน์ที่เขาเขียนไว้ผิดหรือโทรศัพท์พัง ทั้งที่คิดว่าน่าจะสำคัญขนาดเขียนคอนแท็กไว้คงเผื่อเกิดเหตุการณ์แบบนี้ แต่ก็ดันติดต่อไม่ได้ซะนี่ คงต้องพึ่งคนที่พอช่วยได้อย่างราเชนทร์ แต่รายนี้ก็ติดต่อยากยิ่งกว่าดาราตัวท็อป ไลน์ไปก็ไม่ค่อนอ่าน แถมโทรไปก็ไม่เคยรับ
แต่ดันอัพไอจีสตอรี่เอ้อ คนยุคนี้เป็นยังไงกัน
ตู๊ดดดด ตู๊ดดดดนั่นไงคิดผิดที่ไหน
ไว้ก่อนแล้วกัน ถ้ามีโอกาสคงได้คืน
“คิมสมุดอะไรวะ กูเห็นมึงหยิบเอามาดูตั้งแต่วันก่อนแล้วว่าจะถาม”
“ของทะเลอะ จำได้มั้ยทีเจอกันที่ร้านกาแฟ” เมธาวินถามขึ้นหลังจากคาบเรียนที่สามจบลงและกำลังจะลงไปพักกลางวัน คงสงสัยตามประสาคนช่างเผือก
“อ๋อออ เด็กเซนต์ แม่งคนอะไรตัวอย่างกะยักษ์”
“ไปว่าเขาอย่างกับมึงตัวเล็ก”
“ไหนเอามาดูดิ๊สมุดอะไรวะ”
“เห้ย อย่าไปเปิดของขาดูเสียมารยาท”
“ไม่เป็นไรหรอกน่า มันไม่รู้หรอก”
“แต่ระ เรา รู้…”
ไม่ทัน ไม่เคยทัน ทำไมไม่สูงกว่านี้สักหน่อย เพื่อนไซส์หมีขั้วโลกแย่งไปจนได้ มารยาทมันสวนทางกับครอบครัวผู้ดีเก่าเหลือเกิน
“เชี่ยยยย มึง ไอ้คิม ขุมทรัพย์ว่ะ”
“พอเลยมิว มึงแม่งนิสัยไม่ดี” คิมหันต์พยายามจะเข้าไปแย่งสุดจากมิวที่กำลังตาโตเพราะอะไรสักอย่างที่เห็นในสมุดของคนอื่น
“มึงมาดูก่อน เชี่ยยยย” คนตัวเล็กกว่าหลับตาเพราะไม่อยากเป็นคนเสียมารยาทแบบเพื่อน “มึงงง ขอร้องดูก่อน ไม่งั้นมึงเสียใจแน่ ๆ”
“ไอ้คิม” เมธาวินเขย่าตัวเพื่อนที่หลับตาปี๋เบา ๆ เป็นสัญญาณขอร้อง ถามว่าไม่อยากรู้หรอว่าในสมุดเขียนอะไร ทำไมจะไม่อยากรู้ ตัดใจไม่เปิดอยู่หลายวัน แต่ก็ไม่อยากเสียมารยาทไปมากกว่านี้
เออเอาก็เอาวะ อยากรู้เหมือนกันว่ามันจะมีอะไรที่ทำให้เพื่อนไซซ์ยักษ์ตื่นเต้นขนาดนี้
“มึงดูดิ นี่ และนี่ นี่อีก”
“...” คิมหันต์กำลังอ้าปากค้างกับสิ่งที่เห็น
“ใช่ป่ะ นี่แม่งขุมทรัพย์อะ”
“เขาเป็นอัจฉริยะแน่ ๆ”
“หรือไม่ก็พวกเราโง่เอง”
เจ้าของลักยิ้มพยักหน้ารับกับสิ่งที่เพื่อนสนิทพูด ตัวเลขที่ปรากฏต่อสายตา ไม่ใช่แค่เลคเชอร์หลังจากเรียน แต่นี่สามารถเรียกว่าเป็นตำราได้เลย สูตรลัดในการทำโจทย์ ทริคเล็ก ๆ จดประกอบแทบทุกตัวอย่าง เจ้าของส่วนสูงร้อยเจ็ดสิบเจ็ดรู้สึกมาตลอดว่าคณิตศาสตร์คือยาขม แต่สำหรับคน ๆ นี้มันน่าจะเป็นเกมที่เขาอยากเล่นให้ไปจนถึงด่านบอส
ไม่ใช่คน
ไม่ใช่คนแน่ ๆ
“มึงว่าเราเอาไปซีร็อกส์ดีป่ะ”
“มันเหี้ยมิว พอได้แล้ว กูจะฝากพี่เชนไปคืนเขา”
“เห้ยคิม นี่อาจจะเป็นความหวังเดียวที่เราจะสอบติดมหาลัยที่เราอยากเข้านะเว้ย”
“...”
“...”
“เราไม่ติดมหายลัยเพราะวิชาเลขตัวเดียวป่ะ”
“ข้างหลังกูเห็นมีฟิสิกส์กับเคมี และแกทเชื่อมโยง”
“ไอ้มิว นี่มึงเปิดดูถึงไหนเนี่ย!” แม้จะตัวสูงน้อยกว่า แต่ก็แย่งสมุดคืนมาได้ และเอาสันคม ๆ ตีตัวมันไปที
“น่าคิม กูอยากสอบติด กูไปเรียนไม่เคยเข้าใจเลย แต่กูเข้าใจโจทย์ข้อเมื่อกี้เพราะอ่านที่ทะเลเขียน”
“แต่มันไม่ต่างจากขโมย มึงจะภูมิใจหรือไงที่สอบติดเพราะขโมยเลคเชอร์คนอื่น”
คิมหันต์รู้ว่าเพื่อนเครียด เขาก็ไม่ต่างกันสักเท่าไหร่ จะสอบอีกไม่กี่อาทิตย์ยังรู้สึกกลวงแทบจะไม่มีอะไรอยู่ในหัวเลย จับใจความอะไรไม่ได้สักอย่าง ไม่รู้วิชานี้ต้องอ่านอะไร เน้นตรงไหน มันเคว้งคว้างไปหมด นี่เป็นประกายความหวังแรกเลยที่มองเห็น
แต่ถ้าทำแบบที่เมธาวินบอกมันก็จะไม่ถูกต้อง และจะไม่ยอมให้มันเกิดขึ้นเด็ดขาด มันจะต้องมีวิธีที่ดีกว่านั้นสิ
[Sea : นี่ใครหรอ เก็บได้ที่ไหน]
[Sea : สะดวกให้ไปรับคืนได้มั้ยครับ พอดีมันสำคัญมาก]
“มันต้องมีวิธีที่ดีกว่านี้มิว”
———————————————-
รู้ไหมว่ารู้สึกยังไงที่จู่ ๆ ก็มีคนแอดไลน์มา ด้วยรูปดิสเพลย์เป็นคนที่เพิ่งจะหนีเขามาเมื่อไม่กี่ชั่วโมง
หนีมาแบบผู้ชายห่วย ๆ เขาทำกันมือสั่นเหมือนคนเป็นพากินสันจนต้องเดินออกมาจากคณะสถาปัตย์ของสายลม ทะเลจะหนีไปไหนได้นอกจากจะมาหาพี่ชายที่คณะ เพราะต้องการที่พักใจก่อนจะกลับบ้าน ตอนสายลมเห็นหน้ายังสงสัยว่าไม่สบายหรือเปล่า หน้าซีดเหมือนกำลังช็อคกับอะไรสักอย่าง แต่ก็ทำได้แค่บอกปัดว่าเดินมาอากาศร้อน พี่ชายพยายามถามอะไรต่อแต่ไม่ได้ฟังเดินไปนั่งที่โต๊ะใต้คณะไม่ไกลจากที่มันทำงานเท่าไหร่
แล้วก็ช็อคอีกระลอกที่หาสมุดเลคเชอร์ของตัวเองที่เพียรเขียนมันมาหลายปีไม่เจอ กระวนกระวายเจียนจะร้องไห้ เพราะนั่งคือสิ่งที่พกติดตัวตลอดสองปี เป็นสิ่งที่เขียนสรุปด้วยตัวเอง ทำความเข้าใจเอง และบางเรื่องก็ได้ทริคจากคลิปติวต่างประเทศ ซึ่งถ้ามันหายไปก็ยังไม่รู้เลยว่าจะไปเอาเรื่องพวกนั้นมาเรียบเรียงใหม่ยังไง
แล้วจู่ ๆ ก็มีคนแอดไลน์มา
และใช่ ผู้ชายคนเดียวกันกับที่ทำให้ใจเต้นไม่เป็นระส่ำเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน
[Summer : ทะเลลืมสมุดไว้ที่ร้านกาแฟ จะให้เอาไปคืนยังไง]
[Summer : sent a photo]ซัมเมอร์หรอ โคตรจะน่ารัก แสงแดดอุ่น ๆ ตอนเช้าน่ะ ใช่ เขานั่นแหละ
ว่าแต่ทำไมถึงต้องเป็นซัมเมอร์?
ช่างไปก่อน เรื่องสมุดโดนัลดักสำคัญกว่าเห็น ๆ แต่ประเด็นพอเป็นคน ๆ นี้เก็บได้ก็คิดหนักว่าจะตอบกลับไปว่ายังไง
ควรไปเจอเขาแล้วให้เขาคืนสมุด?
หรือให้เขาเอาสมุดมาคืน?วนคิดแบบนี้มาสองวัน
เป็นคนอื่นคงทิ้งสมุดไปแล้วแหละ แต่นุ่มนิ่มไม่ใช่คนแบบนั้น มีแต่ผู้ชายที่ชื่อทะเลที่ขี้ป๊อดเอง แค่ตอบไปง่าย ๆ ก็จบ
เอาวะ
[Sea : ขอโทษทีพอดีเราเพิ่งเห็น เดี๋ยวเราไปเอาเอง สะดวกที่ไหนหรอ] โอเคใจเย็นทะเลคนคูลค่อย ๆ นะ ค่อย ๆ
[Summer : หน้าโรงเรียนเคได้มั้ย พอดีวันนี้เราเรียนตอนเย็น]
[Sea : ได้ ๆ เราก็เรียนที่นั่นเหมือนกัน] ดีเหมือนกันจะได้ไม่ต้องถ้ำมองเหมือนก่อนแล้ว
[Summer : จริงดิ]
[Summer : พอดีเรามีเรื่องอยากคุยด้วยอะ เลิกเรียนว่างหรือเปล่า]
เขาขอนัด…แค่หายใจหายใจผิดจังหวะเลย แค่เขาขอนัดเจอ ความรู้สึกไม่ต่างจากเด็กอนุบาลที่ต้องขึ้นเวทีแสดงทั้งที่ตัวเองก็มีแต่ความประหม่าและกลัว พอเป็นเรื่องของเขาทำไมมันอ่อนไหวขนาดนี้
[Sea : อ๋อได้ ๆ ขอบคุณนะที่เก็บสมุดไว้ให้]
[Sea : sent a sticker]
เหมือนคนไปวิ่งรอบสนามฟุตบอลประมาณสิบรอบ เหงื่อซึม เหนื่อยหอบไม่รู้มาจากไหนทั้งที่ขยับแค่นิ้วโป้ง อยากให้ถึงตอนเย็นเร็ว ๆ อยากรู้ว่าเขาจะคุยเรื่องอะไร แค่คิดถึงลักยิ้มจาง ๆ ที่แก้มข้างขวาก็ยิ้มตามอีกแล้ว
“ทะเลมึงเป็นไรเนี่ย กูเห็นมองมือถือมาเป็นสิบนาทีละ มีอะไรน่าสนใจกว่าคาบฟิสิกส์สุดโปรดของมึงด้วยหรอ”
“ยุ่ง ได้ทีไม่เรียนอะดิ”
“ควาย อาจารย์ปล่อยแล้วโว้ย ไปแดกข้าว”
ได้ทีกนกรบ้างสินะ เราเรียนสายวิทย์ห้อง Gifted อยู่ห้องนี้มาตั้งแต่มอต้น ก็บอกแล้วว่าทำทุกอย่างที่โรงเรียนมีให้ทำ รู้ว่าตัวเองมีพรสวรรค์เรื่องเรียนก็ตอนประถม เพราะแม่พาไปเช็กไอคิวแล้วมันดันสูงกว่าเด็กปกติ ทางสถาบันนั้นแนะนำให้พ่อแม่ส่งผลไปเรียนต่างประเทศเพราะที่นั่นสามารถสนับสนุนเด็กพิเศษได้ แต่พ่อแม่ผมท่านไม่ได้เชื่อสักเท่าไหร่ ซึ่งก็ดีแล้วไม่งั้นผมก็ต้องไปใช้ชีวิตที่ต่างประเทศคนเดียวทั้งที่ยังเด็กมาก คงทำให้ชีวิตวัยรุ่นเงียบเหงาน่าดู การได้ใช้ชีวิตปกติธรรมดาเป็นเส้นทางที่พ่อแม่เลือกให้ดีที่สุดแล้ว
“แล้วสรุปมึงมีไรวะ”
“ไม่มีอะไร เออเย็นนี้กูไปเรียนนะ”
“เดี๋ยว วันนี้มึงมีซ้อมร้องเพลงไม่ใช่หรอวะ ไหนว่าจะไม่โดด” กนกกรถามขึ้นทั้งที่กำลังตักเส้นใหญ่ราดหน้าเข้าปาก
“เออกำลังจะไปบอกจารย์ป๊อกนี่แหละว่าไม่ว่างแล้ว”
“ไหงงั้น ปกติกูเห็นมึงเลือกร้องเพลงก่อนเรียนตลอด”
“อย่าเสือกน่า”
“ไอ้เหี้ยทะเล แม่ง ทำไมต้องว่ากูด้วย” คนตรงข้ามยู่ปากทำแก้มพอง คือมันก็น่ารักแหละ แต่ดันมาทำใส่คนที่ไม่ใช่พี่เจ ก็เก็ทป่ะน่าถีบมากกว่า
“เห้ยทะเล แดกข้าวเร็ว ๆ กูขาดปีกขวา” อะตอมเพื่อนห้องซี ตะโกนเข้าจากสนามบอลเข้ามาที่โรงอาหาร เจ้าตัวอยู่ทีมฟุตบอลของโรงเรียนเหมือนกัน และมีอีกหลายคน นักรบ แทนไท และอีกหลายคน
ไม่ได้มีเพื่อนแค่ไอ้ก๋วยเตี๋ยวเมื่อไหร่
และการไม่บอกเรื่องนุ่มนิ่มตอนนี้น่าจะเป็นทางที่ปลอดภัยมากที่สุด ไม่งั้นโดนล้อจนยับแน่นอน จินตนาการออกมั้ยเด็กผู้ชายโรงเรียนชายล้วนไม่เคยปราณีปราศรัยเวลามีเรื่องอะไรแบบนี้เกิดขึ้นหรอก
@K tutor
ทะเลไม่ได้จดจ่ออยู่กับโจทย์เคมีตรงหน้าสักเท่าไหร่ เพราะมัวแต่นั่งจ้องนาฬิกาโรเล็กซ์ที่ข้อมือว่าเมื่อไหร่จะถึงเวลาเลิกเรียน มันนับถอยหลังจนเหลืออีกแค่สิบนาที สิบนาทีเท่านั้น ช่วงเวลาที่รอคอยกำลังคืบคลานเข้ามาแล้ว แผ่นหลังของผู้ชายที่นั่งมองยังคงสงบนิ่งและไม่ได้ทำอะไรนอกจากมองไปที่กระดานหน้าห้อง วันนี้คนตัวขาวรวมเสื้อกันหนาวของ givongchy สีขาวสปริงคอลเล็กชั่นเมื่อปีที่แล้ว และนั่นยิ่งทำให้เขาโดดเด่นสู่สายตาของทุกคนที่นี่ แต่คิมหันต์ไม่เคยรู้ตัวเอาเสียเลย
“น้องทะเลคะ CH3COOCH3 อ่านว่าอะไรนะคะ” ครูอุ้มเรียกชื่อและพลางเขียนโจทย์บนกระดานไปด้วย
“ครับ” ฉิบหายแล้วมาเรียนได้ 2 คาบ โดนเรียกเฉยเลย แล้วทำไมครูอุ้มจำชื่อนักเรียนเก่งนัก
“เอ่อ เมทิลเอทาโนเอต ครับ”
“เรายังเรียนไปไม่ถึงเลยนะคะ” ทั้งห้องเงียบกริบทันที
“...”
“นาฬิกาไม่หายหรอกเนอะ มองมาที่ครูบ้างก็ได้ค่ะ” เธอพูดจบแล้วยิ้มหวานให้ที
คนในห้องมองมาที่ทะเลเป็นสายตาเดียว รู้เลยว่าเขาไม่ได้สนใจสิ่งที่ครูอุ้มสอนเลยสักนิด โป๊ะแตกเพราะดันตอบโจทย์ที่ไม่เกี่ยวกับเรื่องที่เรียนได้ทั้งที่คนหน้าห้องยังสอนไม่ถึง ทำไงก็มันจำได้เอง เคยอ่านผ่าน ๆ ที่ไหนสักที่เนี่ยแหละ จู่ ๆ สายตาก็ปะทะเข้ากับดวงตากลมโตที่เอี้ยวตัวมามองผม เขายิ้มให้บาง ๆ ก่อนจะหันกลับไป
เพราะคุณเลยนุ่มนิ่มเลิกเรียนทะเลยืนรอที่หน้าประตูทางออก ไลน์ไปบอกคนที่นัดเจอว่าจะรอตรงนี้ เขาอ่านแล้วส่งสติ๊กเกอร์ตอบกลับมา รอไม่นานเขาก็เดินออกมา แล้วโบกมือลาเพื่อนที่เจอกันครั้งที่แล้ว สงสัยว่าทำไมเขาไม่ชวนเพื่อนไปด้วย จะไปกันแค่สองคนจริง ๆ หรอ ไม่ค่อยปลอดภัยเอาเสียเลย
หมายถึงไม่ปลอดภัยสำหรับใจเท่าไหร่
“ดีทะเล”
“ดีคิม”
เรายกมือทักทายกันแบบที่คิดว่าเป็นธรรมชาติที่สุด ไม่มีเก้กัง เงอะงะ หรือตื่นเต้นเลยสักนิด ไม่มีเลย...
“พอดีเราหิวข้าว ไปหาร้านกินข้าวแล้วคุยได้เปล่า” เขาเอ่ยปากชวนก่อน เราเดินขนาบข้างกันไปยังห้างที่คุ้นเคย
“อ่อได้ดิ เราไม่รีบไปไหน”
“ดีล!”
คิมหันต์เดินขึ้นบันไดห้างไปยังชั้นที่มีร้านอาหารขาย เขาเดินดุ่มเข้าไปในร้านอาหารญี่ปุ่นร้านหนึ่งที่คนไม่เยอะมาก สงสัยคงหิวจริง ๆ อย่างที่ว่าสังเกตเห็นว่าเขาอ่านแจ้งเตือนจากหน้าจอมือถือแล้วส่ายหัวเบา ๆ แต่กลับไม่กดเข้าไปอ่าน นิสัยเหมือนกันเลย
“อะนี่ คืนให้” หลังจากได้โต๊ะคนตงข้ามก็รีบเปิดกระเป๋าแล้วหยิบสมุดโดนัลดักสีเหลืองคืนให้ พร้อมรอยยิ้มน้อย ๆ “ทำไมถึงซื้อลายนี้ทัน ตอนนั้นเราเข้าไปในเว็บก็หมดแล้ว”
“สมุดนี่หรอ ตอนนั้นเราอยู่ญี่ปุ่นพอดี เลยหาไม่ยากเท่าไหร่” ไม่คิดว่าเขาจะชอบเป็ดเสียงน่าเกลียดเหมือนกัน
“คือ...เรื่องที่เราจะคุยน่ะ”
“คุณลูกค้ารับอะไรดีคะ”
เรามองหน้ากันทันทีที่ได้ยินเสียงบริกรสาวมารับออเดอร์ “สั่งข้าวก่อนก็ได้ เราไม่รีบ”
คิมหันต์พยักหน้าแล้วสั่งอาหารที่อยากกิน ทะเลเองก็ด้วย คงไม่หิ้วท้องกลับไปกินที่บ้าน
“ไม่รู้ว่าจะกินด้วยอะ เลยไม่ได้ถามว่ากินอะไร”
“ไม่เป็นไร กินได้”
คิมหันต์ขบริมฝีปากก่อนจะยกมือขึ้นมาวางบนโต๊ะแล้วกุมไว้หลวม ๆ “คือเราขอโทษนะที่เสียมารยาท”
“แค่ไม่ถามว่ากินข้าวหรือเปล่าไม่ใช่เรื่องใหญ่”
“ไม่ใช่เรื่องนั้น คือ...เราเปิดดูสมุดของทะเลอะ” คนตรงหน้ายกมือไหว้เหมือนอยากจะขอโทษจริง ๆ จนแอบตกใจ ยกมือไหว้คนรุ่นเดียวกันเพื่อที่จะขอโทษ อยากจะขำก็ขำ แต่ก็เอ็นดูมากกว่า
“ไม่ต้องไหว้ ไม่เป็นไร” ทะเลยกมือปัดป่าย
“คือมันเป็นไรแน่ ๆ เพราะเราดูหมดเลยอะ”
“ห้ะ!” ทะเลถึงกับต้องอุทาน เพราะหน้าท้าย ๆ มันมีชื่อของเขาและลายเส้นห่วย ๆ ที่วาดรูปเขาไว้ด้วย
“เราขอโทษ ขอโทษจริง ๆ นะ”
“มะ ไม่ ๆ แล้ว เห็นอะไรบ้าง” พยายามควบคุมน้ำเสียงให้ดูปกติที่สุด แต่มันยากเพราะถ้าเขารู้เขาอาจจะไม่ชอบใจเท่าไหร่ คิดดูว่ามีคนวาดรูปตัวเองให้หนังสือเลคเชอร์ คือโคตรโรคจิต
“ก็คลังขุมทรัพย์ เฮ้ย ไม่ใช่ ๆ หมายถึงคลังความรู้”
“...” ทะเลคล้ายจะเป็นใบเพราะไม่รู้จะต้องรู้สึกยังไง ขุมทรัพย์...อะไร?
“ทะเล ติวให้เราได้มั้ย!” มีต่อ