Tales from West Yarmouth (#ยาร์เมาท์บอย) - FOURTH CHAPTER
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Tales from West Yarmouth (#ยาร์เมาท์บอย) - FOURTH CHAPTER  (อ่าน 2323 ครั้ง)

ออฟไลน์ grizzlyellow

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 5
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม


**********************************************





Tales from West Yarmouth



แค่ไม่กี่ชั่วโมงที่มาถึง เขาก็เริ่มจะหลงรักที่นี่ซะแล้ว...
หวังว่าเวสต์ ยาร์เมาท์จะเป็นเมืองที่ทำให้เขาให้คะแนนเต็มและยกดาวสามดวงในใจให้นะ
เด็กหนุ่มคิดโดยที่ไม่รู้เลยว่า… เวสต์ ยาร์เมาท์ จะขโมยหัวใจของเขาไว้ที่นี่ด้วย




Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-09-2017 18:38:53 โดย grizzlyellow »

ออฟไลน์ grizzlyellow

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 5
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
FIRST CHAPTER




ถ้าคุณเป็นพลเมืองอเมริกัน... เป็นไปไม่ได้เลยที่คุณจะไม่รู้จัก “บาร์นสตาเบิล แอร์พอร์ต” สนามบินขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ ตั้งอยู่ใจกลางบาร์นสตาเบิลเคาน์ตี้  ไฮยานนิส รัฐแมสซาชูเซตส์ สหรัฐอเมริกา

บาร์นสตาเบิล.. เปรียบเสมือนจุดหมายปลายทางของชาวเมืองอเมริกันและนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ต้องการจะเดินทางต่อไปยังเมืองต่างๆในฝั่งทิศตะวันออกเฉียงใต้ของแมสซาชูเซตส์ และถ้าหากคุณไม่ได้เป็นพลเมืองของที่นี่ คุณก็คงจะไม่รู้จักเมืองเล็กติดทะเลอย่าง... เวสต์ ยาร์เมาท์ หรือเวสต์ ยาร์มอร์ธ ซึ่งอยู่ห่างจากบาร์นสตาเบิล แอร์พอร์ต เพียงแค่ 3.1 ไมล์เท่านั้น


เวสต์ ยาร์เมาท์… เมืองเล็ก เงียบ ไม่มีคลับ ไม่มีห้างสรรพสินค้า มีเพียงร้านขายของชำและร้านอาหารเล็กๆ เรียงรายอยู่บนถนนเบอร์รี่ อีฟ มีร้านขายอุปกรณ์ตกปลาเลื่องชื่ออย่าง เอมม่าแจ็ค สปอร์ตฟิชชิ่ง หรือจะเรียกว่าเป็นบ้านหลังที่สองของ ยาร์เมาท์แองเกลอร์เลยก็ไม่ผิดนัก เพราะมีทั้งคันเบ็ดและสปินนิ่งที่ถูกออกแบบมาสวยงาม ใช้งานได้ง่าย และมีลูกเล่นมากมายตามแบบฉบับอุปกรณ์ของนักตกปลามืออาชีพ ทำให้หนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ของเมืองนี้หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะขลุกอยู่ที่นี่ตลอดวัน

เวสต์ ยาร์เมาท์... ตั้งอยู่ในเขตอบอุ่นชื้น เนื่องจากมีภูมิประเทศติดมหาสมุทรแอตแลนติก พืชที่ขึ้นส่วนมากเป็นจำพวก สน โอ๊ค สปรูซ วอลนัท และเอล์ม ที่คุณจะเห็นได้บ่อยเลยคือ ต้นไม้พุ่มเตี้ยที่เรียงรายอยู่ตามทางตลอดเมนสตรีท

และเวสต์ ยาร์เมาท์… ก็เป็นจุดหมายปลายทางของเด็กหนุ่มคนหนึ่ง  ที่ตัดสินใจใช้เวลาช่วงปิดภาคเรียนในเมืองเล็กๆนี้เช่นกัน













บาร์นสตาเบิล แอร์พอร์ต เวลา 8.45 AM





เด็กหนุ่มตัวสูงเดินลากกระเป๋าเดินทางสีดำใบใหญ่ออกจากเกทสำหรับผู้โดยสารขาเข้า พลางเอามือบีบนวดต้นคอของตัวเองหลังจากเดินทางไกลมาเป็นเวลาหลายสิบชั่วโมง โชคดีที่ไฮยานนิสมีประชากรไม่เยอะเหมือนเคมบริดจ์ สปริงฟิลด์ และบอสตัน ทำให้ผู้คนในสนามบินพลอยบางตาไปด้วย แต่ก็ไม่เงียบเหงาซะทีเดียว
 
ขณะที่เขากำลังคิดอะไรเรื่อยเปื่อย ก็มีแรงสะกิดที่บ่า


“เฮ้ ธารใช่มั้ย” สำเนียงอเมริกันชัดแจ๋ว ราวกับดูรายงานข่าว เบรกกิ้ง นิวส์ ของซีเอ็นเอ็นในช่วงหัวค่ำดังขึ้น เด็กหนุ่มหันกลับไปพบกับชายอเมริกันผิวขาว รูปร่างสูงใหญ่ ตาสีฟ้าเหมือนสีของมหาสมุทรแอตแลนติกกำลังจ้องมองเขาเป็นประกาย


“ให้ตายสิ ผมว่าเขาดูดีกว่าในรูปอีก คุณว่ามั้ย แพท” ชายหนุ่มหันไปพูดกับหญิงสาวชาวเอเชียที่ยืนอยู่ข้างๆ

แน่นอนเสียล่ะ… ว่าเขาเองก็ค่อนข้างคุ้นหน้าผู้ชายคนนี้อยู่บ้างจากรูปถ่ายที่ถูกส่งมาทางอีเมลเป็นประจำทุกเดือน ส่วนผู้หญิงอีกคนที่คุ้นเคยกับเขาเป็นอย่างดี 


“ยินดีต้อนรับสู่ไฮยานนิสจ้ะ ธาร” แพทเอ่ยพร้อมกับยิ้มกว้าง แล้วเดินเข้ามากอดเขาแน่น


“ขอบคุณครับน้าแพท ขอบคุณครับเบ็นที่มารับ” เขากล่าวขอบคุณน้องสาวแท้ๆของแม่ ที่ผันตัวเองมาเป็นพลเมืองอเมริกันหลังจากแต่งงานกับ เบ็น แอนเดอร์สัน หัวหน้าเจ้าหน้าที่ควบคุมและหัวหน้าพนักงานตรวจสอบใบอนุญาตตกปลาของชาวเมืองในเวสต์ ยาร์เมาท์ ตลอดแนวชายฝั่งแอลเกิ้ล วู้ด



ธาร… ชื่อของเด็กหนุ่มสัญชาติไทย ธารที่หมายถึง ธารน้ำแข็ง แม่ของเขาตั้งให้ตามชื่อของอุทยานธารน้ำแข็งหรือ เกลเชอร์ เนชันแนล พาร์ค สถานที่ที่เธอและสามีมาฮันนีมูนด้วยกันเมื่อ 21 ปีที่แล้ว และที่สำคัญ เกลเชอร์ เนชันแนล พาร์ค ยังถูกยกให้เป็นแลนด์มาร์คสำคัญของรัฐมอนทาน่า ที่ไม่ว่าใครมาเยือนก็จะต้องให้คะแนนเต็มสิบทุกครั้งไป อ้อ! และแถมดาวอีกสามดวงด้วย!



“หิวมั้ยธาร มีร้านแฮมเบอร์เกอร์เจ้าเก่าอยู่หัวมุมถนนไอยานอร์ธ ถ้าเธอไปกับฉัน โจลี่จะต้องให้เมลท์อเมริกันชีสกับเธอแบบไม่อั้นแน่ๆ อร่อยอย่าบอกใครเชียว! ถึงหัวหอมจะเหี่ยวไปหน่อยก็เถอะ” เบ็นพูดแล้วหัวเราะร่า


“ผมอิ่มแล้วครับเบ็น ขอบคุณ” ธารปฏิเสธ จะว่าไม่หิวก็ไม่เชิงนัก แต่เขาอยากกลับไปพักผ่อนเสียมากกว่า







อุณหภูมิอยู่ที่ 79 องศาฟาเรนไฮต์ เมฆน้อย ทำให้ท้องฟ้าในเวสต์ ยาร์เมาท์วันนี้โปร่งและมีแดดจ้ากว่าทุกวัน รถของเบ็นวิ่งไปตามถนนไอยานอร์ธ มุ่งหน้าเข้าสู่ เวสต์ ยาร์เมาท์... สายลมเอื่อยๆที่พัดจากมหาสมุทรแอตแลนติกปะทะเข้ากับหน้าของเด็กหนุ่มผ่านกระจกรถที่เปิดค้างเอาไว้


ธารสูดกลิ่นเค็มของน้ำทะเล กลิ่นหอมของต้นสนและกลิ่นไอแดดเข้าเต็มปอด ตามองออกไปนอกหน้าต่างรถอย่างสนใจ


ที่นี่แตกต่างจากนิวยอร์ก...
แตกต่างจากซานฟราน...
แตกต่างจากฟลอริด้า หรือเซ้าท์ แคโรไลนา และอีกหลายๆรัฐที่ถูกยกให้เป็นรัฐโปรดในดวงใจของเด็กหนุ่มมาตลอดตั้งแต่สมัยเรียนไฮสคูลตอนปลาย

หน้าตาบ้านแต่ละหลังที่ผ่านสายตาของเขาจะคล้ายกันหมด ทั้งสีสันและรูปทรง ซึ่งนั่นเป็นเพราะกฎหมายของที่นี่ เจ้าของบ้านจะเลือกแบบบ้านได้ไม่กี่แบบ และอยู่ในโทนสีที่รัฐบาลกำหนดให้ เวสต์ ยาร์เมาท์ มีกฎหมายให้บ้านทุกหลังใช้สีฟ้าอ่อนหรือสีขาวเพียงเท่านั้น ไม่มีรั้วกั้นอาณาเขต มีเพียงต้นสน ต้นสูงไม่มากนักล้อมตัวบ้านไว้ หน้าบ้านแต่ละหลังจะมีสนามหญ้าทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัสถูกตัดสั้นเป็นระเบียบ ซึ่งตอนนี้เริ่มกลายเป็นสีเหลืองเพราะถูกแสงแดดจัดของยาร์เมาท์ในวันที่ท้องฟ้าโปร่งเช่นนี้แผดเผา



แค่ไม่กี่ชั่วโมงที่มาถึง เขาก็เริ่มจะหลงรักที่นี่ซะแล้ว...
หวังว่าเวสต์ ยาร์เมาท์จะเป็นเมืองที่ทำให้เขาให้คะแนนเต็มและยกดาวสามดวงในใจให้นะ
เด็กหนุ่มคิดโดยที่ไม่รู้เลยว่า… เวสต์ ยาร์เมาท์ จะขโมยหัวใจของเขาไว้ที่นี่ด้วย





วันนี้เป็นวันที่สองในเวสต์ ยาร์เมาท์ เบ็นแนะนำว่าถ้าอยากลองหางานพิเศษทำ เขาแนะนำร้านของ แจ็ค รับเบิ้ล เพื่อนซี้สมัยเรียนมหาวิทยาลัยบอสตัน ร้านขายอุปกรณ์ตกปลาชื่อดัง บนถนนเมนอีฟ ซึ่งตอนนี้กำลังรับสมัครพนักงานที่ร้านอยู่พอดิบพอดี ดังนั้นเขาจึงรีบตื่นแต่เช้า ยัดขนมปังโฮลวีตทาแยมส้มกับเนยถั่วสามแผ่นและนมจืดกล่องใหญ่ลงท้อง น้าแพทให้เขายืมจักรยานเสือภูเขาสีเหลืองอ๋อยที่เธอตัดสินใจซื้อมาใช้ขี่ขึ้นเขาเวลาไปเที่ยวอุทยานกับเบ็น


เด็กหนุ่มปั่นเมาท์เท่นไบค์ของตนเลียบไปตามถนนเกรท ไอซ์แลนด์ แม้ที่นี่ไม่มีเลนส์จักรยานแต่ก็ไม่ใช่ปัญหา เพราะนานๆทีถึงจะมีรถขับผ่านมาซักคัน ถึงมี ก็จะเป็นรถกระบะสีถลอกที่ชาวประมงขนปลาเทราต์ที่จับได้จากเวย์เมาท์ไปยังบอสตัน เนื่องจากยาร์เมาท์เป็นเมืองเล็ก ดังนั้นชาวเมืองส่วนมากจะเดินทางด้วยการปั่นจักรยานโดยใช้พลังงานที่ได้จากมื้อเช้าอย่างขนมปังเนยถั่วและซุบข้าวโพด

ลมเย็นๆตีปะทะจนผมสีดำสนิทพริ้วไปตามแรงลม ธารเร่งปั่นให้เร็วขึ้น เพื่อให้ถึงจุดหมาย



ไม่นานนัก เด็กหนุ่มก็ตั้งขาจักรยานลงเมื่อมาถึงร้านขนาดกลาง หน้าร้านมีพาร์คกิ้งสำหรับจอดรถจักรยานโดยเฉพาะ มือสางผมของตัวเองแบบลวกๆ  เขาขมวดคิ้วนิดหน่อยเมื่อแสงแดดแยงตาก่อนจะเดินเข้าไปในตัวร้าน ที่มีกระดาษแผ่นใหญ่แปะไว้หน้าประตู


ประกาศ
รับสมัครพนักงานขายอุปกรณ์ตกปลาแบบด่วนจี๋
ไม่จำกัดเพศและอายุ
มีใจรักในการตกปลาเทราต์และฮาลิบัต
มีคูปองอาหารกลางวันร้านแอนแอนด์ฟรานซ์
สุดสปริงเกอร์สตรีท
(ฟรีล็อบสเตอร์โรลทันทีที่โชว์บัตรพนักงาน!)


กระดิ่งดังขึ้นทันทีที่เขาเปิดประตูเข้าไป เสียงเพลง คอปเปอร์ แอนด์ โกลด์ ของ เดอะ เฮฟวี่ ฮอร์สเซส ถูกเปิดคลอเบาๆ กลิ่นพายฟักทอง และดับเบิ้ลชีสเบอร์เกอร์หอมฟุ้งไปทั่วร้าน จนอดคิดไม่ได้ว่าบรรยากาศแบบนี้เหมือนอยู่ในร้านอาหารมากกว่าที่จะอยู่ในฟิชชิ่ง ช็อป


“เฮ้ ขอโทษครับ มีใครอยู่มั้ย” เกือบนาทีก็ยังไร้เสียงตอบกลับของเจ้าของร้าน  มีเพียงกลุ่มเด็กชายที่กำลังช่วยกันเลือกเหยื่อตกปลาปลอมอยู่เท่านั้น ที่หันมามอง
ไม่นานก็มีเสียงกุกกักดังออกมาจากหลังร้าน


“โอ...เธอมาพอดีกับช่างซ่อมสปริงเกอร์เลยรู้มั้ยพ่อหนุ่ม ขอเวลาฉันครึ่งนาที” ผู้ชายผมบลอนด์ตัวสูงผอมคนนี้ คงจะเป็นแจ็ค รับเบิ้ล เขาโผล่หน้าออกมาจากประตูหลังเคาท์เตอร์ เสื้อผ้าเปียกเป็นหย่อม บ่งบอกได้ว่า สปริงเกอร์ที่สวนหลังร้านคงจะเสียจริงๆ

เขาพยักหน้าตอบรับ สายตากวาดมองไปรอบๆร้านอย่างสนใจ



เอมม่าแจ็ค สปอร์ตฟิชชิ่ง แบ่งตัวร้านออกเป็นสามส่วนใหญ่ ส่วนแรกเป็นส่วนของคันเบ็ดและสปินนิ่งหลากหลายยี่ห้อ ที่วางเรียงรายอยู่บนเชลฟ์ติดกับผนังร้าน ส่วนที่สองเป็นเหยื่อตกปลาปลอมหลากหลายแบบ มีทั้งกุ้งและปลาขนาดเล็ก อีกทั้งยังมีอุปกรณ์เสริมมากมายอย่าง หลอดไฟเล็กที่ใช้ติดปลายคันเบ็ดเอาไว้เป็นสัญญาณเตือนเมื่อปลาเข้ามากินเหยื่อ เหมาะสำหรับคนที่ชอบตกปลาตอนกลางคืน ทำให้สามารถมองเห็นการเข้ามากินเหยื่อของปลาได้อย่างง่ายดาย และส่วนสุดท้ายเป็นบุ๊คเชลฟ์ที่มีหนังสือมากมายอัดแน่นอยู่บนชั้น ส่วนมากเป็นหนังสือคู่มือการตกปลาตั้งแต่ความรู้พื้นฐานในการใช้งานอุปกรณ์ต่างๆ จนไปถึงคู่มือการตกปลาขั้นแอดวานซ์สำหรับนักตกปลามืออาชีพ

วันนี้คนไม่เยอะเหมือนทุกวัน เนื่องจากในวันที่อากาศดี ชาวเมืองเวสต์ ยาร์เมาท์ จะหอบตระกร้าปิคนิคไปนั่งทานมื้อกลางวันกันอยู่ริมหาด สูดกลิ่นเค็มของทะเลให้เต็มปอด แทนที่จะนั่งติดแหง่กอยู่ในห้องรับแขกที่มีแต่กลิ่นอับของโซฟาและกินสลัดหอยเชลล์ มื้อเย็นของเมื่อวาน สำหรับบ้านที่ไม่มีเครื่องบดขยะ

เด็กหนุ่มเลือกเดินมาโซนสุดท้ายของร้าน มือไล้ไปตามสันหนังสือ ก่อนเสียงกระดิ่งหน้าร้านจะดังขึ้น



“ขอโทษทีแจ็ค ผมไม่ได้ตั้งใจจะมาสายนะ พอดีบาร์นี่งอแงนิดหน่อย” น้ำเสียงทุ้มติดเล่น ทำให้เด็กหนุ่มที่ยืนเลือกหนังสืออยู่นั้นต้องละสายตาไปมองแด๊ดของหนุ่มน้อยบาร์นี่เสียหน่อย แต่สิ่งที่เห็นกลับเป็นเด็กหนุ่มร่างสูงใหญ่ อายุน่าจะเท่ากับเขา ใส่เสื้อเชิ้ตแขนกุดสีขาว ถ้าจะมองให้เห็นภาพคงเป็นแบบสลีฟเลสพอดีตัว กับกางเกงผ้าขาสั้นสีน้ำตาลอ่อน ขนาดเท้าที่ใหญ่แบบวัยรุ่นอเมริกันสวมอยู่บนสเปอรร์รี่สีน้ำตาลเข้มเข้าชุด แต่พอมองหน้าแล้วเหมือนจะเป็นคนเอเชียเสียมากกว่า ไม่ใช่พ่อหนุ่มผมทองอย่างที่เขาคิดไว้ในหัว

คงจะเป็นพวกนักเรียนแลกเปลี่ยนไม่ก็มาเวิร์คช่วงปิดเทอมเหมือนเขาละมั้ง… ผู้ชายคนนั้นเดินเข้าไปยืนอยู่หลังเคาท์เตอร์ มือใหญ่หยิบหมวกแก็ปสีน้ำเงินเข้มที่มีโลโก้ของร้านขึ้นมาสวม ธารไม่ได้สนใจอีกต่อไป เขาก้มลงอ่านหนังสือในมือ จนมีแรงสะกิดที่หลัง


“เฮ้ยคนไทยหรอ” ภาษาบ้านเกิดที่ไม่ได้ยินจากคนอื่นเลยตลอดสองวันที่อยู่ที่นี่นอกจากผู้เป็นน้าดังขึ้น


“...” เด็กหนุ่มหันกลับไปมองตามเสียง

เขาเองก็ถูกจัดว่าเป็นคนตัวสูง ส่วนสูง 180 เซนติเมตรทำให้เขาดูสูงโปร่ง ถ้าอยู่ที่ประเทศไทยใครๆก็คงพูดเป็นเสียงเดียวกันว่านี่มันหุ่นนายแบบชัดๆ แต่ผู้ชายคนนี้กลับสูงกว่าธารประมาณ 5 เซนติเมตรได้ ถ้ากะจากสายตา ตัวหนากว่า ถ้าตัดหัวออกคงเหมือนเด็กอเมริกันดีๆนี่เอง


“งงอะไร เห็นเข็มมหาลัยติดอยู่บนเป้”
เขาพูดขึ้นมาอีก เพราะเห็นคนตรงหน้าเงียบไป


“อ้าวพูดไม่ได้หรอ” เด็กหนุ่มทำหน้าตกใจ


“พูดได้ดิ ไม่นึกว่าจะเจอคนไทยที่นี่” ธารตอบ


“พึ่งย้ายมาได้สองสามปี ตอนเรียนไฮสคูลอยู่สปริงฟิลด์”


“อ๋อ”


“ชื่อไรอะ เราไทม์นะ”


“พูดกูมึงก็ได้ ไม่ถือ ชื่อธาร” 


“มันจะไม่สุภาพป้ะ พึ่งรู้จักกันเมื่อกี๊นี้เอง”


“งั้นแล้วแต่เลย”


“กูล้อเล่น แบบนี้ก็ดี จะได้สนิทกันเร็วๆ เป็นคนไทยมาอยู่ต่างแดนแบบนี้ต้องรักกันไว้” เด็กหนุ่มตบหลังธารดังอั้ก ก่อนจะยิ้มแฉ่ง
ตั้งแต่คุยมายังไม่เคยเห็นผู้ชายคนนี้หยุดยิ้มเลย เป็นอะไรของมันวะ เขาคิด


“แล้วนี่มาสมัครงานที่นี่หรอ”


“อืม มึงอะ ทำงานที่นี่มานานยัง”


“เดือนนึงได้ละ”


“มาทำงานแล้วใครเลี้ยงลูก”


“ใครมีลูก” ไทม์ทำหน้าเหวอ


“มึงไง เห็นบอกว่าบาร์นี่งอแง”


“อ๋อ บาร์นี่นั่นชื่อสเก็ตบอร์ดกูเองอ่ะ น็อตหลุดเลยจอดไว้บ้าน” เด็กหนุ่มตัวสูงพูดขำๆ




“เฮ้พวก! ขอโทษทีที่ต้องขัดจังหวะ ขอยืมตัวเขาสักครู่นะพ่อหนุ่ม” แจ็คบอกธาร แล้วหันไปพูดกับเด็กหนุ่มอีกคน

ชายหนุ่มเจ้าของร้านคงคุมช่างซ่อมสปริงเกอร์เสร็จแล้ว ถึงมายืนตัวเปียกอยู่ตรงนี้ได้


“คุณคอร์นเวลส์ โวยวายเรื่องสปินนิ่งที่ซื้อไปเมื่อวาน เขาบอกมันต้องมีอะไรพังซักอย่าง เพราะตั้งใจจะตกฮาลิบัต แต่ได้เรนโบว์เทราต์แทน ช่วยไปดูหน่อยเถอะ” แจ็คกรอกตาตลอดเวลาที่พูด แล้วตบบ่าเด็กหนุ่มดังตุบ


“งั้นบอกแอนขอทาโคเนื้อให้ผมสำหรับมื้อกลางวันด้วยนะแจ็ค” ไทม์ต่อรอง เพราะมื้อกลางวันของเขามักจะเป็นล็อบสเตอร์โรลฝีมือฟรานซ์ ร้านที่อยู่สุดสปริงเกอร์ สตรีท จนตอนนี้ตัวเขาจะเป็นสีส้มอยู่แล้ว

ขณะที่แจ็คและไทม์คุยกัน ถ้าไม่เห็นหน้าคนพูด ธารคงคิดว่าเป็นคนอเมริกันแท้สองคนกำลังคุยกันอยู่แน่ๆ จนเขาอดชื่นชมในใจไม่ได้ว่าผู้ชายคนนี้สำเนียงดีเหมือนเป็นเจ้าของภาษาเสียเอง




“เจ้าเด็กคนนี้ ได้! แถมสมูทตี้มะม่วงด้วยเป็นไง” แจ็คตะโกนตามหลังเด็กหนุ่มที่เดินหัวเราะออกไปหาคุณคอร์นเวลส์ที่ยืนหน้าง้ำอยู่นอกร้าน


“อ่าโทษที เธอคงเป็นธารใช่มั้ย เบ็นโทรมาบอกฉันเมื่อคืน” แจ็คหันกลับมาพูดกับเขาแล้วยิ้มใจดีให้


“ครับ ผมเห็นกระดาษแปะอยู่หน้าร้านคุณว่ากำลังรับสมัครพนักงาน ผมอยากทำงานที่นี่”


“นั่นเป็นข่าวดีข่าวแรกในวันนี้เลย” แจ็คยิ้มกว้าง พลางดันหลังเด็กหนุ่มให้เดินไปหยุดอยู่หลังเคาท์เตอร์ มือใหญ่หยิบหมวกแก็ปสีน้ำเงินเข้มอีกใบออกมาจากลิ้นชัก แล้วยื่นให้เขา


“ยินดีต้อนรับสู่ เอ็มม่าแจ็ค สปอร์ตฟิชชิ่ง มิสเตอร์ธาร”


“ขอบคุณครับแจ็ค เอ่อ… คือผมเคยตกปลามาบ้างตอนอยู่ที่ประเทศไทย แต่ยังมีอีกหลายเรื่องที่ผมยัง..”



กระดิ่งประตูร้านดังขึ้นอีกครั้ง ทำให้ธารหยุดพูดแล้วหันไปมอง เด็กหนุ่มตัวสูงใหญ่เดินกลับมาพร้อมรอยยิ้ม



“เรียบร้อยแล้วแจ็ค คราวนี้เธอตกได้ฮาลิบัตแน่ๆ แล้วนี่คุยอะไรกันอยู่หรอครับ” ไทม์ถามด้วยความอยากรู้


“อ้อใช่! เมื่อกี้เธอว่าไงนะ” แจ็คหันมาถามเขา


“เรื่องที่ผมคงต้องรบกวนคุณให้ช่วยสอนงานเบื้องต้นในร้านให้หน่อยครับ”


“โอ… นึกว่าเรื่องอะไร ไม่ต้องกังวลเลยหนุ่มน้อย ฉันจะให้ไทม์สอนงานเธอ งานที่ร้านง่ายซะยิ่งกว่าปั่นจักรยานปล่อยมืออีกรู้มั้ย”

ธารหันไปมองคนที่พึ่งได้ตำแหน่งเป็นพี่เลี้ยงเขาหยกๆ




อิทอีสกู๊ดทูมีทยู ธาร” ไทม์ยิ้มกว้างแล้วยักคิ้วให้ มือใหญ่ยื่นมาข้างหน้าเป็นการทักทาย


“จะพูดภาษาอังกฤษทำไมวะ”


“งั้นเอาใหม่ อะแฮ่ม!”


“...”


ไม่ต้องกังวลนะเว้ย ไม่มีอะไรยากหรอก เดี๋ยวกูสอนเอง








TALK : สวัสดีค่ะ เรื่องนี้เป็นเรื่องแรกที่แต่งนิยายแนวนี้
ยังไงถ้าผิดพลาดประการใดต้องขออภัยด้วยนะคะ
ขอบคุณทุกๆคนที่สละเวลามาอ่าน เรายินดีน้อมรับทุกคำติชมค่ะ
หวังว่าทุกคนจะชอบนะ
ขอบคุณค่ะ
twitter : grizzlyellow
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-09-2017 09:04:13 โดย grizzlyellow »

ออฟไลน์ grizzlyellow

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 5
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
SECOND CHAPTER




ถ้าคุณเป็นพลเมืองในเวสต์ ยาร์เมาท์… เป็นไปไม่ได้เลยที่คุณจะไม่รู้จัก แอนแอนด์ฟรานซ์ คิทเช่น ร้านอาหารขนาดเล็กที่ตั้งอยู่สุดสปริงเกอร์ สตรีท จนคุณปู่โลแกนบ่นอยู่บ่อยๆว่า “วันไหนที่อยากทานอาหารเช้าฝีมือฟรานซ์ คุณจะต้องเป็น เออร์ลีเบิร์ด ไปรออยู่หน้าร้านตั้งแต่พระอาทิตย์ยังไม่ขึ้น ถึงจะมีโอกาสนั่งจิบกาแฟดำ มองดูเคปโค้ดบัสเที่ยวแรกพานักท่องเที่ยวจากโพรวินซ์ทาวน์ไปยังโรด์ไอแลนด์

แอนแอนด์ฟรานซ์ คิทเช่น นอกจากจะเป็นที่รู้จักสำหรับคนในเมืองแล้ว แม้แต่นักท่องเที่ยวจากรัฐอื่นที่เดินทางมายังแมสซาชูเซตส์เอง ก็ยังต้องเปิดกูเกิ้ลเอิร์ธเพื่อดูโลเคชั่นของร้านเชียวล่ะ เพราะนอกจากจะมีอาหารหลากหลายสไตล์แต่ยังคงรสชาติความเป็นอเมริกันไว้แล้ว ราคายังสบายกระเป๋า บวกกับบรรยากาศอบอุ่นภายในร้าน ทำให้แอนแอนด์ฟรานซ์ ได้รับการโหวตให้เป็นร้านอาหารที่ชาวเมืองเวสต์ ยาร์เมาท์ปลาบปลื้มในรสชาติอาหารมากที่สุด แต่เนื่องจากภายในร้านไม่มีที่เพียงพอสำหรับคนที่หลั่งใหลเข้ามาตลอดวัน แอนจึงเกิดไอเดียตั้งโต๊ะไม้สีขาวบนสนามหญ้าหน้าร้านเสียเลย แต่คนก็ยังแน่นทั้งในและนอกร้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวลากลางวันเช่นนี้


“ไหนบอกจะสอนงานไงวะ” ธารถามคนข้างๆทันทีที่เขาสองคนมาถึงร้าน เด็กหนุ่มอีกคนไม่ได้ตอบอะไรกลับมา นอกจากดึงข้อมือธารไปยังโต๊ะไม้โต๊ะสุดท้ายที่ว่างอยู่เท่านั้น


“ก็สอนที่นี่ไง กินไปด้วยสอนไปด้วย” ไทม์ดึงหมวกแก็ปสีน้ำเงินเข้มของพนักงานออกจากหัว เหงื่อเม็ดเล็กซึมตามไรผมสีดำสนิท จนเจ้าตัวต้องเอาหมวกขึ้นมาพัดแก้ร้อน


“สอนเลยดิ จะได้รีบกลับ กูพึ่งทำงานที่นี่ แต่มึงชวนกูโดดตั้งแต่วันแรกเลยเนี่ยนะ” ไทม์มองหน้าคนพูดแล้วอดขำไม่ได้


“ขำอะไร”


“มึงทำหน้าบูดเหมือนคุณนายคอร์นเวลส์ที่กูไปดูคันเบ็ดให้เมื่อกี้เลย”

ขณะที่เด็กหนุ่มกำลังจะเถียงกลับ หญิงสาวผมบลอนด์หุ่นสะบึมก็เดินมารับออเดอร์ที่โต๊ะ พร้อมกับยิ้มหวานจ๋อยให้ไทม์อย่างคุ้นเคย ก่อนหล่อนจะอ้าปากค้างเป็นปลาฮาลิบัตเมื่อหันมาเจอเด็กหนุ่มอีกคน


ล็อบสเตอร์โรลเหมือนเดิมใช่มั้ย ไทม์”


“เฮ้ เบลล่า คุณถามผมแต่ตาคุณมองเพื่อนผมเนี่ยนะ” ไทม์หัวเราะ


“ฉันเบื่อเธอแล้วล่ะหนุ่มน้อย” หญิงสาวทำท่างอนใส่ แล้วหันมาทำตาเยิ้มใส่ธารอีกครั้ง จนเด็กหนุ่มอดที่จะเกร็งไม่ได้ เพราะดูเธออายุมากกว่าเขาหลายปี


“ฮาย ฉันชื่อเบลล่า เมดิสัน แต่สำหรับเธอเรียกเบลเฉยๆก็พอ”


“ธารครับ ยินดีที่ได้รู้จักครับเบล” ธารตอบกลับแล้วยิ้มให้


“เฮ้อ เบลได้โปรด ผมหิวจนจะกินม้าได้ทั้งตัวแล้วนะ” ไทม์ทำเสียงน่าสงสาร จนเบลล่าต้องละสายตาจากเด็กหนุ่มอีกคนอย่างเสียไม่ได้ แล้วมาจดจ่อที่กระดาษตรงหน้าแทน


“แจ็คติดต่อมาที่ร้านหรือยังครับ วันนี้ผมขอทาโคเนื้อนะ” เด็กหนุ่มยิ้มกว้างทันทีที่พูดถึงอาหารจานโปรด เขาหลงใหลอาหารแม็กซิกันเป็นที่สุด


“เอ่อ ผมเอา...” ในหัวกำลังนึกเมนูอาหารอย่างเอาเป็นเอาตาย เพราะแอนแอนด์ฟรานไม่มีเมนูให้เลือกสั่งเหมือนร้านอาหารทั่วไป มีเพียงเมนูแนะนำในแต่ละวันที่ถูกเขียนไว้บนแบล็คบอร์ดหน้าร้านเท่านั้น แต่ถึงยังไงคนที่นี่ก็มากินบ่อยเสียจนหลับตาสั่งก็ยังได้ แต่สำหรับตัวเขาเองที่พึ่งมาเหยียบเวสต์ ยาร์เมาท์ครั้งแรก ในหัวเลยมีแต่เมนูง่ายๆอย่าง แฮมเบอร์เกอร์ สลัด ไส้กรอก และออมเล็ต


“ลองคอร์นบีฟแฮชมั้ยจ้ะธาร หรือจะเป็นสแครมเบิล เอ้กดี” เบลล่าเสนอเมนูที่ถือเป็นซิกเนเจอร์ของร้านให้เด็กหนุ่มเลือก


“มึงกินอาหารแม็กซิกันเป็นปะ” ไทม์ถามขึ้น


“ก็น่าจะได้มั้ง กูเคยกินไม่กี่ครั้ง”

 
“งั้นผมขอเบอร์ริโต้กุ้งย่างละกันครับ อันนี้มึงต้องชอบแน่ๆ อร่อยมากกูให้สิบดาวเลย แล้วก็รูทเบียร์สอง เอ้อ! เมนูนี้ก็อยู่ในคูปองนะเบล เพราะธารก็ทำงานที่ร้านของแจ็คเหมือนกัน” ไทม์หันไปพูดกับหญิงสาว


“จริงหรอธาร ดีเลย ใกล้แค่นี้เองจะได้เจอกันบ่อยๆ” ธารยิ้มแห้งๆให้ ก่อนหญิงสาวจะหมุนตัวเดินเข้าไปในตัวร้าน


“สนใจป่ะ เมื่อก่อนกูโดนแบบมึงเลย ต้องขอบคุณมึงนะเนี่ยที่เบี่ยงเบนความสนใจของเบลไปจากกูได้” ไทม์พูดแล้วขำ


“มึงไม่ต้องหาเรื่องเลย จะบรีฟงานได้ยัง” เด็กหนุ่มย้อนกลับมาเรื่องเดิม จะให้เขาสบายใจได้ยังไง พึ่งมาสมัครงานเป็นพนักงานวันแรก แต่กลับปล่อยให้เจ้าของร้านนั่งเฝ้าเคาท์เตอร์อยู่ที่ร้านคนเดียว อ้อ! กับกลุ่มเด็กๆที่กำลังช่วยกันเลือกซื้อเหยื่อตกปลาปลอมด้วย


“ขยันจังวะ อ่ะๆ ก็ตอนแรกเลยมึงต้องมาถึงร้านประมาณ 9 โมง เรื่องเปิดร้านไม่ต้องนะ แจ็คจะจัดการเอง แต่งตัวยังไงก็ได้ฟรีสไตล์ เวลามาถึงก็แค่ใส่หมวกพนักงาน แล้วไปยืนเท่ๆอยู่หลังเคาท์เตอร์แบบที่กูทำ เวลาคนเข้ามาในร้านมึงก็แค่ สวัสดีกู๊ดมอนิ่งไปตามเรื่อง พอเจอคนหน้าเดิมบ่อยๆเดี๋ยวมึงก็หาคำถามได้เองอ่ะ อย่างเช่น เฮ้! ร็อบ เป็นไง เมื่อวานตกปลาได้เยอะมั้ยครับ อะไรประมาณนี้”


“อันนี้ไม่ต้องบอกก็ได้มั้ง ช่วยเข้าเรื่องงานซักที” ธารเริ่มไม่ประสบอารมณ์กับคนตรงหน้า ที่กวนโมโหเขาไม่หยุดหย่อน


“ก็นี่ไงกำลังจะเข้า เมื่อกี๊กูเกริ่น เวลาลูกค้ามา มึงก็ถามเค้าก่อนว่าต้องการอะไร ถ้าจะมาซื้อคันเบ็ดก็ถามว่า เอาไปตกปลาประเภทไหน น้ำจืดหรือน้ำเค็ม แล้วเราก็แนะนำว่า คันเบ็ดรุ่นนี้มีความยาวเท่าไหร่ มีเวทของคันเท่าไหร่ ยกตัวอย่างเช่น ถ้าคุณลุงอยากตกปลาเทราต์ เอาเป็นคันเบ็ดรุ่นนี้มั้ยครับ ยาวหกฟุต เวท 40-50 ปอนด์ ส่วนเรื่องรายละเอียดมีป้ายห้อยไว้ที่คันเบ็ดอยู่แล้ว มึงก็เหลือบๆเอา แต่เอาจริงๆพูดบ่อยๆเดี๋ยวก็จำได้เองอ่ะ เก๊ทปะ”


“ก็เก๊ท แต่ว่าเวทนี่คืออะไรวะ” ธารสงสัย


“ก็อย่างคันเวท 40-50 ปอนด์ เวลาเอาไปตกปลา ประเภทตัวปลาก็ต้องไม่เกิน 40-50 ปอนด์ เวลายกหรือเย่อกับปลาคันเบ็ดมึงจะได้ไม่หักไง” เด็กหนุ่มพยักหน้าเข้าใจหลังจากไทม์อธิบายจบ อีกทั้งยังโล่งใจ ที่งานไม่ได้ยากอย่างที่กังวลไว้ในตอนแรก


“แล้วมีอะไรอีกปะ”


“เรื่องเหยื่อตกปลา ที่ร้านเรามีแค่เหยื่อปลอม แจ็คเคยขายเหยื่อสดแต่กลิ่นมันแรงจน เอ็มม่า ภรรยาของเขาบอกให้เอาออกจากร้าน นั่นแหละ ใครชอบเหยื่อแบบไหนก็ให้เค้าไปเลือกเลย แล้วก็มาคิดเงินที่เคาท์เตอร์ เออมึงกับกูต้องช่วยกันทำความสะอาดหลังร้านปิดด้วย ประมาณทุ่มนึงอ่ะ ส่วนปิดร้านก็เหมือนเดิม แจ็คจัดการ”

เขาสองคนนั่งคุยเรื่องงานที่ร้านได้ไม่นาน อาหารที่สั่งก็มาเสิร์ฟ


“นี่ของไทม์ ส่วนนี่ของธารจ้ะ” เบลล่าวางทาโคเนื้อไว้ตรงหน้าไทม์ และวางเบอร์ริโต้กุ้งย่างไว้ตรงหน้าธารด้วยเช่นกัน แต่จานของเขาดันมีกระดาษสีชมพูแผ่นเล็กเสียบอยู่ใต้จาน เขาเงยหน้าขึ้นมองหญิงสาวที่ตอนนี้อายจนหน้าแดง แล้ววิ่งหนีเข้าร้านไปราวกับตัวเองเป็นเด็กสาวอายุ 16
 


“ธาร ฉันเลิกงานสองทุ่มนะ 339-206-126 นี่เบอร์โทรของฉัน
ถ้าทนคิดถึงไม่ไหวก็มารอที่หลังร้านก็ได้ จะรีบขอแอนกับฟรานซ์แล้วรีบไปหาเธอทันทีหนุ่มน้อย
พระเจ้าเธอน่ารักมากจริงๆ แล้วโทรมานะ”



สองสิ่งที่เขาได้จากร้านแอนแอนด์ฟรานซ์วันนี้

อย่างแรกเลยคือ ธารรู้สึกเซอร์ไพรส์มากกับวิธีจีบหนุ่มของสาวอเมริกันผมบลอนด์อย่างเบลล่า 
อย่างที่สองคือ เขาได้บอกกับผู้ชายคนแรกที่เขารู้จักในเวสต์ ยาร์เมาท์ นอกจากเบ็นว่า เบอร์ริโต้กุ้งย่างอร่อยอย่างที่โม้ไว้จริงๆ และมันทำให้เขาเริ่มที่จะหลงรักอาหารแม็กซิกันทีละนิดเข้าแล้ว




กว่าจะกลับมาถึงร้านก็เกือบบ่าย แจ็คไม่ได้บ่นอะไรซักคำ แถมยังนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อย่าง เดอะ บอสตัน โกลบ และฮัมเพลงอย่างสบายใจอยู่หลังเคาท์เตอร์ ไทม์สอนงานให้ธารอีกนิดหน่อย เช่น เรื่องการจัดหมวดหมู่หนังสือในร้าน หรือวันและเวลาที่พนักงานจากบริษัทใหญ่ในบอสตันจะมาส่งอุปกรณ์ตกปลาที่ร้าน ช่วงบ่ายลูกค้าเยอะ จนพนักงานมือใหม่อย่างธารหัวแทบหมุน แต่ก็มีเพื่อนร่วมงานอย่างไทม์คอยช่วยเหลือทุกครั้งไป กว่าเขาสองคนจะได้นั่งพักก็บ่ายแก่ๆแล้ว


“แล้ววันนี้กลับไงอ่ะ”


“นู่นไง” เด็กหนุ่มชี้ไปที่จักรยานเสือภูเขาของตัวเอง


“วันนี้กูเดินกลับอ่ะ เซ็งเลย” ไทม์โอดครวญ คงจะเซ็งที่บาร์นี่ลูกรักนอนน็อตหลุดอยู่ที่บ้าน


“ทำไมชอบเล่นสเก็ตบอร์ดวะ กูว่ามันก็ไม่เห็นเร็วมากกว่าการเดินซักเท่าไหร่”


“กูไม่ได้ซีเรียสเรื่องเร็วหรือช้า พูดงี้คือมึงยังไม่เคยลองเล่นอะดิ”


“เออไม่เคย” ธารตอบไปตามจริง


“มันอธิบายเป็นความรู้สึกไม่ถูกว่ะ เวลาที่สองขามึงยืนอยู่บนสเก็ตบอร์ด แล้วปล่อยให้ตัวมึงไหลไปเรื่อยๆตามถนน ยิ่งตอนเย็นๆนะ ท้องฟ้าที่นี่จะเป็นสีส้มเลย ลมพัดเย็นสบาย แบบสบายมากจนมาถึงบ้านแล้วมึงต้องรู้สึกเสียดายอ่ะ”


“ขนาดนั้นเลย”


“โห เดี๋ยวไว้กูสอนเล่นเลยงั้น เอาป่ะ”


“เออเอาดิ” พอธารตอบตกลง ไทม์ก็จับมือคนตรงหน้าให้กำมือ แล้วเขาก็ยื่นกำปั้นของตัวเองมาชนกับมือของธาร หรือที่เรียกว่าเฟิร์สบั๊มที่วัยรุ่นอเมริกันนิยมทำกัน ไทม์ยิ้มแล้วหัวเราะออกมาเบาๆ



เขาเคยคิดว่าเหตุผลที่เขามาที่นี่ก็เพราะอยากลองทำงานด้วยตัวเอง ใช้เงินของตัวเอง
ได้รู้จัก ได้เห็นอะไรที่ไม่เคยเห็น อยากลองทำอะไรที่ไม่เคยทำ
แต่เด็กหนุ่มก็รู้สึกว่าช่างโชคดีที่เขาได้ของแถมเป็นมิตรภาพจากเมืองเล็กๆแห่งนี้ด้วย




หลังจากวันนั้น ธารก็ไปทำงานที่ร้านทุกวัน เขาเริ่มคุ้นชินกับงานมากขึ้น เด็กหนุ่มสามารถบอกรายละเอียดของคันเบ็ดแต่ละแบบ โดยไม่ต้องเหลือบมองป้ายเล็กๆที่ห้อยอยู่ได้ ทุกวันเมื่อเขาไปถึงร้านก็จะพบแจ็คเปิดร้านรอไว้แล้ว นานๆครั้งถึงจะเห็นคุณนายเอ็มม่าแวะเข้ามาที่ร้านซักที แต่ทุกครั้งเธอจะซื้อแฮมเบอร์เกอร์เจ้าเก่า จากร้านที่อยู่หัวมุมถนนไอยานอร์ธ มาฝากผู้เป็นสามี รวมไปถึงเขาและไทม์ด้วย

กับไทม์... ก็เริ่มจะสนิทกันมากขึ้น เพราะเจอกันทุกวัน ตลอดอาทิตย์ที่ผ่านมา เขามักชวนธารไปลองอาหารแม็กซิกันเมนูใหม่ๆที่ร้านแอนแอนด์ฟรานซ์เจ้าเก่า อย่าง นาโช่ แผ่นข้าวโพดกรอบที่โรยหน้าด้วยชีส เนื้อบด แล้วราดซัลซ่าซอสเพื่อเพิ่มรสชาติเผ็ดเปรี้ยว หรือไม่ก็เป็น พอร์ค เอนชิลาด้า เป็นแป้งตอติญ่าห่อด้วยหมู รวมกับถั่วและผักต่างๆ



งานที่เขาทำจะหยุดทุกวันจันทร์และวันนี้ก็เป็นวันหยุดแรกของเขาที่จะได้นอนเล่นอยู่ที่บ้าน บ้านของเบ็นเป็นบ้านชั้นเดียว เขาเคยบอกว่า “ชาวอเมริกันหลงใหลบ้านชั้นเดียวเพราะมันให้ความรู้สึกอบอุ่น ขอแค่มีโซฟานุ่มๆ เตาอบ โทสเตอร์โอเว่น อเมริกันคอกเกอร์สเปเนียลซักตัว ลูกและภรรยาที่น่ารัก นั่นก็เพียงพอแล้วสำหรับชีวิตหนึ่ง…


“ไงจ๊ะ” แพทหันมาถามหลานชาย เมื่อเห็นธารเดินเข้ามาในครัว เธอก้าวเท้าเร็วๆไปหยิบเส้นสปาเก็ตตี้ ก่อนจะหย่อนลงในหม้อที่ต้มน้ำจนเดือด


“ทำอะไรอยู่ครับ”


“สปาเก็ตตี้มีทบอลจ้ะ แล้วก็มีมันบดอบชีสของโปรดเบ็น ธารชอบกินอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่าลูก เดี๋ยววันหลังน้าจะทำให้” แพทถามพลางยิ้มใจดี


“ผมทานได้ทุกอย่างเลยครับ” ธารยิ้มตอบ


“ทำงานที่ร้านแจ็คเหนื่อยมั้ยธาร” แพทลูบผมของเด็กหนุ่มเบาๆ


“ไม่เหนื่อยครับ สนุกดี แล้วนี่เบ็นไปไหนหรอครับ” เขาถามหาเจ้าของบ้านเพราะไม่เห็นชายหนุ่มตั้งแต่เมื่อเช้าแล้ว


“ไปตกปลากับไมเคิลจ้ะ เดี๋ยวก็คงกลับมาแล้วมั้ง” แพทบอก

เบ็นชอบตกปลาเป็นชีวิตจิตใจ เขาเคยบอกว่าเขาได้สมาธิจากการตกปลา สมองโล่งเพราะได้ทิ้งปัญหาหรือเรื่องที่บางทีคิดไม่ตกว่าจะแก้ปัญหาอย่างไรไปกับลมเย็นๆ และที่สำคัญที่สุดเลยคงเป็นการได้ตกเบียร์กับเพื่อนร่วมก๊วนตกปลาซะแทบทุกครั้ง

ธารพยักหน้ารับรู้ก่อนจะเดินออกจากห้องครัวไปยังห้องนั่งเล่น เขานอนเหยียดขาบนโซฟาสีเหลืองอ่อน ดู เดอะอเมซิ่งเรซ แฟมิลี่ อิดิชั่น เรียลลิตี้การแข่งขันยอดฮิตที่เบ็นเคยชวนให้ดูเมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา แต่เขาขอบายเพราะเหนื่อยจากงานที่ร้านมาทั้งวัน และวันนี้มันก็กลับมารีรันอีกครั้ง

แอร์เสียงดังหึ่งในห้องนั่งเล่น ไม่ได้ทำให้เด็กหนุ่มตื่นขึ้นมา เขาผลอยหลับหลังจากดูรายการนั้นไปได้ไม่ถึงห้านาทีด้วยซ้ำ แต่ก็ต้องสะดุ้งตื่นเมื่อเสียงกริ่งดังขึ้น


“ธาร ดูให้น้าหน่อยได้มั้ยจ้ะว่าใครมา น้ามือเลอะ” แพทตะโกนออกมาจากในครัว

เด็กหนุ่มตอบรับแล้วเดินสะลึมสะลือไปหน้าประตู คงไม่ใช่เบ็นแน่ๆ เพราะถ้าเป็นเบ็นเขาคงจะเข้ามาแล้ว ทันทีที่เปิดประตู ก็พบกับเด็กหนุ่มร่างสูงใหญ่ ยืนถือสเก็ตบอร์ดสีขาวอยู่ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม


“เฮ้ยมาได้ไง” ธารตาสว่างทันที


“รู้บ้านมึงได้ไงอะนะ บ้านเบ็นใครๆก็รู้จัก ซี้กับกูเลยเนี่ย ตกปลาด้วยกันบ่อย” ไทม์ตอบตามตรง แล้วชะโงกหน้าเข้ามาในบ้าน


“อะไร”


“อยู่คนเดียวหรอ คนอื่นไปไหนหมดอ่ะ โคตรเงียบ” ไทม์ถาม


“เบ็นไปตกปลากับก๊วนเพื่อน น้าแพททำสปาเก็ตตี้อยู่ในครัว มึงจะเข้ามาก่อนป่ะ”


“มึงแหละต้องออกมา วันนี้กูจะสอนมึงเล่นสเก็ตบอร์ด”


“วันนี้เลยหรอวะ”


“เออวันนี้แหละ ไป ไปเปลี่ยนเสื้อ แล้วนี่พึ่งตื่นหรอวะ หัวยุ่งเชียว” ไทม์เห็นสภาพหัวของคนตรงหน้าแล้วอดหัวเราะไม่ได้ ชี้ขึ้นชี้ลงเหมือนหนูน้อยแอนนาลูกสาวของคุณนายคอร์นเวลส์เลย


“เออกูงีบมา แล้วนี่กูบอกตอนไหนว่าจะไป”


“เอ้อ ฝากบอกน้ามึงด้วยว่าวันหลังกูค่อยเข้าไปสวัสดีนะ กูรอนี่แหละ เร็วๆนะเว้ย แดดร้อน” เด็กหนุ่มพูดจบก็ผลักธารกลับเข้ามาในบ้านแล้วปิดประตูดังปัง



มัดมือชกกันชัดๆ!




เด็กหนุ่มสองคนเดินบนถนนเกรทไอซ์ แลนด์ ถนนสายเล็กที่เลียบไปตามชายหาดแอลเกิ้ล วู้ด ส่วนสูงที่ห่างกันเพียงแค่ 5 เซนติเมตร ทำให้ดูเผินๆแล้ว ขนาดตัวของพวกเขาแทบจะไม่แตกต่างกันมากนัก จะมีก็เรื่องความหนาของตัวที่ไทม์ค่อนข้างจะตัวหนาจากกล้ามเนื้อมากกว่าธาร และก็คงจะเป็นเรื่องของสีผิว ผิวของธารจะขาวกว่า ส่วนเด็กหนุ่มอีกคนมีผิวแทนจากการโดนแดด


“นี่อะนะ บาร์นี่ลูกมึง” ธารถามพลางมองสเก็ตบอร์ดสีขาวที่คนข้างๆหนีบไว้ข้างลำตัว


“ไม่ใช่ นี่เจมส์ ลูกคนที่สองของกู”


“ลูกมึงเยอะเนอะ” ไทม์ยักคิ้วรับ


“กูซ่อมบาร์นี่เสร็จละ แต่กะถือโอกาสพ่นสีใหม่เลย ช่วงนี้กูใช้งานหนักไปหน่อย” ไทม์พูด


“อ๋อ”


“มึงอยากไปเยี่ยมบาร์นี่ป่ะ” เขาถามคนที่เดินอยู่ข้างๆ


“ที่ไหน” ธารถามกลับ


“บ้านกู”


“เยี่ยมเนื่องในโอกาสไรวะ”


“เอ้า ก็ลูกสาวกูไม่สบาย มึงก็ต้องไปเยี่ยมดิ แล้วก็ไปแนะนำตัวกับลูกกูด้วย”


“แนะนำอะไร”


“แนะนำว่ามึงชื่อธาร เพื่อนของพ่อไทม์นะครับบาร์นี่ แบบนี้ไง” ไทม์พูดแล้วหัวเราะเสียงดัง

เส้นผมสีดำสนิทของทั้งคู่ พริ้วไปตามแรงลมของทะเล ถึงจะไม่มีใครพูดอะไร แต่ในใจของธารกลับคิดว่า จริงๆวันหยุดแรกของเขาก็ไม่ได้แย่ซะทีเดียว แถมเขายังได้เป็นลุงของหนูน้อยบาร์นี่กับเจมส์ด้วย ให้ตายเถอะ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคนที่เดินนำหน้าเขาอายุ 20 แล้ว! ธารหัวเราะออกมานิดหน่อย แล้วเร่งเท้าตามให้ทัน


“ตื่นเต้นว่ะ เพื่อนไปบ้าน”


“ทำไมวะ”


“ก็ปกติกูไปรบกวนแต่บ้านคนอื่น” ไทม์หัวเราะ


“แล้ว”


ก็ไม่แล้วไง มึงแค่ได้สิทธิพิเศษ ได้มาบ้านกูเป็นคนแรก ก็แค่นั้น








TALK : มาต่อตอนที่สองแล้วนะคะ ขอบคุณทุกคนที่ลองเข้ามาอ่านค่ะ
เราอยากแจ้งเพิ่มเติมว่าทุกคนสามารถเข้าไปดูรูปโลเคชั่นต่างๆในนิยายได้นะคะ
จะได้เห็นภาพมากขึ้น นี่เลยค่ะ #ยาร์เมาท์บอย ขอบคุณมากๆค่ะ :D 


twitter : grizzlyellow
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-09-2017 09:04:54 โดย grizzlyellow »

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
Re: Tales from West Yarmouth - SECOND CHAPTER
«ตอบ #3 เมื่อ03-09-2017 13:46:43 »

ไทม์น่ารักดี
มิตรภาพลูกผู้ชายยย
รอตอนต่อไปค่ะ

ออฟไลน์ grizzlyellow

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 5
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
THIRD CHAPTER

*เราอยากแจ้งเพิ่มเติมว่าทุกคนสามารถเข้าไปดูรูปโลเคชั่นต่างๆในนิยายได้นะคะ
จะได้เห็นภาพมากขึ้น นี่เลยค่ะ #ยาร์เมาท์บอย ขอบคุณมากๆค่ะ 





ถ้าคุณเป็นพลเมืองในเวสต์ ยาร์เมาท์… คุณคงจะหลงเสน่ห์เมืองนี้วันละไม่รู้กี่รอบ อุณหภูมิช่วงเช้าตรู่จะอยู่ที่ 63 องศาฟาเรนไฮต์ และเพิ่มขึ้นถึง 79 องศาฟาเรนไฮต์ในวันที่ท้องฟ้าโปร่ง บวกกับแดดที่อาจจะแรงไปบ้างในช่วงเวลากลางวัน แต่ก็ยังมีลมเย็นๆจากมหาสมุทรแอตแลนติกพัดเข้าฝั่งมาเป็นการชดเชย ทำให้กิ่งของต้นวอลนัทและเอล์มที่ขึ้นเป็นต้นสูงอยู่ในละแวกบ้านแถวนั้นพริ้วไปตามแรงลม

บ้านของไทม์… เป็นบ้านหลังริมสุด ที่ตั้งอยู่ปลายสุดถนนไลเบอร์ตี้ เวสต์ ยาร์เมาท์ แค่เพียงเขาเปิดม่านที่หน้าต่างในยามเช้า เขาก็มองเห็นหาดทรายสีขาวและมหาสมุทรสีน้ำเงินเข้มที่สะท้อนกับแสงแดดจนส่องประกายระยิบระยับ ถ้ามองไกลออกไปหน่อยก็จะเห็นเรือประมงที่ออกไปหาปลาตั้งแต่เมื่อคืนกำลังแล่นกลับเข้าฝั่ง หรือจะเป็นเรือยอร์ชขนาดต่างๆของบริษัทที่ให้บริการพานักท่องเที่ยวออกไปตกปลากลางมหาสมุทร เขาสามารถเห็นทั้งหมดนี้ได้ในห้องนอนของตัวเอง



เด็กหนุ่มสองคนกำลังก้าวขายาวๆของตัวเองลัดสนามหญ้าที่ถูกตัดจนเอี่ยม เสียงเพลง ไฟว์ โอคล็อค ไฟว์ ฮันเดร็ด ของ อลาบาม่า ดังขึ้นจากบ้านฝั่งตรงข้าม พวกเขาหันไปตามเสียง เจค็อบ เกรย์ หนุ่มผมทอง กำลังยืนรดน้ำต้นแคคตัสในกระถางพลางฮัมเพลงอย่างสบายอารมณ์ เขาผิวปากก่อนจะขยิบตาให้ไทม์ เด็กหนุ่มยิ้มมุมปากก่อนจะหัวเราะเบาๆ


“เฮ้ เจค คุณอยู่บ้านงั้นหรือ?” เขาโบกมือทักทายกลับและทำหน้าประหลาดใจ ปกติเพื่อนบ้านของเขาจะออกไปเดทกับสาวๆแทบทุกวัน


“โอ..เด็กน้อย นายคงไม่รู้อะไร คริสติน ภรรยาของฉัน กำลังทำชิลลี่ด็อกไก่งวงอยู่ในครัว” เขาชี้ ก่อนจะเอามือป้องปากเหมือนกระซิบ “ฉลองที่เราได้มาอยู่ด้วยกัน” เจคยักคิ้วให้อีกฝ่ายแล้วยิ้มกว้าง


“โอ้ แจ๋วมากครับ ยินดีด้วยครับเจค”

เด็กหนุ่มบอกจากใจจริง มันเป็นเรื่องเซอร์ไพรส์ เพราะเจคตามจีบคริสตินมาตั้งแต่อยู่มหาวิทยาลัยบราวน์ ทั้งคู่เรียนด้วยกัน แม้จะหอบผู้หญิงมานอนที่บ้านบ้างแต่เจคก็ไม่ลดละที่จะตามจีบเธอ แถมยังบอกอีกว่า “นายรู้มั้ย ฉันพร้อมจะหยุดให้คริสติน


“นี่ธารครับ เพื่อนผมเอง” ไทม์แนะนำคนข้างๆให้เพื่อนบ้านของเขารู้จัก


“สวัสดีครับเจค็อบ” ธารยิ้มให้


“สวัสดีพ่อหนุ่ม! โอ..ฉันพนันได้เลยว่าที่ประเทศของพวกนายคงมีแต่คนหน้าตาดีแน่ๆ”


“ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ” ธารปฎิเสธและยกมือขึ้นเกาท้ายทอยเบาๆหลังถูกชม แตกต่างจากไทม์ที่ยักคิ้วยอมรับคำชมนั้นเต็มที่แล้วยิ้มกว้าง


“งั้นพวกเราขอตัวก่อนนะเจค ไว้ว่างๆไปตกปลากันอีกนะครับ” เจคตอบตกลงแล้วยิ้มให้พวกเขาเป็นการส่งท้าย เด็กหนุ่มสองคนเร่งเท้าให้ถึงตัวบ้านไวๆ เมื่อกี๊ยืนคุยกับเพื่อนบ้านซะจนตัวแทบไหม้





“ใครอยู่บ้างวะ” ธารถามขึ้นหลังจากเข้ามาในบ้าน


“แม่กูไม่อยู่ ไปบ้านใครซักคนแถวนี้มั้ง ส่วนพ่อ ก็ไปตกปลากับน้ามึงนั่นแหละ”


“ห้ะ”


ไมเคิล เพื่อนเบ็นไง พ่อกูเอง จริงๆชื่อ ไมค์ ย่ากูตั้งให้ซะเหมือนฝรั่งเลยใช่มั้ยล่ะ” ไทม์พูดแล้วขำ สองเท้าก้าวเข้าไปในห้องครัวก่อนจะเดินเลยไปหยิบน้ำในตู้เย็น อากาศตอนบ่ายแก่ๆของยาร์เมาท์กำลังทำให้เขาเป็นบ้า มือใหญ่เสยผมสีดำของตัวเองขึ้นลวกๆ แล้วยกน้ำขึ้นดื่มจากปากขวด แน่นอน... เขาไม่เสียเวลาเทน้ำใส่แก้วกระเบื้องใบใหม่ที่ซื้อมาจากซูเปอร์ตรงหัวมุมถนนหรอก


“กินป่ะ” ธารพยักหน้า ยกขวดน้ำขึ้นดื่มต่อจากไทม์อึกใหญ่


“แล้วนี่ครอบครัวมึงอยู่นี่หมดเลยหรอวะ” เด็กหนุ่มพูดพลางมองไปรอบๆห้องอย่างสนใจ 


“มีแค่พ่อแม่แล้วก็กู บางทีย่าก็บินมาหาที่นี่ บางทีพวกกูก็กลับไทย ปีละครั้งได้มั้ง”


“แต่มึงเกิดที่ไทยใช่ป่ะ”


“อื้อ” เขาตอบแล้วเดินนำแขกไปยังห้องที่อยู่ในสุดของตัวบ้าน “กูเรียนอยู่ที่ไทยจนถึงป.3 แล้วก็ย้ายมาอยู่สปริงฟิลด์ จนจบไฮสคูล กูเลยสมัครเรียนมหาลัยที่นั่นไป แต่พ่อกูนึกไงไม่รู้อยากเปลี่ยนบรรยากาศ ก็เลยย้ายมาอยู่ที่นี่แทน”


“มหาลัยอะไรวะ”


สปริงฟิลด์คอลเลจ เรียนรัฐศาสตร์”


“แล้วเวลาเปิดเทอมอ่ะ”


“อยู่หอเอา เดินทางไปกลับไม่ได้ มันไกล นี่ก็เป็นปิดเทอมแรกนะที่กูกลับมาอยู่เวสต์ ยาร์เมาท์ ปกติกูก็อยู่กับเพื่อนที่หอ ขี้เกียจกลับ ดีนะที่รอบนี้กูกลับ งั้นคงอดเจอมึง” ไทม์หันมายิ้มให้


“เออ ดีที่มึงยังพูดภาษาไทยได้อยู่” ธารตบบ่าเพื่อนเบาๆ


“โห อยู่บ้านกับพ่อกับแม่กูก็พูดไทย กับเพื่อนหรือญาติที่ไทยก็ยังติดต่อคุยกันตลอด จะไปลืมได้ไง” 





ห้องนอนของไทม์เป็นห้องทรงสี่เหลี่ยมจตุรัสขนาดไม่ใหญ่มากนัก วอลเปเปอร์ห้องเป็นสีขาว หน้าต่างสองบานทำให้ห้องดูโปร่งสบาย มีโปสเตอร์หลายแผ่นถูกติดอยู่บนผนัง มีโต๊ะหนังสือตั้งอยู่ปลายเตียง และมีกีตาร์โปร่งวางพาดอยู่บนโซฟาริมหน้าต่าง


“นั่งรอบนเตียงก่อนนะ กูอาบน้ำแปป” ไทม์พูดแล้วเดินหายเข้าไปในห้องน้ำ

เด็กหนุ่มเลือกนั่งลงบนเตียงนุ่มที่วางอยู่กลางห้อง เขานั่งทับกางเกงยีนส์ ชีพ มันเดย์ ของไทม์ด้วย ข้างหัวเตียงฝั่งหนึ่งมีตู้เหล็กถูกแปะด้วยสติ๊กเกอร์การ์ตูนซุปเปอร์ฮีโร่เต็มไปหมด มีเครื่องเล่นเพลง ลำโพง และโคมไฟวางอยู่ข้างบน ส่วนอีกข้างเป็นโต๊ะลิ้นชักที่มีกรอบรูปตั้งอยู่ รูปของเด็กผู้ชายคนหนึ่งกำลังยืนอยู่บนเรือยอร์ชที่จอดอยู่กลางทะเล มือสองข้างโอบปลาตัวใหญ่ที่เกือบเท่าตัวของเขาเองไว้เต็มสองแขน

ไทม์คงชอบตกปลาตั้งแต่ตอนนั้น...



ไม่นานนักไทม์ก็ออกมา เขาเปลี่ยนเป็นเสื้อยืดคอกลมสีเหลืองสดใสกับกางเกงขาสั้น หยดน้ำเกาะอยู่ตามเส้นผมสีดำแต่เจ้าตัวก็ไม่คิดใส่ใจ เขากระโดดขึ้นไปนั่งบนโต๊ะหนังสือ มือใหญ่กวาดแผ่นซีดีเพลง น้ำยาเช็ดสายกีตาร์ กระดาษที่เขาเขียนคอร์ดเพลง น็อตต็วเล็กที่เขาถอดเข้าถอดออกกับสเก็ตบอร์ด สเปรย์ขวดที่เอาไว้พ่นสี กระเป๋าสตางค์สีน้ำตาลเปื่อยๆ และนาฬิกา กองไว้รวมกันที่มุมโต๊ะ


“ห้องกูน่าอยู่ป่ะ มาค้างได้นะ มีหนังสือให้อ่านด้วย” ไทม์ยักคิ้วแล้วโยนหนังสือเล่มนึงมาให้เด็กหนุ่มอีกคนที่นั่งอยู่บนเตียง


“หนังสืออะไรวะ” ธารถามขึ้น แล้วพลิกดูปกหนังสือชัดๆ อะดัลท บุ๊ค


“โอ้ย! เจ็บนะเว้ย” ไทม์คลำหัวป้อยๆ หลังจากธารขว้างหนังสือเล่มเดิมใส่หัวเขาแบบไม่ออมแรง


“ชวนกูดูหนังสือโป๊แต่หัววันเลยนะ แล้วไหนบาร์นี่อ่ะ”


“นี่ไง” ไทม์หยิบสเก็ตบอร์ดสีดำที่วางอยู่ใต้โต๊ะหนังสือขึ้นมา “เหลือพ่นสีตรงที่มันถลอก” ธารลุกจากเตียงแล้วเดินมาดูใกล้ๆ


“มึงดูรักบาร์นี่มากเลยเนอะ”


“รักดิ อยู่กับกูมาตั้งนาน”



พวกเขานั่งคุยกันเรื่อยเปื่อยจนเวลาล่วงเลยไปถึงตอนเย็น ไทม์เลยชวนธารออกไปฝึกเล่นสเก็ตบอร์ดเพราะแดดเริ่มจะร่มแล้ว พอเปิดประตูห้องก็เจอกับผู้หญิงเอเชียหน้าตาใจดีคนนึงหน้าห้องพอดี


“จะไปไหนลูก แม่กำลังจะมาเรียกพอดี”


“กลับมาแล้วหรอครับ” ไทม์เดินเข้าไปหอมแก้มคนตรงหน้าเบาๆ


“จ้ะ กำลังจะไปเรียกลูกมาทานมะม่วงเลย มะม่วงสุกของโปรดไทม์ เจนฝากมาให้ลูกแหนะ”


“เยี่ยมเลยครับ!” เด็กหนุ่มตาวาวขึ้นมาทันที ไทม์ชอบมะม่วง... เขาต้องใช้ความอดทนอย่างมากในการรอมะม่วงที่นำเข้าจากประเทศในแถบเอเชียตะวันออก เพราะยาร์เมาท์มาร์เก็ตมีแค่อาหารทะเลและผลไม้รสเปรี้ยวจำพวกส้มหรือองุ่นเท่านั้น


“อ้าวไทม์มีแขกหรอคะ” เธอถามขึ้นเมื่อเห็นเด็กหนุ่มอีกคนยืนอยู่ข้างลูกชาย


“สวัสดีครับ ธารครับ” ธารยกมือไหว้ แม่ของไทม์ยิ้มให้


“ยินดีที่ได้รู้จักจ้ะน้องธาร ไทม์เล่าให้แม่ฟังแล้วว่าทำงานที่เดียวกัน แต่ยังไม่มีโอกาสได้เจอซักที ลูกสองคนอยู่ทานมะม่วงกันก่อนนะคะ อยู่ที่นี่ไม่ได้จะหาทานกันง่ายๆน้า”


“ผมต้องพาธารไปข้างนอกอ่ะแม่ จะสอนมันเล่นสเก็ตบอร์ด กลับค่ำๆนะครับไม่ต้องห่วง”


“แล้วมะม่วงล่ะไทม์ ให้เพื่อนอยู่ทานก่อนสิ”


“เดี๋ยวผมพามันมาที่บ้านบ่อยๆ แม่เก็บมะม่วงไว้ให้ไทม์กับเพื่อนด้วยนะ”
พูดจบมือใหญ่ก็ลากธารออกจากบ้านทันที






“ไม่ต้องทำหน้าบึ้งเลย เดี๋ยวพรุ่งนี้กูเอามะม่วงไปให้ที่ร้าน”


“เออดีๆ” ธารยิ้มกว้าง ทำให้เด็กหนุ่มอีกคนชะงักไปนิด นานๆทีจะเห็นรอยยิ้มของคนตรงหน้า ปกติทำหน้าเฉยตลอด


“มึงยิ้มแล้วก็หล่อดีนะ”


“ได้ยินบ่อยละ”


“แต่ไม่ยิ้มจะดีกว่า”


“กวนตีน”


“ล้อเล่น เอาล่ะ พร้อมยัง” ไทม์หัวเราะแล้ววางสเก็ตบอร์ดลงบนพื้น เขาเลือกพาธารมาที่ บรอดเวย์ สตรีท เนื่องจากไม่ใช่ถนนใหญ่และมีปริมาณรถวิ่งน้อยนานๆทีถึงจะมีซักคัน ทำให้พื้นถนนเส้นนี้ค่อนข้างเรียบและสมบูรณ์ ง่ายต่อการฝึกสำหรับผู้ที่พึ่งเริ่มหัดเล่น


“นี่ไม่มีหมวกกันน็อคหรือสนับเข่าอะไรให้กูเลยหรอ” ธารถาม


“มึงจะไปแข่งหรือไง ทรงตัวให้ได้ก่อน มันไม่เร็วขนาดนั้นหรอก อ่ะขึ้นไปยืน ยืนท่าที่มึงถนัดที่สุดเลย” ธารทำตามที่เพื่อนบอก ตอนเริ่มมันยังไม่ยากอะไร เขาเลยขึ้นไปยืนได้อย่างง่ายดาย


“คราวนี้ก็เอาเท้าข้างที่ถนัดใช้ดันพื้นในบอร์ดเลื่อน ส่วนเท้าอีกข้างที่วางบนบอร์ดใช้บังคับทิศทาง ไหนลองทำ”


“เฮ้ยๆ” ธารร้องออกมา เพราะเท้าดันส่งแรงมากเกินไปหน่อย ทำให้บอร์ดไหลไปตามพื้นถนนอย่างรวดเร็ว จนไทม์ต้องก้าวเท้าเร็วๆมาจับตัวเพื่อนไว้


“โอ้ย! ตีหัวกูไมเนี่ย”


“ใช้คำซะรุนแรง กูแค่ดีดหน้าผาก”


“เหมือนกันแหละ”


“ช้าๆก่อนดิวะ เดี๋ยวก็หมดหล่อหรอกมึง เอาใหม่”




ธารพยายามตั้งใจทำแบบที่ไทม์สอนหลายครั้ง จนใช้เวลาเพียงไม่นาน เด็กหนุ่มก็สามารถขึ้นไปยืนสองขาบนสเก็ตบอร์ดและปล่อยให้มันไหลไปเรื่อยๆบน บรอดเวย์ สตรีทได้ ถึงแม้ความเร็วจะยังไม่มาก แต่แค่วันแรกที่สอนแล้วธารสามารถทรงตัวบนบอร์ดได้ดีขนาดนี้ก็ถือว่าเก่งมากแล้ว พอเล่นกันจนเหนื่อย เด็กหนุ่มสองคนก็มานั่งพักบนสนามหญ้าที่ขนาบข้างพื้นถนน ตอนนี้ท้องฟ้าในเวสต์ ยาร์เมาท์กลายเป็นสีส้ม ลมจากทะเลพัดแรงจนผมปลิว กลิ่นหอมของต้นสนลอยมาแตะจมูก จนธารรู้สึกผ่อนคลายอย่างบอกไม่ถูก


“สบายแบบที่มึงบอกจริงด้วย” เขาพูดพลางนั่งเหยียดขาออกไปบนถนน แขนสองข้างเท้าอยู่บนพื้นสนามหญ้า


“เห็นป่ะบอกแล้ว” ไทม์หันหน้ามายิ้มให้


“หน้ามึงสีเดียวกับท้องฟ้าเลยว่ะ”


“หน้ามึงด้วย” เขาสองคนหัวเราะ


“ขอบคุณมากนะเว้ยที่สอนกูเล่นสเก็ตบอร์ดอ่ะ ไว้บาร์นี่หายไม่สบายเมื่อไหร่ พามาให้กูเล่นมั่งนะ”


“เอาดิ กับมึงกูไม่หวงอยู่แล้ว แต่มึงต้องหัดกับเจมส์ให้คล่องๆก่อนนะ แล้วกูจะพาบาร์นี่มา”


“เออ”




พวกเขานั่งคุยกันไปเรื่อยๆ จนท้องฟ้าเริ่มกลายเป็นสีที่เข้มขึ้น ไฟถนนส่องสว่างทำให้พื้นถนนกลายเป็นสีส้มเหมือนสีของท้องฟ้าเมื่อครู่ ปรากฎให้เห็นเงาของเด็กหนุ่มตัวสูงสองคนที่กำลังนั่งอยู่ข้างกัน เสียงพูดเสียงหัวเราะดังสลับกับความเงียบ จนเด็กหนุ่มอีกคนพูดทำลายความเงียบนั้นขึ้นมา


“อยู่ที่นี่กี่เดือนอ่ะธาร”


“สามเดือนนิดๆ”


“งั้นช่วงที่มึงอยู่ที่นี่กูจะพามึงไปทัวร์ให้ทั่วเลย กูจะสอนมึงตกปลาก่อน แล้ววันไหนกูไปทำธุระที่มหาลัย มึงไปด้วยกันนะ จะได้รู้จักเพื่อนๆกูด้วย มาอยู่นี่ทั้งทีสนิทกับกูคนเดียวก็ไม่คุ้มดิ แล้วกูจะพามึงไปกางเต๊นท์ด้วย แต่ที่ไหนนี่ขอดูอีกที” ไทม์นั่งร่ายยาวจนธารหัวเราะ


“เป็นไกด์ให้กูขนาดนี้ คิดตังค์ป่ะวะ”


“ที่กูได้กลับมาอ่ะ คุ้มกว่าได้เงินอีก”


“ยังไง”


“มึงไม่รู้หรอ แค่ได้มาเจอกัน ก็โคตรคุ้มแล้ว คนมีเป็นล้านๆคน แต่คนไทยสองคนก็ยังมาเจอกันในเมืองเล็กๆ ทั้งๆที่ประเทศนี้แม่งกว้างจะตาย”


“...”


“แล้วการที่กูกับมึงมาเจอกัน มารู้จักกันอ่ะ ดูเหมือนจะไม่ได้อะไรนะ” ไทม์หัวเราะ “แต่กูว่ามันคือการสอนกันละกัน ไม่มึงสอนกู กูก็สอนมึง”


“โห โคตรหล่อเลย”

“กูอ่านเจอมาจากหนังสือ” เขาหัวเราะ “เฮ้ยแต่เรื่องจริงนะ ไม่มีสูญเปล่าเลย การที่ได้รู้จักใครสักคน” รอยยิ้มเล็กๆปรากฎขึ้นที่มุมปากของธาร ทำให้คนพูดยิ้มกว้างจนตาหยี



ธารไม่ได้บอกสิ่งที่เขากำลังคิดอยู่ในใจ ว่าเขาเชื่อในสิ่งที่อีกคนพูด
ไม่สูญเปล่าเลยกับการที่ได้รู้จักมึงเหมือนกันนะเว้ย
(ไลเบอร์ตี้ เวสต์ ยาร์เมาท์ เวลา 7.29 PM with ไทม์)







TALK : ตอนที่3มาแล้วค่า ขอบคุณทุกคนที่ลองเข้ามาอ่านนะคะ
ตอนนี้ไทม์กับธารจะเริ่มสนิทกันมากขึ้น เรื่องนี้สำหรับบางคนที่ไม่ชอบคำบรรยายเยอะๆ
เนื้อเรื่องอาจจะน่าเบื่อไปซักหน่อยในบางตอน แต่ตัวเราเองอยากให้เสน่ห์ของเรื่องอยู่ที่การบรรยาย
บรรยากาศของเมืองเล็กๆที่อยู่ในอเมริกา ตั้งแต่ตัวบ้าน ละแวกบ้าน ถนนสายต่างๆ
ใครนึกภาพสถานที่ไม่ออก สามารถเข้าไปดูได้ใน #ยาร์เมาท์บอย ในทวิตเตอร์นะคะ
เราลองหารูปมาให้ทุกคนดู เพราะสถานที่ในนิยายบางที่ก็มีอยู่จริงๆน้า

ขอบคุณมากๆเลยค่ะสำหรับคอมเม้น แค่คอมเม้นเดียวเราก็เหมือนได้ชาร์จแบตเลย
แค่ทุกคนลองเปิดเข้ามาอ่านแล้วชอบ เราก็ดีใจแล้วค่ะ ขอบคุณนะคะ   

twitter : grizzlyellow
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-09-2017 11:00:06 โดย grizzlyellow »

ออฟไลน์ P_Methayot

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 108
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +92/-0
อยากอ่านต่อ แนวที่ชอบเลย ไม่อัพต่อแล้วเหรอครับ :hao5:

ออฟไลน์ greenoak004

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 27
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ไทม์ต้องเริ่มรู้สึกดีกับธารแล้วแน่ๆ
รีบมาอัพต่อไวๆน้า รอตอนต่อไปจ้า

ออฟไลน์ grizzlyellow

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 5
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
FOURTH CHAPTER



 
ถ้าคุณเป็นพลเมืองในเวสต์ ยาร์เมาท์… คุณคงจะรู้จักยาร์เมาท์ มาร์เก็ต เป็นอย่างดี มาร์เก็ตขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ ตั้งอยู่บนลูอิส โรด ห่างจากเวสต์ ยาร์เมาท์เพียงแค่หนึ่งจุดห้าไมล์เท่านั้น

และถ้าจะบอกว่า ยาร์เมาท์ มาร์เก็ต เป็นหนึ่งในสถานที่ยอดนิยมของชาวเมืองเวสต์ ยาร์เมาท์เลยก็คงจะไม่ผิดนัก เพราะมีอาหารทะเลสดใหม่วางเรียงรายอยู่บนแผงน้ำแข็งเป็นแนวยาวให้เลือกสรรได้ตามใจชอบ ยกตัวอย่างเช่น เรนโบว์เทราต์ คอด ซีบาส และสแนปเปอร์ฟิช หรือจะเป็นล็อบสเตอร์และดันจีเนส แคร็บ ปูขนาดใหญ่ ที่มีรสชาติหวานอร่อย จนถูกปากใครหลายๆคน และถึงแม้ว่าช่วงก่อนหน้านี้จะมีรายงานจากสำนักข่าว ซีบีเอส ซานฟรานซิสโก เกี่ยวกับปริมาณกรดโดโมอิคระดับสูงในตัวปูก็ตาม แต่ดันจีเนส แคร็บก็ยังติดอันดับปูที่ได้รับความนิยมสูงสุดในช่วงฤดูนี้ จนชาวประมงต้องขนปูลงเรือจากแปซิฟิค นอร์ทเวสต์ แคลิฟอร์เนีย มายังกรีน ฮาร์เบอร์ เวสต์ ยาร์เมาท์ และแจกจ่ายไปยังตลาดใหญ่ๆของเมืองในฝั่งทิศตะวันออกเฉียงใต้ของรัฐแมสซาชูเซตส์ ตามความต้องการที่สูงลิ่วของผู้บริโภค

นอกเหนือจากอาหารทะเลแล้ว ด้านหลังของมาร์เก็ตยังเป็นโซนขายผลไม้รสเปรี้ยว จำพวก องุ่น ส้ม และตระกูลเบอร์รี่อย่างแบล็คและราสเบอร์รี่ ส่วนด้านข้างจะเป็นลานจอดรถขนาดกลางสำหรับคนที่มาจับจ่ายซื้อของ และก็ยังมีที่สำหรับจอดรถกระบะสีถลอกของชาวประมงที่จะขนอาหารทะเลจากยาร์เมาท์ไปส่งยังเมืองอื่นๆในรัฐด้วย



ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เด็กหนุ่มมีโอกาสมาที่นี่ตามคำชักชวนของแพทและเบ็น ที่อยากจะพาเขามาเปิดหูเปิดตาก่อนจะเริ่มงานที่ร้านของแจ็คเป็นอาทิตย์ที่สองในวันนี้ ทันทีที่มาถึง ภาพที่เด็กหนุ่มเห็นทำให้เขาประหลาดใจเล็กน้อย เนื่องจากยาร์เมาท์มาร์เก็ตไม่ได้อยู่ในตัวอาคารเหมือนอย่างซุปเปอร์มาร์เก็ตทั่วไป เป็นเพียงลานโล่งๆ และมีร้านรวงต่างๆตั้งขนาบข้างของทางเดินเพียงเท่านั้น และถือว่าโชคดีที่วันนี้อากาศไม่ร้อน เนื่องจากท้องฟ้าครึ้มไปด้วยเมฆฝน บดบังแสงแดดจ้าที่ปกติจะแผดเผาเวสต์ ยาร์เมาท์ เป็นประจำเช่นทุกวันที่ผ่านมา
 
ตลอดเวลาที่เดินซื้อของ ธารอดทึ่งไม่ได้ว่าเบ็นเป็นคนที่เชี่ยวชาญในการเลือกอาหารทะเลเป็นอย่างมาก แบบไหนสดที่สุด เนื้อเยอะที่สุด เขาจะรู้ได้ทันทีสมกับเป็นยาร์เมาท์แองเกลอร์รุ่นใหญ่ของเมือง พวกเขาเดินไปตามโซนต่างๆจนเกือบครบ แพทซื้อแบล็คเบอร์รี่มาตุนไว้สำหรับอาหารเช้าอย่างคอนเฟล็คนมใส่เมล็ดธัญพืชและผลไม้แบบที่เธอชอบทาน ธารมีหน้าที่ช่วยถือของเพียงเท่านั้นเพราะเขาเองไม่ถนัดเลือกอะไรซักเท่าไหร่นัก


“ที่รัก พูดถึงเรายังไม่ได้จัดงานเลี้ยงต้อนรับธารเลยนะ” เบ็นพูดอย่างนึกขึ้นได้ ขณะที่กำลังเลือกปลาคอดบนแผงน้ำแข็งด้วยความชำนาญ เขาตั้งใจว่าจะให้แพททำเป็นมื้อเย็นของวันนี้


“จริงด้วยสิคะ ฉันลืมไปเลย” แพททำหน้าตกใจ แล้วหันไปถามความเห็นจากเด็กหนุ่มตัวสูงที่เดินหัวยุ่ง อ้าปากหาววอดๆอยู่ข้างหลัง


“ดีมั้ยธาร อาทิตย์ที่ผ่านมามัวแต่ยุ่งๆ ตอนนี้อะไรก็เข้าที่เข้าทางหมดแล้ว น้ากับเบ็นจะจัดงานเลี้ยงต้อนรับธารดีมั้ยลูก”


“อย่าลำบากเลยครับน้าแพท ผมไม่อยากให้ยุ่งยากกัน” ธารปฏิเสธอย่างเกรงใจ


“เกรงใจอะไรกันธาร คนกันเองทั้งนั้นเลย” แพทเอื้อมมือขึ้นไปลูบหัวเด็กหนุ่มเบาๆอย่างเอ็นดู


“ครับ แต่ธารก็ยังเกรงใจอยู่ดี”


“คุยอะไรกันให้ผมรู้ด้วยคนซี่” เบ็นยื่นหน้าเข้ามาแทรกกลางระหว่างธารกับแพทที่กำลังพูดภาษาไทยใส่กันอย่างลืมตัว “แต่ถ้าให้เดา ธารคงไม่ยอมให้จัดใช่มั้ยล่ะ พนันได้เลย” เบ็นหรี่ตามอง แล้วพูดอย่างรู้ทัน


“โธ่เบ็น ผมไม่อยากให้ทุกคนลำบากครับ” ธารบอกเหตุผลไปตามตรง


“ไม่ลำบากเลยพ่อหนุ่ม มันเป็นธรรมเนียมของที่นี่ แล้วฉันก็อยากจัดให้เธอด้วย บ้านเราไม่มีปาร์ตี้มานานมากแล้วนะ” เบ็นพูดพร้อมกับจ่ายตังค์ค่าปลาคอดให้คนขาย


“น้าเห็นด้วยกับเบ็นนะธาร ธารจะได้ชวนเพื่อนๆมาทานอะไรกันที่บ้านด้วย คุณก็ชวนเพื่อนมานะคะเบ็น ส่วนฉันจะจัดการเรื่องอาหารเอง”


“โอเคนะธาร ห้ามปฏิเสธเด็ดขาดเลยรู้มั้ย” เบ็นโอบเอวแพทแล้วหันมายิ้มให้กับเขา ทำให้ธารอดที่จะพยักหน้าตกลงไม่ได้







“ไทม์”


“ว่าไง”


“เบ็นกับแพทเขาจะจัดปาร์ตี้อ่ะ”


“ไป!”


“กูยังพูดไม่จบ”


“ก็รู้อยู่แล้วว่ามึงต้องชวนเลยตกลงเลยไง จะได้ไม่เสียเวลา แล้วตกลงปาร์ตี้อะไรอ่ะ” ไทม์พูดยาวเหยียดแล้วถามกลับอย่างสงสัย ขณะที่มือใหญ่ค่อยๆแกะเทปกาวบนกล่องกระดาษลังกล่องใหญ่อย่างเบามือ

เนื่องจากวันนี้บริษัทในบอสตันขนคันเบ็ดรุ่นใหม่เอี่ยมและอุปกรณ์ตกปลาล็อตใหม่มาส่งที่ร้านตั้งแต่เช้าตรู่ แจ็คเลยบอกให้พวกเขานั่งเช็คของอยู่หลังร้าน ส่วนตัวเขาเองจะนั่งเฝ้าเคาท์เตอร์หน้าร้านแทนให้ เนื่องจากวันนี้ลูกค้าบางตากว่าทุกวันเพราะสภาพอากาศไม่ค่อยดี เลยไม่มีอะไรต้องทำมากนัก


“เลี้ยงต้อนรับกู”


“โห เบ็นกับแพทรักมึงน่าดูเลย”


“เออ แต่เกรงใจว่ะ ไม่รู้จะปฏิเสธยังไงด้วย”


“เอาเหอะ เขาอยากทำให้ ก็ไม่ต้องไปปฏิเสธหรอก เดี๋ยวจะเสียน้ำใจ ทำตัวเป็นเด็กดีก็พอ”


“เด็กดีอะไร กู 21 แล้ว” ธารเถียง


“เฮ้ย แต่กู 20 เอง มึงแก่กว่ากูอีกหรอ” ไทม์ตาโต


“มึงเกิดช้าไง เรียกกูว่าพี่ด้วย”


“ไม่”


“เร็วๆ”


“อย่างมึงอ่ะ เหมาะเป็นน้องธารมากกว่า” ไทม์หัวเราะเสียงดัง จนธารต่อยแขนคนตรงหน้าแบบไม่ออมแรงด้วยความหมันไส้


“โอ้ย! กูเจ็บนะ” ไทม์พูดไปลูบแขนตัวเองไปด้วย แล้วทำหน้าเจ็บเสียเต็มประดา ช่างไม่เข้ากับตัวใหญ่ๆของเขาเอาซะเลย


“เฮ้พวก!” แจ็คเปิดประตูแล้วโผล่หน้าเข้ามา ทำให้เด็กหนุ่มสองคนที่กำลังแกล้งกันอยู่รีบกุลีกุจอทำงานต่ออย่างขะมักเขม้น เพราะกลัวโดนดุ


“ครับแจ็ค มีลูกค้าหรอครับ” ธารถามแล้วทำท่าจะลุกขึ้นไปรับลูกค้าหน้าร้าน


“โอ้เปล่าเลยพ่อหนุ่ม พอดีข้างนอกฝนตก ฉันเลยเข้ามาถามพวกเธอว่าจะให้ฉันสั่งอาหารกลางวันจากแอนแอนด์ฟรานซ์ให้เลยมั้ย ฟรานซ์จะให้คนมาส่งให้ที่นี่”


“อ่า งั้นคงต้องรบกวนด้วยนะครับ ไทม์ มึงเอาไร” ธารหันไปถามคนตัวใหญ่ที่นั่งเช็คของอยู่ที่พื้น


“ผมเอาสวีทโพเทโท้เบอร์เกอร์ แล้วกันครับ บอกฟรานซ์ขอบีนส์เยอะๆด้วยนะแจ็ค”


“ของผมเอาเอ่อ เหมือนไทม์ละกันครับ” ธารตอบ


“โอเคได้เลย” แจ็คพยักหน้าหงึกแล้วปิดประตูกลับเข้าไปในร้าน


“จะอร่อยป้ะวะ ไอ้เบอร์เกอร์ถั่วของมึงเนี่ย”


“อ้าว ไม่เคยกินแล้วไม่สั่งอย่างอื่นล่ะ” ไทม์ถาม


“ก็กูไม่ค่อยรู้เมนูอ่ะ”


“เออเนอะ แต่วางใจได้กินตามกูรับรอง อร่อยทุกอย่างแน่นอน ไว้วันหลังถ้ามึงคิดเมนูไม่ออก เดี๋ยวกูสั่งแทนให้ละกัน” ไทม์ยิ้มให้แล้วก้มหน้าทำงานต่อ





เด็กหนุ่มตัวสูงสองคนนั่งหันหลังชนกันอยู่ในห้องเก็บของแคบๆหลังร้าน ธารนั่งจดบาร์โค้ดของคันเบ็ดแต่ละอันลงบนสมุดเล่มใหญ่ที่มีไว้สำหรับเช็คสต็อคของในร้าน ส่วนไทม์นั่งเช็คความเรียบร้อยของคันเบ็ดและอุปกรณ์ต่างๆให้พร้อมที่จะตั้งขายบนเชลฟ์ในช่วงบ่าย พวกเขานั่งคุยกันไปเรื่อยเปื่อย จนเสียงท้องของธารร้องจ้อกดังแทรกขึ้นมาแข่งกับเสียงฝนที่ตกกระทบลงหลังคาด้านนอก บ่งบอกว่าตอนนี้เลยเวลาอาหารเที่ยงมาพอสมควรแล้ว


“หิวมากเลยหรอวะ” ไทม์ถามคนที่นั่งอยู่ข้างหลัง ทั้งขำทั้งสงสารเวลาเหลือบไปเห็นธารชะเง้อคอยืดคอยาวมองไปที่ประตูอยู่บ่อยๆ


“เออ ก็เมื่อเช้าที่กูไปตลาดมา พอกลับมาถึงบ้านมันก็จะเก้าโมงแล้วอ่ะ กูกลัวสายเลยไม่ได้กินอะไรมาเลย” ธารตอบ เสียงท้องร้องของเขายังคงดังอย่างต่อเนื่อง จนไทม์หลุดขำออกมาเป็นระยะ




ไม่นานนักประตูไม้สีขาวก็ถูกเปิดออกเผยให้เห็นหญิงสาวผมบลอนด์ หุ่นเซ็กซี่ที่พวกเขาคุ้นตา อย่าง เบลล่า เมดิสัน กลิ่นหอมฉุยของอาหารกลางวันในมือของเบลทำให้กระเพาะของธารยิ่งร้องประท้วงเข้าไปใหญ่ เด็กหนุ่มวางมือจากงานที่ทำอยู่แล้วเดินมารับของจากหญิงสาวที่ยืนอยู่ตรงประตูทันที


“สวัสดีครับเบล ขอบคุณมากนะครับที่เอาอาหารกลางวันมาให้” ธารยิ้มให้อย่างขอบคุณ


“เปลี่ยนคำขอบคุณเป็นดินเนอร์ซักมื้อได้หรือเปล่าจ๊ะธาร” มือขาวของเบลเอื้อมไปจับมือของธารเบาๆ แล้วยิ้มเขิน


“อ่ะแฮ่ม! ตอนนี้ผมเป็นหมาหัวเน่าแล้วใช่มั้ย เบล” ไทม์ลุกขึ้นมายืนข้างๆเพื่อนสนิท แล้วพูดด้วยน้ำเสียงตัดพ้อ พอมายืนใกล้กันแบบนี้ ทำให้เบลเห็นความแตกต่างในเรื่องของส่วนสูงและความหนาของเด็กหนุ่มทั้งสองคนได้ชัดเจนมากขึ้น และไม่ต้องพูดถึง ที่ส่วนสูงของเธอเองอยู่เพียงแค่ระดับอกของไทม์และธารเท่านั้น


“ใช่ที่ไหนกัน ฉันกำลังจะถามหาเธออยู่พอดีเลยหนุ่มน้อย” เบลล่าพูดเสียงหวานเจี๊ยบ ไทม์ได้ยินแล้วก็หัวเราะหึๆในลำคอ


“อ้อใช่ครับ พอดีที่บ้านผมจะมีจัดงานเลี้ยงเล็กๆ เบลสนใจมาแจมด้วยกันมั้ย” ธารชวนอย่างเป็นมิตร เพราะเขาก็เห็นว่าเบลล่าเป็นผู้หญิงที่น่ารักคนหนึ่ง ถึงแม้บางทีจะชอบแกล้งเขาและไทม์อยู่บ่อยๆด้วยนิสัยขี้เล่นของเธอก็ตาม


“จริงหรอจ๊ะธาร เอาสิ ถ้าเธอชวน ฉันก็จะไป วันไหนบอกมาได้เลยนะ ฉันจะได้เคลียร์คิวให้เธอเลย” เบลล่าพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น ระหว่างที่พวกเขายืนคุยกัน ก็มีผู้หญิงอีกคนโผล่หน้าเข้ามาตรงช่องประตูที่เปิดแง้มเอาไว้


“เอ่อ ขอโทษที” หญิงสาวผมดัดลอนสีน้ำตาลรับกับโครงหน้าตามแบบฉบับสาวตะวันตกเอ่ยขึ้นเบาๆ ตาสีฟ้าใสแจ๋วกวาดมองไปทั่วห้องจนไปสะดุดอยู่ที่เด็กหนุ่มตัวสูงใหญ่อย่างไทม์ เพียงเสี้ยววินาทีแล้วหลบตาอย่างรวดเร็ว ก่อนจะหันไปพูดกับเบลล่า “เบล เดี๋ยวไปรอที่รถนะ เร็วเข้าล่ะ ต้องเอารถไปคืนฟรานซ์อีก” พูดจบเธอก็มองหน้าไทม์อีกรอบแล้วหายไปหลังประตูทันที


“เพื่อนไม่สบายหรอเบล หน้าแดงๆ” ไทม์ถาม


“ไม่ใช่หรอกจ้ะ” เธอหัวเราะคิกคัก “โอลิเวีย รุ่นน้องที่ชมรมพึ่งกลับมาจากนิวยอร์ก ไทม์คงยังไม่เคยเห็นใช่มั้ยล่ะ”


“ครับ ไม่เคยเห็นเลย”


“ไว้วันหลังจะพามาแนะนำให้รู้จัก วันนี้อยู่คุยนานไม่ได้ต้องรีบกลับไปที่ร้าน เสียดายจัง ไว้เจอกันใหม่นะธารไทม์” เบลโบกมือให้เด็กหนุ่มทั้งสองคนแล้วเดินกลับเข้าไปในร้าน ทิ้งให้เขาและไทม์ยืนมองหน้ากันอย่างงงๆ




“กินไหนอ่ะ เบอร์เกอร์กูเหี่ยวหมดแล้วแน่เลย เบลชวนคุยซะนาน” ไทม์พูดขำๆ “หลังร้านป่ะ ฝนเริ่มเบาแล้ว เดี๋ยวก็คงหยุด”


“เออก็ได้ เดี๋ยวกูไปชวนแจ็คมานั่งด้วยละกัน”







“ที่นี่เป็นไงบ้างธาร ชอบมั้ย” แจ็คถามขึ้น ขณะที่เขายืนสูบบุหรี่พิงประตูไม้เก่าๆด้านหลังของร้านและยืนมองเด็กหนุ่มสองคนที่กำลังนั่งห้อยขาอยู่บนสะพานไม้เล็กๆสีขาว ที่ทอดจากตัวร้านไปยังแม่น้ำสายเล็กๆที่แยกออกมาจากมหาสมุทร ตรงปลายสะพานมีเรือลำเล็กผูกติดอยู่กับเสาไม้สีน้ำตาล ต้นหญ้าขึ้นสูงริมน้ำทำให้พื้นที่ตรงนั้นเป็นสีเขียวชะอุ่มตัดกับสีน้ำตาลเข้มของพื้นดินที่ชุ่มไปด้วยน้ำฝน


“ชอบมากครับ ชอบมากกว่าที่อื่นเลย” ธารตอบแบบไม่ต้องคิดนาน เด็กหนุ่มกัดเบอร์เกอร์ในมือไปเต็มคำ ปากก็เคี้ยวหยุบหยับทำให้แก้มขาวๆนั้นป่องซ้ายป่องขวา จนไทม์ที่นั่งกินอยู่ข้างๆหลุดหัวเราะออกมาอย่างเสียไม่ได้


“มึงเหมาะเป็นน้องธารจริงๆแหละธาร อ่ะกูให้จะได้โตไวๆ” ไทม์พูดแล้วแบ่งมันฝรั่งกับบีนส์ในเบอร์เกอร์ให้เพื่อน


“กูสูง 180 จะให้กูโตกว่านี้อีกหรอ”


“สูงให้เท่ากูดิ” ไทม์ยักคิ้วท้าทาย


แจ็ค รับเบิ้ล ยืนมองธารกับไทม์เถียงกันแล้วก็อดนึกถึงตัวเองตอนสมัยหนุ่มๆไม่ได้ เขาเป็นคนมีเพื่อนเยอะและเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับเพื่อนมาก คำว่าเพื่อนสำหรับเขาคือความรักที่ไม่ต้องการอะไรตอบแทน มีปัญหาก็ปรึกษากัน มีเรื่องเดือดร้อนก็ช่วยกัน มีอะไรไม่สบายใจก็ปรับทุกข์กัน แต่ในขณะเดียวกันต่างคนต่างก็มีโลกเป็นของตัวเอง เราต่างยินดีในความสุขของกันและกัน นั่นคือนิยามคำว่าเพื่อนในความคิดของเขา

และเขาก็คงจะดีใจถ้ารู้ว่า เอมม่าแจ็ค สปอร์ตฟิชชิ่ง จะเป็นสถานที่ที่สร้างมิตรภาพให้กับเด็กหนุ่มทั้งสองคน




“แจ็ค ขอบุหรี่ตัวนึงได้มั้ยครับ” ไทม์เดินมายืนอยู่ตรงหน้าเขาเมื่อไหร่ไม่รู้ เด็กหนุ่มตัวสูงรับบุหรี่ไปจากมือแจ็ค ใบหน้าคมสันตามแบบฉบับผู้ชายเอเชียรับกับริมฝีปากบางที่พ่นควันสีขาวลอยออกไปในอากาศชื้นๆ ทำให้ตอนนี้ ไทม์ดูเป็นเด็กหนุ่มเจ้าเสน่ห์ ผมสีดำสนิทปรกหน้าผากเล็กน้อยตามธรรมชาติเพราะเจ้าตัวคอยแต่จะเสยมันไปด้านหลังตามความเคยชิน


“ไง” แจ็คเอ่ยถาม


“ครับ?”


“ดีมั้ยไทม์ มีคนมาช่วยงานที่ร้าน”


“ครับ ร้านมีสีสันขึ้นเยอะเลย”


“หืม มีสีสันขึ้นยังไง” แจ็คทิ้งบุหรี่ในมือลงกระป๋องสังกะสีเก่าๆ แล้วหันมาฟังคำตอบของเด็กหนุ่มตรงหน้าอย่างสนใจ


“ไม่รู้สิ มีคนให้แหย่มั้ง”


“โอ้ยพ่อหนุ่ม ถ้างั้นเธอแหย่ฉันก็ได้” แจ็คพูดติดตลก จนไทม์หัวเราะตาม


“โธ่แจ็ค มันไม่เหมือนกัน”


“เฮ้ แล้วมันไม่เหมือนยังไง เพราะฉันแก่แล้วหรือ”



“ไม่ใช่หรอกครับ”


“...”


“คงเพราะว่านานๆทีจะเจอคนไทยด้วยกันด้วยมั้งครับ พอได้คุยเลยรู้สึกถูกชะตา” ไทม์พูดขณะที่สายตามองไปยังเด็กหนุ่มตัวผอมสูงที่ยังคงนั่งห้อยขาชมวิวอยู่บนสะพานไม้ ผมสีดำสนิทเหมือนกับเขาพริ้วไหวไปตามแรงลมเย็นๆ


“มิตรภาพมันเกิดขึ้นง่ายก็จริง แต่ที่ยากกว่านั้นคืออะไรรู้หรือเปล่า”


“...”


“คือการรักษามันให้อยู่กับเราไปนานๆยังไงล่ะ”


“...”


“ถ้าเจอแล้วก็รักษามันไว้ดีๆ รู้มั้ยพ่อหนุ่ม”

ไทม์พยักหน้าแล้วยิ้มให้กับแจ็คที่ส่งยิ้มกลับมาให้เขาเหมือนกัน








งานเลี้ยงปาร์ตี้ต้อนรับธารถูกจัดขึ้นในเย็นวันอาทิตย์ วันสุดท้ายของสัปดาห์ หลังจากที่ธารเลิกงาน เขาก็รีบออกมาจากที่นั่นทันทีพร้อมกับไทม์ แจ็คและเอมม่า ทันทีที่ก้าวเท้าเข้ามาใกล้ตัวบ้าน เสียงเพลง เทคมีโฮม คันทรี่โร๊ด ของ จอห์น เดนเวอร์ ก็ดังคลอกับสายลมเอื่อยๆ ตอนนี้สวนหลังบ้านของเขาถูกดัดแปลงเป็นลานเล็กๆ มีเตาย่างบาร์บีคิวของเบ็นที่จับฉลากได้เป็นของขวัญปีใหม่วางใกล้กับโต๊ะไม้สีน้ำตาลตัวยาว ที่ตั้งอยู่ใต้ต้นวอลนัทต้นสูง มีไฟดวงเล็กๆและลูกโป่งหลากสีถูกพาดไว้บนพุ่มไม้อย่างน่ารัก พร้อมกับกระดาษสีเหลืองอ๋อยที่ถูกตัดเป็นรูปสามเหลี่ยมร้อยติดกับเชือก และถูกเขียนไว้ว่า



You’re invited to a backyard party!
We love you, “ธารน้ำแข็ง”   
[/i]
 








“ทำอะไร” ธารเดินเข้ามาหาคนที่กำลังก้มๆเงยๆอยู่ที่โต๊ะเล็กข้างเตาบาร์บีคิวแล้วเอ่ยถาม


“ทำซอสบาร์บีคิว มึงไปนั่งที่โต๊ะไป ใกล้เตามันร้อน”


“แล้วพ่อกับแม่มึงจะมากี่โมง” ธารไม่ฟังที่อีกคนพูด แถมยังชะโงกหน้าไปมองซอสบาร์บีคิวในมือไทม์อย่างสนใจ


“เดี๋ยวก็มา” ไทม์ตอบ มือใหญ่หยิบออริกาโน่ โรสแมรี และน้ำผึ้งคนผสมให้เข้ากันอย่างคล่องแคล่ว จนธารอดทึ่งไม่ได้


“ไม่น่าเชื่อว่ามึงทำอาหารเป็น”


“กูไม่เคยทำให้ใครกินเลยนะเว้ยนอกจากพ่อกับแม่ เดี๋ยววันนี้กูให้มึงชิมฝีมือกูคนแรก” ไทม์ยักคิ้วแล้วยิ้ม


“แต่กูกลัวท้องเสีย”


“ดูถูก” เขาใช้มือข้างที่ไม่เปื้อนดีดหน้าผากคนตรงหน้าไปหนึ่งที ด้วยความหมันเขี้ยว


“น้องธาร มาช่วยน้ายกผลไม้หน่อยลูก” เสียงแพทดังมาจากในครัว ธารมองหน้าคนที่ทำร้ายร่างกายเขาอย่างคาดโทษ


“ฝากไว้ก่อน เดี๋ยวกูมา”


“ค่ะ เร็วๆนะคะน้องธาร” ไทม์เลียนเสียงแพท


“ไอ้ไทม์!”


พอได้แหย่ ไทม์ก็หัวเราะเสียงดัง







ตอนนี้แขกในงานมากันครบแล้ว ถึงแม้ว่าแพทจะให้สิทธิ์ธารในการชวนแขกมาที่งานเลี้ยง แต่ด้วยความที่เด็กหนุ่มเองไม่ค่อยได้รู้จักใครเท่าไรนักบวกกับนี่เป็นเพียงงานเลี้ยงเล็กๆ เขาไม่อยากให้มันใหญ่โตเอิกเกริก แค่นี้ก็เกรงใจเบ็นกับแพทจะแย่แล้ว ธารจึงตัดสินใจชวนเฉพาะคนสนิท ส่วนใหญ่ก็จะเป็นทั้งเพื่อนเขาและเพื่อนเบ็นที่รู้จักกันดีอยู่แล้ว



แจ็ค & เอมม่า รับเบิ้ล
พ่อแม่ของไทม์
เจค็อบ เกรย์ หนุ่มผมทองเพื่อนบ้านของไทม์
แอน & ฟรานซ์
เบลล่า เมดิสัน
[/i]




ยิ่งค่ำบรรยากาศยิ่งครึกครื้นไปด้วยเสียงหัวเราะ เสียงเพลงแนวคันทรี่จากวิทยุเครื่องเก่ายังดังอย่างต่อเนื่องสร้างบรรยากาศสบายๆในกับงาน เบ็น แจ็ค พ่อแม่ของไทม์ และฟรานซ์กำลังนั่งคุยกันอย่างออกรส โดยมี แพท เอมม่าและแอน คอยเสิร์ฟเมนูอาหารอย่างไม่ขาดสาย ส่วนโต๊ะไม้ยาวใต้ต้นวอลนัทถูกจับจองโดย เจค็อบ เบลล่า ไทม์ และเจ้าของงานอย่าง ธาร

อุณหภูมิในยามค่ำคืนของเวสต์ ยาร์เมาท์ลดต่ำลงฮวบฮาบจนน่าตกใจ ต่างจากตอนกลางวันที่จะมีแสงแดดคอยให้ความอบอุ่นอยู่เสมอ ธารและไทม์มีหน้าที่ช่วยกันย่างอาหารทะเลอยู่หน้าเตาบาร์บีคิว เบลล่าจะคอยรินเครื่องดื่มให้กับพวกเขา ส่วนเจค็อบจะคอยหาหัวข้อเรื่องตลกๆมาเล่า จนไทม์และธารขำกันท้องแข็ง

ตอนนี้เสียงพูดคุยเบาลง มีเพียงเสียงเพลง โฟโต้กราฟ ของ เอ็ด ชีแรน ดังคลอไปตามสายลม ธารหันไปมองฝั่งตรงข้ามเห็นเจค็อบกำลังเล่าชีวิตวัยมหาลัยให้เบลฟังอย่างออกรส เขาเลยหันกลับมามองคนข้างๆที่เงียบไปได้พักใหญ่แทน


“เป็นอะไร หนาวหรอ”


“ไม่หนาว”


“แต่หน้ามึงแดงหมดแล้วเนี่ย”


“กินเบียร์ เลือดสูบฉีดต่างหาก” ไทม์ก้มหน้าลงมาตอบเสียงเบาแล้วยิ้มน้อยๆ

ธารกระพริบตาสองสามทีก่อนจะใช้มือดันหน้าเพื่อนตัวโตให้ห่างออกไปแล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่ พลางคิดในใจว่าถ้าเขาเป็นผู้หญิง เขาคงจะหลงเสน่ห์มันไปแล้วแน่ๆ กินเบียร์แล้วยิ้มหวาน ตาเยิ้มขนาดนี้







ธารมองเค้กปอนด์ใหญ่ที่อยู่ตรงหน้า หน้าเค้กถูกตกแต่งด้วยแยมสีฟ้าลงในส่วนที่เป็นมหาสมุทรแอตแลนติก มีเด็กผู้ชายยืนยิ้มอยู่บนเรือลำเล็ก มือถือคันเบ็ดตกปลาที่ปั้นจากน้ำตาล เทียนที่จุดแล้วหนึ่งเล่มถูกปักอยู่กลางเค้ก แสงสว่างจากเทียนส่องให้เห็นหน้าของเด็กหนุ่มที่กำลังยิ้มกว้างให้กับทุกๆคนที่ยืนล้อมเขาเอาไว้


“ยินดีต้อนรับสู่เวสต์ ยาร์เมาท์นะธาร”


“ยินดีต้อนรับสู่บ้านของเรานะธาร น้าดีใจที่ธารมาอยู่ด้วยกัน”


“ยินดีต้อนรับนะคะน้องธาร แม่กับพ่อดีใจที่ไทม์มีเพื่อนน่ารักๆแบบน้องธารนะลูก”


“ยินดีต้อนรับสู่เวสต์ ยาร์เมาท์นะพ่อหนุ่ม”


“ยินดีต้อนรับจ้ะธาร”



เสียงพูดยินดีต้อนรับของทุกคนพร้อมกับรอยยิ้มจริงใจ
จนธารสาบานกับตัวเองไว้ว่าเขาจะจำภาพวันนี้ไว้ตลอดไป


และคนสุดท้าย คนที่เป็นเพื่อนคนแรกของเขาที่นี่...



ธาร” ไทม์เดินมายืนอยู่ตรงหน้า


“อืม”


ยินดีต้อนรับสู่เวสต์ ยาร์เมาท์เหมือนกันนะ” เด็กหนุ่มสองคนยิ้มให้กัน กลิ่นความสุขจากการได้รับความรักจากครอบครัว ได้รับมิตรภาพดีๆจากเพื่อนลอยฟุ้งปนกับกลิ่นเค็มของทะเลและกลิ่นหอมของต้นสน



และสาบานกับตัวเองไว้ว่าจะไม่มีวันลืมมันอย่างแน่นอน…





แชะ!

We keep this love in a photograph
We made these memories for ourselves
Where our eyes are never closing
Hearts are never broken
And time’s forever frozen still

เราเก็บรักนี้เอาไว้ในรูปภาพ
เราสร้างความทรงจำนี้ไว้เพื่อตัวเราเอง
ที่ที่ดวงตาของเราไม่มีวันหลับ
หัวใจไม่มีทางแหลกสลาย
และเวลาหยุดนิ่งไปตลอดกาล














เพลงที่เปิดในงานเลี้ยงนะคะ
1. Take me home https://www.youtube.com/watch?v=1vrEljMfXYo
2. Photograph https://www.youtube.com/watch?v=8B2dhA6_LEw

อ้างอิง ความหมายของเพื่อน http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=sananda&month=08-02-2006&group=1&gblog=261



TALK : ตอนที่สี่มาแล้วค่ะ อ่านจบตอนนี้แล้วเหมือนอ่านตอนจบเลยเนอะ5555
แต่ยังไม่จบนะคะ ไทม์กับธารยังมีเรื่องต้องทำด้วยกันอีกเยอะเลย
อย่างที่บอกว่าการที่เราได้รู้จักใครซักคน ไม่เราสอนเค้าเค้าก็จะสอนเรา
ให้เขาอยู่สอนกันไปเรื่อยๆเนอะ

ขอบคุณทุกคนที่ลองเข้ามาอ่าน ขอบคุณทุกคนที่ชอบแล้วคอยติดตามนิยายเรื่องนี้นะคะ
ถ้าผิดพลาดประการใด ต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยค่ะ
ติดตามรูปสถานที่ของเวสต์ ยาร์เมาท์ ได้ในแท็ก #ยาร์เมาท์บอย ทางทวิตเตอร์ได้เลยนะคะ

ขอบคุณค่ะ (grizzlyellow)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-09-2017 18:57:55 โดย grizzlyellow »

ออฟไลน์ P_Methayot

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 108
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +92/-0
เย้ๆ  :sad4: :sad4: มาแล้ว แปะไว้ก่อนเดี๋ยวดึกๆ มาอ่านนะครับ

ปล.อยากให้คนเข้ามาอ่านเยอะๆ จัง ต้องทำไงดี อยากให้คนเขียนเขียนยาวๆ ไม่อยากให้รีบจบเลย เราชอบเรื่องนี้มาก และเชื่อว่าคนที่ได้ลองเข้ามาอ่านต้องชอบเช่นกัน

ลองเปลี่ยนชื่อเรื่องให้ดูน่าสนใจมั้ยครับ^^

ออฟไลน์ greenoak004

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 27
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
อบอุ่นหัวใจ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Tales from West Yarmouth (#ยาร์เมาท์บอย) - FOURTH CHAPTER
« ตอบ #9 เมื่อ: 04-10-2017 08:15:23 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ P_Methayot

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 108
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +92/-0
รออยู่น๊า :really2:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด