FOURTH CHAPTER ถ้าคุณเป็นพลเมืองในเวสต์ ยาร์เมาท์… คุณคงจะรู้จัก
ยาร์เมาท์ มาร์เก็ต เป็นอย่างดี มาร์เก็ตขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ ตั้งอยู่บน
ลูอิส โรด ห่างจากเวสต์ ยาร์เมาท์เพียงแค่หนึ่งจุดห้าไมล์เท่านั้น
และถ้าจะบอกว่า
ยาร์เมาท์ มาร์เก็ต เป็นหนึ่งในสถานที่ยอดนิยมของชาวเมืองเวสต์ ยาร์เมาท์เลยก็คงจะไม่ผิดนัก เพราะมีอาหารทะเลสดใหม่วางเรียงรายอยู่บนแผงน้ำแข็งเป็นแนวยาวให้เลือกสรรได้ตามใจชอบ ยกตัวอย่างเช่น
เรนโบว์เทราต์ คอด ซีบาส และ
สแนปเปอร์ฟิช หรือจะเป็นล็อบสเตอร์และ
ดันจีเนส แคร็บ ปูขนาดใหญ่ ที่มีรสชาติหวานอร่อย จนถูกปากใครหลายๆคน และถึงแม้ว่าช่วงก่อนหน้านี้จะมีรายงานจากสำนักข่าว
ซีบีเอส ซานฟรานซิสโก เกี่ยวกับปริมาณกรดโดโมอิคระดับสูงในตัวปูก็ตาม แต่ดันจีเนส แคร็บก็ยังติดอันดับปูที่ได้รับความนิยมสูงสุดในช่วงฤดูนี้ จนชาวประมงต้องขนปูลงเรือจาก
แปซิฟิค นอร์ทเวสต์ แคลิฟอร์เนีย มายัง
กรีน ฮาร์เบอร์ เวสต์ ยาร์เมาท์ และแจกจ่ายไปยังตลาดใหญ่ๆของเมืองในฝั่งทิศตะวันออกเฉียงใต้ของรัฐแมสซาชูเซตส์ ตามความต้องการที่สูงลิ่วของผู้บริโภค
นอกเหนือจากอาหารทะเลแล้ว ด้านหลังของมาร์เก็ตยังเป็นโซนขายผลไม้รสเปรี้ยว จำพวก องุ่น ส้ม และตระกูลเบอร์รี่อย่างแบล็คและราสเบอร์รี่ ส่วนด้านข้างจะเป็นลานจอดรถขนาดกลางสำหรับคนที่มาจับจ่ายซื้อของ และก็ยังมีที่สำหรับจอดรถกระบะสีถลอกของชาวประมงที่จะขนอาหารทะเลจากยาร์เมาท์ไปส่งยังเมืองอื่นๆในรัฐด้วย
ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เด็กหนุ่มมีโอกาสมาที่นี่ตามคำชักชวนของแพทและเบ็น ที่อยากจะพาเขามาเปิดหูเปิดตาก่อนจะเริ่มงานที่ร้านของแจ็คเป็นอาทิตย์ที่สองในวันนี้ ทันทีที่มาถึง ภาพที่เด็กหนุ่มเห็นทำให้เขาประหลาดใจเล็กน้อย เนื่องจากยาร์เมาท์มาร์เก็ตไม่ได้อยู่ในตัวอาคารเหมือนอย่างซุปเปอร์มาร์เก็ตทั่วไป เป็นเพียงลานโล่งๆ และมีร้านรวงต่างๆตั้งขนาบข้างของทางเดินเพียงเท่านั้น และถือว่าโชคดีที่วันนี้อากาศไม่ร้อน เนื่องจากท้องฟ้าครึ้มไปด้วยเมฆฝน บดบังแสงแดดจ้าที่ปกติจะแผดเผาเวสต์ ยาร์เมาท์ เป็นประจำเช่นทุกวันที่ผ่านมา
ตลอดเวลาที่เดินซื้อของ ธารอดทึ่งไม่ได้ว่าเบ็นเป็นคนที่เชี่ยวชาญในการเลือกอาหารทะเลเป็นอย่างมาก แบบไหนสดที่สุด เนื้อเยอะที่สุด เขาจะรู้ได้ทันทีสมกับเป็น
ยาร์เมาท์แองเกลอร์รุ่นใหญ่ของเมือง พวกเขาเดินไปตามโซนต่างๆจนเกือบครบ แพทซื้อแบล็คเบอร์รี่มาตุนไว้สำหรับอาหารเช้าอย่างคอนเฟล็คนมใส่เมล็ดธัญพืชและผลไม้แบบที่เธอชอบทาน ธารมีหน้าที่ช่วยถือของเพียงเท่านั้นเพราะเขาเองไม่ถนัดเลือกอะไรซักเท่าไหร่นัก
“ที่รัก พูดถึงเรายังไม่ได้จัดงานเลี้ยงต้อนรับธารเลยนะ” เบ็นพูดอย่างนึกขึ้นได้ ขณะที่กำลังเลือกปลาคอดบนแผงน้ำแข็งด้วยความชำนาญ เขาตั้งใจว่าจะให้แพททำเป็นมื้อเย็นของวันนี้
“จริงด้วยสิคะ ฉันลืมไปเลย” แพททำหน้าตกใจ แล้วหันไปถามความเห็นจากเด็กหนุ่มตัวสูงที่เดินหัวยุ่ง อ้าปากหาววอดๆอยู่ข้างหลัง
“ดีมั้ยธาร อาทิตย์ที่ผ่านมามัวแต่ยุ่งๆ ตอนนี้อะไรก็เข้าที่เข้าทางหมดแล้ว น้ากับเบ็นจะจัดงานเลี้ยงต้อนรับธารดีมั้ยลูก”
“อย่าลำบากเลยครับน้าแพท ผมไม่อยากให้ยุ่งยากกัน” ธารปฏิเสธอย่างเกรงใจ
“เกรงใจอะไรกันธาร คนกันเองทั้งนั้นเลย” แพทเอื้อมมือขึ้นไปลูบหัวเด็กหนุ่มเบาๆอย่างเอ็นดู
“ครับ แต่ธารก็ยังเกรงใจอยู่ดี”
“คุยอะไรกันให้ผมรู้ด้วยคนซี่” เบ็นยื่นหน้าเข้ามาแทรกกลางระหว่างธารกับแพทที่กำลังพูดภาษาไทยใส่กันอย่างลืมตัว “แต่ถ้าให้เดา ธารคงไม่ยอมให้จัดใช่มั้ยล่ะ พนันได้เลย” เบ็นหรี่ตามอง แล้วพูดอย่างรู้ทัน
“โธ่เบ็น ผมไม่อยากให้ทุกคนลำบากครับ” ธารบอกเหตุผลไปตามตรง
“ไม่ลำบากเลยพ่อหนุ่ม มันเป็นธรรมเนียมของที่นี่ แล้วฉันก็อยากจัดให้เธอด้วย บ้านเราไม่มีปาร์ตี้มานานมากแล้วนะ” เบ็นพูดพร้อมกับจ่ายตังค์ค่าปลาคอดให้คนขาย
“น้าเห็นด้วยกับเบ็นนะธาร ธารจะได้ชวนเพื่อนๆมาทานอะไรกันที่บ้านด้วย คุณก็ชวนเพื่อนมานะคะเบ็น ส่วนฉันจะจัดการเรื่องอาหารเอง”
“โอเคนะธาร ห้ามปฏิเสธเด็ดขาดเลยรู้มั้ย” เบ็นโอบเอวแพทแล้วหันมายิ้มให้กับเขา ทำให้ธารอดที่จะพยักหน้าตกลงไม่ได้
“ไทม์”
“ว่าไง”
“เบ็นกับแพทเขาจะจัดปาร์ตี้อ่ะ”
“ไป!”
“กูยังพูดไม่จบ”
“ก็รู้อยู่แล้วว่ามึงต้องชวนเลยตกลงเลยไง จะได้ไม่เสียเวลา แล้วตกลงปาร์ตี้อะไรอ่ะ” ไทม์พูดยาวเหยียดแล้วถามกลับอย่างสงสัย ขณะที่มือใหญ่ค่อยๆแกะเทปกาวบนกล่องกระดาษลังกล่องใหญ่อย่างเบามือ
เนื่องจากวันนี้บริษัทในบอสตันขนคันเบ็ดรุ่นใหม่เอี่ยมและอุปกรณ์ตกปลาล็อตใหม่มาส่งที่ร้านตั้งแต่เช้าตรู่ แจ็คเลยบอกให้พวกเขานั่งเช็คของอยู่หลังร้าน ส่วนตัวเขาเองจะนั่งเฝ้าเคาท์เตอร์หน้าร้านแทนให้ เนื่องจากวันนี้ลูกค้าบางตากว่าทุกวันเพราะสภาพอากาศไม่ค่อยดี เลยไม่มีอะไรต้องทำมากนัก
“เลี้ยงต้อนรับกู”
“โห เบ็นกับแพทรักมึงน่าดูเลย”
“เออ แต่เกรงใจว่ะ ไม่รู้จะปฏิเสธยังไงด้วย”
“เอาเหอะ เขาอยากทำให้ ก็ไม่ต้องไปปฏิเสธหรอก เดี๋ยวจะเสียน้ำใจ ทำตัวเป็นเด็กดีก็พอ”
“เด็กดีอะไร กู 21 แล้ว” ธารเถียง
“เฮ้ย แต่กู 20 เอง มึงแก่กว่ากูอีกหรอ” ไทม์ตาโต
“มึงเกิดช้าไง เรียกกูว่าพี่ด้วย”
“ไม่”
“เร็วๆ”
“อย่างมึงอ่ะ เหมาะเป็นน้องธารมากกว่า” ไทม์หัวเราะเสียงดัง จนธารต่อยแขนคนตรงหน้าแบบไม่ออมแรงด้วยความหมันไส้
“โอ้ย! กูเจ็บนะ” ไทม์พูดไปลูบแขนตัวเองไปด้วย แล้วทำหน้าเจ็บเสียเต็มประดา ช่างไม่เข้ากับตัวใหญ่ๆของเขาเอาซะเลย
“เฮ้พวก!” แจ็คเปิดประตูแล้วโผล่หน้าเข้ามา ทำให้เด็กหนุ่มสองคนที่กำลังแกล้งกันอยู่รีบกุลีกุจอทำงานต่ออย่างขะมักเขม้น เพราะกลัวโดนดุ
“ครับแจ็ค มีลูกค้าหรอครับ” ธารถามแล้วทำท่าจะลุกขึ้นไปรับลูกค้าหน้าร้าน
“โอ้เปล่าเลยพ่อหนุ่ม พอดีข้างนอกฝนตก ฉันเลยเข้ามาถามพวกเธอว่าจะให้ฉันสั่งอาหารกลางวันจากแอนแอนด์ฟรานซ์ให้เลยมั้ย ฟรานซ์จะให้คนมาส่งให้ที่นี่”
“อ่า งั้นคงต้องรบกวนด้วยนะครับ ไทม์ มึงเอาไร” ธารหันไปถามคนตัวใหญ่ที่นั่งเช็คของอยู่ที่พื้น
“ผมเอา
สวีทโพเทโท้เบอร์เกอร์ แล้วกันครับ บอกฟรานซ์ขอ
บีนส์เยอะๆด้วยนะแจ็ค”
“ของผมเอาเอ่อ เหมือนไทม์ละกันครับ” ธารตอบ
“โอเคได้เลย” แจ็คพยักหน้าหงึกแล้วปิดประตูกลับเข้าไปในร้าน
“จะอร่อยป้ะวะ ไอ้เบอร์เกอร์ถั่วของมึงเนี่ย”
“อ้าว ไม่เคยกินแล้วไม่สั่งอย่างอื่นล่ะ” ไทม์ถาม
“ก็กูไม่ค่อยรู้เมนูอ่ะ”
“เออเนอะ แต่วางใจได้กินตามกูรับรอง อร่อยทุกอย่างแน่นอน ไว้วันหลังถ้ามึงคิดเมนูไม่ออก เดี๋ยวกูสั่งแทนให้ละกัน” ไทม์ยิ้มให้แล้วก้มหน้าทำงานต่อ
เด็กหนุ่มตัวสูงสองคนนั่งหันหลังชนกันอยู่ในห้องเก็บของแคบๆหลังร้าน ธารนั่งจดบาร์โค้ดของคันเบ็ดแต่ละอันลงบนสมุดเล่มใหญ่ที่มีไว้สำหรับเช็คสต็อคของในร้าน ส่วนไทม์นั่งเช็คความเรียบร้อยของคันเบ็ดและอุปกรณ์ต่างๆให้พร้อมที่จะตั้งขายบนเชลฟ์ในช่วงบ่าย พวกเขานั่งคุยกันไปเรื่อยเปื่อย จนเสียงท้องของธารร้องจ้อกดังแทรกขึ้นมาแข่งกับเสียงฝนที่ตกกระทบลงหลังคาด้านนอก บ่งบอกว่าตอนนี้เลยเวลาอาหารเที่ยงมาพอสมควรแล้ว
“หิวมากเลยหรอวะ” ไทม์ถามคนที่นั่งอยู่ข้างหลัง ทั้งขำทั้งสงสารเวลาเหลือบไปเห็นธารชะเง้อคอยืดคอยาวมองไปที่ประตูอยู่บ่อยๆ
“เออ ก็เมื่อเช้าที่กูไปตลาดมา พอกลับมาถึงบ้านมันก็จะเก้าโมงแล้วอ่ะ กูกลัวสายเลยไม่ได้กินอะไรมาเลย” ธารตอบ เสียงท้องร้องของเขายังคงดังอย่างต่อเนื่อง จนไทม์หลุดขำออกมาเป็นระยะ
ไม่นานนักประตูไม้สีขาวก็ถูกเปิดออกเผยให้เห็นหญิงสาวผมบลอนด์ หุ่นเซ็กซี่ที่พวกเขาคุ้นตา อย่าง
เบลล่า เมดิสัน กลิ่นหอมฉุยของอาหารกลางวันในมือของเบลทำให้กระเพาะของธารยิ่งร้องประท้วงเข้าไปใหญ่ เด็กหนุ่มวางมือจากงานที่ทำอยู่แล้วเดินมารับของจากหญิงสาวที่ยืนอยู่ตรงประตูทันที
“สวัสดีครับเบล ขอบคุณมากนะครับที่เอาอาหารกลางวันมาให้” ธารยิ้มให้อย่างขอบคุณ
“เปลี่ยนคำขอบคุณเป็นดินเนอร์ซักมื้อได้หรือเปล่าจ๊ะธาร” มือขาวของเบลเอื้อมไปจับมือของธารเบาๆ แล้วยิ้มเขิน
“อ่ะแฮ่ม! ตอนนี้ผมเป็นหมาหัวเน่าแล้วใช่มั้ย เบล” ไทม์ลุกขึ้นมายืนข้างๆเพื่อนสนิท แล้วพูดด้วยน้ำเสียงตัดพ้อ พอมายืนใกล้กันแบบนี้ ทำให้เบลเห็นความแตกต่างในเรื่องของส่วนสูงและความหนาของเด็กหนุ่มทั้งสองคนได้ชัดเจนมากขึ้น และไม่ต้องพูดถึง ที่ส่วนสูงของเธอเองอยู่เพียงแค่ระดับอกของไทม์และธารเท่านั้น
“ใช่ที่ไหนกัน ฉันกำลังจะถามหาเธออยู่พอดีเลยหนุ่มน้อย” เบลล่าพูดเสียงหวานเจี๊ยบ ไทม์ได้ยินแล้วก็หัวเราะหึๆในลำคอ
“อ้อใช่ครับ พอดีที่บ้านผมจะมีจัดงานเลี้ยงเล็กๆ เบลสนใจมาแจมด้วยกันมั้ย” ธารชวนอย่างเป็นมิตร เพราะเขาก็เห็นว่าเบลล่าเป็นผู้หญิงที่น่ารักคนหนึ่ง ถึงแม้บางทีจะชอบแกล้งเขาและไทม์อยู่บ่อยๆด้วยนิสัยขี้เล่นของเธอก็ตาม
“จริงหรอจ๊ะธาร เอาสิ ถ้าเธอชวน ฉันก็จะไป วันไหนบอกมาได้เลยนะ ฉันจะได้เคลียร์คิวให้เธอเลย” เบลล่าพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น ระหว่างที่พวกเขายืนคุยกัน ก็มีผู้หญิงอีกคนโผล่หน้าเข้ามาตรงช่องประตูที่เปิดแง้มเอาไว้
“เอ่อ ขอโทษที” หญิงสาวผมดัดลอนสีน้ำตาลรับกับโครงหน้าตามแบบฉบับสาวตะวันตกเอ่ยขึ้นเบาๆ ตาสีฟ้าใสแจ๋วกวาดมองไปทั่วห้องจนไปสะดุดอยู่ที่เด็กหนุ่มตัวสูงใหญ่อย่างไทม์ เพียงเสี้ยววินาทีแล้วหลบตาอย่างรวดเร็ว ก่อนจะหันไปพูดกับเบลล่า “เบล เดี๋ยวไปรอที่รถนะ เร็วเข้าล่ะ ต้องเอารถไปคืนฟรานซ์อีก” พูดจบเธอก็มองหน้าไทม์อีกรอบแล้วหายไปหลังประตูทันที
“เพื่อนไม่สบายหรอเบล หน้าแดงๆ” ไทม์ถาม
“ไม่ใช่หรอกจ้ะ” เธอหัวเราะคิกคัก “
โอลิเวีย รุ่นน้องที่ชมรมพึ่งกลับมาจากนิวยอร์ก ไทม์คงยังไม่เคยเห็นใช่มั้ยล่ะ”
“ครับ ไม่เคยเห็นเลย”
“ไว้วันหลังจะพามาแนะนำให้รู้จัก วันนี้อยู่คุยนานไม่ได้ต้องรีบกลับไปที่ร้าน เสียดายจัง ไว้เจอกันใหม่นะธารไทม์” เบลโบกมือให้เด็กหนุ่มทั้งสองคนแล้วเดินกลับเข้าไปในร้าน ทิ้งให้เขาและไทม์ยืนมองหน้ากันอย่างงงๆ
“กินไหนอ่ะ เบอร์เกอร์กูเหี่ยวหมดแล้วแน่เลย เบลชวนคุยซะนาน” ไทม์พูดขำๆ “หลังร้านป่ะ ฝนเริ่มเบาแล้ว เดี๋ยวก็คงหยุด”
“เออก็ได้ เดี๋ยวกูไปชวนแจ็คมานั่งด้วยละกัน”
“ที่นี่เป็นไงบ้างธาร ชอบมั้ย” แจ็คถามขึ้น ขณะที่เขายืนสูบบุหรี่พิงประตูไม้เก่าๆด้านหลังของร้านและยืนมองเด็กหนุ่มสองคนที่กำลังนั่งห้อยขาอยู่บนสะพานไม้เล็กๆสีขาว ที่ทอดจากตัวร้านไปยังแม่น้ำสายเล็กๆที่แยกออกมาจากมหาสมุทร ตรงปลายสะพานมีเรือลำเล็กผูกติดอยู่กับเสาไม้สีน้ำตาล ต้นหญ้าขึ้นสูงริมน้ำทำให้พื้นที่ตรงนั้นเป็นสีเขียวชะอุ่มตัดกับสีน้ำตาลเข้มของพื้นดินที่ชุ่มไปด้วยน้ำฝน
“ชอบมากครับ ชอบมากกว่าที่อื่นเลย” ธารตอบแบบไม่ต้องคิดนาน เด็กหนุ่มกัดเบอร์เกอร์ในมือไปเต็มคำ ปากก็เคี้ยวหยุบหยับทำให้แก้มขาวๆนั้นป่องซ้ายป่องขวา จนไทม์ที่นั่งกินอยู่ข้างๆหลุดหัวเราะออกมาอย่างเสียไม่ได้
“มึงเหมาะเป็นน้องธารจริงๆแหละธาร อ่ะกูให้จะได้โตไวๆ” ไทม์พูดแล้วแบ่งมันฝรั่งกับบีนส์ในเบอร์เกอร์ให้เพื่อน
“กูสูง 180 จะให้กูโตกว่านี้อีกหรอ”
“สูงให้เท่ากูดิ” ไทม์ยักคิ้วท้าทาย
แจ็ค รับเบิ้ล ยืนมองธารกับไทม์เถียงกันแล้วก็อดนึกถึงตัวเองตอนสมัยหนุ่มๆไม่ได้ เขาเป็นคนมีเพื่อนเยอะและเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับเพื่อนมาก คำว่าเพื่อนสำหรับเขาคือความรักที่ไม่ต้องการอะไรตอบแทน มีปัญหาก็ปรึกษากัน มีเรื่องเดือดร้อนก็ช่วยกัน มีอะไรไม่สบายใจก็ปรับทุกข์กัน แต่ในขณะเดียวกันต่างคนต่างก็มีโลกเป็นของตัวเอง เราต่างยินดีในความสุขของกันและกัน นั่นคือนิยามคำว่าเพื่อนในความคิดของเขา
และเขาก็คงจะดีใจถ้ารู้ว่า
เอมม่าแจ็ค สปอร์ตฟิชชิ่ง จะเป็นสถานที่ที่สร้างมิตรภาพให้กับเด็กหนุ่มทั้งสองคน
“แจ็ค ขอบุหรี่ตัวนึงได้มั้ยครับ” ไทม์เดินมายืนอยู่ตรงหน้าเขาเมื่อไหร่ไม่รู้ เด็กหนุ่มตัวสูงรับบุหรี่ไปจากมือแจ็ค ใบหน้าคมสันตามแบบฉบับผู้ชายเอเชียรับกับริมฝีปากบางที่พ่นควันสีขาวลอยออกไปในอากาศชื้นๆ ทำให้ตอนนี้ ไทม์ดูเป็นเด็กหนุ่มเจ้าเสน่ห์ ผมสีดำสนิทปรกหน้าผากเล็กน้อยตามธรรมชาติเพราะเจ้าตัวคอยแต่จะเสยมันไปด้านหลังตามความเคยชิน
“ไง” แจ็คเอ่ยถาม
“ครับ?”
“ดีมั้ยไทม์ มีคนมาช่วยงานที่ร้าน”
“ครับ ร้านมีสีสันขึ้นเยอะเลย”
“หืม มีสีสันขึ้นยังไง” แจ็คทิ้งบุหรี่ในมือลงกระป๋องสังกะสีเก่าๆ แล้วหันมาฟังคำตอบของเด็กหนุ่มตรงหน้าอย่างสนใจ
“ไม่รู้สิ มีคนให้แหย่มั้ง”
“โอ้ยพ่อหนุ่ม ถ้างั้นเธอแหย่ฉันก็ได้” แจ็คพูดติดตลก จนไทม์หัวเราะตาม
“โธ่แจ็ค มันไม่เหมือนกัน”
“เฮ้ แล้วมันไม่เหมือนยังไง เพราะฉันแก่แล้วหรือ”
“ไม่ใช่หรอกครับ”
“...”
“คงเพราะว่านานๆทีจะเจอคนไทยด้วยกันด้วยมั้งครับ พอได้คุยเลยรู้สึกถูกชะตา” ไทม์พูดขณะที่สายตามองไปยังเด็กหนุ่มตัวผอมสูงที่ยังคงนั่งห้อยขาชมวิวอยู่บนสะพานไม้ ผมสีดำสนิทเหมือนกับเขาพริ้วไหวไปตามแรงลมเย็นๆ
“มิตรภาพมันเกิดขึ้นง่ายก็จริง แต่ที่ยากกว่านั้นคืออะไรรู้หรือเปล่า”
“...”
“คือการรักษามันให้อยู่กับเราไปนานๆยังไงล่ะ”
“...”
“ถ้าเจอแล้วก็รักษามันไว้ดีๆ รู้มั้ยพ่อหนุ่ม”
ไทม์พยักหน้าแล้วยิ้มให้กับแจ็คที่ส่งยิ้มกลับมาให้เขาเหมือนกัน
งานเลี้ยงปาร์ตี้ต้อนรับธารถูกจัดขึ้นในเย็นวันอาทิตย์ วันสุดท้ายของสัปดาห์ หลังจากที่ธารเลิกงาน เขาก็รีบออกมาจากที่นั่นทันทีพร้อมกับไทม์ แจ็คและเอมม่า ทันทีที่ก้าวเท้าเข้ามาใกล้ตัวบ้าน เสียงเพลง
เทคมีโฮม คันทรี่โร๊ด ของ
จอห์น เดนเวอร์ ก็ดังคลอกับสายลมเอื่อยๆ ตอนนี้สวนหลังบ้านของเขาถูกดัดแปลงเป็นลานเล็กๆ มีเตาย่างบาร์บีคิวของเบ็นที่จับฉลากได้เป็นของขวัญปีใหม่วางใกล้กับโต๊ะไม้สีน้ำตาลตัวยาว ที่ตั้งอยู่ใต้ต้นวอลนัทต้นสูง มีไฟดวงเล็กๆและลูกโป่งหลากสีถูกพาดไว้บนพุ่มไม้อย่างน่ารัก พร้อมกับกระดาษสีเหลืองอ๋อยที่ถูกตัดเป็นรูปสามเหลี่ยมร้อยติดกับเชือก และถูกเขียนไว้ว่า
You’re invited to a backyard party!
We love you, “ธารน้ำแข็ง”
[/i]
“ทำอะไร” ธารเดินเข้ามาหาคนที่กำลังก้มๆเงยๆอยู่ที่โต๊ะเล็กข้างเตาบาร์บีคิวแล้วเอ่ยถาม
“ทำซอสบาร์บีคิว มึงไปนั่งที่โต๊ะไป ใกล้เตามันร้อน”
“แล้วพ่อกับแม่มึงจะมากี่โมง” ธารไม่ฟังที่อีกคนพูด แถมยังชะโงกหน้าไปมองซอสบาร์บีคิวในมือไทม์อย่างสนใจ
“เดี๋ยวก็มา” ไทม์ตอบ มือใหญ่หยิบออริกาโน่ โรสแมรี และน้ำผึ้งคนผสมให้เข้ากันอย่างคล่องแคล่ว จนธารอดทึ่งไม่ได้
“ไม่น่าเชื่อว่ามึงทำอาหารเป็น”
“กูไม่เคยทำให้ใครกินเลยนะเว้ยนอกจากพ่อกับแม่ เดี๋ยววันนี้กูให้มึงชิมฝีมือกูคนแรก” ไทม์ยักคิ้วแล้วยิ้ม
“แต่กูกลัวท้องเสีย”
“ดูถูก” เขาใช้มือข้างที่ไม่เปื้อนดีดหน้าผากคนตรงหน้าไปหนึ่งที ด้วยความหมันเขี้ยว
“น้องธาร มาช่วยน้ายกผลไม้หน่อยลูก” เสียงแพทดังมาจากในครัว ธารมองหน้าคนที่ทำร้ายร่างกายเขาอย่างคาดโทษ
“ฝากไว้ก่อน เดี๋ยวกูมา”
“ค่ะ เร็วๆนะคะน้องธาร” ไทม์เลียนเสียงแพท
“ไอ้ไทม์!”
พอได้แหย่ ไทม์ก็หัวเราะเสียงดัง
ตอนนี้แขกในงานมากันครบแล้ว ถึงแม้ว่าแพทจะให้สิทธิ์ธารในการชวนแขกมาที่งานเลี้ยง แต่ด้วยความที่เด็กหนุ่มเองไม่ค่อยได้รู้จักใครเท่าไรนักบวกกับนี่เป็นเพียงงานเลี้ยงเล็กๆ เขาไม่อยากให้มันใหญ่โตเอิกเกริก แค่นี้ก็เกรงใจเบ็นกับแพทจะแย่แล้ว ธารจึงตัดสินใจชวนเฉพาะคนสนิท ส่วนใหญ่ก็จะเป็นทั้งเพื่อนเขาและเพื่อนเบ็นที่รู้จักกันดีอยู่แล้ว
แจ็ค & เอมม่า รับเบิ้ล
พ่อแม่ของไทม์
เจค็อบ เกรย์ หนุ่มผมทองเพื่อนบ้านของไทม์
แอน & ฟรานซ์
เบลล่า เมดิสัน
[/i]
ยิ่งค่ำบรรยากาศยิ่งครึกครื้นไปด้วยเสียงหัวเราะ เสียงเพลงแนวคันทรี่จากวิทยุเครื่องเก่ายังดังอย่างต่อเนื่องสร้างบรรยากาศสบายๆในกับงาน เบ็น แจ็ค พ่อแม่ของไทม์ และฟรานซ์กำลังนั่งคุยกันอย่างออกรส โดยมี แพท เอมม่าและแอน คอยเสิร์ฟเมนูอาหารอย่างไม่ขาดสาย ส่วนโต๊ะไม้ยาวใต้ต้นวอลนัทถูกจับจองโดย เจค็อบ เบลล่า ไทม์ และเจ้าของงานอย่าง ธาร
อุณหภูมิในยามค่ำคืนของเวสต์ ยาร์เมาท์ลดต่ำลงฮวบฮาบจนน่าตกใจ ต่างจากตอนกลางวันที่จะมีแสงแดดคอยให้ความอบอุ่นอยู่เสมอ ธารและไทม์มีหน้าที่ช่วยกันย่างอาหารทะเลอยู่หน้าเตาบาร์บีคิว เบลล่าจะคอยรินเครื่องดื่มให้กับพวกเขา ส่วนเจค็อบจะคอยหาหัวข้อเรื่องตลกๆมาเล่า จนไทม์และธารขำกันท้องแข็ง
ตอนนี้เสียงพูดคุยเบาลง มีเพียงเสียงเพลง
โฟโต้กราฟ ของ
เอ็ด ชีแรน ดังคลอไปตามสายลม ธารหันไปมองฝั่งตรงข้ามเห็นเจค็อบกำลังเล่าชีวิตวัยมหาลัยให้เบลฟังอย่างออกรส เขาเลยหันกลับมามองคนข้างๆที่เงียบไปได้พักใหญ่แทน
“เป็นอะไร หนาวหรอ”
“ไม่หนาว”
“แต่หน้ามึงแดงหมดแล้วเนี่ย”
“กินเบียร์ เลือดสูบฉีดต่างหาก” ไทม์ก้มหน้าลงมาตอบเสียงเบาแล้วยิ้มน้อยๆ
ธารกระพริบตาสองสามทีก่อนจะใช้มือดันหน้าเพื่อนตัวโตให้ห่างออกไปแล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่ พลางคิดในใจว่าถ้าเขาเป็นผู้หญิง เขาคงจะหลงเสน่ห์มันไปแล้วแน่ๆ กินเบียร์แล้วยิ้มหวาน ตาเยิ้มขนาดนี้
ธารมองเค้กปอนด์ใหญ่ที่อยู่ตรงหน้า หน้าเค้กถูกตกแต่งด้วยแยมสีฟ้าลงในส่วนที่เป็นมหาสมุทรแอตแลนติก มีเด็กผู้ชายยืนยิ้มอยู่บนเรือลำเล็ก มือถือคันเบ็ดตกปลาที่ปั้นจากน้ำตาล เทียนที่จุดแล้วหนึ่งเล่มถูกปักอยู่กลางเค้ก แสงสว่างจากเทียนส่องให้เห็นหน้าของเด็กหนุ่มที่กำลังยิ้มกว้างให้กับทุกๆคนที่ยืนล้อมเขาเอาไว้
“ยินดีต้อนรับสู่เวสต์ ยาร์เมาท์นะธาร”
“ยินดีต้อนรับสู่บ้านของเรานะธาร น้าดีใจที่ธารมาอยู่ด้วยกัน”
“ยินดีต้อนรับนะคะน้องธาร แม่กับพ่อดีใจที่ไทม์มีเพื่อนน่ารักๆแบบน้องธารนะลูก”
“ยินดีต้อนรับสู่เวสต์ ยาร์เมาท์นะพ่อหนุ่ม”
“ยินดีต้อนรับจ้ะธาร”
เสียงพูดยินดีต้อนรับของทุกคนพร้อมกับรอยยิ้มจริงใจ
จนธารสาบานกับตัวเองไว้ว่าเขาจะจำภาพวันนี้ไว้ตลอดไป และคนสุดท้าย คนที่เป็นเพื่อนคนแรกของเขาที่นี่...
“
ธาร” ไทม์เดินมายืนอยู่ตรงหน้า
“อืม”
“
ยินดีต้อนรับสู่เวสต์ ยาร์เมาท์เหมือนกันนะ” เด็กหนุ่มสองคนยิ้มให้กัน กลิ่นความสุขจากการได้รับความรักจากครอบครัว ได้รับมิตรภาพดีๆจากเพื่อนลอยฟุ้งปนกับกลิ่นเค็มของทะเลและกลิ่นหอมของต้นสน
และสาบานกับตัวเองไว้ว่าจะไม่มีวันลืมมันอย่างแน่นอน…
แชะ!We keep this love in a photograph
We made these memories for ourselves
Where our eyes are never closing
Hearts are never broken
And time’s forever frozen still
เราเก็บรักนี้เอาไว้ในรูปภาพ
เราสร้างความทรงจำนี้ไว้เพื่อตัวเราเอง
ที่ที่ดวงตาของเราไม่มีวันหลับ
หัวใจไม่มีทางแหลกสลาย
และเวลาหยุดนิ่งไปตลอดกาลเพลงที่เปิดในงานเลี้ยงนะคะ
1. Take me home
https://www.youtube.com/watch?v=1vrEljMfXYo2. Photograph
https://www.youtube.com/watch?v=8B2dhA6_LEwอ้างอิง ความหมายของเพื่อน
http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=sananda&month=08-02-2006&group=1&gblog=261TALK : ตอนที่สี่มาแล้วค่ะ อ่านจบตอนนี้แล้วเหมือนอ่านตอนจบเลยเนอะ5555
แต่ยังไม่จบนะคะ ไทม์กับธารยังมีเรื่องต้องทำด้วยกันอีกเยอะเลย
อย่างที่บอกว่าการที่เราได้รู้จักใครซักคน ไม่เราสอนเค้าเค้าก็จะสอนเรา
ให้เขาอยู่สอนกันไปเรื่อยๆเนอะ
ขอบคุณทุกคนที่ลองเข้ามาอ่าน ขอบคุณทุกคนที่ชอบแล้วคอยติดตามนิยายเรื่องนี้นะคะ
ถ้าผิดพลาดประการใด ต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยค่ะ
ติดตามรูปสถานที่ของเวสต์ ยาร์เมาท์ ได้ในแท็ก #ยาร์เมาท์บอย ทางทวิตเตอร์ได้เลยนะคะ
ขอบคุณค่ะ (grizzlyellow)