ตามล่าความจริง [3] ผมจอดจักรยานไว้แถวนั้นแล้ววิ่งตัวปลิวมาอยู่ปากทางเข้าสะพาน
ถามว่าจะวิ่งไปฝั่งนั้นเลยไหมก็ต้องบอกว่ายัง...
ที่หยุดเพราะไม่ใช่คิดอะไรไม่ออก แต่ผมกลับสัมผัสได้กลิ่นยาอับๆ นั่น เหมือนกับไอ้ยิ้มอยู่แถวนี้ แต่ลองดมดีๆ น่าจะไม่ใช่กลิ่นของตัวตนเขาหรอก อาจจะเป็นกลิ่นของเขาที่หลงเหลืออยู่ อะไรต่างๆ นานาชัดเจนแจ่มแจ้งบ่งบอกว่าเขามาจากอีกฟากหนึ่ง
ผมก้าวเท้าเดินออกไปยังสะพานที่เงียบสงบ
ตอนนี้สะพานสายยาวโล่งแจ้งไม่มีคน เพราะยังเป็นช่วงกลางวัน
เสียงลมหวีดหวิวบนสะพานทำให้ผมสัมผัสได้ถึงความรู้สึกเดียวดายและอ้างว้าง ผิดจากบรรยากาศตอนกลางคืนอย่างที่เคยมาตอนนั้นกับเขา
ภาพของวันนั้นซ้อนทับขึ้นมา ภาพของไอ้คนตัวสูงที่ลากผมไปยังสะพานเพื่อหาจุดถ่ายรูป ภาพของคนคนนั้นที่กำลังกอดคอผมแล้วยิ้มกว้าง ทำให้ภายในใจผมกลับหวนคิดถึงเขา และวันนั้นก็เป็นวันที่ผมอยากจดจำไปตลอด...เขาบอกชอบผมด้วย ถ้าเขาเป็นคนมันก็คงจะดี อยู่ดีๆ ก็จะร้องไห้ออกมา
แต่ไม่หรอก...หลังจากที่ตามหาสาเหตุของเรื่องแปลกๆ นี่เสร็จ...ผมก็ตัดสินใจแล้วว่าจะไม่ไปยุ่งกับมันอีก ผมเป็นคนที่ไม่ชอบใครหรือเกลียดอะไรแล้วฝังใจ ขอแค่อย่างเดียวและกันไว้ทุกทาง ขออย่าให้เจอเรื่องแบบนี้อีก เพราะการเล่นกับความรู้สึก มันเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนมากสำหรับผม
ตอนนี้ผมเดินมาที่ขอบสะพาน แล้วไล้มือไปตามขอบเพื่อสัมผัสหาเหตุการณ์เมื่อวันนั้น กลิ่นจางๆ ของความรู้สึกโศกเศร้า ลอยอบอวลไปทั่วจนผมก็รู้สึกแบบเดียวกัน
ไอ้ยิ้มมาที่สะพานแห่งนี้ก่อนที่จะไปบ้านผม...ผมเห็นเขาร้องไห้อยู่เล็กน้อยแล้วบ่นพึมพำอะไรบางอย่างอยู่คนเดียวในลักษณะที่เมาเละ ได้แต่เดินโซเซไปตามทางเรื่อยๆ...ให้เดาว่าหลังจากนี้ก็คงเดินมั่วๆ ไปบ้านผม...ไม่สิ บ้านที่ผมเช่าอยู่ตอนนี้น่ะ เป็นบ้านเก่าของเขาต่างหาก พอทั้งสองย้ายออกไป ก็เหลือที่ไว้ให้ผมเช่าต่อยังไงล่ะ
ผมปะติดปะต่อกับภาพที่ผมเห็นตอนแตะโทรทัศน์เมื่อเดือนที่แล้วได้ เด็กผู้ชายคนนั้นที่แม่เอาของว่างมาวางให้หน้าโทรทัศน์ที่ผมเห็น เขาไม่ใช่ใครที่ไหน...เขาคือยิ้มหรือมายนั่นเอง และที่มันร้องไห้ออกมาตอนที่ฟังผมเล่า ก็คงเป็นเพราะสิ่งที่ผมพูดจากที่เห็นภาพเหล่านั้น...เขาจำมันได้ทุกอย่างอยู่แล้วตั้งแต่แรก
อ๋อ...แบบนี้เองเหรอ
เออ กูก็บ้าเนาะ คิดเองเออเองเป็นด้วย
แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาคิดอะไรเรื่อยเปื่อย ผมรีบผละออกจากขอบสะพานแล้ววิ่งตรงไปยังอีกฝั่งไม่ไกล
ย่านxxx ที่ผมยังไม่เคยไปเหยียบสักครั้ง
พอวิ่งมาถึงก็เป็นถนนใหญ่ มองไปรอบๆ ก็แทบไม่อยากจะมาแถวนี้เลย เพราะแม่ง...หันไปทางซ้ายก็มีแต่ร้านเหล้าร้านเบียร์ หันไปทางขวาก็ผับรถบั๊ม หันกลับมาด้านหน้าก็เป็นร้านหมูกระทะคาราโอเกะ แวดล้อมไปด้วยแหล่งอโคจรสัสๆ ไม่อยากจะคิดถึงสภาพตอนมืดๆ เลย ว่าจะมีพวกสายเมาเข้ามาเที่ยวกันแน่นหนา แหกปากโวยวายกันให้ลั่นทั้งแถบ
ไม่ผิดหรอกที่ไอ้ยิ้มมันจะมาเมาอยู่ฟากนี้แล้วข้ามไปยังฟากบ้านของผม...
แล้วตัวผมก็ต้องมายืนง่าวมองซ้ายมองขวาไปเรื่อยๆ แบบนี้ เพราะไม่รู้เลยจริงๆ ว่าร้านไหนที่มันเคยไป...
ผมว่าผมมาผิดที่แล้วล่ะ...การที่ผมจะรู้เหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับเขา...ผมต้องไม่มาแถวนี้ ผมควรจะไปที่โรงพยาบาล ไปหาเขา แล้วไปสัมผัสตัวเขาต่างหากสิถึงจะถูก...ทำไมผมไม่เลือกทำตั้งแต่แรกวะ!
เสียเวลาฉิบหายไอ้วินเอ้ยยยย!
ณ โรงพยาบาลxxx
ผมจ่ายค่าแท็กซี่แล้วรีบลงจากตัวรถที่มาจอด ณ ตึกรวม
พอมองไปรอบๆ ก็งงแดกเพราะโรงพยาบาลนี้ที่มากับยายคราวที่แล้ว ผมไม่คุ้นทางเลยสักนิด...ทำไงดี
เออ เนาะ...เขาก็มีป้ายบอกนี่หว่า
กูนิง่าวอีกละ!
ผมเดินตามป้ายมาทางซ้าย แล้วก็เลี้ยวขวาเดินลัดเข้าตึกรวมเด็ก ตรงไปเรื่อยๆ ก็จะเห็นป้ายบอกทางว่าตึกผู้ป่วยพิเศษอยู่อีกไม่ไกล แค่เดินผ่านเซเว่นไปแล้วต่อด้วยผ่านสวนหย่อมก็น่าจะเจอแล้ว
กลิ่นของโรงพยาบาลแม่งเหม็นยาอีกตามเคย
ระหว่างทาง กลิ่นบางอย่างล่องลอยเข้ามาเข้าจมูกให้ผมได้กลิ่น มันจะเป็นแบบนี้ทุกครั้งเวลาได้กลิ่นแปลกๆ ที่คนอื่นจะไม่ได้กลิ่น
ผมรู้ตัวทันทีแล้วเหลียวหลังมองผู้หญิงใส่หมวกแก็บที่กำลังเดินสวนผมไปแบบรีบๆ ...กลิ่นนี้มาจากตัวเธอ...กลิ่นเหม็นสาบแบบแปลกๆ ในแบบที่ผมไม่เคยได้กลิ่นมาก่อน ได้แต่ยืนมองอยู่แบบนั้นจนเธอลับตาหายไปที่ทางเลี้ยวหัวมุมของตึก
ช่างแม่งแหละ...ไม่ใช่เวลามาคิดนะเว้ย!
ช่วงนี้ผมต้องยอมรับเลยว่าสติไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัว จะโฟกัสอะไรทีกว่าจะได้สติ ก็เปิดก๊อกน้ำไว้เหมือนเตรียมสระเลี้ยงปลาวาฬอะไรทำนองนี้
ห้อง 4328
ผู้ป่วย: นายกุลวัฒน์ รัตน์ชัยธรรม์
ผมสาวเท้าจนขึ้นมาถึงห้องของเขา
ผมบิดกลอนประตูเข้าไปอย่างไม่รีรออะไรทั้งนั้น ก็พบว่าในห้องเงียบกริบอย่างเคย
คราวนี้มีแค่คนไข้บนเตียงเท่านั้นที่อยู่ในห้อง สงสัยวันนี้คุณมยุรีคงยังไม่ได้เข้ามาหาเขา
ผมก้าวเดินเข้าไปเงียบๆ เหมือนว่ากลัวเขาจะตื่นขึ้นมา...แต่ไม่หรอก เขายังคงนอนเป็นเจ้าชายนิทราอีกตามเดิม...อีกใจหนึ่งก็พยายามทำจมูกฟุดฟิดตามหากลิ่นยาอับๆ ของเขา แต่ก็ไม่พบว่าเขาอยู่แถวนี้...สงสัยคงเป็นเพราะที่ผมพูดไล่เขาวันนั้น เขาก็เลยไม่มาเจอผมอีกตามที่ผมพูด
แต่มันก็ดีแล้วล่ะ ต่างคนต่างอยู่กันแบบนี้ดีที่สุด แค่ผมตามเบาะแสเรื่องนี้ให้เป็นเรื่องสุดท้ายก็พอ (ผมอยากรู้เองนั่นแหละ)
คราวนี้ผมได้มองหน้าเขาชัดๆ อีกครั้ง...คนตัวสูงอยู่ในสภาพของคนนอนนิ่ง ดูผอมแห้ง ไม่เหมือนกับตอนที่ผมอยู่กับเขาตอนเป็นผี...หนวดเคราที่ไม่ได้โกนมาตลอดเกือบสองเดือนขึ้นมาเยอะจนเหมือนกับพวกเถื่อนๆ...เขายังคงนอนหลับตานิ่งสงบ ลมหายใจพ่นพรูออกมาอย่างช้าๆ และแผ่วเบา แต่ยังไม่รู้สึกตัว เพราะวิญญาณไม่เข้าร่าง...
ผมยังแปลกใจอีกว่า วิญญาณจะมีวิธีกลับเข้าร่างของเขายังไง
ถึงแม้จะรู้สึกจุกขึ้นมาในใจด้วยความรู้สึกตอนนึกถึงเรื่องแต่ก่อน จนทำให้ผมน้ำตาคลอเบ้าเล็กน้อย แต่ความรู้สึกที่ผมต้องบอกตัวเองว่าต้องหยุด มันก็ทำให้ผมหยุดตัวเองได้
ผมรีบเรียกสติตัวเอง แล้ววางมืออันสั่นเทาลงไปยังมือขาวที่มีแต่สายอะไรก็ไม่รู้ห้อยระโยงระยาง
ผมหลับตานิ่งแล้วตั้งสติถึงเหตุการณ์ของเขาเมื่อวันนั้น เหตุการณ์ก่อนที่เขาจะโดนรถชน...บรรยากาศในห้องเริ่มรู้สึกเปลี่ยนไป จนเริ่มได้กลิ่นยาอับๆ ที่ผมดมหาเมื่อไม่นานมานี้อย่างชัดเจน...
เขาอยู่ที่นี่ ในห้องนี้กับผม...
อะไรบางอย่างวูบไหวร่างกายจนผมรู้สึกได้ เหมือนมีอะไรบางอย่างดึงดูดตัวผมให้ลอยขึ้นแล้วผลุบหายไปจนผมต้องสะดุ้งโหยงแล้วรีบลืมตาขึ้นมา จึงเห็นว่ารอบข้างมันไม่ใช่ที่โรงพยาบาล!
...แต่กลับเป็นละแวกซอยแถวบ้านของผมในช่วงตอนกลางคืนที่เงียบสงัด
เสียงจิ้งหรีดดังกรีดๆ ราวกับว่าผมยืนอยู่ที่นี่จริงๆ...แล้วหูก็พลันไปได้ยินเสียงโวยวายของใครคนหนึ่งคุ้นๆ จากทางด้านหลังไม่ไกล
ผมยืนมองพวกเขาอยู่ภายใต้แสงไฟข้างทาง ก็เห็นเป็นผู้ชายสองคนยืนคุยกันอยู่หน้าบ้าน
คนหนึ่งจอดจักรยานไว้ใกล้ๆ...ส่วนอีกคนยืนถือขวดเหล้าแล้วโงนเงนไปมาเหมือนกับคนเมา
นั่นหน้าบ้านของผมนี่...
แล้วผมก็เริ่มประหลาดใจอีกครั้ง...สองคนนั้นเขาก็ไม่ใช่ใครที่ไหน ไอ้คนที่จอดจักรยานนั่นก็คือผม และคนที่ยืนถือขวดเหล้ายืนโงนเงนนั่นก็คือไอ้ยิ้มนั่นเอง!
เหมือนกับว่าตอนนี้ก็คือวันนั้นที่ผมเจอกับไอ้ยิ้มครั้งแรก...เหตุการณ์ช่วงนี้กำลังจะบอกว่าหลังจากที่ผมไล่เขาเสร็จแล้ว เขาจะไปที่ไหนต่อ เป็นเรื่องที่ผมสงสัยมากเหมือนกันเพราะอีกวันเขาก็มาที่บ้านผมอีก
นี่คือเบาะแสสำคัญ!
“คุณเมาแล้วครับ เชิญคุณไปที่อื่นได้แล้ว ผมจะเข้าบ้าน”
“ผมปวดเยี่ยว ขอเข้าไปเยี่ยวหน่อย”
“ไปเยี่ยวที่อื่นครับ ข้างทางก็มี!”
“จะเยี่ยวในห้องน้ำ!” เขาพูดจบ ผมก็เห็นตัวเองเดินมาผลักเขาที่จะเข้ามาให้เซถอยไป จากนั้นก็รีบเดินไปคว้าจักรยานเข้าบ้านไขกุญแจไปอย่างเร่งรีบ
พอหันหลังมาก็เห็นว่าเขายืนเกาะลูกกรงอยู่ ซึ่งในตอนนั้นผมคิดในใจว่าเขาเหมือนกับลิงรอกินกล้วยในสวนสัตว์เลย
“คุณ! ทำไมทำกับผมแบบนี้...ไม่หล่อแล้วยังไม่มีน้ำใจอีก...”
“เออ! หน้าตาน่าเกลียดไง ไม่มีใครคบเนี่ย! ไปเลยไป ไม่ต้องมาอยู่หน้าบ้านผม รีบไปเลย!!!” พอดูแบบนี้แล้วไอ้ยิ้มโคตรน่าสงสาร ไอ้ผมก็ร้ายไม่เบาเลยนะนั่น...แต่ก็ช่างมันเถอะ ผมควรจะมาโฟกัสไอ้ยิ้มหลังจากนี้มากกว่า
ไอ้ยิ้มยืนโงนเงนอยู่สักพักก็เดินตรงมาทางนี้ที่ผมยืนอยู่
มันไม่เห็นผมหรอก เพราะว่าผมไม่ใช่ตัวตนจริงๆ ของเหตุการณ์วันนั้น ได้แต่ยืนมองไอ้ยิ้มที่เมาแอ้ะเมาแอ๋ เดินแกว่งขวดเหล้าไปมาโซเซ...ดูแล้วขำว่ะ ฮ่าๆๆๆ
แล้วมันก็เดินเข้ามาใกล้ผมเรื่อยๆ ผมก็เลยเดินเข้าไปแล้วมองหน้ามันใกล้ๆ อย่างหยอกล้อ...แต่จู่ๆ มันก็หยุดเบรกจนผมตกใจ
อะไร...ไอ้บ้านี่ทำท่าอย่างกับเห็นกูงั้นอ่ะ!
มันยังคงยืนนิ่งมองมายังผม แล้วยกมือขยี้ตาถี่ๆ อย่างกับมองเห็นสิ่งข้างหน้าไม่ชัด แล้วก็ขมวดคิ้วเข้าหากันมองแยงไปมา...หลังจากนั้นยื่นมือเข้ามาหาผมข้างหน้าจนผมเริ่มแปลกๆ แล้ว!
ผมถอยห่างออกจากมือของมันที่ยื่นเข้ามา...ในใจพลันก็เริ่มคิดว่า ไอ้ยิ้มเห็นกูด้วยเหรอวะ!
“ทำไมคุณนอกใจผม...” เสียงคนเมาพูดออกมาทำให้ผมยิ่งตกใจเข้าไปใหญ่
ไอ้ยิ้มเห็นผมจริงๆ!
“เชี่ย...” ผมพึมพำเบาๆ แล้วไม่รู้จะทำอะไรต่อไปดี
“คุณนอกใจผมทำไม...ผมรักคุณมากเลยนะ!” เขาจะเข้ามาคว้าตัวผมแล้วผมก็หลีกให้
คำพูดของไอ้ยิ้มรู้สึกว่าเหมือนมีอะไรที่แปลก อะไรคือการที่เขาบอกว่ามีคนนอกใจเขาอย่างนั้นเหรอ...เขามีแฟนอยู่คนเดียวก็คือชมพู่ไงเล่า!
“ไม่ใช่นะ! ชมพู่ต่างหากล่ะแฟนคุณ...คุณจำคนผิดแล้ว เอ่อ...” ผมเริ่มไปต่อไม่ไหว แล้วผมชี้มือไปยังบ้านตัวเอง “โน่น! คนนั้นจะเปิดประตูให้แล้ว รีบไปสิ เร็ว!”
เขาเหลียวตามมือผมแต่เหมือนว่าเขาจะไม่ได้เชื่อผมสักนิดเดียว
“เห้ยยยย...ชมพู่เหรอ...เอิ้กกกกก” จู่ๆ แม่งนี่ก็เรอออกมาเสียงดังใส่หน้าผม...เหี้ยยยย...กูเหม็นเหล้า!
“อี๋...ไอ้สัสเอ๊ย เหม็นฉิบหาย!”
ผมเริ่มไม่รู้จะทำอะไรต่อไป ภายในใจจู่ๆ ก็คิดได้ขึ้นมาว่าตอนนี้ไม่ควรจะทำอะไรให้ความเป็นจริงมันบิดเบือน ผมต้องรู้ให้ได้ว่าหลังจากนี้เขาจะไปที่ไหนต่อ...
“ชมพู่!...คุณทำแบบนี้กับผมได้ยังไงห้ะ!!!” ไอ้เชี่ยยิ้มเริ่มโวยวาย ดูท่าทางแล้วคงจะไม่มีสติ
เขาเดินเข้ามาใกล้ผมมากขึ้น แล้วปล่อยขวดเหล้าในมือให้ตกลงพื้น พลางเดินเข้ามาด้วยท่าทีอุกอาจ หลังจากนั้นเขาก็บ่นออกมาฟังไม่ได้ความ ได้ยินแต่คำว่าชมพู่ๆๆ อยู่ซ้ำๆ แล้วอ้าแขนเข้ารัดตัวผมให้อยู่ในอ้อมกอดหนักแน่น
“ไอ้ยิ้ม! ปล่อยกูเดี๋ยวนี้!” ผมดีดดิ้นอย่างสุดความพยายาม
“ไม่! คุณอย่าทิ้งผมไปนะ...ไม่มีคุณ ผมจะอยู่ยังไง ผมรักคุณนะชมพู่ อย่าไป อย่าทิ้งผมไป!” คนตัวสูงไม่มีท่าทีว่าจะปล่อย และเริ่มงอแงขึ้นมาหนักกว่าเดิม
เขาสองคนรักกันดีไม่ใช่เหรอ! แล้วทำไมมันต้องร้องไห้ฟูมฟายเหมือนคนอกหักแบบนี้วะ!
ผมสะบัดตัวอยู่แบบนั้นแต่คนเมาตรงนี้แม่งจะไม่ยอมปล่อยผมให้ได้เลย
“ปล่อยยยย! ไอ้ยิ้มไอ้เชี่ย! กูไม่ใช่ชมพู่ กูคือกวินท์! ปล่อยกู!!!”
ทันใดนั้นก็ปรากฏแสงไฟรถสว่างวาบจากด้านหลังของผม
ไอ้ยิ้มยังคงแข็งขืนทั้งๆ ที่ผมดีดดิ้นไปแล้วสุดแรงแต่ก็ไม่ได้ผล
เขาลากตัวผมที่เริ่มอ่อนแรงออกไปยังนอกถนน มันไม่มองเลยว่ารถกำลังจะพุ่งมาทางนี้ เสียงเหยียบคันเร่งรถสุดตีนแรงขึ้นทำให้ผมเริ่มใจเต้นตุ้มๆ ต่อมๆ เพราะเหตุการณ์ต่อไปนี้ ถ้าเขายังไม่พาผมเดินเข้าข้างถนน เราสองคนรถชนแน่ๆ!
ผมเริ่มรู้แล้วว่าวันนั้นเกิดอะไรขึ้นหลังจากนี้!
“ปล่อยกูก่อน รถมา! ไอ้ยิ้มรถมา!!!” ผมตะโกนออกไปเสียงดังเผื่อเขาจะได้สติ แต่ก็ไม่ได้ผลอีกตามเดิม มือของมันยังคงเหนียวแน่นกอดผมเอาไว้แล้วพูดแต่ว่า อย่าทิ้งผมไป!
ไอ้ยิ้มกำลังจะโดนรถชน!!!
“ไอ้ยิ้มมม! ตามมาเดี๋ยวนี้!!!” ผมออกแรงก้าวขาเดินถอยกลับ แต่เขาก็ยังแข็งขืนแล้วกอดผมไว้แน่น ผมรวมแรงขาทั้งหมดเดินหน้าเข้าไปยังข้างถนนเพื่อให้พ้นจากรถ เขาเริ่มขยับตัวตามมา เห็นทีว่าจะได้ผล ผมจึงตัดสินใจเหวี่ยงตัวเขาให้เข้าข้างทางสุดแรง แล้วผมก็พ้นรถที่พุ่งมาได้แล้ว!!!
ไฟรถส่องจ้าพุ่งผ่านผมกับไอ้ยิ้มไปอย่างเฉียดฉิว
ผมได้สติก็รีบผลักไอ้ยิ้มให้ออกไปจากตัวผมจนเซออกไปด้านนอกทันที
“ชมพู่!!!”
ไอ้ยิ้มเดินเซออกไปกลางถนนหลังจากที่ผมดันเขาออกไป แต่รถคันนั้น! กลับถอยหลังเข้ามาชนตัวเขาอย่างจังต่อหน้าต่อตา!!!
“ไม่นะ! ไอ้ยิ้มมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม!!!”
โครมมมมมม!!!
บรื๊นนนนนนนนน.........................
เสียงโครมดังสนั่นแทรกซ้อนเข้ากับเสียงรถที่วิ่งตัวออกไปจากตรงนี้อย่างรวดเร็ว...
มะ...เมื่อกี้...รถนั่น...ถอยหลังมาชนเขา...
“ไม่...ไม่ ไอ้ยิ้ม...” ผมเริ่มสั่นไปทั้งตัว..น้ำตารื้นขึ้นมาเพราะภาพตรงหน้าทำให้ผมแทบขาดใจตาย
ไอ้ยิ้มนอนกองอยู่กับพื้นหลังจากที่ถูกชน...
ทุกอย่างเป็นแบบนี้เองเหรอวะ...
ผมเองเหรอที่เป็นคนผลักเขาให้รถชน...วันนั้นเหรอ...วันนั้นผมอยู่ที่นี่กับเขาหลังจากนั้นเหรอ...วันนั้นผมมาที่นี่เพื่อให้เขาถูกรถชนเหรอ!!!
ผมยืนน้ำตาไหลด้วยหัวใจที่เจ็บปวดอย่างถึงที่สุด เริ่มสะอึกสะอื้นขึ้นมาท่ามกลางความเงียบสงัด ขาเข่าสั่นคลอนแทบยืนไม่ไหวอีกต่อไปจนต้องล้มนั่งลงกับพื้นอย่างสิ้นหวัง...เหตุการณ์วันนั้น ทำให้ผมเข้าใจแล้วว่า ไอ้ยิ้ม...ได้เสียชีวิตลงในคืนแรกที่ผมเจอเขา
และผม ทำให้เขาต้องมานอนเป็นเจ้าชายนิทราแบบนี้...
ผมผิดเอง...ผมแทบจะฆ่าเขาแล้ว!!!
มองผ่านม่านน้ำตาก็เห็นกับใครคนนั้นในรูปแบบของวิญญาณ เขายืนมองมาทางผมที่ร้องไห้อย่างหนักหน่วง
ใบหน้าของเขามีแต่ความโศกเศร้าเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น
รอบข้างได้เลือนรางหายไป ก็เห็นว่าค่อยๆ กลายเป็นห้องพักคนป่วยของเขาในโรงพยาบาล...
ด้านหน้าของผม ก็เห็นเป็นไอ้ยิ้มยืนร้องไห้น้ำตาอาบแก้มอยู่เหมือนเมื่อกี้นี้
เขาสินะที่เป็นคนดึงผมไปเมื่อเหตุการณ์คืนนั้น...เขาอีกแล้ว ที่เป็นคนช่วยผมให้เห็นในสิ่งที่อยากรู้ สุดท้ายผมก็รู้ต้นตอสาเหตุว่าจริงๆ แล้ว การที่ถูกรถชนมันไม่ใช่เพราะใคร...
แต่มันเป็นผมเองตั้งแต่แรก!
ในคืนนั้นวันแรกที่เราเจอกัน...เขายังไม่ตาย
ผมจากอนาคต...ได้ย้อนกลับไปยังอดีต...เมื่อวันนั้น...ทำให้ผมเข้าใจแล้วว่า ถ้าผมไม่ไปเจอเขา ถ้าผมไม่ตามหาเขาวันนี้ เขาในอดีต ก็คงจะไม่ได้มานอนในโรงพยาบาลแบบนี้!!!
นี่มันคือเรื่องบ้าที่สุด!!!
ผมยังคงสะอึกสะอื้น เงยหน้ามองไปยังบุคคลตรงหน้า “ยิ้ม...”
“อ ย่ า ร้ อ ง ไ ห้ สิ ค รั บ” เขาปลอบผมด้วยน้ำเสียงที่แปลกไป ทำท่าจะเดินเข้ามาใกล้แต่ก็ยั้งตัวเอง
“ผมขอโทษ...ผมรู้ว่าคุณก็เสียใจเหมือนกัน...ถ้าวันนั้น...ผมกอดคุณเอาไว้แน่นๆ...คุณก็คงไม่โดนรถชน แล้วกลายมาเป็นสภาพนี้...คุณรู้อยู่แล้วใช่ไหมว่าผมเป็นคนทำให้คุณต้องมานอนนิ่งอยู่บนเตียงแบบนี้!”
“ไ ม่...คุ ณ ไ ม่ ผิ ด อ ะ ไ ร ทั้ ง นั้ น”
“...”
“ผ ม ไ ม่ ฟั ง คุ ณ เ อ ง...คุ ณ ห้ า ม ผ ม แ ล้ ว...”
ถึงแม้ผมจะรู้สึกผิดมากแค่ไหนก็ตาม...แต่เหตุการณ์เมื่อวันนั้น ทำให้ผมเริ่มคิดได้อีกทีว่ามันต้องไม่ธรรมดาอีกแล้ว...การที่รถชน มันก็แค่ขับผ่านไปไม่ใช่เหรอ...แต่กลับกลายเป็นว่ารถคนนั้น...ถอยหลังเข้ามาชนเขาเพราะพลาดการชนครั้งแรก!
“คุณทำให้ผมลืมเรื่องของคุณไม่ได้หรอกนะ...ผมรู้แล้วว่าทำไมคุณถึงทำให้ผมลืมเรื่องที่สะพาน เพราะคุณไม่อยากให้ผมเสียใจแบบนี้ใช่ไหม...สุดท้ายทุกอย่างมันก็คือความจริง ผมเป็นคนผลักคุณให้โดนรถชนเอง...และเรื่องนี้มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญด้วย...”
“...”
“ผมว่าคนขับรถคันนั้น จงใจจะฆ่าคุณตั้งแต่แรกอยู่แล้วล่ะยิ้ม!”
แต่ผมเองก็ผิดอยู่เต็มประตู...เรื่องนี้ผมจะต้องรู้ให้ได้
ผมจะไม่ยอมให้ความสามารถของผมมันสูญเปล่าเพราะตัวเองไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับวิญญาณหรอก
เขาต้องได้รับความยุติธรรมคืนมา เป็นสิ่งที่ผมควรจะชดใช้ให้เขาได้! แต่ใช่ว่าผมจะพ้นความผิดนี้...
“รอหน่อยนะ เดี๋ยวผมจะช่วยคุณเอง!”
FOLLOWER