- I said, night time is the right time –“Yeah, it is. Woohoo!” มันกระแทกเสียงพร้อมสะบัดหน้าไปมากลางอากาศ ไอ้คินก้มหน้าหัวเราะคล้ายกลั้นไม่อยู่ ผมเดินเข้าหาเพราะดูท่ามันจะไม่หยุดง่าย ๆ ยืนเท้าเอวมองและถึงกับต้องหรี่ตาลงเพราะแดดที่ส่องเข้าตา
“ว่าไงสหาย รถพี่จ๊าบมะ” ไอ้โปรดเท้าเอวพลางยักคิ้ว ปากที่คาบบุหรี่อยู่ที่มุมปากดูกวนอารมณ์ พอมันขยับปากพูดจึงทำให้บุหรี่กระดกขึ้นกระดกลง
“เพิ่งเปิดประทุนหน้าปากซอยใช่ไหม” ผมพูดอย่างรู้ทัน รู้ว่ามันจงใจเพื่อก่อกวนโดยเฉพาะ
“เอ้า! ไอ้นี่พูดหมา ๆ แดดร้อนขนาดนี้ กูคงเปิดมาตั้งแต่สุวรรณภูมิมั้ง” ไอ้โปรดยอมรับหน้าด้าน ๆ พร้อมกับสำเนียงการพูดที่ดัดให้เหมือนคนสุพรรณ
“หึ ๆ ๆ” ผมกับไอ้คินก้มหน้าหัวเราะ
“ไปขโมยของใครมา” ผมว่า คันนี้ไม่ใช่รถยนต์ของมัน
“มีคนเขาร้อนเงินจะเอามาขาย เลยขอมาลองเครื่องสักหน่อย” ไอ้โปรดตอบพร้อมกระโดดลงมาสู่พื้นดิน ผมกวาดตามองรถเก่าปี 70 ยี่ห้อดังจากแดนอาทิตย์อุทัย สีแดงโดดเด่นสะดุดตา ไอ้คินดับเครื่องก่อนลงจากรถ จัดการโยนกุญแจคืนให้เจ้าของ
“ไง! หวัดดีทุกคน!” ไอ้โปรดหันตัวไปทักทายคนในโรงฝึก บุหรี่ถูกคีบออกจากปากพร้อมชูแขนตึงขึ้นฟ้า ขาขวาอ้าออกประกอบให้เข้ากับเสื้อผ้าด้วย
“สวัสดีครับ” ฝั่งนั้นทักทายกลับอย่างดีใจที่ถูกทักและไม่วายที่ขำกับท่าทักทายแปลกใหม่จากไอ้โปรดด้วย
“น่าสงสาร” ผมพูดถึงคนขาย
“เท่าไหร่” ผมถาม ก้มตัวลงมองไปใกล้ ๆ เบาะรถเพื่อดูการเก็บตะเข็บของเบาะ
“ล้านห้า” ไอ้คินตอบ
“ขับใช้ได้เลย ป๋าเอาไหมละ ?” ไอ้โปรดถลึงตาใส่ผมอย่างตื่นเต้น
“ตีนกูก็มีแค่สองตีน ทุกวันนี้กูควักหมอยจ่ายแทนค่าประกันได้กูทำไปแล้ว” ผมตอบ พวกมันหัวเราะชอบใจใหญ่ ผมหันหลังให้รถโดยยืนพิงรถมันไว้ มือแตะลงบนขอบกระจกเพื่อสำรวจสินค้า
“ใช้ได้นี่ เจ้าของไม่ร้องไห้แย่รึไง” ผมพูด
“ร้องระงม!” ไอ้โปรดสบถตอบขำ ๆ ควันบุหรี่ลอยเตะจมูก แดดที่สาดส่องมากระทบกับเสื้อสีสันสดใสของมันจนรู้สึกแสบตา
“ควาย..ติดเงินกูแล้วไม่ยอมใช้ ยึดรถแม่งเลย รู้จักโปรดปากน้ำโพน้อยไป” มันบ่นถึงความจริงของที่มา
“ฮ่า ๆ ๆ” พวกผมหัวเราะให้กับคำสร้อย
“กูขู่มันว่าจะเอาไปขายต่อถ้าไม่เอาเงินมาคืน หน้าแม่งอย่างฮา” ไอ้โปรดพ่นหัวเราะด้วยท่าทางสะใจ พวกผมขำ ตลกหน้ามันด้วยอะไรด้วย
“แล้ว.. มากันทำไมครับ ?” ผมเหล่มอง
“กูละเกลียดคำถามนี้ที่หลุดจากปากมึงจริง ๆ” ไอ้คินแทบสบถ
“พี่ทัพบ่นมึงให้กูฟังทุกวัน ตกลงมึงจะเอาไงแน่ กูฟังจนหูจะพังละ” มันอมยิ้มนิดหน่อย ล้วงกระเป๋ากางเกงพร้อมเอนตัวพิงรถ ผมเพียงอมยิ้ม
“เคลียร์งานเสร็จพอดี แล้วไอ้เหี้ยนี่เขาชวนมา” ไอ้คินขยายความ มือชี้ไปทางไอ้โปรด
“ได้หยุดสามวัน น้ำตากูจะไหล” ไอ้โปรดบอก
“ตกลง..มึงจะช่วยพี่ทัพไหมวะ ช่วย ๆ ไปเหอะ สงสารแก” ไอ้โปรดพูดติดท่าทางตลก
“มึงรู้ปะ เมื่อวานเช้า แม่จับมันออกไปใส่บาตรด้วยกัน กูแอบเห็นตรงกลางหัวมันมีผมหงอกเต็มเลยมึง!” ไอ้คินถลึงตาด้วยสีหน้าจริงจังแต่ปากเสือกจะหลุดขำในตอนท้าย ผมกับไอ้โปรดเองยังตกใจ สีหน้าที่แสดงออกเหมือนกันก่อนเกร็งตัวแล้วขำกร๊ากออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ เสียงหัวเราะดังขนาดที่คนในโรงฝึกหันมามอง
“ฮ่า ๆ ๆ โจ๊กเหรอไอ้เหี้ย” ไอ้โปรดว่า
“โจ๊กเหี้ยไรล่ะ กูแม่ง..จะขำมันก็ขำ สงสารมันก็สงสาร กัดฟันกลั้นไว้แทบตาย” ไอ้คินยิ้มอ่อน
“เออ แล้ว..พี่ยูถูกยิงเหรอ ?” ไอ้โปรดเปลี่ยนเรื่อง ผมพยักหน้าตอบ ขี้บุหรี่ในมือของมันถูกดีดลงพื้นปูน
“กูให้ไปอยู่ที่อื่นแล้ว”
“ไอดอลกูเลยอะนะ เย็นยะเยือกประดุจน้ำแข็ง” ไอ้โปรดเงยหน้าขึ้นพ่นควันบุหรี่ออก พึมพำถึงยูที่อยู่ต่างประเทศพลางอมยิ้ม
“มีผับใหม่มึงน่าจะชอบ..” ผมเลิกคิ้วเมื่อนึกเรื่องดี ๆ ขึ้นได้
“มีผับใหม่ ? กูควรจักรู้ก่อนมึงสิ” ไอ้คินหันหน้ามาเชิงสงสัย
“Blackfoot” ผมขยายความให้กระจ่าง
“ใหม่พ่อมึงสิ! หาเรื่องให้กูอีกละ” ไอ้คินสะบัดหัวกลับแทบหลุด
“หึ ๆ” ไอ้โปรดขำขึ้นจมูก
“ก็ช่วยงานพี่มึงไง คลานออกมาจากท้องแม่กูรึก็ไม่ใช่” ผมว่า ไอ้คินถอนหายใจเฮือกใหญ่ผมจึงยักคิ้วให้เพื่อนรักยิ้ม ๆ เท้าแขนไปที่กระจกหน้ารถเพื่อให้ตัวเองขยับเข้าไปใกล้กับมันมากขึ้น
“พี่มึงทำกูปวดกบาลไปหมด คืนนี้มึงจ่าย รวมของลูกน้องกูด้วย” ผมสรุป
“โห ไรวะ!” ไอ้คินหน้าเบี้ยวทันที
“แหม่ เหมือนมีเรื่องน่าสนุก” ไอ้โปรดยิ้มกว้างชอบใจ
“Boom, boom, boom, boom.” ผมฮัมเพลงโปรด John Lee Hooker ของไอ้โปรดที่ผมมักได้ยินมันร้องอยู่บ่อยครั้งสมัยมัธยม
“I’m gonna shoot you right now, knock you off of your feet ~” ไอ้โปรดรีบนำบุหรี่ออกจากปากพร้อมร้องต่อผมในทันที ขาของมันขยับโยกเต้นไปตามทำนองที่สร้างขึ้นเองจนไอ้คินถึงกับหลุดขำ ผมเองก็ด้วย
พวกเราพากันเข้าบ้าน การมาของไอ้โปรดและไอ้คินทำให้แม่บ้านผมตื่นเต้นยกใหญ่ พวกมันเป็นขวัญใจของพวกเธอนี่นะครับ หลังจากพวกมันใช้พลังงานอย่างเกินจำเป็น ทำให้เริ่มขี้เกียจ แม่บ้านต้องนำอาหารมาเสิร์ฟให้ที่ห้องนั่งเล่น เรียกว่าห้องที่แสนสุขของผมกระจัดกระจายไปด้วยอาหาร พอพวกมันกินอิ่มก็พากันกลิ้งตัวนอนบนโซฟากันคนละตัว ผมสั่งไม่ให้แม่บ้านทำความสะอาดจนกว่าพวกมันจะพ้นเขตประตูบ้าน เพราะถึงทยอยทำความสะอาดไป เดี๋ยวไอ้โปรดก็ลุกขึ้นมาทำเลอะอยู่ดี
- - - - - - - - - - - - - - -
21:23 น. : Blackfoot Pub“เชิญครับคุณไฟ” ชื่อที่ถูกเรียกอย่างฉะฉานทำให้ต้องเหลือบมองป้ายตำแหน่งหน้าที่ที่อยู่บนหน้าอกของอีกฝ่าย “ผู้จัดการร้าน” ก่อนไล่กวาดขึ้นมองไปยังใบหน้าของคนที่ต้อนรับอยู่พร้อมยิ้มให้
“เอ่อ คือว่า..” อีกฝ่ายอ้ำอึ้ง ดวงตาสีดำสนิทขยับมองไปยังดันหลังของผมก่อนก้มต่ำลง
“เราจะขอเสียมารยาท ขออนุญาตตรวจอาวุธน่ะครับ” เขาพูด
“ฮึ!” ผมพ่นหัวเราะ
“Loving you, baby boy~” ไอ้โปรดที่ยืนอยู่ด้านหลังผมยังคงร้องเพลงไม่เลิก มันร้องตามเพลงที่เราเปิดบนรถเมื่อครู่และดูเหมือนมันยังไม่สามารถหยุดตัวเองได้ ทำให้ผู้จัดการร้านแอบเหลือบมองไปยังไอ้โปรดที่ก่อกวนบทสนทนาระหว่างเรา
“Nothing can hold me down. Oh, hold me down!” ไอ้โปรดยิ้มกว้างให้ผู้จัดการร้าน หัวของมันกระดิกโยกไปตามทำนอง ผู้จัดการร้านยังคงรักษาอาการของเขาไว้ได้ เขาฉีกยิ้มให้ไอ้โปรดอย่างรักษามารยาทอย่างมืออาชีพ
“โทษที ได้สิ” ผมกระแทกเสียงตอบโดยไม่คิดห้ามเพื่อนสนิท
“หน้าผมก็ไม่ใช่คนดีอยู่แล้วนี่นะ” ผมยิ้ม
“ไม่ใช่อย่างนั้นครับ คือว่า..เป็นกฏของทางร้านน่ะครับ” ผู้จัดการกุมมือเข้าหากันอย่างสุภาพขณะก้มหน้าลง การ์ดของร้านสามคนยืนอยู่ทางด้านหลังเขาอย่างรอคำสั่งต่ออีกทอดหนึ่ง ผมพยักหน้าส่งสัญญาณให้พี่ธานให้จัดการให้เรียบร้อย ทั้งพี่ธาน สมุทรและไอ้เด่นจึงต้องขยับตัวออกเพื่อให้ตรวจได้สะดวก ผู้จัดการร้านพยักหน้าให้กับคนของตนไปทำตามหน้าที่ เพลงในตัวร้านดังลอดออกมาในท่อนอินโทรทำให้ไอ้โปรดเริ่มขยับตัวเต้นหนักกว่าเดิม
“ตรวจฉันด้วยไหม” ผมถามนุ่ม ๆ
“ไม่เป็นไรครับ ขอบคุณครับ” อีกฝ่ายหลบตาผงกหัวเล็กน้อย
การตรวจร่างกายเป็นไปโดยราบรื่น พวกผมจงใจไม่พกอาวุธมาเพื่อให้เป็นเรื่องยุ่งยากอยู่แล้ว การมาครั้งนี้ไม่ใช่จุดประสงค์เช่นนั้น ผู้จัดการร้านเป็นคนพาผมไปที่โต๊ะวีไอพีด้วยตัวของเขาเอง ไอ้โปรดนำมือขึ้นลูบปกเสื้อผู้จัดการร้านอย่างเบามือพร้อมร้องเพลงตามที่ดีเจเปิด พี่ธานที่ตามประกบผมอยู่แอบอมยิ้มน้อย ๆ กับสิ่งที่ไอ้โปรดทำ
มันกวนตีน และเครื่องดื่มถูกสั่งโดยไอ้คินที่เป็นเจ้าพ่องาน
“ไม่เบานี่หว่า สืบประวัติลูกค้าขนาดนี้” ไอ้โปรดทักให้หลังพนักงานที่ปล่อยให้เราอยู่ส่วนตัว
“เฮียบอกว่าลูกค้ารายใหญ่ ผู้จัดการร้านจำได้หมดทั้งที่เคยมาร้าน..หรือแบบไม่เคย อยากได้แบบนี้ที่ร้านกูสักคน..หึ” ไอ้คินเลิกคิ้ว มันเบ้ปากด้วยใบหน้ากวนแฝงนัยยะทำให้ผมหัวเราะ หมากฝรั่งที่อยู่ในปากเริ่มจืดจางและแข็งขึ้นนิดหน่อย ผมกวาดตาสำรวจตัวร้าน ไอ้คินละการใช้คำเรียกว่า “พี่ทัพ” เป็น “เฮีย” แทน ซึ่งก็เป็นที่รู้กันดีในหมู่พวกผมหากอยู่ด้วยกันว่ากำลังหมายถึงใคร
พี่ธานยืนค้ำหัวอยู่ด้านข้าง สมุทรกับไอ้เด่นยืนประกบระหว่างสองมุมห่างจากโต๊ะไปคืบหนึ่ง ผมชี้มือเคาะลงบนโซฟาอนุญาตให้พี่เขานั่งลง ผู้จัดการร้านกลับมาอีกครั้ง เขาดูไม่ค่อยสะดวกกับการเข้ามาตรง ๆ พี่ธานจึงรีบลุกทำหน้าที่เป็นฝ่ายรับหน้าเพื่อให้อีกฝ่ายได้เข้ามาทำธุระ
“ขอประทานโทษนะครับ ไม่ทราบว่าคุณไฟกับเพื่อน อยากให้น้อง ๆ ของทางร้านเรามานั่งบริการส่วนตัวไหมครับ” เขาโค้งตัวยิ้มถามอย่างสุภาพ
“ผมเลือกเอง ได้ไหม” ไอ้โปรดพูดขึ้นเสียงดัง
“ได้ครับ” ผู้จัดการร้านผงกหัวตอบรับอย่างนุ่มนวล
“เอาไหม ?” มันหันมาถาม ผมส่ายหัวแทนคำตอบ รำคาญ ไม่มีอารมณ์
“ดี” มันตอบขำ ๆ ลุกขึ้นเดินผ่านพี่ธานไปหาเป้าหมายอย่างไม่รีรอ
“ไอ้เหี้ยนี่แม่ง รุงรัง..อย่างกับคนอดอยากตลอดเวลา” ไอ้คินบ่น
“หึ ๆ” ผมหัวเราะ
“ฮ้า! แต่ไหน ๆ มื้อนี้กูจ่ายอะนะ” ไอ้คินฉีกยิ้มกว้างจนเห็นฟันแทบครบ มันยกแก้ววิสกี้ขึ้นจิบก่อนวางลง จับเสื้อของตนให้ดูดีก่อนลุกขึ้นตามก้นไอ้โปรดไปติด ๆ พอผู้จัดการร้านเข้าไปบริการพวกนั้นพี่ธานจึงกลับมานั่งลงข้างผมอย่างเดิม พนักงานชายเข้ามาเพื่อจะจัดการเครื่องดื่มให้สะดวกแต่พี่เขาปัดมือไล่ไปเสียก่อน เสียงน้ำแข็งใส่ลงในแก้วให้ผมนั้นใสจนน่าฟัง ข้อมือหมุนฝาเปิดขวดออกก่อนรินวิสกี้ใส่แก้วอย่างใจเย็น
“น้ำเปล่า” ผมสั่ง หยิบวิสกี้มาถือไว้ในมือ พี่ธานเปิดขวดน้ำเปล่าเพื่อรินใส่แก้วให้ผมเพิ่มอีกแก้วหนึ่ง
“ข้างนอกพร้อมรึยัง” ผมถาม เขย่าแก้วเล็กน้อยเพื่อให้ความเย็นพอเหมาะก่อนยกขึ้นดื่มจนหมด
“พร้อมแล้วครับ” พี่ธานตอบ แก้วน้ำเปล่าถูกเลื่อนมาตรงหน้า
“พี่ใหญ่อยากดื่มไวน์ไหม” ผมหันไปถาม เอนตัวพิงพนักโซฟาพร้อมยกขาซ้ายขึ้นไขว่ห้าง อีกฝ่ายกลั้นอมยิ้มไม่ให้คำตอบ
“สักหน่อยน่า เดี๋ยวปากไม่แดง” ผมแซว นำหลังมือตีอกพี่เขาอย่างหยอก ๆ
“เอาอันดับต้น ๆ ของร้านมาสักขวดแล้วกัน ไม่ได้จ่ายเองนี่นะ ถือว่ามาพักผ่อน” ผมอมยิ้ม พี่ธานผงกหัวรับทราบแล้วลุกจากโต๊ะตรงไปหาผู้จัดการ ผมเหลือบมองสมุทรที่หากไม่สังเกตให้ดีภายนอกของเขาคงดูเคร่งขรึมในสายตาของคนทั่วไปมากทีเดียว ไม่นานนักไอ้คินก็กลับมาพร้อมสาวสวยตัวเล็ก สะโพกของเธอกลมงอนเข้ากับส่วนขา ผมเหลือบมองตั้งแต่ส่วนล่างขึ้นไปจนถึงใบหน้าหมวย ๆ ของเธอ ดวงตาโฉบเฉี่ยวมีเสน่ห์ แม้จะร่างเล็กแต่หุ่นอวบอึ๋มชวนมองมันตั้งแต่หน้าอกยันสะโพก สเปกไอ้คินมันล่ะ
“น้องมากับพี่ มองแต่พี่สิครับ” ไอ้คินพูดกับเธอหยอก ๆ ก่อนเอนหลังไปทางด้านหลังเพื่อไม่ให้เธอสังเกตเห็น ปากมันขยับด่าพร้อมถลึงตาใส่ผม
“ไอ้เหี้ย!” ผมได้แต่อมยิ้มอย่างไม่คิดจะต่อล้อต่อเถียง เธอนั่งลง ละสายตาจากผมแล้วนำมือดันตัวไอ้คินด้วยท่าทางเขินอาย ครู่หนึ่งหางตาของเธอก็ตวัดกลับมาอีกครั้ง ผมเพียงจ้องตอบ ความเซ็กซี่ของเธอมีเสน่ห์แปลกตากว่าผู้หญิงหุ่นสูงยาวเข่าดีทั่วไป เธอมีเสน่ห์แบบชวนให้คิดแต่เรื่องต่ำกว่าสะดือท่าเดียวเลย
“ของกู!” ไอ้คินเอนตัวบังผู้หญิงของมันพร้อมตะโกนดังลั่น ทั้งผมและเธอต่างหลุดหัวเราะ หยิบน้ำเปล่าขึ้นดื่มหมดแก้ว พี่ธานกลับมาพร้อมกับขวดไวน์ที่ถือมาด้วยมือของตัวเองโต้ง ๆ ทำให้ผู้จัดการร้านถึงกับต้องเดินตามมาให้บริการ พี่เขายืนยันกับผู้จัดการร้านว่าต้องการที่จะเปิดขวดด้วยตัวเอง แก้วไวน์ถูกพนักงานเสิร์ฟนำวางลงบนโต๊ะเตรียมให้ ขณะเดียวกันไอ้โปรดก็ควงผู้หญิงกลับมาเช่นกัน เสียงขวดไวน์ถูกเปิดดัง “ปึก!”
“ไม่ทราบว่าคุณไฟ ไม่อยากรับพนักงานของเรามานั่งบริการด้วยสักคนหรือครับ” ผู้จัดการร้านยังไม่เลิกคะยั้นคะยอ ผมเหลือบมองเขาอย่างไม่คิดที่จะให้คำตอบ ทำให้อีกฝ่ายหน้าเจื่อนลง
“อ๋อ! เพื่อนผมเขาชอบหุ่นแบบคนที่ถือขวดไวน์อยู่มากกว่าน่ะครับ หุ่นบางร่างน้อยแบบนี้ไม่คณามือมันหรอก ถ้าแบบน้อง ๆ นี่ต้องสามคนนะครับถึงจะเอาอยู่!” ไอ้โปรดลอยหน้าตอบแทนทีเล่นทีจริงแก้สถานการณ์ มือของมันชี้ไปที่พี่ธานประกอบให้ด้วยอย่างจงใจแกล้ง ผู้จัดการมองกะหลับกะเหลือกมาที่พี่ธานที่ยังคงนิ่งเฉยตั้งใจรินไวน์อย่างไม่สะทกสะท้าน มุมปากผมเผยรอยยิ้มขึ้นสูงนิดหน่อยเพื่อเป็นการย้ำให้เขารู้ว่าสิ่งที่ไอ้โปรดบอกนั้นอาจเป็นความจริงก็ได้
“อย่างนั้น หากมีอะไรเรียกใช้ผมได้เลยนะครับ” ผู้จัดการผงกหัวน้อย ๆ ตัดใจจากไป แก้วไวน์แดงถูกยื่นมาตรงหน้าผมหนึ่งแก้วและของพี่ธานหนึ่งแก้ว
“เท่าไหร่ล่ะ ?” ผมถามถึงราคา น้ำเสียงได้ยินกันแค่สองคน
“สามหมื่นบาทครับ” พี่เขาตอบ ผมรับมาดมและหลุดหัวเราะในลำคอ
“ผมแค่ทำตามคำสั่งของคุณเท่านั้นนะครับ” อีกฝ่ายขยายความคล้ายกับเกรงต่อความผิดนี้ต่อไอ้คิน ผมอมยิ้ม รสไวน์ที่จิบเข้าปากเป็นที่น่าพอใจว่าไม่ได้กำลังสังสรรค์อยู่กับเงินของตน
“คุณริศามาแล้วครับ” พี่เขารายงาน ผมผงกหัวรับทราบ
“คัดลูกค้าน่าดูเลยนะ” ผมพูดถึง พี่ธานผงกหัวเห็นด้วย
“เด็กใหม่พี่ มองไปทั่วร้านตั้งแต่มาถึงแล้ว ไม่เก็บอาการเอาซะเลย” ผมพูด ยักคิ้วส่งไปทางสมุทร
“อย่าลืมฝึกให้ดีกว่านี้ล่ะ” ผมบอกติดตลก พี่ธานอมยิ้มน้อย ๆ
“คุณไฟจะไม่ถามเขาหน่อยเหรอครับ”
“ถามสิ แต่แค่อยากฟังบนเตียงสบาย ๆ ยาว ๆ ไรงี้” ผมปั้นหน้าตอบปนหัวเราะ พี่ธานส่ายหัวยิ้ม ๆ
“ถ้าเกิดถามก่อนเขาก็คงไม่แสดงอาการอย่างนี้ เราต้องการสิ่งที่หมอนี่เป็นอยู่ไม่ใช่รึไงครับ” ผมยกไวน์ที่เหลือขึ้นดื่มจนหมดและพี่ธานไม่ปฏิเสธ
“ผมคิดว่า ถ้าคุณพูดกับเขาให้เข้าใจว่าคุณสามารถช่วยเขาได้ บางทีเขาอาจจะเปิดใจให้คุณมากขึ้นกว่าเดิมนะครับ”
“ไม่ครับพี่ใหญ่” ผมสวนกลับแทบจะทันที ดวงตาจ้องมองลึกเข้าไปเพื่อยืนยันกับสิ่งที่กำลังพูดอยู่
“ทำแบบนั้นก็เหมือนจงใจสร้างแต่ภาพดี ๆ ให้อีกฝ่ายมองเลยงั้นสิครับ ?” ผมแสยะยิ้ม
“เราเป็นคนดีขนาดนั้นเลยเหรอ ?” ผมพ่นหัวเราะทางจมูก พี่ธานอมยิ้มปฏิเสธไม่ออก
“ใช่..ผมต้องมีจังหวะสร้างภาพแน่นอนอยู่แล้วก็ผมอยากได้หมอนั่นนี่นะ แต่ภาพที่ผมจะสร้างกับเขา ผมจะเลือกเองว่าภาพไหนผมจะทำ ..
หรือไม่ทำ” กูพูดเองหัวเราะเองก็ได้ด้วย
“หากคุณฟังคำเตือนผมบ้างก็คงดี” พี่ธานยิ้มเจ้าเล่ห์คล้ายเห็นด้วยว่าต้องการให้ผมเป็นอย่างที่พูดต่อไป
“จะหมอนั่น
หรือกับพี่..ผมก็จะยังเป็นผม” ผมตัดบทสนทนา พี่ธานเงียบไป
“ขอโทษนะคะ” ผมช้อนตาขึ้นมองผู้หญิงแปลกหน้าที่เข้ามาทักทายกลางวงจนเป็นจุดสนใจของทุกคน ไอ้เด่นที่อยู่ใกล้เธอมองตาม รอจังหวะที่จะกันเธอออกหากผมแสดงอาการไม่ต้อนรับ
“ไฟคะ~” ริศาปรากฏตัวขึ้น เธอเข้ามายืนขนาบข้างผู้หญิงคนนั้นจนอีกฝ่ายถึงกับชะงักงันอย่างเกรงกลัว ริศาส่งสายตาไปที่เธอทำให้เธอถึงกับต้องปลีกตัวออกจากที่นี่ในทันที