“มะนาว ถามจริงเถอะ ไหนเคยบอกว่าที่ห้อยเกียร์เอาไว้เพราะอยากเห็นพิรุธของคนให้ แต่ทำไมเลือกใส่เฉพาะเสื้อยืดคอกลมตลอดเลยล่ะ ทำอย่างนี้แล้วชายปริศนาคนนั้นเขาจะเผยโฉมหน้าออกมาได้ยังไง ในเมื่อคอเสื้อมันปิดสนิทมิดชิดขนาดนี้ มองเห็นแค่สายหนังไม่เห็นเกียร์” เพื่อนตัวกลมผมเอ่ยปากถามขึ้นมาในขณะที่พวกเรากำลังนั่งเล่นอยู่บนเตียงของตัวเอง
“เออ...จริง ลืมไปเลยว่ะหมู” ผมลืมไปเลย ก็ช่วงนี้ชีวิตผมมันวุ่น ๆ
“ทีหลังหัดใส่เสื้อแบบอื่นบ้าง คอวี คอปาดก็ได้ จะได้เห็นสร้อยที่ห้อยเกียร์ ไม่ใช่เอะอะอะไรก็หยิบเสื้อคอกลมมาใส่ตลอด”
“มิน่า ไม่เห็นมีใครถามถึงเรื่องเกียร์เลย ทั้งที่ห้อยอยู่ที่คอตลอด”
“จ้ะ พ่อพวงมะนาว”
ผมรีบพยักหน้ารับคำเพื่อนตัวกลมของผม ก่อนจะเอ่ยปากชวนเพื่อนไปอ่านหนังสือ
“แม่หมูไปอ่านหนังสือที่บรรณสาร(ห้องสมุด)กัน” ตอนนี้ผมอ่านการ์ตูนวายจบหมดทุกเล่มแล้วครับ ถึงเวลาที่ผมควรตั้งใจอ่านหนังสือเรียนเพื่อเตรียมตัวสอบ เริ่มเข้าสู่เทศกาลสอบปลายภาคแล้ว ห้องสมุดของมหาวิทยาลัยผมจะเปิดทำการให้นักศึกษาไปอ่านหนังสือได้ถึงเที่ยงคืนก่อนถึงวันสอบวันแรกประมาณสองสัปดาห์และจะเปิดทำการตามเวลาปกติหลังจากที่นักศึกษาสอบเสร็จวันสุดท้าย แต่ถ้าหากใครอยากติวหนังสือเป็นกลุ่มหรืออยากอ่านทั้งคืนจนถึงเช้าก็จะรวมตัวกันไปติวตามอาคารเรียนรวม หรือตามใต้ถุนของหอพักต่าง ๆ เพราะตามอาคารเหล่านี้เปิดให้บริการตลอด24 ชั่วโมง แต่ผมชอบไปอ่านหนังสือที่ห้องสมุดมากกว่าเพราะเงียบและมีแอร์ ช่วงนี้นักศึกษาก็เริ่มรวมตัวกันอ่านหนังสือกันบ้างแล้ว คืนนี้บรรณสารเปิดให้บริการถึงเที่ยงคืนเป็นคืนแรก
“คงไม่ได้ไปหรอกมะนาว คิวเต็ม คืนนี้เพื่อนนัดติวที่ใต้ถุนหอหญิง” เพื่อนตัวกลมหันมาตอบก่อนจะเรียงชีทใส่กระเป๋าเพื่อเตรียมตัวออกไปติว ช่วงนี้ผมกับแม่หมูต่างคนก็ต่างเอาชีวิตรอด เพราะสอบกลางภาคที่ผ่านมาทำคะแนนกันได้ไม่ค่อยดี ส่วนพี่เมทผมช่วงนี้ก็อยู่ไม่ติดห้องเหมือนกัน มีคิวติวหนังสือตลอด จะกลับเข้าห้องอีกทีก็ตอนดึก ๆ หรือไม่ก็ตอนเช้า บางวันก็นอนบ้านพี่กุ้งที่เช่าบ้านอยู่นอกมหา’ลัย
ส่วนมากผมเลยต้องอ่านหนังสืออยู่ที่ห้องคนเดียว และหน้าที่แม่สื่อของผมก็ถูกละเลยชั่วคราว
-------
RRRRRRRR
“มะนาวครับ”
“คืนนี้ไม่เห็นนายโทรมา” กราฟ? โทรมาห้องผมครั้งแรก
“เราอ่านหนังสือ”
“อืม” พูดเสร็จก็วางสายไป
แปลก?
---------
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“นาย เราซื้อมาฝาก” เด็กหนุ่มตัวสูงรูปร่างหนาหน้าสวมแว่นยื่นกล่องกูลิโกะป๊อกกี้รสสตอเบอร์รี่ให้กับเด็กหนุ่มผิวขาวอีกคนที่เปิดประตูห้องออกมา วันนี้มะนาวนอนอ่านหนังสืออยู่ห้องคนเดียว
“เอ่อ ขอบใจ” ยื่นกล่องกูลิโกะให้เด็กหนุ่มผิวขาวอีกคนเสร็จแล้วเขาก็เดินหันหลังกลับไปสวนกับพี่เมทมะนาวที่เดินมาพอดี
แปลกจริง ๆ
--------
“ช่วงนี้เครียดเนอะ ซักชั่วโมงไหม?” จู่ ๆ เพื่อนเมทตัวกลมของผมก็พูดขึ้นมาลอยๆวันนี้เพื่อนตัวกลมผมว่างนอนอยู่ห้องเพราะไม่มีคิวติวหนังสือ
“ซักชั่วโมง?” ผมเลิกคิ้วถามอย่างสงสัย
“อยากรำพัดคลายเครียด”
“เล่นไพ่อีกแล้ว” ผมถามย้ำอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ เพื่อนตัวกลมผมก็พยักหน้ารับอย่างไม่มีอิดออด
“ก็อ่านหนังสือเยอะ ก็อยากพักสมองบ้าง ฮิๆ”
“ดีเหมือนกัน” ผมตอบตกลงทันทีเพราะคิดว่ายังมีเวลาเหลืออยู่อีกหลายวันก่อนถึงวันสอบวันแรก
สมาชิกขาไพ่ก็เหมือนเดิมทั้งหมด 4 ขา มีผม แม่หมู อีผี และอีหมู สมาชิกครบขบวนการ 4 ขาก็เริ่มต้น เล่นไปได้สักพักจนครบชั่วโมงผมไม่เห็นทีท่าว่าจะมีใครเลิก จึงพูดท้วงขึ้นมา
“อีกสองตาเลิกเล่นได้แล้วนะ จะครบชั่วโมงแล้ว”
“ยังไม่ครบเลย” อีผีตอบผม
“ไม่ครบได้ไง เราเล่นกันตอนสองทุ่มกว่าตอนนี้จะสามทุ่มครึ่งแล้วนะ” ผมหยิบโทรศัพท์มาดูเวลาอีกทีเพื่อความแน่ใจ
“ครบชั่วโมงแล้วใช่ไหม” แม่หมูที่กำลังสับไพ่อยู่หันมาถามผม
“ใช่” ผมพยักหน้าตอบเพื่อนตัวกลม
“ถ้าอย่างนั้นเวลาของดิชั้นหมดลงแล้วคะ” แม่หมูวางไพ่ก่อนจะพูดต่อว่า
“ใครจะเป็นเจ้าต่อ”
“อ้าว สรุปเอายังไงแน่ ไหนบอกจะเล่น ‘ซักชั่วโมง’ ”
“รู้สึกมะนาวกำลังเข้าใจอะไรบางอย่างผิดไป” อีหมูพูดเปรยขึ้นมา
“เข้าใจอะไรผิด?” ผมชักเริ่ม งง
“ซักชั่วโมงก็คือ ผลัดกันเป็นเจ้าคนละชั่วโมงคะเพื่อน” แม่หมูตอบผม
“ห้ะ! เป็นเจ้าคนละชั่วโมง”
“ถูก”
ผมอยากจะบ้า ที่บอกมาตลอดว่าไปเล่นไพ่ ‘ซักชั่วโมง’ คือการหมุนวนเปลี่ยนเป็นเจ้า ‘คนละชั่วโมง’ ถ้าผมไม่หลวมตัวเล่นด้วยคงไม่รู้
และแล้ววันสุดท้ายของการสอบปลายภาคของผมก็มาถึง ช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมาของการสอบผมใช้ร่างกายค่อนข้างเปลืองแทบไม่มีเวลาพักผ่อน ตะบี้ตะบันอ่านหนังสือถึงขึ้นเก็บไปฝัน วันนี้ผมคิดว่าจะไปนั่งอ่านหนังสือที่บรรณสาร
ตื้ดดดดด ตื้ดดดดด
“ฮัลโหล”
“หวัดดีมะนาว กำลังจะโทรหาพอดีไปอ่านหนังสือที่บรรณสารด้วยกันไหม?”
“แสดงว่าเราใจตรงกัน แล้วจะออกไปเลยเปล่า”
“ออกไปเลย เจอกันที่บรรณสารชั้นสอง มุมนิตยสารนะ”
“ได้ ๆ เจอกัน”
ตกลงกับโก๋เสร็จผมก็หยิบกระเป๋าเป้ที่ข้างในเต็มไปด้วยหนังสือเรียนขึ้นสะพายหลังทันที ปิดประตูล็อกห้องเรียบร้อยก็เดินออกไปหน้าหอเพื่อขับรถมอเตอร์ไซค์คุรุสภาสีขาวของผมมุ่งหน้าไปบรรณสาร
ขับไปถึงลานจอดรถของบรรณสาร ผมอยากตะโกนถามพระเจ้า วันนี้เป็นวันที่รถมอเตอร์ไซค์มาจอดรวมตัวกันโดยไม่ได้นัดหมายหรือเปล่าครับ รถมอเตอร์ไซค์จอดเรียงกันเป็นตับแทบไม่มีที่ว่างให้รถมอเตอร์ไซค์ผมจอดเลย ผมต้องเข็นรถมอเตอร์ไซค์หาที่จอดรถอยู่นานกว่าจะหาที่จอดรถได้ก็เล่นเอาผมเหนื่อยและเริ่มหงุดหงิด
จอดรถมอเตอร์ไซค์เสร็จ ผมก็รีบเดินเข้าไปในบรรณสาร เพราะเริ่มรู้สึกร้อน อยากได้แอร์เย็น ๆ เผื่อช่วยทำให้อารมณ์ผมดีขึ้นบ้าง แต่พอเท้าผมก้าวเข้าไปในบรรณสาร ผมต้องเซอร์ไพร์ครั้งที่สอง และอยากตะโกนถามพระเจ้าอีกรอบ คนหรือมด? นักศึกษาทั้งชายและหญิงจับจองที่นั่งกันเต็มห้องสมุด ผมลองใช้สายตากวาดตามองไปรอบ ๆ แทบไม่มีโต๊ะว่างเหลืออยู่เลย บางคนถึงขั้นนั่งอ่านหนังสือพื้น หวังว่าไอ้โก๋คงจองที่นั่งได้เรียบร้อยแล้วนะ ผมรีบก้าวขาเดินผ่านฝูงนักศึกษาไปยังจุดนัดพบ มุมนิตยสาร ชั้นที่สอง
เดินมาถึงชั้นสองเป็นดังคาดไม่มีที่ว่างเหลือสำหรับผม ผมมองไม่เห็นไอ้โก๋ในบริเวณพื้นที่นัดหมาย
สถานการณ์ชักไม่ค่อยดี ผมจึงล้วงเอาโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อหาตัวช่วย
ตื้ดดดดด ตื้ดดดดด
“ฮัลโหล โก๋อยู่ไหนแล้ว”
“กำลังจะออกไป” ความหวังผมดับสิ้น นึกว่าจะได้คำตอบดี ๆ แต่ไอ้โก๋เพิ่งจะออกมา
“งั้น ไม่ต้องออกมา อ่านหนังสือที่ห้องนั่นแหละดีแล้ว”
“ทำไมล่ะ”
“ไม่มีที่ว่างเลยว่ะ คนเยอะยังกับมด”
“อ้าวเหรอ ขอบใจที่โทรมาบอก แล้วมะนาวเอาไง”
“เดี่ยวคงลองเดินวนดูอีกรอบ ถ้าไม่มีที่ว่างก็คงกลับ”
วางสายจากโก๋เสร็จผมก็ลองเดินวนหาที่นั่งอีกสักรอบอย่างที่ตั้งใจเอาไว้ ไหน ๆ ก็ได้มาแล้วไม่อยากมาเสียเที่ยว ผมเริ่มเดินดูจากชั้นสองเดินมองหาทุกซอกทุกมุมแต่ก็ไม่มีที่ว่าง บางทีโต๊ะว่างแต่ก็มีหนังสือวางจองเอาไว้ จนผมเดินมาถึงแถวโต๊ะไม้อ่านหนังสือสำหรับสองคนนั่งที่อยู่ติดหน้าต่างริมห้องสมุด ปกติผมไม่ค่อยชอบมานั่งแถวนี้ เพราะชอบนั่งอ่านหนังสือคนเดียวมากกว่า กลัวว่าถ้าเรานั่งอยู่แล้วมีใครที่ไม่รู้จักมานั่งข้าง ๆ จะไม่เป็นส่วนตัว แต่วันนี้ผมไม่เลือกมาก ขอให้มีที่ว่างก็พอ เดินไล่ไปทีละโต๊ะจนผมเจอคนรู้จักนั่งอยู่ ที่สำคัญที่นั่งข้าง ๆ ที่อยู่ด้านใน ‘ว่าง’ ไม่มีคนนั่ง
“กราฟ ข้างนายมีคนนั่งไหม?” ผมเอ่ยปากถามนักศึกษาหนุ่มหน้าตาดีใส่แว่นที่กำลังนั่งขะมักเขม้นอ่านหนังสืออยู่ตรงหน้า
เขาละสายตาจากหนังสือตรงหน้าก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นมาตอบ “ไม่มี นายจะนั่งด้วยกันไหม?”
มะนาวตาโตดีใจ ที่ยังมีที่นั่งเหลือสำหรับเขาก่อนที่เขาจะรีบเอ่ยปากตอบตกลงเพราะกลัวอีกฝ่ายจะเปลี่ยนใจ
“ถ้านายสะดวกใจ เราขอนั่งด้วยคนนะ” มะนาวรีบเดินเบี่ยงตัวเข้าไปนั่งโต๊ะด้านในแล้วใช้มือรูดซิปเปิดกระเป๋าหยิบหนังสือออกมา
เปิดกางหนังสือไปยังหน้าที่อ่านค้างเอาไว้ แล้วก็เริ่มอ่านหนังสือต่ออย่างเงียบ ๆ มีเพียงเสียงกระดาษดังขึ้นเป็นระยะเวลาที่เปิดพลิกหน้าใหม่ อ่านหนังสือไปสักพักจนถึงบรรทัดที่เขาขีดมาร์คเอาไว้ อ่านทวนซ้ำไปซ้ำมาอยู่หลายครั้งแต่ก็ไม่เข้าใจ จึงตัดสินใจหันไปถามอีกคนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ แต่มะนาวไม่กล้าเอ่ยปากถามเพราะเห็นอีกคนยังคงนั่งนิ่งอ่านหนังสือตรงหน้าอย่างขะมักเขม้น ตาจ้องหนังสือ หูทั้งสองข้างมีหูฟังสีขาวเสียบเอาไว้
“....” มะนาวใช้สายตามองสำรวจอีกคนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ อย่างพิจารณา หน้าตาเหมือนคนกำลังตั้งใจอ่านหนังสือแต่หูเปิดฟังเพลง มันจะอ่านหนังสือรู้เรื่องเหรอว่ะ มะนาวคิดในใจ
“มองอะไร?” ฝ่ายที่ถูกจ้องเอ่ยปากถาม สงสัยมะนาวจ้องนานไปหน่อย
“อ..เอ่อ คือเราไม่เข้าใจหัวข้อตรงนี้นะ” มะนาวสะดุ้งนิดหน่อย เพราะจู่ ๆ อีกฝ่ายก็ถามขึ้นมา เขารีบขยับเก้าอี้แล้วหยิบหนังสือยื่นไปวางไว้ตรงหน้าอีกคนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ
ไอ้แว่นกราฟมันรู้ได้ไงว่าผมกำลังจ้องมันอยู่ ทั้งที่ผมเห็นชัด ๆ ว่าตามันจ้องอยู่หน้าหนังสือที่วางอยู่ตรงหน้า
“อ่อ หัวข้อนี้” ไอ้แว่นกราฟอ่านหัวข้อที่มาร์คเอาไว้ แล้วหันหน้ามาถามเพื่อความแน่ใจ
“ใช่ อ่านหลายรอบแล้วแต่มันก็ยัง งง ๆ ” มะนาวพยักหน้ารับ แล้วก็รอให้กราฟอธิบายเพิ่ม
แล้วกราฟก็เริ่มอธิบายหัวข้อที่มะนาวไม่เข้าใจจนมะนาวเริ่มเข้าใจ
ไอ้แว่นกราฟมันเก่งแฮะ อธิบายแป๊บเดียวผมเข้าใจเลย แต่ผมยังสงสัยอยู่อย่างหนึ่ง
“กราฟ นายอ่านหนังสือแล้วฟังเพลงไปด้วย นายอ่านเข้าใจได้ยังไง” หลังจากกราฟอธิบายเสร็จผมก็ถามต่อทันที ไม่ไหวต่อมสงสัยของผมอาการมันกำเริบ
“ฟังเพลง?” ไอ้กราฟมันทำหน้าเหมือนไม่เข้าใจคำถามผม
“ก็ที่เสียบอยู่ที่หูนี่ไง” ผมใช้มือดึงหูฟังสีขาวที่เสียบอยู่ที่หูของกราฟ เพื่อบอกมันว่าเนี่ย อันนี้แหละที่ผมกำลังอยากรู้
“เราไม่ได้ฟังเพลง”
“แล้วนายฟังอะไร”
“ฟังบรรยาย” ไอ้กราฟมันไม่ได้พูดเปล่า ๆ มันดึงหูฟังสีขาวอีกข้างเข้ามาเสียบที่หูของผมเพื่อยืนยันว่ามันพูดเรื่องจริง
“เสียงอาจารย์กำลังบรรยายอยู่จริง ๆ ด้วย” เสียงอาจารย์ที่ดังออกจากหูฟังกำลังบรรยายถึงตอนที่ผมอ่านอยู่พอดีเลย ทำไมผมไม่ฉลาดแบบนี้บ้าง ไอ้กราฟเทพอ่ะ หรือว่าเป็นเรื่องปกติ ทุกคนเขาก็ทำกันแบบนี้ แต่ผมไม่ปกติเลยไม่ได้ทำ
“นายจะฟังด้วยก็ได้”
“ได้เหรอ”
“จะเริ่มฟังใหม่ตั้งแต่ต้นเลยไหม” ไอ้กราฟทำท่าเหมือนจะกดเล่นซ้ำอีกรอบ ผมรีบเอ่ยปากห้าม
“เฮ้ย ไม่ต้องก็ได้ เราอ่านถึงตอนนี้พอดี เปิดเล่นต่อเลย” ไอ้กราฟใจดีว่ะ จะปฏิเสธก็กลัวไอ้กราฟจะเสียน้ำใจ อีกอย่างฟังบรรยายแบบนี้ประหยัดเวลากว่ามานั่งอ่านเองเป็นไหน ๆ ถ้าไม่เข้าใจตรงไหนค่อยกลับมาอ่านเองอีกที อิอิ ผมก็เลื่อนเก้าอี้กลับเข้ามาที่นั่งของตัวเอง แต่เหมือนสายหูฟังจะสั้นไปหน่อย
“อ้าว หูฟังหลุด” สายหูฟังหลุดตอนที่ผมก้มหน้าลงไปอ่านหนังสือ สงสัยผมคงต้องนั่งตัวตรง ก้มตัวลงไม่ได้ ผมนั่งเกร็งตัวอยู่สักพัก จนเริ่มรู้สึกเมื่อย
“ขยับเก้าอี้เข้ามาอีกสิ” ไอ้กราฟเลื่อนเก้าอี้ขยับเข้ามาหาผม
ผมก็เลื่อนหนังสือแล้วขยับเก้าอี้มาฝั่งของกราฟบ้าง เก้าอี้ของเราอยู่ห่างกันนิดเดียว
แบบนี้ค่อยรู้สึกดีขึ้นมาหน่อย ก้มตัวลงไปอ่านหนังสือได้หูฟังก็ไม่หลุด
สบายผมเลยทีนี้ นั่งฟังบรรยายไปเรื่อย ๆ จนจบ
จากเสียงอาจารย์บรรยายก็กลายเป็นเสียงกีตาร์โปร่ง เหมือนเพลงที่อัดเอาไว้ฟังเอง ผมกำลังจะหยิบหูฟังคืนเพราะคิดว่าฟังบรรยายจบแล้ว แต่กราฟก็พูดขัดขึ้นมาก่อน
“เราเล่นเอง”
“กราฟอัดไว้ฟัง?” กราฟไม่ได้พูดอะไรออกมาแค่พยักหน้า
เสียงกีตาร์โปร่งดังขึ้นเป็นจังหวะ พร้อมกับเสียงทุ้มน่าฟัง
If a picture paints a thousand words,
Then why can't I paint you?
The words will never show the you I've come to know.
……….
If a man could be two places at one time,
I'd be with you.
Tomorrow and today, beside you all the way.
If the world should stop revolving spinning slowly down to die,
I'd spend the end with you.
ฟังไปเรื่อยผมว่าทำนองมันก็เพราะดีนะครับ แต่ผมฟังไม่เข้าใจไม่รู้ว่าความหมายของเพลงกำลังพูดถึงอะไร อีกอย่างดนตรีมันช้าไปหน่อยเลยทำให้ผมรู้สึกง่วง พอจบท่อนเพลงสุดท้ายจู่ ๆ เสียงดีดกีตาร์โปร่งก็เปลี่ยนจังหวะใหม่เป็นอีกเพลง จากที่ง่วง ๆ ผมก็รู้สึกตื่น เพราะเพลงนี้ผมฟังรู้เรื่องแอบหลงรักเธออยู่ แต่เธอคงดูไม่ออก
ซ่อนความรักไม่กล้าบอก กลัวเธอจะเปลี่ยนไป
ห้ามใจยังไงให้ไหว เมื่อเธอน่ารักเกินกว่าใคร
ปฏิเสธอย่างไร เมื่อรักเธอจนไม่อาจจะถอนตัว
ปฏิเสธไม่ไหว วันนี้ฉันจะบอกเธอให้รู้ตัว
เสียงดีดกีตาร์จบลงแล้ว เสียงทุกอย่างเงียบลง แต่ผมได้ยินอีกประโยคที่ดังขึ้นมาอย่างชัดเจน“เราชอบนาย ขอจีบได้ไหม....?” ประโยคนี้มันก้องอยู่ในหัวผมไปมา.....
_____________________________________________________________________________________________________TBCSpecial thanks ขอบคุณทุกคนที่ชอบเรื่องนี้และขอบคุณสำหรับทุกคะแนนโหวตที่ช่วยให้มะนาวติดโผรายชื่อ เล้าเป็ดอวอร์ดสาขานิยายฮานะคะ รู้สึกขอบคุณจริงๆเลยมีตอนพิเศษสั้นๆแทนใจมาฝาก
ตอนพิเศษ มะนาว VS แตงโม
เด็กชายมะนาวในชุดประถมศึกษาชั้นปีที่หนึ่งใส่กางเกงนักเรียนสีน้ำเงินความยาวของขากางเกงสั้นเลยเข่าขึ้นมาเล็กน้อย ด้านบนสวมเสื้อนักเรียนสีขาวพอดีตัวมีจุดด้ายสีน้ำเงินหนึ่งจุดเล็กๆปักอยู่บนปกคอเสื้อนักเรียนด้านขวา เขากำลังนั่งขัดสมาธิอยู่หน้าห้องเรียนชั้น ป.1/2 ระหว่างพักเรียนช่วงกลางวันรอเวลาเข้าเรียนช่วงภาคบ่าย ด้านหน้าของอาคารประถมศึกษาชั้นปีที่หนึ่งมีต้นหูกวางปลูกอยู่หลายต้นกิ่งก้านของมันแผ่บดบังแสงแดดเอาไว้ ทำให้อากาศช่วงพักกลางวันของอาคารประถมศึกษาชั้นปีที่หนึ่งไม่รู้สึกร้อนอบอ้าวเลย แต่กลับเย็นสบาย พวกเด็กจึงชอบออกมานั่งเล่นที่หน้าห้องกันเป็นประจำหากไม่มีคาบเรียน
แม้ว่าเพิ่งจะทานข้าวเที่ยงมาไม่นานแต่เด็กชายมะนาวยังรู้สึกหิวอยู่ ช่วงนี้เด็กชายมะนาวรู้สึกว่าตัวเองคล้ายกับหนอนสีเขียวตัวโตที่ชอบนอนตัวกลมกัดกินใบไม้สีเขียวอวบน้ำอยู่บนต้นพุดที่ปลูกเอาไว้หน้าบ้านเขาเพราะเด็กชายมะนาวไม่เคยเห็นหนอนสีเขียวตัวโตหยุดกินสักที เขาจ้องมองดูมันทีไรก็เห็นมันใช้ปากกัดใบไม้สีเขียวอวบน้ำของต้นพุดเคี้ยวกินอยู่ตลอดเวลา ด้วยความสงสัยส่วนตัวเด็กชายมะนาวจึงชอบจับตัวมันลงมาเล่นประจำ ในเวลานี้เด็กชายมะนาวรู้สึกว่าตัวเองเหมือนนอนสีเขียวตัวโตเพราะเขาหิวอยู่ตลอดเวลา กินเท่าไหร่ก็รู้สึกว่าไม่อิ่ม ถึงเขาจะกินจนอิ่มแต่ไม่นานเขาก็จะหิวใหม่
หิว
หิว
หิว
เสียงกระเพราะเด็กชายมะนาวกำลังสั่งให้เขาเดินไปซื้ออาหารมาเคี้ยวลงท้องอีก
“ทำไมเราหิวตลอดเลยนะ” เด็กชายมะนาวบ่นเบาๆคนเดียว ขณะที่เขากำลังตั้งท่าลุกขึ้นเพื่อเดินไปซื้อขนมจากสหกรณ์ของโรงเรียน
“มะนาว! จะไปไหนเหรอ?”เสียงเด็กชายตัวเล็กผิวขาวตาตี่ลูกชายร้านทองกำลังส่งเสียงเรียกเด็กชายมะนาวในระหว่างที่เขากำลังก้าวขาเดินลงบันไดไปยังสหกรณ์โรงเรียน เพราะห้องป.1/2อยู่ชั้นสองของอาคารเด็กประถมศึกษาชั้นปีที่หนึ่ง
“มะนาวจะไปสหกรณ์ มีอะไรหรือเปล่ากระปุก”เด็กชายมะนาวหยุดเดินก่อนจะหันหลังกลับไปคุยกับเพื่อน ในระหว่างนั้นเด็กชายกระปุกก็เดินเข้ามาถึงตัวเด็กชายมะนาว
“กระปุกจะชวนมะนาวไปดูแตงโม”เด็กชายกระปุกตัวสูงเท่ากันกับเด็กชายมะนาว
“จริงเหรอกระปุก โรงเรียนเรามีแตงโมด้วย”เด็กชายมะนาวตาโตด้วยความตกใจปนดีใจเพราะตอนนี้เขาหิวถ้าได้กินแตงโมลูกโตๆสักลูกคงดี
“มีสิ มีหลายลูกเลย กระปุกไม่เคยโกหกนะ”
“ที่ไหนเหรอ”
“ใต้อาคาร60ปี”
“แล้วกินได้เปล่า”
“ไม่รู้เหมือนกัน มะนาวต้องไปดูเอาเอง”
หลังจากที่ตกลงกันเรียบร้อยเด็กชายกระปุกกับเด็กชายมะนาวก็จูงมือกันเดินมุ่งหน้าไปยังอาคาร60ปี ฝั่งอาคารของเด็กมัธยมซึ่งอาคารเรียนหลังดังกล่าวเป็นอาคารไม้สักหลังใหญ่ยกใต้ถุนสูง มีเสาสีขาวขนาดใหญ่จำนวนหลายสิบต้นรองรับน้ำหนักของตัวอาคารเอาไว้ ความสูงของเสาใต้ถุนอาคารสูงประมาณเมตรกว่าๆ เด็กนักเรียนสามารถเดินลอดผ่านใต้อาคารได้ ส่วนหลังคาของอาคารไม้หลังนี้มุงด้วยหลังคากระเบื้องดินเผา อาคารหลังนี้เป็นอาคารเรียนของรุ่นพี่ม.หก บริเวณรอบๆของอาคารเป็นพื้นดินรวมถึงใต้ถุนของอาคารด้วย ส่วนด้านหลังของอาคารมีต้นก้ามปูขนาดใหญ่แผ่กิ่งก้านให้ร่มเงาและยังมีม้าหินอ่อนตั้งเรียงรายเอาไว้หลายโต๊ะ
เด็กชายมะนาวไม่เคยเดินเข้ามาใต้อาคารหลังนี้เพราะเคยได้ยินรุ่นพี่คนหนึ่งเล่าเกี่ยวกับอาถรรพ์เสาสีขาวใต้อาคาร60ปีให้ฟังว่าไม่เคยมีใครนับจำนวนของเสาได้ตรงกันสักคน หรือถ้าหากใครนับถูกตามจำนวนของเสาที่มีอยู่จริงๆก็ต้องเจอดี เด็กชายมะนาวเชื่อเรื่องอาถรรพ์ที่รุ่นพี่เล่าให้ฟัง ทำให้เด็กชายมะนาวไม่กล้าเดินเข้ามาใต้อาคารหลังนี้ เพราะเด็กชายมะนาวกลัวผี
ช่วงพักกลางวัน บรรยากาศของอาคาร 60 ปีค่อนข้างครึกครื้น เด็กนักเรียนม.ปลายชอบมานั่งเล่นที่อาคารหลังนี้ เนื่องจากอากาศเย็นสบาย รอบๆของตัวอาคารก็เขียวครึ้มไปด้วยต้นไม้นานาพันธุ์เพราะมีพื้นที่ให้ปลูกต้นไม้ทั้งไม้ดอกและไม้ประดับถูกจัดตกแต่งเอาไว้อย่างสวยงามร่มรื่น ถ้าเทียบกันระหว่างอาคารเด็กม.หกกับอาคารเด็กประถมศึกษาชั้นปีที่หนึ่งอาคารเด็กม.หกจะร่มรื่นกว่าเพราะนอกจากด้านหลังมีต้นก้ามปูขนาดใหญ่แล้ว ด้านข้างของอาคารรวมถึงด้านหน้ายังมีต้นสนปลูกเอาไว้ด้วย
ตอนนี้เด็กชายกระปุกเดินจูงมือนำทางเด็กชายมะนาวเข้ามายังใต้ของอาคาร 60 ปีแล้วเรียบร้อย
“ต้นแตงโมอยู่แถวไหนกระปุก มะนาวเดินมายังไม่เห็นมีสักลูก”เด็กชายมะนาวพยายามกวาดสายตามองหาลูกแตงโมบนพื้นดินของใต้ถุนอาคารแต่เด็กชายมะนาวกลับไม่เจออะไร นอกจากพื้นดินโล่งๆระหว่างที่เอ่ยปากถามเพื่อนเด็กชายมะนาวก็เห็นเครือเถาวัลย์ปริศนาพันเสาสีขาวต้นหนึ่งของอาคาร เด็กชายมะนาวจึงรีบเดินเข้าไปดู
“อ้าว แค่เครือต้นตำลึง”หลังจากที่เด็กชายมะนาวเดินเข้าไปดูใกล้ๆก็พบว่าเครือปริศนาที่เขาเห็นเป็นแค่เครือต้นตำลึงเท่านั้นเอง
“มะนาว มานี่เร็ว แตงโม อยู่ตรงนี้”เด็กชายกระปุกที่นั่งอยู่ใต้บันไดขึ้นอาคารกวักมือเรียกเพื่อนให้รีบเดินเข้าไปดู
“แตงโมอยู่ไหนกระปุก ลูกใหญ่ไหม?”เด็กชายมะนาวเดินลูบท้องเข้าไปหาเพื่อนตัวขาวที่กำลังเลยหน้ามองดูแตงโมอยู่ใต้บันได เด็กชายมะนาวคิดในใจว่าถ้าเจอแตงโมลูกโตเขาจะกินให้อิ่มแปล้เลย เขาจะปราบความหิวให้อยู่หมัด เหมือนยอดมนุษย์ตัวสีแดง
“นี่ไง แตงโม”เด็กชายกระปุกชี้มือบอกตำแหน่งที่เขามองเห็นแตงโมให้เพื่อนมองดูตาม
เด็กชายมะนาวมองตามทิศทางที่เด็กชายกระปุกชี้มือให้เขาดู เด็กชายมะนาวเงยหน้าขึ้นตามทิศทางการชี้นิ้วของเพื่อน มองลอดขึ้นไปตามรอยแยกแผ่นพื้นไม้ของอาคาร เห็นรุ่นพี่ม.หกทั้งผู้หญิงและผู้ชายเดินสวนกันไปมา แต่เด็กชายมะนาวไม่เห็นแตงโม เด็กชายมะนาวมองเห็นอย่างอื่น เพราะแตงโมเดินหนีไปแล้ว
“ไม่เห็นมีแตงโมเลยกระปุก”
“เมื่อกี้ยังเห็นอยู่เลย”เด็กชายกระปุกมองขึ้นไปหาแตงโมตามช่องว่างของรอยแยกแผ่นพื้นไม้อาคารอีกครั้ง เด็กชายกระปุกก็มองไม่เห็นแตงโมแล้วเหมือนกัน “อ่อ แตงโมไม่อยู่แล้ว ตอนนี้มีสตอเบอร์รี่”เด็กชายกระปุกมองลอดขึ้นไปตามรอยแยกแผ่นพื้นไม้อาคารอีกครั้ง เขามองเห็นผลสตอเบอร์รี่เต็มไปหมดบนเนื้อผ้าตัวจิ๋วสีขาว
เด็กชายมะนาวเดินมาตำแหน่งที่เด็กชายกระปุกเห็นผลสตอเบอร์รี่ แต่เด็กชายมะนาวก็มองไม่เห็นสตอเบอร์รี่ เด็กชายมะนาวมองเห็นอย่างอื่น เพราะสตอเบอร์รี่เดินหนีไปอีกแล้ว
“ไม่เห็นมีสตอเบอร์รี่เลยกระปุก”
“แล้วมะนาวเห็นอะไรบ้างไหม”
“มะนาวเห็นแต่ไม่แน่ใจว่าใช่ผลไม้หรือเปล่า”เด็กชายมะนาวตอบเพื่อนสีหน้าฉายแววลังเลเล็กน้อย เขาคิดในใจว่าเดี่ยวพรุ่งนี้จะชวนมะตูมมาช่วยดู
“แล้วคิดว่ากินได้ไหม?”
“มะนาวไม่แน่ใจนะกระปุก”
“เอาไว้วันหลัง เดี่ยวกระปุกพามาดูใหม่นะ” จากนั้นเด็กชายทั้งสองก็แยกย้ายเดินกลับห้องเรียน ส่วนเด็กชายมะนาวขอเดินแวะสหกรณ์โรงเรียนก่อนเพราะเขายังหิวอยู่ จากตอนแรกที่กะเอาไว้ว่าจะไปกินแตงโม แต่พยายามมองหาเขาก็ไม่เห็นแตงโมเลยสักลูก เด็กชายมะนาวเลยตัดใจกินอย่างอื่นแทน ระหว่างที่กำลังเลือกซื้อขนมในสหกรณ์ของโรงเรียนสายตาของเด็กชายมะนาวก็เหลือบไปเห็นบางสิ่งที่คล้ายกันกับผลไม้ที่เขามองเห็นใต้ถุนของอาคาร 60 ปี ทำให้เขานึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้
วันต่อมา
“มะตูม วันนี้มะนาวจะพาไปดูเงาะที่ใต้อาคาร 60 ปีนะ” พูดจบเด็กชายมะนาวก็จูงมือเด็กชายมะตูมเดินมุ่งหน้าไปยังใต้ถุนอาคาร60ปีเพื่อตามหาเงาะในสวนผลไม้ที่เขาเพิ่งเห็นมา
Endบทสนทนามะนาวกับมดนะคะ
“เอ็ดเผออยู่ คือเว้าดั๋งแท๊ะ” (ทำอะไรกันอยู่ ทำไมเสียงดังจัง)
“ท็อดเน้อ เจ้าไป๋เผอมา” (ทอดเนื้อ เจ้า=มะนาว ไปไหนมา)
“มาตะฟาร์ม มดโต๋ไปเอาเน้อมาบ่อ เอามาจากไสท็อดกิ๋น เม้อบ้านมาบ่อ” (มาจากฟาร์มมดไปเอาเนื้อจากที่ไหนมาทอด กลับบ้านมาหรอ)
“เฮาเอามาจากเฮิ้น เมื่อบ้านหม๋า กิ๋นเข้าละบ่ มากิ๋นเข้านัมเด๋ว” (เอามาจากบ้าน เพิ่งกลับบ้านมา กินข้าวมายัง มากินข้าวด้วยกันสิ)
“กิ๋นแล่ว หอมดี๋ เน้อหยัง โคขุนบ้อ” (กินแล้ว หอมดี เนื้ออะไร โคขุนเปล่า)
“บ่แม้น เน้อหม๋า” (ไม่อ่ะ เนื้อหมา)
“ผะเหลอเด๊ะ” (อะไรนะ)
“เน้อหม๋า” (เนื้อหมา)
“มิได่ เฮากิ๋นเข้ามาแล่ว” (ไม่เป็นไร เรากินข้าวมาแล้ว)
______________________________________________________________________________________________
Minchy : ใช่คะมะนาวกับกราฟเรียนมัลติฯ ^ ^
YounIn : เป็นเหตุการณ์ต่อเนื่องต่อจาก กราฟกับมะนาวไปเก็บตัวเข้าค่ายผู้นำงาน Open House ของทางมหา’ลัยหนึ่งคืนคะ ส่วนมะนาวกับกราฟพักอยู่หอในมหาวิทยาลัยทั้งสองคนแต่อยู่คนละเฟส มะนาวอยู่เฟสโซนเอฟ ห้อง 7712 ส่วนกราฟอยู่เฟสโซนดี ห้อง 7013 คะ ทั้งสองห้องอยู่กันคนละฝั่งของหอพักคะ ^ ^
andy_kwan : ใช่คะ เพราะว่าตอนนี้ประตูใจของมะนาวกำลังจะเปิดแล้ว อิอิ
Noo_Patchy : ฟังแล้วปลื้มใจมากเลยคะ มาขอกอดทีมา ^^